Tuesday, 7 May 2024
ประชาธิปัตย์

“จุรินทร์ ”เปิดตัว 4 ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร เตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง ลั่นได้เพชรน้ำดีที่มีความพร้อมทำหน้าที่

ที่จ.สมุทรสาครนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ต.สุธรรม ระหงษ์ ผู้อำนวยการพรรค นายกุลวัชร หงษ์คู อดีตนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร  เดินทางไปพบปะสมาชิกพรรคในการประชุมใหญ่สามัญ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 และ 2 จ.สมุทรสาคร  ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีสมาชิกรอต้อนรับและขอถ่ายภาพร่วมกันเป็นจำนวนมาก โดยได้ให้กำลังใจและสนับสนุนนายจุรินทร์ ให้ได้เป็นนายกฯ คนต่อไปและสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า

โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จ.สมุทรสาคร มีเขตเลือกตั้ง 3 เขต และเนื่องจากมีการแก้รัฐธรรมนูญ ปรับมาเป็น ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งหน้าจึงทำให้จ.สมุทรสาคร มีแนวโน้มที่จะเพิ่มเขตเลือกตั้งเป็น 4 เขต เนื่องจากมีประชากรเพิ่มขึ้น ดังนั้นการจัดประชุมตัวแทนเขต จึงมีความสำคัญ หากไม่มีตัวแทนเขต หรือตัวแทนจังหวัดจะทำให้พรรคไม่สามารถส่งผู้สมัครได้ แต่สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ขณะนี้มีผู้เสนอตัวแล้วอย่างน้อย 4 คน ประกอบด้วย นายนิติรัฐ สุนทรวร อดีต ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ ,นายชวพล วัฒนพรมงคล  นักการเมืองรุ่นใหม่  เป็นรองนายกเทศมนตรีนครสมุทรสาคร เป็นรองประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร ,นายภูดิส แก้วตระกูลโชติ  วิศวกรหนุ่ม อดีตรองนายก อบต.ท่าทราย  และนายธนวัฒน์ ทองโต  (สจ.ช้าง) ทนายความ  พร้อมกับขอให้พี่น้องชาวประชาธิปัตย์ได้ช่วยกันสนับสนุนให้ได้มีโอกาสทำหน้าที่ต่อไป 

ทั้งนี้นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการสู้ศึกการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นว่า การที่พรรคมีการเตรียมเรื่องตัวว่าที่ผู้สมัครหรือผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคสำหรับในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ต้องถือว่าเป็นความพร้อมส่วนหนึ่ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นเรื่องการเตรียมตัวบุคคล ส่วนเรื่องนโยบายและเรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องที่ส่วนกลางจะเป็นผู้ดำเนินการ และได้มีการเตรียมการสำหรับนำเสนอไว้แล้ว รวมไปถึงการเตรียมนโยบายระดับภาคด้วย สำหรับจ.สมุทรสาครอย่างน้อย 4 ท่านนี้ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีศักยภาพ พร้อมที่จะเป็นผู้แทนราษฎร เพราะมีทั้งที่เป็นอดีต ส.ส., อดีต ส.จ. นักการเมืองท้องถิ่น, อดีตรองนายกฯ อบต. และทุกคนจบการศึกษาดี ทั้งทนายความ วิศวกร การที่พรรคเตรียมวางตัวไว้ถึง 4 คน หากจ.สมุทรสาครมี 4 เขต ก็ถือว่าขณะนี้พรรคมีความพร้อมที่จะเสนอตัวกับพี่น้องชาวสมุทรสาครเป็นอย่างดี

“ปชป.”หนุนประชาชนเป็นสมาชิกพรรค ไม่ต้องเสียเงิน ชี้ไม่ควรเอากการฉ้อฉลของบางพรรค มาปิดกั้นการมีส่วนร่วม 

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ฉบับที่.. พ.ศ…. พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง  ได้หยิบยกในประเด็นเงินค่าบำรุงพรรคการเมืองว่า หลักการมีส่วนร่วมในทางการเมือง สิทธิขั้นพื้นฐานคือประชาชนสามารถเข้าร่วมดำเนินกิจกรรมกับพรรคการเมืองได้อย่างกว้างขวางและเต็มที่ โดยเฉพาะการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ไม่ควรมีจำนวนเงินมาขวางกั้นการเข้าเป็นสมาชิกพรรค ไม่ว่าประชาชนจะมีฐานะร่ำรวยหรือไม่มีฐานะ ก็จะต้องเกิดความเท่าเทียมกันในการเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองโดยการเป็นสมาชิกพรรค เงินจำนวน 100 บาท หรือ 2,000 บาทกรณีรายปี อาจจะดูไม่มากสำหรับคนที่มีฐานะ แต่สำหรับชาวบ้านถือว่าจำนวนเงินเป็นอุปสรรคต่อการเข้าเป็นสมาชิกพรรคอย่างแน่นอน

นายราเมศกล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนที่จะมีการยกเลิกสมาชิกหากไม่มีการยืนยันสมัย คสช เคยมีสมาชิกมากที่สุดกว่า 3 ล้านคน โดยกฎหมายที่ผ่านมามีทั้งเก็บเงินค่าบำรุงและไม่มีการเก็บค่าบำรุง แต่กรณีไม่เก็บเงินค่าบำรุงพรรค ประชาชนจะให้ความสนใจเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด การเข้ามามีส่วนร่วมในหลายเรื่องมีค่ามากกว่าเงิน 100 บาท เช่น การนำเสนอแนวนโยบาย การช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมและผลงานของพรรค รวมถึงการร่วมในการดำเนินกิจกรรมกับพรรคในรูปแบบอื่นๆมากมาย อาจจะมีการอ้างว่าเพื่อป้องกันการระดมใช้วิธีการฉ้อฉลของพรรคการเมืองที่จะไปนำเอาสำเนาบัตรประชาชนแล้วมาปลอมการสมัคร ในประเด็นนี้คิดว่า ไม่ควรตั้งหลักการฉ้อฉลของพรรคการเมืองบางพรรค มาปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่ควรหาวิธีการป้องกันสิ่งเหล่านี้อย่างรัดกุมและจริงจัง 

“ที่จริงแล้วกฎหมายพรรคการเมืองในปัจจุบัน มาตรา 30 ได้กำหนดห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค และในส่วนของประชาชนก็ระบุไว้ชัดในมาตรา 31 ว่าห้ามมิให้ เรียก รับ หรือยอมจะรับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด จากพรรคการเมืองหรือจากผู้ใดเพื่อสมัครเข้าเป็นสมาชิก

“จุรินทร์” โชว์วิชั่น กทม. เปิด 3 นวัตกรรม บริหาร ทั้ง ครม.กรุงเทพฯ-กรอ.กรุงเทพฯ​ และเกรทเตอร์ แบงค็อก

13​ มี.ค.65​ ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงทิศทางแนวคิดของพรรคประชาธิปัตย์เพื่อนำพากรุงเทพมหานครไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น ในงาน The 2 Leaders’ Visions “เศรษฐกิจประเทศ - เศรษฐกิจเมือง” ที่จัดขึ้นที่พรรคฯ โดยได้กล่าวว่า 

ภายหลังการเลือกตั้งปี 2562 ก่อนที่ตนมาเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯ ไม่ได้รับเลือกตั้งเลย แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งสิ้น แต่ประชาธิปัตย์ได้ผ่านจุดนี้มาแล้วหลายครั้ง ทั้งที่รุ่งเรืองจนได้รับเลือกตั้งเกือบยกทีมก็มี หรือได้รับเลือกคนเดียวก็มี หลายคนปรามาสประชาธิปัตย์คงจะสูญพันธุ์ แต่ตนยังมั่นใจว่ามาถึงวันนี้เรากำลังเดินขึ้นและมั่นใจว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะต้อนรับประชาธิปัตย์อีกครั้งหนึ่ง เพราะประชาธิปัตย์กับชาวกรุงเทพฯ ผูกพันกันมายาวนานนับตั้งแต่ก่อตั้งพรรค คนกรุงเทพฯ มีส่วนสำคัญในการก่อตั้งประชาธิปัตย์ มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ตั้งแต่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ ท่านพิชัย รัตตกุล ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลายคนล้วนเป็นคนกรุงเทพฯ ดังนั้น คนกรุงเทพฯ กับประชาธิปัตย์จึงผูกพันกันมาเนิ่นนาน 

เมื่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กำลังจะมาถึง ก็มีคนตั้งคำถามใหม่ว่า ประชาธิปัตย์จะส่งผู้ว่าฯ กทม. หรือไม่ ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค ตนเป็นคนหนึ่งที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าประชาธิปัตย์ต้องส่ง ประชาธิปัตย์ไม่ส่งไม่ได้ เพราะเราผูกพันกับชาวกรุงเทพฯ และคนกรุงเทพฯ เลือกเรามาต่อเนื่องยาวนาน เพราะฉะนั้นเราต้องรับผิดชอบต่อคนกรุงเทพฯ การไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร รวมทั้งผู้สมัคร ส.ก. คือการตัดทางเลือกของคนกรุงเทพฯ ดังนั้นจึงเป็นที่มาที่ประชาธิปัตย์มีมติส่ง ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลงสมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามพรรคประชาธิปัตย์ รวมกับเพื่อนผู้สมัคร ส.ก. 50 คน 50 เขต ซึ่งเป็นการนับ 1 ที่ถือว่าประชาธิปัตย์ได้ส่งทางเลือกที่ดีที่สุดทางเลือกหนึ่งให้กับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ได้พิจารณา 

ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวอีกว่า... 

ประการที่ 1 ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นั้น ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามผู้สมัครอิสระ แต่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจึงหมายความว่า ในการเลือกตั้งรณรงค์หาเสียง รวมทั้งไปถึงภายหลังหากได้รับเลือกตั้ง “ดร.เอ้” ก็ไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังมีหลังพิงสำคัญที่จะคอยทำงานร่วมกันและขับเคลื่อนกรุงเทพฯไปสู่ความสำเร็จ นั่นการมีหลังพิงที่เป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศ ที่ชื่อว่าประชาธิปัตย์ 

“ก่อนตัดสินใจเลือก ดร.เอ้ ผมกับ ดร.เอ้ ได้นั่งคุยกัน และท่านองอาจด้วยในฐานะรองหัวหน้าพรรค ได้คุยกันบอกว่าถ้าจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรค ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องทำงานร่วมกัน และต้องไม่บริหารราชการกรุงเทพมหานครโดยความรับผิดชอบเฉพาะกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ แต่ต้องรับผิดชอบต่อพรรคประชาธิปัตย์ด้วยเพราะประชาธิปัตย์จะต้องรับผิดชอบต่อการบริหารงานราชการกรุงเทพฯ ของ ดร.เอ้ ต่อไปในอนาคต นี่คือความแตกต่างของผู้สมัครอิสระกับผู้สมัครที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคการเมือง โดยเฉพาะสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนที่ชื่อว่าประชาธิปัตย์” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

ประการที่ 2 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของประชาธิปัตย์นับตั้งแต่นี้ต่อไป ต้องไม่คิดแค่บริหารเมืองหลวงของประเทศและต้องไม่คิดแค่บริหารหน่วยการปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และต้องไม่คิดแค่การบริหารอภิมหานครกรุงเทพ หรือ กทม. เท่านั้น แต่จะต้องไปไกลไปกว่านั้น 

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ภารกิจของคนเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ที่ต้องบริหารกรุงเทพฯ แบบ “Mini Thailand” จึงมี 3 ประการ 

ประการที่ 1 ประชากรคนไทยทั้งประเทศมี 65 ล้านคน เป็นคนกรุงเทพฯ ตัวจริงที่มีทะเบียนบ้าน 5.5 ล้านคน ทำให้กรุงเทพฯ มีขนาดประชากร คิดเป็น 1 ใน 12 ส่วนของประชากรทั้งประเทศที่มีรวมกัน 77 จังหวัด 

ประการที่ 2 ด้วยขนาดประชากรดังกล่าว ทำให้มีปัญหาหลายเรื่องที่ ผู้ว่าฯ กทม. ต้องแก้ปัญหา และต้องบริหารจัดการในฐานะผู้ว่าฯ Mini Thailand ซึ่งเมื่อดูขนาดเศรษฐกิจของ กทม. จังหวัดเดียว คิดเป็นร้อยละ 24 ของ GDP ประเทศ  หมายความว่าขนาด GDP ประเทศ อยู่ที่กรุงเทพฯ ถึง 1 ใน 4 และอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ GDP ของกรุงเทพฯ ก็เติบโตมากกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศอีกด้วย  

เมื่อไปดูสัดส่วน GDP ของกรุงเทพฯ ก็พบว่าการที่เศรษฐกิจกรุงเทพขับเคลื่อนอยู่ได้ทุกวันนี้ ขึ้นอยู๋กับ...

อันดับ 1 การค้า คิดเป็น 87 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ดังนั้นการค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งตั้งแต่คนตัวใหญ่จนถึงคนตัวเล็ก 

อันดับ 2 อุตสาหกรรม 13% มีเรื่องเกษตรไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ 

ดังนั้นจากข้อมูลพื้นฐานดังกล่าว จึงถือว่าลมหายใจของเศรษฐกิจกรุงเทพฯ จึงเรียกได้ว่าขึ้นอยู่กับการค้า 87% อุตสาหกรรม 13% ขณะที่เมื่อไปดู ตัวเลข Per Capita income หรืออัตรารายได้เฉลี่ยต่อหัว จะเห็นได้ชัดขึ้นว่ารายได้ของคนกรุงเทพฯ เฉลี่ย มากกว่ารายได้เฉลี่ยต่อหัวของประเทศ 3 เท่า แม้จะฟังแล้วเหมือนดีว่าคนกรุงเทพฯ รวย แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เพราะเป็นตัวเลขถัวเฉลี่ย แต่เมื่อดูตัวเลขลึกลงไปพบว่า คนกรุงเทพฯ ตัวจริงที่เป็นคนจน มีรายได้ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี ที่ต้องรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีมากกว่า 5 แสนคน ตรงนี้จึงเป็นโจทย์สำคัญของผู้ว่าฯ กทม. นอกจากรัฐบาลที่ต้องแก้ไข ผู้ว่าฯ กทม. ก็ต้องคิดเป็นภาระของตัวเองด้วยเพื่อเข้าไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้พี่น้องชาวกรุงเทพมหานคร ดังนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ประชาธิปัตย์จากนี้ไป จึงต้องคิดเรื่องการบริหารกรุงเทพมหานคร ให้เป็นการบริหารแบบ Mini Thailand 

ประการที่ 3 การบริหารกรุงเทพมหานครของยุคประชาธิปัตย์ ยุค “ดร.เอ้” จากนี้ไป จึงต้องเกิดนวัตกรรมใหม่ทางการบริหารต้องขึ้นอย่างน้อย 3 นวัตกรรม 

นวัตกรรมตัวที่ 1 ครม. กรุงเทพฯ ต้องเกิด ไม่ใช่การบริหารแบบเดิมที่มี ผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ ด้านบริหาร ด้านโยธา ด้านสาธารณสุข ด้านศึกษา ยุทธศาสตร์ และที่ปรึกษา แต่กรุงเทพมหานคร ยุคอุดมการณ์ทันสมัย ต้องมี ครม. กรุงเทพ เกิดขึ้น เพื่อบริหาร Mini Thailand ที่ชื่อว่ากรุงเทพมหานคร ที่ประกอบด้วย รัฐมนตรีเศรษฐกิจกรุงเทพมหานครต้องเกิด เพื่อรับผิดชอบเศรษฐกิจของชาวกรุงเทพฯ ตั้งแต่คนตัวใหญ่ที่ทำธุรกิจค้าขาย 87 % ของ GDP คนตัวกลางอุตสาหกรรม 13% ไปจนถึงคนตัวเล็ก 5 แสนกว่าคนที่รายได้ต่ำกว่าแสนต่อปี การที่ ดร.เอ้ ประกาศวิสัยทัศน์ให้ กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวัสดิการต้นแบบของอาเซียน ดังนั้น รัฐมนตรีสวัสดิการกรุงเทพฯ ต้องเกิด เพื่อขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ที่มีความชัดเจน กว่าการมีแค่รองผู้ว่าฯ ด้านโยธา ด้านศึกษา ด้านสาธารณสุข 

นวัตกรรมตัวที่ 2 ต้องเกิด กรอ. กรุงเทพฯ เนื่องจากเศรษฐกิจกรุงเทพฯ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจที่คิดเป็น 1 ใน 4 ของ GDP ประเทศ และขับเคลื่อนด้วยการค้ากับอุตสาหกรรม ดังนั้นเอกชนจึงมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร  ซึ่ง กรอ. กรุงเทพฯ จะเป็นเวทีให้ผู้ว่าฯ กทม. ครม.กรุงเทพฯ ได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกรุงเทพฯ ร่วมกับเอกชน ตั้งแต่คนตัวใหญ่ถึงคนตัวเล็กไม่เว้นแม้แต่คนจนเมือง 

นวัตกรรมตัวที่ 3 คนเป็นผู้ว่ากทมในยุคอุดมการณ์ทันสมัยของประชาธิปัตย์ที่มีตนเป็นหัวหน้าพรรคต้องไม่มองแค่ในกรุงเทพมหานคร เพราะกรุงเทพฯ วันนี้ได้เชื่อมต่อเหมือนเป็นเนื้อเดียวกับปริมณฑล มีประชากรที่เคลื่อนเช้าเย็นกลับมาจากนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งสาธารณูปโภค สาธารณูปการ มีรถไฟฟ้าเชื่อมต่อไปถึงปริมณฑล เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกัน ทั้งไฟฟ้า-ประปาต่อข้ามเขตได้โดยไม่รู้ตัว 

เพราะฉะนั้นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต้องทำงานร่วมกัน ทั้งรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และต้องทำงานร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด และกลไกภาครัฐ ไฟฟ้า ประปาในปริมณฑลด้วย ทั้งหมดต้องสอดประสานกัน ต้องคิดวางแผนขุดทีเดียวไม่ต้องขุด 3 รอบ 4 หน่วยงาน ขุด 4 รอบ เพื่อไม่ให้สุดท้ายแล้วกรรมมาตกกับคนกรุงเทพฯ

'เอกนัฏ' ยื่นลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณผู้ใหญ่ในพรรคให้โอกาสร่วมสิบกว่าปี

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตแกนนำกปปส.โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ (ขิง)" ระบุว่า ขอบคุณและขอกราบลาพรรคประชาธิปัตย์… 

ขอกราบขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้โอกาสผมได้แจ้งเกิดทางการเมืองกับการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบเขตในกรุงเทพมหานคร กว่าสิบปีที่ผมได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ และได้มีโอกาสเรียนรู้ ฝึกฝน เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทางการเมือง ได้รู้จักกับผู้ใหญ่และพี่ๆ นักการเมืองมากมายหลายท่าน ที่คอยให้การสนับสนุน แนะนำ จนผมได้มีโอกาสเป็นผู้บริหารพรรคการเมือง ได้ทำงานการเมืองที่ผมรัก อย่างสุดเต็มความสามารถ ทั้งหมดคงเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่ดีที่ผมจะจดจำไว้ตลอดไป

‘ไพร พัฒโน’ ลาออกสมาชิกพรรคปชป.อีกราย เผยแจ้ง 'อภิสิทธิ์' รู้เป็นคนแรกในการตัดสินใจ

นายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และอดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมแนบหนังสือลาออก ลงวันที่ 11 มีนาคม 2565 มีรายละเอียดดังนี้... 

“กราบเรียนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกท่าน ผมได้ใช้เวลาในการตัดสินใจเรื่องนี้อยู่นานมาก ด้วยความรัก ความผูกพันที่มีต่อพรรคประชาธิปัตย์รวมตลอดถึงผู้ใหญ่ในพรรคหลายๆท่านที่ผมทั้งรัก ทั้งเคารพ และสุดแสนจะเกรงใจครอบครัวของผมอยู่กับประชาธิปัตย์มากว่า 53 ปี ตั้งแต่สมัยคุณพ่อคือนายไสว พัฒโน และผมเองก็เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในนามพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว 2 สมัย คือปีพ.ศ.2539 ถึง พ.ศ.2546 จึงเป็นเรื่องยากและยิ่งใหญ่มากในชีวิตของผมต่อการตัดสินใจครั้งนี้….. พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ผมรัก และยังรักอยู่จนถึงตอนนี้ แต่เส้นทางทางการเมืองบางครั้งมันไม่มีทางเลือกให้แก่เรามากนัก”

'เฉลิมชัย' มั่นใจประชาธิปัตย์ได้ส.ส.เพิ่ม ย้ำปชป.ยุคนี้เปิดกว้างไม่ใจแคบให้โอกาสทุกคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในการสัมมนา ส.ส. กรรมการบริหารพรรค และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จัดขึ้น ณ โรงแรมแคนทารีฮิลล์ จังหวัดเชียงใหม่ว่า 

การสัมมนาครั้งนี้เป็นเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติที่พรรคจัดสัมมนาสัญจรในต่างจังหวัดช่วงปิดสมัยประชุม เพื่อให้ ส.ส. กรรมการบริหารพรรค และรัฐมนตรีได้มีโอกาสพูดคุยกัน  ซึ่งการจัดสัมมนาแต่ละครั้งเป็นการสร้างความสัมพันธ์ภายในพรรคที่ตนเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ที่เราจะได้มีช่วงเวลาหลังจากได้ทำงานแล้วมาพูดคุย ให้ข้อเสนอแนะเพื่อให้พรรคเดินไปข้างหน้า 

ซึ่งจากจำนวน ส.ส. 51 คนที่เรามี แม้จะไม่มาก แต่พลังที่จะมีมากหรือน้อยไม่ได้อยู่ที่จำนวน แต่อยู่ที่การกระทำของเราทั้งหมด เราจะทำให้มีพลังก็ได้ จะทำให้เบาอ่อนแรงเลยก็ได้ ตนจึงเรียกร้องทุกคนว่าเราคือครอบครัวเดียวกัน ขอให้ทุกคนมาช่วยกันสร้างพรรค มาช่วยกันพาประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้า 

“วันนี้ถึงเราจะมี ส.ส.ไม่มาก เราต้องช่วยกัน สิ่งที่จะทำให้ประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้า สิ่งที่จะทำให้ประชาธิปัตย์กลับคืนมาอีกครั้ง นั่นคือเราต้องเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้ได้ สร้างความเชื่อมั่นกับพี่น้องประชาชนให้ได้ และมีนโยบายที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ ซึ่งทั้งนโยบาย ชื่อเสียงพรรค อุดมการณ์พรรค ต้องตรงกับคนที่ใช่ด้วย ถึงจะนำไปสู่ชัยชนะได้” นายเฉลิมชัยกล่าว 

พร้อมกับได้ให้คำมั่นกับ ส.ส. ประชาธิปัตย์ว่า ตนจะไม่มีวันปล่อยท่านสอบตกเด็ดขาด และมาช่วยกันสร้าง ส.ส. เพิ่ม เพราะตนเชื่อว่าเราจะกลับมาได้ จะกลับมาได้ด้วยพลัง และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรค รวมทั้งการทุ่มเทการทำงาน การเสียสละ 

“ผมพูดวันนี้คือสิ่งที่ผมพยายามปฏิบัติ ผมรู้ว่าทุกคนเหนื่อยในสภาวะอย่างนี้ ก็ได้พยายามให้กำลังใจ พยายามพูดคุย แม้จะทำได้ไม่ครบ 100% อาจจะทำได้ไม่ถูกใจ 100% แต่กรรมการบริหารพรรคชุดนี้ขึ้นมาเมื่อมีการเลือกตั้งเสร็จ และต้องรับผิดชอบพรรคที่จะพาไปสู่การเลือกตั้งในครั้งหน้า ผิดพลาดหรือสำเร็จไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธความรับผิดชอบ และคงไม่มีมนุษย์คนไหนที่อยากจะล้มเหลว ผมก็เช่นเดียวกัน เรามีพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมือง เรามีผู้ใหญ่ที่ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา เรามีสมาชิก มี ส.ส. ที่มีคุณภาพ นี่คือต้นทุนการเมืองที่ดีที่สุด แต่อยู่ที่ว่าเราจะใช้สิ่งที่เรามีให้เกิดประโยชน์ เกิดประสิทธิภาพและเดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างไรเท่านั้น” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว 

พร้อมกับเพิ่มเติมว่า แม้ปัจจัยการเมืองปัจจุบันเปลี่ยนไปหลายอย่าง เราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับการเมือง แต่ต้องไม่ทิ้งอุดมการณ์และหลักการของพรรค ถ้าเราทิ้งหลักการและอุดมการณ์ของพรรค ก็หมดสิ้นความเป็นประชาธิปัตย์ แต่ถ้า 2 อย่างนี้ยังไม่พอ ก็ต้องหาสิ่งที่มาเสริมเพื่อให้พรรคเดินไปข้างหน้าได้ ตามสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต

“ผมขอให้กำลังใจ ส.ส. และผู้สมัครทุกท่าน ยังไม่มีการเลือกตั้ง อย่าไปกลัว มี 1 สมอง 2 มือ 2 ขา เหมือนกัน อย่าไปกลัว ถ้ากลัวตั้งแต่ยังไม่ทันเลือก กลัวตั้งแต่ยังไม่เข้าสู่สงครามไม่มีวันเจอคำว่าชนะหรอก ผมมั่นใจว่าท่านหัวหน้า ท่านกรรมการบริหารพรรค ท่านประธานที่ปรึกษา พร้อมที่จะยืนเคียงข้างกับพวกเราทุกคน และ ณ วันนี้ ผมก็มั่นใจว่าประชาธิปัตย์ต้องได้ ส.ส. มากกว่าเดิม 100% ไม่ใช่แค่ขอรักษา ส.ส. เท่าที่มีอยู่ ผมยืนยันด้วยเกียรติ ด้วยศักดิ์ศรี และพร้อมจะรับผิดชอบกับผลที่เกิดขึ้นของประชาธิปัตย์ทั้งหมด” 

“อัครเดช” ฟาด “อันวาร์” สิ่งที่ทำสะท้อนการรักพรรคอย่างไร? ยืนยัน “จุรินทร์-เฉลิมชัย” รับฟังความเห็นลูกพรรคทุกคน ท้าเปิดหลักฐานคนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยเข้าร่วมรัฐบาล แซะ หากเป็นพรรคอื่นโดนยึดเก้าอี้ ปธ.กมธ.คืนแล้ว

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ออกมากล่าวหาว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคไม่ชอบหน้านายอันวาร์นั้น ขอชี้แจงว่าหัวหน้าและเลขาธิการพรรคไม่ได้เกลียดหรือไม่ชอบนายอันวาร์ ซึ่งเท่าที่ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าและเลขาธิการพรรคทั้ง2ท่านก็รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกพรรคทุกคน ดังนั้นจึงคิดว่าน่าจะเข้าใจผิดของนายอันวาร์ และการที่นายอันวาร์ออกมาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนเผด็จการนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง 

เนื่องจากการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นมติส่วนใหญ่ของพรรคที่ให้เข้าร่วมรัฐบาล โดยมีเงื่อนไข 3 ข้อ คือ ต้องรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรเป็นนโยบายรัฐบาล  ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และรัฐบาลต้องบริหารราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้นการอ้างว่าคนส่วนใหญ่ไม่พอใจนั้นไม่เป็นความจริง และคนส่วนใหญ่ที่นายอันวาร์กล่าวอ้างคือใคร ขอให้เอาหลักฐานมา อย่ากล่าวอ้างลอยๆ

ปชป.หนุน บัตรเลือกตั้ง 2ใบ เบอร์เดียวกัน เชื่อพรรคการเมืองหาเสียงง่าย ประชาชนจดจำง่าย

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี บัตรเลือกตั้งสองใบควรเป็นเบอร์เดียวกันหรือไม่ว่า จากการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญซึ่งกำหนดให้มี ส.ส.เขต 400 คนและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน และได้กำหนดให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบคือใบหนึ่งให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือก ส.ส.ในระบบเขต และอีกหนึ่งใบให้เลือก ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ

โดยหลักการแล้วการกำหนดให้มีหมายเลขของผู้สมัครควรที่จะต้องมีหมายเลขเดียวกันทั้งในระบบเขตและในระบบบัญชีรายชื่อ โดยเจตนารมณ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในกรณีที่จะใช้สิทธิ์เลือกตั้งในระบบบัตรเลือกตั้งสองใบ สามารถจดจำหมายเลขได้ง่าย ไม่สับสน  และจะอำนวยความสะดวกให้กับพรรคการเมืองในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วย คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ก็จะจัดการกับกระบวนการเลือกตั้งได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การประชาสัมพันธ์ก็จะสร้างความสัมพันธ์สอดคล้องกันในบรรยากาศของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง

"อลงกรณ์" วิเคราะห์นิด้าโพลชี้ "พิธา-แพทองธาร" มาแรง ฝ่ายค้านแซงรัฐบาล พอใจผลสำรวจพรรคประชาธิปัตย์-หัวหน้าพรรคมีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ยัน ปชป.จะมุ่งมั่นทำงานโดยเฉพาะงานเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้ประเทศชาติและประชาชน

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์แสดงความเห็นวันนี้(27มีนาคม)หลังทราบผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2565โดยศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)ว่า พอใจผลการสำรวจความเห็นของประชาชนโดยนิด้าโพลที่ปรากฏผลการสำรวจออกมาว่าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคได้คะแนนนิยมและการสนับสนุนจากประชาชนเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในไตรมาสก่อนหน้านี้

โดยนายอลงกรณ์ยืนยันว่าปชป.ยุคอุดมการณ์-ทันสมัยทำได้ไวทำได้จริงจะมุ่งมั่นทุ่มเททำงานโดยเฉพาะงานเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้ประเทศชาติและประชาชนในช่วงภาวะวิกฤติจากผลงานการส่งออกสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า8ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมาด้วยอัตราการเติบโตกว่า17%สูงกว่าเป้าหมาย4เท่าตัวรวมทั้งการประกันรายได้เกษตรกรกว่า7ล้านครัวเรือนที่ได้รับเงินโอนตรงเข้าบัญชีเกษตรกรกว่า3แสนล้านบาทในช่วง3ปีที่ผ่านมา

โดยการบริหารขับเคลื่อนของหัวหน้าพรรคนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคและรัฐมนตรีเกษตรฯ.ภายใต้ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน 3 กลไกการทำงาน "พรรค-สภาฯ.-รัฐบาล"

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังวิเคราะห์ผลสำรวจของนิด้าโพล โดยมีข้อสังเกตดังนี้

1.พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของพรรคที่เป็นรัฐบาลปัจจุบัน
2.หัวหน้าพรรคนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ได้รับคะแนนสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นลำดับที่สองรองจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในซีกของแกนนำรัฐบาลผสม
3.พรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าพรรคได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นพร้อมกันทั้งพรรคและผู้นำพรรค
4.ผู้นำพรรคฝ่ายค้านและพรรคฝ่ายค้านได้รับความนิยมจากประชาชนมากกว่าผู้นำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล
5. โพลชี้ชัดว่า ยังไม่มีพรรคการเมืองที่ประชาชนสนับสนุนและผู้เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 28.86 และร้อยละ27.62 ตามลำดับ แต่ผมมีข้อสังเกตว่าเปอร์เซ็นต์ลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนบ่งชี้ว่าประชาชนเริ่มตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองและผู้เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
6. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) มีคะแนนสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน และน.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊งค์) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย)ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานมีคะแนนรองจากหัวหน้าพรรคก้าวไกลและนายกรัฐมนตรี โดยเหตุผลสำคัญคือเป็นคนรุ่นใหม่และสังกัดพรรคที่ประชาชนนิยมในซีกพรรคฝ่ายค้าน 

‘เทพไท’ ชื่นชม ‘ปริญญ์’ ที่ยอมลาออกจากทุกตำแหน่ง ชี้ เป็นการแสดงสปิริต และรักษามาตรฐานพรรคประชาธิปัตย์

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์  โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ว่า ขอบคุณ ปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่รักษามาตรฐานของพรรคไว้ ด้วยการลาออก

ขอชื่นชมในสปิริตของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ที่ตัดสินใจลาออกจากทุกตำแหน่งในพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งรองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และส.ก.ของพรรค เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพรรค ซึ่งเป็นการเสียสละและรับผิดชอบต่อพรรค เพื่อไปต่อสู้พิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม และไม่ให้ผลของข้อกล่าวหากระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top