Monday, 29 April 2024
ภูเก็ต

‘อนุทิน’ ลั่น รับไม่ได้ มาเฟียต่างชาติ ที่ภูเก็ต จากเหตุกร่างทำร้ายหมอ สั่ง ผู้ว่า-อธิบดีปกครอง เร่งจัดการ ย้ำ คนเดียวเอาอยู่ ไม่ต้องถึงมือ ‘ชาดา’

(3 มี.ค.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์ของคนภูเก็ตที่ออกมาเรียกร้องสิทธิให้ตรวจสอบประเด็นที่ดิน หลังเกิดกรณีเหตุการณ์ชาวต่างชาติทำร้ายแพทย์หญิงจนลุกลาม ว่า ตนเองได้สั่งกำชับไปแล้ว และเมื่อวานได้มีการหารือกับอธิบดีกรมการปกครองว่าในส่วนของกระทรวงมหาดไทยต้องไปจัดการตรงไหนบ้าง และนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงพื้นที่ไปก็แจ้งให้ตนเองไปตรวจสอบ เพราะพบว่าในพื้นที่มีเครือข่ายลักษณะคล้ายมาเฟีย ตนเองกำชับอธิบดีกรมการปกครองและผู้ว่าราชการจังหวัดให้ทำงานร่วมกับหลายฝ่าย พร้อมยืนยันว่า จะไม่ให้มีนักเลง ผู้มีอิทธิพลต่างชาติมามีอำนาจ อิทธิพลความประพฤติที่ไม่ดีในประเทศไทยเป็นอันขาด

นายอนุทิน ระบุด้วยว่า  โดยส่วนตัวตนเองรับไม่ได้อยู่แล้วเพราะแค่ผู้มีอิทธิพลคนไทยเรายังไม่ยอมแต่เราจะยอมให้ชาวต่างชาติมีอิทธิพลและมาทำตัวเป็นมาเฟียได้อย่างไร

ส่วนจะให้นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ไปดูปัญหาที่จังหวัดภูเก็ตหรือไม่นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ต้องนายชาดาหรอกนาย อนุทินคนเดียวก็เอาอยู่แล้วเดี๋ยวจัดการ ให้ท่านชาดาดูแลผู้มีอิทธิพลคนไทยไป

“กรณีที่มีการรุกล้ำที่ดินสาธารณะต้องใช้กฎหมายเพราะปัญหาทั้งหมดคือเราไม่ได้ใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเราใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ก็ไม่มีใครเอาประโยชน์จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ ฉะนั้นต้องใช้กฎหมายอย่างเต็มที่  เราเข้าใจว่าอยากได้นักท่องเที่ยวเข้ามา แต่การที่เขาจะเข้ามาก็ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ซึ่งเขาต้องเคารพเมื่อเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพราะมีกฎหมายและวัฒนธรรมที่จะต้องทำตาม ต้องลองดูว่ามีต่างชาติมาซ่าหรือ มาแอคอาท เดี๋ยวจัดการหมด เพียงแค่ดึงวีซ่าหรือพาสปอร์ตออกก็จบแล้ว” นายอนุทิน ระบุ

‘คนภูเก็ต’ เหลืออด!! ความรู้สึกดีๆ ต่อ นทท.เริ่มเสื่อมถอย แปลงกายมา ‘หากิน-กอบโกย-ยึดเกาะ’ ย่ำยีหัวใจเจ้าบ้าน

(4 มี.ค.67) จากเพจ ‘เหยี่ยวข่าว ภูเก็ต Newshawk Phuket’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ขออนุญาตเจ้าของบทความนะครับ ... อ่านแล้วจุก!!

#เมื่อเจ้าบ้านกลายเป็นพลเมืองชั้น2 ฉันเป็นคนโลคัล คนท้องถิ่นภูเก็ต ภูมิใจในความเป็นคนภูเก็ตเสมอมา ทำมาหากินอยู่ในวงการท่องเที่ยว ด้านให้บริการ ขายอาหาร และอีกหลากหลาย ฉันยินดีแบ่งปันชายหาดแสนสวย ผู้คนยิ้มแย้มต้อนรับ และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเสมอ ไม่ชอบการที่นักท่องเที่ยวถูกเอาเปรียบ และไม่ชอบให้ชาวบ้านถูกเอาเปรียบเหมือนกัน 

ความรู้สึกดีๆ เหล่านี้เริ่มเสื่อมถอย เมื่อเริ่มมีนักท่องเที่ยวแปลงกายเป็นนักธุรกิจอสังหา และอีกมากมายหลายอาชีพ เริ่มเข้ามากอบโกย จนหลายคนกลายเป็นมหาเศรษฐีจากการทำมาหากินโดยใช้ทรัพยากรของภูเก็ต และเริ่มแปลงกายแสดงศักดาด้วยอำนาจเงินที่มี ว่าตัวเองคือเจ้าของหาด เจ้าของเกาะ พื้นที่ชายหาดสาธารณะทั้งหมดในภูเก็ต ค่อยๆ ถดถอย คนท้องถิ่นไม่มีสิทธิ์ลงไปเดินผ่าน เดินเที่ยว กางเสื่อปิคนิคได้อีกต่อไป 

คนภูเก็ตอดทนกันมามากพอแล้ว เราใจดีกันมากแล้ว คนจากพื้นที่ทั่วประเทศทั่วโลก เข้ามาหากินกอบโกย เริ่มต้นกัดกินบ่อนทำลายภูเก็ต ซ้ำร้ายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนไทยด้วยกัน ที่ลงมาหากินมีรายได้ มีผัวจนมีหน้ามีตา กลับหันมาแว้งกัดเจ้าบ้าน เพียงเพราะเปลี่ยนสถานะตัวเอง ใช้วาจาแทนเท้าเหยียบหัวใจเจ้าบ้าน

#ถึงเวลาที่ เจ้าหน้าทั้งภาครัฐและเอกชนรวมถึงเจ้าบ้านคนโลเคิล ที่จะต้องทวงคืน #หาดสาธารณะ มาไว้ให้ลูกหลานเราได้กลับไปกางเสื่อนอนปิคนิคกันได้หรือยัง 
#ถึงเวลาตรวจสอบ การทำมาหากินของต่างชาติกันบ้างได้แล้วหรือยัง
#ถึงเวลาควบคุมคุณภาพนักท่องเที่ยวว่ามาเที่ยว หรือ #มาทำลาย
#ทำไมเจ้าบ้านจึงกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง
#ทำไมหน่วยงานต่างๆต้องอวยนักธุรกิจต่างชาติและที่สำคัญ เขาดูถูกเราได้ เพราะใครหิวเงิน สวาปามกันจนอ้าปากกันไม่ขึ้น 
#คืนชายหาดสาธารณะให้คนโลเคิล

คนปู๊นเต่ ที่เคยต่อสู้ ลงถนนเพราะการเมืองที่เลวร้าย
จนเบื่อมานาน และก็ต้องหลังพิงฝา ลุกขึ้นปลุกคนท้องถิ่นออกมาเรียกร้อง
***วันนี้ต้องไปแก้ที่ต้นเหตุกันครับ
จะคอยดู คณะ กธ.การท่องเที่ยว สภาบน ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับต้นสายปลายเหตุที่เละเป็นโจ๊กอยู่ ณ.ตอนนี้

###เน้นนะครับ
ต่างชาติ ทำผิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรอาทิ ขับรถเครื่องก่อกวน จับ ปรับ ดำเนินคดี ส่งตัวกลับ ขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ ห้ามเข้าราชอาณาจักร ส่วนทรัพย์สิน ให้ยึดตกเป็นของแผ่นดินสยาม

คนภูเก็ต หัวใจรักชาติ

'หมอปาย' ขอบคุณทุกกำลังใจจากคนไทย หลังถูกชาวต่างชาติทำร้าย พร้อมดีใจ!! ที่ช่วยยืนหยัด ‘เพื่อความยุติธรรม - ทวงคืนหาดสาธารณะ’

(4 มี.ค. 67) จากกรณีแพทย์หญิงรายหนึ่งออกมาร้องขอความเป็นธรรม ถูกชายต่างชาติที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างเตะหลังขณะนั่งบันไดชมจันทร์หน้าวิลล่าแห่งหนึ่ง บริเวณชายหาดภูเก็ต แถมยังถูกหญิงไทยซึ่งเป็นภรรยาของฝรั่งคนดังกล่าวด่ากราด อ้างมีตำรวจยศใหญ่คอยดูแลอยู่เบื้องหลัง ขณะที่คู่กรณีโต้ลั่นไม่ได้เตะ แค่สะดุดแล้วเท้าไปโดนหลัง

แม้ฝรั่งและภรรยาจะออกมาขอโทษแล้ว แต่ ชาวภูเก็ต ได้มีการเคลื่อนไหวนัดรวมพลังกันในวันที่ 3 มีนาคม ทวงคืนหาดบนพื้นที่สาธารณะ หลังเกิดเหตุการณ์ชาวต่างชาติเตะแพทย์หญิงที่ภูเก็ต ล่าสุดเทศบาลตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง ติดประกาศคำสั่งให้รื้อถอนแนวบันไดและสิ่งปลูกสร้าง ที่รุกล้ำชายหาดพื้นที่สาธารณะ ภายใน 30 วัน ภายหลังตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และพบว่าบริษัทเอกชนเจ้าของวิลล่า สร้างแนวบันไดไม้และคอนกรีต ลานนั่งเล่นไม้ แนวกำแพงกันดินหินกล่องรุกล้ำชายหาด ขณะที่ชาวบ้านป่าคลอก และใกล้เคียง เมื่อเห็นประกาศ ต่างพากันมาถ่ายรูปบริเวณบันไดจุดเกิดเหตุกันไม่ขาดสาย โดยบอกว่าอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนถูกรื้อถอนนั้น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก ‘Phuket Times ภูเก็ตไทม์’ โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า ‘หมอปาย’ ขอขอบคุณชาวภูเก็ต และคนไทยทั้งประเทศ ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรม ทวงคืนหาดสาธารณะ

โดยหมอปายระบุข้อความว่า “ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นค่ะ รู้สึกกำลังใจดี ที่ได้กำลังใจจากคนภูเก็ต+คนไทย หนูรู้สึกดีใจและขอบคุณทุกคนมากๆ เลยค่ะ ที่ยืนหยัดเพื่อความยุติธรรมและทวงคืนหาดสาธารณะของพวกเราคืนค่ะ”

สะเทือนใจ!! ‘ต่างชาติกร่าง’ ทำร้ายคนไทยบนผืนแผ่นดินไทย เปรียบ!! หากเกิดขึ้นใน ‘สหรัฐฯ’ อาจลามถึงขั้นลงถนนประท้วง

จากกรณีชาวต่างชาติได้เข้าทำร้ายคุณหมอ ขณะนั่งพักอยู่ที่บันไดริมชายหาดในภูเก็ต จนกลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ภายหลังชาวต่างชาติรายดังกล่าวพร้อมภรรยาได้ออกมาขอโทษคุณหมอผู้เสียหาย แต่ทางคุณหมอยืนยันจะเอาผิดทางกฎหมายให้ถึงที่สุด

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (4 มี.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘David William’ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘ครูเดวิด วิลเลียม’ ซึ่งเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ที่รู้จักกันบนโลกโซเชียลมีเดียจากการที่เขาสามารถใช้สำเนียงการพูดได้หลากหลายเพื่อคำคอนเทนต์สนุกๆ บนโลกโซเชียล จนยอดผู้ติดตามในเพจเฟซบุ๊กสูงถึง 1.4 ล้านคน ได้ออกมาโพสต์วิดีโอแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน

ครูเดวิด กล่าวว่า คุณมาประเทศของคนอื่น มาอยู่ในบ้านของคนอื่น ซึ่งเขายินดีที่จะให้คุณอยู่ ทั้ง ๆ ที่คุณไม่มีสิทธิ์ แถมคุณยังมีโอกาสได้ทำธุรกิจ อยู่ดีกินดี แล้วมาทำอย่างนี้ได้อย่างไร? ถ้าจะมาทำตัวแบบนี้กับคนที่ให้บ้านอยู่อาศัย ก็เชิญกลับประเทศคุณไปเถอะ

ครูเดวิดกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สิ่งที่งงมากจริง ๆ คือ ที่ที่คุณหมอนั่งเป็นพื้นที่สาธารณะ และคุณหมอก็เป็นคนไทย เป็นเจ้าของประเทศ นั่งในพื้นที่ที่เป็นสาธารณะในพื้นที่ประเทศตัวเอง แล้วจะไปไล่ให้คุณหมอออกจากพื้นที่ตรงนั้น ด้วยพฤติกรรมแบบนั้นได้อย่างไร?

นอกจากนี้ครูเดวิดยังได้ยกตัวอย่างนิสัยของชาวตะวันตก โดยระบุว่า… “จะมีฝรั่งบางจำพวกที่เมื่อมาเที่ยวที่ประเทศในเอเชีย จะชอบคิดว่าตัวเองเหนือกว่าทุกคน เหนือกว่าทุกสิ่ง”

ครูเดวิดได้แสดงความคิดเห็นเตือนสติคนไทยไว้ด้วยว่า… “ก็อยากจะขอเตือนคนไทยทุกคนด้วยความเคารพอย่างยิ่ง อยากให้เลิกใจดีขนาดนี้ได้แล้ว ซึ่งจากลักษณะของคนไทยที่สังเกตได้คืออยากให้ทุกคนมาอยู่ร่วมด้วย และเป็นหนึ่งประเทศที่น่ารักกับชาวต่างชาติมาก ๆ แต่ก็ต้องแยกแยะระหว่างชาวต่างชาติที่อยู่ประเทศไทย เคารพกฎหมาย รักคนไทย ให้ความเคารพคนไทย กับฝรั่งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด ฝรั่งที่ไม่เคยให้เกียรติคนอื่ และฝรั่งที่ชอบดูถูกคนไทย”

ครูเดวิดได้เปรียบเทียบหากเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนว่า… “ผมขอการันตีเลยว่าหากเหตุการณ์คล้าย ๆ กันนี้เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ที่ผู้คนที่นั่นเป็นคนที่รักชาติบ้านเกิด และภูมิใจในประเทศของตัวเองแบบสุด ๆ แต่เขาก็สามารถอยู่กับชาวต่างชาติได้ แต่ชาวต่างชาติก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเยอะมาก ๆ ว่ารักสหรัฐอเมริกาแบบแท้จริง”

“และแน่นอนว่า หากมีชาวต่างชาติ ทำร้ายคนสหรัฐฯ เหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศไทย คนสหรัฐฯ จะไล่ชาวต่างชาติคนนั้นออกจากประเทศ ไม่เท่านั้นนะ ทุกอย่างจะลุกเป็นไฟ จะมีการลงถนนประท้วงด้วยซ้ำ”

ครูเดวิดได้สรุปทิ้งท้ายไว้ว่า “ขอคนไทยอย่าปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ อย่าปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไป เพื่อให้ชาวโลกรู้ เพื่อให้ชาวโลกเห็นว่าคนไทยจะไม่ยอมโดนดูถูกในประเทศตัวเอง และพวกเรามีสิทธิในการปกป้องศักดิ์ศรีของพวกเราอย่างแน่นอน”

‘ธนกร’ ฝากผู้ว่าฯ-ตำรวจ ลงพื้นที่เข้มแหล่งท่องเที่ยว หวั่นลักลอบขายบริการ หลังเกิดเหตุ กลุ่มสาวประเภทสอง รุมทำร้ายฝรั่งที่ภูเก็ต กังวลภาพลักษณ์ ของประเทศ

(10 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ  อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ  สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงเหตุวิวาททำร้ายร่างกายระหว่างสาวประเภทสองในพื้นที่อ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต กับนักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติ ว่า  ที่จังหวัดภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก และในช่วงนี้ ก็พบว่ามีเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นหลายกรณี  ตั้งแต่กรณีฝรั่งชาวสวิสฯ มาเฟียรัสเซียและล่าสุด เกิดเหตุกลุ่มสาวประเภทสองรวมทำร้ายนักท่องเที่ยวชายชาวต่างชาติขึ้นอีก จึงอยากขอให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว ฝ่ายปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงไปตรวจสอบอย่างเคร่งครัดเข้มงวด ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องใด ตนมองว่าการทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายใช้ความรุนแรงไม่ควรเกิดขึ้น และหากมีสาเหตุมาจากการตกลงกันไม่ได้เรื่องการขายบริการของสาวประเภทสอง  เจ้าหน้าที่ก็ต้องหามาตรการในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่ให้กลุ่มดังกล่าวใช้แหล่งท่องเที่ยวบางหน้าเป็นที่รับลูกค้าลักลอบขายบริการได้ ซึ่งกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างมาก

ทั้งนี้เมื่อรัฐบาลเดินหน้านโยบาย วีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวหลายประเทศ ย่อมมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาพักผ่อนตามแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น  ตนจึงอยากฝากผู้ว่าราชการทุกจังหวัด และขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนคนไทยเจ้าของประเทศ ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวและเป็นเจ้าบ้านที่ดี สร้างภาพลักษณ์ให้เป็นที่น่าประทับใจเพราะหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก ก็จะทำให้เกิดการสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เติบโตตามมา  แต่หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อาจกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในประเทศได้  ส่วนที่เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องได้รับการแก้ไขและดำเนินคดีตามกฎหมาย

“ขอฝากท่านผู้ว่าฯภูเก็ต ฝ่ายปกครองรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงไปตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว อย่าให้เกิดการใช้แหล่งท่องเที่ยวมาบังหน้าเพื่อลักลอบขายบริการทางเพศ เพราะจะทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยในภาพรวมไปด้วย นอกจากนั้น อยากฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญทุกจังหวัดด้วยไม่ใช่แต่เฉพาะภูเก็ตเท่านั้น”นายธนกรกล่าว

‘ธนกร’ หนุน ‘อนุทิน’ กวดขันหาดป่าตอง เร่งแก้ปัญหา ต่างชาติแย่งงานคนไทย เชื่อหากวางระบบความปลอดภัยให้ดี มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อีกหลายเท่าตัว

(16 มี.ค.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และได้แจ้งข้อมูลให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทราบแล้วนั้น ล่าสุดต้องขอขอบคุณ นายอนุทิน ที่ได้ลงพื้นที่หาดป่าตองจังหวัดภูเก็ตด้วยตัวเอง  พร้อมทั้งยังได้สั่งการให้ อธิบดีกรมการปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจพื้นที่ แก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวทันที มีการดำเนินคดีฝรั่งที่ก่อเหตุทำร้ายแพทย์หญิง รวมถึงกรณีอื่นๆที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวด้วย จึงเชื่อว่าการแก้ปัญหามาเฟียต่างชาติจะหมดไป

ทั้งนี้ขอฝากนายอนุทิน พิจารณาขยายพื้นที่โซนนิ่งเปิดสถานบริการถึงเวลา 04:00 น. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพื้นที่อื่น ๆ ให้เกิดความคึกคัก โดยควบคู่กับการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยและระบบดูแลอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงและเพียงพอ เชื่อว่า จะสร้างความมั่นใจและดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่อีกจำนวนมาก จะสร้างงานสร้างอาชีพเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการและประชาชนมากขึ้นเป็นเท่าตัว

“ต้องขอบคุณ มท.1 ที่เมื่อผมได้ส่งข้อมูลเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและผู้ประกอบการในภูเก็ตให้ ท่านก็ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง ทันที พร้อมสั่งการให้ผู้ว่าฯเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขัน ไม่ยอมปล่อยให้มาเฟียต่างชาติ เข้ามายึดพื้นที่ แย่งงานคนไทยได้ และเชื่อว่าหากมีการวางระบบรักษาความปลอดภัยการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวจะสร้างความมั่นใจดึงดูดให้มีการเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่มากยิ่งขึ้น หากภาครัฐพิจารณาขยายเวลาเปิดสถานบริการเพิ่มขึ้นไปถึงตี 4 เชื่อว่า จะสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวได้มากขึ้นอีกเป็นเท่าตัวอย่างแน่นอน” นายธนกร กล่าว

2 หนุ่มนิวซีแลนด์ กร่าง ล็อคคอทำร้าย-แย่งปืน เจ้าหน้าที่ เหตุไม่พอใจ ที่ตำรวจ เข้าตักเตือนเรื่อง แว้นมอไซซิ่ง ในเขตชุมชน 

(17 มี.ค.67) เวลาประมาณ 15.50 น. นักท่องเที่ยวต่างชาติเหิมเกริม ฝ่าฝืนกฎจราจร ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ซ้ำหนักเข้าแย่งอาวุธปืน ทำร้ายเจ้าพนักงาน ก่อนเกิดเหตุนั้น ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ (จร.) สภ.ฉลอง ขณะออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ และอำนวยความสะดวก ให้บริการแก่ประชาชน บริเวณถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หน้าสภ.ฉลอง

พบชายต่างชาติ ขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน คือ 1. Mr.HAMISH DAY อายุ 36 ปี สัญชาตินิวซีแลนด์ 2. Mr.OSCAR MATTSON DAY อายุ 38 ปี สัญชาตินิวซีแลนด์ โดยผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คัน ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้ายและใช้ความเร็วสูงในเขตชุมชน จึงเรียกให้หยุดรถแต่ทั้งสองไม่หยุดและได้หลบหนี

ด.ต.สมศักดิ์ฯ จึงได้ขับรถติดตามเมื่อทั้ง 2 คันจอดได้แสดงอาการโวยวายไม่พอใจเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการถ่ายคลิปเหตุการณ์ผู้ต้องหาทั้งสองคนได้เข้ามาปัดโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ขณะถ่ายคลิปและทั้งสองคนได้เข้าทำร้ายและควบคุมตัว ด.ต.สมศักดิ์ฯ และ ได้ยื้อแย่งอาวุธปืนเป็นเหตุให้ปืนลั่นจำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่ในข่ายสภ.ฉลองได้เข้าช่วยเหลือเหตุการณ์ดังกล่าว

และทำการจับกุมผู้ต้องหา ทั้ง 2 ราย สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนหน้าร้านกิตติก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ตำบลฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

เจ้าหน้าที่ฯได้แจ้งข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน ร่วมกันชิงทรัพย์,ร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่,ร่วมทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่,ร่วมกันพยายามให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำ อันมิชอบด้วยหน้าที่,ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ

จากนั้น เจ้าหน้าที่ฯควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ฉลองดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘บิ๊กโจ๊ก’ สั่งถอนวีซ่า-ห้ามเข้าประเทศ ‘2 ชาวต่างชาติ’ หลังทำร้าย-พยายามแย่งปืน ‘ตร.ภูเก็ต’ จนได้รับบาดเจ็บ

(18 มี.ค.67) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ‘สุรเชษฐ์ หักพาล’ เมื่อคืนวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า “วันนี้หลังจากผมได้ทราบเรื่อง ‘ตำรวจจราจร สภ.ฉลอง ถูกชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย’ จึงสั่งผู้การ ตม.6 เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด หลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก หลังพยายามชิงอาวุธปืนตำรวจ”

“จากเหตุการณ์เกิดที่บริเวณริมถนนหน้าร้านกิตติก๋วยเตี๋ยวเป็ด ถ.เจ้าฟ้าตะวันออก ต.ฉลอง อ.เมือง จว.ภูเก็ต ผู้บาดเจ็บ ด.ต.สมศักดิ์ หนูเอียด ผบ.หมู่ (จร.) สภ.ฉลอง (บาดเจ็บบริเวณนิ้วมือและขา) ถูกนำส่ง รพ.ฉลอง เหตุดังกล่าว จนท.ตร. ได้อำนวยความสะดวกจราจรและกวดขันวินัยจราจร ได้มีรถ จยย. จำนวน 2 คัน ขับขี่โดยชายชาวต่างชาติ ขับรถผ่านในลักษณะใช้ความเร็วไม่ใช้ความระมัดระวัง ด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้เรียกให้ชายชาวต่างชาติหยุด”

“เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ชายต่างชาติทั้งสองมีท่าทีที่จะหลบหนี ด.ต.สมศักดิ์ ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปเพื่อเก็บพยานหลักฐาน จากนั้นชาวต่างชาติได้ปัดโทรศัพท์มือถือและเข้าประชิดตัวกอดรัดฟัดเหวี่ยงจน ด.ต.สมศักดิ์ ล้มลงโดยมีชายต่างชาติ MR.OSCAR ขึ้นคร่อมตัวอยู่ จนด.ต.สมศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ แล้ว MR.OSCAR ได้พยายามแย่งอาวุธปืนของ ด.ต.สมศักดิ์”

“โดย ด.ต.สมศักดิ์ ได้พยายามยามป้องกันไม่ให้ยื้อแย่งปืนไปได้ ขณะที่ยื้อแย่งกันนั้นอาวุธปืนได้ลั่นจำนวน 1 นัด ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ต่อมาได้มี จนท.ตร. ได้ขับรถมาจอดขวางและช่วยเข้าระงับเหตุ

เมื่อผมได้รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมสั่งการให้ดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี และยืนยันว่าจะลงไปเยี่ยมบำรุงขวัญอีกครั้งด้วยตัวเอง”

“ผมขอชื่นชมตำรวจที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถ แม้ว่าคู่กรณีจะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็สามารถป้องกันตัวและระงับเหตุโดยไม่หวั่นเกรงต่อชีวิต นอกจากนี้ ผมได้สั่งการให้เพิกถอนวีซ่า 2 ต่างชาติ ดำเนินคดีเฉียบขาด และหลังจบคดี ให้สั่งห้ามเข้าประเทศอีก”

ตร.ภูเก็ต โพสต์เฟซ ชื่นชม พี่แท็กซี่ ที่มีความซื่อสัตย์ เอากระเป๋านักท่องเที่ยว ที่ลืมไว้ มาส่งคืนให้

เมื่อไม่นานมานี้ สถานีตำรวจภูธรเชิงทะเล ภูเก็ต ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ชื่นชมคนขับรถแท็กซี่ ที่เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์ โดยได้ระบุว่า ...

ขอบคุณมากครับสำหรับความซื่อสัตย์ต่อตนเองและอาชีพ #สภ.เชิงทะเลขอชื่นชมพี่แท็กซี่ นายอภิชัย โพธิ์เหมือน ที่ขับรถแท็กซี่ป้ายเขียว หมายเลขทะเบียน ฌข -2849 ภูเก็ต กรณีนักท่องเที่ยวลืมกระเป๋าไว้ในรถ นำมาส่งคืนเรียบร้อย#ยอดเยี่ยมมากครับ (ขออนุญาตเผยแพร่เพื่อชื่นชมนะครับ)

ตำรวจภูธรภาค 8 บูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ค้น 5 จุดเป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติประกอบธุรกิจหลีกเลี่ยงกฎหมาย พบมีชาวไทยเป็นนอมินี

เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.2567) เวลา 07.00 น. ในพื้นที่ ภ.จว.ภูเก็ต พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.ศรัญญู ชำนาญราช รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พล.ต.ต.นภันวุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 ประชุมชี้แจง 6 ชุดปฏิบัติการ บูรณาการกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง, พานิชย์จังหวัดภูเก็ต, หน่วยงาน ตร.ทท. และ ตม.ภูเก็ต เพื่อเข้าตรวจค้น จำนวน 5 เป้าหมาย เพื่อจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ทรัพย์ของกลาง และพบพยานหลักฐานอื่นอันนำไปสู่การสอบสวนขยายผล กรณีบุคคลที่ร่วมกันให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต และการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่เพียงผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงกฎหมาย 

จากการสืบสวนบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยลักลอบประกอบอาชีพ หรือประกอบธุรกิจอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย พบพยานหลักฐานและข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า ร้านอาหาร OCTOPUS เป็นที่นัดรวมของชาวต่างชาติเป็นประจำ มีการกระทำอันฝ่าฝืนกฎหมาย โดยกลุ่มบุคคลด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักร ดำเนินการประกอบธุรกิจในประเทศไทย  โดยมีคนไทยให้การช่วยเหลือ สนับสนุน  ทำการจดทะเบียนเพื่อจัดตั้งบริษัทฯ กระทำการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนของคนต่างด้าว หรือที่เรียกว่า นอมินี ในคดีนี้ บริษัท วีวีจี อะไลอันซ์ จำกัด ผู้ต้องหา ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มใช้ชื่อร้านว่า “OCTOPUS” ตั้งอยู่ถนนบ้านดอน-เชิงทะเล ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง โดยนางสาวปุณยนุช สัญชาติไทย ผู้ต้องหา และนายวาลาดิสลาฟ สัญชาติรัสเชีย ผู้ต้องหา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ มีผู้ถือหุ้น คือ 1.นางสาวปุณยนุช จำนวนหุ้นที่ถือ 20,400 หุ้น, คิดเป็น 51%  , นายวาลาดิสลาฟ จำนวนหุ้นที่ถือ 9,800 หุ้น คิดเป็น 24.5% , นายวาเลรี จำนวนหุ้นที่ถือ 9,800 หุ้น คิดเป็น 24.5% และนายพาเวล ทำหน้าที่ในการบริหาร ดูแลทางด้านการเงิน และมีอำนาจตัดสินใจแทนผู้ต้องหาที่ 3 

นายวาลาดิสลาฟ  ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน OCTOPUS ที่แท้จริง พยานหลักฐานเชื่อมโยงยังปรากฎ นางสาวปุณยนุช ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและหุ้นส่วนใหญ่ เป็นเพียงนอมินี ของกลุ่มทุนต่างชาติ  มิได้มีอำนาจในบริษัทฯแต่อย่างใด พยานหลักฐานด้านการเงินแสดงให้เห็นว่า บัญชีเงินฝากจากสถาบันการเดินของทางร้าน OCTOPUS โอนต่อไปบัญชีเงินฝาก นายวาลาดิลาฟ ชี้ให้เห็นว่า นายวาลาดิลาฟ คือ เจ้าของร้านและเป็นเจ้าของ บริษัท วีวีจี อะไลอันซ์ จำกัด อย่างแท้จริง มีเงินหมุนเวียนจำนวน 80 ล้านบาท หลังการตรวจค้นทั้ง 5 จุด ยังพบทรัพย์ของกลาง พยานเอกสารของกลาง ที่ต้องพิจารณาเพื่อขยายผลในการสืบสวนสอบสวนต่อไป เชื่อว่ายังไปเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นจำนวนหนึ่ง  


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top