Wednesday, 15 May 2024
ยูเครน

หมีขาววิกฤติ! ‘มาตรการคว่ำบาตร’ พ่นพิษ ‘เศรษฐกิจรัสเซีย’ ดิ่งหนักสุดนับแต่สิ้นโซเวียต!

รัฐบาลสหราชอาณาจักรคาดการณ์ว่ารัสเซียกำลังมุ่งหน้าไปสู่ภาวะถดถอยที่ลึกที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต  โดยคาดว่าเงินรัสเซียกว่า 275,000 ล้านปอนด์ (358,520 ล้านดอลลาร์) ถูกอายัดจากการคว่ำบาตรจากนานาประเทศในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

การวิเคราะห์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ารัสเซียกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยที่ลึกที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต สหราชอาณาจักรประมาณการว่า 60% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของรัสเซียถูกระงับเนื่องจากการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรยังเพิ่มลูกสาวของวลาดิมีร์ ปูตินเข้าไปในรายการคว่ำบาตร ตามรอยรัฐบาลสหรัฐฯ โดยประกาศให้ระงับทรัพย์สินของเคเทรินา ทิโคโนวา (Katerina Tikhonova) และมาเรีย โวรอนซอฟวา (Maria Vorontsova) ลูกสาววัยผู้ใหญ่ของปูติน และเซร์เกเยฟนา วิโนคูโรวา (Sergeyevna Vinokurova) ลูกสาวของรัฐมนตรีต่างประเทศเซอร์เก ลาฟรอฟ ทั้งสามคนถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นสัปดาห์นี้

ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร ระบุในถ้อยแถลงว่า “มาตรการคว่ำบาตรอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของเราส่งผลกระทบต่อกลุ่มชนชั้นนำและครอบครัวของพวกเขา ในขณะที่เศรษฐกิจของรัสเซียเสื่อมโทรมในระดับที่รัสเซียไม่เคยพบเห็นตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต”

“วิถีชีวิตที่ฟุ่มเฟือยของวงในของเครมลินจะถูกกำหนดเป้าหมายต่อไปตั้งแต่วันนี้ ในขณะที่สหราชอาณาจักรคว่ำบาตรลูกสาววัยผู้ใหญ่ของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของเขา” รัฐบาลสหราชอาณาจักรกล่าวในแถลงการณ์

'ผู้นำสิงคโปร์' เตือน!! สหรัฐฯ อย่าโดดเดี่ยวจีนจากปัญหายูเครน ลั่น!! ทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจเรื่องนี้ตามทางของตน

ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีประเทศในแถบเอเชีย ที่เริ่มกล้าออกมาแสดงจุดยืนที่ห้าวหาญในประเด็นการเมืองโลก โดยล่าสุด Lee Hsien Loong นายกรัฐมนตรีของสิงค์โปร์ ได้ออกคำเตือนไปยังสหรัฐฯ โดยตรงว่า "อย่าพยายาม โดดเดี่ยวจีน จากประเด็นเรื่องยูเครน เพราะทุกวันนี้โลกของเรา "ก็มีปัญหามากพออยู่แล้ว" และยังลั่นอีกด้วยว่าในอนาคต สหรัฐฯ อาจไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลกอีกต่อไป 

นายกฯ สิงคโปร์ กล่าวไว้ชัดเจนว่า ถ้าหากสหรัฐฯ ยังหันมาเปิดศึกกับจีน จะยิ่งเป็นการแบ่งแยกระบอบประชาธิปไตยกับเผด็จการอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้ปัญหา Supply Chain โลกซับซ้อนเข้าไปอีก และแน่นอนว่าถ้าลุกลามถึงขั้นคว่ำบาตรจีน ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกสูงกว่าการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นอย่างมาก

“คุณต้องระวังให้มากที่จะไม่กำหนดปัญหายูเครนในลักษณะที่จะทำให้จีนเป็นฝ่ายผิดตั้งแต่แรกเริ่มโดยอัตโนมัติ ยกตัวอย่างเช่น การทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยและเผด็จการ”

(You have to be very careful not to define the problem with Ukraine in such a way that automatically, China is already on the wrong side, for example, by making this a battle of democracies against autocracies.)

“เราทุกคนมีปัญหาในยูเครน ผมคิดว่าถ้าเราพูดถึงอธิปไตย ความเป็นอิสระ และบูรณภาพแห่งดินแดน หลายประเทศสามารถเข้าร่วมได้ แม้แต่จีนเองก็ยังไม่คัดค้านและยังมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนอย่างแข็งขันเป็นการส่วนตัวด้วย แต่ถ้าคุณ (สหรัฐฯ) บอกว่านี่เป็นเรื่องของประชาธิปไตยกับระบอบเผด็จการของปูติน ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ยากพออยู่แล้ว และถ้าคุณยังบอกอีกว่าประชาธิปไตยต้องสู้กับเผด็จการ นั่นถือเป็นการกำหนดให้ประเทศจีนเป็นฝ่ายที่ผิดตั้งแต่แรก และทำให้สิ่งต่างๆ จะยากขึ้นไปอีก”

(We all have a problem in Ukraine. I think if we talk about sovereignty, independence and territorial integrity, a lot of countries can come along. Even China would not object to that, and would actually privately strongly support that. But if you say it is democracies versus Putin’s autocracy, I think that already is difficult. If you say democracies versus autocracies – plural – that already defines China into the wrong camp, and makes things even more difficult.)

นอกจากนี้ นายกฯ สิงคโปร์ยังสอนมวยสหรัฐฯ อีกว่าในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น ทั้ง 2 ฝ่ายมีความไว้วางใจกันน้อยมาก และมันไม่ง่ายเลยที่จะหาระดับที่เหมาะสมในความสัมพันธ์ ขณะที่สิงคโปร์จะเลือกเดินตามทางของตัวเองในการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เรื่องทั้งหมดบานปลาย

ดังนั้นสหรัฐฯ ต้องรู้ตัวแล้วว่า ถ้าเศรษฐกิจยังคงต้องพึ่งพากันและกันกับจีน ก็ไม่ควรวาง 80% ของจุดยืนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไว้ในมุมของการเป็นปรปักษ์หรือศัตรูกัน แล้วมาบอกว่าความสัมพันธ์อันดี 20% ที่เหลือคือการ "Win-Win" ทั้ง 2 ฝ่าย

เขากล่าวชัดเจนว่าแนวคิดนี้ "ควรจะครอบงำรัฐบาลสหรัฐฯ" (กล่าวคือสหรัฐฯ ควรตระหนักเรื่องนี้โดยด่วน) และนอกเหนือจากยูเครนแล้ว สหรัฐฯ ควรรู้ด้วยว่าภูมิภาคเอเชียนี้ ถือเป็นสมรภูมิสำคัญที่สหรัฐฯ ต้องวางจุดยืนของตัวเองให้ดี 

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ ควรหันมามองเรื่อง "ความน่าเชื่อถือของตัวเอง" โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงและความสม่ำเสมอในการทำธุรกิจ (ซึ่งแน่นอนว่าหมายถึงการคว่ำบาตรด้วย) เพราะเรื่องนี้ทำให้เกิดความไม่แน่นอนสูงมาก และอาจทำให้ประเทศอื่น ๆ ลดความไว้เนื้อเชื่อใจสหรัฐฯ ลงในอนาคต

Lee เสริมว่า ในภายภาคหน้านี้ สหรัฐฯ อาจจะไม่ใช่เบอร์ 1 ของโลกอีกต่อไป แต่จะยังคงเป็น 1 ในแนวหน้าทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่สำคัญของโลก ซึ่งเขากล่าวว่ามันอาจเป็นเรื่องที่เจ็บปวดที่จะทำใจยอมรับได้สำหรับสหรัฐฯ แต่เขาก็ปลอบใจว่าเมื่อเวลาผ่านไป สหรัฐฯ จะปรับตัวได้เอง

เซเลนสกี โวยผู้นำฝรั่งเศส-เยอรมนี เหตุ ปฏิเสธตราหน้ารัสเซีย 'ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์'

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในวันพุธ (13 เม.ย.) ตำหนิประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และผู้นำเยอรมนี ที่ปฏิเสธเรียกเหตุเข่นฆ่าชีวิตผู้คนในยูเครน เป็นการ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ตามอย่าง โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ให้คำนิยามดังกล่าวหนึ่งวันก่อนหน้านี้ คำพูดที่เรียกเสียงประณามจากรัสเซียว่าเป็นสิ่งที่ "ไม่อาจยอมรับได้"

"สิ่งต่างๆ เหล่านี้มันเจ็บปวดมากสำหรับเรา ดังนั้น ผมจะทำอย่างดีที่สุดในการพูดคุยกับเราในประเด็นนี้อย่างแน่นอน" เซเลนสกี กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับบรรดาผู้นำโปแลนด์ และรัฐต่างๆ ในแถบบอลติก ที่เดินทางมาเยือนกรุงเคียฟ

ในวันพุธ (13 เม.ย.) พวกผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีปฏิเสธเดินตามประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่กล่าวหารัสเซียกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครน พร้อมเตือนว่าสงครามน้ำลายที่ลุกลามบานปลายจะไม่ช่วยหยุดสงคราม

เมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวหากองกำลังของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน กำลังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยูเครน โดยบอกว่า "มันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าปูตินพยายามจะลบล้างแม้แต่แนวคิดเรื่องความเป็นคนยูเครน มีการค้นพบหลักฐานเพิ่มขึ้นจากสิ่งเลวร้ายที่กองทัพรัสเซียได้กระทำลงไป และเราจะให้นักกฎหมายในองค์กรระหว่างประเทศเป็นผู้ตัดสินว่ามันเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ แต่สำหรับตัวผมแล้ว มันดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น"

เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้คำจำกัดความนี้นิยามการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

เตือนแล้วนะ! ‘รัสเซีย’ เตือน ‘สหรัฐฯ-นาโต’ หยุดส่งอาวุธให้ยูเครน ขู่!  หากดึงดัน อาจเกิดผลลัพธ์เกินคาดเดา!

รัสเซียเตือนอย่างเป็นทางการถึงสหรัฐฯ และนาโต ว่า จะเกิดผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ต่อเสถียรภาพความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ถ้าหากยังไม่หยุดส่งอาวุธให้แก่ยูเครน ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่า ทหารยูเครนราว 2,500-3,000 นาย เสียชีวิตในช่วงเวลา 7 สัปดาห์ของสงครามกับรัสเซียและอีกราว 10,000 นาย ได้รับบาดเจ็บ พร้อมเรียกร้องนานาชาติให้คว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม


สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์รายงานว่า รายงานอ้างสื่อในสหรัฐฯ หลายสำนักที่ระบุว่า รัสเซียได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการลงวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมาถึงกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ผ่านทางสถานทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี เตือนสหรัฐฯ และองค์การนาโต ว่า จะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ หากยังคงส่งอาวุธไปให้แก่ยูเครน ในหนังสือของรัสเซียระบุว่า การที่สหรัฐฯ และนาโต จัดส่งอาวุธที่อ่อนไหวมากที่สุดไปให้แก่ยูเครนนั้น เท่ากับเป็นการเติมเชื้อเพลิง ซ้ำเติมความขัดแย้ง พร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐฯ และพันธมิตรของสหรัฐฯ หยุดการส่งอาวุธให้ยูเครนอย่างไม่รับผิดชอบ เพราะจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ต่อเสถียรภาพความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ข่าวคำเตือนของรัสเซียออกมา หลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนอีก 800 ล้านดอลลาร์ในวันพุธที่ผ่านมา 2 วันหลังจากรัสเซียส่งหนังสือเตือนดังกล่าว อาวุธใหม่ที่สหรัฐฯ เตรียมจะส่งให้แก่ยูเครน สำหรับความช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่ 800 ล้านดอลลาร์นั้น รวมถึง ปืนใหญ่วิถีโค้ง หรือฮาวอิทเซอร์ ขนาด 155 มม. ซึ่งสหรัฐฯ ยังไม่เคยส่งให้แก่ยูเครนมาก่อนรวมไปถึงระบบเรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ ที่ไม่มีในคลังอาวุธของกองทัพยูเครน ส่วนอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ รวมถึงปืนใหญ่ กระสุนปืนใหญ่ ยานเกราะลำเลียงพล และเฮลิคอปเตอร์

ด้านประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในวันที่ประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนเมื่อวันพุธดังกล่าว ว่า อาวุธชุดใหม่ที่จะจัดส่งให้แก่ยูเครนนี้ รวมถึงอาวุธประสิทธิภาพสูง ที่เคยส่งให้แก่ยูเครนมาแล้ว และเพิ่มเติมคือ อาวุธศักยภาพใหม่ที่คัดมาโดยเฉพาะเพื่อมอบให้แก่ยูเครน ใช้รับมือการโจมตีจากรัสเซียระลอกใหม่ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครน ไบเดนระบุด้วยว่า การส่งอาวุธให้แก่ยูเครนอย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ และพันธมิตร เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่ช่วยให้ยูเครนสามารถสู้รบกับรัสเซียได้อย่างต่อเนื่อง

การประกาศเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน เป็นไปตามคำร้องขอล่าสุดจากประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ที่เพิ่งร้องขออาวุธหนักจากสหรัฐฯ เพื่อเตรียมรับมือปฏิบัติการใหม่ของรัสเซีย ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในภาคตะวันออกของยูเครนในเร็วๆ นี้

‘ยูเครน’ เล็งขอเงินสนับสนุนจากกลุ่ม G7 หวังช่วยอุดขาดดุลงบประมาณราว 5 หมื่นล้านเหรียญ

ยูเครนคิดขอกลุ่ม G7 ให้การสนับสนุนทางการเงิน มาอุดปัญหาขาดดุลงบประมาณในอีก 6 เดือนข้างหน้า มากถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท

โอเลห์ อุสเทนโก ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวว่า ยูเครนจะร้องขอการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ กลุ่ม G7 จำนวน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบในยูเครนตลอดช่วง 6 เดือนข้างหน้า 

'เลขาฯ ยูเอ็น' เตรียมคุย 'ปูติน-เซเลนสกี' เพื่อหาข้อยุติการสู้รบในยูเครน

อันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ มีกำหนดเข้าพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่มอสโก ก่อนมุ่งหน้าสู่ยูเครน เพื่อหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในสัปดาห์หน้า เพื่อหาข้อยุติในสงครามที่ยืดเยื้อมานานกว่าสามเดือน

เอเอฟพีรายงานความเคลื่อนไหวของสหประชาชาติในเหตุการณ์การสู้รบในยูเครน เมื่อวันเสาร์ที่ 23 เมษายน 2565 กล่าวว่า อันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ จะเดินทางไปยังกรุงมอสโกเพื่อเข้าพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย หลังจากนั้นจะไปเยือนยูเครนเพื่อพบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในสัปดาห์หน้า ตามแถลงการณ์ขององค์การสหประชาชาติ

'เซเลนสกี' ร้องขอประชุมยุติสงครามร่วมกับ 'ปูติน' ตำหนิ 'เลขาฯ ยูเอ็น' เหตุเดินทางไปรัสเซียก่อนยูเครน

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เมื่อวันเสาร์ (23 เม.ย.) เรียกร้องอีกครั้งขอประชุมร่วมกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในความพยายามยุติสงคราม พร้อมกับตำหนิ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่เลือกเดินทางเยือนมอสโก แล้วถึงค่อยมุ่งหน้าสู่เคียฟ

"ผมคิดว่าใครก็ตามที่เริ่มสงครามนี้ จะสามารถยุติมันได้" เขากล่าวระหว่างแถลงข่าวที่สถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่ง ในย่านใจกลางกรุงเคียฟ "ผมไม่กลัวที่จะพบปะกับปูติน หากว่ามันจะนำมาซึ่งข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน"

เขากล่าวต่อว่า "ตั้งแต่แรกเริ่ม ผมยืนกรานมาตลอดก่อนการพูดคุยกับประธานาธิบดีรัสเซีย มันไม่ใช่ว่าผมต้องการพบปะกับเขา แต่ผมจำเป็นต้องพบปะกับเขา เพื่อหาทางออกของความขัดแย้งนี้ในหนทางด้านการทูต เราเชื่อมั่นในพันธมิตรของเรา แต่เราไม่เชื่อใจรัสเซีย"

เซเลนสกี เปิดเผยด้วยว่า แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนกรุงเคียฟในวันอาทิตย์ (24 เม.ย.) ซึ่งถือเป็นวันครบรอบ 3 เดือนแห่งการรุกรานยูเครนของรัสเซีย นอกจากนี้ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ จะเดินทางมาพร้อมกัน ซึ่งจะถือเป็นการเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเจ้าหน้าที่รัฐบาลอเมริกา นับตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์

เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อคำกล่าวอ้างของเซเลนสกี

‘รมต.รัสเซีย’ เตือน!! ‘WW3 - นิวเคลียร์’ อาจเป็นจริง หาก ‘นาโต’ ยังเดินเกมสงครามตัวแทนต่อเนื่อง

รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเตือน ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 (WW3) อาจ ‘เป็นจริง’ และมีความเสี่ยงสูงมากที่ความขัดแย้งจะบานปลายถึงขั้นใช้ ‘อาวุธนิวเคลียร์’ หลัง ‘นาโต’ กำลังทำสงครามตัวแทนกับรัสเซีย แต่ยังเชื่อมั่นว่า ความขัดแย้งจะจบลงด้วยการลงนามในข้อตกลงสันติภาพ

เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ Russian First Channel ของรัฐบาลรัสเซีย และสำนักข่าว Interfax ของรัสเซีย รวมทั้งสื่อหลายสำนักในรัสเซียเมื่อ 25 เม.ย. 65 โดยเตือนว่า หากพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ อันตรายที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจ ‘เป็นความจริง’ ได้ พร้อมเตือนด้วยว่า มีความเสี่ยงสูงมากที่ความขัดแย้งในยูเครน จะบานปลายและยกระดับขึ้นไปจนถึงขั้นการใช้อาวุธนิวเคลียร์ 

อย่างไรก็ตาม ลาฟรอฟยืนยันว่า จุดยืนของรัสเซีย คือ ต้องการหลีกเลี่ยงไม่ปล่อยให้เกิดความเสี่ยง อันจะทำให้ความขัดแย้งบานปลายไปได้ถึงขั้นนั้น แต่เขายอมรับว่า ขณะนี้ความเสี่ยงดังกล่าวกำลังเพิ่มและดูเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น จึงไม่ควรประเมินอันตรายเหล่านี้ ต่ำเกินไป อย่างไรเสีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ลาฟรอฟ ก้ได้กล่าวว่า รัสเซียยังคงยึดมั่นในจุดยืนหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ 

'แองเจลิน่า โจลี' เยือนชาวเมือง Lviv ในยูเครน ด้านชาวเน็ตเสียงแตก ถกถาม "เธอสมควรไปหรือ?!"

รอยเตอร์รายงานว่า นักแสดงฮอลลีวูด แองเจลินา โจลี เยือนเมืองลวีฟทางตะวันตกยูเครนเมื่อวันเสาร์ โดยไปที่สถานีเพื่อพบปะผู้คนที่พลัดถิ่นจากสงครามกับรัสเซีย ก่อนออกเดินทางในภายหลังหลังจากเสียงไซเรนโจมตีทางอากาศดังขึ้น

โจลี วัย 46 ปี เป็นทูตพิเศษของหน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ซึ่งระบุว่า มีผู้อพยพมากกว่า 12.7 ล้านคนในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นประมาณ 30% ของประชากรก่อนสงครามในยูเครน

ในระหว่างการเยี่ยมชมสถานี โจลีได้พบกับอาสาสมัครที่ทำงานกับผู้พลัดถิ่น ซึ่งบอกกับเธอว่าจิตแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่แต่ละคนได้พูดคุยกับคนประมาณ 15 คนต่อวัน อาสาสมัครหลายคนในสถานีเป็นเด็กอายุตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี

“พวกเขาคงช็อค ... ฉันรู้ว่าการบาดเจ็บส่งผลกระทบต่อเด็กอย่างไร ฉันรู้ว่ามีคนแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความสำคัญมากเพียงใด เสียงของพวกเขามีความสำคัญเพียงใด ฉันรู้ว่าการรักษานั้นเป็นอย่างไรสำหรับพวกเขา” โจลี กล่าว

มีอยู่ช่วงหนึ่งระหว่างที่เธอไปที่สถานี เธอจั๊กจี้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในชุดแดง ซึ่งหัวเราะออกมาด้วยความยินดี เธอยังถ่ายรูปร่วมกับอาสาสมัครและเด็กบางคนอีกด้วย

ต่อมา ไซเรนโจมตีทางอากาศเริ่มส่งเสียง โจลีและผู้ช่วยของเธอเดินออกจากสถานีอย่างรวดเร็วและขึ้นรถที่รออยู่

เมื่อเดือนที่แล้ว ในบทบาทของเธอในฐานะทูตพิเศษ โจลีได้ไปเยือนเยเมน ซึ่งผู้คนนับล้านต้องพลัดถิ่นจากสงคราม

แม้ว่าโจลีจะเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงหลายแห่งแล้วในฐานะทูตพิเศษของหน่วยงานผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ แต่การเดินทางไปยูเครนของเธอทำให้เกิดประเด็นถกเถียงในวงกว้าง โดยเฉพาะในสื่อของโลกตะวันตก

เช่น BBC News ที่ไม่น่ามีดรามาก็มีดรามาเกิดขึ้นเพราะกรณีนี้ เช่น ท็อปเมนต์บอกกับ BBC News ว่า "แองเจลินา โจลีเริ่มการโปรโมทของเธออีกครั้ง" นั่น... ผมแก้ไขพาดหัวข่าวให้คุณแล้ว" แต่อีกท็อปเมนต์โต้ว่า "ขอบคุณ แองเจลินา โจลีสำหรับงานด้านมนุษยธรรมของคุณ พวกที่แสดงความเกลียดชังทุกคนในโพสต์นี้ทำอะไรเมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อช่วยยูเครนกันล้างล่ะ?"

‘ไบเดน’ ส่งอาวุธช่วยยูเครนอีก 150 ล้านดอลฯ จัดเต็มชุดใหญ่ ทั้ง ‘กระสุนปืนใหญ่-โดรน-เรดาร์’

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อนุมัติจัดส่งอาวุธให้แก่ยูเครนเพิ่มเติมอีก 150 ล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.) โดยมีทั้งกระสุนปืนใหญ่ เรดาร์ และยุทโธปกรณ์อื่นๆ ที่จะช่วยต้านทานการบุกของรัสเซีย

“วันนี้สหรัฐฯ ได้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแก่ชาวยูเครนผู้กล้าหาญ ซึ่งปกป้องบ้านเมืองของตนจากการรุกรานของรัสเซียที่ยังคงดำเนินอยู่” ไบเดน ระบุในคำแถลง

นับตั้งแต่สงครามปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. สหรัฐฯ ได้ส่งมอบอาวุธให้แก่เคียฟแล้วเป็นวงเงินไม่ต่ำกว่า 3,400 ล้านดอลลาร์ โดยมีทั้งปืนใหญ่ฮาวอิตเซอร์ (howitzers) ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่ายิง “สติงเกอร์” (Stinger) ขีปนาวุธต่อต้านรถถังเจฟลิน (Javelin) กระสุนปืนใหญ่ และล่าสุดที่เพิ่งจะมีการเปิดเผยก็คือ อากาศยานไร้คนขับที่เรียกกันว่า “โดรนนกปีศาจ” (Phoenix Ghost drones)

สำหรับแพกเกจอาวุธล่าสุดประกอบด้วยกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มม. จำนวน 25,000 ลูก เรดาร์ต่อต้านปืนใหญ่ อุปกรณ์รบกวนสัญญาณ และอะไหล่ต่างๆ รวมมูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การจัดส่งอาวุธครั้งนี้เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย Presidential Drawdown Authority ซึ่งอนุญาตให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถสั่งเคลื่อนย้ายอาวุธส่วนเกินในคลังแสงของสหรัฐฯ ได้ในกรณีฉุกเฉิน โดยไม่จำเป็นต้องขอการอนุมัติจากสภาคองเกรส

เมื่อเดือน เม.ย. ไบเดน ได้ขออนุมัติงบประมาณ 33,000 ล้านดอลลาร์ จากสภาคองเกรสเพื่อใช้ในการสนับสนุนยูเครนตลอดช่วง 5 เดือนข้างหน้า โดยกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์จะเป็นความช่วยเหลือในด้านอาวุธยุทโธปกรณ์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top