Tuesday, 1 July 2025
WORLD

'ทรูโด' ลาออกนายกแคนาดา หลังคะแนนนิยมร่วง สมาชิกพรรคไม่หนุน

(6 ม.ค. 68) นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังดำรงตำแหน่งมานานเกือบ 10 ปี โดยเขาเผชิญกับกระแสความไม่พอใจจากประชาชนเกี่ยวกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัญหาราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งทะยาน นอกจากนี้ แคนาดายังประสบวิกฤตผู้อพยพและปัญหาความวุ่นวายภายในรัฐบาล ซึ่งเห็นได้จากการลาออกอย่างกะทันหันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ พรรคฝ่ายค้านถึง 3 พรรคได้ประกาศชัดเจนว่าจะร่วมกันลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลในการประชุมสภาครั้งหน้า

นายทรูโดระบุว่า เขาจะยุติบทบาทนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีนิยมคนใหม่เสร็จสิ้น โดยยืนยันว่าเขาไม่สามารถทำหน้าที่หัวหน้าพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้ เนื่องจากความขัดแย้งภายในพรรค

“ผมไม่ใช่คนที่ยอมถอยง่ายๆ โดยเฉพาะในเรื่องที่มีความสำคัญต่อพรรคและประเทศชาติ” ทรูโดกล่าวในแถลงการณ์ “แต่ผมเชื่อว่าผมได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อประชาชนและส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอย่างเต็มที่แล้ว ผมเชื่อมั่นว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะสานต่อคุณค่าและอุดมการณ์ของพรรคเสรีนิยมเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป”

ความเห็นจากพรรคเสรีนิยมและฝ่ายค้าน

นายซาชิต เมห์รา ประธานพรรคเสรีนิยม กล่าวขอบคุณนายทรูโดสำหรับบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศด้วยนโยบายสำคัญ เช่น นโยบายดูแลเด็กในราคา 10 ดอลลาร์ต่อวัน โครงการดูแลสุขภาพฟัน และแผนการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมระบุว่า พรรคจะจัดการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าคนใหม่ในสัปดาห์หน้า

ด้านนายปิแอร์ ปัวลีแวร์ ผู้นำพรรคอนุรักษนิยม โพสต์วิดีโอบน X (เดิมชื่อ Twitter) ระบุว่า “ชาวแคนาดารู้สึกเหมือนได้หลุดพ้นจากยุคมืด” พร้อมตำหนิผู้สมัครรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีนิยมว่าเป็นผู้ร่วมมือกับทรูโดในการทำลายประเทศในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน นายจักมีต ซิงห์ ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์ใหม่ กล่าววิจารณ์ว่า “ไม่สำคัญว่าใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคเสรีนิยม เพราะพวกเขาทั้งหมดจะทำให้ประชาชนผิดหวัง พรรคเสรีนิยมไม่ควรได้รับโอกาสอีกต่อไป”

การลาออกของทรูโดนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเวทีการเมืองแคนาดา ซึ่งต้องจับตาดูว่าพรรคเสรีนิยมจะสามารถฟื้นตัวและนำพรรคเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไปได้หรือไม่

นักวิทย์จีนตั้งชื่อแมงมุมชนิดใหม่ 16 สายพันธุ์ ตามเพลงฮิตของนักร้องดัง 'เจย์ โชว์'

(6 ม.ค. 68) เจย์ โชว์ (Jay Chou) หรือ โจวเจี๋ยหลุน เป็นนักร้องป๊อปชื่อดังชาวจีนที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรี เขาคือผู้สร้างสรรค์ผลงานเพลงที่ถ่ายทอดความโรแมนติก ความคิดถึงวันวาน และเสน่ห์ของวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม อย่างไรก็ตามหากแฟนๆ เปิดฟังเพลงของเขาในช่วงนี้ อาจจะนึกถึงสิ่งใหม่ๆ อย่างเช่น “แมงมุม”

งานวิจัยวิทยาศาสตร์ฉบับล่าสุดที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนเพลงชาวจีน จากการตั้งชื่อแมงมุมสายพันธุ์ใหม่ 16 สายพันธุ์ตามชื่อเพลงที่โด่งดังของนักร้องวัย 45 ปีรายนี้

แมงมุมสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้ซึ่งถูกจัดอยู่ใน 6 สกุล ได้รับการค้นพบที่สวนพฤกษศาสตร์เขตร้อนสิบสองปันนา แห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) ในมณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ จวบจนถึงปัจจุบัน จีนพบแมงมุมทั้งหมด 920 สายพันธุ์ในสวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ที่มีขนาดใหญ่ 11 ล้านตารางเมตร และได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่มีความหลากหลายของสายพันธุ์แมงมุมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ชื่อของแมงมุมเหล่านี้ได้แก่ “อันจิ้ง” (Silence-เงียบสงบ), “หลงเฉวียน” (Dragon Fist-หมัดมังกร), “เย่ฉวี่” (Nocturne-บทเพลงแห่งรัตติกาล), “ไฉ่หง” (Rainbow-สายรุ้ง) และ “เต้าเซียง” (Rice Field-นาข้าว) ซึ่งนักวิจัยบันทึกชื่อเหล่านี้ด้วยพินอินในเอกสารภาษาอังกฤษที่ตีพิมพ์ในวารสาร “การวิจัยด้านสัตววิทยา : ความหลากหลายและการอนุรักษ์” (Zoological Research: Diversity and Conservation) เมื่อเดือนธันวาคมของปี 2024

เมื่อถูกถามถึงแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อ หลี่ซูเฉียง หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบันสัตววิทยา แห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีนได้ให้คำตอบที่น่าประทับใจ โดยกล่าวกับนักข่าวซินหัวว่าสมาชิกในทีมของเขาทุกคนที่เกิดช่วงปี 1980-2000 ล้วนเป็นแฟนเพลงตัวยงของนักร้องและนักแต่งเพลงจากไต้หวันรายนี้ “พวกเขาเติบโตมากับการฟังเพลงของเจย์ โจว” หลี่กล่าว พร้อมเสริมว่าทีมงานมักฟังเพลงของเจย์ โจวในเวลาว่าง อันนำไปสู่การตัดสินใจตั้งชื่อสายพันธุ์แมงมุมทั้ง 16 ตามชื่อเพลงของเขา

ส่วนการเลือกชื่อให้แมงมุมแต่ละตัว หลี่เผยว่าไม่ได้ยึดหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด แต่เป็นการสุ่มเลือกโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับลักษณะของแมงมุม

หมี่เสี่ยวฉี ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยถงเหรินในมณฑลกุ้ยโจวผู้เขียนหลักของงานวิจัยชิ้นนี้ ก็เป็นผู้ที่ชื่นชอบในตัวเจย์  โจวเช่นกัน หมี่ในวัยไล่เลี่ยกับเจย์ โจว กล่าวว่าเขาเคยตั้งชื่องานที่ค้นพบจากลักษณะทางกายภาพของสัตว์ แต่ในปี 2022 เนื่องจากชื่อที่เขาตั้งนั้นไปซ้ำกับงานวิจัยชิ้นก่อนหน้าของคนอื่น ทำให้บทความของเขาไม่ได้รับการตีพิมพ์อย่างราบรื่น “ตั้งแต่นั้นมาผมจึงระมัดระวังมากขึ้นในการตั้งชื่อแมงมุม ครั้งนี้ผมจึงเลือกวิธีตั้งชื่อที่แตกต่างออกไปเพื่อป้องกันชื่อซ้ำ” หมี่กล่าว

หมี่กล่าวเสริมว่าการตีพิมพ์การค้นพบสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ 16 สายพันธุ์ในวารสารวิชาการพร้อมๆ กันนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนักวิจัยที่มีประสบการณ์หลายปี “ผมคุ้นเคยกับสายพันธุ์แมงมุมทั้งหมด แค่มองแวบเดียวก็สามารถบอกได้ว่าสายพันธุ์นั้นอยู่ในหมวดหมู่ใดและเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือไม่”

ในสายตาของนักวิจัยแมงมุมชาวจีน สายพันธุ์แมงมุมมากมาย อันรวมถึงสายพันธุ์ที่เพิ่งค้นพบนี้ มีลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจ เช่น แมงมุมตัวเมียโตเต็มวัยที่สามารถมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ได้หลายเท่า การค้นพบแมงมุมสายพันธุ์ใหม่จึงสะท้อนถึงความหลากหลายทางชีวภาพของจีน ตลอดจนความสำเร็จในการปกป้องระบบนิเวศ

หลังผลงานวิจัยนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หมี่กล่าวว่าเขารู้สึกพอใจกับความสำเร็จของทีมที่ทำให้ผลงานวิทยาศาสตร์ใกล้ชิดกับสาธารณชนมากขึ้น และหวังว่าผู้คนจะสนใจงานวิจัยของทีมและสนับสนุนการอนุรักษ์ธรรมชาติกันมากขึ้น

ชาวเน็ตจีนในโซเชียลยกให้หมี่เป็น “แฟนตัวพ่อ” ของเจย์ โจว และชมวิธีการตั้งชื่อแมงมุมสายพันธุ์ใหม่ของเขาว่าเป็นวิธีการตามดาราหรือศิลปินที่สุดแสนจะสร้างสรรค์ ขณะที่แฟนๆ ของเจย์ โจวหลายคนยังพบว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักร้องเพลงป๊อบรายนี้มีอิทธพิลต่อแวดวงวิทยาศาสตร์ เพราะเมื่อปี 2020 มีนักศึกษาปริญญาโทจากสถาบันธรณีวิทยาและบรรพชีวินวิทยาหนานจิง ได้ค้นพบไทรโลไบต์ (กลุ่มของสัตว์ทะลขาปล้อง) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ อายุประมาณ 500 ล้านปี และตั้งชื่อมันว่า “แฟนตาซี”  (Fantasy) เนื่องจากได้รับแรงบันดาลใจจากอัลบั้มที่สองของเจย์  โจว โดยนักวิจัยผู้นี้บอกกับสื่อว่าการตั้งชื่อดังกล่าวเป็นวิธีสุดโรแมนติกในการแสดงความยกย่องไอดอลของตน ขณะที่เมื่อปี 2009 นักดาราศาสตร์สมัครเล่น 4 คน ที่หลงใหลในเพลงของเจย์ โจว ก็ได้ค้นพบดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่งและตั้งชื่อให้มันตามชื่อของเขา

ในแวดวงการวิชาการ การตั้งชื่อสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่หรือชนิดใหม่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาการทั่วไป และยึดถือหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เช่น ชื่อจะต้องไม่ซ้ำกับชื่อของสายพันธุ์ที่มีอยู่เดิม และไม่ควรก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือความขุ่นเคืองใจ

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีพื้นที่สำหรับ “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะการผสมผสานวิทยาศาสตร์เข้ากับความเป็นมนุษย์เป็นแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมในหมู่นักวิจัยทั่วโลก โดยเฉพาะนักวิจัยรุ่นใหม่ที่มีความสร้างสรรค์ในการตั้งชื่อ

ระหว่างการสำรวจใต้ทะเลลึกในปี 2019 นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแอมฟิพอด (Amphipod) หรือสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดจิ๋วในทะเลลึกชนิดใหม่ และตั้งชื่อมันว่า “โดโรเธีย” (Dorotea) ตามตัวละครที่งดงามและจิตใจดีในนวนิยายระดับโลกเรื่อง “ดอน กิโฆเต้” (Don Quixote) ในทำนองเดียวกัน เมื่อปี 2018 ก็มีหนอนทะเลลึกชนิดหนึ่งที่ถูกตั้งชื่อว่า “โฮดอร์ โฮดอร์” (Hodor hodor) เพื่อยกย่องตัวละครที่ได้รับความนิยมจากซีรีส์แฟนตาซีสัญชาติอเมริกันเรื่องเกมออฟโธรนส์ (Game of Thrones)

หนังสือพิมพ์จีนฉบับหนึ่งแสดงความเห็นว่าการนำเอาองค์ประกอบของเพลงป๊อปมาใส่ในชื่อของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ไม่เพียงแต่เป็นแนวทางที่น่าสนใจ แต่ยังช่วยดึงดูดให้ประชาชนหันมาสนใจวิทยาศาสตร์ และสร้างแรงบันดาลใจให้อยากออกไปสำรวจความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

ปักกิ่งเปิดแผน 'ไมโครดรามาพลัส' ส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรมสู่ชาวโลก

(6 ม.ค. 68) สำนักบริหารวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติจีนเปิดตัวแผนปฏิบัติการไมโครดรามาพลัส (micro drama plus) โดยมีเป้าหมายผสมผสานละครขนาดสั้นออนไลน์หรือไมโครดรามาเข้ากับหลายอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมทางวัฒนธรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ปัจจุบันละครขนาดสั้นออนไลน์ ซึ่งมีจุดเด่นที่การเล่าเรื่องรวดเร็ว มีธีมหลากหลาย และต้นทุนการผลิตที่ไม่สูงมากนัก ได้กลายมาเป็นศิลปะสำคัญรูปแบบใหม่ในภูมิทัศน์วัฒนธรรมของจีน

แผนริเริ่มไมโครดรามาพลัสมุ่งใช้ประโยชน์จากศิลปะรูปแบบนี้เพื่อเสริมสร้างภาคส่วนต่างๆ กระตุ้นความสร้างสรรค์ และเสริมสร้างวัฒนธรรม โดยจะผลิตละครขนาดสั้นออนไลน์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ราว 300 เรื่องในปีนี้

แผนริเริ่มข้างต้นประกอบด้วยหลายโครงการ เช่น “การเดินทางผ่านละครสั้น” ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและการฟื้นฟูชนบทด้วยการผลิตละครสั้นออนไลน์ 100 เรื่องที่เกี่ยวกับสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรม ทิวทัศน์ธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวในเมือง

เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยไกล ตกทะเลญี่ปุ่น คาดยิงโชว์ 'ทรัมป์' ก่อนรับตำแหน่ง

(6 ม.ค. 68) สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า ทางการเกาหลีเหนือได้ทำการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลตกลงในทะเลญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกของปี 2025

ตามข้อมูลจากคณะเสนาธิการร่วม (JCS) ของเกาหลีใต้ ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือยิงในครั้งนี้บินไปได้ไกลถึง 1,100 กิโลเมตร (683.5 ไมล์) ก่อนจะตกลงในทะเลญี่ปุ่น

การยิงขีปนาวุธครั้งนี้เป็นครั้งแรกในปี 2025 และเกิดขึ้นหลังจากการยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้ (SRBM) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา

ขีปนาวุธดังกล่าวตกลงนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวรัฐบาลญี่ปุ่นที่รายงานว่าไม่พบความเสียหายจากเหตุการณ์นี้

หน่วยงานยามชายฝั่งญี่ปุ่นยืนยันว่า เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามทะเลจริง และหลังจากหกนาที หน่วยงานดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์ว่า ขีปนาวุธได้ตกลงแล้ว พร้อมทั้งเรียกร้องให้เรือทุกลำรายงานชิ้นส่วนที่พบ แต่ห้ามเข้าใกล้พื้นที่ดังกล่าว

ทางทหารเกาหลีใต้ได้เพิ่มการเฝ้าระวังและความเข้มงวดในการควบคุม โดยเตรียมพร้อมรับมือกับการยิงขีปนาวุธเพิ่มเติม พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยยังคงรักษาความพร้อมรบเต็มที่ ตามรายงานจากคณะเสนาธิการร่วม (JCS)

การทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้อาจเป็นการแสดงแสนยานุภาพของเกาหลีเหนือ ก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคมนี้

คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้กล่าวว่า “กองทัพยังคงรักษาท่าทีเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ โดยแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวกับขีปนาวุธของเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และญี่ปุ่น พร้อมทั้งเพิ่มการเฝ้าระวังและเตรียมรับมือหากเกิดการยิงขีปนาวุธเพิ่มเติม”

ญี่ปุ่นยังได้ประกาศว่า เกาหลีเหนือได้ยิงสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นขีปนาวุธ ซึ่งคาดว่าวัตถุดังกล่าวได้ตกลงมาแล้ว

การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้ (SRBM) และถือเป็นการยิงครั้งสุดท้ายก่อนที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะออกมา

Leopard 2 สุดยอดรถถังของยุโรป กลายเป็นเศษเหล็ก หลังเผชิญหน้ารถถังรัสเซีย ในสมรภูมิยูเครน

(6 ม.ค. 68) สงครามระหว่างกับรัสเซีย-ยูเครนจะครบ 3 ปี ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ปัจจัยที่ทำให้ยูเครนยังคงสามารถยืนหยัดต่อต้านกองกำลังของรัสเซียได้นั้น ส่วนใหญ่ที่สุดมาจากการสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร NATO สมาชิกองค์การ NATO จำนวนมากมายมหาศาลตั้งแต่อาวุธเบาเช่นปืนเล็กยาว ปืนกล ขีปนาวุธนานาชนิด ปืนใหญ่ รถถัง รถหุ้มเกราะ สารพัดชนิด กระทั่งเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 (จนอาวุธยุทโธปกรณ์ในคลังสำรองของประเทศเหล่านั้นแทบจะหมดเกลี้ยง) อีกทั้งรัสเซียเองก็ไม่ได้ทุ่มสรรพกำลังเต็มที่ในการทำสงครามครั้งนี้ ด้วยยังคงกองกำลังส่วนใหญ่ไว้ในประเทศเพื่อป้องกันประเทศจากการรุกรานของชาติต่าง ๆ ที่เป็นปรปักษ์ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้

รถถังหลัก (Main battle tank : MBT) แบบ Leopard 2 ก็เช่นเดียวกัน รถถังรุ่นนี้ถือเป็นรถถังหลักที่ล้ำหน้าที่สุดรุ่นหนึ่งของโลก ด้วยเชื่อว่า รถถังหลักแบบ Leopard 2 จะเป็นรถถังหลักที่จะช่วยยูเครนเปลี่ยนรูปโฉมของสงครามกับรัสเซียได้ ดังนั้นตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 รัฐบาลยูเครนได้ร้องขอให้ชาติพันธมิตรได้ให้การสนับสนุนด้วยการส่งมอบรถถังหลักแบบต่าง ๆ ที่ผลิตในประเทศตะวันตก ซึ่ง โปแลนด์ ฟินแลนด์ และประเทศอื่น ๆ ต่างประกาศความตั้งใจที่จะสนับสนุนรถถังหลักแบบ Leopard 2 จากคลังสำรองของประเทศเหล่านั้นในเบื้องต้นประมาณ 100 คันให้กับยูเครน อย่างไรก็ตาม เมื่อเยอรมนีส่งออกรถถังไปยังประเทศเหล่านี้ เยอรมนีได้กำหนดให้การส่งออกซ้ำต้องมีเงื่อนไขได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเยอรมนีก่อน จึงเกิดเป็นประเด็นขึ้นมาเมื่อรัฐบาลเยอรมนีพยายามบ่ายเบี่ยงการอนุญาตดังกล่าว อีกทั้งยังเรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาให้คำมั่นในการจัดหารถถัง M1 Abrams ก่อนที่จะส่งรถถังหลักแบบ Leopard 2 ที่ผลิตในเยอรมนีไปยังยูเครน

หลังจากที่ประธานาธิบดี Joe Biden ของสหรัฐฯ ตัดสินใจส่งมอบรถถังหลักแบบ M1 Abrams ให้กับยูเครน เนื่องจากเยอรมนียืนกรานที่จะดำเนินการร่วมกับพันธมิตร NATO ซึ่งการตัดสินใจส่งมอบรถถังหลักแบบ M1 Abrams ให้กับยูเครนของประธานาธิบดี Biden ก่อนหน้านี้เคยถูกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คัดค้านมาแล้ว ปัจจุบัน ยูเครนได้รับมอบรถถังหลักแบบ Leopard 2 รุ่นต่าง ๆ จากชาติพันธมิตร NATO อาทิ เยอรมนี โปแลนด์ นอร์เวย์ แคนาดา สเปน โปรตุเกส กรีซ สวีเดน เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ รวมแล้วกว่า 200 คัน ซึ่งจาการสู้รบที่ผ่านมา Oryx เว็บไซต์ข่าวด้านความมั่นคงของเนเธอร์แลนด์ระบุว่า จากการยืนยันด้วยภาพ รถถังหลักแบบ Leopard 2 ของยูเครนถูกกองกำลังรัสเซียทำลายไปแล้วกว่า 40 คัน เป็น Leopard 2 รุ่น 2A4 จำนวน 21 คัน, 2A6 จำนวน 13 คัน และ Strv 122 จำนวน 7 คัน (Leopard 2 รุ่น 2A5 ของสวีเดน) หรือราว 20% จากที่มีอยู่ และอีกหลายคันทั้งที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์และเศษซากจากการทำลายโดยกองกำลังรัสเซีย ถูกยึดและส่งไปยังสหพันธรัฐรัสเซีย

รถถังหลักแบบ Leopard 2 ทั้งที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์และเศษซากจากการทำลายถูกนำไปตั้งแสดงในอนุสรณ์สถาน Patriot Park และ Leopard 2 ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์คันหนึ่งได้ถูกส่งไปยังโรงงาน UVZ (UralVagonZavod : โรงงานผลิตยานยนต์แห่งเทือกเขาอูรัล) ในเมือง Nizhny Tagil ซึ่งเป็นโรงงานที่มีหน่วยงานวิจัย พัฒนา และผลิตอุปกรณ์ทางการทหาร รวมถึงรถถังหลักและรถบรรทุกรถถังบนรางรถไฟ เพื่อทำการถอดชิ้นส่วนเพื่อทำการศึกษาวิจัยต่อไป นอกจากนั้นแล้ว โรงงาน UVZ เป็นโรงงานรถยนต์ รถบรรทุก เพื่อการเกษตร ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องมือ และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยการผลิตรถถังหลักแบบ T-90 คิดเป็น 18-20% ของการผลิตทั้งหมดของบริษัท 

ในปี 2008 โรงงาน UVZ ผลิตรถถังประมาณ 175 คัน รวมถึง T-90A 62 คันสำหรับกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย และ T-90S 60 คันสำหรับกองทัพบกอินเดีย ซึ่งถือเป็นระดับการผลิตรถถังสูงสุดของโรงงาน UVZ และในรัสเซียโดยรวม ตามรายงานของ Moscow Defense Brief ระบุว่า ในปี 2008 จำนวนรถถังที่บริษัทผลิตได้มากกว่าจำนวนรถถังหลักที่ผลิตโดยประเทศอื่น ๆ ทั่วทั้งโลกรวมกัน และตั้งแต่เดือนธันวาคม 2016 โรงงาน UVZ ได้ถูกโอนไปอยู่ภายใต้ Rostec ซึ่งเป็นวิสาหกิจที่มีลักษณะเป็นบริษัท Holding ของรัฐบาลรัสเซียตามคำสั่งของประธานาธิบดี ในปี 2020 บริษัทรายได้มากถึง 28 พันล้านรูเบิล ในปี 2022 โรงงาน UVZ ถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้มาตรการการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ชาติพันธมิตร และสหภาพยุโรป อันเป็นผลมาจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

รถถังหลักแบบ Leopard 2 ที่มีใช้ในประเทศใกล้บ้านเราได้แก่ สิงคโปร์ (247 คัน) และอินโดนีเซีย (113 คัน) นอกจากรถถังหลักแบบ Leopard 2 แล้ว อาวุธยุทโธปกรณ์ของยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร NATO ทั้งรถถังหลัก (รวมทั้งรถถังหลักแบบ M 1 Abrams ของสหรัฐฯ) รถหุ้มเกราะ นานาชนิด ถูกกองทัพรัสเซียทำลายและยึดเอาไว้เป็นจำนวนมาก โดยรูปแบบของการรบในสงครามครั้งนี้เปลี่ยนโฉมไปมาก เมื่อทั้งสองฝ่ายนำโดรนโจมตี (Attack/Killer drone) เข้ามาปฏิบัติการ ดังนั้นนอกจากจาก เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง ทุ่นระเบิดดักรถถัง และปืนใหญ่รถถังด้วยกันเองแล้ว กำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมากของทั้งสองฝ่ายได้ถูกทำลายโดยโดรนโจมตี ดังนั้นสงครามต่อไปในอนาคตโดรนจะมีบทบาทที่สำคัญในการรบทั้ง การลาดระเวน ตรวจการณ์ ชี้เป้า และโจมตี ฯลฯ 

ยุนซอกยอล มาจากการเลือกตั้ง มีสิทธิ์ได้รับการอารักขาตามกฎหมาย จึงไม่อนุญาตให้หน่วยงานสอบสวนเข้ามาค้นทำเนียบได้

เมื่อวันที่ (5 ม.ค. 68) หน่วยอารักขาประธานาธิบดียืนยัน ‘ยุนซอกยอล’ ยังได้รับสิทธิอารักขาในฐานะประมุขที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่อนุญาตให้สำนักงานสอบสวนฯ เข้ามาในเขตทำเนียบ

พัคชองจุน หัวหน้าหน่วยอารักขาประธานาธิบดี ยุนซอกยอล แถลงข่าวภายหลังศาลยกคำร้องของทนายความประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่กล่าวหาว่าหมายจับนั้นมิชอบด้วยกฎหมาย

พัคชองจุน กล่าวว่า หน่วยอารักขาประธานาธิบดีไม่ได้อนุญาตให้สำนักงานสอบสวนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้ามาในเขตทำเนียบประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 3 มกราคม เพื่อดำเนินการตามหมายจับที่ออกให้กับประธานาธิบดียุน ซ็อก-ย็อล

พัคชองจุน กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยอารักขาประธานาธิบดีไม่มีเจตนาขัดขวางการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานสอบสวน แต่การถอดถอนประธานาธิบดียุน ซ็อก-ย็อลได้ผ่านมติของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว

พัคชองจุน ยืนยันว่า ยุนซอกยอล ยังคงเป็นประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนผู้ทรงอำนาจอธิปไตยของเกาหลีใต้ และยุนยังคงได้รับการอารักขาความปลอดภัยที่เหมาะสมตามบทบัญญัติของกฎหมาย

จัสติน ทรูโด จ่อไขก๊อกลาออก หลังเป็นนายกฯ 9 ปี คาดแถลงในสัปดาห์นี้

(6 ม.ค. 68) สื่อรายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาจะประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีนิยม ซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วที่สุดในวันนี้ (6 มกราคม) ตามเวลาท้องถิ่น ท่ามกลางเสียงเรียกร้องให้ลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคที่เพิ่มมากขึ้น

รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า จัสติน ทรูโด (Justin Trudeau) นายกรัฐมนตรีแคนาดาจะประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีนิยมโดยเร็วที่สุดในวันนี้ (6 มกราคม) หลังจากดำรงตำแหน่งนี้และตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมา 9 ปี นับตั้งแต่ปี 2015 ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพรรคให้ลาออกเพิ่มขึ้น โดยมีการอ้างอิงจากรายงานของเดอะโกลบแอนด์เมลเมื่อวันที่ 5 มกราคม

แหล่งข่าวกล่าวกับเดอะโกลบแอนด์เมล (The Globe and Mail) ว่าสื่อท้องถิ่นว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ทรูโดจะประกาศลาออกเมื่อไร แต่คาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนการประชุมใหญ่ของพรรคที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 8 มกราคมนี้ ซึ่งจะมีการหารือเกี่ยวกับอนาคตของนายทรูโดและอนาคตของพรรค

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า ทรูโดจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที หรือจะยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

หลังจากการรายงานของเดอะโกลบแอนด์เมล แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทรูโดกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ทรูโดมีแนวโน้มที่จะประกาศลาออกมากขึ้น แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย

เสียงเรียกร้องให้ทรูโดลาออกเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่นายกรัฐมนตรีทรูโดพยายามปลดคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดในคณะรัฐมนตรีของเขาออกจากตำแหน่ง เมื่อเธอคัดค้านข้อเสนอของเขาที่จะเพิ่มการใช้จ่าย ต่อมา ฟรีแลนด์ลาออกและเขียนจดหมายกล่าวหาทรูโดว่ามีกลอุบายทางการเมืองแทนที่จะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ

แม้ว่ารัฐบาลแคนาดาจะทุ่มเงินมหาศาลเพื่อปกป้องผู้บริโภคและธุรกิจจนทำให้ขาดดุลงบประมาณเป็นประวัติการณ์ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความโกรธแค้นของประชาชนหายไปได้ เนื่องจากราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น อีกทั้งนโยบายผู้อพยพที่ล้มเหลวทำให้มีผู้คนหลายแสนคนอพยพเข้ามา ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยที่ร้อนแรงอยู่แล้วตึงเครียด

ทรูโด อายุ 53 ปี ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยมในปี 2013 เมื่อพรรคเผชิญปัญหาหนักและถูกลดที่นั่งในสภาสามัญชน หรือสภาล่าง เหลือสถานะเพียงพรรคอันดับสามเป็นครั้งแรก จนกระทั่งสามารถนำพรรคขึ้นสู่อำนาจในฐานะพรรครัฐบาลได้สำเร็จเมื่อปี 2015 และทรูโดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคำมั่นสัญญาตามแนวทางนโยบายก้าวหน้าที่ส่งเสริมสิทธิสตรี

การลาออกของทรูโดจะทำให้พรรคเสรีนิยมไม่มีหัวหน้าพรรคถาวรในช่วงเวลาที่โพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนแสดงให้เห็นว่า สมาชิกพรรคเสรีนิยมจะพ่ายแพ้ให้กับพรรคอนุรักษนิยม ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักในการเลือกตั้งที่คาดว่าจะจัดขึ้นภายในปลายเดือนตุลาคมนี้

การลาออกของทรูโดอาจกระตุ้นให้เกิดการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อให้รัฐบาลสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารของรัฐบาลสหรัฐในยุคโดนัลด์ ทรัมป์

แหล่งข่าวกล่าวว่า ทรูโดได้หารือกับนายโดมินิก เลอบลองค์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ถึงการที่จะให้เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคชั่วคราวและนายกรัฐมนตรี หรือไม่ โดยเสริมว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่สามารถทำได้ หากนายเลอบลองค์มีแผนที่จะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำ

ยักษ์ธุรกิจการศึกษาจีน ขายมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด หลังซื้อหุ้นเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ไม่ทำกำไรตามคาด

(6 ม.ค. 68) เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2024 บริษัทการศึกษาเอกชนยักษ์ใหญ่ของจีน "อวี่หัว เอ็ดดูเคชัน" (Yuhua Education) ได้ประกาศขายมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดในไทย มูลค่า 240 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 1,060 ล้านบาท) เพื่อใช้ในการชำระหนี้จากหุ้นกู้แปลงสภาพที่ค้างชำระ

อวี่หัว เอ็ดดูเคชัน (China YuHua) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเจิ้งโจว ดำเนินธุรกิจโรงเรียน 9 แห่งในจีน โดยบริหารงานโดยพ่อลูกตระกูลหลี่ - หลี่ กวงอวี่ และหลี่ ฮว่า

การขายมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดในครั้งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินของบริษัท หลังจากเผชิญกับปัญหาหนี้สินที่ทวีความรุนแรง

การตัดสินใจขายมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ด ซึ่งเปิดสอนหลักสูตรธุรกิจและการโรงแรมทั้งระดับปริญญาตรีและโท เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทซื้อมหาวิทยาลัยแห่งนี้เมื่อ 5 ปีก่อนในราคาที่สูงกว่ามูลค่าเดิมถึง 120 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง

โดย China YuHua ยักษ์ธุรกิจการศึกษาจากจีนเข้าซื้อมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด 2019 โดยได้เข้าถือหุ้นใหญ่ประมาณ 49% สำหรับมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดในประเทศไทย ประกอบด้วย วิทยาเขตพระรามเก้า, ศูนย์การศึกษาอโศกแคมปัส และวิทยาเขตหัวหิน มีนักศึกษาราว 5,000-6,000 คน ซึ่งเดิมเป็นของเครือลอรีเอท (Laureate International Universities) โดยทางการจีนได้ส่งทีมผู้บริหารจากจีนคุมการบริหารของมหาวิทยาลัยแบบเบ็ดเสร็จ

อย่างไรก็ตาม ไม่ชัดเจนถึงรายละเอียดถึงเหตุผลการข่ายมหาวิทยาลยดังกล่าว แต่รายงานข่าวระบุว่า มหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดสร้างรายได้สุทธิ 31.66 ล้านบาทในปีการศึกษา 2023-2024 แต่เนื่องจากรายได้ที่ไม่สูงมาก การขายในครั้งนี้จึงไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลักของอวี่หัวมากนัก

อวี่หัวมีหนี้สินจากหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกในปี 2019 มูลค่า 2.088 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งมีกำหนดชำระในเดือนธันวาคม 2024 การขายมหาวิทยาลัยสแตมฟอร์ดจึงช่วยลดภาระหนี้บางส่วนได้ แต่บริษัทยังคงต้องการการปรับโครงสร้างทางการเงินเพิ่มเติม

แม้จะเผชิญกับความท้าทายด้านการเงิน อวี่หัวยังคงตั้งเป้าหมายในการขยายธุรกิจการศึกษาในระดับสากล โดยมีแผนจะดำเนินกิจการต่อไปเมื่อสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทมีความมั่นคงขึ้น

จีนยืนยัน 'HMPV'ไม่ใช่โรคใหม่ แจงพบป่วยเพิ่มจริง แต่ไม่น่ากังวล

(6 ม.ค. 68) ทางการจีนรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสฮิวแมนเมตานิวโมไวรัส (HMPV) เพิ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2024 ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสชนิดใหม่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขย้ำว่า HMPV เป็นโรคทางเดินหายใจที่มีอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นภัยคุกคามใหม่

เจิ้ง ลี่ชู นักวิจัยจากสถาบันไวรัสวิทยาแห่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคจีน (China CDC) อธิบายว่า HMPV เป็นไวรัสที่พบมานานกว่า 60 ปี แต่เพิ่งถูกนักวิทยาศาสตร์ระบุในช่วงต้นปี 2000 เนื่องจากลักษณะการเจริญเติบโตที่ช้าและอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจง

“สำหรับคนส่วนใหญ่ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์” เจิ้งกล่าว

หร่วน เจิ้งซ่าง รองหัวหน้าแผนกโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลซินหัว เซี่ยงไฮ้ เตือนว่าไม่ควรวินิจฉัยโรคเองจากอาการ เช่น ไข้หรือวิงเวียนศีรษะ เพราะอาการของ HMPV คล้ายกับโรคทางเดินหายใจอื่น เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไอ คัดจมูก อ่อนเพลีย หรือไข้สูง

ถัง หลานฟาง หัวหน้าแผนกโรคทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเด็กแห่งมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง กล่าวว่ากลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หากมีไข้สูงต่อเนื่อง ซึมเศร้า ไอมาก หรือหายใจถี่ ควรรีบพบแพทย์ทันที

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาต้านไวรัส HMPV โดยเฉพาะ แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ อยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด

ในอินเดีย ดร.อตุล โกเอล อธิบดีกรมบริการสุขภาพ ยืนยันว่าไม่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในฤดูหนาวนี้ โรงพยาบาลในอินเดียพร้อมรับมือการเพิ่มขึ้นของโรคทางเดินหายใจตามฤดูกาล

ขณะที่ในมาเลเซีย มีรายงานผู้ติดเชื้อ HMPV จำนวน 327 รายในปี 2024 เพิ่มขึ้น 45% จากปีก่อน กระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียแนะนำให้ประชาชนดูแลสุขภาพและป้องกันการแพร่เชื้อ โดยเฉพาะในพื้นที่แออัดหรือปิด

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขย้ำว่า แม้ HMPV จะไม่ใช่ไวรัสใหม่ แต่ประชาชนควรระมัดระวังและดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดในวงกว้าง

ม็อบหนุน-ต้านยุนซอกยอล ชุมนุมกลางโซลแม้อากาศหนาวจัด

(6 ม.ค. 68) ผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านประธานาธิบดียุนซอกยอล ของเกาหลีใต้ รวมตัวชุมนุมในเช้าวันนี้ ท่ามกลางอากาศหนาวจัด หิมะตกหนัก และสภาพถนนเปียกชื้นในกรุงโซล  

ชาวเกาหลีใต้นับหมื่นคนฝ่าหิมะตกหนักในวันอาทิตย์นี้ (5 ม.ค.) เพื่อแสดงจุดยืนทั้งฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านการควบคุมตัวนายยุน ซ็อกยอล ซึ่งถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากที่เขาประกาศกฎอัยการศึกโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ  

ผู้ชุมนุมจำนวนมากต้องใช้ผ้าห่มฟอยล์เพื่อเพิ่มความอบอุ่น โดยกลุ่มผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านได้ชุมนุมกันในจุดต่าง ๆ บนถนนใกล้เคียงในย่านฮันนัม กรุงโซล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักประธานาธิบดี ที่นายยุนยังพำนักอยู่ระหว่างกระบวนการถอดถอนจากตำแหน่ง เนื่องจากกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567  

การชุมนุมบางส่วนเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อคืนในพื้นที่ดาวน์ทาวน์ของกรุงโซล ก่อนจะมีการเคลื่อนไหวต่อในเช้าวันนี้ใกล้บ้านพักประธานาธิบดี โดยสภาพอากาศในพื้นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า -5 องศาเซลเซียส และมีหิมะหนากว่า 5 เซนติเมตรในบางเขต ทางการจึงได้ออกคำเตือนเรื่องหิมะตกหนัก  

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักงานสอบสวนการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง (CIO) ต้องระงับความพยายามในการจับกุมตัวนายยุน หลังเกิดการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่สอบสวนกับหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดี ซึ่งยืดเยื้อหลายชั่วโมง  

อย่างไรก็ตาม ทีมสอบสวนระบุว่าจะพิจารณาขั้นตอนดำเนินการต่อไป โดยหมายจับที่ออกให้มีกำหนดหมดอายุในวันจันทร์นี้  

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังศาลอนุมัติหมายจับนายยุนเมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากเขาปฏิเสธหมายเรียกสอบปากคำถึงสามครั้ง ซึ่งทำให้ยุนซอกยอล มีแนวโน้มเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมในระหว่างดำรงตำแหน่ง  

เมื่อช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านนายยุนได้ปิดถนน 8 เลน ส่งผลให้การจราจรติดขัดทั้งสองฝั่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนเรียงแถวเพื่อควบคุมสถานการณ์ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนับสนุนนายยุนได้จัดการชุมนุมใกล้เคียงในจุดอื่น ๆ ของพื้นที่เดียวกัน

‘อังกฤษ’ ขุดพบ!! ‘รอยเท้าไดโนเสาร์’ ทั้งสายพันธุ์ ‘กินพืช – ล่าเนื้อ’ ในยุค 166 ล้านปีก่อน ยาวเป็นทางเดิน คาดขนาดจริง คงตัวใหญ่มาก

(5 ม.ค. 68) นักบรรพชีวินวิทยาค้นพบหลุมแปลก ๆ ในเหมืองหินแห่งหนึ่งในอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งรอยบุ๋มเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน ซึ่งการค้นพบนี้เกิดขึ้นหลังจากคนงานในไซต์รายงานว่า พบเนินและหลุมเยอะผิดปกติ

การค้นพบทางเดินยาวเกือบ 500 ฟุตที่เต็มไปด้วยร่องรอยของสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ขนาดยักษ์ในอ็อกซ์ฟอร์ดเชียร์ ใกล้กับลอนดอนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ถนนทางหลวงไดโนเสาร์” ตามที่ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม เชื่อกันว่าการค้นพบในศตวรรษที่ 20 นี้ยังมีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับยุคจูราสสิกตอนกลาง เมื่อประมาณ 166 ล้านปีก่อน

เริ่มตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2024 นักวิทยาศาสตร์ นักศึกษา และอาสาสมัครมากกว่า 100 คนจะเข้าร่วมงานขุดเหมืองหิน ซึ่งแกรี่ จอห์นสันค้นพบรอยเท้าเหล่านี้ครั้งแรกเมื่อเขาขับรถขุด 

“ผมเพิ่งทำความสะอาดดินเหนียว แล้วก็โดนกระแทก ตอนแรกคิดว่ามันเป็นเพียงหลุมที่ไม่เรียบในดิน แต่ไม่คาดคิดมาก่อน เมื่อว่าจะหลุมคล้าย ๆ กันอยู่ห่างกันประมาณ 3 เมตร”

เนื่องจากมีการค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์ในบริเวณใกล้เคียงในช่วงทศวรรษ 1990 แกรี่จึงตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า หลุมเหล่านี้อาจเป็นรอยเท้าของไดโนเสาร์ พร้อมกล่าวว่า 

“ผมคิดว่า ผมเป็นคนแรกที่ได้เห็นรอยเท้าเหล่านี้ มันช่างเหนือจริงและน่ากังวลเล็กน้อย”

บีบีซี รายงานว่า ทีมวิจัยพบรอยเท้าทั้งหมด 5 รอย โดย 4 รอยเท้ามาจากซอโรพอด เซติโอซอรัส ไดโนเสาร์กินพืชที่เดินด้วย 4 ขาและอาจยาวได้ถึง 18 เมตร รอยเท้าดังกล่าวดูใหญ่โตเล็กน้อย มีขนาดใหญ่กว่ามาก อีกตัว คือ เมกาโลซอรัส ซึ่งเป็นสัตว์กินเนื้อสองขาที่ว่องไวมีลักษณะสามนิ้วถูกพบเห็นว่าทับซ้อนกับรอยเท้าของสัตว์กินพืชคอยาวหลายตัว

ดร.เอ็มมา นิโคลส์กล่าวว่า “นักวิทยาศาสตร์รู้จักและศึกษาเมกาโลซอรัสมานานกว่าไดโนเสาร์ตัวอื่น ๆ บนโลก อย่างไรก็ตาม การค้นพบล่าสุดเหล่านี้พิสูจน์ให้เห็นว่ายังมีหลักฐานใหม่ ๆ เกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้ที่รอการค้นพบอยู่”

ปัจจุบันส่วนที่ยาวที่สุดของรอยเท้าที่พบสูงถึง 150 เมตร และในขณะที่การขุดค้นดำเนินไปก็อาจขยายออกไปอีก เคิร์สตี เอ็ดการ์ นักบรรพชีวินวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมกล่าวว่า 

“นี่เป็นหนึ่งในรอยเท้าที่น่าทึ่งที่สุดที่ผมเคยพบเห็นในแง่ของขนาดและขนาดรอยเท้า คุณสามารถย้อนเวลากลับไปและจินตนาการถึงสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์เหล่านี้ที่เดินไปมาได้”

ริชาร์ด บัตเลอร์ นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมกล่าวว่า 

“รอยเท้าไดโนเสาร์หรือแม้แต่รอยเท้าทั้งหมด เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของชีวิตสัตว์เหล่านี้ คุณสามารถเข้าใจได้ว่าสัตว์เหล่านี้เคลื่อนไหวอย่างไร และสภาพแวดล้อมที่พวกมันอาศัยอยู่เป็นอย่างไร ข้อมูลนี้ไม่สามารถระบุได้จากกระดูกฟอสซิล สำหรับสาเหตุที่รอยเท้าถูกเก็บรักษาไว้นั้น เราไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่อาจเป็นพายุที่ทำให้เกิดตะกอนจำนวนมากเหนือรอยเท้า ซึ่งหมายความว่ารอยเท้าเหล่านั้นถูกเก็บรักษาไว้และไม่ถูกพัดพาออกไป”

‘ไมค์ จอห์นสัน’ ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอีกสมัย โดยได้รับการสนับสนุนหลักจาก ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ประธานาธิบดีคนใหม่

(4 ม.ค. 68) ‘ไมค์ จอห์นสัน’ จากพรรครีพับลิกัน ได้รับเลือกเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอีกครั้ง หลังผ่านกระบวนการอันตึงเครียดในรัฐสภา

จอห์นสันทำให้สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านโกรธเคืองด้วยการร่วมมือกับพรรคเดโมแครตในการผ่านกฎหมายงบประมาณ และชัยชนะของเขาได้มาหลังจากการเจรจาภายในห้องลับที่ตึงเครียดซึ่งมีสมาชิกรัฐสภาจากพรรครีพับลิกันมากกว่าสิบคนแสดงความสงสัยต่อความเป็นผู้นำของเขา

การประชุมงบประมาณในปี 2023-2025 ที่วุ่นวายนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้นของกลุ่มอนุรักษนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการจัดการการเจรจาการใช้จ่ายของรัฐบาลไบเดน โดยที่กลุ่มผู้ต่อต้านการคลังเรียงคิวกล่าวหาว่าเขาไม่เข้มงวดกับการขาดดุล

ในท้ายที่สุด มีเพียง 3 คนที่ยังคงสนับสนุนพรรครีพับลิกันเมื่อการลงคะแนนเสียงเริ่มต้นขึ้น โดยสมาชิกพรรคเดโมแครตทั้ง 215 คนสนับสนุนฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำของพวกเขา

สำนักข่าว Punchbowl News ซึ่งเป็นสื่อของรัฐสภา รายงานว่าจอห์นสันสามารถรักษาความทะเยอทะยานในการเป็นประธานสภาไว้ได้ หลังจากที่ทรัมป์เข้าแทรกแซงเป็นการส่วนตัวเพื่อพูดคุยกับกลุ่มกบฏ 2 คนทางโทรศัพท์ ก่อนที่พวกเขาจะเปลี่ยนคะแนนเสียง

"หลังจากสี่ปีของภาวะเงินเฟ้อสูง เรามีวาระสำคัญ เรามีอะไรต้องทำอีกมาก และเราสามารถทำได้โดยปราศจากการผูกขาด" จอห์นสันกล่าวในขณะที่เขาให้คำมั่นว่าจะช่วยทรัมป์ให้เปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจได้สำเร็จ

"เราสามารถต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อสูงได้ และเราต้องทำ เราจะให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกัน และเราจะขยายเวลาการลดหย่อนภาษีของทรัมป์ เราจะลดขนาดและขอบเขตของรัฐบาลลงอย่างมาก เราจะคืนอำนาจกลับสู่ประชาชน" จอห์นสันกล่าว

โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวถึงประธานสภาฯคนใหม่แต่หน้าเดิมว่า "ไมค์จะเป็นผู้พูดที่ยอดเยี่ยม และประเทศของเราจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ ประชาชนชาวอเมริกันรอคอยสามัญสำนึก, ความเข้มแข็ง และความเป็นผู้นำมาเป็นเวลา 4 ปี และอเมริกาจะยิ่งใหญ่กว่าที่เคย"

การเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ที่ใกล้จะมาถึงมีผลอย่างมากในการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีอิทธิพลสำคัญในวอชิงตัน โดยควบคุมดูแลกิจการของสภาผู้แทนราษฎร และอยู่ในลำดับสามต่อจากตำแหน่งประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี

แต่จอห์นสันอ่อนแอลงจากการเผชิญหน้ากับกลุ่มหัวรุนแรงในพรรคฯ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่พวกเขามี เนื่องจากพรรครีพับลิกันมีเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อยในสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภา

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกัน มีกำหนดจะรวมตัวกันที่วอชิงตันในวันเสาร์ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการสำหรับปี 2025 และผู้นำพรรคฯจะพบกันอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่เมืองบัลติมอร์

แต่ลำดับแรกที่จะต้องดำเนินการคือการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ซึ่งควบคุมการดำเนินงานประจำวัน โดยจะอนุญาตให้เฉพาะสมาชิกพรรครีพับลิกันเท่านั้นที่จะบังคับให้มีการลงคะแนนเสียงเพื่อปลดประธานสภาผู้แทนราษฎรได้

พรรคเดโมแครตโต้แย้งว่าการปฏิรูปดังกล่าวจะทำให้จอห์นสันต้องรับผิดชอบต่อฝ่ายของตัวเองเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งสภา โดยในสภาคองเกรสชุดที่แล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งก็สามารถเสนอ ‘ญัตติเพื่อถอดถอน’ ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้

‘สาวเวียดนาม’ โดนโซเชียลถล่มยับ!! หลังเชียร์นักเตะช้างศึก ทีมชาติไทย

(4 ม.ค. 68) Youtube ช่อง ‘UP Comment’ ได้นำเสนอเรื่องราวของ 'สาวเวียดนาม' ซึ่งโดนโซเชียลถล่มหนัก หลังเชียร์ทีมชาติไทย โดยในคลิปนั้นมีใจความว่า ...

เป็นประเด็นในโซเชียลมีเดีย ประเทศเวียดนาม เมื่อ ‘ง็อก-เหวียน-โด’
สาวเวียดนามรายหนึ่ง ที่ได้มีการปรากฏภาพของเธอสวมเสื้อเชียร์ทีมชาติไทยในศึกเอเอฟเอฟคัฟ ที่เวียดนาม นั้นสามารถเปิดบ้านเอาชนะทีมชาติไทยไปได้สองประตูต่อหนึ่ง 

งานนี้เธอโดนชาวเวียดนามรุมประณามอย่างหนักด้วยข้อหาไม่รักชาติพร้อมกับตั้งคําถามเพราะเหตุอันใดเธอจึงเชียร์ทีมชาติไทย

ตามข้อมูล ได้มีการระบุว่า เธอได้มีการติดตามเชียร์ทีมชาติไทยมากว่า 10 ปีแล้วและทุกครั้งที่ทีมชาติไทยมาแข่งขันที่ประเทศเวียดนามเธอก็มักจะเข้าไปให้กําลังใจทีมชาติไทยอยู่เสมอ ซึ่งจากภาพดังกล่าวที่ถูกสื่อเวียดนามเผยแพร่นี้เอง ก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเวียดนามเป็นจํานวนมาก จนถึงขั้นที่เธอนั้นถูกชาวเวียดนามรุมสาปแช่ง แล้วรวมถึงมีการรุมรีพอร์ตเฟซบุ๊ก และติ๊กต็อกของเธอจน ถูกระงับการใช้งานไปเป็นที่เรียบร้อย

นอกจากนี้ชาวเวียดนาม ได้มีการออกมาแสดงความคิดเห็นที่ค่อนข้างรุนแรง รวมถึงมีการบูลลี่เธอเป็นอย่างมาก 

เรามาเริ่มต้นกันที่ความคิดเห็นของชาวเวียดนามท่านแรกครับท่านนี้เค้าบอกว่า ถ้าผมอยู่ใกล้ ๆ ผมจะฉีกเสื้อตัวนั้นทิ้งท่านนี้ก็น่าจะหมายถึงเสื้อทีมชาติไทยนะครับ

ความคิดเห็นต่อไป ช่างมันเถอะมันก็โต ๆกันแล้ว แล้ว เธอมีจุดประสงค์อะไรที่ไปสนามกีฬาที่มีคนเวียดนามเยอะขนาดนั้น

ความคิดเห็นต่อไป นอกจากกีฬาสีแล้วฉันยังไม่เคยเห็นใครทําร้ายเด็กแบบนี้เลย ชอบทีมไหนเชียร์ทีมไหนก็ลุยเลยเธอไม่ใช่คนทรยศเธอไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายและเธอก็ไม่เคยสาปแช่งประเทศตัวเอง

คุณกินข้าวเวียดนามดื่มน้ำเวียดนามและสูดอากาศของเวียดนามที่บรรพบุรุษต้องเสียสละ เพื่อให้ได้มันมา แต่พอเวียดนามยิงประตูได้ ทําไมเธอถึงโกรธ

ความคิดเห็นต่อไป ทําไมคนไทยคนนี้ถึงมีชื่อเหมือนเวียดนามท่านนี้ก็แสดงความคิดเห็นแบบประชดประชันไว้

ตั้งฐานทัพบินมาถล่มเวียดนาม อยากจะถามเธอว่าเธอมีปัญหาอะไรหรือเปล่า

เธอคงตั้งหน้าตั้งตาที่จะไปทํางานในประเทศไทยนั่นแหละ เธอเลยสร้างภาพเพื่อให้ได้สมัครงานมาง่าย ๆ

ความคิดเห็นต่อไปครับทั้งนี้เขาบอกว่าทุกคนคงยังไม่เข้าใจอะไรบางอย่างจริง ๆ แล้วเธอคนนี้เป็นเด็กผู้ชายที่เกิดมาในร่างของเด็กผู้หญิงดังนั้นเธอจึงต้องการไปที่ประเทศไทยเพื่อกลายเป็นคนข้ามเพศ เธอจงใจดึงดูดความสนใจเพื่อที่จะทําให้เธอเป็นคนข้ามเพศในไทยและทําให้คนไทยนั้นเห็นใจเธอ

เปิดประวัติ 'ชอลซู' หุ่นสังหารตัวใหม่จาก 'Squid Game' แรงบันดาลใจจากตัวละครในแบบเรียนเกาหลี

(3 ม.ค. 68) หลังจากที่ Netflix เปิดตัวซีรีส์เรื่องดัง Squid Game ซีซั่น 2 เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2024  ซีรีส์นี้ไม่เพียงแต่ตอกย้ำความสำเร็จด้วยยอดผู้ชมรวมถึง 68 ล้านวิวภายในวันที่ 1 มกราคม 2025 แต่ยังครองอันดับหนึ่งในหมวดคอนเทนต์ยอดนิยมใน 92 ประเทศทั่วโลก

แม้เรื่องราวของซีซั่น 2 จะปิดฉากลง แต่ก็มีการเปิดตัวอย่างความเข้มข้นของ ซีซั่น 3 ที่วางแผนฉายในปี 2025 โดยหนึ่งในจุดเด่นที่มีการพูดถึงคือการเปิดตัวตุ๊กตาสังหารตัวใหม่ อย่าง 'ชอลซู' ที่มาเป็นคู่หูของ 'ยองฮี' หรือตุ๊กตาเด็กผู้หญิงในชุดสีเหลืองที่คนไทยรู้จักในชื่อ 'โกโกวา' จากเกม AEIOU

สำหรับแรงบันดาลใจในการสร้างชอลซูและยองฮี มาจากตัวละครในแบบเรียนประถมของเกาหลีใต้  โดยตัวละครนี้ปรากฏครั้งแรกในปี 1948 ผ่านฝีมือของ คิมแทฮยอง หนึ่งในผู้จัดทำตำราเรียนแห่งชาติ ชอลซูและยองฮีเปรียบเสมือนตัวแทนความทรงจำวัยเด็กของชาวเกาหลีใต้ คล้ายกับ 'มานะ-มานี' จากแบบเรียนภาษาไทยระดับประถมศึกษาปีที่ 1–6 บเรียนภาษาไทย ระดับประถมศึกษาปีที่ 1–6 รวม 12 เล่ม (ภาคเรียนละ 1 เล่ม) ซึ่งใช้ในการเรียนการสอนภาษาไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2521–2537 

นอกจากถูกใช้เป็นตัวละครในเรื่อง Squid Game ชอลซูและยองฮียังเป็นแรงบันดาลใจให้มีการสร้างสติ๊กเกอร์เซ็ตที่ใช้ในแอปพลิเคชัน  Kakao ด้วย

การปรากฏตัวของชอลซู ในซีรีส์ทำให้แฟน ๆ หลายคนจับตามองว่าจะมีการนำหุ่ชอลซูมาใช้ในเกมใด เพราะในซีรีส์ทั้งภาค 1 และ 2 ผู้สร้างมีการนำการละเล่นในวัยเด็กของชาวเกาหลีมานำเสนอในซีรีส์ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น เกมตีกระดาษ (ตั๊กจี) เกมแกะน้ำตาล (ดัลโกนา) และหมากเก็บ (กงกี)

Squid Game จึงไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์ที่สร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นสื่อกลางที่ช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมและความเป็นเอกลักษณ์ของเกาหลีใต้สู่สายตาชาวโลกอีกด้วย

ทูตจีนย้อนเกล็ดสหรัฐ หนุนเอกราชไต้หวัน ลืมสัญญาปี 1978 แล้วหรือ ย้ำรบจีนยังไงก็ไม่ชนะ

(3 ม.ค. 68) จาง ฮานฮุย เอกอัครราชทูตจีนประจำรัสเซีย กล่าวผ่านสำนักข่าวสปุตนิกว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ควรหยุดใช้ 'ไต้หวัน' ในการสร้างวาทะกรรมที่ทำให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เกิดความไม่มั่นคง เพราเมื่อใดที่ไต้หวันเผชิญหน้ากับจีน ก็แพ้พลังของกองทัพจีนอยู่ดี

"การเล่นกับไฟจะทำให้เกิดการล้มเหลวในที่สุด ถึงเวลาแล้วที่สหรัฐฯ ควรหยุดใช้ 'ไต้หวัน' ซึ่งเป็นสิ่งที่มีแนวโน้มจะพ่ายแพ้" จางกล่าวในบทความที่เขียนสำหรับสปุตนิก

นายจางยังกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ "มองข้ามข้อเท็จจริงและแทนที่ด้วยคำโกหก" โดยสหรัฐให้การสนับสนุนการแยกตัวของไต้หวันอย่างเปิดเผย

"สหรัฐฯ เคยให้คำมั่นอย่างชัดเจนในแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เมื่อปี 1978 เกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และในคำแถลงร่วมเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 1982 ว่าสหรัฐฯ 'ยอมรับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของจีนทั้งหมด' และ 'เข้าใจจุดยืนของจีนที่มีเพียงจีนเดียวในโลกและไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน' ซึ่งเป็นหลักการที่ชัดเจนและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้"

จางยังกล่าวว่า วอชิงตันสนับสนุนความทะเยอทะยานของนายไล่ชิงเต๋อผู้นำไต้หวัน ในการแยกตัว "แม้จะมีความเสี่ยงที่จะทำลายความสงบและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับคำมั่นทางการเมืองของพวกเขา"

"สิ่งนี้ยิ่งยืนยันว่า สหรัฐฯ มีแผนการที่ซับซ้อนในการเล่น 'การ์ดไต้หวัน' และใช้ 'แรงกดดันสูงสุด' ด้วยการละเมิดหลักการจีนเดียวอย่างต่อเนื่อง โดยหวังผลจากการสร้างความตึงเครียดในช่องแคบไต้หวันและปกปิดเจตนาที่จะใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือในการยับยั้งจีน ซึ่งที่แท้จริงแล้วคือต้องการขัดขวางการพัฒนาของจีนและรักษาความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ที่กำลังเลือนหายไป เมื่อเผชิญกับพลังอันเป็นหนึ่งเดียวของชาวจีน 1.4 พันล้านคน พวกเขาจะต้องพ่ายแพ้" เอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงมอสโกระบุ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top