Tuesday, 14 May 2024
Y WORLD

กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ผนึก 6 หน่วยงาน ร่วมทำ MOU พัฒนาคนพิการด้านการศึกษา และการมีงานทำ ขยายโอกาสตามมาตรฐานหลักสูตร ยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงาน

น.ส.สราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการ “พัฒนาคนพิการด้านการศึกษาและการมีงานทำ” เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาวิชาชีพของคนพิการในจังหวัด ตามหลักสูตรมาตรฐานการศึกษาและอาชีพ รวมถึงมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ

เพื่อยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานให้เทียบเท่ากับบุคคลทั่วไป รวมถึงส่งเสริมระบบการพัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานด้านการศึกษา อาชีพ และสังคม เพื่อให้คนพิการสามารถประกอบอาชีพช่วยเหลือตนเอง อยู่ร่วมกับครอบครัว เป็นที่ยอมรับในสังคมอย่างมีคุณค่า

โดยกำหนดเปิด 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาวิชาช่างยนต์ โดยในปีการศึกษา 2564 นำร่องเปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ณ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการหยาดฝน จังหวัดเชียงใหม่ ต่อไป

พิธีเอ็มโอยูดังกล่าว เป็นความร่วมมือของหน่วยงานด้านการศึกษา อาชีพ และสังคม 6 หน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการหยาดฝน จ.เชียงใหม่, วิทยาลัยเทคนิคสันกำแพง จ.เชียงใหม่, สำนักงานจัดหางานจังหวัดเชียงใหม่, สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 19 เชียงใหม่, โรงเรียนศรีสังวาลย์เชียงใหม่ และโรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จ.เชียงใหม่

น.ส.สราญภัทร กล่าวว่า ในส่วนของศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการหยาดฝน จังหวัดเชียงใหม่ มีหน้าที่ยกระดับคุณภาพชีวิตให้คนพิการและครอบครัวมีอาชีพ รายได้ และปรับตัวในสังคมอย่างเป็นสุขและเท่าเทียม โดยการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบสนองสมรรถนะของคนพิการเป็นรายบุคคลเพื่อให้มีความรู้สามารถเพิ่มมากขึ้น (Up Skill) และยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานให้เทียบเท่ากับบุคคลทั่วไป เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนพิการสามารถประกอบอาชีพช่วยเหลือตนเอง อยู่ร่วมกับครอบครัว เป็นที่ยอมรับในสังคมอย่างมีคุณค่า


ที่มา: https://mgronline.com/politics/detail/9640000030938

'THE PILLARS' สถาบันการศึกษาที่มุ่งสานฝันให้กับนักเรียน ที่ต้องการจะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยภาคอินเตอร์ ให้บริการปรึกษาและวางแผนการเรียน รวบรวมครูผู้เชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์ ในสาขาวิชาต่าง ๆ

สำหรับน้อง ๆ คนไหน ที่กำลังมองหาสถาบันการศึกษาเพื่อต่อยอดเข้าเรียนภาคอินเตอร์ ขอแนะนำ THE PILLARS สถาบันการศึกษาที่มุ่งสานฝันให้กับนักเรียนที่ต้องการจะเข้าศึกษาต่อ ในมหาวิทยาลัยภาคอินเตอร์ ให้บริการปรึกษาและวางแผนทางการเรียนทั้งหมด และยังได้รวบรวมครูผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์ ในสาขาวิชาต่าง ๆ เพื่อให้การเรียนการสอนประสบความสำเร็จสูงสุด ภายในเวลาอันรวดเร็ว!!

ขอบอกว่านอกจากเรื่องการเรียนที่เข้มข้นแล้ว ที่นี่เขาอยู่กันแบบครอบครัว บรรยากาศแสนอบอุ๊นอบอุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนพี่ดูแลน้อง เพื่อนดูแลเพื่อน ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลย!!

The Pillars Keystone to Your Success

- ช่วยวางแผนการเรียนให้ตรงกับรอบสอบ

- พัฒนาความรู้ในวิชาต่าง ๆ

- พร้อมข้อสอบที่แม่นยำ

- การันตีคะแนนผ่านชัวร์

The Pillars มุ่งเน้นเรื่องการทำให้ความฝันของนักเรียนประสบความสำเร็จเป็นหลัก ซึ่งจะให้ความสำคัญในเรื่อง

- ช่วยวางแผนการสอบและการเตรียมตัวสอบเป็นรายบุคคล

- พัฒนานักเรียนในด้านภาษาอังกฤษ รวมถึงวิชาที่ใช้ในการสมัครเพื่อเข้าศึกษาต่อหลักสูตรนานาชาติ อาทิ SAT (Math & Verbal), SAT subject test, IELTS, CU-AAT, CU-TEP, CU-ATS, GED และ IGCSE

- ข้อสอบที่แม่นยำก่อนสอบ ซึ่งไม่สามารถหาได้จากที่อื่นมากกว่า 2,000 ข้อ

- การคาดคะเนว่าข้อสอบ SAT subject test วิชาไหนง่ายวิชาไหนยาก ในแต่ละรอบ

- ครูที่มีประสอบการณ์สูง และเป็น expertise โดยเฉพาะ

The Pillars ได้รวบรวมครูเฉพาะทางที่มากด้วยประสบการณ์สอนในแต่ละวิชา พร้อมด้วยทีมงานที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและวางแผน

คอร์สเรียน ของ The Pillars

1.) SAT Test แบ่งเป็น ALL IN ONE, Real Practice, SAT Math Newborn, SAT Math Enhanced

2.) SAT II Subject Test แบ่งเป็น Physics 1-3, Chemistry 1-3, Math II 1-3, Biology 1-2

3.) IELTS

4.) BioMedical Admissions Test

The Pillars มี 3 แพลตฟอร์มในการเรียน ได้แก่ แบบกลุ่มใหญ่ ไม่เกิน 10 คน กลุ่มย่อยไม่เกิน 5 คน และเรียนตัวต่อตัว

The Pillars มีความเชื่อว่าบรรยากาศการเรียนการสอนที่อบอุ่น เปรียบเสมือนพี่ดูแลน้อง เพื่อนดูแลเพื่อน จะทำให้นักเรียนกล้าที่จะเข้าหาครู และกล้าที่จะถามในส่วนที่ไม่เข้าใจ ส่งผลให้มีความสุขในการเรียน The Pillars จึงเปรียบเสมือนบ้านและครอบครัวที่ทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จ

นอกจากการเรียนการสอนที่เข้มข้น The Pillars ยังได้มีการจัดกิจกรรมให้แก่นักเรียนทุกปี อาทิ กิจกรรม New Year Party ไปเที่ยว Dream world และกินเลี้ยง บอกแล้วว่าที่นี่เค้าอยู่กันแบบครอบครัวอบอุ่นจริง ๆ


The Pillars รวบรวมเอาข้อมูลทางสถิติมาใช้วางแผนการสอบในแต่ละรอบ ทำให้นักเรียนรู้ว่าต้องสอบวิชาไหนในและช่วงเวลาใด ถึงจะเหมาะสมที่สุด เพื่อให้ได้คะแนนตามที่คาดหวังไว้

บรรยากาศกิจกรรมสอบใหญ่ของ The Pillars Mock Test SAT & SAT SUBJECT TEST เพื่อให้นักเรียนเตรียมตัวก่อนสอบจริง


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

เว็บไซต์: https://www.thepillars-edu.com/

IG: https://www.instagram.com/thepillarsedu/?hl=en

LINE: https://page.line.me/thepillarsedu?openQrModal=true

นักศึกษาปริญญาเอก ชาวไทย ร่วมกับทีมนักดาราศาสตร์ MIT ค้นพบกาแล็กซีใหม่ โดยรวบรวมข้อมูลจากกล้องดูดาว จากหลายสถานีมาวิเคราะห์

กลุ่มนักดาราศาสตร์ MIT ค้นพบกาแล็กซีใหม่ โดยรายงานนี้เพิ่งได้รับการเปิดเผย!!

โดยหนึ่งในทีมนักดาราศาสตร์ MIT และเป็นผู้ค้นพบกาแล็กซีใหม่นี้ คือคนไทย ซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาเอก นายทวีวัฒน์ สมบูรณ์ปัญญากุล หนึ่งในนักวิจัย ซึ่งอุทิศเวลาทำงานวิจัยปริญญาเอกมาทำการวิจัยที่ชื่อว่า การสำรวจ CHiPS กับสถาบันวิจัย McDonal’s เขาเริ่มจากการที่รวบรวมข้อมูลของกลุ่มดวงดาวในรอบทศวรรษมาวิเคราะห์ และใช้ข้อมูลจากสถานีวิเคราะห์ดาราศาสตร์ที่ฮาวายและนิวเม็กซิโก รวมถึงที่สถานีแมกเกลเลน ที่ชิลี

หลังจาก 6 ปีผ่านไป ของโครงการสำรวจ CHiPS ในวันนี้ The Astrophysical Journal ได้เผยแพร่การสำรวจของนายทวีวัฒน์ สมบูรณ์ปัญญากุล ว่าในที่สุดก็พบกลุ่มกาแล็กซีใหม่ ชื่อว่า CHIPS1911+4455 โดยกลุ่มนักวิจัยเชื่อว่ากลุ่มกาแล็กซีกลุ่มนี้ เปิดจากการชนกระแทกกันของกลุ่มกาแล็กซีหลายคลัสเตอร์

“การค้นพบครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ที่ใหม่และมีเอกลักษณ์มากที่สุดในการค้นพบกลุ่มกาแล็กซีเท่าที่เราเคยเจอ” นายทวีวัฒน์ สมบูรณ์ปัญญากุล นักวิจัยผู้ค้นพบกลุ่มกาแล็กซีใหม่ กล่าว

อ่านข่าวเต็มได้ที่: https://news.mit.edu/2021/mit-astronomers-discover-new-galaxy-clusters-hiding-plain-sight-0326?fbclid=IwAR12o1USCBGMARR4bAskHnwkhy1gWDyqYQ1thMfE8qBD9M8z7gY2Npa8jHs


ที่มา: https://www.facebook.com/161553413908645/posts/4086193508111263/

รับสมัครตัวแทนประเทศไทยในโครงการ Thailand Pavilion Ambassador ในงาน World Expo 2020 ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้เยาวชนไทย รวมถึงคนไทยที่มีความรู้ความสามารถและกล้าแสดงออก ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงาน World Expo 2020 Dubai ณ เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อคว้าประสบการณ์ระดับโลก พร้อมเป็นตัวแทนแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยในฐานะ Thailand Pavilion Ambassador

งาน World Expo ถือเป็น 1 ใน 3 ของงานยิ่งใหญ่ระดับโลก ที่ประเทศต่าง ๆ จากทั่วทุกมุมโลก ร่วมนำเสนอเอกลักษณ์และความภาคภูมิใจของชาติ ซึ่งในครั้งนี้ World Expo 2020 Dubai จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก “Connecting Minds, Creating the Future—เชื่อมความคิด สร้างอนาคต”

โดยประเทศไทยจัดแสดงนิทรรศการในหัวข้อ “Mobility for the Future—การขับเคลื่อนสู่อนาคต” แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของไทยในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางของเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาค ภายใต้พื้นฐานทางวัฒนธรรมและการต้อนรับอย่างอบอุ่นของคนไทย ที่ผู้เข้าชมทุกคนจะได้สัมผัสตลอดการเข้าชมอาคารแสดงประเทศไทยในครั้งนี้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม และสมัครได้เลยที่ https://www.expo2020dubaithailand.com/th/news/thailand-pavilion-ambassador/?fbclid=IwAR2TxPZTkXgsCihDEi98vYqk0-i8sSnIE6ElV7jug4bDfgXDdgwbP62iXVw

ระยะเวลาเปิดรับสมัคร: วันนี้ - 20 พฤษภาคม 2564

เป็นอาสาสมัครในโครงการ Thailand Pavilion Ambassadors แล้วได้อะไร? ตามมาดูกัน!

"ได้" ประสบการณ์สุดล้ำค่า

งาน World Expo เป็นงานมหกรรมระดับโลกที่ทุกๆ 5 ปี โดยแต่ละปีจะมีการหมุนเวียนประเทศเจ้าภาพผู้จัดงาน ในปีนี้ World Expo 2020 Dubai ถือเป็นหนึ่งใน World Expo ครั้งประวัติศาสตร์ที่จัดขึ้นครั้งแรกใน MENA (กลุ่มประเทศตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ) แน่นอนว่าอาสาสมัครที่ได้รับคัดเลือกไปทำงานกับอาคารแสดงประเทศไทยในครั้งนี้ จะได้รับทั้งประสบการณ์การทำงานบนเวทีระดับโลก ประสบการณ์ชีวิตในการทำงานต่างประเทศ และได้สร้างมิตรภาพกับเพื่อนต่างชาติจากกว่า 194 ประเทศ!!

"ได้" บินฟรี! พร้อมวีซ่า!

อาสาสมัครที่ได้รับคัดเลือกจะได้รับทั้งวีซ่า และตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ฟรี เพื่อเดินทางไปปฏิบัติงาน ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่จัดงาน

"ได้" ที่พักฟรี

อาสาสมัครจะได้รับที่พักฟรีตลอดการทำงาน เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปปฏิบัติงานที่อาคารแสดงประเทศไทย

"ได้" ค่าตอบแทน!

อาสาสมัครอาคารแสดงประเทศไทยจะได้รับค่าต่อแทนรายเดือนที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และการการใช้ชีวิตในเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตลอดระยะเวลาการทำงาน แถมถ้าใช้เงินดีๆ ยังได้มีเงินเก็บหลังจบงานอีกด้วย!

สุดท้าย ถ้าอยาก "ได้" ให้ครบทุกข้อ ต้องรีบสมัครเข้ามาเลย ตามลิ้งก์นี้

https://www.expo2020dubaithailand.com/en/news/thailand-pavilion-ambassador/?fbclid=IwAR2qEUsPVKRs9ItDc4VDULo_KiGf3KX8jYMr1GQYn2slzvf1cKZBuLGp8kA


ขอบคุณที่มา:

https://www.expo2020dubaithailand.com/th/news/thailand-pavilion-ambassador/?fbclid=IwAR2TxPZTkXgsCihDEi98vYqk0-i8sSnIE6ElV7jug4bDfgXDdgwbP62iXVw

https://www.facebook.com/1819156718355063/posts/2899648833639174/?d=n

กสศ. ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานประชุมเสวนาหัวข้อ “การจัดการศึกษาและคุ้มครองเด็กเร่ร่อนอย่างเป็นองค์รวมและบูรณาการ

กสศ. ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานประชุมเสวนาหัวข้อ “การจัดการศึกษาและคุ้มครองเด็กเร่ร่อนอย่างเป็นองค์รวมและบูรณาการ” โดย นพ.เบอร์เบิร์ต ควีลอน คาร์พิโอ) ผู้อำนวยการบริหาร Childhope Philippines Foundation

ร่วมวงเสวนาพร้อมกันในวันพุธที่ 7 เมษายน 2564 เวลา 13.00 - 15.00 น.

โดยสามารถลงทะเบียนจาก QR Code ในภาพเพื่อรับชมผ่านระบบ zoom หรือรับชม Facebook live @EEFthailand และ @EEF Inter-Forums


ที่มา: https://www.facebook.com/EEFthailand/photos/a.150078585026159/4313601662007143/?type=3

เรื่องราวสุดน่ารัก เมื่อครูจัดทำ ‘เกียรติบัตรทำดี’ มอบให้แก่นักเรียนชั้น ป.2 แม้ว่าจะเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น การแบ่งปัน การจับปูนา รักครอบครัว กระทั่งเป็นดีเจน้อยให้โรงเรียน

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวสุดน่ารักที่ถูกแชร์กันไปมากมายในโลกออนไลน์ สำหรับอาจารย์ท่านหนึ่งของโรงเรียน บ้านค้อปัญญานุสรณ์ ที่ได้ทำการมอบเกียรติบัตรทำดีให้แก่นักเรียนชั้นป.2 จำนวน 20 คน

โดยทางคุณครูโพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ‘มอบเกียรติบัตรทำดีให้กับนักเรียน ชีวิตคนๆ หนึ่ง ไม่ได้ดีทั้ง 100% แต่จงเลือกเอาสิ่งที่ดีเขามีอยู่ เป็นประโยชน์ต่อโลกบ้างยังน่าดู‘ พร้อมทั้งโพสต์ภาพนักเรียนและเกียรติบัตรต่าง ๆ มากมาย

บอกเลยว่าแต่ละเรื่องที่ทางโรงเรียนมอบให้เด็ก ๆ นั้นสุดปัง แถมยังสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็ก ๆ อีกด้วย เช่น ขุดปูนาเก่ง แบ่งปันผลไม้ให้เพื่อน ๆ และครู ให้เพื่อนยืมดินสอ รักครอบครัว รวมไปถึงเป็นดีเจน้อยให้แก่โรงเรียน

งานนี้ชาวเน็ตต่างพากันออกมาชื่นชมทั้งคุณครูและนักเรียน ว่าเป็นความคิดที่ดีมาก ทำให้นักเรียนภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวดี ๆ ที่เรียกรอยยิ้มได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก ราชวัตร ป้องนางไชย
ที่มา: https://www.brighttv.co.th/social-news/school-cute
 

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (มฉก.) ลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการ พัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับธุรกิจจีน เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ และนักศึกษา นำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในการค้าการลงทุนกับจีน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-จีน ภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เห็นถึงความสำคัญและมุ่งมั่นในการพัฒนาโอกาสและช่องทางการตลาดกับประเทศจีน จึงได้ร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรของสถาบันฯ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความรู้ความสามารถให้กับสมาชิก ผู้ประกอบการ อาจารย์และนักศึกษา ในด้านการขายและกระจายสินค้าในตลาดจีน สภาพแวดล้อม วัฒนธรรม ช่องทางการตลาด กฎหมาย การแบ่งปันความรู้จากผู้มีประสบการณ์จริง รวมถึงความรู้ด้านภาษาจีน

รองศาสตราจารย์ ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะส่งเสริมความเข้มแข็งในเชิงวิชาการซึ่งเป็นทฤษฎี และความลงตัวในเชิงปฏิบัติที่ต้องอาศัยผู้ประกอบการจริง จะทำให้ผลสัมฤทธิ์เกิดแก่เศรษฐกิจของประเทศไทย ทั้งในมิติของการเพิ่มขีดความสามารถและการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ การลงนามในวันนี้ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะทำให้เกิดสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมไทย ซึ่งจะเชื่อมโยงไปสู่ประเทศจีนต่อไปในอนาคต

นายวีรชัย มั่นสินธร ประธานสถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-จีน ส.อ.ท. กล่าวเสริมว่า สถาบันความร่วมมืออุตสาหกรรมไทย-จีน ส.อ.ท. และ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ จะร่วมกันพัฒนาหลักสูตรออนไลน์ Cross Border E-commerce China: CONNECT และเป็นที่ปรึกษาในส่วนการเปิดหลักสูตรภาษาจีนธุรกิจที่เกี่ยวกับ E-commerce และหลักสูตรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

เพื่อช่วยเหลือสมาชิกผู้ประกอบการในการเปิดตลาดในประเทศจีนให้มีความรู้ทางด้านวิชาการและสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติใช้ได้จริง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับสมาชิก ผู้ประกอบการ บุคลากร อาจารย์ นักศึกษา เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการค้าการลงทุนกับประเทศจีนต่อไป

นายกรัฐมนตรี ห่วงใยนักศึกษาไทยที่จะไปเรียนในต่างประเทศ โดยสั่ง 2 กระทรวงหลัก "สาธารณสุข - การต่างประเทศ" ประสานฉีดวัคซีนให้ เพื่อป้องกันโควิด-19 ในประเทศต่าง ๆ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จัทร์โอชา มีความห่วงใยนักศึกษาไทยที่เรียนอยู่ในต่างประเทศ แต่ยังไม่สามารถกลับไปเรียนต่อได้ เช่น นักศึกษาไทยในประเทศจีน ที่คาดว่าจะมีประมาณ 1,000 คน จึงได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุข ทำงานร่วมกันเพื่อดูแลในเรื่องการจัดการฉีดวัคซีนแก่นักศึกษาทุกคน 

ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าได้จัดเตรียมวัคซีนและสถานที่ที่ สถาบันบำราศนราดูร เพื่อดำเนินการฉีดวัคซีนไว้แล้ว เหลือเพียงการรวบรวมและจัดระบบข้อมูล และกระบวนการอำนวยความสะดวกแก่นักศึกษา ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอยู่ ขอให้นักศึกษาสบายใจ และรัฐบาลจะแจ้งให้ทราบถึงวันที่ให้เริ่มไปรับการฉีดวัคซีน ที่จะมีให้เร็ว ๆ นี้ 


ที่มา: https://www.nationtv.tv/main/content/378819622

ปฏิทินการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนที่มีลักษณะพิเศษ

รับสมัคร

โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการ 24 – 30 เม.ย. 64

โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส 24 – 28 เม.ย. 64

สอบ / คัดเลือก

โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส 30 เม.ย. – 4 พ.ค. 64

ประกาศผล

โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการ 8 พ.ค. 64

โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส 8 พ.ค. 64

รายงานตัว

โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการ ภายใน 15 พ.ค. 64

โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส ภายใน 15 พ.ค. 64

มอบตัว

โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับเด็กพิการ ภายใน 15 พ.ค. 64

โรงเรียนที่จัดการศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส ภายใน 15 พ.ค. 64

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://plan.bopp-obec.info/Home/

 

‘มหิดล’ พัฒนาระบบการเรียนการสอน สู่ระบบออนไลน์มาตรฐานสากล เร่งพัฒนาการศึกษาไร้พรมแดน พร้อมนำระบบการเรียนการสอนแบบ hybrid เพิ่มทางเลือกการเรียนให้กับนักศึกษา เดินหน้าสู่ 1 ใน 100 มหาวิทยาลัยอันดับโลก

รองศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรเนติ สุขสมบูรณ์ รองอธิการบดีฝ่ายการศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากวิกฤติ COVID-19 มหาวิทยาลัยมหิดลได้ปรับการเรียนการสอนสำหรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 เป็นระบบออนไลน์ 100% จนภาคการศึกษานี้ได้มาปรับสู่รูปแบบผสมผสาน หรือ hybrid ที่เปิดให้นักศึกษาได้เลือกเรียนทั้งในชั้นเรียน และระบบออนไลน์

ซึ่งจากการประเมินการเรียนการสอนวิชา มมศท 100 การศึกษาทั่วไปเพื่อการศึกษามนุษย์ ซึ่งเปิดให้นักศึกษาระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 ของมหาวิทยาลัยมหิดลได้เรียนแบบผสมผสาน จากทั้งหมดจำนวนกว่า 3,000 ราย มีนักศึกษาสนใจเข้าเรียนในชั้นเรียนจำนวนประมาณ 900 ราย โดยใช้การเช็คชื่อผ่านแอปพลิเคชัน We Mahidol เพื่อการตรวจสอบพื้นที่ปลอดภัย ลดเสี่ยง COVID-19

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดลยังได้จัดให้มีสถานที่ พร้อมอุปกรณ์สำหรับนักศึกษาที่เลือกเรียนออนไลน์ในทุกวิทยาเขต โดยที่พื้นที่ศาลายา นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลสามารถเรียนออนไลน์ได้จากที่บ้าน หอพักนักศึกษา หอสมุดและคลังความรู้ฯ ห้องบรรยาย 1 - 2 คณะวิทยาศาสตร์ อาคารสิริวิทยา และที่ห้อง Mini Theater (MU Cyber Club) ซึ่งให้บริการโดย กองเทคโนโลยีสารสนเทศ (MUIT) ณ บริเวณ ชั้น 2 อาคารศูนย์การเรียนรู้มหาวิทยาลัยมหิดล (MLC)

และกำลังจะมีการปรับพื้นที่บริเวณชั้นลอยของอาคาร MLC เพื่อเป็นสถานที่รองรับการเรียนออนไลน์ หรือการศึกษาด้วยตัวเอง ตามโครงการ Mahidol Digital Convergence University (Mahidol DCU) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

มหาวิทยาลัยมีนโยบายในการผลักดันตัวเองสู่ 1 ใน 100 มหาวิทยาลัยอันดับโลก เพราะฉะนั้น การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ของมหาวิทยาลัยมหิดล จึงเป็นไปตามแนวทางของมาตรฐานในระดับโลก โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาระบบการเรียนการสอนกับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ในลักษณะของการ “Train the Trainer” อาทิ มหาวิทยาลัยแมคควอรี่ (Macquarie University) ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนทั้งด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีคณาจารย์ที่ผ่านการอบรมแล้วจำนวน 3 รุ่น และจะมีการจัดอบรมอีกในปีนี้อีก 3 รุ่น

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล ยังได้ร่วมสัมมนาเครือข่าย AUN Technology Enhance Personalize Learning (AUN-TEPL) กับอีก 2 มหาวิทยาลัย ได้แก่ Singapore Management University (SMU) ประเทศสิงคโปร์ และ University of Malaya (UM) ประเทศมาเลเซีย อีกด้วย รวมทั้งจะมีการยกระดับคุณภาพทางการศึกษาออนไลน์ เข้าสู่ระบบการรับรองมาตรฐานสากล เพื่อเป็นต้นแบบทางการศึกษาออนไลน์ในระดับอุดมศึกษาของประเทศไทยต่อไป

และเพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดการพัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน มหาวิทยาลัยมหิดล ยังได้จัดให้มี campaign เพื่อการจัดกิจกรรมเพื่อการส่งเสริมการเรียนการสอนออนไลน์ในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการรางวัลการสอนออนไลน์ โครงการส่งเสริมการวิจัยการเรียนการสอนออนไลน์ โครงการบันทึกวีดิทัศน์ การบรรยายในรูปแบบ Video on demand หัวข้อ Digital Teaching Tools สำหรับอาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล และโครงการอบรมการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาบทเรียนออนไลน์แบบ MOOC & SPOC สำหรับคณาจารย์และบุคลากรมหาวิทยาลัยมหิดล อีกด้วย

ต่อไปมหาวิทยาลัยมหิดลจะเปิดรายวิชาพื้นฐานให้ทุกคนได้เรียนออนไลน์ เพื่อเป็น Credit Unit Bank ที่สามารถใช้เทียบโอนได้ต่อไปในอนาคต ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้การเข้าถึงทางการศึกษาของมหาวิทยาลัยมหิดลมีเพิ่มมากขึ้น


ที่มา: https://www.thansettakij.com/content/strategy/473654

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ผนึกต่างชาติ เปิดตัว 42 Bangkok สถาบันโปรแกรมเมอร์แห่งแรกของไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัล ฉีกทุกกฎการเรียนรู้แบบไร้ข้อจำกัด ใน 3 แนวคิดหลัก “ไม่มีอาจารย์ ไม่มีปริญญา ไม่มีค่าเทอม”

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ย้ำบทบาท “ผู้นำความเปลี่ยนแปลง” พร้อมผนึกต่างชาติ เปิดตัว “42 บางกอก” (42 Bangkok) สถาบันโปรแกรมเมอร์แห่งแรกของไทย และแห่งที่ 3 ของเอเชีย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัล การันตีด้วยมาตรฐานการสอนระดับโลก ที่พร้อมฉีกทุกกฎการเรียนรู้แบบไร้ข้อจำกัด ใน 3 แนวคิดหลัก “ไม่มีอาจารย์ ไม่มีปริญญา ไม่มีค่าเทอม” รุดสร้างจุดเปลี่ยนระบบการศึกษาไทยยุคใหม่ ขานรับนโยบายโค้ดดิ้งของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) หนุนศักยภาพคนไทย พร้อมรับโลกการทำงานยุคดิจิทัล

ทั้งนี้ “42 บางกอก” เน้นการเรียนรู้จริงปฏิบัติเป็น และแก้ปัญหาร่วมกันเป็นกลุ่ม ผ่านการฝึกคิดแก้โจทย์จริงจากภาคธุรกิจชั้นนำด้านคอมพิวเตอร์-เทคโนโลยี แบบเป็นขั้นตอน-ไต่ระดับจากง่ายไปยากใน 21 ระดับ โดยปัจจุบัน 42 บางกอก อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้เรียนเข้าศึกษาต่อในเทอมแรก และจะเริ่มเรียนในเดือน กรกฎาคม 2564

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการ เร่งผลักดันนโยบาย “ส่งเสริมการเรียนภาษาคอมพิวเตอร์” (Coding) ภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 (Thailand 4.0) เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศด้วยนวัตกรรม (Digital Disruption) ที่มุ่งปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ และพัฒนาศักยภาพของคนไทยในทุกช่วงวัย เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

อีกทั้งสามารถปรับตัวเข้าสู่โลกการทำงานยุคดิจิทัลได้เต็มศักยภาพ สู่การมีทักษะสำคัญอย่างน้อย 6 ด้าน ได้แก่ ทักษะการอ่าน เขียน คิดวิเคราะห์อย่างสร้างสรรค์ มีเหตุมีผล คิดเชิงคณิตศาสตร์ และการแก้ไขปัญหาอย่างมีหลักการ

โดย สจล. ถือเป็นต้นสถาบันการศึกษาแห่งอนาคตของไทย ที่มีหัวคิดทันสมัยและปรับตัวได้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง ภายใต้ความร่วมมือของ “เอกอล 42” (Ecole42) สถาบันปั้นโปรแกรมเมอร์ระดับโลก เพื่อพัฒนาคนคุณภาพด้านโปรแกรม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัล อันสอดรับกับนโยบายดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรม

“ไม่มีอาจารย์ ไม่มีปริญญา ไม่มีค่าเทอม”

ศ. ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า สจล. เล็งเห็นถึงความสำคัญและโอกาสของการมี “ซุปเปอร์โปรแกรมเมอร์” เนื่องจากอาชีพดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งในเทรนด์อาชีพที่เป็นที่ต้องการจากทุกองค์กรทั่วโลก อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงโลกดิจิทัล

ดังนั้น การจัดตั้ง “42 บางกอก” (42 Bangkok) สถาบันปั้นโปรแกรมเมอร์ระดับหัวกะทิ แห่งแรกอาเซียน และที่ 3 ของเอเชีย ถือเป็นสนามปั้นสุดยอดโปรแกรมเมอร์ ระดับซิลิคอนวัลเลย์ (Silicon Valley) ภายใต้มาตรฐานการสอนเดียวกับสถาบันต้นกำเนิดจากกรุงปารีส ฝรั่งเศส ที่ฉีกทุกกฎการเรียนรู้แบบไร้ข้อจำกัด “ไม่มีอาจารย์ ไม่มีปริญญา ไม่มีค่าเทอม” นับเป็นจุดเปลี่ยนแรกของการศึกษาไทย ที่เปิดโอกาสให้คนไทยเข้าถึงโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เปิดโลกการทำงานระดับสากล ภายใต้เครือข่ายเอกอล 42 ทั่วโลก

อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่า “แท้จริงแล้วการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดเฉพาะรูปแบบการสอนเดิมเท่านั้น แต่สามารถก้าวสู่โลกการทำงานสายดิจิทัลได้อย่างมืออาชีพ” ตอกย้ำการเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลง (Change Maker) ของ สจล. โดยแท้จริง

สอนในรูปแบบ Project Based Learning ที่เน้นการเรียนรู้จริงปฏิบัติเป็น และแก้ปัญหาร่วมกันเป็นกลุ่ม

ผศ. ดร.ชัยยันต์ เจตนาเสน ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายต่างประเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และ Executive Director of 42 Bangkok กล่าวเพิ่มเติมว่า “42 บางกอก” มีการเรียนการสอนในรูปแบบ Project Based Learning ที่เน้นการเรียนรู้จริงปฏิบัติเป็น และแก้ปัญหาร่วมกันเป็นกลุ่ม ผ่านการฝึกคิดแก้โจทย์จริงจากภาคธุรกิจชั้นนำด้านคอมพิวเตอร์-เทคโนโลยี แบบเป็นขั้นตอน ซึ่งจะไต่ระดับจากง่ายไปยากใน 21 ระดับ โดยการเรียนในระยะแรก ผู้เรียนจะต้องเรียนการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น และเมื่อเลื่อนขั้นแล้ว ผู้เรียนจะสามารถเลือกทำโปรเจกตามความสนใจ ซึ่งในบางระดับต้องไปฝึกงานเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อสั่งสมประสบการณ์ในสนามจริง

ทั้งนี้ เมื่อทำโปรเจกสำเร็จในแต่ละระดับ จะมีคะแนนสะสมเพื่อขอเลื่อนขั้นในระดับต่อไปได้ จนกระทั่งจบการศึกษาภายในระยะเวลา 2-4 ปี เพื่อสร้างประสบการณ์ทำงานจริง โดยจะปูพื้นฐานด้วยภาษา C และ C++ พร้อมเพิ่มพูนทักษะด้วย Python Javascript เพื่อสร้างเว็บไซต์ หรือกระทั่งทำงานออกแบบเว็บไซต์ (Design) ให้มีฟังก์ชันที่รองรับการงานรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

(อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อ 1.00 p.m. 3/26/2021)

“เพราะการเรียนที่ 42 บางกอก เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่มีอาจารย์สอน ไม่กำหนดเวลาเรียน ดังนั้น กระบวนการคัดเลือกผู้เรียนจึงมีการทดสอบแบบเข้มข้นใน 3 ด่านสำคัญ คือ ทดสอบออนไลน์ (Online Test) เพื่อวัดว่ามีตรรกะด้านการเขียนโปรแกรม ยืนยันสิทธิ์ (Check In) และ ด่านสุดท้าย ทำค่ายโปรเจก เวิร์คชอป (Piscine) การทำงานร่วมกันเป็นทีมแบบ 24/ 7 เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ซึ่งเทียบเท่าการเรียนหลักสูตรปริญญาตรี 2 ปี ในคณะสายคอมพิวเตอร์ สำหรับในรอบนี้จะคัดเลือกในแต่ละกลุ่มเพียง 150 คน เพื่อเป็นนักศึกษาตัวจริงที่จะได้เรียนใน 42 บางกอก”

“สำหรับคุณสมบัติของผู้เรียนค่อนข้างเปิดกว้าง โดยเป็นบุคคลทั่วไป ไม่จำกัดเพศ มีอายุอย่างน้อย 18 ปี ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษาหรือเคยเรียนเขียนโปรแกรมมาก่อน ขณะเดียวกัน คนที่กำลังศึกษาด้านอื่นหรือทำงานอยู่ก็สามารถเรียนควบคู่ไปได้ และเมื่อเข้ามาเรียนได้ก็สามารถกำหนดรูปแบบการเรียนด้วยตนเองได้ ทั้งนี้ ปัจจุบัน 42 บางกอก อยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้เรียนเข้าศึกษาต่อในเทอมแรก ซึ่งมีผู้สมัครจากทั่วโลกเป็นจำนวนมากกว่า 1,600 คน ครอบคลุม 81 ประเทศ โดยจะเริ่มเรียนในเดือน กรกฎาคม 2564” ผศ. ดร.ชัยยันต์ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.42bangkok.com หรือติดต่อ สำนักงานกิจการต่างประเทศ สจล. โทรศัพท์ 02-329-8140 เว็บไซต์ www.kmitl.ac.th หรือ https://www.facebook.com/42Bangkok/


ที่มา: https://techsauce.co/news/kmitl-open-42-bangkok-thailand-first-programmer-institute?fbclid=IwAR3H2pXKs4SYk3M8XLiSVHjIlSiOPXu5HL0Y1WLuiBQz0OpsWrBAwCdWMuo

ปฏิทินการรับนักเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2564 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่เปิดเฉพาะ ม.ปลาย (ยกเว้นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา)

รับสมัคร

สอบคัดเลือก 24 - 28 เม.ย. 64

- ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 24 - 27 เม.ย. 64

- เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 24 - 28 เม.ย. 64

สอบ / คัดเลือก

สอบคัดเลือก 2 พ.ค. 64

- ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 29 เม.ย. 64

- เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 2 พ.ค. 64

ประกาศผล

สอบคัดเลือก 6 พ.ค. 64

- ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 30 เม.ย. 64

- เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 6 พ.ค. 64

รายงานตัว

สอบคัดเลือก 6 พ.ค. 64

- ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 30 เม.ย. 64

- เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 6 พ.ค. 64

มอบตัว

สอบคัดเลือก 9 พ.ค. 64

- ความสามารถพิเศษ (ถ้ามี) 9 พ.ค. 64

- เงื่อนไขพิเศษ (ถ้ามี) 9 พ.ค. 64

รายละเอียดเพิ่มเติม: http://plan.bopp-obec.info/Home/

"เหมือนแพร กุสลานุภาพ" เด็กกิจกรรมเพื่อสังคม ใฝ่ฝันเปิดมูลนิธิพัฒนาเยาวชน | Click on Clever EP.8

ศักยภาพของเยาวชนคนหนึ่ง ส่องสว่างยิ่งขึ้นจากการทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาตัวเอง และนำไปสู่ความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้อื่นตามมา นี่คือเรื่องราวของเธอ สาวนักกิจกรรมเพื่อสังคม ที่ใฝ่ฝันมีมูลนิธิเป็นของเธอเอง

.

.

.

.

อาหารและสถานที่ท่องเที่ยวสุดโปรดในจีน | เพื่อนซี้หนี่ห่าว EP.6

4 สาวเพื่อนซี้ไปอยู่เมืองจีนกันมา จะมีอาหารที่ชอบและสถานที่เที่ยวสุดโปรดที่ไหนบ้าง ? มาฟังสาวๆ เม้าท์กัน พร้อมกับสาระความรู้คำศัพท์ภาษาจีนที่สาว ๆ เอามาฝาก

.

.

.

บทสัมภาษณ์ 'เพียงฝัน นาคสุขไพบูลย์' นักเรียนทุนออทิสติกไทยคนแรก ปริญญาเอกแพทย์ UK

STUDY TALK: เปิดบทสัมภาษณ์ 'เพียงฝัน นาคสุขไพบูลย์' นักเรียนทุนออทิสติกคนไทยคนแรก ปริญญาเอกแพทย์ในอังกฤษ มุ่งมั่นผลักดันสังคมเท่าเทียมเพื่อผู้พิการ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย

แนะนำตัวให้แฟน ๆ THE STUDY TIMES รู้จักอย่างเป็นทางการสักนิดค่ะ?  

เพียงฝัน นาคสุขไพบูลย์ค่ะ ตอนนี้อายุ 31 ปี กำลังศึกษาระดับปริญญาเอก คณะแพทยศาสตร์ ทำวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งลำไส้ ชื่อหัวข้อวิจัยว่า Marie Curie Early Stage Researcher โดยได้รับทุนเต็มจำนวนจากสหภาพยุโรป หลักสูตร SPARK MSCA-COFUND ของมหาวิทยาลัยควีนส์ เบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ สหราชอาณาจักร ตอนนี้ใช้ชีวิตที่สหราชอาณาจักรเป็นหลักค่ะ

คุณเพียงฝันมีคนติดตามทั้งใน ทวิตเตอร์และ Clubhouse จำนวนมาก แปลว่าสนใจข่าวสารและเทคโนโลยีใช่ไหมคะ

ใช่ค่ะ มีความสนใจเกี่ยวกับข่าวสารทุกประเภท ซึ่งมีเรื่องที่สนใจพิเศษคือ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้พิการ และการเข้าถึงบริการสาธารณะ ในฐานะที่ฉันมีความพิการเช่นกัน โดยมีอาการแอสเปอร์เกอร์ (Asperger’s Disorder) ซึ่งเป็นความบกพร่องทางพัฒนาการ จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับออทิสติก

ฉันเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะต้องมีการถกหรือหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาอย่างกว้างขวางบ่อยครั้งและไปสู่สาธารณะ เพราะว่าเราต้องการให้ทั้งโลกให้พื้นที่เกี่ยวกับเรื่องนี้มากกว่านี้

มองว่าเครื่องมือสื่อสารในยุคนี้อย่าง Twitter และ Clubhouse มีพลังมากไหม อย่างไร?

มีพลังอย่างมากค่ะ เพราะว่าเป็นช่องทางให้ผู้คนได้พูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนะเรื่องต่างๆ ในเวลาแค่เสี้ยววินาที ถ้าผู้คนเชื่อในสิ่งที่คุณพูดหรืออุดมการณ์ของคุณ พวกเขาก็จะติดตามคุณและฟังคุณ ฉันคิดว่ามันเยี่ยมมาก อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นดาบสองคม เพราะเราอยู่ในโลกที่ข้อมูลผิดพลาดไปหมด ข่าวปลอมก็เยอะมากด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ทุกๆ คนจะต้องตรวจสอบข้อมูลทุกสิ่งที่เห็นและได้ยินในโซเชียลมีเดีย และต้องใช้การคิดวิเคราะห์มากกว่าการใช้ความรู้สึกในการรับข่าวสาร

ได้ทุนเรียนมาตลอด ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่า ได้ทุนมาตั้งแต่เรียนชั้นไหน ทุนอะไรบ้าง?

1.) United World Colleges (UWC) scholarship to study at UWC Red Cross Nordic, Norway

2.) Shelby UWC Davis Scholarship, Clark University, MA, United States

3.) SPaRK MSCA COFUND, Queen’s University Belfast, Northern Ireland, United Kingdom.

เห็นว่าผ่านกิจกรรระดับโลกมาเยอะมาก เคยร่วมกิจกรรมอะไรมาบ้างคะ?

1.) ตัวแทนประเทศไทย Telenor Youth Forum and Nobel Peace Prize ปี 2015

2.) ตัวแทนประเทศไทย World Culture forum in Bali Indonesia ปี 2015

3.) กล่าวสุนทรพจน์ TEDxThammasatU talk หัวข้อ “We are differently-abled” ปี 2015.

4.) นักศึกษาฝึกงานที่สถาบันวิจัย The National Museum of Natural History in Washington DC and University of Massachusetts Medical School

5.) ผู้แทนบัณฑิต The University of Birmingham (2017-2018) and สมาชิกสภานักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย  

6.) ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง The 2020’s Falling Walls Groningen, Netherlands

ชอบเรียนหนังสือตั้งแต่เด็กเลยไหมคะ?

ฉันเติบโตมากับการที่หน้าบ้านของเราเป็นร้านหนังสือ ฉันชอบยืมหนังสือนิตยสารอย่าง National Geographic ฉบับภาษาไทย , a Day, Seventeen, คู่ผู้สร้างคู่สม มาอ่าน รวมถึงหนังสือพิมพ์ด้วย ฉันชอบใช้เวลากับอย่างสันโดษไปกับหนังสือ การรักการอ่านเปิดโลกของเราในหลายมิติ หนังสือที่ฉันเลือกอ่านไม่เฉพาะให้ประโยชน์กับเราในทางวิชาการเท่านั้น แต่ทำให้ฉันมองเห็นโลกในมุมมองที่แตกต่างออกไป การอ่านเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้มีทักษะในการเข้าสังคมได้ด้วย เพราะช่วยให้ฉันสามารถที่จะมีชุดความคิดในการสนทนากับผู้อื่นอย่างชาญฉลาด ทำให้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดี รวมไปถึงคนรักของฉันที่กำลังจะแต่งงานกันในเดือนเมษายนนี้เช่นกัน

คิดว่าการศึกษามีความสำคัญกับเราอย่างไร?

พูดเรื่องการศึกษาบ้าง การศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ช่วยขับเคลื่อนสังคมและทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนดีขึ้น ซึ่งเราได้รับสิ่งดีๆ ในชีวิตจากการศึกษา หากฉันไม่ได้รับโอกาสการศึกษาในวันนั้น ฉันก็คงไม่มีวันนี้ การศึกษาสำหรับฉัน ไม่ใช่แค่การศึกษาในระบบ แต่รวมถึงการศึกษาจากประสบการณ์การทำงาน การฝึกงาน หรือการศึกษานอกระบบด้วย การศึกษาเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชนที่ทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกเพศ ทุกวัยสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม

การมีภาวะออทิสติก ทำให้การเรียนและความฝันในการชิงทุนยากขึ้นไหมคะ มีวิธีคิดอย่างไร?

คำถามนี้พิกลอยู่นะคะ อาจจะเป็นเพราะขึ้นอยู่กับนโยบายและการให้ทุนในแต่ละประเทศด้วย ถ้าเป็นประเทศไทยฉันก็ไม่รู้ เพราะฉันใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาตั้งแต่ยังเด็ก อย่างที่สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา จะมีกฎหมายที่ปกป้องไม่ให้ผู้พิการถูกแบ่งแยกออกไป หลักสูตรและนโยบายต่างๆ จึงมีความเท่าเทียมมาก ยกตัวอย่าง https://www.rnib.org.uk/young-people-starting-work/two-tick-symbol ทั้งที่พักอาศัย หรือสวัสดิการอะไรก็ตามที่ควรจะได้ ก็จะสมเหตุสมผลอย่างมาก การใช้ชีวิตเลยไม่ได้ยุ่งยากมากนัก

แต่สำหรับการเรียน แน่นอนว่าฉันใช้ความพยายามมากกว่าคนปกติที่ไม่พิการถึง 5,000 เท่า เพื่อจะแสดงความโดดเด่นในการได้รับทุนการศึกษาแต่ละครั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีเพดานบางอย่างสำหรับผู้หญิง และยิ่งเป็นผู้หญิงที่พิการอย่างฉันก็ยิ่งมีเพดานที่สูงขึ้นไปอีก มีหลายครั้งที่ฉันต้องร้องไห้ที่ได้รับจดหมายปฏิเสธจากหลายมหาวิทยาลัยหรือสถานที่ทำงาน แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการท้าทายฉันให้ทลายเพดานนั้นและทำให้สำเร็จให้ได้ อย่าละทิ้งความพยายามที่จะทำอะไร เพราะอะไร? เพราะฉันได้ทลายเพดานนั้นมาแล้ว ฉันหวังว่าจะเป็นการปูเส้นทางให้คนอื่น กล้าที่จะเดินตามหลังฉันมาเช่นกัน

คุณเพียงฝันเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน ทั้งผู้พิการและผู้มีสภาพร่างกายปกติ อยากให้คุณเพียงฝันให้กำลังใจ สำหรับคนที่กำลังท้อแท้หน่อยค่ะ?

ชีวิตยากค่ะ ไม่มีทางที่จะปฏิเสธมันได้เลย ถ้าฉันปฏิเสธก็แปลว่าฉันกำลังโกหกทุกท่านอยู่ มันจะมีช่วงที่ยากสำหรับทุกคน ทุกที่แตกต่างกันออกไป หายใจเข้าลึกๆ กอดครอบครัวและเพื่อนของคุณ หรือมองหาความช่วยเหลือจากคนที่เชี่ยวชาญกว่า มันไม่ได้น่าอายเลย และจำไว้ว่าอย่ายอมแพ้ วันนี้อาจจะไม่ใช่วันของคุณ มีหลายครั้งที่ไม่ใช่วันของฉันเหมือนกัน แต่วันหนึ่งมันจะมีวันของคุณค่ะ

สำหรับผู้พิการ อย่าให้ความพิการและภาพจำของคนอื่นมาตัดสินคุณ คุณสมควรได้รับสิ่งที่พิเศษเสมอ

มีคติพจน์ประจำใจไหมคะ?

“Today you are You, that is truer than true. There is no one alive who is Youer than You!” — Dr. Seuss

“วันนี้คุณก็คือคุณ นั่นคือความจริงยิ่งกว่าความจริง และไม่มีใครในโลกที่จะเป็นตัวคุณได้ไปมากกว่าคุณ”


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top