‘กรณ์’ จี้!! ครม.สัญจร ช่วยด่วน 'ท่องเที่ยว' ภูเก็ต ยก 3 ข้อควรทำ ก่อนภาคธุรกิจหมดลมหายใจ

‘กรณ์’ กร้าว!! ขอเป็นกระบอกเสียงคนภูเก็ต ยก 3 ข้อเรียกร้อง จี้!! ครม.สัญจร เร่งแก้ปัญหาตอบโจทย์ 'เศรษฐกิจท่องเที่ยว' ไม่ปล่อย ‘เฮือกสุดท้าย’ ผู้ประกอบการภูเก็ตสูญเปล่า 

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า…

ตนได้ใช้ชีวิตในภูเก็ต สิ่งที่น่าดีใจคือนักท่องเที่ยวเยอะขึ้น ป่าตองเริ่มคึกคัก และจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการชาวภูเก็ตหลายกลุ่มและหลายวงสนทนา เราเห็นตรงกันว่าภูเก็ต คือ เมืองแห่งศักยภาพของประเทศไทยที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกได้สบาย ๆ ซึ่งหมายความว่าคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของคนภูเก็ต รวมถึงรายได้เข้าประเทศโดยรวม ดีกว่านี้ได้อีกมาก 

เวลานี้หลายปัญหาของภูเก็ตรอการแก้ไข และส่วนใหญ่อุปสรรคมาจากระบบราชการที่ช้าและไม่ยืดหยุ่นตามบริบทที่เกิดขึ้นจริงในพื้นที่ 

นายกรณ์ กล่าวว่า ภูเก็ตน่าจะเป็นเมืองที่รวบรวมจำนวนคนที่รอบรู้และเข้าใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไว้มากที่สุดในโลก และไม่มีใครหวังดีต่ออนาคตคนภูเก็ตมากเท่าคนภูเก็ต ดังนั้นเมื่อคนที่รู้ บวกกับคนที่ใส่ใจเป็นคนภูเก็ต แล้วทำไมการกำหนดยุทธศาสตร์และการตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวกับภูเก็ตยังอยู่ที่อำนาจส่วนกลางที่กรุงเทพ 

ดังนั้นเมื่ออำนาจยังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพ การประชุม ครม. สัญจร วันที่ 15-16 พฤศจิกายน จึงยังมีความสำคัญต่ออนาคตภูเก็ต มีหลายเรื่องที่ตนขอเป็นกระบอกเสียงแทนคนภูเก็ตไปถึงรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้มีการทบทวนและรีบตัดสินใจ เพื่อช่วยให้ “เฮือกสุดท้าย” ของผู้ประกอบการในภูเก็ตไม่สูญเปล่า 

โดยหัวหน้าพรรคกล้า ได้ยก 3 ข้อเรียกร้องที่ฝากไปถึงรัฐบาล ได้แก่…

1.) ปัญหาใบอนุญาตโรงแรม ที่กำลังทำให้ธุรกิจที่พักขนาดเล็กหมดแรงและกำลังจะตายไป ตอนนี้ในเว็บไซต์การจองโรงแรมมีโรงแรมในภูเก็ตเปิดขายห้องพักมากกว่า 1 หมื่นแห่ง แต่ที่มีใบอนุญาตถูกต้องนั้นไม่ถึง 800 แห่ง ทั้ง ๆ ที่โรงแรมขนาดเล็ก คือ ท่อลำเลียงทำให้เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวกระจายเงินออกไปในวงกว้าง เพราะนักท่องเที่ยวที่พักในโรงแรมเล็ก ๆ คือ กลุ่มที่ออกมาขึ้นรถโดยสาร เรียกแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก กินข้าวตามร้านอาหาร ซื้อทัวร์ ใช้บริการนวดและสปา หลายธุรกิจจะมีโอกาสสร้างรายได้และไปต่อ รัฐบาลควรเร่งออกมาตรการให้โรงแรมขนาดเล็กสามารถเปิดได้อย่างถูกกฎหมาย เพื่อทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่เป็นหัวใจของการสร้างรายได้จากท่องเที่ยว มีโอกาสการสร้างรายได้ และให้โอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนในการฟื้นฟูธุรกิจอีกด้วย

2.) การเข้าถึงแหล่งทุน ที่ยากหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ระเบียบหลายอย่างไม่ยืดหยุ่นพอกับสถานการณ์จริง เช่น เนื่องจากในช่วงโควิด ไม่มีรายได้ ไม่มี Statement ทำให้ยื่นกู้ Soft loan ไม่ได้ หลายธุรกิจยอมตาย และอีกหลายคนกำลังจะตายตามไป จึงขอเสนอให้มี 'กองทุนเฉพาะ' ซึ่งตนขอเรียกว่า Restart Phuket Fund ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถกลับมาทำธุรกิจได้ เพราะการที่โรงแรมหรือธุรกิจต้องปิดมาหลายเดือน ค่าใช้จ่ายที่จะกลับมาเปิดคือภาระต้นทุนที่สูงมาก กองทุนนี้จะเป็นอีกช่องทางที่จะกระจายเงิน Soft loan จากแบงก์ชาติที่มีเงินเหลือแต่เข้าถึงยากเกินไป ให้ไปถึงมือผู้ประกอบการเพื่อกลับมาฟื้นฟูธุรกิจอีกครั้ง ยืนยันว่าเงินยังมีและอยู่ในอำนาจของรัฐบาลที่จะทำได้ ตอนนี้ช้าไปมากแล้ว ไฮซีซันนี้คือโอกาสสุดท้าย ที่รัฐบาลต้องเร่งมือ

3.) ระบบสาธารณูปโภค ระบบขนส่งมวลชนทั้งระบบรางและโครงข่ายถนนที่มีการพูดคุยศึกษากันมาหลายสิบปี สร้างความผิดหวังและสับสนให้คนภูเก็ตมาตลอด อยากให้รัฐบาลเร่งตัดสินใจลงทุนในโครงการต่าง ๆ เพื่อรองรับการเติบโตของภูเก็ตในอนาคตอันใกล้นี้  อย่าให้ประเด็นการเมือง หรือความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองทำให้การพัฒนายืดเยื้อไปอีก เราช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว 

นอกจากนี้ ปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้งก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข รวมไปถึงปัญหาขยะที่จะต้องทำให้ภูเก็ตเป็นกรีน ซิตี เป็นต้น

“สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขและตัดสินใจลงทุน เพื่อนำภูเก็ตไปสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งในส่วนของเอกชนภูเก็ตนั้นมีความพร้อมเป็นอย่างมากในการลงทุนและมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาเมือง ผู้บริหารประเทศต้องตามให้ทันและมองภาพรวม อนาคตของภูเก็ตไม่ใช่แค่คนภูเก็ตได้ประโยชน์ เพราะนอกจากเป็นหน้าเป็นตาให้ประเทศในฐานะ World-Class Destination แล้ว ภูเก็ตเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่กระจายรายได้และโอกาสไปยังพื้นที่ใกล้เคียงและแรงงานจากนอกพื้นที่อีกนับแสนคน ภูเก็ตเป็นทั้งภาพลักษณ์และขุมพลังทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ผมขอฝาก ครม. สัญจร ไว้ให้ตั้งใจพิจารณาโครงการต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูและสร้างความเข้มแข็งให้ภูเก็ตอย่างเร่งด่วน” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว