Tuesday, 1 July 2025
WORLD

เปิดไทม์ไลน์สุดท้าย 'เจจูแอร์' พบชนนกจริง เผยก่อนเกิดเหตุ บิน 13 เที่ยวใน 48 ชม.

(30 ธ.ค. 67) กรณีสายการบินเจจูแอร์ 7C2216 ที่เผชิญเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (29 ธ.ค.)   จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 179 ราย รายงานข่าวจากสำนักงานการบินพลเรือนเกาหลีระบุว่า เครื่องบินโบอิ้งรุ่น  737-800 ที่เกิดเหตุ  พบว่ามีการใช้งานหนักถึง 13 เที่ยวบินภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมงก่อนอุบัติเหตุ โดยเส้นทางบินครอบคลุมทั้งภายในประเทศ เช่น มูอัน เกาะเชจู และอินชอน รวมถึงเส้นทางระหว่างประเทศ เช่น ปักกิ่ง กรุงเทพฯ โกตาคินาบาลู นางาซากิ และไทเป

นอกจากนี้ เครื่องบินลำนี้ถูกใช้ในเที่ยวบินเช่าเหมาลำสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ จัดโดยบริษัทท่องเที่ยวในเมืองกวางจู ซึ่งมีการเดินทางไป-กลับระหว่างหลายประเทศในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานเครื่องบินที่อาจมากเกินไปในช่วงเวลาเร่งด่วนของเทศกาลท่องเที่ยว โดยเฉพาะเที่ยวบินเช่าเหมาลำที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิ้นปี และเป็นที่จับตามองว่า การใช้งานเครื่องบินอย่างเข้มข้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหรือไม่

ขณะที่กระทรวงกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานดับเพลิงของเกาหลีใต้ได้เปิดเผยไทม์ไลน์เหตุการณ์สุดท้ายของเที่ยวบิน 7C2216 ซึ่งระบุเวลาท้องถิ่นดังนี้

08:54 น. หอบังคับการบินสนามบินมูอันอนุญาตให้เครื่องบินลงจอดบนรันเวย์ 01 ซึ่งทำมุม 10 องศาทางตะวันออกเฉียงเหนือ

08:57 น. หอบังคับการบินแจ้งเตือน "ระวัง พบฝูงนก"

08:59 น. นักบินแจ้งว่าเครื่องบินชนกับฝูงนก และส่งสัญญาณฉุกเฉิน “เมย์เดย์” พร้อมขอบินวนเพื่อลงจอดใหม่

09:00 น. เครื่องบินเริ่มบินวน และขอเปลี่ยนรันเวย์ลงจอดไปยังรันเวย์ 19

09:01 น. หอบังคับการบินอนุญาตให้ลงจอดที่รันเวย์ 19

09:02 น. เครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ 19 ที่ระยะประมาณ 1,200 เมตรจากความยาวรันเวย์ทั้งหมด 2,800 เมตร

09:02:34 น. หอบังคับการบินส่งสัญญาณ "Crash Bell" แจ้งเตือนหน่วยกู้ภัยและดับเพลิง

09:03 น. เครื่องบินไถลออกนอกรันเวย์และชนเข้ากับกำแพง

09:10 น. กระทรวงคมนาคมได้รับรายงานอุบัติเหตุจากเจ้าหน้าที่สนามบิน

09:23 น. ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุชาย 1 ราย และนำส่งหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน

09:38 น. ประกาศปิดสนามบินมูอัน

09:50 น. ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุรายที่สองจากส่วนหางของเครื่องบิน

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่า นักบินของเครื่องบินที่ประสบเหตุได้แจ้งขอความช่วยเหลือเนื่องจากถูกนกชนเมื่อเวลา 8.59 น. และได้บินวนกลับ (ขึ้นบินโดยไม่ลงจอด - Go Around) ซึ่งสัญญาณที่ส่งออกไปในเวลานั้นเป็นสัญญาณถูกนกชนครั้งแรกและครั้งเดียว ในเวลา 08.57 น. หรือ 2 นาทีก่อนนักบินส่งสัญญาณฉุกเฉิน หอควบคุมการบินสนามบินมูอันได้แจ้งเตือนเกี่ยวกับกิจกรรมของนกในบริเวณใกล้สนามบิน และอีก 2 นาทีต่อมา นักบินได้ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือพร้อมตะโกนว่า “เมย์เดย์ เมย์เดย์ เมย์เดย์” จากนั้นจึงแจ้งว่า “นกชนเครื่องบิน นกชนเครื่องบิน นกชนเครื่องบิน กำลังบินวน”

เวียดนามออกกม.ห้ามเด็กต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมออนไลน์-บังคับใช้โซเชียลยืนยันตัวตน

(30 ธ.ค. 67) เวียดนามได้ประกาศใช้กฎหมายอินเทอร์เน็ตฉบับใหม่ที่เข้มงวด ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา กฎหมายนี้มุ่งเน้นการควบคุมการใช้เกมออนไลน์สำหรับเยาวชนและบังคับให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียยืนยันตัวตน ภายใต้กฎหมายดังกล่าว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ดำเนินการในประเทศเวียดนามจะต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้และส่งมอบข้อมูลดังกล่าวให้แก่ทางการเมื่อมีการร้องขอ รวมถึงต้องลบเนื้อหาที่รัฐบาลถือว่า "ผิดกฎหมาย" ภายใน 24 ชั่วโมง

กฎหมายฉบับนี้มีชื่อว่า "กฤษฎีกา 147" ซึ่งอิงมาจากกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ที่ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายประเทศและองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ที่มองว่ากฎหมายนี้มีลักษณะคล้ายกับการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดในประเทศจีน

หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากกฎหมายใหม่คือการจำกัดการเล่นเกมออนไลน์สำหรับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยจะมีการกำหนดเวลาเล่นเกมไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อเซสชัน และไม่เกิน 180 นาทีต่อวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการติดเกมในกลุ่มเยาวชน

Nguyen Minh Hieu นักเรียนมัธยมศึกษาวัย 17 ปีจากฮานอย ซึ่งยอมรับว่าเขาติดเกม กล่าวว่า ข้อจำกัดใหม่นี้จะเป็นเรื่องที่ยากต่อการปฏิบัติตาม เพราะเกมมีการออกแบบให้ผู้เล่นติดมากขึ้น และเขามักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเล่น

นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังมีผลกระทบต่อผู้ใช้โซเชียลมีเดียในเวียดนาม โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook, YouTube และ TikTok ซึ่งผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรือหมายเลขประจำตัวประชาชนเวียดนาม การยืนยันตัวตนนี้จะส่งผลต่อผู้คนที่ทำธุรกิจหรือสร้างรายได้ผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ เนื่องจากการถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มต่างๆ จะสามารถทำได้เฉพาะบัญชีที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น

ทางการเวียดนามระบุว่า กฎหมายใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคมและปกป้องความมั่นคงของชาติในโลกไซเบอร์ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักวิจารณ์มองว่า กฎหมายนี้เป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการเข้าถึงข้อมูล

ในขณะที่กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนามมองว่า กฎหมายนี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในโลกไซเบอร์และรักษาอธิปไตยของชาติ ขณะเดียวกัน ก็ต้องเผชิญกับความกังวลจากกลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพที่กลัวว่า จะทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่มีการเซ็นเซอร์ข้อมูลและควบคุมสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น

เกาหลีใต้ออกหมายจับ 'ยุนซอกยอล' ผู้นำคนแรกที่ถูกหมายจับขณะดำรงตำแหน่ง

(30 ธ.ค. 67) หน่วยสอบสวนร่วมของเกาหลีใต้เปิดเผยการขอหมายจับกุมยุน ซอก-ยอล ประธานาธิบดีที่ถูกถอดถอน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเกาหลีใต้ที่มีการยื่นขอหมายจับกุมประธานาธิบดีที่ยังอยู่ระหว่างดำรงตำแหน่ง

หน่วยสอบสวนร่วมที่ประกอบด้วยสำนักงานสอบสวนการทุจริตของคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูง สำนักงานสอบสวนแห่งชาติ และสำนักงานใหญ่การสอบสวนของกระทรวงกลาโหม ได้ยื่นขอหมายจับกุมยุนจากศาลแขวงโซลตะวันตกตอนเที่ยงคืน

ทั้งนี้ หน่วยสอบสวนร่วมเคยส่งหมายเรียกตัวยุนเข้าสอบปากคำ จำนวน 3 รอบ แบ่งเป็นวันที่ 18 ธ.ค. 25 ธ.ค. และ 29 ธ.ค. แต่ฝ่ายยุนปฏิเสธจะรับหมายเรียกดังกล่าว รวมถึงยังไม่ยื่นเอกสารสำหรับการแต่งตั้งทนายความฝ่ายจำเลยของตัวเอง

กลุ่มหน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ระบุยุนเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในข้อกล่าวหาก่อกบฎ เนื่องด้วยกรณีเขาประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉินเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ซึ่งถูกยกเลิกในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเพราะรัฐสภาเกาหลีใต้ลงคะแนนเสียงไม่เห็นชอบด้วย

อีลอน มัสก์ชูแนวคิดปกครองดาวอังคาร คาดส่งมนุษย์แตะพื้นในอีก 4 ปี

(30 ธ.ค. 67) อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อ SpaceX เสนอความคิดเห็นว่าหากมนุษย์มีการตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารในอนาคต ควรเลือกรูปแบบการปกครองด้วยหลักการประชาธิปไตยทางตรง

มักส์ กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “ชาวดาวอังคารควรเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะปกครองกันอย่างไร แต่ผมขอแนะนำให้ใช้ประชาธิปไตยทางตรงแทนที่จะเป็นประชาธิปไตยแบบตัวแทน”  

มัสก์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ยานอวกาศ Starship แบบไร้คนขับอาจลงจอดบนดาวอังคารได้ภายในสองปีข้างหน้า และยานที่มีมนุษย์โดยสารอาจเดินทางไปถึงในอีกสี่ปีข้างหน้า  

ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายน มัสก์ได้กล่าวว่ามนุษยชาติต้องพัฒนาความสามารถในการเดินทางข้ามดวงดาว หากไม่สามารถทำได้ อาจเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในอนาคต เนื่องจากการขยายตัวของดวงอาทิตย์หรือการชนกันของโลกกับดาวเคราะห์น้อย

WHO ประกาศภาวะฉุกเฉิน 'อหิวาตกโรค' หลังพบผู้ป่วยพุ่งสูงสุดในรอบ 10 ปี"

(30 ธ.ค. 67) องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ "อหิวาตกโรค" เป็น "ภาวะฉุกเฉินครั้งใหญ่" หลังจากพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก และอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้พุ่งสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี

นางมาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การระบาดในครั้งนี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องดำเนินการโดยด่วน ทั้งการรณรงค์ฉีดวัคซีนและการปรับปรุงระบบน้ำและสุขอนามัย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมการระบาด

แม้ว่าจะมีความคืบหน้าในการควบคุมโรคอหิวาตกโรคในหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่จำนวนผู้ป่วยกลับเพิ่มขึ้นอีกครั้งในปี 2022 โดยมี 44 ประเทศรายงานพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 25% จาก 35 ประเทศในปี 2021 และแนวโน้มการระบาดยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2023 ขณะที่อัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้สูงขึ้นอย่างมาก

โดยซูดานใต้กำลังเผชิญกับการระบาดที่รุนแรงที่สุดในศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยบริเวณเมืองเร็งค์ ซึ่งเป็นจุดรับผู้อพยพจากความขัดแย้งในซูดาน ผู้ป่วยส่วนใหญ่ในซูดานอาศัยอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นที่มีสุขาภิบาลไม่เพียงพอ ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ WHO และรัฐบาลซูดานใต้เร่งแจกจ่ายวัคซีนในพื้นที่กรุงจูบาและบริเวณใกล้เคียง แต่แฮร์ริสระบุว่า การฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ

แฮร์ริสเน้นย้ำว่า การแก้ปัญหาอหิวาตกโรคอย่างยั่งยืนต้องมุ่งไปที่การจัดหาน้ำสะอาดและแยกน้ำดื่มออกจากพื้นที่สุขา “วัคซีนเป็นเพียงเครื่องมือช่วยบรรเทาโรค แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้น้ำสะอาดเข้าถึงได้และแยกน้ำสะอาดจากพื้นที่ที่ใช้เป็นห้องน้ำ” เธอกล่าว พร้อมเรียกร้องให้มีการดำเนินการที่รวดเร็วเพื่อหยุดการแพร่เชื้อจากคนสู่คน

นางแฮร์ริสให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีทีจีเอ็นของจีนว่า การกลับมาระบาดอีกครั้งของอหิวาตกโรคเกิดจากทรัพยากรที่มีจำกัด โดยเฉพาะในเรื่องของระบบน้ำและสุขาภิบาลที่ไม่เพียงพอในหลายประเทศ ซึ่งทำให้โรคนี้กลายเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก ในเดือนมกราคม 2566 องค์การอนามัยโลกได้จัดประเภทการระบาดของโรคนี้เป็นภาวะฉุกเฉินระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด

นางแฮร์ริสกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่ยังไม่เพียงพอ และต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อให้มั่นใจว่า ระบบน้ำและสุขอนามัยในแต่ละประเทศจะปลอดภัยและสามารถหยุดการแพร่ระบาดได้

อหิวาตกโรคเป็นโรคติดเชื้อในลำไส้เฉียบพลันที่เกิดจากแบคทีเรีย "ไวบริโอ โคเลอแร" (Vibrio cholerae) ซึ่งแพร่กระจายผ่านอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนอุจจาระ แม้ว่าโรคนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการบริโภคอาหารที่ปลอดภัยและการรักษาสุขอนามัยที่เหมาะสม แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจถึงแก่ชีวิตได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

สำหรับสถานการณ์ป่วยโรคอหิวาต์ บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ล่าสุดในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พบว่าฝั่งเมียนมาเสียชีวิตแล้ว 3 ราย โดยผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชุมชนในเมียวดีและโรงพยาบาลบ้านโก๊กโก๋ จำนวนผู้ป่วยสะสมในพื้นที่ดังกล่าวมีประมาณ 450 คน ส่วนที่หมู่บ้านส่วยโก๊กโก่ หรือเขตอิทธิพลจีนเทาในจังหวัดเมียวดี ซึ่งตรงข้ามกับตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด และบ้านวังผา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ได้รับการประสานจากสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก พบผู้ป่วยอหิวาตกโรคจำนวน 3 ราย ใน 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนถุงทอง 1 ราย ชุมชนร่วมแรง 1 ราย และชุมชนมณีไพสณ์ 1 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเขตเทศบาลนครแม่สอด

'เจจูแอร์' 737-800 ตก ผู้เชี่ยวชาญชี้เครื่องรุ่นเก่าแต่ยังปลอดภัยสูง

(30 ธ.ค. 67) เครื่องบินของสายการบินเจจูแอร์ที่ประสบอุบัติเหตุในสนามบินทางตอนใต้ของเกาหลีใต้เป็นรุ่น โบอิ้ง 737-800 ซึ่งเป็นรุ่นที่นิยมใช้กันทั่วโลก โดยข้อมูลจาก Cirium ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลการบินชี้ว่า มีเครื่องบินรุ่นดังกล่าวราว 28,000 ลำให้บริการอยู่ทั่วโลก ในจำนวนนี้ประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ หรือ 4,400 ลำ เป็นเครื่องบินรุ่นโบอิ้ง 737-800s ซึ่งเป็นเครื่องบินในตระกูล Next-Generation 737 ของบริษัทโบอิ้ง ซึ่งเป็นคนละรุ่นกับ 737 Max ที่เคยประสบอุบัติเหตุตกช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จนต้องสั่งระงับการใช้งานทั่วโลก

รายงานระบุว่า มีสายการบินเกือบ 200 แห่งที่ใช้เครื่องบินรุ่น 737-800 นี้ รวมถึงสายการบิน 5 แห่งในเกาหลีใต้ ได้แก่ เจจูแอร์, ทีเวย์แอร์, จินแอร์, อีสตาร์เจ็ต และโคเรียนแอร์ โดยเครื่องบินรุ่นนี้ยังได้รับความนิยมในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ และนับตั้งแต่ปี 1998 โบอิ้งได้ส่งมอบเครื่องบินรุ่นนี้ให้กับลูกค้าประมาณ 5,000 ลำ

Najmedin Meshkati ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมจากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ซึ่งศึกษาประวัติด้านความปลอดภัยของเครื่องบินโบอิ้ง 737 ให้สัมภาษณ์ว่า เครื่องบินรุ่น 737-800 นี้มีความปลอดภัยและมีสถิติด้านความปลอดภัยที่ดีมาก

อายุการใช้งานของเครื่องบิน 737-800 ทั่วโลกอยู่ระหว่าง 5 ปี ถึงกว่า 27 ปี โดยเครื่องบินโดยสารที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีสามารถใช้งานได้ 20 ถึง 30 ปี หรือมากกว่านั้น ส่วนข้อมูลเว็บไซต์ติดตามการบิน Flightradar24 รายงานว่า เครื่องบินที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้มีอายุการใช้งาน 15 ปี โดยก่อนหน้านี้สายการบิน Ryanair นำเครื่องบินลำที่เกิดเหตุมาใช้ก่อน และบริษัท SMBC Aviation Capital ได้นำไปปล่อยเช่าให้กับเจจูแอร์ในปี 2017

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า กำลังสืบสวนหาสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ รวมถึงความเป็นไปได้ที่นกชนเครื่องบิน อาจเป็นสาเหตุทำให้ระบบลงจอดเกิดความผิดปกติของล้อ ด้านบริษัทโบอิ้งระบุในแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทได้ติดต่อกับเจจูแอร์และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม นกชนเครื่องบินเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ้างในอุตสาหกรรมการบิน ในบางกรณีอาจทำให้กระจกหน้าต่างแตกร้าว สนามบินบางแห่งจึงใช้วิธีส่งนกล่าเหยื่อ เช่น เหยี่ยว หรือใช้มาตรการอื่นๆ เพื่อป้องกันการชนของนก อย่างที่สนามบินนานาชาติมูอัน ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ใช้วิธีเปิดเสียงที่รบกวนนกและยิงปืนเพื่อขับไล่นก

ศาสตราจารย์ Meshkati เปิดเผยว่า  ระบบลงจอดของเครื่องบินรุ่น 737-800 ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและมีประวัติด้านความน่าเชื่อถือ แต่ก็อาจเกิดปัญหาหากการบำรุงรักษาไม่ดีพอ ดังนั้นการบำรุงรักษาจึงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุทางการบิน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรเร่งสรุปเหตุการณ์ดังกล่าว อุบัติเหตุมักเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งอาจใช้เวลาหลายปีในการค้นหาผ่านการสืบสวนเชิงลึก

ลับ ลวง พลาง กับทฤษฎีสมคบคิดเรื่องเมียนมา สร้างสถานการณ์ขัดแย้ง หวังกอบโกยผลประโยชน์

(30 ธ.ค. 67) ช่วงที่ผ่านมามีเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่แตกต่างกันแต่พอมานั่งขบคิดดีๆโดยฟังกับกลุ่มนักทฤษฎีสมคบคิดกลับทำให้น่าประหลาดใจว่าคนร้ายตัวจริงใน 2 เหตุการณ์นี้เป็นคนกลุ่มเดียวกัน  เอาว่าใกล้ๆปีใหม่แล้วเอย่าว่าเรามาอ่านอะไรสนุกๆไม่เครียดและคิดตามกันให้บันเทิงเริงใจกันบ้างดีกว่านะคะ

เรื่องที่ 1 คือเหตุการณ์สงครามระหว่างไทยกับว้า 

เป็นที่แน่นอนแล้วว่า ณ จนถึงเวลานี้ไม่มีสงครามเกิดขึ้น  แต่ไม่ใช่ใน Tiktok ที่มีคนโพสต์ปั่นกระแสว่าสงครามเกิดขึ้นแล้ว  มีกองพลนั้น กองพันปิศาจ บลาๆเข้ามาช่วยรบบลาๆๆๆๆ  ถ้าคนไม่รู้อะไรก็คิดไปได้นะว่า โห….เหตุการณ์ขนาดนี้รัฐบาลไทยไม่มีนำเสนอข่าวเลยต้องมาเสพข่าวใน Tiktok  เอย่าก็อยากจะบอกนะคะ  คนไทยกูรูเยอะ  แต่กูรูที่เยอะก็เป็นเหยื่อของแกงคอลเซ็นเตอร์ไม่น้อยเช่นกัน  เพราะถ้าคนที่รู้เหตุการณ์ดีจะทราบดีว่าไม่มีสงครามใดๆเกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบกริบ

แล้ว…..ทำไมมีการปล่อยข่าวพวกนี้ออกมาละ???

นักวิเคราะห์ทฤษฎีสมคบคิดของไทยหลายคนได้ให้ความเห็นตรงกันดังนี้

1. มีกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากสงครามนี้ในการขายอาวุธให้ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายชาติพันธุ์อื่นๆโดยใช้สถานการณ์นี้เป็นตัวขับเคลื่อน

2. มีกลุ่มที่ใช้ไทยเป็นร่างทรงในการสร้างปัญหาระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน  เฉกเช่นเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นในยูเครนเพื่อที่จะให้ได้สิทธิ์ในการนำอาวุธและกองกำลังเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง  เพราะต้องการจะสร้างให้ไทยเกิดความขัดแย้งกับเมียนมาผ่านการตัวกลางอย่างว้า

3. มีกลุ่มที่ซื้อเหล่าผู้ทำคอนเทนต์คอยชี้นำให้คนในประเทศไทยด้อยค่ากองทัพเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง  และเมื่อกองทัพอ่อนแอ  การเมืองก็จะเข้าควบคุมกองทัพอีกทีเพื่อให้เป็นไปตามที่ผู้สนับสนุนของฝ่ายนั้นต้องการเพราะอย่าลืมว่ากองทัพไทยไม่ได้ต้องการให้เกิดสงครามระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน

เรื่องที่ 2 คือเหตุการณ์ของชาวเมียนมาในไทยที่ล่าสุดบีบข้าราชการให้ได้สัญชาติไทย ดังเคสล่าสุดที่เกิดขึ้นกับปลัดอำเภอในจังหวัดสมุทรสาคร  ต้องขอย้อนกลับไปเมื่อสัก 20-30 ปีก่อนเห็นจะได้ ช่วงนั้นเริ่มมีชาวเมียนมาเข้ามาในประเทศไทยโดยส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างเรือประมงที่จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อการงานดี  การเงินดี คนเมียนมาเริ่มหลั่งไหลเข้ามา  คนที่เข้ามาก่อนเริ่มพูดไทยได้อ่านไทยออกก็เริ่มตั้งตนเป็นหัวโจกหัวหน้า  สวมรอยเป็นประหนึ่งเจ้าหน้าที่ตั้งชมรม สมาคมช่วยเหลือคนต่างด้าวด้วยกันที่ถูกเอาเปรียบ ดูเผินๆก็เหมือนจะไม่มีอะไร  แต่มันไม่ใช่แค่นั้นลับหลังคนเหล่านี้วิ่งเต้นเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ ตำรวจเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญชาติไทยโดยอ้างว่าตนเป็นชนกลุ่มน้อยเป็นชาติพันธุ์  แถมเมืองไทยก็ให้โอกาสคนกลุ่มนี้ได้ลืมตาอ้าปากง่ายๆเสียด้วย  สุดท้ายพวกเข้ามาก่อนก็อาศัยช่องโหว่ตรงนี้ในการได้มาซึ่งสัญชาติไทย โดยมีคนไทยขายชาติบางคนให้การสนับสนุน

เมื่อมีสัญชาติไทยคนกลุ่มนี้ก็เริ่มคิดการใหญ่ขึ้นยิ่งภายหลังเริ่มมีพรรคการเมืองบางพรรคที่ต้องการให้มีคนสนับสนุนด้วยละก็  เขายิ่งจะผลักดันคนเหล่านี้โดยล่าสุดคนกลุ่มนี้ได้เข้าไปนั่งในสภาในตำแหน่งกรรมาธิการต่างๆเป็นหุ่นเชิดคอยรับงานนักการเมืองในการเขียนแผนงานหาผลประโยชน์ให้แก่นักการเมืองที่เขาสังกัดโดยได้ค่าตอบแทนเป็นเงินทอง  สัญชาติไทยแก่พวกพ้องและการคุ้มครองจากพวกนักการเมืองเหล่านี้ไม่ให้ตำรวจ ทหารเข้ามายุ่ง  ซึ่งพอเกิดเหตุวุ่นวายทีเราจะเห็นทันทีว่ามันจะมีพรรคการเมืองบางพรรคที่รับงานกลุ่มบางกลุ่มมาให้คนออกมาทำกิจกรรมสร้างความเดือดร้อนบ่อนทำลายประเทศไทยในยามที่ผู้นำประเทศไม่ได้ซูฮกหรือคล้อยตามกลุ่มคนกลุ่มนั้น

เอาเป็นว่ากลุ่มคนกลุ่มนั้นคือกลุ่มไหน  เอย่าให้ทุกคนไปลองคิดกันเล่นๆปีใหม่แล้วกันนะคะ  แต่แปลกตรงที่นักทฤษฎีสมคบคิดในไทยหลายท่านต่างบอกว่าคนกลุ่มนั้นใน 2 เหตุการณ์นี้เป็นคนกลุ่มเดียวกัน…..แหมมันช่างน่าประหลาดใจเสียจริงๆ

‘Jeju Air’ ออกแถลงการณ์!! แสดงความเสียใจ เหตุเครื่องบินไถลรันเวย์ พร้อมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์

(29 ธ.ค. 67)  คิมอีแบ ประธานผู้บริหาร Jeju Air ออกแถลงการณ์ ออกแถลงการณ์ กรณีเครื่องบินไถลรันเวย์ เกิดเพลิงไหม้ และเกิดระเบิดจนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตจำนวนมาก โดยแถลงการณ์ มีเนื้อหา ดังนี้

สายการบิน Jeju Air ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขออภัยเป็นอย่างสูงต่อผู้โดยสารทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจในสายการบินเจจูแอร์มาโดยตลอด

เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2567 เวลา 09 น.03 น.เที่ยวบินที่ 7C2216 เส้นทางกรุงเทพฯ-มูอัน ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติมูอัน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง และเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตทุกท่าน รวมถึงญาติพี่น้องผู้สูญเสีย ขณะนี้เรากำลังรอผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร ในฐานะประธานบริษัท ขอรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ และขอสัญญาว่า Jeju Air จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยและครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ รวมถึงจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ให้กระจ่างชัด ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อผู้เสียชีวิต และขอส่งกำลังใจให้กับครอบครัวของผู้สูญเสียทุกท่าน

จะเกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐฯ หากประธานาธิบดี Trump ขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 200 - 300% จริง ???

(29 ธ.ค. 67) นโยบายของ Donald Trump ที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 ทำให้ คุณ Joe Willmore ชาวอเมริกันวัย 64 ปี ได้เปิดประเด็นตั้งคำถามนี้ใน Ouora (เว็บไซต์ถาม/ตอบสัญชาติอเมริกัน ซึ่งผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปสามารถมีส่วนร่วมได้ด้วยการตั้งคำถาม ตอบคำถาม ทั้งในแง่ของความเป็นจริงและความคิดเห็น) ว่า “เป็นไปได้หรือไม่ ถ้าหากสหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 200-300% จะทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องล่มสลายภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์”

ซึ่งเขาได้ตอบคำถามเองว่า ไม่ดอก แต่...นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น :
- อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก ภาษีนำเข้าคือภาษีนำเข้าสินค้าที่ผู้ซื้อ (พลเมืองสหรัฐฯ) เป็นผู้จ่าย
- รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องชดใช้เงินจำนวนมากให้กับเกษตรกร เพราะจีนนำเข้า เนื้อหมู ถั่วเหลือง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ จากสหรัฐฯ ซึ่งพวกเขาจะตอบโต้ทันที นั่และนคือสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อประธานาธิบดี Trump (ในสมัยแรก) เคยขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนบางรายการ รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องอุดหนุนเงิน 20,000-30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับเกษตรกรเพื่อชดเชยยอดขายที่สูญเสียไป
- เราไม่สามารถกำหนดอัตราภาษีนำเข้ากับ "เศรษฐกิจการส่งออกทั้งหมด" ของจีนได้ เพราะพวกเขามีรายได้หลายแสนล้านดอลลาร์จากการส่งออกไปยังยุโรปและแอฟริกา (ถ้ารวมเอเชียด้วยน่าจะหลายล้านล้านดอลลาร์)
- พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย (เช่นเดียวกับที่ทำในสมัยแรกของประธานาธิบดี Trump) อาทิ ผลิตทีวีแล้วส่งไปยังเวียดนาม ซึ่งจะมีการประทับตราว่า "ผลิตในเวียดนาม" แล้วบรรจุในกล่องของบริษัทเวียดนาม
- จะเป็นการทำลายอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ (หรืออย่างน้อยก็โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และโน้ตบุ๊ค) ส่วนใหญ่แล้วผลิตในจีน เราอาจจะหลงเชื่อได้ง่ายจนพอที่จะคิดว่า นั่นหมายถึงชาวอเมริกันจะสามารถเริ่มต้นอุตสาหกรรมใหม่ในการผลิตโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ใช่ดอก...นั่นไม่ใช่วิธีการทำงานที่ถูกต้อง

ในที่สุด ความคิดของเราก็ไม่สมจริง สมมติว่า ผมไม่ชอบเรื่องที่โพสต์บน Quora ผมจึงตัดสินใจว่า จะตอบโต้ แล้วจะมีการหยุด/เลิกหยุดโพสต์คำถามที่ผมไม่ชอบไหม ไม่ดอก ผมพนันได้เลยว่า จะมีการตอบโต้ผมกลับในทันที แล้วจะมีโพสต์มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า ดังนั้น เราคงเห็นแล้วว่า ความคิดของประธานาธิบดี Trump ที่ว่า "ลองรังแกพวกเขาดู" จึงเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเอาเสียเลย

เปลี่ยน!! ‘ความขัดแย้ง’ เป็น ‘มิตรภาพ’ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง มั่นคงในภูมิภาค

(29 ธ.ค. 67) สถานทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ส่งบทความนี้ให้กับ THE STATES TIMES เพื่อแปลและเผยแพร่ และถือเป็นการแสดงเจตจำนงค์ในการสวงหาสันติภาพและมิตรภาพของ ฯพณฯ M. Javad Zarif รองประธานาธิบดีอิหร่าน ซึ่งได้กล่าวถึงวิธีที่ประเทศของเขาจะทำให้ภูมิภาคนี้ปลอดภัยและเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไว้ดังนี้

ในฐานะนักศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและอยู่แถวหน้าของการทูตระดับโลกมาหลายทศวรรษ ผมเขียนสิ่งนี้ ไม่ใช่ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลอิหร่าน แต่ในฐานะส่วนตัวเท่านั้น ประสบการณ์ของผมสอนผมว่าการบรรลุเสถียรภาพในเอเชียตะวันตก โดยเฉพาะภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียต้องอาศัยมากกว่าการจัดการวิกฤตเท่านั้น ต้องใช้ความคิดริเริ่มที่กล้าหาญและมีวิสัยทัศน์ ผมจึงเสนอให้จัดตั้งสมาคมเจรจามุสลิมเอเชียตะวันตก (Muslim West Asian Dialogue Association : MWADA) เพื่อเป็นกลไกไปสู่การบรรลุการเปลี่ยนแปลงนี้

MWADA ขอเชิญชวนประเทศมุสลิมหลักในเอเชียตะวันตกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น บาห์เรน อียิปต์ อิหร่าน อิรัก จอร์แดน คูเวต เลบานอน โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย ซีเรีย (รัฐบาลในอนาคตของ) ตุรกี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเยเมน ให้เข้าร่วมการเจรจาอย่างครอบคลุม บรรดาทูตที่เกี่ยวข้องจากสหประชาชาติสามารถเข้าร่วมได้เช่นกัน ความคิดริเริ่มนี้ควรยึดหลักคุณค่าอันสูงส่งของศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของเรา และหลักการของอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน การไม่แทรกแซง และความมั่นคงร่วมกัน MWADA ซึ่งมีความหมายว่า “มิตรภาพ” ในภาษาอาหรับ ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในคำอธิษฐานร่วมกันของเรา ควรมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและความร่วมมือที่เท่าเทียมกัน

ลำดับความสำคัญหลักคือการจัดทำข้อตกลงหยุดยิงที่ยั่งยืนและถาวรในทันทีในฉนวนกาซา เลบานอน ซีเรีย และเยเมน ข้อตกลงไม่รุกรานระหว่างประเทศสมาชิก MWADA ร่วมกับการตรวจสอบระดับภูมิภาคร่วมกัน จะช่วยสร้างเสถียรภาพและปกป้องภูมิภาคจากการแทรกแซงจากภายนอก ตลอดจนจากความขัดแย้งภายใน

การบูรณาการทางเศรษฐกิจยังเป็นศูนย์กลางของวิสัยทัศน์นี้ด้วย การขาดการพึ่งพากันภายในเอเชียตะวันตก เกิดจากเครือข่ายการค้าที่แตกแยก การไม่ใส่ใจเพียงพอต่อการพัฒนาระบบธนาคารและกลไกการชำระเงินภายในภูมิภาค การแข่งขันทางการเมือง และการพึ่งพาตลาดภายนอก กองทุนพัฒนา MWADA ที่เสนอขึ้นสามารถจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ โดยเฉพาะในพื้นที่หลังสงครามที่ถูกทำลายล้าง นอกจากนี้ การปฏิรูปการปกครองในซีเรียซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับ ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ จะส่งเสริมความรับผิดชอบและวางรากฐานสำหรับประเทศที่ปลอดภัยและมั่นคง ซึ่งสตรีและชนกลุ่มน้อยสามารถก้าวหน้าและเติบโตได้

ซีเรียหลังยุคอัสซาดเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับเราทุกคน การรุกรานของอิสราเอลที่ไร้ขอบเขตโดยไม่คำนึงถึง อำนาจอธิปไตยของซีเรีย การแทรกแซงจากต่างประเทศที่ทำลายความสมบูรณ์ของดินแดนซีเรีย ฉากแห่งความรุนแรงและความโหดร้ายที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งชวนให้นึกถึงความป่าเถื่อนของกลุ่มรัฐอิสลาม และความรุนแรงทางชาติพันธุ์และนิกาย ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ ต้องได้รับความสนใจจาก MWADA ที่เสนอขึ้นทันที ภัยพิบัติทางมนุษยธรรมในปาเลสไตน์ยังคงมีความสำคัญต่อเสถียรภาพในภูมิภาค MWADA ต้องให้ความสำคัญกับการกำหนดชะตากรรมของตนเองของชาวปาเลสไตน์และสนับสนุนทางออกที่ยุติธรรมในขณะที่เคารพความปรารถนาของประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับทางออกทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสทางเศรษฐกิจและการยอมรับสิทธิของชาวปาเลสไตน์ด้วย

MWADA จะจัดเตรียมพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์สำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่การขนส่งไปจนถึงท่อส่งพลังงานและเครือข่ายโทรคมนาคม ซึ่งไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแลกเปลี่ยนพลังงาน ข้อมูล และบริการด้วย เราในเอเชียตะวันตกควรเข้าใจว่า
ความเป็นอิสระนั้นเชื่อมโยงกับส่วนแบ่งของประเทศในห่วงโซ่มูลค่าเพิ่มระดับโลก

การรับประกันความมั่นคงด้านพลังงานเป็นอีกโอกาสหนึ่งสำหรับการพึ่งพากัน ข้อตกลงด้านพลังงานในภูมิภาคควรมีเป้าหมายเพื่อปกป้องเส้นทางและสำรวจแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน ศักยภาพที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ของที่ราบสูงอิหร่านและพื้นที่อื่นๆ ภายในชุมชน MWADA ที่เหมาะสำหรับฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์และลมทำให้การร่วมมือกันเพื่อผลิตพลังงานสะอาดเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจสำหรับภูมิภาคที่กว้างขึ้นและแม้กระทั่งไกลออกไป

MWADA ยังสามารถประกาศความร่วมมือระดับภูมิภาคใหม่เกี่ยวกับเสรีภาพในการเดินเรือ รวมถึงการลาดตระเวนร่วมด้านความปลอดภัยทางทะเล ภูมิภาคนี้เป็นที่ตั้งของจุดคอขวดเชิงยุทธศาสตร์ เช่น ช่องแคบฮอร์มุซ คลองสุเอซ และช่องแคบบับอัลมันดาบ อิหร่านซึ่งมีที่ตั้งและความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย จึงมีตำแหน่งที่ไม่เหมือนใครในการมีส่วนสนับสนุนความปลอดภัยของทางน้ำ เช่น ช่องแคบฮอร์มุซ คนอื่นๆ สามารถมีบทบาทนำในการรักษาความปลอดภัยของคลองสุเอซและบับอัลมันดาบได้ ความพยายามเพื่อสันติภาพฮอร์มุซหรือ HOPE ซึ่งอิหร่านแนะนำเมื่อเกือบห้าปีที่แล้ว ถือเป็นตัวอย่างที่สำคัญของความคิดริเริ่มระดับภูมิภาคที่มุ่งส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในชุมชนฮอร์มุซ โดยนำรัฐต่างๆ จำนวนมากมารวมกัน ข้อเสนอนั้นสามารถได้รับชีวิตใหม่ภายใต้ MWADA โดยหลักแล้ว

เนื่องมาจากความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างมากระหว่างอิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดีอาระเบียในปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นสองมหาอำนาจที่มีอิทธิพลมากที่สุดในภูมิภาค จะมีบทบาทสำคัญ การส่งเสริมความสามัคคีและภราดรภาพระหว่างชาวมุสลิมชีอะห์และซุนนี จะทำให้เราสามารถต่อต้านลัทธิหัวรุนแรงและความขัดแย้งทางนิกายที่เคยทำให้ภูมิภาคนี้ไร้เสถียรภาพมาโดยตลอด

การทำงานเพื่อให้ภูมิภาคปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์และฟื้นคืนข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน (JCPOA) เป็นองค์ประกอบสำคัญของวิสัยทัศน์นี้ แนวทางนี้ไม่ควรแก้ไขเฉพาะการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพ กรอบ MWADA ควรให้ความสำคัญกับความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม การจัดการน้ำ การต่อต้านการก่อการร้าย และแคมเปญสื่อที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกัน

บทบาทของอิหร่าน เช่นเดียวกับผู้เข้าร่วมชาติอื่น ๆ อิหร่านจะมีบทบาทที่ขาดไม่ได้ ในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ประเทศของผมได้แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความสามารถในการพึ่งพาตนเองอย่างน่าทึ่งในด้านความปลอดภัยและการป้องกันประเทศ สามารถอยู่รอดและเติบโตได้ ไม่เพียงแต่โดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังได้รับแรงกดดันจากมหาอำนาจนอกภูมิภาคอีกด้วย การรับรู้ที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าอิหร่านจะสูญเสียอาวุธในภูมิภาคนี้มาจากการสันนิษฐานที่ผิด ว่าอิหร่านมีความสัมพันธ์แบบตัวแทน-อุปถัมภ์กับกองกำลังต่อต้าน การต่อต้านมีรากฐานมาจากการที่อิสราเอลยึดครองดินแดนอาหรับ การทำลายล้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม การแบ่งแยกสีผิว การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการรุกรานเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง มีอยู่ก่อนการปฏิวัติอิหร่านในปี 1979 และจะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่สาเหตุหลักยังคงอยู่ การพยายามโยนความผิดให้อิหร่านอาจทำให้แคมเปญประชาสัมพันธ์ถูกตัดขาด แต่จะขัดขวางการแก้ไขปัญหา

เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ อิหร่านต้องเผชิญกับความท้าทายและความผิดพลาดมากมาย ประชาชนอิหร่านซึ่งต้องเสียสละอย่างมากมาย พร้อมที่จะก้าวเดินอย่างกล้าหาญด้วยความอดทนและความมั่นใจ การเปลี่ยนแปลงจากมุมมองที่เน้นภัยคุกคามไปสู่มุมมองที่เน้นโอกาสนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่ประธานาธิบดี Pezeshkian (และผมเอง) วางไว้ระหว่างแคมเปญหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในอิหร่านเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว

MWADA ท้าทายให้เราจินตนาการถึงภูมิภาคใหม่ที่ไม่ใช่เป็นสนามรบ แต่เป็นศูนย์กลางของ มิตรภาพ และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือการแสวงหาโอกาสร่วมกันและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน สิ่งสำคัญคือต้องมีส่วนร่วมในการสนทนาที่มีความหมายและตรงไปตรงมา ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถสร้างอนาคตที่กำหนดโดยความร่วมมือ การพัฒนาร่วมกันและยั่งยืน ความยุติธรรมทางสังคมและสวัสดิการ และความหวังใหม่

การเปลี่ยนแปลงเอเชียตะวันตกให้กลายเป็นประภาคารแห่งสันติภาพและความร่วมมือ ไม่ใช่เพียงแค่ความปรารถนาในอุดมคติเท่านั้น แต่ยังเป็นทั้งความจำเป็นเชิงกลยุทธ์และเป้าหมายที่บรรลุได้ซึ่งต้องการเพียงความมุ่งมั่น การสนทนา และวิสัยทัศน์ร่วมกัน MWADA สามารถเป็นแพลตฟอร์มแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ เราควรคว้าโอกาสนี้ไว้เพื่อสร้างเอเชียตะวันตกที่มั่นคง มั่งคั่ง และสงบสุข ซึ่ง ความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ และความร่วมมือจะเข้ามาแทนที่ความขัดแย้งและความแตกแยก พวกเราในรัฐบาลของแต่ละรัฐจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้เพื่อเริ่มมองไปยังอนาคตแทนที่จะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับอดีต และถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงมือทำกันอย่างจริงจังเสียที

‘กลุ่มบริกส์’ ออกแถลงการ!! ทำงานแบบพหุภาคี เพื่อการพัฒนา ย้ำ!! เป็นครอบครัวเดียวกัน ช่วยกันพัฒนา เพื่อให้โลกมั่นคง

(29 ธ.ค. 67) ผลการดำเนินงานของประเทศรัสเซียในฐานะประธานกลุ่มบริกส์

ในปี 2567 ประเทศรัสเซียได้เป็นประธานของกลุ่มบริกส์ โดยมีความตั้งใจในการทำงานร่วมกับสมาชิกกลุ่มไว้ว่า จะเสริมสร้างการทำงานแบบพหุภาคีเพื่อการพัฒนาและทำให้โลกนั้นมีความมั่นคงและยุติธรรม” เพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาของผู้เข้าร่วมทั้งหมด นำไปสู่การทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ มีความเคารพซึ่งกันและกัน มีความเท่าเทียมและสามารถเลือกวิธีการในการพัฒนาตัวเองได้อย่างมีอิสระ

ในปีนี้เราได้ทำงานในรูปแบบใหม่และได้ขยายขอบเขตการทำงานออกไปมากยิ่งขึ้น รัสเซียในฐานะประธานของกลุ่มบริกส์ ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้สมาชิกใหม่เข้าถึงความเป็นครอบครัวของบริกส์ ได้อย่างรวดเร็วและเรียบง่ายที่สุด เพื่อให้สมาชิกใหม่ได้บรรลุในผลประโยชน์ร่วมกันและเคารพกันและกัน ทุกคนได้เสนอแนวคิดและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์และมีแนวโน้มที่ดีในอนาคตทั้งทางด้าน

การเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงการติดต่อด้านมนุษยธรรมระหว่างกัน 
ในระหว่างการทำงานของรัสเซียในฐานะตำแหน่งประธานของกลุ่มบริกส์ได้มีการจัดงานขึ้นมากกว่า 250 งานและหลากหลายระดับ ซึ่งได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนเข้าร่วม เรายังได้จัดงานสาธารณะขึ้นมาอีกมากมาย เช่น เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติของกลุ่มบริกส์ การสัมมนาวิชาการบริกส์ภายใต้คำขวัญว่าผู้เล่นใหม่บนกระดานหมากรุกโลก นอกจากนั้นยังมีโรงเรียนสอนละครบริกส์และการประชุมด้านธุรกิจบริกส์ ครั้งที่ 8 ที่ดำเนินไปอย่างสร้างสรรค์ 

ได้มีการประชุมในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศบริกส์ที่ได้รับเกียรติจากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยเข้าร่วมงานเมื่อวันที่ 10 – 11 มิถุยายน 2567 ณ เมืองนิจนีนอฟโกรอด ประเทศรัสเซีย นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า 80 กว่าประเทศ (รวมประเทศไทย) ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาของกลุ่มบริกส์ ณ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้เข้าร่วมการประชุมพรรคการเมืองระหว่างประเทศครั้งแรกในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยมีพรรคการเมืองต่าง ๆ จากกลุ่มบริกส์และประเทศพันธมิตรกว่า 40 พรรคการเมืองในเดือนมิถุนายน ณ เมืองวลาดิวอสต็อก ประเทศรัสเซีย

ในภาพรวมรัสเซียเข้าร่วมประชุมร่วมกับหน่วยงานอัยการ หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวของบริกส์ การประชุมสร้างสรรค์เรื่องเมืองฝาแฝดและระบบเทศบาลของบริกส์ การประชุมกับหน่วยงานที่ทำงานบริการฉุกเฉิน  การประชุมด้านรัฐสภาบริกส์ครั้งที่ 10 (เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก การประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านการตรวจสอบสูงสุด การประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการสื่อสาร รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวหน้าหน่วยงานศุลกากร หัวหน้าหน่วยงานด้านภาษี หัวหน้าหน่วยงานมาตรฐานแห่งชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย

ประเทศรัสเซียได้เป็นประธานของการประชุมสุดยอดสื่อมวลชนบริกส์ การประชุมกลุ่มสตรีของบริกส์ ครั้งที่ 1 การประชุมด้านการทำงานดิจิทัลของบริกส์ การประชุมสุดยอดด้านแฟชั่นในบริกส์พลัส และการประชุมของสภาธุรกิจของบริกส์ประจำปี 

รัสเซียในฐานะประธานของกลุ่มยังได้เน้นการปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น ได้มีการจัดการประชุมในระดับเทศบาล การอภิปรายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของประชาชน และวิธีการต่างๆ ของคณะกรรมการของเมืองต่าง ๆ จัดการกับปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนของตน 

กิจกรรมที่มีความสำคัญมากที่สุดของบริกส์ในปีนี้ คือ การประชุมสุดยอดบริกส์ ณ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซียระหว่างวันที่ 22 – 24 ตุลาคม 2567 และการประชุมครั้งนี้ได้ถือเป็นนิมิตหมายใหม่ของการพัฒนากลุ่มบริกส์ ซึ่งในการประชุมได้มีคณะผู้แทนจาก 35 ประเทศในโลกเข้าร่วม รวมถึง 6 องค์การระหว่างประเทศ การที่มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศต่าง ๆ ที่ต้องการดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างมีอิสระและมีอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง คณะผู้แทนของแต่ละประเทศได้มีความปรารถนาร่วมกันในการเสริมสร้างการทำงานร่วมกันในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงประเด็นด้านระบบการเงินระดับโลก การต่อสู้กับภัยคุกคามใหม่ ๆ เช่น การก่อการร้าย การทุจริตคอร์รัปชัน การค้ายาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น

ปฏิญญาคาซานของบริกส์ได้สรุปผลการอภิปรายเอาไว้แล้วและได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมทั้งหมดในการสร้างระเบียบโลกใหม่ที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น มีความครอบคลุมเพิ่มมากขึ้นและเป็นระบบที่มีหลายขั้วอำนาจและยึดการทำงานตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรของสหประชาชาติ ต่อต้านการคว่ำบาตรที่ไม่ชอบธรรม

ในการประชุมสุดยอดบริกส์ครั้งนั้นได้มีการกำหนดแนวทางร่วมกันในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กรโดยการเพิ่มการทำงานร่วมกันในลักษณะรัฐคู่ค้า (Partner States) ของกลุ่มบริกส์

เจตนารมณ์ของกลุ่มบริกส์ได้แสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาการเจรจากับประเทศต่าง ๆ ของโลกในรูปแบบของการเข้าถึง/บริกส์พลัส (Outreach/BRICS Plus Format) และเราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปของบริกส์ในฐานะของผู้เล่นชั้นนำบนเวทีโลก

กลุ่มบริกส์ยังได้สร้างผลงานความสำเร็จอื่นๆ อีก ได้แก่ การริเริ่มสร้างการแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ธัญพืช การจัดตั้งระบบด้านเทคโนโลยีและการลงทุนใหม่ๆ การจัดตั้งกลุ่มเพื่อการพัฒนาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ทั้งหมดมีแนวโน้มที่ดีในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม การดำเนินงานในโครงการใหม่ ๆ ด้านพลังงาน การขนส่งโลจิสติกส์ เทคโนโลยีขั้นสูง การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ในด้านวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และกีฬา การติดต่อกันระหว่างสังคมและกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่และอีกหลายๆ ด้านที่กำลังส่งเสริมและพัฒนา

ในการประชุมสุดยอดที่เมืองคาซานนั้น เราสามารถยืนยันได้ว่าการประชุมของกลุ่มบริกส์ไม่ใช่การประชุมในรูปแบบปิด แต่ได้เปิดกว้างสำหรับทุกคนที่มีแนวคิดค่านิยมเดียวกันกับกลุ่มบริกส์ โดยสมาชิกนั้นพร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ต้องได้รับการออกคำสั่งจากภายนอกที่จะกำหนดในแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่แคบมากจนเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มบริกส์จะล้มเหลวจากที่ได้เห็นแนวโน้มความต้องการของโลกที่เพิ่มขึ้นในการสร้างความร่วมมือกันในระดับนี้ 

กลุ่มบริกส์มีบทบาทสำคัญในการสร้างระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งหมดของสมาชิกบริกส์ เรามีประชากรรวมกันประมาณ 3,640 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 45 ของประชากรโลก

ปัจจุบันบริกส์มีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญและเป็นภารกิจหลักนั่นคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพของโลกเพื่อป้องกันการเกิดขึ้นอีกของสงครามโลก เราเชื่อว่าเป็นไปได้ในการทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ 

ผลการดำเนินงานในปีนี้จะเป็นรากฐานของความมั่นคงสำหรับความร่วมมือที่ดีในอนาคต ต่อไปรัสเซียจะส่งมอบตำแหน่งประธานของบริกส์ให้กับประเทศบราซิลและเราขออวยพรให้ประเทศพันธมิตรบราซิลของเราประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานในฐานะประธานกลุ่มบริกส์ในปีหน้านี้

‘เยาวภา แสงจันทร์’ บล็อกเกอร์สาวไทย เยือน!! 'ฉงชิ่ง' เมืองภูเขา ชี้!! ทีเด็ด ‘หม้อไฟหมาล่า – ผู้ชายหน้าตาดี – บินตรงแค่สามชั่วโมง’

(28 ธ.ค. 67) แม้อากาศจะเย็นยิ่งขึ้นตามการลดลงของอุณหภูมิในฤดูหนาว แต่พื้นที่ชมวิวริมแม่น้ำเจียหลิงในมหานครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ยังคงมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเดินเล่นกันอย่างคึกคัก เพื่อรอชมภาพขบวนรถไฟทะลุตึกสูงด้วยตาตัวเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ‘เยาวภา แสงจันทร์’ หรือ ‘หลี่เพ่ยอิง’ บล็อกเกอร์สาวสายท่องเที่ยวจากไทย

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ สถานีหลีจื่อป้าของทางรถไฟรางเบาในฉงชิ่งกลายเป็นแลนด์มาร์กชื่อดังบนโลกโซเชียล ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติมาเช็กอินจุด ‘รถไฟทะลุตึก’ กันเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับ ‘ประวิตร’ ชาวไทยที่เผยว่าการมาเที่ยวฉงชิ่งเหมือนแกะกล่องสุ่ม ที่นี่มีภูมิประเทศแบบภูเขาและตึกสูงเรียงรายซับซ้อนชวนให้ประหลาดใจได้เสมอยามเดินสำรวจ

จีนได้ปรับปรุงนโยบายวีซ่าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2024 พร้อมยกระดับความสะดวกสบายด้านการชำระเงิน ภาษา การเดินทาง ฯลฯ เพื่อผลักดันให้ ‘ไชน่า ทราเวล’ (China Travel) หรือ ‘ท่องเที่ยวจีน’ กลายเป็นคำศัพท์ฮิตในตลาดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เมื่อไม่นานนี้ จีนประกาศการผ่อนปรนนโยบายเดินทางผ่าน (transit) แบบฟรีวีซ่า ขยายระยะเวลาพำนักที่ได้รับอนุญาตของนักเดินทางชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์จากเดิม 72 และ 144 ชั่วโมง เป็น 240 ชั่วโมง หรือ 10 วัน และสามารถเดินทางข้ามมณฑลได้ทั่ว 24 มณฑล เขตปกครอง และเทศบาลนคร

กระแส ‘ไชน่า ทราเวล’ หรือ ‘ท่องเที่ยวจีน’ ที่ติดลมบนได้เปิดประตูบานใหม่ในการทำความเข้าใจจีน ทำให้ชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยหลงรักการเดินทางท่องเที่ยวจีน ดังเช่น ‘ใจดี’ และเพื่อนๆ ของเธอ ซึ่งเดินทางเยี่ยมชมผาหินแกะสลักต้าจู๋ แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในฉงชิ่ง เล่าว่าพระพุทธรูปแกะสลักที่นี่แตกต่างกับที่ไทย ทำให้ถ่ายรูปออกมาสวยงามมาก

ข้อมูลจากเอเจนซีการเดินทางท่องเที่ยวท้องถิ่นฉงชิ่งพบว่านอกจากย่านใจกลางเมืองแล้ว นักท่องเที่ยวชาวไทยยังชื่นชอบแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมนอกตัวเมือง เช่น ผาหินแกะสลักต้าจู๋ และระบบชลประทานตูเจียงเยี่ยนของซื่อชวน (เสฉวน) ที่ซึ่งพรั่งพร้อมด้วยมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิทัศน์ธรรมชาติเป็นเอกลักษณ์ มอบประสบการณ์แปลกใหม่แก่นักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ฉงชิ่งยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยแม้ล่วงเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว โดยข้อมูลสถิติจากซีทริป (Ctrip) พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางเยือนฉงชิ่ง ช่วงเดือนมีนาคม-พฤศจิกายนของปี 2024 เพิ่มขึ้นราวสามเท่าเมื่อเทียบปีต่อปี เนื่องด้วยอานิสงส์จากข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างจีนกับไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ร่วมกันตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2024

เยาวภา แสงจันทร์ หรือหลี่เพ่ยอิง บล็อกเกอร์สาวไทย เสริมว่าเหตุผลที่ฉงชิ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยคือการเป็นบ้านเกิดของ ‘เซียวจ้าน’ ผู้ชายที่หล่อที่สุดของจีนตามความเห็นของชาวเน็ตจีน โดยเซียวจ้านเป็นดาราจีนที่มีแฟนคลับชาวไทยอยู่มาก และอีกเหตุผลคือ ‘หม้อไฟหมาล่า’ รสชาติเผ็ดร้อนถูกปากชาวไทยสายแซ่บ

ปัจจุบันที่เข้าใกล้ช่วงหยุดยาวปีใหม่สากลและเทศกาลตรุษจีนของจีน สายการบินบางส่วนในฉงชิ่งได้เริ่มเพิ่มความถี่ของเที่ยวบินโดยสารแบบไปกลับไทย ซึ่งเยาวภาเชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางฉงชิ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะแค่มี ‘พาสปอร์ตหนึ่งเล่ม’ บวกกับ ‘บินตรงสามชั่วโมง’ ก็สามารถมาสำรวจ ‘เมืองภูเขา’ แห่งนี้ได้แล้ว

มหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ ส่อแวว!! เผชิญปัญหาการเงิน ชี้!! ‘ฮาร์วาร์ด’ ก็อาจไม่รอด หากไม่รีบปรับตัว แก้ไขวิกฤต

(28 ธ.ค. 67) บรรดามหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ กำลังประสบปัญหาเรื่องเงิน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสิ่งที่พวกเขาก่อขึ้นเอง ขณะวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนที่มีขนาดเล็กกว่ากำลังตัดลดพนักงานและโครงการต่าง ๆ ซึ่งจำนวนมากต้องปิดตัวลงฉับพลัน

รายงานยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่มีความเก่าแก่ 400 ปี เผชิญความไม่แน่นอนว่าจะอยู่รอดถึงปีที่ 500 หรือไม่ โดยปัญหาทางการเงินที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พรมอาจผุดโผล่ขึ้นมา หากตลาดกระทิง (bull market) หยุดชะงัก และโดยเฉพาะหากมีการประกาศใช้นโยบายที่เสนอโดยรัฐบาลภายใต้ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ริชาร์ด เอนนิส ที่ปรึกษาทางการลงทุนระดับอาวุโส มองว่าต้นทุนที่สูงและ ‘ความคิดว่าตนเหนือกว่าอันล้าสมัย’ ได้ขัดขวางความก้าวหน้าของกองทุนสะสมทรัพย์ของกลุ่มมหาวิทยาลัยไอวี ลีก (Ivy League) ซึ่งอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 นับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008 หากลงทุนในหุ้นและกองทุนผสมแบบดั้งเดิม

ส่วนสองนโยบายของรัฐบาลทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของกลุ่มไอวี ลีก ยิ่งขึ้น โดยนโยบายหนึ่งเป็นการเก็บภาษีเงินได้ร้อยละ 1.4 ตามกฎหมายลดหย่อนภาษีและการจ้างงาน ปี 2017 สำหรับกองทุนสะสมทรัพย์มูลค่ามากกว่า 5 แสนดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17 ล้านบาท) ต่อนักศึกษาในสถานศึกษาที่มีผู้เรียนมากกว่า 500 คน

รายงานเสริมว่ากฎเกณฑ์ด้านวีซ่าอาจทำให้เป็นเรื่องยากขึ้นหรือไม่ดึงดูดใจนักศึกษาชาวต่างชาติมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยนักศึกษาชาวต่างชาติมักไม่ค่อยได้รับความช่วยเหลือ และสถานการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยแรกของโดนัลด์ ทรัมป์

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม แถลง!! ผลการหารือกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เผย!! พูดคุยประเด็นสำคัญในภูมิภาค เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การสร้างสันติภาพในภาคใต้

นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม เปิดใจเชื่อ ความเจนจัดของอดีตผู้นำไทย ดร.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีเครือข่ายกว้างขวางไปทั่วภูมิภาคจะเป็นประโยชน์ต่อ 'มาเลเซีย' ที่กำลังจะนั่งในตำแหน่งประธานอาเซียนแบบหมุนเวียนคนใหม่ในปี 2025

และเสริมว่า ผู้นำทั้งสองพบกันในวันพฤหัสบดี (26) โดยบลูมเบิร์กกล่าวว่า ประเด็นการหารือประกอบไปด้วยประเด็นสำคัญของภูมิภาค รวมไปถึงการเสริมสร้างสันติภาพในภาคใต้ของไทยและต่อวิกฤตพม่า

“เครือข่ายความสัมพันธ์ที่ไม่มีใครเทียบเคียงของคุณทักษิณไปทั่วทั้งภูมิภาคพร้อมไปด้วยความเชี่ยวชาญที่พิเศษที่โดดเด่นของเขานั้นเป็นเสมือนการสัญญาต่อโอกาสที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับทั้งมาเลเซียและอาเซียน เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายด้วยความเชื่อมั่นและความสามารถที่มากขึ้น” 

อันวาร์ซึ่งเรียกอดีตนายกฯ ไทยว่า ‘เพื่อนรัก’ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความรู้สึกวิตกต่อปัญหาทางกฎหมายและการเมืองในไทยที่รุมล้อมอดีตผู้นำไทยที่ต้องลี้ภัยทางการเมืองนาน 15 ปีจากการโดนทำรัฐประหาร ซึ่งมีประวัติทำความผิดคอร์รัปชันและสามารถรอมชอมกับทหารได้ ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษในเวลาต่อมา

และหลังจากที่นายกฯ อันวาแต่งตั้งทักษิณเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนในฐานะหนึ่งในที่ปรึกษาส่วนตัวในการนั่งทำหน้าที่เป็นประธานอาเซียนครั้งแรกกลับพบกับเสียงวิจารณ์จากทั้งในไทยและในมาเลเซีย และรวมไปสื่อนอกเช่น รอยเตอร์

มีการหยิบยกการเปรียบเทียบให้เห็นเหมือนเมื่อครั้งการได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและความสัมพันธ์กับฮุนเซน ย้อนให้นึกถึงครั้งที่ ทักษิณ ได้รับการแต่งตั้งจากฮุนเซน ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของรัฐบาลกัมพูชา แต่หลังจากนั้นไม่นานทักษิณประกาศลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างของฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากกัมพูชามีข้อพิพาททางทะเลกับไทยในเรื่องเกาะกูด

ขณะที่ฝ่ายค้านมาเลเซียเองออกมาถามอาเซียนจะได้ประโยชน์จริงหรือและจะเสริมภาพลักษณ์ของอันวาร์ได้อย่างไร ซัดตั้งคนที่ถูกพิพากษาจำคุกฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ทำไมไม่ตั้งนักการทูตหรือนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านต่างประเทศ ด้าน ‘ดร.มหาเธร์’ งง ทำไมเลือกทักษิณ ทั้งที่มีคนอื่นมากมาย

ซึ่งการพบกันระหว่าง 2 ผู้นำมาเลเซีย-ไทยนี้เป็นที่จับตาเป็นวงกว้างโดยเฉพาะจากโลกตะวันตก เกิดขึ้นหลังสื่อ TASS ของรัสเซียรายงานวันพุธ (25) เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยได้ตอบรับการเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS (BRICS partner country) ซึ่งเป็นก้าวที่จะนำไปสู่การเป็นสมาชิกเต็มตัวในอนาคต

กลายเป็นคำถามให้ผู้เชี่ยวชาญว่า กลุ่มอาเซียน 10 ชาติซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 1967 นี้จะยังคงวางตัวเป็นกลางอย่างไรในเมื่อ 3 ชาติจากทั้งหมดได้แก่ มาเลเซีย ซึ่งกำลังจะเป็นประธานอาเซียน รวมไทย ที่มีอดีตนายกฯ นั่งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของประธานอาเซียน และอินโดนีเซียนั้นกำลังจะเป็นหุ้นส่วนกับรัสเซีย-จีนผ่านกลุ่ม BRICS

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า นักวิเคราะห์ต่างชี้ว่า ในฐานะเป็นประธานอาเซียน อันวาร์และมาเลเซียจะผงาดบนเวทีโลกในฐานะชาติมหาอำนาจตัวกลาง (middle power) โดยในการจำกัดความที่หมายถึงประเทศที่ยังไม่มีอิทธิพลโดดเด่นในฐานะชาติมหาอำนาจโลก เช่น สหรัฐฯ จีน รัสเซีย แต่ถูกพิจารณาว่ามีอิทธิพลในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

การทูตของนายกฯ อันวาร์รวมถึงการไปเยือนอเมริกาใต้เพื่อประชุมเอเปกและการประชุม G-20 สะท้อนถึงการสร้างที่ยืนของมาเลเซียและเขาบนเวทีโลกและแผนสำหรับการนำอาเซียนในปี 2025

เรดิโอฟรีเอเชียชี้ว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มักจะย้ำเสมอในการให้สำคัญต่ออาเซียนและกลไกของอาเซียนต่อเป้าหมายในการทำให้มีความเหมาะสมมากขึ้นสำหรับความพยายามอย่างเคลื่อนไหวภายในโลกขั้วใต้ (Global South) ซึ่งโลกขั้วใต้นี้ปักกิ่งได้ประกาศแสดงความเป็นผู้นำ

และเป็นเสมือนสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำแดนเสือเหลืองที่ต้องทำให้มั่นใจว่า กลุ่มอาเซียนจะไม่เพียงแต่เป็นกลาง แต่ต้องถูกมองให้เป็นเช่นนั้นด้วย ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Matthijs van den Broek แสดงความเห็น

และเสริมว่า ในขณะที่ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาข่มขู่ว่าจะตั้งกำแพงภาษีสูงลิ่วต่อประเทศใดๆ ที่เขาเชื่อว่ากำลังเป็นศัตรูกับดอลลาร์สหรัฐ หลังกลุ่ม BRICS วางแผนจะตั้งสกุลเงินใหม่ของตัวเอง

ทั้งจีนและสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีการซื้อขายต่างชาติระดับต้นและเป็นพันธมิตรทางการลงทุน ดังนั้นแล้ว มาเลเซียในฐานะประธานต้องเพิ่มความสามารถทางการทูตของตัวเองเพื่อไม่ให้มีการทำให้รู้สึกทอดทิ้งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

จีนเผยโฉมเรือยกพลขึ้นบกลำใหม่ ‘ซื่อชวน’ เพิ่มขีดความสามารถสู้รบในน่านน้ำระยะไกล

จีนได้จัดพิธีเปิดตัวเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกไทป์ 076 รุ่นใหม่ลำแรกในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งถูกตั้งชื่อตามมณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ โดยเรือลำใหม่ที่พัฒนาขึ้นเองนี้มีหมายเลขตัวเรือเป็นเลข 51

(27 ธ.ค.67) รายงานระบุว่าเรือซื่อชวนมีระวางขับน้ำเต็มพิกัดกว่า 40,000 ตันโครงสร้างเก๋งเรือแบบเกาะคู่ ดาดฟ้าเรือเต็มความยาว และใช้เทคโนโลยีเครื่องดีดส่งและอุปกรณ์จับกุมแบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันเป็นนวัตกรรมใหม่ ช่วยให้สามารถบรรทุกอากาศยานปีกตรึง เฮลิคอปเตอร์ และอุปกรณ์สะเทินน้ำสะเทินบก

เจ้าหน้าที่กองทัพเรือจีนเผยว่าเรือซื่อชวนเป็นเรือโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกรุ่นใหม่ของกองทัพเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีน มีบทบาทสำคัญต่อการเดินหน้าการพัฒนาของกองทัพเรือและการเพิ่มพูนขีดความสามารถทางการสู้รบในน่านน้ำทะเลอันไกลโพ้น

ทั้งนี้ เรือซื่อชวนจะต้องผ่านบททดสอบรายการต่าง ๆ ตามแผน ทั้งการทำงานของอุปกรณ์ การจอดเทียบ และการล่องทะเล


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top