Monday, 29 April 2024
ภูเก็ต

‘ภูเก็ต-อีสาน’ ติดอันดับ 50 สถานที่ยอดเยี่ยมของโลก ปี 66 ฟาก ‘สุวรรณภูมิ’ ติดอันดับ 68 สนามบินยอดเยี่ยม ปี 66

(20 มี.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่จังหวัดภูเก็ต และภาคอีสานของประเทศไทย ติดอันดับ 50 สถานที่ยอดเยี่ยมของโลกประจำปี 2566 จากนิตยสาร Time และสนามบินสุวรรณภูมิของประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับสนามบินยอดเยี่ยม โดยอยู่ในอันดับที่ 68

นายอนุชา กล่าวว่า นิตยสาร Time นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ของชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ได้จัดอันดับให้ จังหวัดภูเก็ต และภาคอีสาน ของประเทศไทย ติดอันดับ 50 สถานที่ยอดเยี่ยมของโลกประจำปี 2566 (2023 World's Greatest Places) โดยทางนิตยสารระบุว่า จังหวัดภูเก็ตมีทิวทัศน์ธรรมชาติและหาดทรายที่งดงาม อีกทั้งยังมีส่วนผสมทางวัฒนธรรมจากงานเทศกาลต่าง ๆ ที่ลงตัว เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวกันเป็นครอบครัว รวมถึงมีโรงแรมที่พักทุกระดับและหลากหลายราคา ส่วนภาคอีสาน เป็นสถานที่ที่อาหารมีความเป็นเอกลักษณ์ อาทิ ส้มตำ ลาบ ที่มีรสชาติ เผ็ดและเปรี้ยว อุดมไปด้วยสมุนไพร รวมทั้งภาคอีสานมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมอันสวยงามอีกด้วย ซึ่งการคัดเลือก 2023 World's Greatest Places มาจากการเสนอชื่อจากเครือข่ายของสื่อมวลชนและนักเขียนของนิตยสาร Time จากทั่วโลก

‘สุวัจน์ - กรณ์’ บุกภูเก็ต ช่วย ‘เทมส์ - อรทัย’ หาเสียง ชูจุดขายพัฒนาภูเก็ตสู่ท่องเที่ยว World Class

(5 เม.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวพน้าพรรค เดินทางมาจ.ภูเก็ต ทำกิจกรรมร่วมกับ 2 ผู้สมัคร ส.ส. คือ นายเทมส์ ไกรทัศน์ เขต 2 เบอร์ 7 และ นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ เขต 3 เบอร์ 1 โดยช่วงบ่ายพบปะพี่น้องประชาชน ที่ ต.ฉลอง และได้นั่งเรือไปยัง ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเกาะโหลน  ต.ราไวย์ อ.เมือง  ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้ง ของนายเทมส์ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไม่มากนัก แต่กลับไม่มีไฟฟ้าใช้ และในฤดูแล้งยังประสบภาวะขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ประชากรลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียง 20 กว่าหลังคาเรือน ซึ่งชาวบ้านได้ขอให้ทางนายสุวัจน์ นายกรณ์ และนายเทมส์ ที่เป็นผู้สมัครในพื้นที่ช่วยผลักดันให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวให้เจริญกว่าที่เป็นอยู่ จากนั้นในช่วงเย็นก็ได้ร่วมประเพณีสวดกลางบ้านและพบปะพี่น้องประชาชนที่ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของนางสาวอรทัย

นายสุวัจน์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า มีความพร้อมที่จะพัฒนาการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ตสู่ระดับ World Class โดยต้องเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระจายและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้เข้าถึงกันและสะดวกปลอดภัย เช่น มอเตอร์เวย์ทุกทิศทั่วไทย เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึงมารีน่า และการจราจรภูเก็ต ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงนักท่องเที่ยวระดับสูงให้พิ่มขึ้น  

ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า จ.ภูเก็ต สามารถพัฒนาเป็น Entertainment Complex โดยนโยบายเฉดสีของพรรคชาติพัฒนากล้าที่จะหารายได้เข้าประเทศ 5 ล้านล้านบาทใน 5 ปี และ 1 ในเฉดสีที่สามารถสร้างรายได้ได้มาก คือ เฉดสีเทา การนำธุรกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน เพื่อจัดการให้ถูกกำหมายสร้างภายได้ให้ประเทศชาติ คือการสร้างกาสิโนนำร่องในเมืองที่พร้อม เช่น ภูเก็ต เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นก 3 ตัว คือ นกตัวที่ 1.นำธุรกิจที่อยู่ใต้ดินมาบนดิน นกตัวที่ 2. คนไทยที่ไปเล่นการพันที่ในประเทศเพื่อนบ้านก็จะกลับมาเล่นที่เมืองไทย และ นกตัวที่ 3 คือ ดึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา โดยนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า เราพร้อมที่จะพัฒนาภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในระดับโลก รวมถึง เราเน้นนโยบายสร้างรายได้ 5 ล้านล้านระบบ ทำธุรกิจนอกระบบมาอยู่ในระบบ 

‘สุวัจน์–กรณ์’ โดดลงสปีดโบ๊ทลุยเกาะโหลนช่วย ‘เทมส์–อรทัย’ ชูนโยบายพัฒนา ‘ภูเก็ต’ ให้ถูกใจนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ชพก.คิกออฟภูเก็ต! ‘สุวัจน์ – กรณ์’ ลงสปีดโบ๊ท เยี่ยมชุมชน เกาะไร้ไฟฟ้า ช่วย ‘เทมส์–อรทัย’ ลั่น มั่นใจ 2 ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต ปักธงได้ นโยบายปัง พัฒนาภูเก็ตสู่ท่องเที่ยว World Class 

(5 เม.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช หัวพน้าพรรค เดินทางมา จ.ภูเก็ต ทำกิจกรรมร่วมกับ 2 ผู้สมัคร ส.ส. คือ นายเทมส์ ไกรทัศน์ เขต 2 เบอร์ 7 และ นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ เขต 3 เบอร์ 1 โดยช่วงบ่ายพบปะพี่น้องประชาชน ที่ ต.ฉลอง และได้นั่งเรือสปีดโบ๊ทไปยัง ชุมชนท่องเที่ยวบ้านเกาะโหลน  ต.ราไวย์ อ.เมือง  ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้ง ของนายเทมส์ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไม่มากนัก แต่กลับไม่มีไฟฟ้าใช้ และในฤดูแล้งยังประสบภาวะขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ ประชากรลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลือเพียง 20 กว่าหลังคาเรือน ซึ่งชาวบ้านได้ขอให้ทางนายสุวัจน์ นายกรณ์ และนายเทมส์ ซึ่งเป็นผู้สมัครในพื้นที่ช่วยผลักดันให้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวให้เจริญกว่าที่เป็นอยู่ 

และช่วงเย็นได้ร่วมประเพณีสวดกลางบ้านและพบปะพี่น้องประชาชนที่ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งของนางสาวอรทัย

นายสุวัจน์ กล่าวว่า นโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้า มีความพร้อมที่จะพัฒนาการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ตสู่ระดับ World Class โดยต้องเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระจายและเชื่อมโยงการท่องเที่ยวให้เข้าถึงกันและสะดวกปลอดภัย เช่น มอเตอร์เวย์ทุกทิศทั่วไทย เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึงมารีน่า และการจราจรภูเก็ต ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพื่อดึงนักท่องเที่ยวระดับสูงให้เพิ่มขึ้น  

“พื้นที่เกาะโหลน ผมมองว่ามีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศและเริ่มศักยภาพท่องเที่ยวภูเก็ตได้ แต่ขณะนี้บนเกาะโหลนไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำให้ชาวชุมชนต้องอพยพข้ามไปอยู่ในเมือง พื้นที่ยิ่งทรุดโทรม ขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานในการดำรงชีวิต เปรียบเสมือนเกาะร้างซึ่งน่าเสียดาย เมื่อพรรคชาติพัฒนากล้าได้รับข้อมูลจากผู้นำท้องถิ่นทราบว่าเคยมีโครงการจะนำไฟฟ้าผ่านสายเคเบิ้ลใต้ทะเลมาที่เกาะแต่ไม่มีการทำโครงการดังกล่าวอย่างจริงจัง เราจึงอยากให้รื้อฟื้นเพื่อทำให้เกาะโหลนมีไฟฟ้าใช้ เพื่อเกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หากพัฒนาได้ชาวบ้านจะกลับมาอยู่ในพื้นที่ดังเดิม” นายสุวัจน์ กล่าว

เมื่อถามว่านโยบายที่นำเสนอจะทำได้เมื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้นหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ถ้าเป็นรัฐบาล โดยตรงก็จะดี ถ้าเป็นฝ่ายค้านต้องยกมือถามว่า เมื่อไรจะทำ หมายถึงหากเป็นรัฐบาลก็ทำเอง แต่ถ้าเป็นเจ้ากระทรวง ท่องเที่ยวและกีฬาทำได้เลย เป็นเรื่องปกติ ใครเป็นรัฐบาลได้ทำในสิ่งที่บอกกับประชาชนไว้ ทุกพรรคจึงอยากเป็นรัฐบาล เพราะได้ลงมือทำ แต่หากเป็นฝ่ายค้านมีแต่จะยกมือถามว่าเมื่อไรจะทำ ทำไมทำช้า อย่างไรก็ดีเราไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ขณะที่ผู้สมัครของพรรค ที่พรรคส่ง 2 เขต จาก 3 เขต ตนมั่นใจเพราะพรรคชาติพัฒนากล้าได้ทำโพลของพรรค  พบว่าพอใจ มีนโยบายส่งเสริมมท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของพรรคตอบโจทย์ได้ จึงมั่นใจว่าจะได้แจ้งเกิด และพัฒนาภูเก็ตเป็นเกาะระดับโลกของการท่องเที่ยว ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ประเทศ ดังนั้นเมื่อได้เบอร์แล้ว จึงรีบลงพื้นที่เห็นแห่งแรก 

‘ฐิติกันต์’ ผู้สมัครก้าวไกลภูเก็ต ชูศิลปะโปสเตอร์วาดมือติดรถแห่หาเสียง ย้ำ!! หนุนคนทำงานศิลปะ เสริมศักยภาพภูเก็ตนอกเหนือรายได้ท่องเที่ยว

‘ฐิติกันต์’ ผู้สมัครก้าวไกลภูเก็ต ใช้โปสเตอร์วาดมือติดรถแห่หาเสียง เผยได้ไอเดียจากรถแห่หนัง เรียกเสียงตอบรับประชาชน ย้ำนโยบายก้าวไกลมุ่งส่งเสริมคนทำงานศิลปะ เสริมศักยภาพภูเก็ตนอกเหนือรายได้ท่องเที่ยว

(6 เม.ย.66) จากกระแสที่เป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย กรณีรถแห่หาเสียงของ ฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 3 พรรคก้าวไกล ที่มีการนำศิลปินนักวาดโปสเตอร์ภาพยนตร์ มาวาดมือป้ายหาเสียงติดรถ แทนการพิมพ์ป้ายหาเสียงทั่วไป จนกลายเป็นหนึ่งในสีสันของการหาเสียงในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตครั้งนี้

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังฐิติกันต์ ถึงแรงบันดาลใจและที่มาของการหาเสียงในรูปแบบดังกล่าว ซึ่งฐิติกันต์ระบุว่าการทำป้ายหาเสียงโดยใช้ศิลปินวาดมือครั้งนี้ ได้จ้างให้รุ่นน้องช่างศิลป์และนักศึกษาศิลปะ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ที่เคยทำงานร่วมกัน เป็นผู้วาดให้ โดยแรงบันดาลใจจากการที่ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ได้เห็นภาพรถแห่หนังที่ใช้โปสเตอร์วาดมือเช่นนี้ วิ่งกันอยู่ทั่วไปเป็นปกติ ในโลกที่ยังไม่มีเทคโนโลยีเหมือนปัจจุบัน ต้องใช้ฝีมือคนวาดมาวาดภาพโปสเตอร์หนังติดรถ แห่ไปตามพื้นที่ต่าง ๆ แต่พอโลกพัฒนาขึ้น ทำให้คนเขียนภาพรถแห่หลายคนตกงาน ขาดรายได้ และปัจจุบันการแห่หนังแบบนี้หายไปหมดแล้ว

เมื่อการหาเสียงเลือกตั้งเริ่มต้นขึ้น ตนซึ่งสนใจนโยบายพรรคก้าวไกล ด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะภาพยนตร์ไทย จึงนำรูปแบบดังกล่าวมาใช้แทนการจ้างโรงพิมพ์ตามปกติ เมื่อทำแล้วปรากฏว่าหลายๆ คน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่ต่างเคยมีประสบการณ์เห็นภาพรถแห่หนังเป็นที่ติดตาในอดีต ก็เริ่มนึกถึงภาพบรรยากาศความทรงจำเก่าๆ ทำให้หลายคนเริ่มหันมาสนใจพรรคก้าวไกลมากขึ้น

ฐิติกันต์ยังกล่าวต่อไปว่า สิ่งนี้ยังเป็นเครื่องสะท้อนนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการส่งเสริมงานศิลปะ โดยเฉพาะศิลปะที่เป็นงานฝีมือคนไทย ซึ่งหลายงานทำได้ไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ที่ผ่านมาคนทำงานศิลปะขาดการสนับสนุนจากรัฐอย่างจริงจัง มีแต่การเน้นงานของนายทุนจนลืมมองคนตัวเล็กๆ ที่มีฝีมือและประสบการณ์แต่ขาดโอกาส ซึ่งนี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลอยากเข้าไปส่งเสริมให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นหากได้เป็นรัฐบาล

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. ภูเก็ต ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 3 เขตของจังหวัดภูเก็ต ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้ 

>> เขต 1 อำเภอเมืองภูเก็ต (เฉพาะตำบลตลาดใหญ่, ตำบลตลาดเหนือ, ตำบลรัษฎา และตำบลเกาะแก้ว)                                                
 

‘บิ๊กตู่’ ลุยปราศรัยใหญ่ที่ภูเก็ต ชาวบ้านส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม ตอกย้ำความนิยม ‘รทสช.’ โค้งสุดท้าย ชี้!! กระแสดีไม่มีตก

ชาวภูเก็ตแห่ฟัง ‘ลุงตู่’ ปราศรัยกว่า 4 หมื่นคน ส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม ตอกย้ำกระแสความนิยมโค้งสุดท้าย ขณะที่เจ้าตัวชี้ มีคนไล่ให้ไปเลี้ยงหลานเพราะแก่แล้ว แต่ยืนยันยังไม่แก่และไม่มีหลาน ก็เลยต้องอยู่ทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อ ย้ำ!! มีหัวใจสีม่วงของคนใกล้ตายที่จะไม่โกหก แตกต่างกับบางคนที่ใกล้ตายแต่กลับโกหก กลับไปกลับมาไม่น่าเชื่อถือ อ้อน คนภูเก็ตเลือก ‘รทสช.’ จะได้นโยบายสนับสนุนคนทุกช่วงวัยอย่างแน่นอน

(7 พ.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินทางพร้อมด้วยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค, นายอนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ จังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย

เขต 1 นายปิยะ สีดอกบวบ เบอร์ 8
เขต 2 นางนวลจันทร์ สามารถ เบอร์ 3
เขต 3 ว่าที่ร้อยตรีชาญณรงค์ ประทีป ณ ถลาง เบอร์ 7

ร่วมเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร บริเวณวงเวียนสี่แยกท่าเรือ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมพบปะประชาชนที่เดินทางมารอต้อนรับก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังลานเวทีกลางสะพานหิน จ.ภูเก็ต เพื่อขึ้นปราศรัยท่ามกลางผู้สนับสนุน และประชาชนชาวภูเก็ตที่มารอฟังการปราศรัยและส่งเสียงเชียร์นับหมื่นคน พร้อมมอบดอกไม้ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ รวมถึงตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้ง 3 คน

พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวทักทายประชาชนระบุว่า ตนเดินทางมาภูเก็ตหลายครั้งแล้ว หวังว่าทุกคนคงจำหน้าตนได้ ก่อนที่จะแนะนำตัวผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 3 คนได้แก่ เขต 1 นายปิยะ สีดอกบวบ เบอร์ 8, เขต 2 นางนวลจันทร์ สามารถ เบอร์ 3, เขต 3 ว่าที่ร้อยตรีชาญณรงค์ ประทีป ณ ถลาง เบอร์ 7 รวมทั้งเบอร์ 22 เบอร์พรรคลุงตู่

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่าในช่วงสถานการณ์โควิด 19 จ.ภูเก็ต เคยเงียบเหงา แต่ตนตัดสินใจที่จะเปิด จ.ภูเก็ต เป็นที่แรกเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ทุกคนลืมหน้าอ้าปากได้ และหลังจากนี้จะยังมีการจัดงานเอ็กซ์โปด้วย จึงอยากให้ทุกคนให้โอกาสเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติให้มาทำงานต่อ เพราะที่ผ่านมาเป็นผลงานที่เชื่อว่าทุกคนจำได้ดีและพรรคเองก็ยังมีนโยบายที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงในทุกเรื่องด้วย 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญนอกจากธรรมชาติที่สวยงามของภูเก็ตแล้ว ยังเป็นรอยยิ้มของคนภูเก็ต ตนเป็นทหารมาก่อน รังเกียจตนหรือไม่ และทหารที่ดูแลบ้านเมืองก็เป็นลูกหลานของทุกคนทั้งสิ้น อย่าให้ใครมาบอกว่าข้าราชการคือช้างป่วย ถ้าทหารและข้าราชการเป็นช้างป่วย ประเทศจะมั่นคงอย่างนี้หรือไม่ ดังนั้น จึงควรยุติเรื่องความแตกแยกภายในประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่อันตรายมาก พร้อมยกบทกลอน

“อันศึกนอกศึกในนั้นไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง”

ขออย่าให้ใครมาทำให้เกิดความแตกแยก โดยเฉพาะการแตกแยกในครอบครัว พ่อทะเลาะกับลูก แม่ทะเลาะกับลูก อย่างนี้ทำไม่ได้ ดังนั้น อย่าให้ใครมาปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกนี้ 

‘กรณ์’ ชีพจรลงเท้า!! ลุยช่วย ‘อรทัย-เทมส์’ หาเสียง จ.ภูเก็ต ชาวบ้านพร้อมเทคะแนนให้ มั่นใจ!! เป็นม้ามืดเข้าวิน 2 เขต

(8 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช พร้อมด้วย นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 เบอร์ 1 จ.ภูเก็ต ลงพื้นที่ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง พบแกนนำชาวบ้านกลุ่มธุรกิจประมงชายฝั่ง เลี้ยงปลาช่อนทะเล หรือ Black Salmon เป็นสัตว์เศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดภูเก็ต ที่หวังจะเป็นตัวขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชนชายฝั่ง ให้กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ และแหล่งท่องเที่ยว สร้างรายได้มั่นคงให้กับชาวบ้าน โดยนายกรณ์ ได้แนะนำเกี่ยวกับนโยบายกองทุนสร้างสรรค์ สู่การท่องเที่ยว พูดถึงนโยบายกองทุนสร้างสรรค์รายละ 1 ล้านบาท  

ต่อมาได้เข้าเยี่ยมประชาชนที่ตลาดสี่กอ อ.กะทู้ โดยมีประชาชนในตลาดให้ความสนใจกับนโยบายยกเลิกแบล็กลิสต์ ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคชาติพัฒนากล้าที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด โดยชาวบ้านเล่าว่า ช่วงโควิดระบาดหนัก แม่ค้ามีภาระจึงไม่สามารถที่จะชำระหนี้ได้จนต้องพึ่งหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยแพงและยังไม่รู้ว่าจะผ่อนหมดเมื่อไร จึงหวังว่า นางสาวอรทัย เบอร์ 1 จะได้เป็นผู้แทนผลักดันให้นโยบายนี้เป็นจริง พ่อค้าแม่ค้ากะทู้พร้อมเทคะแนนให้ 

จากนั้นนายกรณ์ ลงพื้นที่เขต 2 ภูเก็ต เพื่อช่วยนายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 7 ที่ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ที่ตลาดนาคา โดยมีนักท่องเที่ยว และพ่อค้าแม่ค้าให้การต้อนรับนายกรณ์ และคณะอย่างคึกคัก พร้อมกับส่งเสียงพร้อมสนับสนุนให้นายเทมส์เป็นผู้แทน เนื่องจากที่เป็นคนลงพื้นที่ต่อเนื่องมาตลอด 3 ปีตั้งแต่ช่วงโควิด

‘กรณ์’ ลุยเต็มที่โค้งสุดท้าย บุกภูเก็ตขอคะแนนเสียงให้ ‘เทมส์-อรทัย’ ปลื้ม!! ชาวบ้านชมสองผู้สมัครไม่ขาดปาก มั่นใจปักธง 2 เขตแน่นอน

(10 พ.ค.66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อย้ำขอคะแนนเสียงช่วงสุดท้ายให้ 2 ผู้สมัคร นายเทมส์ ไกรทัศน์ ผู้สมัคร เขต 2 เบอร์ 7 และนางสาวอรทัย เกิดทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 เบอร์ 1

โดยช่วงสาย นายกรณ์ และ นายเทมส์ พบปะพี่น้องประชาชนที่วัดฉลอง อ.เมือง ภูเก็ต และขึ้นรถแห่ทั่ว ต.วิชิต ระหว่างทางถนนใหญ่มีพ่อค้า แม่ค้า ร้านรวงต่าง ๆ ตลอดจนประชาชนทั่วไปให้ความสนใจและมีเสียงตอบรับดีมาก โดยประชาชนได้เข้ามาทักทาย ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ขอบคุณที่ช่วงโควิด ที่นายเทมส์เป็นจิตอาสาช่วยทำศูนย์วัคซีน พร้อมกล่าวว่า คนแถวนี้ไม่ลืมความขยันและทุ่มเทของนายเทมส์ ถือเป็นภาพติดตาของคนในภูเก็ตทุกคน

ต่อมาในช่วงบ่ายนายกรณ์ เดินทางไปยังวัดศรีสุนทร ซึ่งเป็นพื้นที่ของนางสาวอรทัย เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน ในเขต อ.ถลาง โดยมีสมาชิกพรรค แฟนคลับ และทีมหาเสียงกว่า 90 คน มาช่วยเดินหาเสียงท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด ชาวบ้านต.ศรีสุนทรกล่าวว่า อยากส่งนางสาวอรทัยเข้าไปเป็นผู้แทน จากนั้นนายกรณ์ได้เดินทางขึ้นรถแห่ไปตามถนนเส้นหลักของหมู่บ้านและชุมชน โบกไม้โบกมือในระหว่างเวลากลับบ้านของประชาชน ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

ต่อมาในช่วงเย็นได้ขึ้นปราศรัยย่อยที่ตลาดโกเบ๋ง โดยมีกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า วิสาหกิจชุมชนให้การต้อนรับอย่างดีมาก เนื่องจากนางสาวอรทัยได้เคยทำโครงการช่วยเหลือ และให้คำแนะนำเรื่องการยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้เป็นของฝากนักท่องเที่ยวแบบพรีเมียม เพื่อช่วยทำให้ชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งชาวบ้านสัมผัสได้ถึงความตั้งใจและจริงใจของนางสาวอรทัย ที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า วันนี้ประทับใจผู้สมัครทั้งสองคน ที่มีความตั้งใจ เสียสละ อดทน และเต็มที่กับทุกการทำงานเพื่อให้ผลลัพธ์ไปสู่เป้าหมายคือ เข้าไปเป็นผู้แทนของประชาชน โดยพรรคชาติพัฒนากล้า เราตั้งใจที่จะเข้าไปแก้ปัญหาปากท้อง ลดภาระค่าใช้จ่าย เพิ่มรายได้ เพิ่มโอกาสในการทำมาหากินให้กับพี่น้องประชาชน

เราเป็นพรรคแรกที่ออกมาต่อสู้เรื่องราคาน้ำมัน ค่าไฟ ที่เป็นต้นเหตุของต้นทุนสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสาเหตุมาจากรัฐบาลเกรงใจทุนผูกขาด ทำให้ประชาชนต้องมาแบกภาระ ดังนั้นเราจึงเสนอให้มีการลดค่าไฟ และค่าน้ำมันลง นอกจากนี้ยังเสนอยกเลิกแบล็กลิสต์ เพื่อให้คนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยที่เป็นธรรม ซึ่งถ้าเรามีโอกาสได้เข้าไปทำงาน เราจะขับเคลื่อนทุกนโยบายทันที และเราก็มั่นใจว่า ผู้สมัครของเราจะสามารถปักธงชัยได้ทั้งสองเขตพร้อมคว่ำการเมืองแบบบบ้านใหญ่ในจังหวัดภูเก็ตได้อย่างแน่นอน

'ส.ส.ก้าวไกล' ลั่น!! ปั้นภูเก็ต เทียบชั้น 'สิงคโปร์-ฮ่องกง' ปลื้มไวรัล!! อย่าเรียก 'คนใต้' ให้เรียก 'คนภูเก็ต'

(16 พ.ค. 66) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 ผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ตพรรคก้าวไกล ชนะการเลือกตั้งทั้ง 3 เขตประกอบด้วยเขตเลือกตั้งที่ 1 ว่าที่ ร.ต.สมชาติ เตชถาวรเจริญ ได้ 18,604 คะแนนเขตเลือกตั้งที่ 2 นายเฉลิมพงศ์ แสงดี ได้ 21,913 คะแนนเขตเลือกตั้งที่ 3 นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล ได้ 20,421 คะแนน

นายเฉลิมพงศ์ แสงดี ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ได้ขึ้นรถแห่รอบภูเก็ต ขอบคุณทุกคะแนนเสียงบริสุทธิ์จากประชาชนที่มอบให้กับพวกผมพรรคก้าวไกลพวกเรามุ่งมั่นตั้งใจทำงานให้กับพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต

”สิ่งที่จะทำเป็นอันดับแรกคือ การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นสิ่งแรกที่ควรทำ เป็นนัยสำคัญที่คนภูเก็ตมอบให้กับเรา ส่วนเรื่องความแตกแยกหรือวาทกรรมต่าง ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา ต้องเข้าใจก่อนว่าเป้าหมายของเราคือนำพาจังหวัดภูเก็ตไปสู่ความเจริญก้าวหน้าที่ก้าวไกล จะไม่มีความแตกแยกใดเกิดขึ้นถ้าร่วมมือและสามัคคีกัน คิดว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดแห่งเกาะสวรรค์ เมืองแห่งไข่มุกอันดามัน ควรพัฒนาไปได้มากกว่านี้ถ้าเทียบกับประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงเชื่อว่าคนภูเก็ตต้องการ และเราก็เรียกร้องกันมานานแล้วอย่าปล่อยโอกาสที่คนภูเก็ตมอบให้กับพรรคก้าวไกลแล้วอย่าให้โอกาสเหล่านี้หลุดลอยไป ควรไขว่คว้า อย่ามาขัดแย้งหรืออย่ามาเตะแข้งเตะขากันมันจะเสียเวลา ควรที่จะร่วมมือกันช่วยกันแนะนำกันเข้ามา พร้อมเปิดรับ และ ขอขอบคุณประชาชนพ่อแม่พี่น้องชาวจังหวัดภูเก็ตที่มอบเสียงอันบริสุทธิ์จริง ๆ ทุกคะแนนเสียงให้กับผมและยังคงมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน ขอขอบคุณโอกาสที่พ่อแม่พี่น้องชาวภูเก็ตมอบให้พรรคก้าวไกล”

”ในส่วนการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo 2028 นั้น ขอไปศึกษาในรายละเอียดต่าง ๆ จะนำเสนอปรึกษากับคณะรัฐมนตรี ที่ได้รับการแต่งตั้งแล้ว คิดว่านักธุรกิจทุกท่านที่มีไอเดียนำเสนอในช่วงเวลานี้ก่อนจะรวบรวมเสียงข้างมากเข้ามาได้และจะตั้งรัฐบาลควรจะเตรียมการบ้าน และพร้อมที่จะรับฟังการนำเสนอพร้อมที่จะส่งมอบให้กับข้างบนในการผลักดันโครงการต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต

สิ่งที่เป็นประโยชน์กับที่พี่น้องชาวภูเก็ตกับจังหวัดภูเก็ตจะรับฟังเป็นลำดับแรก ยินดีเปิดรับฟังทางภาคธุรกิจและภาคประชาชน เรื่องที่ค้างอยู่ในอดีตนำกลับมาเสนอได้ ยึดผลประโยชน์ของจังหวัดภูเก็ตเป็นหลัก และเปิดกว้างมากขึ้นกับด้อมส้มและด้อมทุกสี เชื่อว่าทุกคนมีหลากหลายความคิด ความหลากหลายคือสิ่งสวยงามมานั่งคุยกันปรึกษากันถกเถียงกันความคิดดี ๆ จะออกมาจากการพูดคุยกัน และยังรับเรื่องร้องเรียนของชาวบ้านเหมือนเดิม” นายเฉลิมพงศ์ กล่าว

ทางด้าน นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล ว่าที่ส.ส.พรรคก้าวไกล เขต 3 กล่าวว่า หลังจากทราบผลชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต ในวันนี้ได้ขึ้นรถแห่ไปรอบภูเก็ต ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ ใช้เสียงแสดงพลัง เลือก พวกเราเป็น ส.ส.ทั้ง 3 เขต และ พรรคก้าวไกล ไปเป็นรัฐบาล เพื่อได้เลือก พิธา เป็นนายกฯ ขอบคุณมาก ที่มาร่วมกันปักธงสีส้มใน จ.ภูเก็ต ขอบคุณทุกรอยยิ้ม 300 นโยบาย ที่ให้ไว้ จะรีบทำทันใด ให้เสร็จเร็ววัน เตรียมตัวเลือกตั้งผู้ว่าฯ กัน

“สำหรับ คำว่า อย่าเรียกคนใต้ให้เรียกคนภูเก็ต ตามสื่อโซเชียล คิดว่า เป็นเรื่องของไวรัลของวัยรุ่นยุคใหม่ ที่มีความสุขได้เลือกพรรคก้าวไกลได้เห็นพรรคก้าวไกลชนะในภาคใต้ เชื่อว่าหลายคนอยากเห็นจังหวัดตัวเองของทุกคนในภาคใต้ดีขึ้นเหมือนภูเก็ต”

เมื่อชาวภูเก็ตได้รับโอกาสนี้พวกเราจะทำให้ดีที่สุด ให้เห็นว่าถ้าได้พรรคก้าวไกลไปเป็น ส.ส.ของท่านในพื้นที่จะเกิดอะไรขึ้นบ้างเชื่อว่าหลังจากนั้นทุกจังหวัดในภาคใต้จะเห็นว่าต้องเลือกพรรคก้าวไกล ในวันข้างหน้า กันต่อไป ล่าสุดได้คุยกับส.ส.โรม กับ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โทรศัพท์มาแสดงความขอบคุณกับเราแล้ว จะลงมาจัดคาราวานขอบคุณพี่น้องประชาชนในเร็ว ๆ นี้ ส.ส.โรมมาแน่นอนแต่ทางนายกฯ ยังไม่รับปาก เพราะ อยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล

ประเทศไทย ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ วันนี้ได้เสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่าทุกคนยอมรับกติกาสากล ให้ผู้ชนะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลทำงานร่วมกัน

เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าทุกพรรคการเมืองทุกคนอยากเห็นประเทศไทย ดีขึ้น อยากเห็นภูเก็ตดีขึ้น ภูเก็ตเป็นจังหวัดแห่งโอกาส พวกเราเป็นการเมืองแห่งความหวังเป็นการเมืองแห่งความเป็นไปได้วันนี้ทำให้ทุกคนเห็นแล้วว่าถ้าเราตั้งใจจริงอะไรก็เกิดขึ้นได้หวังว่าให้ทุกคนเดินเข้ามาช่วยกันสมัครสมาชิกพรรคก้าวไกล ช่วยกันพัฒนา ช่วยกันสร้างประเด็นสาธารณะแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อให้ภูเก็ตเราไปได้
.
ในส่วนเรื่องเปิดตี 4 ล่าสุดจะผลักดันให้เปิด 24 ชั่วโมง นโยบายคือเปิดอิสระแต่ละพื้นที่ต้องคุยกันเองว่าต้องการปิดกี่โมงเป็นอิสระแต่ละพื้นที่ให้อิสระในการเปิดปิดแบ่งโซนนิ่งกันในแต่ละพื้นที่
.
ส่วนเรื่องกัญชาตามที่ทางหัวหน้าพรรคก้าวไกล ต้องการให้กลับเป็นยาเสพติดก่อน เพื่อป้องกันการนำเข้าจากนักค้ากัญชาจากต่างประเทศ แล้วค่อย ๆปล่อยออกมาทีละนิด เน้นในการรักษา ซึ่งเด็กกับสันทนาการจะยกเว้นไว้ จะเริ่มปล่อยออกมาเมื่อควบคุมได้” นายฐิติกันต์ กล่าว

ตำรวจไซเบอร์ภูเก็ต รวบ! ผู้ขายซิมม้าออนไลน์กว่า 500 ซิมต่อวัน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พ.ค.66 เจ้าพนักงานตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 ได้รับแจ้งว่ามีบุคคลลักลอบประกาศ และโฆษณาขาย ซิมโทรศัพท์มือถือผ่านเฟสบุ๊ค ชื่อว่า“นาย'ย เอ็ม'ม” เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้ตรวจสอบพบว่าเฟสบุ๊คดังกล่าว ชื่อบัญชี “นาย'ย เอ็ม'ม” เลขไอดี “100071837096787”
https://www.facebook.com/profile.php?id=100071837096787 ได้โพสต์ประกาศในเพจเฟสบุ๊ค ชื่อว่า “ซื้อขายซิม ไม่ลงทะเบียน และ ลงทะเบียน AIS DTAC TRUE”  ด้วยข้อความว่า “ Ais TheOneSIM 39.- 100เบอร์, “Dtac 20ซิม 35.- ลงทะเบียน&ไมลงทะเบียน ”, Dtac 39.- มีเงินในซิม  เป็นการขายซิมในราคาต่างๆ ทั้ง 3 เครือข่ายจริง

ต่อมาวันที่ 23 พ.ค.66 เจ้าพนักงานตำรวจ กก.1 บก.สอท.5 ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดระนองเพื่อเข้าค้น บ้านเลขที่ 176/9 ถ.ท่าเมือง ซ.2 ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จว.ระนอง พบนายนรทัต สีนามบุรี 
อายุ 17 ปี ยืนอยู่หน้าบ้าน โดยนายนรทัตฯ ได้นำตรวจค้นภายในบ้าน ผลการตรวจค้นพบซิมโทรศัพท์ซึ่งถูกลงทะเบียนแล้วจำนวนมาก 

เบื้องต้น โดยก่อนจะถูกจับกุมตนประกอบอาชีพขายของออนไลน์ และตนได้สั่งซื้อซิมโทรศัพท์มือถือที่ยังไม่ลงทะเบียนมาจากร้านเทเลวิช สาขาระนอง จากนั้นตนก็นำมาโพสต์ขายผ่านเฟสบุ๊คของตนเองชื่อบัญชี “นาย'ย เอ็ม'ม” เลขไอดี “100071837096787” https://www.facebook.com/profile.php?id= 100071837096787 ลงในกลุ่มเฟสบุ๊คซื้อขายซิม เมื่อมีลูกค้าสนใจสั่งซื้อซิมโทรศัพท์มือถือจากตน ตนก็จะลงทะเบียนใช้งานให้ โดยใช้ข้อมูลจากลูกค้าที่เคยซื้อขายซิมโทรศัพท์มือถือจากตน เมื่อลงทะเบียนเสร็จก็จะส่งให้ลูกค้าตามที่สั่ง เจ้าพนักงานตำรวจจึงแจ้งให้ ทราบว่าเป็นการกระทำความผิดฐาน “เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ หรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียน ผู้ใช้ บริการในนาม ของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” จากนั้นจึงนำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.อำนาจ  ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. ,พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 ,พ.ต.อ.เอกวีร์ พงศ์สร้อยเพ็ชร รอง ผบก.สอท.5 ,พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5,พ.ต.อ.อรรถพล มีเสียง รอง ผบก.สอท.5, พ.ต.อ.ศุภกร ธัญญกรรม ผกก.1 บก.สอท.5 ได้สั่งการว่าที่ พ.ต.ต.สุธี บุดดีคำ ปรก.กก.1 บก.สอท.5, ร.ต.อ.ขวัญชัย ปานคง รอง สว.กก.1 บก.สอท.5, ด.ต.พลชัย  พรหมทองรักษ์  ผบ.หมู่ กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนดำเนินการจับกุม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top