Sunday, 5 May 2024
การเมือง

‘The People’ แถลงขอโทษ กรณีเผยแพร่บทความสร้างความขุ่นเคืองใจ หลังเขียนจั่วหัว ‘จตุรมิตรสามัคคี เป็นศูนย์กลางอำนาจ-เครือข่ายการเมือง’ 

(19 พ.ย.66) เพจเฟสบุ๊ก The People ได้ออกมาโพสต์คำชี้แจงจากบรรณาธิการ กรณีบทความเรื่อง ‘จตุรมิตรสามัคคี’ ว่า…

จากบทความเรื่อง ‘จตุรมิตรสามัคคี’ ที่เผยแพร่ในเพจ The People เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 ทำให้เกิดข้อวิจารณ์ต่อข้อมูลและความคิดเห็นที่นำเสนอในบทความ

ข้าพเจ้า นายธนพงศ์ พุทธิวนิช ในฐานะบรรณาธิการ The People ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่บทความดังกล่าวได้สร้างความขุ่นเคืองใจ และจะระมัดระวังมิให้เกิดความผิดพลาดเช่นนี้อีก

ข้าพเจ้าขออภัยและขอน้อมรับคำวิจารณ์จากทุกท่าน เพื่อนำไปปรับปรุงกระบวนการทำงาน และพัฒนาเนื้อหาให้ดี มีคุณภาพ สมดังที่ท่านผู้อ่านได้ติดตามและให้ความไว้วางใจเสมอมา

ด้วยจิตคารวะ

ธนพงศ์ พุทธิวนิช
19 พฤศจิกายน 2566

‘Hsiao Bi-khim’ ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งรอง ปธน.ไต้หวัน ปี 2024 สตรีผู้มีความตั้งมั่นอันแน่วแน่ในการนำพา ‘ไต้หวัน’ สู่ความรุ่งเรือง

‘Hsiao Bi-khim’ สตรีลูกครึ่งจีน (ไต้หวัน)-อเมริกัน 
ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีไต้หวัน ปี 2024

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ‘Hsiao Bi-khim’ หัวหน้าสำนักงานผู้แทนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป (ในช่วงสามปีที่ผ่านมา) ได้ทำหน้าที่เสมือนเป็นเอกอัครรัฐทูตไต้หวันประจำสหรัฐฯ โดยพฤตินัย (เนื่องจากสรัฐฯ รับรองสถานภาพของสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวัน) ได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการ ให้เป็นผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีของ ‘พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า’ (DPP) ของ ‘Lai Ching-te’ ผู้สมัครในตำแหน่งประธานาธิบดีของการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน ปี 2024

Hsiao เกิดที่เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น มีบิดาเป็นชาวไต้หวัน คือ ‘Hsiao Tsing-fen’ อดีตประธานวิทยาลัยศาสนศาสตร์และเซมินารีไถหนาน และมารดาเป็นชาวอเมริกัน คือ ‘Peggy Cooley’ ครอบครัวของเธอนับถือศาสนาคริสต์ นิกายเพรสไบทีเรียน เธอเติบโตในเมืองไถหนาน ประเทศไต้หวัน โดยสามารถใช้ภาษาจีนกลาง ฮกเกี้ยน และภาษาอังกฤษ จากนั้น เธอได้ย้ายไปสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น และสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมมอนต์แคลร์ ในเมืองมอนต์แคลร์ มลรัฐนิวเจอร์ซีย์

Hsiao สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาเอเชียตะวันออกศึกษาจากวิทยาลัย Oberlin และปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ในสหรัฐอเมริกา

Hsiao เริ่มร่วมงานกับสำนักงานตัวแทนพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ในสหรัฐอเมริกา โดยทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานกิจกรรม เมื่อเดินทางกลับไต้หวัน Hsiao ก็กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกิจการระหว่างประเทศของพรรค และเป็นตัวแทนของพรรคในการประชุมระหว่างประเทศต่าง ๆ มานานกว่าทศวรรษ

หลังจากที่ ‘Chen Shui-bian’ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีนในปี 2000 Hsiao รับหน้าที่เป็นล่ามและที่ปรึกษาของเขามาเกือบสองปี โดยสถานะสองสัญชาติของเธอทั้งสหรัฐฯ และสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในขณะที่เธอดำรงตำแหน่งในรัฐบาลกลายเป็นประเด็นทางการเมือง จึงทำให้เธอสละสัญชาติสหรัฐฯ ของเธอ ตามที่กฎหมายการจ้างงานข้ารัฐการพลเรือนของไต้หวันกำหนดไว้ในปี 2000

ในเดือนมกราคม ปี 2000 Hsiao ได้ประกาศความตั้งใจที่จะลงสมัครรับตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติไต้หวัน (สภาหยวน) ในนามตัวแทนของพรรค DPP ในฐานะสมาชิกเสริมที่เป็นตัวแทนของเขตเลือกตั้งในต่างประเทศ โดยอ้างถึงประสบการณ์ของเธอในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ต่อมาเธอได้รับเลือกในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติในเดือนธันวาคม ปี 2004 Hsiao ได้รับเลือกเข้าสู่สภานิติบัญญัติไต้หวันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอเป็นตัวแทนของเขตเลือกตั้งของไทเป ครอบคลุมเขตทางตอนเหนือของ Xinyi, Songshan, Nangang, Neihu, Shilin และ Beitou ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติ เธอดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศ คณะกรรมาธิการโครงการต่าง ๆ และคณะกรรมาธิการวินัยของรัฐสภา

Hsiao ทำงานในประเด็นต่าง ๆ ในสภานิติบัญญัติไต้หวัน โดยเฉพาะสิทธิสตรี สิทธิของชาวต่างชาติในไต้หวัน และสิทธิมนุษยชนอื่น ๆ Hsiao สนับสนุนการแก้ไขกฎหมายสัญชาติ เพื่อให้บุคคลที่เกิดมาจากบิดามารดาที่มีสัญชาติไต้หวันอย่างน้อยหนึ่งคน สามารถมีสัญชาติไต้หวันได้โดยไม่คำนึงถึงอายุ และยังได้เสนอและสนับสนุนการแก้ไขกฎหมายคนเข้าเมือง เพื่อต่อต้านการเลือกปฏิบัติและต่อต้านความรุนแรงในครอบครัว นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้สนับสนุนสิทธิสัตว์ โดยเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ และยังผลักดันให้มีการผ่านพระราชบัญญัติป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศในเดือนมกราคม ปี 2005 อีกด้วย

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2005 Hsiao เป็นตัวแทนของพรรค DPP ในการประชุมประจำปีของ ‘Liberal International’ ในกรุงโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย ซึ่งในระหว่างนั้นเธอได้รับเลือกเป็นรองประธานของ Liberal International ด้วย Hsiao ได้กล่าวว่า เธอและตัวแทนของพรรค DPP คนอื่น ๆ ถูกติดตามตลอดการเยือนบัลแกเรีย โดยบุคคลสองคนที่สถานทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนในกรุงโซเฟียส่งมา

ในเดือนเดียวกันนั้นเอง Hsiao ยังได้เริ่มรณรงค์เพื่อสนับสนุนให้แฟนเบสบอลชาวไต้หวัน เขียนอีเมลถึงทีม ‘New York Yankees’ เพื่อขอให้เก็บผู้เล่นชาวไต้หวัน ‘Chien-Ming Wang’ ไว้ในทีม

Hsiao เป็นหนึ่งในผู้ร่างกฎของพรรค DPP และตกเป็นเป้าหมายของผู้สนับสนุนพรรคบางคน ซึ่งระบุว่า “มีความภักดีไม่เพียงพอ” โดยมีรายการวิทยุที่สนับสนุนเอกราช พากย์เสียงเธอว่า ‘ไชนีสคิม’ ในเดือนมีนาคม ปี 2007 โดยกล่าวหาว่าเธอมีความใกล้ชิดกับอดีตฝ่ายปฏิรูปของพรรค DPP บางคน หลังจากได้รับการปกป้องโดยสมาชิกของพรรค DPP คนอื่น ๆ แต่ Hsiao ไม่ได้รับการเสนอชื่อให้ลงสมัครรับการเลือกตั้งใหม่โดยพรรค DPP ในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติไต้หวัน ในเดือนมกราคม ปี 2008 ด้วยสาเหตุมาจากความขัดแย้งครั้งนั้น

Hsiao ออกจากสภานิติบัญญัติหยวน หลังจากวาระของเธอหมดลงในวันที่ 31 มกราคม 2008 เธอทำหน้าที่เป็นโฆษกของการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2008 ซึ่งเป็นปีที่พรรค DPP ไม่ประสบความสำเร็จ อีกทั้ง เธอยังเป็นรองประธานมูลนิธิแลกเปลี่ยน ‘ทิเบต-ไต้หวัน’ เป็นสมาชิกของคณะกรรมการมูลนิธิไต้หวันเพื่อประชาธิปไตย และเป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารของสภาเสรีนิยมและเดโมแครตแห่งเอเชีย และสมาชิกผู้ก่อตั้งสมาคมสตรีกีฬาแห่งไต้หวัน ตั้งแต่ปี 2010

Hsiao ใช้เวลาหนึ่งทศวรรษในการเป็นตัวแทนของพรรค DPP ในเทศมณฑลฮัวเหลียน ซึ่งเป็นภูมิภาคอนุรักษ์นิยมที่สนับสนุนพรรคก๊กมินตั๋งอย่างเข้มแข็ง ในปีเดียวกันนั้น เธอพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซ่อมด้วยคะแนนเสียงที่น้อยกว่าไม่มาก แต่ก็ยังถือว่าได้ทำลาย ‘คะแนนเสียงเหล็ก’ ของพรรคก๊กมินตั๋ง จากนั้นเธอก็ตั้งสำนักงานในฮัวเหลียน และเดินทางไปมาระหว่างไทเปและฮัวเหลียนทุกสัปดาห์

Hsiao กลับมาสู่สภานิติบัญญัติไต้หวันในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 โดยได้รับเลือกผ่านการเป็นตัวแทนตามสัดส่วนของบัญชีรายชื่อพรรค ในปี 2016 Hsiao สืบทอดตำแหน่งต่อจาก ‘Wang Ting-son’ ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติของเทศมณฑลฮัวเหลียน ในปี 2018 มีการจัดให้รณรงค์เพื่อต่อต้าน Hsiao เนื่องจากเธอได้รับการสนับสนุนอย่างมาก ในการทำให้การแต่งงานของคนเพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมาย

Hsiao ไม่ยอมแพ้ต่อความกดดัน และยังคงหาเสียงในฮัวเหลียนต่อ ในเดือนสิงหาคม 2019 เธอได้รับการเสนอชื่อจากพรรค DPP เพื่อลงสมัครรับตำแหน่ง สส.ต่อไปในเทศมณฑลฮัวเหลียน เธอเสียที่นั่งให้กับ ‘Fu Kun-chi’ ในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติปี 2020

Hsiao ออกจากสภานิติบัญญัติไต้หวันเมื่อหมดวาระในปี 2020 และต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของสภาความมั่นคงแห่งชาติในเดือนมีนาคม 2020 ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันนั้นเอง Hsiao ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของไต้หวัน (หัวหน้าสำนักงานผู้แทนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป) ประจำสหรัฐอเมริกา โดยเธอรับช่วงต่อจาก ‘Stanley Kao’ และเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับบทบาทนี้

โดย Hsiao สาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2020 Hsiao ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการ และเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ‘Joe Biden’ ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2021 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตัวแทนของไต้หวันประจำสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่สหรัฐฯ ยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันเมื่อปี 1979 เธอยืนอยู่หน้ารัฐสภาสหรัฐฯ (The US Capitol) ในพิธีสาบานตน และกล่าวว่า “ประชาธิปไตยเป็นภาษากลางของเรา และเสรีภาพคือเป้าหมายร่วมกันของเรา”

ในเดือนพฤศจิกายน 2000 เดอะเจอร์นัลลิสต์ ซึ่งเป็นนิตยสารแท็บลอยด์ท้องถิ่นได้เสนอข่าวซึ่งอ้างอย่างผิด ๆ ว่า ได้ข่าวจากรองประธานาธิบดี ‘Annette Lu’ ว่า Hsiao มีความสัมพันธ์กับประธานาธิบดี ‘Chen Shui-bian’ ซึ่งไม่มีหลักฐานสนับสนุนการกล่าวอ้างที่เป็นเท็จนี้ และรองประธานาธิบดี Annette Lu ได้ ฟ้องนิตยสารดังกล่าวในข้อหาหมิ่นประมาทในศาลแพ่ง จนในที่สุด นิตยสารก็ได้รับคำสั่งให้ขอโทษและแก้ไขประเด็นดังกล่าว โดยยอมรับว่าเป็นการสร้างเรื่องราวขึ้น

ในระหว่างอาชีพทางการเมืองของเธอ Hsiao และเพื่อนสมาชิกสภานิติบัญญัติ ‘Cheng Li-chun’ และ ‘Chiu Yi-ying’ ได้รับฉายาว่า ‘S.H.E ของ DPP’ Hsiao เป็นผู้สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิ LGBT ในไต้หวันมายาวนาน Hsiao เป็นคนรักแมว โดยเธอกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2020 ว่า เธอวางแผนจะพาแมวทั้ง 4 ตัว ติดตามไปด้วยเมื่อเธอย้ายไปที่สหรัฐอเมริกา ในฐานะหัวหน้าสำนักงานผู้แทนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปของไต้หวันประจำประเทศนี้ ในฐานะทูตของไต้หวัน เธอกล่าวว่า เธอจะต่อสู้กับการทูตที่ถูกกล่าวหาว่าก้าวร้าวแบบ ‘นักรบหมาป่า’ ของจีน โดยใช้การทูตแบบ ‘นักรบแมว’ (cat warrior) ที่เป็นแบรนด์ของเธอเอง

ในวันที่ 17 สิงหาคม 2022 หลังจากการเยือนไต้หวันของ ‘Nancy Pelosi’ ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น ระหว่างวันที่ 2–3 สิงหาคม จีนได้ขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่ไต้หวัน 7 คน รวมทั้ง Hsiao เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า ‘สนับสนุนเอกราชของไต้หวัน’ โดยบัญชีดำสั่งห้ามไม่ให้พวกเขาเข้าไปในจีนแผ่นดินใหญ่ และเขตบริหารพิเศษของฮ่องกง รวมถึงมาเก๊า และจำกัดไม่ให้ทำงานกับเจ้าหน้าที่จีนอีกด้วย หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ของรัฐบาลจีน โกลบอลไทมส์ ตราหน้า Hsiao และเจ้าหน้าที่ทั้ง 6 คนว่าเป็น ‘คนหัวแข็งที่แบ่งแยกดินแดน’

ในเดือนเมษายน 2022 Hsiao ถูกจีนคว่ำบาตรเป็นครั้งที่สอง ภายหลังการประชุมระหว่างประธานาธิบดี ‘Tsai Ing-wen’ แห่งไต้หวัน และ ‘Kevin McCarthy’ ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา ในสหรัฐอเมริกา มาตรการคว่ำบาตรชุดที่สองยังรวมถึงการป้องกันไม่ให้นักลงทุน และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร ความร่วมมือกับองค์กรและบุคคลในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย

และวันที่ 20 พฤศจิกายน 2023 พรรค DPP ได้เสนอชื่อเธอให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน ปี 2024 โดยเธอได้ประกาศว่า “ฉัน Hsiao Bi-khim กลับมาแล้ว ฉันจะแบกรับความรับผิดชอบอันแน่วแน่ในการสนับสนุนไต้หวัน” หลังจากเดินทางกลับจากกรุงวอชิงตันไม่ถึงหนึ่งวัน ในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (20 พ.ย.) ที่ผ่านมา เพื่อเปิดตัวผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไต้หวัน ที่สำนักงานใหญ่หาเสียงของ Lai Ching-te ในกรุงไทเป

ด้วยบทบาทหน้าที่ของ Hsiao Bi-khim ที่ผ่านมา เชื่อว่า เธอสนับสนุนการแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวันอย่างแน่นอน และมีความเป็นไปได้สูงที่เธอน่าจะเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรค DPP ต่อจาก Lai Ching-te ด้วย ซึ่งท้ายที่สุดจะสร้างความขุ่นเคืองใจอย่างมากมายแก่รัฐบาลปักกิ่ง

เรื่อง : ดร.ปุณกฤษ ลลิตธนมงคล
ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่ อาจารย์พิเศษหลักสูตรปริญญาโทและเอก นักเล่าเรื่องมากมายในหลากหลายมิติ เป็นผู้ที่ชื่นชมสนใจในประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ตลอดจนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ

เปิดเหตุผล ‘พอลลีน’ กรณีดึง ‘วิโรจน์ ก้าวไกล’ มาช่วยพัฒนาบอลไทย เชื่อ!! ช่วยเปิดมุมมองที่ไม่คาดคิด วอน!! แยกแยะ ‘กีฬา-การเมือง’

เมื่อไม่นานนี้ ‘คุณพอลลีน งามพริ้ง’ ได้ออกมาชี้แจง หลังจากที่ ได้ประกาศว่าได้ดึงตัว ‘คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ เข้ามาเป็นทีมงานเตรียมช่วยพัฒนาฟุตบอลไทย

สำหรับ คุณพอลลีน แสดงตัวชัดเจนว่าจะลงสมัคร และได้ทาบทาม คุณวิโรจน์ ก้าวไกลมาร่วมทีมด้วย โดย คุณพอลลีนได้ ชี้แจงเหตุผลที่เชิญชวนคุณวิโรจน์มาร่วมด้วยช่วยกันในวงการฟุตบอล ไว้ดังนี้

1.) การที่มีคนนอกวงการกีฬาเข้ามา อาจจะช่วยให้เปิดมุมมองที่เราไม่คาดคิดได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น จากที่ได้รู้จักคุณวิโรจน์ ที่เป็นแฟนฟุตบอลตัวตึง และตัวยงไม่แพ้ใคร

2.) ศักยภาพคุณวิโรจน์ ค่อนข้างเป็นที่ประจักษ์ในการตรวจสอบต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

3.) คุณวิโรจน์ มีประสบการณ์วิศวกรรม อาจจะสามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้กับวงการกีฬา เพื่อขับเคลื่อนได้

4.) ประสบการณ์จากการทำงานเป็น ผจก.ทรัพยากร หากนำมาปรับโครงสร้าง และติดตามปัญหาของนักฟุตบอลภายใต้สมาคมได้อีก

“ที่สำคัญพอลลีนเพียงแต่พูดคุยไปที่คุณวิโรจน์ แต่ก็ยังไม่ได้สรุปหรือตอบรับแต่อย่างใด เพราะเกรงเรื่องภารกิจในสภาฯ มีหลายคนพยายามโยงว่า พอลลีน เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยว ก็อยากจะบอกว่า ที่ทำฟุตบอลสโมสรกันอยู่เวลานี้ หรือ มีอิทธิพลในสมาคมฯกันอยู่เวลานี้ ก็นักการเมือง หรือสังกัดพรรคการเมืองกันทั้งนั้น อย่าเถียงว่าไม่จริง” คุณพอลลีน กล่าว

“วงการฟุตบอลไม่ควรมาตั้งแง่กันว่า ใครรวยใครจน ใครอยู่ภาคไหน หรือมีแนวคิดการเมืองเป็นอย่างไร ที่สำคัญพรรคการเมืองรัฐบาลก็ไม่ควรแสดงตัวสนับสนุนใคร… เพราะนั่นคุณกำลังเอา ‘การเมืองมายุ่ง’ ของจริง ด้วยความเคารพ” คุณพอลลีน กล่าวทิ้งท้าย

‘รัฐมนตรีญี่ปุ่น’ แห่ลาออก เซ่นปมทุจริต-รับเงินใต้โต๊ะ 500 ล้านเยน ด้าน ‘นายกฯ ฟูมิโอะ’ เร่งกู้ภาพลักษณ์ รบ.-เรียกความเชื่อมั่น ปชช.

(14 ธ.ค. 66) สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานข่าวความคืบหน้า กรณีฉาวแวดวงการเมืองของญี่ปุ่นว่า นายยาซูโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม, นายจุนจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายใน และ นายอิจิโร่ มิยาชิตะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง

รายงานระบุ คาดว่า นายฮิโรคาซุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น รวมถึงรัฐมนตรีช่วยอีก 5 คนจะยื่นเรื่องลาออกในวันเดียวกัน หลังเกิดประเด็นกล่าวหาว่ามีการรับสินบนรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านเยน หรือราว 123 ล้านบาท

ภายในพรรคเสรีประชาธิปไตย (แอลดีพี) พรรครัฐบาล รวมถึงนายมัตสึโนะที่ถูกครหาว่ารับเงินใต้โต๊ะกว่า 2.4 ล้านบาทจากการจัดงานระดมทุนที่ฝ่ายเสียงข้างน้อยในพรรคจัดขึ้น สร้างความไม่พอใจให้กับสังคมและนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจในรัฐบาล ขณะที่อัยการเริ่มต้นการสอบสวนข้อกล่าวหาเรื่องรับเงินสินบน

'ลอรี่' ซัด!! 'สส.ก้าวไกล' ตีฟูข้อมูลเท็จปมตัวเลขการเงิน กฟผ. จ้อ!! เวทีอภิปราย สนแค่ 'ดิสเครดิต-ทำปชช.คล้อยตามผิดๆ'

(5 ม.ค. 67) ตามที่มีประเด็น ท้าพิสูจน์ข้อมูลอภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา ระหว่าง สส.พรรคก้าวไกล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในการอภิปรายงบประมาณประจำปี 67 นั้น

นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊ก "ลอรี่ - พงศ์พล ยอดเมืองเจริญ" ระบุว่า ล่าสุด รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เปิดเผยแล้ว ข้อมูลของ กฟผ. ของ สส. พรรคก้าวไกล ที่อภิปรายที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 3 ม.ค. เพื่อมาโจมตีนั้น เป็นเพียงการคาดการณ์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 แบบ worst case scenario ที่วิเคราะห์ความเสี่ยง ซึ่งตัวเลขไม่ตรงกับความจริง 

เช่น สิ้นเดือนธ.ค. 2566 มีเงินเหลือจริง 9.1 หมื่นล้าน แต่ข้อมูลเท็จนี้ แสดงเพียง 6 หมื่นล้านบาท แถมยังลากลงไปถึงติดลบเป็นหมื่นล้าน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ กฟผ.ต้องรักษาระดับ cashflow ไว้ที่ 6 หมื่นล้าน ตามวินัยการเงิน

”การเอาข้อมูลมโนเก่าๆ ตั้งแต่ตุลาคม 2566 ปีที่แล้ว มาพูดเป็นข้อเท็จจริง เทียบกันเหมือนกับ เก็งบอลเมื่อคืน ลิเวอร์พูล 2-1 แมนยู แต่ผลเตะเสร็จ ปรากฎแมนยูถล่ม 3-0 ..ดันมารายงานสุดท้ายว่า ลิเวอร์พูลชนะ 2-1 ตามโพยเก่า“

ก้าวไกลเอาเลขคาดเดา 3 เดือนก่อนผิดๆ มามโนว่าเป็นเรื่องจริงวันนี้ ด่าใครไปทั่ว ถือเป็นความตั้งใจแสดงข้อมูลอันเป็นเท็จหรือไม่? และทำมากี่ครั้งแล้ว?

การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่จริง เพียงเพื่อดิสเครดิตทางการเมือง นอกจากไม่สร้างสรรค์ ยังพาลทำให้ประชาชนทางบ้าน และสื่อที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงก็จะตื่นกลัว

จึงนำเรียนให้ผู้อภิปราย และพรรคก้าวไกล ให้ได้รับทราบ โปรดระวังในการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในอนาคต ก่อนจะส่งผลเสียกับภาพรวมประเทศไปกว่านี้

‘พิชิต ไชยมงคล’ ชี้!! ‘คปท.’ ไม่ได้แพ้ ขอให้ติดตามกันต่อไป เชื่อ!! ทักษิณได้พักโทษคือมะเร็งร้าย ที่จะย้อนทำลาย รบ.เพื่อไทย

(15 ก.พ. 67) นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า…

“ชนะศึกแพ้สงคราม

ยกแรก ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษแน่นอน มีคนปรามาสว่านี่คือความพ่ายแพ้ของ คปท. ทักษิณ ชนะแล้ว

ไม่หรอก ทักษิณพักโทษเหมือนชนะศึก แต่ คปท. ก็ไม่ได้แพ้ศึกนี้นะ การเปิดพื้นที่ทวงคืนความยุติธรรม สร้างป้ายแขวนคอที่ถอดออกไม่ได้ให้ ทักษิณ ว่าเป็นนักโทษเทวดา สร้างความเหลื่อมล้ำ ไปทั้งชีวิตที่เหลือ นี่คือชัยชนะของ ประชาชน แล้ว

ทักษิณ พ้นโทษไปแบบมีชนักติดคอไปตลอด พักโทษเหมือนชนะศึกแต่ คปท.  ก็ไม่ได้แพ้

ทักษิณบาดเจ็บหนักกว่า คปท.เยอะ ใครกันแน่ที่ชนะศึกนี้คิดดูดีๆ

กลศึกสงครามจึงไม่ได้ตัดสินที่ผลการศึกอย่างเดียว

แน่นอนว่า หลังจากการพักโทษจะมีเรื่องราวให้ติดตามอีกมาก ทักษิณนี่ละจะเป็นมะเร็งร้ายที่ลุกลามทำลายรัฐบาลเศรษฐา ทักษิณจะเป็นจุดอ่อน เป็นรอยด่าง ในรัฐบาลเพื่อไทย

รอยด่างนี้เหมือนแผลมะเร็งที่รักษาไม่หายเพราะมันเกิดขึ้นบนความเหลื่อมล้ำ คิดมองทั้งกระดานยาว ๆ สงครามความถูกต้อง ใครมีบาดแผล สงครามความเหลื่อมล้ำ ใครสร้างบาดแผลให้ใคร
ในสงคราม กองทัพไหนมีจุดอ่อนให้ถูกโจมตี กองทัพนั้นย่อมถูกทำลายในที่สุด

กองทัพ ประชาชนไม่มีรอยด่าง มีแต่ความจริง การเมืองก็เช่นกัน

ทักษิณ ศึกนี้ดูเหมือนชนะแต่ไม่ชนะ แถมมีชนักที่แกะไม่ออกและมันเป็นชนักเรื่องความเหลื่มล้ำของกฎหมาย กระดานสงครามจึงพอมองเห็นว่าจะเป็นเช่นไร

ทักษิณและพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเศรษฐา จะแพ้ทั้งศึกและแพ้ทั้งสงคราม อย่างหลีกหนีไม่พ้น

เราจะเดินสู้ต่อ สู้กันยาว ๆ วัดกันทั้งกระดาน

'ผู้ประกาศข่าวไทยรัฐทีวี' เผยภาพเครื่องแต่งกาย ยืนยันไม่ได้ 'แต่งชุดดำ' ชี้!! ข้อกล่าวหา 'กบฏนักข่าว' ร้ายแรง ไม่เคยคิดข้องเกี่ยวทางการเมือง

เมื่อวานนี้ (26 ก.พ.67) จากกรณีที่นายวีรพงษ์ กาศรี ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด และ น.ส.นัฏฐนันท์ เต็มโบติโกศล ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32 เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. ให้ดำเนินคดีต่อบัญชีเฟซบุ๊ก 3 ราย และบัญชี TikTok 1 ราย หลังกล่าวหาว่านักข่าวของไทยรัฐทีวีนั้นใส่เสื้อผ้าชุดดำ ไม่จงรักภักดี ซึ่งไม่เป็นความจริง นอกจากนี้ ทางบัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่งยังได้กล่าวหาว่าผู้บริหารช่องไทยรัฐทีวี...ไปแล้ว ผู้เสียหายจึงได้มอบอำนาจให้ผู้แจ้งมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีต่อบุคคลซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 15 ก.พ.มีการรวมตัวกันของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า จุฬาฯ รักพระเทพ ของศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย นางวิรังรอง ทัพพะรังสี และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการนัดรวมตัวกันสวมเสื้อสีม่วงทั่วประเทศ เพื่อถวายกำลังใจแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปรากฏว่ารายการข่าวเที่ยงไทยรัฐ ทางสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ที่ออกอากาศในวันดังกล่าว ผู้ประกาศข่าว 3 คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีเข้ม ที่ผู้ชมทางบ้านเข้าใจว่าเป็นสีดำ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว แม้หนึ่งในผู้ประกาศข่าวโพสต์ข้อความยืนยันถึงความจงรักภักดี และรายการในวันถัดมาจะสวมเสื้อโทนสีม่วงก็ตาม

ล่าสุดเฟซบุ๊ก Suebsakul Pundee ของนายสืบสกุล พันธุ์ดี ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี เอชดี ช่อง 32 โพสต์ภาพเครื่องแต่งกายที่ผู้ประกาศข่าวทั้งสามคนได้ใส่เมื่อวันที่ 15 ก.พ. พร้อมข้อความระบุว่า "ถึงเวลาแล้วที่ต้องชี้แจงเรื่องสีเสื้อ ... อยากให้ช่วยแชร์ ให้ขึ้นฟีด ... วันนี้เอาภาพเสื้อจริงที่ใส่ในวันดังกล่าวมาให้ทุกคนดู

‘กบฏนักข่าว’ พร้อมใจแต่งกายชุดดำ.. นี่คือการกล่าวหาร้ายแรง

• กรณีการที่มีบุคคลบางคนในโลกโซเชียลนำภาพการแต่งกายของผู้ประกาศและระบุข้อความในลักษณะทำให้เกิดความเข้าใจผิดร้ายแรง จนมีการกล่าวหาเลยเถิดว่าเป็น ‘กบฏนักข่าว’ ที่ ‘พร้อมใจ’ กันแต่งกายด้วยชุดสีดำ แชร์ออกไปในวงกว้างนั้น

• ไทยรัฐได้ดำเนินการฟ้องเอาผิดต่อบุคคลที่ดำเนินการหมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ ส่วนการแชร์หรือแสดงความคิดเห็นต่อ ถือว่าเป็นสิทธิที่ท่านทำได้ แต่หากการแชร์นั้นย่อมเกิดความเสียหายทวีคูณ และแม้ว่าผู้ประกาศที่ตกเป็นบุคคลที่ถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์มิได้ออกมาชี้แจงใด ๆ เพื่อมุ่งหวังว่าจะป็นการลดภาวะทางอารมณ์ของคนในสังคม แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีการแชร์ต่อและคอมเมนต์ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ลุกลาม ขยายวงกว้าง และยังมีคำถามว่าเหตุใดถึงพร้อมใจกัน ‘แต่งชุดดำ’

• ได้เวลาชี้แจงและแสดงภาพหลักฐาน ดังนี้

• การแต่งกายของ ผปก.ในวันดังกล่าว มีการออกแบบโดยเน้นโทนสีน้ำเงิน ฟ้าอมเทา ซึ่งไม่อิงเหตุการณ์หรือสถานการณ์ใด ๆ ถือเป็นโทนสีกลาง ๆ โทนสีสุภาพ โทนสีที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส ทุกสถานการณ์และทุกกาลเทศะ...จะมีการแต่งกายของผู้ประกาศชายเท่านั้น ที่มีการสวมใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำด้านใน เหตุผลดังนี้ เพราะเป็นเสื้อคอกลมที่ใส่แล้ว สวมสูทสีใดทับได้ง่าย และโดยหลักสากลการแต่งกายผู้ชาย หากมองเรื่องโทนสีหลักของการสวมใส่นั้น จะดูสีของสูทเป็นสีหลัก ซึ่งการใส่สูทในวันนั้นคือสูท ‘สีฟ้าอมเทา’ ดังนั้นจึงมิได้มีเจตนาใส่ ‘สีดำ’ ทั้งชุด หรือให้สีดำเป็นสีหลักของการแต่งกายแต่อย่างใด โดยการสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำนั้น จะได้รับการตำหนิจากบุคคลบางท่าน ขอน้อมรับคำ ‘ติเพื่อก่อ’ ในกรณีที่มีการหยิบเสื้อยืดคอกลมสีดำ ตัวที่ "คิดว่าสวมใส่ได้โดยง่าย และเข้ากับสีสูททุกสี" มาสวมใส่ แต่เจตนาที่แท้จริงมิได้เป็นเจตนาที่จะใส่ชุดดำ

• ส่วนสีเสื้อของ ผปก.หญิงทั้ง 2 คน ขอให้ดูตามภาพ และคงไม่ต้องอธิบายว่าคือสีอะไร ที่แน่ๆ คือ ‘ไม่ใช่สีดำ’ ดังที่มีบุคคลวิพากษ์วิจารณ์ว่า ‘นักข่าวพร้อมใจกันใส่ชุดดำ’, ‘กบฏนักข่าวสวมสีดำ’ ซึ่งทำให้คนในสังคมเกิดความเข้าใจผิด

• จึงเรียนทุกท่านให้ทราบ ด้วยเรามิได้มีเจตนาที่ไม่ดี และเราในฐานะผู้ประกาศ มิได้มีความคิดที่จะยุ่งเกี่ยวกับการแสดงออกทางการเมือง การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือการแสดงออกทางความคิดที่แตกต่าง เรา..ทำหน้าที่ตรงกลางในฐานะคนอ่านข่าว และเราก็เป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ที่ไม่อาจก้าวล่วงความคิด หรือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มคนในสังคม

• ดังนั้น ด้วยความเคารพ โปรดอย่านำเรื่องที่เกิดขึ้นไปเป็นเครื่องมือใดๆ ในการกล่าวอ้างให้เกิดความเสียหายและความเข้าใจผิดต่อสังคม จะด้วยเจตนาใดๆ ของท่านก็ตาม ขอขอบพระคุณ ที่ทุกท่านได้อ่านข้อความนี้ ....

• หมายเหตุ (ที่ควรอ่าน) ..คำชี้แจงนี้ มิได้มุ่งหวังที่จะเอาผิด คิดร้าย หรือต้องการให้เกิดความขัดแย้งเพิ่ม เพียงแต่ต้องการสะท้อนว่า "ความเป็นธรรม" คือพื้นฐานของสังคม เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุข และเป็นกรณีตัวอย่าง ที่ควรนำไปเป็นกรณีศึกษา ในภาวะที่สังคมมีความละเอียดอ่อน

• ด้วยความเคารพและนับถือ"

ด้าน นายนพดล พรหมภาสิต แกนนำกลุ่มปกป้องสถาบัน และอดีตผู้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิดบนโลกออนไลน์ (ศชอ.) โพสต์คอมเมนต์ว่า "ในเมื่อชี้แจงแล้ว (ถึงจะมาช้า) ก็สุดแต่ใครจะรับฟัง

ถ้าคิดว่าการใช้สิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นก็ทำไป แต่การต่อความยาวสาวความยืดรังแต่จะทำให้เกิดรอยปริร้าว

ถ้าศาลรับฟ้องก็เอาเหตุผลแต่ละฝ่ายพร้อมพยานไปชี้แจงให้ศาลฟัง ซึ่งก็น่าแปลกใจ ทำไมคนจำนวนมากถึงคิดไปในทางเดียวกันได้"

‘นศ.หนุ่ม’ ตัดสินใจ!! ลาออกจาก ‘ม.ธรรมศาสตร์’ มาเรียน ‘ม.ราม’ แทน ชี้ เพราะเบื่อสังคม หลังพยายามเอาแต่พูดเรื่อง ‘สถาบัน-การเมือง’

(11 มี.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความแชร์เรื่องราวของนักศึกษาหนุ่มรายหนึ่ง หลังตัดสินใจลาออกจาก ‘ม.ธรรมศาสตร์’ แล้วย้ายมาเรียนที่ ‘ม.รามคำแหง’ แทน โดยระบุว่า…

วันนี้เมื่อปีที่แล้ว มีโอกาสได้เจอเด็กวัยรุ่นแถวบ้านคนหนึ่ง ที่สนามบินนครศรีฯ 

น้องบอกว่าจะเดินทางไปรายงานตัวและหาหอพัก น้องสอบติดคณะวิศวะฯ ม.ธรรมศาสตร์

เขาเป็นลูกชาวสวนยาง พ่อกับแม่กรีดยางส่งให้เรียน และน้องก็เป็นเด็กดี ผลการเรียนระดับมัธยมดีมากๆ

วันนั้น…ก็ได้แต่ยิ้ม (แม้ในใจมีเป็นหมื่นล้านคำที่อยากจะพูด…) และอวยพรให้น้องเดินทางปลอดภัย ให้ตั้งใจเรียน มุ่งมั่นเอาวิชาความรู้ อย่าไปยุ่งกับกิจกรรมและการเมืองให้มาก

วันนี้…ได้พบน้องคนนั้นอีกครั้ง น้องปิดเทอมกลับมาบ้านและน้องตั้งใจมาหาโดยตรง (มาซื้อมันหนึบ🍠) น้องยกมือไหว้ แล้วเล่าให้ฟังว่า…

#ผมลาออกจาก ม.ธรรมศาสตร์ แล้วนะครับ ตอนนี้ผมไปเรียนที่ ม.รามคำแหง

ด้วยความห่วงใย ก็ถามน้องไปว่า เรียนหนักหรือคะ หรือค้นพบว่า คณะที่เรียนมันไม่ใช่ที่น้องชอบ

น้องตอบว่า ผมเรียนคณะเดิมครับ ผมชอบและเรียนได้ดี แต่ผมเบื่อสังคมที่นั้น เบื่อสิ่งที่เขาพยายามให้ผมรับรู้ เรื่อง #สถาบัน #เรื่องการเมือง ซึ่งมันแตกต่างจากที่ผมเห็น และที่ปู่ย่าตายายพ่อแม่บอกเล่าตลอดมา...

วันนี้...ก็ได้แต่อวยพร ให้น้องประสบความสำเร็จในการศึกษา 

แต่ในใจ...มั่นใจว่าน้องคนนี้ต่อไปในอนาคตข้างหน้า เขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้รับสิ่งดีๆ แน่นอน…

ไม่ใช่เพราะน้องเปลี่ยนมหาวิทยาลัยหรอกนะ แต่เขาเลือกที่จะคิดเอง และไม่ยอมให้ใครจูงจมูกง่ายๆต่างหาก!!

เด็กใต้มันแน่จริงๆ

‘บิ๊กโจ๊ก’ ฮึดสู้ครั้งใหญ่!! หลังถูกเด้งแพ็กคู่เข้ากรุ ‘บิ๊กต่อ’ เละเทะ ส่วน ‘บิ๊กต่าย’ ย่องจันทร์ส่องหล้า

ต้องเรียกว่า เปิดสัปดาห์ใหม่สัปดาห์นี้ ‘บิ๊กโจ๊ก’ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ที่ถูกเด้งคู่ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ฮึดสู้ จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบ

1) ยกเลิกการเดินทางไปอังกฤษระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-1 เม.ย. 67 พร้อมอ้างว่านายกรัฐมนตรี และรองนายกฯ (ภูมิธรรม เวชยชัย) มอบหมายภารกิจพิเศษให้ทำด่วน

2) ให้ทนายความไปยื่นฟ้องผู้มีคำสั่งแต่งตั้งและพนักงานสอบสวน สน.เตาปูนในคดีเว็บพนัน BNK Master รวม 30 นาย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

3) ให้ทนายยื่นหนังสือต่อรักษาการ ผบ.ตร.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ขอให้ดำเนินการตามคำสั่งของ ผบ.ตร. (พล.ต.อ.ต่อศักดิ์) ที่เคยแถลงร่วมกับบิ๊กโจ๊กเมื่อ 20 มี.ค. โดยสั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมสำนวนทั้งหมดส่งให้ ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณา  

4) นายษิธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายคนดังและเป็นที่รู้กันว่าสนิทสนมกับบิ๊กโจ๊กได้ออกมาแถลงถึงเส้นเงินจากเว็บพนัน ซึ่งเป็นการขยายผลเพิ่มเติมจากที่ทีมทนายเคยแถลงมาครั้งหนึ่งแล้ว

ต้องยอมรับการว่าการแถลงของทนายตั้ม แม้จะเป็นบริบทเดียวกับที่ ‘ผู้การนำเกียรติ’ ลูกน้องบิ๊กโจ๊ก 1 ใน 8 ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันมินนี่ แต่ทนายตั้มก็มีตัวละครใหม่ ๆ อย่าง ‘ดาบยาว’ ,'รองฟาง' นายตำรวจคนของบิ๊กต่อ มาขับเน้นสีสัน และกล่าวหาว่าเส้นเงิน ‘พิมพ์วิไล’ แห่งเว็บ BNK Master นั้น มุ่งตรงไปที่ภรรยา พี่ชายของบิ๊กต่อ แบบเต็ม ๆ

ในมุมวิเคราะห์ก็ต้องบอกว่างานนี้…จริง ๆ ทั้งต่อ ทั้งโจ๊ก ก็เสียหายหลายแสน เสียชื่อเสียงอยู่แล้ว จากกรณีถูกเด้งเข้ากรุ แต่ปฏิบัติการของบิ๊กโจ๊กล่าสุดนี้ ยิ่งทำให้ทั้งคู่กอดคอกันจมน้ำนานขึ้น บิ๊กโจ๊กหวานเจี๊ยบนั้นไม่เท่าไหร่ เพราะเป็นแมวสิบชีวิต ต้นทุนไม่สูงมาก แต่บิ๊กต่อหวานแหวว คำก็น้อง สองคำก็พี่นี่สิ…งานนี้ขาดทุนย่อยยับ…

เชื่อกันว่าด้วยชื่อชั้น 2-3 เดือนบิ๊กต่อก็คงได้กลับ สตช. เกษียณที่ตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่ก็จะเป็นการเกษียณภายใต้สภาพของ ผบ.ตร. ที่บาดเจ็บ บาดแผลพุพอง

ส่วนตำแหน่ง ผบ.ตร. หากวันนี้ (26 มี.ค.) การประชุม ก.ตร. ไม่มีการพิจารณาอนุมัติให้ใช้ข้อกำหนดการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2566 โดยอนุโลม ก็แปลว่า...จะไม่มีการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่ง รองผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ไปเป็นเลขาธิการสมช. โอกาสที่ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร.คนเมืองแพร่ จะขยับเป็น รองผบ.ตร. ในเดือนเม.ย. แล้วผงาดขึ้น ผบ.ตร. เดือนต.ค.2567 ก็ปิดฉาก…

ผบ.ตร.ที่ 15 ‘บิ๊กต่าย’ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ก็แบเบอร์ ข่าวว่าก่อน 20 มี.ค. บิ๊กต่ายได้ไปจันทร์ (ส่องหล้า) มาแล้ว..!!

แต่ตรงข้าม…ถ้าหากมีการอนุโลมข้อกำหนดฯ ก็แปลว่าบิ๊กจวบจะบินเร็วเหนือเสียงเข้าป้าย…

ป่านนี้ก็รู้กันแล้ว หวยออกทางไหน!! ‘เล็ก เลียบด่วน’ นำเสนอเป็นข้อมูลเบื้องต้นเอาไว้แต่เพียงเท่านี้

จาก 'เศรษฐา' เกยตื้น 157 ถึงเกมลึกสกัดนายกฯ อบจ.สีส้ม

ปัญหาคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของ 'พิชิต ชื่นบาน' ที่ถูกยกชั้นเรียกขานกันใหม่ว่าเป็น 'รมต.ถุงขนม' อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล่น ๆ 

ใครที่ได้อ่านหนังสือลับมากที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตอบกลับสำนักเลขาธิการ ครม.ถามเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามของ รมต.เฉพาะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (6) แล้ว พอจะอ่านออกว่าอะไรเป็นอะไร...

กรรมการกฤษฎีกาย้ำคำว่า “เฉพาะตามมาตรา 106(7)”...และตอนท้ายก็ย้ำอีกทีว่า คำถามที่ถามไป...ถามเฉพาะมาตรานี้เท่านั้น...

ต้องเท้าความสั้น ๆ กันลืมว่า นายพิชิตนั้นไปนอนคุก 6 เดือนเมื่อปี 2551 เพราะ 'คำสั่งให้จำคุก' ฐานละเมิดอำนาจศาล (กรณีถุงขนม) ยังไม่ถึงขึ้น 'ต้องคำพิพากษาให้จำคุก'

เมื่อตีความมาตรา 106 (6) ก็ว่าไปตามนั้น...ที่ผ่าน ๆ มา ก็ยังไปสมัคร สส.ได้ แต่รอบนี้เป็นรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการ ครม. ทำไมไม่ได้ถามถึง (4) และ (6) ของมาตรา 160 ด้วยเล่า...เพราะ 160 บัญญัติว่า ...รัฐมนตรีต้อง (4) มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ (6) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง....

คุณสมบัติของเสนาบดีนั้นเข้มข้นหรือสูงกว่า สส.

จัดครม.รอบแรกมีการแตะเบรกไม่เสนอชื่อ 'พิชิต' แต่ปรับ ครม.หนนี้ เมื่อ 'นายใหญ่' เคาะ 'นายกฯ นิด' มีหรือจะกล้าขวาง...ปัญหามีอยู่ว่าตอนนี้กลุ่มต่าง ๆ ได้ไปยื่นเรื่องนี้อย่างพร้อมพรึ่บ ทั้ง กกต., ปปช. และผู้ตรวจการแผ่นดิน...คำตอบสุดท้ายหากศาลรัฐธรรมนูญชี้เปรี้ยงปร้างว่า คุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ...พิชิตคงไม่เป็นไร แต่คนชื่อ 'เศรษฐา' ก็คงต้องถูกฟ้องเอาผิดตามมาตรา 157 ทุจริตประพฤติมิชอบต่อหน้าที่...

ตกเก้าอี้...ตายน้ำตื้น คล้ายอดีตท่านนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 ก็เป็นได้...

แถมท้ายอีกเรื่อง...กรณี 'บิ๊กแจ๊ส' พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานีลาออกจากตำแหน่ง ก่อนครบวาระในวันที่ 19 ธ.ค. 2567 อ้างว่า ช่วง 6 เดือนหลังจังหวัดมีงานใหญ่งานสำคัญมากมาย ต้องใช้งบประมาณ และดำเนินการต่าง ๆ แต่ตามข้อกฎหมายเมื่อเข้าสู่ช่วงเลือกตั้งจะทำอะไรแทบไม่ได้ กฎหมายห้าม...จึงตัดสินใจลาออกเพื่อเลือกตั้งใหม่ใน 60 วัน

ไม่เพียง 'บิ๊กแจ๊ส' เท่านั้นที่ลาออก แต่ยังจะมีอีก 2 เสือลุ่มน้ำเจ้าพระยา พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ นายก อบจ.นครสวรรค์, 'กำนันตี๋' สุรเชษฐ์ นิ่มสกุล นายก อบจ.อ่างทอง...ลาออกเช่นกัน...

อ่านเกมผิวเผิน...เหตุผล 'บิ๊กแจ๊ส' พอรับฟังได้เล็กน้อย แต่ถ้าอ่านไพ่ให้ทะลุงานนี้ล้ำลึก...สรุปสั้น ๆ 

1) คู่แข่งตั้งตัวไม่ทัน  
2) บรรดา สจ.ยังอยู่ในตำแหน่ง ไม่ต้องเลือกตั้งใหม่ คนเป็นแม่ทัพประหยัดงบฯ ได้อื้อ 
3) หากชนะใช้งบประมาณสร้างผลงานต่อเนื่อง...

น่าสังเกตว่า ทั้ง 3 นายกฯ อบจ.ที่กอดคอกันลาออกรอบนี้ มีสายโยงใยไปถึงคนใหญ่คนโตภูมิใจไทย ทั้งอุทัยธานีและบุรีรัมย์...

งานนี้คนที่เข็มขัดสั้น...คาดไม่ถึงน่าจะชื่อ 'ธนาธร' แห่งคณะก้าวหน้า...ที่กำลังวาดภาพ นายกอบจ.สีส้มเต็มแผ่นดินต้นปี 2568 หลังกวาด สว.สีส้มในเดือนก.ค.ปีนี้...

เจอกระบวนท่านี้ สีส้มมีหมอง!!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top