ตม.จว.ภูเก็ต - บก.ตม.6 และ บก.สส.สตม. ร่วมกันจับกุม! ผู้ต้องหา ‘สวมสิทธิขอสัญชาติไทย’

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัย เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย หรือลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. มอบหมายให้ พล.ต.ต.อาชยน  ไกรทอง รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.ธเนศ สุขชัย ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.ภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. แถลงข่าวการจับกุมคนร้าย ดังนี้ 

นายโอมจี อายุ 47 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 284/2564 ลง 7 ตุลาคม 2564 และ 288/2564 ลง 8 ตุลาคม 2564 ข้อหา “เป็นผู้ยื่นคำขอมีบัตรประชาชนโดยมิได้มีสัญชาติไทย ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่, เป็นคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย ทำหรือใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือกระทำการเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นมีชื่อหรือมีรายการอย่างหนึ่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารทะเบียนราษฎร์อื่นโดยมิชอบ, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการที่มีบัตรประจำตัวประชาชน, แจ้งความอันเป็นเท็จแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับให้เป็นพยานหลักฐานโดยที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำผิดตามมาตรา 267 ในประการที่น่าจะให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”

สืบเนื่องจาก ตม.จว.ภูเก็ต ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคนต่างด้าวมีพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ของ  ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต จึงได้ดำเนินการตรวจสอบสืบสวนจนพบข้อมูลต้องสงสัยน่าเชื่อว่า นายโอมจี อายุ 49 ปี เดิมเป็นบุคคลสัญชาติเมียนมา ได้รับสัญชาติไทย ซึ่งอาจเป็นผู้ได้มาซึ่งสัญชาติไทยโดยไม่ถูกต้อง จากนั้น จึงได้ตรวจสอบไปยังกรมการปกครองและได้รับการสนับสนุนข้อมูลจากกรมการปกครองกลับมาว่า บุคคลดังกล่าว ( นายโอมจี ) มีภาพใบหน้าลักษณะคล้ายชาวอินเดียไม่น่าจะเป็นพี่น้องกับบุคคลในทะเบียนประวัติราษฎร อีกทั้ง ทะเบียนประวัติมีลักษณะเป็นการจัดทำขึ้นใหม่ทั้งฉบับซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานดังกล่าวในฐานข้อมูลการทะเบียนราษฎร ประกอบกับการการทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยครั้งแรกนั้นได้ดำเนินการหลังระยะเวลาที่ได้จัดทำทะเบียนประวัติเป็นเวลานาน 

ตม.จว.ภูเก็ต จึงได้ประสานข้อมูลให้ บก.สส.สตม. ช่วยสืบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม รวมถึงสอบสวนปากคำพยานซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวที่นายโอมจีเข้าไปสวมสิทธิ เจ้าหน้าที่สืบสวนได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนน่าเชื่อว่า นายโอมจีฯ มีพฤติกรรมสวมสิทธิของบุคคลอื่น เพื่อขอมีสัญชาติไทย ขอมีบัตรประชาชนและเพิ่มข้อมูลในทะเบียนราษฎร์โดยทุจริต เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำรายงานสืบสวนเสนอผู้บังคับบัญชา และแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง และ สภ.ถลาง เพื่อดำเนินคดีและออกหมายจับผู้ต้องหาในเวลาต่อมา

จนกระทั่ง ตม.จว.ภูเก็ต ร่วมกับ บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งร่วมบูรณาการจับกุมได้สืบทราบว่า นายโอมจีฯ พักอาศัยอยู่บ้านแห่งหนึ่ง ซ.นาใน 2 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต ได้เดินทางไปตรวจสอบ พบ นายโอมจี ผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงจับกุมผู้ต้องหา นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่าง ๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง