Thursday, 23 May 2024
การเมือง

‘ดร.หิมาลัย’ ชี้ ผู้ใหญ่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทั้งที่รู้ดีว่าอะไรทำแล้วผิดกฎหมาย

(4 พ.ค. 66) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ อดีตนายทหารชื่อดัง และ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีผู้ใหญ่ใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยระบุว่า…

‘อดีตทูตนริศโรจน์’ หวั่น!! ไทยซ้ำรอย ‘ฟิลิปปินส์’ ยุคลูกมาร์กอส ผลเลือกตั้งตรงใจชาติมหาอำนาจ รัฐบาลใหม่แข็งขืนจีน

(4 พ.ค. 66) นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า…

ฟิลิปปินส์ ได้ลูกอดีต ปธน.มาร์กอส มาเป็นผู้นำ ตอนนี้ฟิลิปปินส์เปลี่ยนไปซบชาติมหาอำนาจเดิมที่เคยยึดครองฟิลิปปินส์เต็มที่ ต่างจากสมัย ปธน.ดูเตอร์เต้ คนก่อนที่พยายามถ่วงดุลย์กับจีน

จึงไม่แปลกใจว่าทำไมพวก NGO กองทุนนอมินีของชาติมหาอำนาจนี้ จึงโหมทุ่มสรรพกำลังเต็มที่สำหรับศึกเลือกตั้งในไทยครั้งนี้!

หลังเลือกตั้งถ้าเป็นไปตามที่ชาติมหาอำนาจต้องการ ดุลย์อำนาจทางการเมืองเปลี่ยน และถ้ารัฐบาลชุดใหม่อยู่ใต้การครอบงำหรือบงการจากชาติมหาอำนาจ

‘ส.ว.สมชาย’ เปิดหน้าคุยทูตสหรัฐฯ แจงขบวนการใส่ร้ายสถาบัน ด้านทูตฯ รับปากส่งเรื่องต่อรัฐบาล เพื่อดำเนินการต่อไป

(5 พ.ค. 66) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

#คนไทยชักศึกเข้าบ้าน
หรือ
#สหรัฐแทรกแซงอธิปไตย

จากเอกสารที่คนไทยกลุ่มหนึ่ง อ้างกล่าวหาให้ร้ายประเทศไทย ส่งถึงรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และวุฒิสมาชิกกลุ่มหนึ่งของสหรัฐฯ เคลื่อนไหวต่อเนื่อง จะออกมติวุฒิสภา ที่ 114 ต่อประเทศไทยนั้น (3 พ.ค.2566) คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนฯ วุฒิสภา จึงได้เชิญเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย นายโรเบิร์ต เอฟ โกเดค และคณะ เพื่อประสานสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเท็จจริง ที่ห้องรับรองพิเศษวุฒิสภา 

ในระหว่างการหารือกัน ผมได้เสนอให้ท่านทูตสหรัฐฯ รับทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และยืนยันว่า มิได้เป็นไปตามที่กลุ่มบุคคลเหล่านั้นไปกล่าวหาให้ร้าย คณะกรรมาธิการของวุฒิสภาไทย ที่ติดตามการดูแลการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่พบปัญหาดังที่มีการกล่าวหา

โดยประเทศไทยนั้นให้เสรีภาพเต็มที่ ในการหาเสียงเลือกตั้งของทุกพรรคการเมือง และสื่อมวลชนสามารถสื่อข่าวสารได้อย่างเสรี ไม่มีการปิดกัั้น

คณะกรรมาธิการและสมาชิกวุฒิสภาไทยเห็นว่า ในท้ายร่างมติ 114 ที่ให้ร้ายและข่มขู่กล่าวหา สถาบันพระมหากษัตริย์ แทรกแซงการเลือกตั้งทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเลือกตั้งนั้น ไม่เป็นความจริง และทำให้วุฒิสภาฝ่ายไทยไม่สบายใจ เกรงจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์อันดี

เพราะข้อเท็จจริงแล้ว พระมหากษัตริย์ไทยทรงอยู่เหนือการเมือง มิเคยทรงยุ่งเกี่ยวในการเลือกตั้งใดๆ ตามที่มีการกล่าวหาให้ร้าย จนทำให้วุฒิสมาชิกสหรัฐอเมริกาบางท่านเข้าใจผิด นำข้อมูลดังกล่าวไปร่างยื่นขอมติวุฒิสภา 114 (Senate Resolution 114) ที่กล่าวร้ายรุนแรงต่อประเทศไทยโดยไม่เป็นความจริง

ในประเด็นที่ 2 คือการหารือเรื่องกองทุน NED (National Endowment For Democracy) ให้ทุนสนับสนุนกลุ่มเคลื่อนไหวการเมือง เพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 กฎหมายสูงสุดของประเทศ และยกเลิกมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครององค์พระประมุข เช่นเดียวกับที่สหรัฐอเมริกามีกฎหมายปกป้องประธานาธิบดี เช่นกัน 

เรื่องนี้ก่อให้เกิดความแตกแยกทางความคิดและความขัดแย้งในประเทศไทย ถือเป็นการกระทบต่ออธิปไตยของมิตรประเทศ และอาจเป็นการแทรกแซงกิจการในประเทศไทยได้ จึงขอให้ท่านทูตฯ ได้เร่งประสานงานให้รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐอเมริกาทราบ และแก้ไขการกระทำดังกล่าวให้ถูกต้องต่อไปโดยเร็ว

เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ตอบรับทราบ ทั้ง 2 เรื่อง และรับปากว่าจะสื่อสารไปยังรัฐบาลและวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการต่อไป

‘เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล่’ เตือน ไม่ควรไปแตะต้องเบื้องบน ลั่น!! คนรักแผ่นดินจะไม่อยู่เฉย เพราะเราคือคนไทยที่แท้จริง

(6 พ.ค. 66) นายวรเชษฐ์ เอมเปีย หรือ ‘เชษฐ์’ มือกลอง ‘สไมล์บัฟฟาโล่’ วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า…

จะทำอะไร ก็ทำไปสิครับ..แต่ไม่ควรไปแตะต้องเบื้องบน..อย่าล้ำเส้น ฮึกเหิมเกินไป..โอ้อวดโชว์เอาดีเข้าตัว โยนความไม่ดีให้คนอื่น ไม่เท่เลยนะ

‘ม.รังสิต’ ระดมความคิด ดึง ‘ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง-ภาคประชาชน’ ถก!! วาระประเทศไทย อนาคตที่ต้องมองให้ไกลกว่าการเลือกตั้ง

(6 พ.ค. 66) สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) จัดงานเสวนา ‘วาระประเทศไทย ไปให้ไกลกว่าเลือกตั้ง’ ที่ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ก่อตั้ง สถาบันปฏิรูปประเทศไทย เป็นประธาน ซึ่งภายในงานมีการพูดคุยเรื่องแนวทางการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ในหัวข้อ ‘ประเทศไทยกับภัยคุกคามใหม่ ที่ประชาชนต้องรู้’ โดยมี นายสำราญ รอดเพชร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ 

โดยในงานนี้ ยังได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองมารวมปาฐกถาในการเสวนาในครั้งนี้ รวมถึงตัวแทนประชาชนจากหลายหน่วยงานมาร่วมฟังการเสวนา เพื่อหาทางออกให้ประเทศร่วมกันในครั้งนี้ 

ดร.อาทิตย์ กล่าวว่า การเมืองจะเป็นสิ่งที่ดีงาม และเป็นสิ่งจำเป็นต่อสังคม ถ้าการเมืองทำทุกวิถีทางเพื่อประโยชน์ของประชาชน หากต้องการเห็นบ้านเจริญรุ่งเรืองและประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น การเมืองก็ต้องดีด้วยเช่นกัน แต่ปัจจุบันการเมืองที่เราเห็นเป็นการเมืองสามานย์ระบบ ที่ล้มเหลวในทุกระดับ ขาดจิตสำนึกที่ดีและขาดความรับผิดชอบในบ้านเมือง ทำให้ประชาชนต้องกลายเป็นทาสอีกครั้งหนึ่ง คำถามคือ ทำไมเราถึงต้องยอมตกอยู่ในสภาพสิ้นหวังเช่นนี้ สภาพการเมืองที่มีแต่การแบ่งพรรคแบ่งพวก มีแต่ความขัดแย้งแตกแยกแย่งชิงผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง

“ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนต้องลุกขึ้นมาร่วมกันปฎิรูป เพื่อพาประเทศไทยฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ เราต้องปฏิรูปประเทศให้เป็นสังคมธรรมาธิปไตย เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด เพราะประชาชนทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ เราต้องสร้างสังคมแบ่งปัน ลดความขัดแย้ง ต้องรวมพลังประชาชนโดยยึดถือประโยชน์ของชาติเหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งทุกคนต้องตระหนักว่าประเทศชาติจะดำรงอยู่ได้ ก็ด้วยคนไทยทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความปรองดอง บนผืนแผ่นดินเดียวกันนี้ ผลักดันประเทศชาติสู่ความสำเร็จและความมั่งคั่งประชาชนทุกคนทุกกลุ่มทุกส่วนในทุกภูมิภาคภาค ซึ่งเป็นการปฏิรูปประเทศที่บรรลุผลอย่างแท้จริง” ดร.อาทิตย์ กล่าว

หลังจากนั้น ด้าน ผศ.ดร.สุริยะใส กตะศิลา คณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ โดยเผยว่า ท่ามกลางการเลือกตั้งที่มีการเอาประเทศเป็นเดิมพัน แข่งกันแทงหวยว่าเราจะเลือกพรรคไหนเป็นรัฐบาลโดยปราศจากข้อเท็จจริง เพราะการเลือกตั้งเป็นต้นทางของการสร้างประชาธิปไตย สถาบันปฏิรูปประเทศไทย มหาวิทยาลัยรังสิต จึงได้มีการร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อจัดงานในครั้งนี้ขึ้นมา 

“การเลือกตั้งเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย แต่การเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดทุกเรื่อง การเลือกตั้งอาจจะได้รัฐบาล แต่ปัญหาจะหยุดได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของประชาชน เพราะนักการเมืองมาแล้วก็ไปตามวาระของรัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาไม่ได้มาแล้วก็ไป จะมีก็แต่ประชาชนที่ต้องแบกรับปัญหาต่อไป นี่จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องสรรสร้างทางออกที่แท้จริงและยั่งยืน ภายใต้เครือข่ายภาคประชาชนในฐานะส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ประชาธิปไตย จึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดเวทีนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นเป็นเวทีประชาธิปไตยของประชาชนโดยแท้จริง”

‘อนุทิน’ ชี้ หาเสียงด้วยวาทกรรม ไม่ได้ช่วยขับเคลื่อนประเทศ ลั่น!! ขอทำการเมืองสร้างสรรค์ ไม่แบ่งแยก คำนึงถึงประโยชน์ ปชช.

‘อนุทิน’ ชี้ โค้งสุดท้าย สาดวาทกรรม คนไม่เกี่ยวการเมือง จุ้นจนวุ่นวาย สร้างความแตกแยกไม่จบสิ้น เหน็บ บางพรรค ทำงานเหมือนบริษัท สั่งซ้ายหันขวาหัน ดักคอ พวกจับขั้วก่อน ถามประชาชนหรือยัง

(8 พ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการเลือกตั้งล่วงหน้า ว่า ตน ไม่ได้สนใจเรื่องนอกพรรคเลย เดินทางขึ้นเหนือล่องใต้จนจำไม่ได้แล้วว่าไปไหนบ้าง ตอนนี้ลงพื้นที่อย่างเดียว ไม่ได้ติดตามข่าวอื่น ซึ่งในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ลูกพรรคไม่ได้ติดต่อเรื่องใดๆ มาที่ตน ว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างไร วันนี้คงไม่คิดเรื่องอย่างนี้แล้ว เพราะต้องคิดอย่างเดียวว่า จะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจและเลือกเขาเข้ามา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายนี้พรรคภูมิใจไทยมีหมัดเด็ดในการหาเสียงอย่างไร หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรานำเสนอนโยบาย ที่มั่นใจว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน และพยายามทำให้ประชาชนเห็นว่า พรรคภูมิใจไทยยึดมั่นของการเป็นพรรคการเมือง ที่ไม่เน้นความแตกแยก เราไม่ชอบความแตกแยก ไม่แบ่งฝ่าย ตั้งใจทำงาน เพื่อเอาประเทศไทยออกจาก ประเทศที่ไม่มีความสามัคคีของคนในชาติ ให้เร็วที่สุดให้ได้

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวแบ่งแยก และมีขั้วเก่าขั้วใหม่เกิดขึ้น นายอนุทิน กล่าวว่า “กระแสมันมีคนสร้างขึ้นมา กระแสถูกสร้างโดยคน ผมคิดว่าประชาชนแยกแยะออกว่า ไปเชื่อในข้อมูลใดแล้ว เขาได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ หรือทำให้เสียประโยชน์อะไร เขาแยกแยะออก ตอนนี้มันเหมือนไม่ใช่เรื่องของการเมือง คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ก็เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองเยอะแยะไปหมด ไม่รู้เข้ามาทำไม เพราะมันเป็นเรื่องของการเมือง เป็นเรื่องของนักการเมือง เป็นเรื่องของผู้สมัคร ก็ควรที่จะต้องจำกัดวงผู้เล่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้สมัครแต่ละคนที่เข้ามา ก็ต้องถือว่าผ่านคุณสมบัติเข้ามาแล้ว ซึ่งตรวจคุณสมบัติ โดย กกต.ว่า ผู้สมัครคนนั้นมีประวัติไม่ดีอะไรหรือไม่ หรือมีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ ถ้ามีก็เข้ามาสมัครไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องถือว่าเขามีคุณสมบัติครบถ้วน มันไม่ใช่หน้าที่ของคนที่ไม่เกี่ยวข้อง และมาเที่ยวว่ากล่าวให้ร้าย ก็จะทำให้ความแตกแยกไม่จบไม่สิ้นเสียที พรรคภูมิใจไทยถึงไม่โต้ไม่ตอบ ไม่สนใจ เพราะถ้าไปโต้ตอบหรือไปสนใจ ก็จะทำให้มีความรู้สึก และถ้ามีความรู้สึกแล้ว ก็จะต้องโต้ตอบจนเกิดความขัดแย้งไม่จบไม่สิ้น เรามั่นใจว่าทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ประชาชนแล้ว เราก็จะเดินถนนของพรรคภูมิใจไทย”

เมื่อถามว่า หากผลเลือกตั้งออกมาเป็นไปตามกระแส จะทำให้ทิศทางของประเทศเปลี่ยนไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กระแสไหนล่ะ หากเป็นกระแสของพรรคภูมิใจไทยเราก็เชื่อมั่น ตอนนี้ต่างคนต่างมีแฟนคลับของตัวเอง ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เวลาตนที่ไปปราศรัยที่ไหน ได้ให้สัญญากับชาวบ้านว่า ถ้าได้กลับเข้ามาทำงานให้ประชาชนอีก ก็จะดำเนินการตามนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน แม้แต่นโยบายที่ทำมาแล้ว ก็พร้อมที่จะสนับสนุนให้ดำเนินการต่อไป ไม่มีการกีดกัน ตนคิดว่าเราทำงานการเมืองสร้างสรรค์ดีกว่า พอแล้วสำหรับการทะเลาะกัน เพราะผลสุดท้ายคนที่เสียประโยชน์ คือประชาชน นักการเมืองไม่มีใครเสียประโยชน์ การที่จะบอกว่าไม่เอาพรรคนั้นไม่เอาพรรคนี้ หรือต้องการจับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ก็ต้องถามว่าพรรคการเมืองเป็นของคนใดคนหนึ่งหรือเปล่า เข้ามาได้มามีบทบาท ก็เพราะประชาชนเลือกมา

‘อนุทิน’ เผย ‘ทักษิณ’ กลับประเทศ ไม่กระทบ รบ.ชุดปัจจุบัน ชี้ คนไทยมีสิทธิ์เข้า-ออกบ้านเกิดได้อิสระ ยัน!! ยังเคารพเหมือนเดิม

(10 พ.ค. 66) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงประเด็นการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าอีก 4 วันก็ถึงวันเลือกตั้งแล้ว ตอนนี้พรรคภูมิใจไทยไม่มีอะไรต้องกังวล ถ้ายังกังวลก็ต้องเตรียมตัวแพ้แล้ว พรรค ภท.เตรียมพร้อมทั้งผู้สมัครและนโยบายอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม หวังว่าพรรค ภท.จะได้รับเลือก ส.ส.เข้าสภาฯ ได้มากที่สุด

เมื่อถามถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร ประกาศจะขอกลับประเทศไทย จะมีผลอย่างไรกับรัฐบาลปัจจุบัน นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีผลอะไร คนไทยทุกคนสามารถเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดได้ เข้า-ออกได้อิสระ หากใครมีข้อจำกัดด้านกฎหมายก็ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าไปผูกทุกเรื่องกับการเมือง ซึ่งท่านเน้นว่าอยากกลับมาเลี้ยงหลาน

นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนเรื่องการกลับมาของนายทักษิณก็ต้องไปถามท่านเอง แต่ตนยังเคารพกันเหมือนเดิม ไม่ได้ลดน้อยลง และยินดีกับนายทักษิณที่เป็นคุณตา มีหลาน 7 คนแล้ว ในขณะที่ตนยังไม่มีหลานเลย

เมื่อถามถึงหลังการเลือกตั้ง หากกลับมาเป็นรัฐบาลอีกจะยึด 3 กระทรวงเหมือนเดิมหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงเป็นสถานที่ราชการไม่มีใครสามารถยึดได้ ขึ้นอยู่กับประชาชน การที่สมาชิกพรรค ภท.ได้เป็นรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงก็มาจากความชอบธรรม มาจากการเลือกของพี่น้องประชาชนผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ยืนยันว่า ทุกกระทรวงดีหมด ไม่มีกระทรวงหลัก หรือกระทรวงรอง เพราะมีการจัดตั้งมานานแล้ว

‘บิ๊กตู่’ ปัดรอ ‘ส้มหล่น’ จัดตั้ง รบ. ชี้!! ต้องเคารพกติกา ดักคอสื่อ อย่าตั้งคำถามเรื่องอนาคตทางการเมือง

(29 พ.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองว่า หลายๆ อย่างก็ขอร้องให้ช่วยกัน อย่ามัวแต่ฟังเรื่องวุ่นๆภายในประเทศเราในขณะนี้ ฟังต่างประเทศเขาบ้างจะได้รู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน และต้องแก้กันอย่างไร

เมื่อถามว่า แต่สถานการณ์การเมืองที่วุ่นๆ ในขณะนี้ พัวพันมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีความพยายามที่จะโยงว่ารอส้มหล่นอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า “ส้มหล่น ส้มที่ไหนหล่น หล่นเรื่องอะไรล่ะ”

เมื่อถามย้ำว่า เป็นส้มหล่นทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับร้องเสียงดังว่า “ฮู้!! อย่ามาพูดการเมืองกับผม ผมไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร ผมก็อยู่ของผมอย่างนี้ ผมก็ทำหน้าที่ของผมให้เรียบร้อยแค่นั้น ก็เมื่อเขาส่งมอบให้ใครเป็น ก็เป็นไปสิ ไอ้ที่ว่าผมจะเป็น ผมจะเลิกอะไรต่างๆ ผมไม่ตอบอะไรสักนิด ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามกฎกติกา ตามกฎเกณฑ์ของเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ ก็ว่ากันไป”

เมื่อถามย้ำว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจริงๆ และตั้งรัฐบาลไม่ได้จริงๆ ท่านพร้อมหรือไม่? พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่ต้องมาถ้า อย่ามาถ้าผม ถ้าไม่ได้หรอก ไม่มีถ้า ก็เป็นเรื่องของอนาคตใช่หรือไม่ เพราะถ้าทางโน้น ก็ต้องมีถ้าตรงนี้ ถ้า 1 ถ้า 2 ถ้า 3 ถ้า 4 ฉันจะไปตอบเธอได้อย่างไรเล่า ใช่ไหม พอแล้ว โอเค”

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่จะไปต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากโพเดียม พร้อมกล่าวว่า “ถ้า”

'LINE TODAY’ เผย ‘เลือกตั้ง 66’ ทำคนไทยสนใจการเมืองเพิ่มขึ้น หลังยอดคอนเทนต์พุ่ง ตอกย้ำว่า ‘การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน’

เมื่อไม่นานนี้ LINE TODAY ได้ออกมาเผย สถิติคนไทย ว่ามีแนวโน้มสนใจเรื่องการเมืองเพิ่มขึ้น และพร้อมเดินหน้าเสิร์ฟคอนเทนต์เพื่อทุกความสนใจของคนไทย ล่าสุดกับการเกาะติดการ ‘เลือกตั้ง 66’ ได้จัดเต็มเสิร์ฟคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องจากพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตชั้นนำตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนมาจนถึงวันเลือกตั้ง หากย้อนดูสถิติ พบการเติบโตอย่างน่าสนใจจากพลังแพลตฟอร์มที่ดันให้พาร์ทเนอร์ผู้ผลิตคอนเทนต์ที่ร่วมในโปรเจกต์เติบโตถ้วนหน้า ย้ำพร้อมเดินหน้าตอบโจทย์เนื้อหาความสนใจคนไทยอย่างต่อเนื่อง

เจาะ 4 ความสำเร็จ เรตติ้งคอนเทนต์เลือกตั้งและการเมืองบน LINE TODAY ด้วยแนวคิด ‘รู้สึก รู้ครบ รู้รอบ’ ที่มุ่งเสริมประสบการณ์คอนเทนต์รอบด้านในเหตุการณ์ระดับประเทศอย่างการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตั้งแต่ ‘ติดตามไลฟ์และรายงานผล - เกาะติดข่าวสาร - ทดสอบความรู้ - นับถอยหลัง’ พบการเติบโตรอบด้าน ทั้งในแง่ความนิยมจากคนอ่านทุกเพศ ทุกวัย นำไปสู่การเติบโตให้แก่พร์ทเนอร์ผู้ผลิตคอนเทนต์ชั้นนำที่ร่วมโปรเจกต์ นำโดย ไทยรัฐออนไลน์, มติชน, The
MATTER, THE STANDARD, Thai PBS, TODAY และอีกมากมาย

1.) คนแห่ดูไลฟ์ดุเดือด ดันยอดไลฟ์พุ่งสูงถึง 57% ในช่วงใกล้เลือกตั้งที่ผ่านมานั้นได้มีคอนเทนต์ไลฟ์การดีเบตจากพาร์ทเนอร์ที่ระดมแคนดิเดตจากพรรคต่างๆ มาร่วมอภิปรายนโยบายในรูปแบบหลากหลายและเข้มข้น สร้างกระแสในวงกว้าง เรียกผู้ชมดู LIVE แบบสดๆ ผ่าน LINE TO DAY อย่างล้นหลาม ดันยอดวิวให้แก่พาร์ทเนอร์เฉลี่ยถึง 57% สูงขึ้นกว่า 27 เท่า จากช่วงก่อนเลือกตั้ง ขณะที่ยอดเพจวิวจากคอนเทนต์ประเภทบทความข่าวสาร เรื่องการเลือกตั้งและการเมืองจากพาร์ทเนอร์ต่างๆ บน LINE TODAY เพิ่มสูงขึ้นถึง 67% โดยเฉพาะในช่วง 13 - 14 พฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงวันเลือกตั้ง ก็พายอดวิวแตะนิวไฮพุ่งสูงเกิน 100 ล้าน

2.) ควิซมาแรง วัดความรู้ความเข้าใจ ในช่วงที่ผ่านมา LINE TODAY มีแบบทดสอบคำถาม หรือ ควิซทดสอบความรู้ก่อนการเลือกตั้งมากมาย ทั้งสร้างสรรค์ขึ้นโดย LINE TODAY เอง และแบบร่วมกันสร้างสรรค์กับพาร์ทเนอร์ ได้แก่ รู้จัก ‘แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี’ ในศึกเลือกตั้ง 2566, คุณรู้ไหมว่าเขาเลือก นายกฯ กันอย่างไร? และทดสอบความพร้อมก่อนเข้าคูหา : เลือกตั้ง 2566 ที่สามารถชวนคนไทยทั่วประเทศมาร่วมทำควิซทดสอบได้ถึง 150,000 คน

3.) คนรุ่นใหม่สนใจการเมืองมากกว่าเคยในแง่ของประชากรผู้ใช้ LINE TODAY พบว่าคนรุ่นใหม่มีความสนใจคอนเทนต์เลือกตั้งและการเมืองพุ่งสูงขึ้น โดยจำนวนกลุ่มผู้ใช้ ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี เพิ่มขึ้น 63% และบริโภคคอนเทนต์ประเภทการเมืองมากขึ้นเฉลี่ย 67% เป็นนัยยะของการที่คนอายน้อย รวมถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก (first voter) ให้ความสำคัญในเรื่องการเมืองจริงจังมากขึ้น และตอกย้ำว่าการเมืองเป็นเรื่องสำหรับทุกวัย ตามมาด้วยกลุ่มผู้ใช้อาย 30 - 40 ปี เพิ่มขึ้นถึง 61% บริโภคคอนเทนต์การเมืองมากขึ้นถึงวันละ 57% ต่อวัน

4.) เมื่อการเมือง ไม่ได้เป็นแค่กระแสอีกต่อไป แม้จบการเลือกตั้ง ความสนในใจคอนเทนต์เลือกตั้งและการเมืองยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง โดยยอดเพจวิวคอนเทนต์เหล่านี้ยังสูงถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเลือกตั้ง เป็นจุดที่ชี้ให้เห็นว่าการเมือง ไม่ได้เป็นเพียงแค่กระแสชั่วคราว แต่ได้กลายเป็นวาระสำคัญที่คนทั้งประเทศให้ความสนใจอย่างจริงจัง ซึ่งแม้จะผ่านช่วงเลือกตั้งไปแล้ว LINE TODAY ก็ยังคงจัดเต็มคอนเทนต์ด้านการเลือกตั้งและ การเมืองที่สอดรับไปกับสถานการณ์ปัจจุบันในหลากหลายแง่มุมจากพาร์ทเนอร์ผู้ผลิตคอนเทนต์ชั้น นำให้คนไทยได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top