Wednesday, 15 May 2024
นายกรัฐมนตรี

สงครามอิสราเอล สถานการณ์วัดใจ ‘นายกฯ-รมว.ต่างประเทศ’ มือใหม่ ต้องผนึกพลังร่วมกันทำงาน ประสานทุกฝ่ายเร่งดูแลคนไทยให้ปลอดภัย

(13 ต.ค. 66) ผู้ซึ่งคร่ำหวอดในวงการแรงงานไทยได้บอกว่า การอพยพแรงไทยกลับออกจากอิสราเอลนั้น ทั้งวิธีคิดและวิธีปฏิบัติไม่ถูกต้อง เพราะทันทีที่แรงไทยออกจากอิสราเอลนั้น เท่ากับแรงงานไทยรายนั้น ๆ ต้องจากประเทศอิสราเอลแล้วทันที กระบวนการกลับไปทำงานต้องเริ่มต้นโดยการนับหนึ่งใหม่ แรงงานไทยรายไหนที่สัญญาจ้างเปิดกว้างและเอื้อประโยชน์ต่อแรงงานไทยรายนั้น ถือว่าโชคดีไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักไม่เป็นเช่นนั้น

สิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรทำ คือให้รัฐมนตรีต่างประเทศสั่งการสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทอาวิฟ อิสราเอล ประสานกับทางการอิสราเอลให้หาพื้นที่หลบภัยให้กับแรงงานไทยในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ แล้วอพยพแรงงานไทยดังกล่าวไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย จนกว่าเหตุการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งแรงงานไทยดังกล่าวก็จะสามารถกลับไปทำงานได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่เสียสิทธิในการจ้างงานตามสัญญาจ้าง

สิ่งที่รัฐบาลไทยควรดูแลใส่ใจ นอกจากการจัดตั้งศูนย์อพยพแรงงานไทยในพื้นที่ปลอดภัยแล้วคือ อาหารการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานไทยทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ โดยจัดทีมดูแลเฉพาะทางจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ไปดำเนินการจนกว่าเหตุการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

สิ่งหนึ่งที่สังคมไทยไม่รู้ คือ ความเห็นแก่ตัวของนายจ้างชาวอิสราเอลที่ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจต่อสวัสดิภาพของแรงงานไทยผู้เป็นลูกจ้าง เช่น การสั่งให้ลูกจ้างทำงานทั้งที่มีการยิงจรวดจากกลุ่ม Hamas สิ่งแรกที่นายจ้างชาวอิสราเอลควรจะสนใจและใส่ใจ ต่อสวัสดิภาพของแรงงานไทยผู้เป็นลูกจ้าง คือให้เข้าที่หลบภัย เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย เช่นกรณีนี้ ‘หัวใจสลาย แม่-พี่สาวร่ำไห้ หนุ่มอุดรฯ ถูกบังคับทำงานในไร่ซูกินี โดนระเบิดดับพร้อมเพื่อน หลังวิดีโอคอลวางสายไม่ถึง 10 นาที’ https://mgronline.com/local/detail/9660000091973

เพราะระบบป้องกัน Iron dome มีการคำนวณเพื่อเลือกเป้าหมายที่จะทำการสกัดกั้น ในกรณีที่จรวดที่กลุ่ม Hamas ยิงมาแล้วตกในเขตชุมชน Iron dome จะยิงสกัดกั้น เมื่อแรงงานไทยถูกสั่งให้ออกไปเก็บผักในไร่ซึ่งไม่ใช่เขตชุมชน ระบบป้องกัน Iron dome จึงไม่ทำการสกัดกั้น และทำให้จรวดตกใส่แรงงานไทยผู้เคราะห์ร้ายไป เหตุที่ Iron dome ไม่สกัดกั้นนั้น เพราะราคา Tamir ขีปนาวุธที่ใช้ในการสกัดกั้นจรวด ราคาสูงถึงลูกละ US $40,000 หรือราว 1,500,000 บาท

'ทูตอิสราเอล' รับปาก 'นายกฯ' เร่งอพยพ 6 พันคนไทย ยัน!! ถ้ามีเครื่องบินพอ ก็สามารถออกมาได้หมด

เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วมหารือกับ น.ส.ออร์นา ซากิฟ เอกอัคราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือในการดูแลคนไทยในสถานการณ์สู่รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส

ภายหลังการหารือ นายเศรษฐา แถลงว่า ในส่วนแรงงานไทยที่เสียชีวิต ได้ขอร้องผ่านเอกอัครราชทูตไปว่า ขอให้นำกลับมายังประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งได้รับปากว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ เนื่องจากปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตเป็นพันศพ จำเป็นต้องมีการชันสูตรและพิสูจน์ทราบ แต่การยืนยันว่าจะให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ สำหรับคนไทยจำนวนหนึ่งที่แสดงเจตจำนงกลับประเทศไทยกว่า 6 พันคน ซึ่งทางเอกอัครราชทูตยืนยันว่า มีเครื่องบินมารับเท่าไร ก็พร้อมจะนำส่งกลับออกมาทันที จุดใหญ่วันนี้คือเครื่องบินที่จะต้องไปรับกลับมาให้ได้

นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องสุดท้ายคือเรื่องของตัวประกัน ขอให้ดูแลและขอร้องให้เร่งเจรจาเพื่อนำตัวออกมาให้ได้ และตัวประกันไม่ได้ของชาติไทยเพียงชาติเดียว คนเหล่านี้ต้องถูกปล่อยออกมาโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า ความคืบหน้าการนำคนไทยไปพักไว้ในประเทศที่ 3 นายเศรษฐา กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังหารืออยู่ ซึ่งน่าจะมีประเทศอียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมืองจิดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย หากเข้าไม่ได้ก็จะพักคอยไว้ เมื่อมีสายการบินสามารถบินเข้าออกได้ก็ให้รับมาเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว

“จากการพบกับทูตอิสราเอล ผมมีความสบายใจขึ้นมานิดนึง เพราะท่านทูตยืนยันว่าไม่ต้องห่วงตอนนี้พร้อมหมด ถ้ามีเครื่องบินพอก็สามารถออกมาได้หมด ขณะนี้สามารถขนย้ายคนมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว “นายกฯ กล่าว

‘เศรษฐา’ ยินดี!! อพยพคนไทยกลับถึงประเทศลุล่วง พร้อมสั่ง ‘ก.แรงงาน’ หางานเหมาะสมรองรับ

(6 ต.ค. 66) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 11/2566 หลังเครื่องบินกองทัพอากาศอพยพคนไทยในอิสราเอลจำนวน 130 คน ถึงยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 ดอนเมือง เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ว่า ก็ดีใจที่คนไทยได้เดินทางกลับประเทศ หลังจากนี้ให้กระทรวงแรงงานช่วยหางานที่เหมาะสมให้ประกอบอาชีพ ส่วนเรื่องการอพยพคนไทยที่เหลือก็พยายามทำอย่างเต็มที่และจะดำเนินการให้เร็วที่สุด

ส่วนเที่ยวบินที่รับคนไทยเดินทางกลับยังยืนยันว่าเป็น 32 เที่ยวใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างน้อย ต้องมี 32 เที่ยวบิน และจะต้องเพิ่มขึ้น

‘เศรษฐา’ เข้าเฝ้า ‘มกุฎราชกุมารซาอุฯ’ กระชับความสัมพันธ์สองชาติ ด้าน ซาอุฯ รับปากจะช่วย ‘ตัวประกันไทย’ ในสงครามอย่างเต็มที่

เมื่อวานนี้ (20 ต.ค.66) ณ โรงแรม Ritz Carlton กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด (His Royal Highness Prince Mohammed bin Salman bin Abdulaziz Al Saud) มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ในโอกาสการหารือทวิภาคี ระหว่างการเข้าร่วมการประชุม ASEAN – GCC Summit โดยนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกรัฐมนตรีและมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีฯ ต่างยืนยันความตั้งใจร่วมกันในการส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนไทยและซาอุดีฯ ให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในวิสัยทัศน์ของพระราชาธิบดี รวมถึงมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีฯ ที่ทรงวางรากฐาน นำไปสู่การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศ โดยไทยยืนยันมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้าน ต่าง ๆ ให้พัฒนายิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมแก่ประชาชนไทยและซาอุดีฯ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและ มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีฯ หารือประเด็นความร่วมมือดังนี้

ด้านความสัมพันธ์ ทั้งสองฝ่ายหารือถึงการดำเนินความสัมพันธ์ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา โดยเฉพาะควรส่งเสริมการค้าและการลงทุนซึ่ง นายกฯ เสนอการจัดทำ Thai-GCC FTA รวมทั้งแสดงการสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพ Expo 2030 จัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2034 ของซาอุดีอาระเบีย รวมถึงแนวทางความร่วมมือและประเด็นที่คั่งค้างในด้าน 1) การเมืองและการกงสุล 2) การลงทุน 3) ความมั่นคงและการทหาร 4) วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว และ 5) เศรษฐกิจและการค้า โดยไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสภาความร่วมมือซาอุดี - ไทย (Saudi – Thai Coordination Council: STCC) ครั้งที่ 1 เพื่อทบทวนการดำเนินความสัมพันธ์ และกำหนดแนวทางความร่วมมือทั้ง 5 ด้าน

ด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายพร้อมส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง เพื่อเข้าร่วมงานนิทรรศการด้านการป้องกันประเทศของทั้งสองฝ่ายแล้วในงาน Defense and Security ของไทย และงาน World Defense Show ของซาอุดีฯ ซึ่งทำให้ไทยและซาอุดีฯ มีโอกาสขยายความร่วมมือในด้านความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ซึ่งไทยจะให้ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เร่งรัดความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมต่อไป

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณรัฐบาลซาอุดีอาระเบียที่ดูแลคนไทยกว่า 6,000 คน ที่อยู่ในซาอุดีอาระเบีย และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ซึ่งมีคนไทยเสียชีวิต บาดเจ็บ และถูกลักพาตัว ซึ่งซาอุดีอาระเบียรับที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับกุมตัว

‘นายกฯ’ ซัด!! นายจ้างอิสราเอลหัวหมอ ใช้เงินล่อให้อยู่ต่อ วอน!! คนไทยรีบกลับ พร้อมโทรเคลียร์ทูตอิสราเอลให้

(24 ต.ค. 66) สื่อต่างประเทศรายงานว่ากองทัพ อิสราเอลเดินหน้าโจมตีฉนวนกาซา อย่างหนัก ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก โดยอิสราเอลยกระดับการโจมตีในช่วงสองคืนที่ผ่านมา ซึ่งทางกลุ่มฮามาส ระบุว่ามีบ้านเรือนพังทลายไปกว่า 30 หลัง และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน จากการโจมตีพื้นที่ตอนกลางของฉนวนกาซา ที่ห้องเก็บศพ ของโรงพยาบาลเต็มไปด้วยร่างของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีเด็กรวมอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก เวลานี้ห้องเย็นเก็บศพ ของโรงพยาบาลมีพื้นที่ไม่เพียงพอที่จะเก็บศพ เพื่อรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ได้ ทำให้มีศพจำนวนมากที่ถูกนำไปฝัง โดยที่ยังไม่มีการตรวจพิสูจน์

ขณะที่สำนักงานของสหประชาชาติเพื่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ก็เปิดเผยว่า การโจมตีของอิสราเองช่วง 2 วันที่ผ่านมา ทำให้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานเสียชีวิตไปถึง 29 คน

ด้าน นายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล เตือนว่า สงครามบดขยี้กลุ่มฮามาส จะต้องใช้เวลานานหลายเดือน ซึ่งอิสราเอลจะโจมตีไปจนกว่ากลุ่มฮามาส จะไม่เหลือซาก ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่ายที่เกรงว่าการสู้รบจะขยายวงกว้างออกไป และเมื่อวานนี้การโจมตีของอิสราเอลเกิดความผิดพลาด ทำให้กองกำลังป้องกันชายแดของอียิปต์หลายนายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งอิสราเอลกล่าวยอมรับ และได้ขอโทษทางการอียิปต์แล้ว

>> โรงพยาบาลขาดเชื้อเพลิง

ส่วนการจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในฉนวนกาซา เมื่อวานนี้ มีการจัดส่งเพิ่มอีก 17 คันรถ หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีการจัดส่งลอตแรกจำนวน 20 คันรถ ทางการอียิปต์เปิดเผยว่าในวันนี้จะมีการจัดส่งเพิ่มอีก 40 คันรถ ขณะที่สหประชาชาติระบุว่าจะต้องจัดส่งถึงวันละ 100 คันรถ จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของชาวปาเลสไตน์ 2.4 ล้านคนในฉนวนกาซา และจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการจัดส่งเชื้อเพลิงเข้าไปเลย ขณะที่โรงพยาบาลในกาซา จะมีเชื้อเพลิงใช้ในการปั่นไฟได้อีกเพียง 3 วันเท่านั้น

>> บุกช่วยตัวประกัน

พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอล แถลงยืนยันมีทหารอิสราเอลสิ้นชีพหนึ่งศพ และบาดเจ็บอีก 3 นาย ขณะพยายามบุกช่วยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวไว้ที่เมืองข่านยูนิส ในดินแดนฉนวนกาซา และสาเหตุมาจากถูกกลุ่มฮามาสโจมตีด้วยจรวดต่อต้านรถถัง

ก่อนหน้านี้ กลุ่มฮามาสเปิดเผยว่า ได้มีการปะทะกับกองกำลังทหารอิสราเอลใกล้เมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา และกลุ่มฮามาสสามารถทำลายรถถังของกองทัพอิสราเอลไปได้ 1 คัน และรถแทรกเตอร์เกลี่ยดินอีก 2 คันในการสู้รบกัน

สำหรับความพยายามบุกช่วยตัวประกันในครั้งนี้ของทหารอิสราเอล เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจบุกช่วยตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสบุกลักพาตัวไปกว่า 200 คน ตั้งแต่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะกลุ่มฮามาสระดมยิงจรวดหลายพันลูกมาโจมตีอิสราเอลอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้มีผู้เสียชีวิตในอิสราเอลกว่า 1,300 ศพ ในขณะที่สงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่ดำเนินมาอย่างดุเดือด ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 6,000 ศพแล้ว

>> แฉนายกจ้างยิวยื้อจ่ายค่าจ้าง

เวลา 15.07 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและคลัง เป็นประธานการประชุมศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินความไม่สงบในอิสราเอล-กาซา เพื่อติดตามความคืบหน้าในการช่วยเหลือแรงงานไทยที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมอย่างพร้อมเพียงกัน โดยใช้เวลาในการประชุมเพียง 20 นาที

ต่อมา นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมติดตามความคืบหน้าของสงครามฮามาสกับอิสราเอล ข้อมูลปัจจุบันมีผู้แสดงความประสงค์จะกลับไทย 8,500 คน และถึงวันนี้มาได้ประมาณ 3 พันกว่าคน ขีดความสามารถในการนำคนไทยกลับมาได้ประมาณ 800 คนต่อวัน และสามารถเพิ่มได้อีก แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ การที่มีคนเปลี่ยนใจไม่กลับมาเยอะพอสมควรเหมือนกัน เหตุผลหลักคือ ทางนายจ้างอิสราเอลดึงเรื่องการจ่ายเงินไปเป็นวันที่ 10 พ.ย. และมีการอัพค่าจ้างออกไปเพื่อเป็นแรงจูงใจให้แรงงานไทยอยู่ แต่ทางเราได้ประชุมกันแล้ว ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายการทหาร ฝ่ายการต่างประเทศ เรายืนยันว่าแม้ว่าข่าวเรื่องการถล่มจะเบาบางลงไป แต่จริงๆ แล้วความเข้มของสงครามไม่ได้ลดลงไปเลย มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น และอาจจะขยายวงอีกบางประเทศที่ใกล้เคียงด้วย

>> ห่วงคนไทยยังไม่ยอมกลับ

“ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงจริงๆ เป็นอะไรที่เรามั่นใจว่าคงจะเลวร้ายลงไป นี่ขนาดเรียกว่ายังไม่มีเรื่องของการปฏิบัติการภาคพื้นดินเลย ซึ่งมีข่าวว่าจะมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินในอีก 2-3 วันนี้ ตรงนี้อยากขอเตือนพี่น้องว่ากลับมาเถอะครับ หากญาติพี่น้องอยู่ที่นี่ ขอให้บอกไปที่ญาติพี่น้องที่ทำงานที่นั่นให้กลับมา ต้องขอให้กลับมา เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ยังกลับได้อยู่ ถ้าเกิดมีการปฏิบัติการภาคพื้นดินเกิดขึ้น การกลับเข้ามาก็จะลำบาก เรื่องการเดินทางเข้าสู่ศูนย์อพยพเพื่อที่จะไปสนามบินก็จะลำบาก อันนี้รัฐบาลเห็นตรงกัน เป็นเรื่องที่เราจำเป็นต้องพูดและสื่อสารให้พี่น้องทุกคนได้ทราบ”นายเศรษฐา กล่าว

>> เร่งนำตัวกลับบ้านเกิด

นายเศรษฐา กล่าวว่า ในที่ประชุมตนได้มอบหมายให้ รมว.แรงงาน ซึ่งรับปากจะไปดูแลแรงงานที่กลับเข้ามา โดยเพิ่มแรงจูงใจให้รีบกลับเข้ามา เพราะคนที่กลับเข้ามาได้วันละประมาณ 15,000 บาท ก็จะมีการเพิ่มค่าแรงให้อีก เพื่อให้กลับเข้ามาได้อีกเป็นจำนวนที่มากขึ้น ขณะที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ก็เป็นห่วงและช่วยคิดวิธีการที่เวลาแรงงานไทยกลับเข้ามาแล้วจะให้ทำงานอะไร ซึ่งแรงงานไทยที่ไปทำงานอิสเราเอลส่วนมากเป็นแรงงานภาคเกษตร ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ฉะนั้น การกลับเข้ามา ทางกระทรวงเกษตรฯ อาจจะมีความต้องการที่จะใช้แรงงานตรงนี้ จึงพยายามประกาศออกไปให้ทราบว่าถ้ากลับมาก็มีงานให้ทำอยู่ จะได้รีบๆ กลับมา

>> ประสานช่วยเหลือทุกทาง

นายกฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องการประสานความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล เราประสานทุกช่องทาง แต่ที่ไม่พูดเพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง เราใช้ทุกวิถีทาง ทั้งผ่านนายกฯมาเลเซีย รวมถึงการที่ตนไปร่วมประชุมเข้าร่วมการประชุม ASEAN - GCC Summit ที่ซาอุดีอาระเบีย ตนก็ได้พูดคุยกับกษัตริย์โอมานและบาห์เรน รวมถึงมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทุกท่านตระหนักดี และทราบถึงสถานภาพของคนไทย ซึ่งเราไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือคู่ขัดแย้งเลย และเรามีการสูญเสียที่สูงมาก มีตัวประกัน 19 คน ซึ่งต้องยืนยันว่าเวลานี้ยังไม่รู้ชะตากรรม แต่ทุกเส้นทางเราพยายามทำงานกันอยู่ มีเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของเราบินออกไป แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าบินไปไหน และพบกับใคร แต่ยืนยันว่าเราทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ พยายามทำอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ช่องทางที่จะนำคนไทยกลับ สะดวกมากยิ่งขึ้นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา รมช.ต่างประเทศยืนยันว่าเราพาคนกลับได้วันหนึ่ง 800-1,000 คนสบายๆ เพียงแต่ว่าบางคนเปลี่ยนใจ แต่เมื่อมีการเปลี่ยนใจเรื่องการบริหารจัดการเครื่องบินก็มีปัญหา หากจะกลับถึง 1,000 คน เราก็สามารถจัดการได้ และอยากให้แจ้งมา และขอว่าอย่าเปลี่ยนใจเลย วงเงินแค่ไหนก็ไม่คุ้มกับชีวิตหรอก

เมื่อถามย้ำว่า เรื่องการปฏิบัติการภาคพื้นดิน จุดนี้คือสิ่งที่นายกฯห่วงมากใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถูกต้อง หากมีการปฏิบัติภาคพื้นดินเกิดขึ้น การลำเลียงคนออกมาจากโซนต่างๆ มายังศูนย์พักพิงจะยากยิ่งขึ้น ทีนี้จะทำให้เกิดปัญหา

เมื่อถามถึงกรณีมีแรงงานบางคนเดินทางไปทำงานอย่างไม่ถูกต้อง และไม่กล้ากลับ เพราะกลัวถูกดำเนินคดีนั้น นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เรามาพูดกันทีหลังได้ ไม่มีปัญหา จัดการได้หมด ขอให้กลับมา อย่างแรกคือความปลอดภัยของแรงงานไทย ทุกคนต้องกลับมาอย่างปลอดภัย เรื่องอื่นเป็นเรื่องรองหมด อย่าเป็นห่วงในเรื่องนั้น ขอให้เป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ที่ต้องกลับมาโดยเร็ว และขอยืนยันว่าถ้ามารายงานตัวกลับเจ้าหน้าที่ไทยกลับได้แน่นอน ไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่า มีข้อสังเกตถึงรูปแบบการเสียชีวิตของคนไทยที่ดูเหมือนถูกกระทำอย่างโหดเหี้ยม นายกฯ กล่าวว่า ขอสรุปอย่างนี้ดีกว่า ต้องให้เกียรติญาติพี่น้องและครอบครัว การที่จะพูดเรื่องพวกนี้ บางทีจะเป็นการกระทบกระเทือนจิตใจ การสูญเสียครั้งนี้ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของครอบครัวอยู่แล้ว วิธีการที่เสียชีวิตเกิดขึ้นจากสงครามแล้วกัน ตนคิดว่าสรุปตรงนั้นดีกว่า อย่าไปลงรายละเอียดกันเลยว่าเป็นอะไร ต้องเห็นใจครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย อันนี้ต้องขอร้องเลย ข้อมูลเรามี แต่ไม่อยากเปิดเผย และอย่าเปิดเผยเลยดีกว่าตรงนี้ ตอนนี้ยืนยันว่าอยากให้คนไทยกลับประเทศ โดยฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานของรัฐทุกคนยืนยัน ขอให้กลับมา หากญาติพี่น้องที่ฟังการแถลงข่าวอยู่ อยากให้ไปโน้มน้าวจิตใจญาติของตัวเองให้กลับมา เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม ทางเราก็จะพยายามดูแลให้ดีที่สุดก่อนที่สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปจนไม่สามารถพากลับมาได้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังสัมภาษณ์รอบแรกเสร็จ นายเศรษฐาได้กลับมาให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกครั้งว่า ขอตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่จะมีการจ่ายค่าแรงในวันที่ 10 พ.ย. ทั้งที่การจ่ายเงินควรจะต้องเป็นวันที่ 31 ต.ค. ทำให้ชวนคิดได้ว่าทำไมต้องไปจ่ายวันที่ 10 พ.ย. แสดงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าคิดและเราไม่ทราบเหตุผลว่าทำไม แต่คิดไปก็เป็นแต่เรื่องไม่ดีทั้งนั้น ในฐานะที่เป็นนายกฯหยิบประเด็นนี้มาพูดก็คิดว่าน่าจะเป็นประเด็น แต่ก็ต้องพูด เพราะจะจ่ายเงินวันที่ 10 พ.ย. แล้วถ้าก่อนหน้านั้นมีอะไรเกิดขึ้น จะได้กลับประเทศหรือไม่ ตนจึงขอให้แรงงานไทยคิดดีๆ ว่าจะอยู่หรือกลับ และตนจะโทรศัพท์หาเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ ละเอียดอ่อน และอย่าเอาเรื่องเงินมาแลกกับชีวิตของคนไทย ต้องขอร้อง และเรื่องนี้ควรจะดูแลเราให้ดีกว่านี้ ถ้าเราอยากจะกลับวันไหนก็ควรจะต้องจ่ายค่าแรง ไม่ใช่เอาเงินมาล่อให้เราอยู่ ถ้ามีการสูญเสียเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องใหญ่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่กลัวว่าจะเกิดเป็นประเด็นดรามาตีกลับในเรื่องนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ตีกลับก็ตีกลับ ผมก็ต้องรับ หน้าที่ผมคือดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยทุกคน ซึ่งพร้อมน้อมรับ” เมื่อถามว่า จะต้องมีการคุยกับทางการอิสราเอลเพื่อพูดคุยกับนายจ้างด้วยหรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า ตนจะโทรไปคุยกับทูตอิสราเอลว่ากรณีนี้ไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ส่วนจำนวนแรงงานที่ถูกยื้อเอาไว้นั้น ยังไม่ทราบว่ามีจำนวนเท่าไหร่ และขอย้ำว่าให้แรงงานไทยตัดสินใจให้แนวแน่ว่าจะเดินทางกลับหรือไม่กลับ เพราะถ้ามีปฏิบัติการภาคพื้นดินเมื่อไหร่ เส้นทางถนนถูกตัดขาด ไม่สามารถจะออกมาได้ เงินเท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม

นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าแรงงานไทยที่เสียชีวิต ว่า ตอนนี้เราต้องประสานงานหลายๆ ทาง ซึ่งยังไม่มีความแน่ชัดว่าเป็นใคร คงต้องเริ่มเก็บดีเอ็นเอเพื่อตรวจสอบ ส่วนความยากในการพิสูจน์อัตลักษณ์นั้น เราต้องดึงเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการยืนยันตัวตนของแรงงาน ตนได้คุยกับกับสถาบันนิติเวชที่ไทยแล้ว ซึ่งยอมรับแนวทางการดำเนินการของอิสราเอล

เมื่อถามถึงความท้าทายในการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตในเรื่องแรงงานไทย นายจักรพงษ์กล่าวว่า ต้องพยายามคุยกับเขา ว่าแรงงานเราเป็นคนตัดสินใจคนสุดท้าย หากทุดคนที่ประเทศไทยเป็นห่วง ทำให้เขารู้สึกว่าเขาต้องรีบกลับมา ก็น่าจะกลับมาได้

เมื่อถามว่า กลุ่มที่ออกมาสนับสนุนฮามาสในประเทศต่างๆ จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยด้วยหรือไม่ นายจักรพงษ์กล่าวว่า ต้องมองหลายส่วน คงต้องสงวนท่าทีไว้

เมื่อถามว่า อีกไม่กี่วันจะมีการปฏิบัติการภาคพื้นดิน ได้เตรียมมาตรการเพื่อโน้มน้าวคนไทยให้เดินทางกลับหรือไม่ เพราะอาจจะส่งผลให้การประสานงานรับกลับยากยิ่งขึ้น นายจักรพงษ์กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงไป ในเรื่องของรายได้ที่แรงงานยังไม่ได้ ซึ่งได้พูดคุยกับกระทรวงแรงงานแล้ว ว่าต้องพูดคุยกับนายจ้างอีก 10 กว่าบริษัทที่อิสราเอล เพื่อจะได้ไม่นำเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้แรงงานอยู่ต่อ

‘ภูมิธรรม’ ยัน!! ‘เศรษฐา’ ไร้นัย ส่งสัญญาณอยู่ไม่ครบ 4 ปี แค่ชื่นชม ‘อุ๊งอิ๊ง’ มีคุณสมบัติครบเหมาะเป็นนายกฯ สบาย

(28 ต.ค.66) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้สบายๆ ว่า ไม่มีนัยอะไร แต่ถือเป็นความจริงที่มีความเหมาะสม และเมื่อขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว หัวหน้าพรรคทุกคนก็มีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ โดยมองว่าความพร้อมของนางสาวแพทองธารมีครบถ้วน ดังนั้น การที่นายกรัฐมนตรีพูดเช่นนี้ ก็เป็นความจริงที่นางสาวแพทองธาร ก็มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และทุกคนก็รู้สึกเช่นนั้น 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่นายเศรษฐา ระบุว่า น.ส.แพทองธาร สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้เป็นการส่งสัญญาณว่านายกฯ เศรษฐา จะอยู่ไม่ครบ 4 ปีหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สามารถคิดได้หลายอย่าง อาจจะอยู่ครบ 4 ปี แล้วน.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ต่อได้ ย้ำว่าน.ส.แพทองธาร มีความพร้อม เมื่อได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งในด้านคุณสมบัติ ประสบการณ์ทำงาน การหาเสียง ทุกอย่างก็พร้อมหมด ทั้งนี้ไม่ถึงขั้นที่จะต้องแบ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนละ 2 ปี เพราะไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นนั้น แต่เป็นการแบ่งหน้าที่กันทำงานมากกว่า

เมื่อถามย้ำว่า ภาพที่นายเศรษฐา ทำท่าจูบมือน.ส.แพทองธาร ตามธรรมเนียมต่างชาติ หลังได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นการส่งสัญญาณหรือส่งไม้ต่ออะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า แล้วแต่จะตีความ แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นการแสดงความชื่นชม และเคารพซึ่งกันและกัน ยืนยันไม่ได้มีนัยอะไร  

ผู้สื่อข่าวถามว่าน.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว จะนำพาพรรคไปเป็นพรรคอันดับหนึ่งในใจประชาชนได้อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า เชื่อว่าด้วยความพร้อมและประสบการณ์ของนางสาวแพทองธารมีมากกว่าคนอื่น ส่วนจะนำพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งครั้งหน้าได้หรือไม่นั้น ยืนยันว่าทุกการเลือกตั้ง เรามั่นใจ อยู่ที่ความพร้อมของทุกฝ่าย และวันนี้เราก็พร้อมแล้วที่น.ส.แพทองธาร จะมาเชื่อมต่อคนระหว่างวัย ให้สามารถทำงานได้มากขึ้น

‘นายกฯ’ ห่วง ‘คนไทย’ ช่วง ‘เทศกาลฮาโลวีน’ ที่ถนนข้าวสาร วอนปชช. ‘มีสติ-ระวังตัว-เลี่ยงที่แออัด’ ป้องกันซ้ำรอยอิแทวอน

(30 ต.ค. 66) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นห่วงคนไทยในทุกพื้นที่ ในช่วงการเฉลิมฉลองเทศกาล Halloween พร้อมเตือนคนไทยหลีกเลี่ยงการเฉลิมฉลองในสถานที่แออัด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ด้วยคืนพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) เป็นวัน Halloween สถานบันเทิงจะจัดงานเฉลิมฉลอง หน่วยงานต่างๆ จึงมีมาตรการคำแนะนำป้องกัน ดูแลความปลอดภัยคนไทย ยกตัวอย่าง เช่น ตำรวจท่องเที่ยว ได้ออกคำแนะนำทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้กับนักท่องเที่ยว ดังนี้ 1.วางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อให้รู้ว่าจะเดินทางไปอยู่ตรงไหน จะได้รู้จักเส้นทางก่อน และควรดูพยากรณ์อากาศด้วย 2.หากเป็นสถานที่ปิด ควรดูทางออกฉุกเฉิน และควรมีเพื่อนไปด้วยอย่างน้อย 1 คน

3.หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เพื่อป้องกันเรื่องการถูกล้วงกระเป๋าจากมิจฉาชีพ และการเบียดเสียดกับคนอื่น 4.ดื่มอย่างมีสติ อย่าทิ้งตัว และดื่มไม่ขับ 5.อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ หรือมาตรการรักษาความปลอดภัยของสถานที่นั้น ๆ หากมีเหตุฉุกเฉิน สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน หมายเลข 1155 ตำรวจท่องเที่ยว โดยสถานที่หลัก ๆ ที่มีคนเป็นห่วงมากก็คือ ถนนข้าวสาร เพราะมีลักษณะของพื้นที่คล้ายกับอิแทวอน สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมเมื่อปีที่แล้ว

นายชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ออกประกาศ เรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับคนไทยในสาธารณรัฐเกาหลี โดยขอให้คนไทยในสาธารณรัฐเกาหลีระมัดระวังการเข้าไปในสถานที่ที่คนพลุกพล่าน พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาล Halloween ที่อาจจัดขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ ของสาธารณรัฐเกาหลีในปีนี้ หรือหากจะเข้าร่วมงาน ก็ขอให้ระมัดระวังในการไปรวมตัวยังสถานที่ที่มีผู้คนแออัด หรือมีฝูงชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้ เช่น การล้มทับกันของฝูงชนที่เบียดเสียดกัน

ทั้งนี้ หากรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ก็ขอให้รีบหาทางหลบออกมาจากสถานที่ดังกล่าวโดยเร็ว หากคนไทยต้องการความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล โทรศัพท์ +82 10-6747-0095 หรือ +82 10-3099-2955

“นายกรัฐมนตรี ห่วงใยคนไทยที่ต้องการเข้าร่วมช่วงการเฉลิมฉลอง ขอให้เที่ยวอย่างมีสติ เตรียมการเดินทาง เข้าร่วมกิจกรรมอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงบริเวณแออัด พื้นที่คนพลุกพล่าน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่คาดฝัน” นายชัย กล่าว

'นายกฯ' ยัน!! สั่งศึกษาขึ้นเงินเดือน ‘ข้าราชการ-จนท.รัฐ’ เหตุไม่ได้ปรับขึ้นมานานแล้ว ขีดเส้นสิ้นเดือนนี้ได้ข้อสรุป

(6 พ.ย. 66) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคลัง กล่าวถึงการพิจารณาปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและอัตราเงินเดือนข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า เรื่องดังกล่าวมีเอกสารสั่งการใช้ศึกษาเรื่องความเป็นไปได้ ในการที่จะดูในเรื่องของเงินเดือน ซึ่งกระทรวงแรงงานกำลังพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำอยู่ ถ้าจะยกระดับก็ต้องดูทั้งหมดในทุกภาคส่วน ได้มอบให้คณะทำงานศึกษาและมารายงานภายในสิ้นเดือนนี้ว่า มีความเป็นไปได้อย่างไร

เมื่อถามว่า นอกจากการศึกษาความเป็นไปได้ในการขึ้นค่าแรง หลังศึกษาแล้วจะมีกรอบหรือไม่ ว่าจะปรับขึ้นภายในปีงบประมาณใด นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องมาดูอีกครั้งถึงจะบอกได้ว่าต้องมีการศึกษาเกิดขึ้น ซึ่งสืบเนื่องตามที่เคยพูดไปแล้วว่าเงินเดือนของข้าราชการและค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ขึ้นมานานแล้ว และปัจจุบันค่าครองชีพสูงขึ้นมาก เราก็เป็นห่วงพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนของค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือนข้าราชการด้วย

เมื่อถามว่า จะสอดรับในเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่เป็นนโยบายของรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า หลักการถือว่าสอดคล้อง แต่จำนวนเงินเปอร์เซ็นต์ที่ขึ้นก็ต้องว่ากันไปแต่ละภาคส่วน

เมื่อถามว่า ในส่วนของแรงงานจะขยับขึ้นได้เมื่อไร เพราะนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ออกมาระบุว่า อาจจะไม่ได้ขึ้นเป็น 400 บาทในทุกพื้นที่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เดี๋ยวต้องฟังรมว.แรงงาน อีกครั้ง ถึงได้บอกว่าต้องมีการศึกษาอีกครั้งทั้งหมด

‘รมต.พวงเพ็ชร’ เผย ‘นายกฯ’ กำชับ ใช้สื่อรัฐเผยผลงานรัฐบาลให้มากที่สุด

(8 พ.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ตึกไทยคู่ฟ้าว่า ตนได้เข้าพบนายกฯ คนละวงประชุมกับรัฐมนตรีท่านอื่น โดยนายกฯ เรียกตนไปหารือเพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการจัดงานที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 พ.ย. คืองานแถลงนโยบายครบรอบ 2 เดือนของรัฐบาล และในวันที่ 10 พ.ย. จะมี 2 งานคือแถลงเรื่องนโยบายเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท และงาน Thailand Winter Festival ซึ่งตนต้องมีหน้าที่ดูแลการถ่ายทอดสด ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ โดยนายกฯ กำชับว่าอะไรที่เป็นผลงานของรัฐบาลให้เผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบให้มากที่สุดและถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด

'ชัยชนะ' ฟาด!! 2 เดือน 'รัฐบาล-นายกฯ' สอบตก ยก 3 ผ่าน 'อนุทิน-ชาดา-ธรรมนัส' ทำงานเห็นผล

(9 พ.ย.66) นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของรัฐบาลหลังเข้ามาบริหารประเทศ 2 เดือน ว่า  2 เดือนในการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายก​รัฐมนตรี​ สิ่งที่น่าผิดหวัง คือ ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องเศรษฐกิจของประเทศได้ ประชาชนยังอยู่ในยุคที่ข้าวของมีราคาแพง อีกทั้งปัญหาการพนันออนไลน์ ทุกวันนี้ก็ยังมีข่าวปัญหาอาชญากรรมทางสังคมที่เกิดขึ้นจากการพนันออนไลน์มากมาย และสุดท้ายการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็ล้มเหลว ส่วนการปรับลดราคาพลังงาน ก็เหมือนเป็นการปรับลดแบบไฟไหม้ฟางระยะสั้น แก้ปัญหาไม่ตรงจุด และการทำงานของนายกฯ 2 เดือนที่ผ่านมา ก็เปรียบเสมือนนายกฯ เป็นหัวหน้าทัวร์ศูนย์เหรียญ ส่วนใหญ่จะท่องเที่ยวในต่างประเทศมากกว่า และดูว่าการเดินทางต่างๆ ก็ไม่มีเป้าหมาย

นายชัยชนะ ยังกล่าวต่อด้วยว่า มีรัฐมนตรีแค่ 3 คนที่สอบผ่าน คือ นายอนุทิน ชาญ​วี​ร​กูล​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องของสังคมหลายเรื่อง ​ทั้งเรื่องเปิดผับถึงตี 4, นายชาดา ไทยเศรษฐ์​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย วางแผนแก้ไขปัญหาเรื่องผู้มีอิทธิพลอย่างมีระบบ, ร้อยเอกธรรมนัส พรหม​เผ่า​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนและดูแลพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาต้องกลับไปทบทวน เพราะรัฐมนตรีใน ครม. 35 คนสอบผ่านแค่ 3 คน ที่เหลือยังไม่มีผลงานประดับชัดเจน

“ต้องบอกว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่การเดินแบบแฟชันโชว์หรือเป็นไกด์ทัวร์ จุดสำคัญต้องมีวุฒิภาวะ ซึ่งนายกรัฐมนตรียังไม่มีโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่จูบมือ ‘อุ๊งอิ๊ง’ อันนี้ถือว่าขาดภาวะความเป็นผู้นำ และตนขอให้คะแนนนายกฯ แค่ 3 คะแนนจากเต็ม 10 และ 3 คะแนนที่ให้คือ 1.นายกไหว้สวย 2.ไปเที่ยวทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้นและ 3.คือนายกแต่งตัวแฟชัน” นายชัยชนะ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top