Friday, 29 March 2024
ภูเก็ต

ภูเก็ต - ศรชล.ภาค 3 ”ลาดตระเวนทางทะเล ตรวจเข้ม !! เรือประมงในทะเล

ศรชล.ภาค 3 โดย น.อ.เกรียงไกร ลายเงิน หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดภูเก็ต และ น.อ.ปุณณรัตน์ เลาวัณศิริ รอง ผบ.หมวดเรือเฉพาะกิจ ศรชล.ภาค 3ร่วมกับ เรือ ต.994 ร่วมบูรณาการตรวจเรือประมงในทะเล ตรวจเครื่องมือและสัตว์น้ำจากการทำการประมง ตรวจสภาพการจ้างสภาพการทำงาน และการค้ามนุษย์ด้านแรงงานในกิจการประมงทะเล ตรวจการลักลอบเข้าเมืองของบุคคลจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างผิดกฎหมาย รวมทั้งเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ในภาคประมง และแจ้งให้ลูกเรือประมง และผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยในการทำการประมง และการป้องกันโรคตามมาตรฐานสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี / ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ภูเก็ต - ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของของชาติทางทะเล ภาค 3 ช่วยเหลือลูกเรือประมง มีอาการแน่นหน้าอก ห่างเกาะแก้ว จังหวัดภูเก็ต 6 ไมล์ทะเล

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของของชาติทางทะเล ภาค 3 ได้รับรายงานจากศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดภูเก็ตว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าของแพปลาแสงอรุณ มีลูกเรือประมง เพชรบุรินทร์ 8 ชื่อ นายธวัช ทรายทอง มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เรืออยู่บริเวณ แลต 7 องศา 40 ลิบดา ลอง 98 องศา 05 ลิบดา มีไต๋เรือนามชื่อ ฟ้า จากการประสานเพิ่มเติมทราบว่า เรือเป็นเรือปั่นไฟขนาดไม่ถึง 30 ตันกรอส คนประจำเรือจำนวน 2 คน ไม่มีระบบ AIS และ VMS ไม่มีการแจ้งเข้าออก จากศูนย์ PIPO ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ออกเดินทางจากแพ วอวงพันธ์ อ.กันตัง จังหวัดตรัง ขณะนี้เรืออยู่ห่างจากเกาะแก้ว จังหวัดภูเก็ต ประมาณ 6 ไมล์  

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของของชาติทางทะเล ภาค 3 จึงได้ทำการพล๊อตตำบลที่เรือ พร้อมประสาน หมวดเรือเฉพาะกิจ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของของชาติทางทะเล ภาค 3 สั่งการให้ เรือ ต.233 เจ้าหน้าที่พยาบาลของ ร.ล.แหลมสิงห์ และ นรภ.ทร.เกาะภูเก็ต พร้อมอุปกรณ์ ปฐมพยาบาล ถังออกซิเจน ออกเรือไปทำการช่วยเหลือ พร้อมประสานศูนย์นเรนทร ส่งรถพยาบาล มารับตัวผู้ป่วยที่หลักเทียบเรือ ทรภ.3 เวลา 13.00 น. แหลมพันวา จว.ภูเก็ต เพื่อนำส่งโรงพยาบาลต่อไป การปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย


ภาพ/ข่าว  นิตยา แสงมณี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล

ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ค้านกิจกรรมมิสแกรนด์ เหตุ!! ณวัฒน์ ไม่ให้เกียรติพื้นที่ และคนภูเก็ต

รายงานข่าวจาก 'Phuket Times ภูเก็ตไทม์' เผยชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต #ไม่อนุญาตให้กองประกวดมิสแกรนด์ทำกิจกรรมในพื้นที่ย่านเมืองเก่า ว่า... 

#ภูเก็ต-ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ตไม่อนุญาตให้กองประกวดมิสแกรนด์ของคุณณวัฒน์ มาทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต เหมือนเช่นในปีที่ผ่านๆ มา

โดยนายสมยศ ปาทาน รองประธานชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต ได้เปิดเผยกับทีมข่าว ภูเก็ตไทม์ ว่า จากการประชุมของทางด้านคณะกรรมการชุมชนท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าภูเก็ต ได้มีการสรุปว่าจะไม่ให้มีการดำเนินการในการจัดกิจกรรมต่างๆ ของกองประกวดมิสแกรนด์ของคุณณวัฒน์

เบื้องต้นนั้น การตัดสินใจในครั้งนี้ไม่ได้มีข้อขัดแย้ง หรือขัดใจกับกิจกรรมต่างๆ หรือทีมนางงาม กองประกวด แต่อย่างใด เพราะว่าที่ผ่านมาก็ได้มาร่วมทำกิจกรรมในทุกๆ ปีที่มีการประกวดฯ 

แต่ในปีนี้เนื่องด้วยว่าสถานการณ์ที่คุณณวัฒน์ได้มีการออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย "โดยมีเนื้อหาใจความบางส่วนที่เป็นการพูดในแง่มุมที่ไม่ให้เกียรติพื้นที่ และคนภูเก็ตนั้น” ประเด็นนี้ก็มีผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่โดยคณะกรรมการของทางชุมชนได้มีมติในที่ประชุมซึ่งได้มีการนำเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เทศบาล และจังหวัด แล้วว่า ทางชุมชนย่านเมืองเก่าภูเก็ต มีมติที่จะไม่อนุญาตให้กองประกวดมิสแกรนด์ของคุณณวัฒน์ มาทำกิจกรรมในพื้นที่ชุมชนย่านเมืองเก่า ซึ่งหวั่นจะเป็นกระแส และเกิดปัญหาตามมาได้ในภายหลัง

ณวัฒน์ อิสรไกรศีล โวยหอการค้าภูเก็ตไม่ให้ยืมรถบัสรับ-ส่งนางงาม อ้างต้องมีค่าใช้จ่าย ก่อนด่าใจแคบ เป็นสลิ่มจัญไร ปิดเกาะไปเลยไม่ต้องโปรโมต

เมื่อวันที่ 18 ต.ค. เฟซบุ๊ก “ซึ่งต้องพิสูจน์” ได้นำเอาบางช่วงบางตอนของการเฟซบุ๊กไลฟ์จากนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ผู้จัดการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา กล่าวว่า “ก่อนอื่นขอบ่นภูเก็ตนิดหนึ่งได้ไหม จัดมิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนลครั้งนี้ไม่ได้ใช้เงินของรัฐบาลแม้กระทั่งสลึงเดียว บาทหนึ่งยังเยอะไป ทำให้ฟรีทุกอย่าง ทุกอย่างผมจ่าย ไอ้เรื่องง่ายๆ อย่างบางเรื่องเนี่ย อำนวยความสะดวกยังไม่ได้ ไม่สนใจ ไม่ร่วมงาน ไม่ใส่ใจ ขอรถบัสรับนางงามกับหอการค้าจังหวัดภูเก็ตยังไม่ยอมให้ คุณคิดดูสิ คุณคิดดู คนพวกนี้ไม่ต้องมาร่วมงานนะเวลาไป ผมไม่เชิญแล้ว ทำได้ยังไง เงินไม่จ่ายก็ไม่ว่า เงินไม่ช่วยก็ไม่ว่า ทุกอย่างคุณณวัฒน์จ่ายเอง องค์กรแกรนด์จ่ายเอง ก็ไม่เป็นไร แต่บางอย่างคุณมีอยู่แล้ว คุณแค่แบบ ถอยมันออกมาช่วยกัน

เช่น คุณเป็นเมืองท่องเที่ยว กำลังจะเปิดแซนด์บ็อกซ์ รถเยอะแยะ ขอยืมรถสักสองคันนี่มันใจแคบจริงๆ นะ ตอบมาได้ยังไงว่าถ้าจะใช้รถต้องมีค่าใช้จ่าย อู้หู ขอโทษนะรถก็จอดอยู่เฉยๆ ก็แค่เติมน้ำมัน แล้วก็เหมือนเอารถไปแบบออเรียนเตชัน (Orientation) ก็คือไปทดลองขับดู แล้วก็เหมือนแบบ เฮ้ย ลองคนขับหน่อย หลังจากหายไปนานกำลังเปิดเมือง แล้วก็แค่ 2 คันเองมันจะทำให้จังหวัดคุณล่มจมเลยเหรอ ไม่อยากจะโทษ ต้องโทษการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต หอการค้าจังหวัดภูเก็ต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ถ้างานอีเวนต์ผมไม่เชิญใครอย่าตกใจนะฮะ แฟนนางงาม เรื่องเยอะนัก ไม่ได้ลงทุนเป็นเงิน ไม่ได้ลงทุนเป็นอะไรเลย แค่ขอยืมของยังไม่ให้ยืม ยืมรถหน่อยก็ไม่ได้ บอกว่าถ้าจะยืมใช้ต้องจ่ายตังค์ มีค่าใช้จ่าย อู้หู แม่งเอ๊ย โปรโมตไปให้มันทำไมวะ ปิดเกาะไปเลยดีกว่าปะ โปรโมตทำไม ตายแล้วน้ำใจไม่มีเลย

เพิ่งรู้นะว่าไม่มีน้ำใจ ไม่ได้จ่ายอะไรเป็นเนื้อเป็นหนังเลย แค่ถอยรถไปรับนางงามยังจะต้องเสียเงิน ไม่เป็นไรหรอก ผมมีตังค์ แล้วอีพวกสลิ่มไม่ต้องมาแสดงตัวตนมากมาย น่ารำคาญ มึงเป็นสลิ่มมึงทำได้อย่างกูหรือเปล่า เวลาทำงานกูทำงาน กูไม่ได้นึกว่าสลิ่มหรือไม่สลิ่ม ทำเพื่อประเทศ แหม บางคนพอรู้ว่า มิสแกรนด์จะไป พร็อพเพอร์ตี้ (Property : ทรัพย์สิน) ของอีพวกสลิ่มหรืออีพวกบ้า ไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยว ไม่อยากให้มา เออ ไม่ไปก็ได้ หน้าบ้านมึงกูจะไม่ผ่านเลย กรุณาปักป้ายหน้าบ้านว่าบ้านนี้เป็นสลิ่ม กูจะได้ขับรถอ้อม เยอะนัก จะใช้ท่าเรือ พอท่าเรือเป็นของสลิ่ม เอ้าตายแล้ว ไม่อยากให้ใช้เพราะว่าโควิด มึงจะบ้าเหรอ มึงส่งจดหมายอะไรมา มึงปัญญาอ่อนหรือเปล่า ตอนนี้นโยบายเขาให้เปิดเมือง เขาไม่ให้ปิดเมือง แต่มึงอะเหตุผลก็คือมึงจะไม่ให้พวกเราผ่านไปใช้พร็อพเพอร์ตี้ของคุณ เพราะคุณเป็นสลิ่มก็แค่นี้แหละ บอกตรงๆ สิ อย่าเยอะ มึงไม่ใช่เจ้าของเกาะ อย่าเยอะ

ตม.จว.ภูเก็ต - บก.ตม.6 และ บก.สส.สตม. ร่วมกันจับกุม! ผู้ต้องหา ‘สวมสิทธิขอสัญชาติไทย’

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย หรือลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.ธเนศ สุขชัย ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.ภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. แถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

นายโอมจี อายุ 47 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 284/2564 ลง 7 ตุลาคม 2564 และ 288/2564 ลง 8 ตุลาคม 2564 ข้อหา “เป็นผู้ยื่นคำขอมีบัตรประชาชนโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่, เป็นคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ทำหรือใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือกระทำการเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารทะเบียนราษฎร์อื่นโดยมิชอบ, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการที่มีบัตรประจำตัวประชาชน, แจ้งความอันเป็นเท็จแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับให้เป็นพยานหลักฐานโดยที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดตามมาตรา 267 ในประการที่น่าจะให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

สืบเนื่องจาก ตม.จว.ภูเก็ต ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคนต่างด้าวมีพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ของ  ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต จึงได้ดำเนินการตรวจสอบสืบสวนจนพบข้อมูลต้องสงสัยน่าเชื่อว่า นายโอมจี อายุ 49 ปี เดิมเป็นบุคคลสัญชาติเมียนมา ได้รับสัญชาติไทย ซึ่งอาจเป็นผู้ได้มาซึ่งสัญชาติไทยโดยไม่ถูกต้อง จากนั้น จึงได้ตรวจสอบไปยังกรมการปกครองและได้รับการสนับสนุนข้อมูลจากกรมการปกครองกลับมาว่า บุคคลดังกล่าว ( นายโอมจี ) มีภาพใบหน้าลักษณะคล้ายชาวอินเดียไม่น่าจะเป็นพี่น้องกับบุคคลในทะเบียนประวัติราษฎร อีกทั้ง ทะเบียนประวัติมีลักษณะเป็นการจัดทำขึ้นใหม่ทั้งฉบับซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานดังกล่าวในฐานข้อมูลการทะเบียนราษฎร ประกอบกับการการทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยครั้งแรกนั้นได้ดำเนินการหลังระยะเวลาที่ได้จัดทำทะเบียนประวัติเป็นเวลานาน 

ตม.จว.ภูเก็ต จึงได้ประสานข้อมูลให้ บก.สส.สตม. ช่วยสืบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึงสอบสวนปากคำพยานซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวที่นายโอมจีเข้าไปสวมสิทธิ เจ้าหน้าที่สืบสวนได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนน่าเชื่อว่า นายโอมจีฯ มีพฤติกรรมสวมสิทธิของบุคคลอื่น เพื่อขอมีสัญชาติไทย ขอมีบัตรประชาชนและเพิ่มข้อมูลในทะเบียนราษฎร์โดยทุจริต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำรายงานสืบสวนเสนอผู้บังคับบัญชา และแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง และ สภ.ถลาง เพื่อดำเนินคดีและออกหมายจับผู้ต้องหาในเวลาต่อมา

‘กรณ์’ จี้!! ครม.สัญจร ช่วยด่วน 'ท่องเที่ยว' ภูเก็ต ยก 3 ข้อควรทำ ก่อนภาคธุรกิจหมดลมหายใจ

‘กรณ์’ กร้าว!! ขอเป็นกระบอกเสียงคนภูเก็ต ยก 3 ข้อเรียกร้อง จี้!! ครม.สัญจร เร่งแก้ปัญหาตอบโจทย์ 'เศรษฐกิจท่องเที่ยว' ไม่ปล่อย ‘เฮือกสุดท้าย’ ผู้ประกอบการภูเก็ตสูญเปล่า 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า…

ตนได้ใช้ชีวิตในภูเก็ต สิ่งที่น่าดีใจคือนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น ป่าตองเริ่มคึกคัก และจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการชาวภูเก็ตหลายกลุ่มและหลายวงสนทนา เราเห็นตรงกันว่าภูเก็ต คือ เมืองแห่งศักยภาพของประเทศไทยที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกได้สบาย ๆ ซึ่งหมายความว่าคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของคนภูเก็ต รวมถึงรายได้เข้าประเทศโดยรวม ดีกว่านี้ได้อีกมาก 

เวลานี้หลายปัญหาของภูเก็ตรอการแก้ไข และส่วนใหญ่อุปสรรคมาจากระบบราชการที่ช้าและไม่ยืดหยุ่นตามบริบทที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ 

นายกรณ์ กล่าวว่า ภูเก็ตน่าจะเป็นเมืองที่รวบรวมจำนวนคนที่รอบรู้และเข้าใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไว้มากที่สุดในโลก และไม่มีใครหวังดีต่ออนาคตคนภูเก็ตมากเท่าคนภูเก็ต ดังนั้นเมื่อคนที่รู้ บวกกับคนที่ใส่ใจเป็นคนภูเก็ต แล้วทำไมการกำหนดยุทธศาสตร์และการตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับภูเก็ตยังอยู่ที่อำนาจส่วนกลางที่กรุงเทพ 

ดังนั้นเมื่ออำนาจยังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพ การประชุม ครม. สัญจร วันที่ 15-16 พฤศจิกายน จึงยังมีความสำคัญต่ออนาคตภูเก็ต มีหลายเรื่องที่ตนขอเป็นกระบอกเสียงแทนคนภูเก็ตไปถึงรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้มีการทบทวนและรีบตัดสินใจ เพื่อช่วยให้ “เฮือกสุดท้าย” ของผู้ประกอบการในภูเก็ตไม่สูญเปล่า 

โดยหัวหน้าพรรคกล้า ได้ยก 3 ข้อเรียกร้องที่ฝากไปถึงรัฐบาล ได้แก่…

1.) ปัญหาใบอนุญาตโรงแรม ที่กำลังทำให้ธุรกิจที่พักขนาดเล็กหมดแรงและกำลังจะตายไป ตอนนี้ในเว็บไซต์การจองโรงแรมมีโรงแรมในภูเก็ตเปิดขายห้องพักมากกว่า 1 หมื่นแห่ง แต่ที่มีใบอนุญาตถูกต้องนั้นไม่ถึง 800 แห่ง ทั้ง ๆ ที่โรงแรมขนาดเล็ก คือ ท่อลำเลียงทำให้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวกระจายเงินออกไปในวงกว้าง เพราะนักท่องเที่ยวที่พักในโรงแรมเล็ก ๆ คือ กลุ่มที่ออกมาขึ้นรถโดยสาร เรียกแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก กินข้าวตามร้านอาหาร ซื้อทัวร์ ใช้บริการนวดและสปา หลายธุรกิจจะมีโอกาสสร้างรายได้และไปต่อ รัฐบาลควรเร่งออกมาตรการให้โรงแรมขนาดเล็กสามารถเปิดได้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่เป็นหัวใจของการสร้างรายได้จากท่องเที่ยว มีโอกาสการสร้างรายได้ และให้โอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนในการฟื้นฟูธุรกิจอีกด้วย

‘ดร.ซก ซกกรัดทะยา’ (ดร.แซม) ที่ปรึกษาส่วนตัวของ ‘สมเด็จ เตโช ฮุน เซน’ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมงาน "Amazing Thailand Countdown 2022, Amazing New Chapters @Phuket"

ที่เกาะภูเก็ต บรรยากาศงานเลี้ยงปีใหม่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไปพักผ่อนที่รีสอร์ทริมชายหาดในจังหวัดภูเก็ต การเฉลิมฉลองวันปีใหม่โลกเรียกว่า "Amazing Thailand Countdown 2022, Amazing New Chapters @Phuket" ซึ่งมีการแสดงคอนเสิร์ตระดับนานาชาติโดยเพลงอุปรากรชาวอิตาลี ชื่อดังของ Andrea Bocelli พร้อมทั้งจุดพลุดอกไม้ไฟอันตระการตากว่า 20,000 ดอก

บรรยากาศอบอุ่น จากการต้อนรับของ นายยุทธศักดิ์สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

เกาะภูเก็ต ประเทศไทย ภูเก็ตเป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของประเทศไทย พร้อมเยี่ยมชมรีสอร์ทขนาดใหญ่ Sri Pasnwa & Blue Lagoon Resort ที่ได้รับการพัฒนาตามแนวชายฝั่งและมีนวัตกรรมสูงสำหรับที่พักและนันทนาการที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ได้หารือเกี่ยวกับแผนและกลยุทธ์บางประการ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศไทยหลังวิกฤตโควิด-19

ในโอกาสนี้ ดร.ซก ซกกรัดทะยา หรือดร.แซม ยังได้แนะนำนักธุรกิจท่องเที่ยวไทยเกี่ยวกับศักยภาพของการท่องเที่ยวในประเทศกัมพูชา ซึ่งอุดมไปด้วยการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวชายฝั่ง และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  และยังได้ร่างยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาลกัมพูชาในการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาที่กัมพูชา

รัฐบาลไทยประกาศเดินหน้า เสนอตัวจัด Specialised EXPO 2028 พร้อมดันภูเก็ตไปสู่ 'เมืองสุขภาพโลก' | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช EP.37

รัฐบาลไทยประกาศเดินหน้า เสนอตัวจัด Specialised EXPO 2028 พร้อมดันภูเก็ตไปสู่ 'เมืองสุขภาพโลก'
.
NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช
.
โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.


.

'ลูกหมอสุนิล' วอนอย่าต่อว่า 'แท็กซี่คู่กรณี' เชื่อได้รับบทเรียนแล้ว พร้อมให้อภัย 'คนดีภูเก็ต'

หลังจากที่มีกรณีดราม่าแท็กซี่ภูเก็ต คิดค่าโดยสาร ‘นายเฆวินทร์ พล’ ลูกชายของ ‘ดร.สุนิล พล’ หรือ ‘หมอสุนิล’ เจ้าของ ดร.สุนิล อินเตอร์เนชั่นแนล เดนทัล คลินิก หมอฟันระดับมหาเศรษฐีพันล้าน โดยเรียกค่าโดยสารแพง 600 บาท แต่นายเฆวินทร์ไม่ยอมจ่าย ทั้งที่มีเงินจ่าย เพราะมองว่าถูกเอาเปรียบ ทำเอากระเทือนไปถึงชาวภูเก็ตบางส่วน โดยมองว่านักท่องเที่ยวผิด เพราะระดับเศรษฐีพันล้าน รวยทำไมไม่จ่าย

ล่าสุด (1 ก.พ. 65) นายเฆวินทร์ พล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ‘Kevin Phol’ ระบุข้อความว่า "วันนี้ผมเข้าใจแล้ว และได้คุยกับพี่แท็กซี่คู่กรณี เสียงของทุกคนได้รับการตอบรับแล้วนะครับ ทางภูเก็ตจะเร่งพัฒนาแอปพลิเคชัน และวางการประชุมราคาใหม่ที่เป็นธรรม ส่วนพี่แท็กซี่เป็นแค่ส่วนนึงของปัญหาที่ยาวนานครับ ซึ่งผมเข้าใจแกแล้ว ผมขอแถลงดังนี้นะครับ…

1.) อย่าว่าพี่แท็กซี่ เพราะแกรับรู้จากบทเรียนครั้งนี้แล้ว (ผมโดนว่าในคอมเมนต์ผมก็เจ็บ)
2.) พี่แท็กซี่คู่กรณีจะมาช่วยแจงปัญหาของคนขับ เพื่อพัฒนาระบบ
3.) ภูเก็ตแก้ปัญหานี้เร็วมากกกกก เพราะต้องขอบคุณเสียงจากทุกคนนะครับ มารอดูกันนะครับ
4.) หวังว่าจะไม่เจอปัญหานี้อีก
5.) Destination ต่อไป ภูเก็ตตตตตตตตตตต (ผมหายงอนละนะชาวภูเก็ต)

ขอบคุณที่จะเปิดใจให้แอปพลิเคชันนะครับ ขอบคุณที่รับฟัง ผมขอขอบคุณรายการ ถกและเถียง รวมถึง กรมขนส่ง, พี่แท็กซี่ และ พี่โจ้คนภูเก็ต ที่ได้มาร่วมคุยกัน Phuket see u soon นะค้าบบบบบบ ขอบคุณครับ 

ขอบคุณที่รับฟัง 
เฆวินทร์ พล

‘มรภ.สฎ – มรภ.ภูเก็ต’ จับมือพัฒนานวัตกรรมสปาและการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ ดันอัตลักษณ์อันดามัน – อ่าวไทย ยกระดับ ECO SPA สู่สากล

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต (มรภ.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาการวิจัยและนวัตกรรมสปาและการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ นำองค์ความรู้บูรณาการศาสตร์สุขภาพควบคู่สิ่งแวดล้อม ดึงวัฒนธรรมพื้นถิ่นชาวเกาะอันดามัน-อ่าวไทย ยกระดับอัตลักษณ์ภาคใต้สู่สากล โดยมี ผศ.ดร.วัฒนา รัตนพรหม รักษาราชการแทนอธิการบดี และ ดร.นรา พงษ์พานิช ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มรส. เป็นผู้ร่วมลงนามความร่วมมือกับ ผศ.ดร.หิรัญ ประสารการ อธิการบดี พร้อมด้วย ผศ.ดร.ดวงรัตน์ โกยกิจเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายแผนและการวิจัย มรภ. และ ดร.พุทธพร บุญณะ ประธานกรรมการศูนย์นวัตกรรมสปาและการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 ณ ห้องราชพฤกษ์ 3 อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

ผศ.ดร.วัฒนา รัตนพรหม รักษาราชการแทนอธิการบดี มรส. กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือการพัฒนาการวิจัยและนวัตกรรมสปาและการท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพ เพื่อส่งเสริมการสร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรม การพัฒนาองค์ความรู้ และผลักดันการใช้ประโยชน์ในการเพิ่มขีดความสามารถด้านสปาและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีเกาะสมุย ซึ่งมีลักษณะทางกายภาพและทรัพยากรที่มีความคล้ายคลึงกับเกาะภูเก็ต จึงร่วมกันนำองค์ความรู้มาบูรณาการศาสตร์ด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาพัฒนา ส่งเสริม และถ่ายทอดสู่ผู้เรียนหรือประชาชนในท้องถิ่น ผลักดันให้เกิดการมีส่วนร่วมโดยนำเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ทรัพยากรในท้องถิ่น ที่ก่อให้เกิดการกระจายรายได้ และส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ธุรกิจสปาเพื่อสุขภาพในพื้นที่ภาคใต้ให้มีความสำคัญกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top