Monday, 29 April 2024
ราคาน้ำมัน

“สงคราม” อัด “บิ๊กตู่” ปล่อยผู้ค้าน้ำมันขึ้นราคาตามใจชอบ ชี้ รัฐปล่อยราคาน้ำมันขึ้นต่อเนื่องกระทบต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน  

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปล่อยให้ผู้ค้ามันในประเทศไทย ปรับราคาน้ำมัน อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการซ้ำเติมวิกฤตประเทศ อย่างแท้จริง ทั้งๆที่ปัจจุบันคุณภาพชีวิตของประชาชนก็แย่อยู่แล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่ให้ความสำคัญ การปล่อยให้ผู้ค้าน้ำมันปรับราคาน้ำมันต่อเนื่องหลายรอบในเดือนตุลาคม ส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิตของประชาชน เพราะต้นทุนสินค้าทุกอย่างขึ้น ในขณะนี้รายได้ประชาชนลดลง 

นอกจากนี้ การปรับราคาน้ำมันขึ้นอีก 60 สตางค์ ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ย่อมกระทบต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน เพิ่มต้นทุนการขนส่ง เพิ่มต้นทุนภาคการผลิตพลเอกประยุทธ์ มีเครื่องมือมากมายที่จะช่วยประชาชน แต่ทำไม่เป็นใช้งานไม่เป็น เลยไม่ทำอะไร ปล่อยให้นายทุนพลังงานกดขี่คนไทย โยนภาระทั้งหมดให้ผู้บริโภค ส่วนผู้ประกอบการโกยกำไรเป็นกอบเป็นกำ  

นายสงคราม  กล่าวด้วยว่า  การที่พลเอกประยุทธ์อ้างว่าการปรับราคาน้ำมันเป็นไปตามกลไกตลาด เป็นการพูดเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น ทั้งๆที่รัฐบาลสามารถที่จะตรึงราคาน้ำมันที่ผันผวน ไม่ให้กระทบกับพี่น้องประชาชนมากนัก โดยต้องเร่งลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตลงลิตรละ 5 บาทและพิจารณางดเว้นการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ซึ่งจะช่วยตรึงราคาน้ำมัน ไม่ให้แพงมากเกินไปได้ แต่รัฐเลือกที่จะไม่ทำ 

“อนุทิน” เผย “นายกฯ” สั่งดึงราคาน้ำมันให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร พร้อมเร่ง ปิดจ็อบฉีดเข็ม 1 เชื่อ สิ้นเดือนพ.ย.นี้ ตัวเลขเฉียด 100 ล้านโดส วอน ทิ้งวัคซีนจองรพ.เอกชน มารับของรัฐบาลก่อน  

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่องการแก้ปัญหาพลังงาน ว่า ขอให้ฟัง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ชี้แจง 

เมื่อถามว่าโยงถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มรถบรรทุกด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า พยายามตอบสนองข้อเรียกร้องของสมาพันธ์ต่างๆ เราฟังเสียงทุกเสียง ผู้สื่อข่าวถามว่านายกรัฐมนตรีสั่งการอะไรพิเศษหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องการสั่งการเชิงนโยบาย ให้รัฐมนตรีและปลัดกระทรวงพลังงาน ดำเนินการ เมื่อถามว่านายกฯกังวลเรื่องกลุ่มรถบรรทุกที่ออกมาเคลื่อนไหวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้กังวลตรงนั้น แต่กังวลความเดือดร้อนของผู้ประกอบการมากกว่า ก็พยายามหาวิธีแก้ไข

เมื่อถามว่า ได้มีมาตรการออกมาแล้วด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มี จะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งปลัดกระทรวงพลังงานระบุว่าอาจจะหลังต้นเดือนธ.ค. แต่นายกฯกำชับให้เสร็จโดยเร็วที่สุด เมื่อถามอีกว่าราคาน้ำมันดีเซลจะต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตรใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใช่ ต้องเป็นอย่างนั้น ส่วนจะต่ำกว่าเท่าไหร่ก็พยายามให้เยอะที่สุด นี่คือสิ่งที่รัฐบาลรับฟัง 

'นายกฯ' แจง ปัญหาน้ำมันแพง ไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่เดือดร้อน ยัน รัฐบาลต้องบริหารจัดการโดยคำนึงถึงงบประมาณ​

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตอบคำถามสื่อมวลชนตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบหมายกรณีมาตรการเพิ่มเติมที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาราคานำมันแพง จนทำให้กลุ่มรถสิบล้อออกมาประท้วงขับไล่รัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า ได้มีการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นไปแล้ว ประเทศชาติและประชาชนเดือดร้อน และคงไม่ใช่แค่ประเทศไทยประเทศเดียว หลายประเทศก็เกิดปัญหาเช่นเดียวกัน รัฐบาลจำเป็นต้องบริหารจัดการให้เดือดร้อนน้อยที่สุดโดยคำนึงถึงงบประมาณที่มีอยู่ 

 

"บิ๊กตู่" ห่วงราคาน้ำมันปรับตัวสูงรายวัน “วอน”ช่วยกันประหยัด ใช้รถส่วนตัวเท่าที่จำเป็น วอนติดตามสถานการณ์ทั่วโลกถึงผลกระทบด้วย

เมื่อเวลา 14.45 น. วันที่ 7 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นรายวันว่า สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกข้างนอกกันเสียบ้าง ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น และมีผลกระทบกับประเทศไทยอย่างไร กลุ่มของเราตัวของเรา ประชาชนแต่ละกลุ่มจะเดือดร้อนอย่างไรบ้าง รัฐบาลพยายามนำสิ่งเหล่านี้มาคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด แต่จะให้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือทำให้ทุกคนพอใจมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

แต่เราจะทำให้ทุกคนสามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุดในเกณฑ์ที่รัฐบาลสามารถรองรับได้และงบประมาณที่มีอยู่ รวมทั้งตัวบทกฎหมายอีกหลายฉบับ วันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับราคาของพลังงานที่ขึ้นทุกวันทุกคนเห็นตัวเลขอยู่แล้ว รัฐบาลต้องหามาตรการที่เหมาะสม แต่จะดูแลได้ถึงเมื่อไหร่ก็ต้องดูสถานการณ์อีกครั้ง ถ้ามันยืดยาวออกไปก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้าง ก็ต้องช่วยรัฐบาลบ้าง ช่วยประเทศชาติกันบ้าง

'ดร.สมเกียรติ' ยัน!! ไทยรอด 'วิกฤติน้ำมันแพง-เงินเฟ้อ' ชี้!! ปล่อยให้ปัญหาถูกแก้ไปตามกลไกตลาดพอ

ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ข่าวดีของประเทศไทย นี่คือคำทำนาย ที่สนุกมาก

สมัยสอนหนังสือผมรับจ้อบของยูเอ็นแทบทุกปี ไม่ได้เก่งอะไรหรอก แต่เป็นเพราะคนจ้างเป็นเพื่อนของผม มันมาหาที่จุฬาทุกอาทิตย์ เชื่อมือกัน งานหนึ่งปีผมใช้เวลาทำแค่สองเดือน มีเงินไปกินเบียร์กับเพื่อน เค้าจบ U Penn

เป็นเพื่อนพี่โกร่ง ดร วีรพงษ์ ที่เพิ่งไปสวรรค์ ผมแน่ใจว่าเค้าไปชั้นที่นางฟ้าไม่ใส่เสื้อแน่นอน เค้าชอบของเค้า ผมก็ด้วยล่ะ

มีงานสองจ้อบที่ผมจำได้ดี งานหนึ่งคือ inflation ในเอเซีย อีกงานที่ตามมาหลังจากนั้นไม่กี่ปี คือ Low price in Asian Agriculture จำได้แม่น เพราะมันมาแบบมี pattern มาก

ทำเรื่องเงินเฟ้อเพิ่งจบกลายเป็นเรื่องราคาสินค้าตกต่ำซะแล้ว

เรื่องของไทยก็เหมือนกัน

หนึ่ง ราคาน้ำมันจะลดลงไปอยู่ที่ 65 เหรียญในปลายปีนี้ ปีหน้าจะลงไปที่45 เหรียญ ซิตี้แบงค์ทายไว้ ผมเชื่อ อธิบายทีหลังนะ

สอง โรงกลั่นที่สั่งน้ำมันเข้ามาจะขาดทุนยับ ไอ้ที่กำไรช่วงนี้ เก็บไว้จ่ายขาดทุนได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งเค้าหรอก

สาม ราคา commodities จะลงแรง

สี่ ดังนั้นเงินเฟ้อจะลดลงสู่สภาพปกติไม่ต้องมีนโยบายมาตรการใดดอก

✨น้ำมันลด 3 บาท ‼

'ปตท.-บางจาก' ปรับลดราคาน้ำมัน
• กลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ปรับลด 3 บาท/ลิตร 
- เว้น E85 ลด 1.80 บาท/ลิตร
• กลุ่มดีเซลราคาคงเดิม


มีผลวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค. 65) ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป 


ที่มา : https://www.facebook.com/ThaiPBS/photos/a.348532055084/10167090604630085/

'กรณ์' ชี้!! ราคาน้ำมันลด เพราะกลไกตลาดโลก ยัน!! โรงกลั่นยังฟันกำไร ไม่ช่วยประชาชน

'กรณ์' ส่งจดหมาย และสติกเกอร์รณรงค์ ลดค่าการกลั่น = ลดราคาน้ำมัน ถึง นายก – รมว.พาณิชย์ - รมว.พลังงาน ชี้ลดราคาน้ำมันได้อีกมาก พร้อมระบุ  2-3 วันนี้ น้ำมันลดมาจากกลไกตลาดโลก ไม่เกี่ยวบริหารจัดการ ชี้โรงกลั่นยังฟันกำไร ไม่ช่วยประชาชน 

(8 ก.ค.65) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า เดินทางไปยังศูนย์พัสดุสินค้า Flash Express พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคกล้า ภูเก็ต นายเทมส์ ไกรทัศน์ เพื่อส่งสติกเกอร์รณรงค์ “ลดค่าการกลั่นน้ำมัน = ลดราคาน้ำมัน” ให้กับ 3 ผู้มีอำนาจในการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง ได้แก่ นายกรัฐมนตรี, รมว.พาณิชย์, รมว.พลังงาน 

หัวหน้าพรรคกล้า ไลฟ์สดโดยระบุว่า วันนี้ราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊ซโซฮอลล์ลดลงสูงสุด 3 บาท แต่ความจริงสามารถลดได้มากกว่านี้ ซึ่งถ้าเทียบกับเมื่อเดือนมิถุนายนที่พรรคกล้าออกมาเรียกร้องให้ลดค่าการกลั่นจนถึงวันนี้ ค่าการกลั่นลดลงไปถึง 5 บาทต่อลิตรแล้ว แต่ราคาหน้าปั๊มยังไม่ลดลง 

“เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมจึงอยากจะช่วยนำเสนอวิธีการที่จะให้พวกเรามีส่วนร่วมที่จะส่งสัญญาณต่อผู้อำนาจในเรื่องนี้ คือ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน และในส่วนของรัฐบาลเองว่า ราคาน้ำมันลดลงมา 3 บาทนั้น ประชาชนยังเดือดร้อน ข้าวของยังแพงอยู่มาก และราคาที่ลดก็เพราะราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลด ยังไม่ได้ลดในส่วนของกำไรจากค่าการกลั่น และค่าการตลาดที่สูงเกินไปจากผู้ประกอบการแต่อย่างใด  

ประชาชนสอบถามมายังเพจส่วนตัวของผม และเพจของพรรคกล้าเป็นจำนวนมาก ว่าจะทำอย่างไร ที่จะส่งเสียงไปยังรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รู้ว่าเขาเดือดร้อนกันมากจากปัญหาราคาน้ำมัน เราก็เลยเสนอง่ายๆ โดยการผลิตสติกเกอร์ ลดค่าการกลั่น=ลดค่าน้ำมัน ขึ้นมา ซี่งถ้าแฟนเพจท่านใดต้องการให้เราส่งให้ก็ขอให้ส่งชื่อที่อยู่เบอร์โทร.เข้ามาเราจะจัดส่งให้” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรณ์ ได้ส่งสติกเกอร์และข้อความรณรงค์ ใส่ซอง และจ่าหน้าซองถึง 3 ผู้มีอำนาจโดยตรง ได้แก่ นายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยส่งไปที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้นำไปติดรถและกระตุ้นให้ใช้อำนาจที่กระทรวงพาณิชย์มี ด้วยกฎหมายที่มีในมือคือ พรบ.ราคาสินค้าและบริการบวกกับตำแหน่งของที่มีอยู่ในคณะกรรมการกำกับนโยบายพลังงานเพื่อช่วยขับเคลื่อนการปรับลดค่าการกลั่นในเรื่องของค่าการตลาดเพื่อนำไปลดราคาน้ำมันแบ่งเบาภาระภาระของประชาชน คนที่สองคือ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยส่งไปที่กระทรวงพลังงาน เนื่องจากมีบทบาทหน้าที่โดยตรงในการบริหารจัดการค่าการกลั่นและค่าการตลาด โดยนายกรณ์ระบุว่า ความจริงกระทรวงพลังงานก็อยู่ในบริเวณเดียวกันกับ ปตท. ซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันที่เป็นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ เพียงแค่ข้ามถนนผ่านร้านกาแฟอะเมซอนก็ถึงแล้ว ก็ขอฝากท่านรมว.พลังงาน ช่วยส่งถึง ปตท.ด้วย 

และสุดท้ายคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยส่งไปที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายกรณ์ได้แสดงความเห็นใจต่อภารกิจอันมากมายที่ท่านมี แต่ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องข้าวของที่แพงขึ้นมาก ก็เป็นเรื่องที่ตนและนายกรัฐมนตรีคิดตรงกัน  และโดยส่วนตัวตนก็ถือเป็นหน้าที่ของนักการเมืองคนหนึ่งที่จะเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อให้ท่านประกอบใช้ในการตัดสินใจ วันนี้ท่านอาจจะรู้สึกคลายความกดดันเพราะราคาน้ำมันลดลงมา แต่มันสามารถลดได้มากกว่านี้ เพราะราคาที่ลดลงมันเป็นเพราะราคาน้ำมันในตลาดโลก ไม่ใช่เกิดจากการบริหารจัดการ

'กอบศักดิ์' เผยราคาน้ำมันโลกลดมาอยู่ช่วงก่อนเกิดสงคราม คาดจะช่วย 'เฟด' บริหารจัดการเงินเฟ้อได้ง่ายขึ้น

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ โพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกล่าสุด โดยระบุว่า 

ภาพประวัติศาสตร์

เริ่มกลับไปที่เดิม !!!!  ข่าวดี  !!!!

หลังราคาน้ำมันโลกได้พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด หลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ไปอยู่ที่ 130-140 ดอลลาร์/บาเรล

ทำให้หลาย ๆ คนกังวลใจว่าจะเกิดปัญหา Stagflation นั้น

มาถึงวันนี้ ราคาน้ำมันโลกได้ลดลง กลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อนเกิดสงครามอีกครั้ง 

ราคาน้ำมัน Brent ต่ำสุดวันนี้ที่ 94.5 ดอลลาร์/บาเรล 

ราคาน้ำมัน WTI ต่ำสุดวันนี้ที่ 90.56 ดอลลาร์/บาเรล

ต่ำกว่าระดับจุดเริ่มต้น !!! 

ก่อนปรับตัวขึ้น 

สะท้อนว่า ราคาน้ำมันโลกขึ้นได้ ก็ลงได้เช่นกัน

และหมายความต่อไปว่า สิ่งที่ทุกคนกังวลใจ "ราคาน้ำมันโลกจะเป็นปัจจัยกดดันให้เงินเฟ้อโลกพุ่งไปเรื่อย ๆ" ตอนนี้ได้คลี่คลายไปบ้างแล้ว

ภาวะความไม่สมดุลระหว่าง Supply และ Demand ในตลาดน้ำมันโลก เริ่มดีขึ้น 

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก การที่น้ำมันของรัสเซียซึ่งถูก Sanctions จากสหรัฐและพันธมิตร ได้ถูกส่งไปประเทศอื่น ๆ แทนได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง ทำให้ปริมาณน้ำมันส่งออกในโลกกลับเป็นปกติมากขึ้น และจากความกังวลใจว่าจะเกิด Global Recession ในอนาคต ซึ่งจะช่วยลดความต้องการใช้น้ำมันลง

เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะราคาน้ำมันโลกเป็นต้นตอหลักของเงินเฟ้อในประเทศต่างๆ ในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา 

ถ้าราคาน้ำมันปรับตัวดีขึ้น การ Peak ของเงินเฟ้อก็จะตามมาในช่วงต่อไป

มาลุ้นกันนะครับว่า ราคาน้ำมันโลกในครึ่งหลังของปี จะปรับขึ้นไปสูงเหมือนช่วงแรกของสงครามอีกรอบ ได้หรือไม่ 

หากราคาน้ำมันโลกไม่ขึ้นสูงไปเช่นเดิม ยังวิ่งอยู่ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์/บาเรล แรงกดดันต่อเงินเฟ้อในประเทศต่าง ๆ ในครึ่งหลังของปีก็จะค่อย ๆ ลดลง 

สงครามของเฟดกับเงินเฟ้อก็จะบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น

ซึ่งในเรื่องนี้ หากไม่มีอะไรพลิกผันจนเกินไป คงต้องบอกว่า 

สถานการณ์ตลาดน้ำมันโลกในช่วงครึ่งหลังของปี จะต่างจากช่วงครึ่งแรก 

ที่เป็นเช่นนี้เพราะ 

ทำไมไทยต้องนำเข้าน้ำมัน? ทั้งที่ผลิตน้ำมันได้

รู้ไหม? ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตน้ำมัน แล้วไม่พอต่อการใช้งานของคนในประเทศ

ราคาน้ำมันที่มีการผันผวนตลอดเวลา ไม่ว่าจะเนื่องด้วยเหตุผลใดก็ตาม ย่อมส่งผลต่อความไม่พอใจของประชาชนมาตลอด และเมื่อไม่พึงพอใจก็จะเกิดการเปรียบเทียบ ในวิกฤติราคาน้ำมันทุก ๆ ครั้ง ดังที่จะเห็นจนคุ้นตา คือการที่มักมีบางกลุ่ม เปรียบเทียบราคาพลังงานไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะมาเลเซีย

เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีกรณีผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ที่ลงทุนเดินทางไปถึงมาเลเซียเพื่อเติมน้ำมันที่นั่น ก่อนจะเปรียบเทียบราคาน้ำมันของไทยกับมาเลเซียลงสื่อโซเชียล ส่งผลให้รัฐบาลมาเลเซียสั่งการให้มีการตรวจสอบผู้มาขอรับบริการว่าเป็นพลเมืองมาเลเซียหรือไม่ เนื่องจากราคาน้ำมันของมาเลเซีย ได้รับการชดเชยราคาโดยตรงด้วยภาษีของคนมาเลเซีย

แต่หากมองย้อนกลับไปที่ประเทศลาว จะเห็นว่าประเทศลาวนั้น มีราคาน้ำมันที่สูงกว่าไทยตลอด เนื่องจากว่าลาวนั้น ไม่มีแหล่งเชื้อเพลิงของตนเอง ราคาน้ำมันในลาว จึงเป็นราคาที่เพิ่มค่าใช้จ่ายในการขนส่งจากประเทศไทยเข้าไปร่วมด้วย เป็นสาเหตุให้มีราคาที่สูงกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นเอง

นั่นทำให้คนลาวบางส่วน เข้ามาเติมน้ำมันในประเทศไทย และประเทศไทยก็สั่งห้ามเช่นเดียวกับมาเลเซีย

หันกลับมาพิจารณาถึงที่มาของราคาน้ำมัน ประเทศที่มีความสามารถในการขุดเจาะน้ำมันได้เอง และกลั่นน้ำมันได้เอง จะมีราคาน้ำมันสำหรับการใช้ในประเทศที่มีราคาถูกลงมากกว่าประเทศที่ต้องนำเข้าพลังงานทั้งหมด

แต่จะถูกมากน้อยเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่า ประเทศนั้น ๆ มีปริมาณน้ำมันสำรอง และกำลังการผลิตมากเพียงพอที่จะตอบสนองของคนทั้งประเทศหรือไม่

จากข้อมูลของ Worldometer ระบุว่า ใน พ.ศ. 2559 มาเลเซียมีปริมาณน้ำมันสำรอง 3,600,000,000 บาร์เรล มากเป็นอันดับที่ 28 ของโลก ในขณะที่ประเทศไทยมีเพียง 404,890,000 บาร์เรล อยู่อันดับที่ 50 อีกทั้งมีปริมาณน้อยกว่ามาเลเซียถึง 8.9 เท่า

นอกจากนี้ กำลังการผลิตของมาเลเซียนั้น เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ สำหรับประชากรเพียงแค่ 32 ล้านคน มีน้ำมันเหลือใช้มากถึงวันละ 54,168 บาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ไทย ทั้ง ๆ ที่ผลิตได้น้อยกว่า แต่กลับมีอัตราการบริโภคที่สูงกว่า จนทำให้กำลังการผลิตต่อวัน น้อยกว่าอัตราการบริโภคมากถึง 770,671 บาร์เรลต่อวันเลยทีเดียว

แต่ถึงแม้มาเลเซียจะมีกำลังการผลิตน้ำมันที่ล้นเหลือ แต่มาเลเซียก็ยังมีการนำเข้าน้ำมันมากถึง 197,489 บาร์เรลต่อวัน และส่งออกน้ำมัน 390,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ราคาน้ำมันในมาเลเซียเองก็ผันผวนตามราคาน้ำมันของโลกด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ส่งผลกระทบมากเท่ากับประเทศไทยนั่นเอง

จากรายงานของ Worldometer ระบุว่า มาเลเซียมีน้ำมันสำรอง 0.2% เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันสำรองของโลก (1,650,585,140,000 บาร์เรล อ้างอิงข้อมูล พ.ศ. 2559) ในขณะที่ประเทศไทย มีปริมาณน้ำมันสำรองเพียง 0.02345% เพียงเท่านั้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top