Monday, 28 April 2025
WORLD

เสินโจว-18 เสร็จสิ้นภารกิจ 6 เดือน 3 นักบินอวกาศจีนกลับถึงโลก

หนังสือพิมพ์ไซแอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี เดลี (Science and Technology Daily) รายงานวันนี้ (4 พ.ย.) ว่ายานอวกาศเสินโจว-18 (Shenzhou-18) ได้เดินทางกลับถึงโลกโดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยตัวอย่างทดลองจากสถานีอวกาศซึ่งมีน้ำหนักรวม 34.6 กิโลกรัม ประกอบด้วยจุลินทรีย์ วัสดุโลหะผสม และวัสดุนาโน ซึ่งเป็นวัสดุที่ยากต่อการจัดเตรียมบนโลก

แคปซูลเสินโจว-18 ได้พานักบินอวกาศ 3 คนเดินทางกลับถึงโลกในช่วงเช้าวันนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ยาวนานถึง 6 เดือนบนสถานีอวกาศ

ตัวอย่างทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ยานอวกาศนำกลับมามีทั้งหมด 55 ชนิด ครอบคลุมถึง 28 โครงการวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา เช่น ชีววิทยาศาสตร์ในอวกาศ วิทยาศาสตร์วัสดุในอวกาศ และวิทยาศาสตร์การเผาไหม้ภายใต้แรงโน้มถ่วงต่ำ

ตัวอย่างทางชีววิทยาศาสตร์ประกอบด้วย อาร์เคีย (Archaea) ที่สามารถสร้างก๊าซมีเทน จุลินทรีย์ที่ต้านทานรังสีได้ และจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในหิน ซึ่งคาดว่าจะเป็นรากฐานทางวิทยาศาสตร์สำหรับการศึกษาความเป็นไปได้ในการอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมนอกโลก และการประเมินความสามารถในการปรับตัวของจุลินทรีย์กับความท้าทายในอวกาศ

ด้านสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นอกจากนี้ ตัวอย่างบางส่วนที่นำกลับมายังรวมถึงโลหะผสมที่ทนทานต่ออุณหภูมิสูง ไฟเบอร์ออปติก และสารเคลือบออปติก วัสดุใหม่เหล่านี้มีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงการผลิตใบพัดกังหันในอนาคตสำหรับการบินและอวกาศ เลเซอร์ไฟเบอร์ที่ปรับให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมในอวกาศ และการรักษาทางการแพทย์ที่แม่นยำ

นอกจากนี้ ยานอวกาศยังได้นำอนุภาคนาโนจากการเผาไหม้มีเทนกลับมาด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการสังเคราะห์วัสดุระดับอนุภาคสำหรับสภาพแวดล้อมนอกโลกในอนาคต

ทับทิม-ไพลิน เฉิดฉายกลางเซี่ยงไฮ้ คนจีนเเห่ชมสินค้าไทยงานโชว์นานาชาติ (CIIE)

(4 พ.ย. 67) (ซินหัว) ชุน ไพลินดีเลิศ วัย 49 ปี ผู้ค้าอัญมณี และประธานสมาคมนักธุรกิจยุคใหม่ไทย-จีน ย้ายมาไทยตั้งแต่ยังเด็กและก่อตั้งบริษัท ไทยแลนด์ หย่งไท่ จิวเวลรี จำกัด (Thailand Yongtai Jewelry) ตอนอายุ 18 ปี ซึ่งนำสู่การมีส่วนร่วมในแวดวงธุรกิจการค้าอัญมณี โดยหนึ่งในภาพคุ้นตาสำหรับชุนคือการได้เห็นเหล่าผู้ชื่นชอบอัญมณีจากทั่วทุกมุมโลกมาเยี่ยมชมศูนย์การค้าอัญมณีในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทยที่มีชื่อเสียงในฐานะศูนย์กลางการแปรรูปทับทิมและไพลินระดับโลก

ชุนกำลังจะนำสินค้าร่วมจัดแสดงที่งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) ครั้งที่ 7 ที่เตรียมจัดในนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน เขาเข้าร่วมงานทุกครั้งมาตั้งแต่ปี 2018 โดยปีนี้นับเป็นการเข้าร่วมงานครั้งที่ 7 แล้ว โดยชุนให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่าครั้งนี้ตนจะนำเครื่องประดับเกือบ 1,000 ชิ้น รวมทั้งทับทิมและไพลินมากกว่า 100 ชิ้นมาจัดแสดง

ชุนเคยคว้ารางวัลหลายรายการจากงานมหกรรมฯ ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนผ่านจากฐานะผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่เข้าร่วมสู่ผู้ประกอบการที่ร่วมจัดแสดงอย่างเป็นประจำ ชุนเชื่อว่าเสน่ห์ของงานมหกรรมนี้อยู่ที่ความอัศจรรย์ใจในทุกๆ ปี และผลประโยชน์ที่ได้รับในแต่ละครั้ง พร้อมเล่าย้อนถึงประสบการณ์การเข้าร่วมครั้งแรกในปี 2018 ซึ่งเขาได้รับคำสั่งซื้อตามที่ตั้งเป้าไว้และสร้างสายสัมพันธ์อันดีที่มีค่า

ชุนเผยว่างานมหกรรมฯ เอื้อประโยชน์มากมาย ทั้งการได้เรียนรู้สิ่งใหม่และได้ขยับขยาย "กลุ่มมิตรสหาย" ผ่านแพลตฟอร์มนี้ การเข้าร่วมตลอดหลายปีทำให้ชุนเข้าใจความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปและแนวโน้มล่าสุดของผู้บริโภคชาวจีนดียิ่งขึ้น ซึ่งลูกค้าและพันธมิตรที่ได้จากงานมหกรรมฯ มีส่วนสนับสนุนการขยายธุรกิจของเขา

ขณะเดียวกัน ชุนบอกเล่าถึงประสบการณ์น่าจดจำจากงานมหกรรมฯ ปี 2021 ซึ่งเป็นช่วงการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยแม้ต้องเผชิญหน้ากับสารพัดความท้าทาย ทว่าชุนสามารถเข้าร่วมในฐานะผู้จัดแสดงอัญมณีจากต่างประเทศเพียงรายเดียวในงานมหกรรมปีนั้น

งานมหกรรมฯ ถือเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่สำหรับการเชื่อมต่อระดับโลก และชุนเชื่อว่าการที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดงานนี้อย่างต่อเนื่องนั้นถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญท่ามกลางการค้าระหว่างประเทศที่ตึงตัวขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากงานมหกรรมฯ ได้สร้างโอกาสใหม่ให้กับนานาประเทศ อาทิ ไทย ในการเข้าสู่ตลาดจีน ส่งผลให้ตลาดจีนอันกว้างขวางเป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมสำหรับโลก

ตั้งแต่เข้าร่วมงานมหกรรมฯ ครั้งแรกจนถึงครั้งที่เจ็ด บูธของชุนขยายพื้นที่จากเดิม 36 เป็น 72 ตารางเมตร ขนาดบูธที่เพิ่มขึ้นสองเท่าสะท้อนถึงธุรกิจของชุนที่เติบโต รวมทั้งมนต์เสน่ห์และอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของงานมหกรรมฯ โดยตลอดหลายปีที่ผ่านมาชุนได้เห็นถึงพัฒนาการของงานมหกรรมฯ พร้อมทั้งสนับสนุนให้บริษัทอื่นๆ ของไทยเข้าร่วมงานนี้ด้วย

นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 ชุนดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฯ และยังเป็นรองเลขาธิการหอการค้าไทย-จีน โดยเขาทุ่มเททำงานเพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่างบริษัทไทยและจีน

ชุนระบุว่างานมหกรรมฯ ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้ประกอบการเหล่านี้อาจพบเจอความท้าทายในการเข้าร่วมงานมหกรรมการค้าขนาดใหญ่รูปแบบนี้ เพราะหลายรายไม่คุ้นเคยกับงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ดังนั้นนอกเหนือจากนโยบายพิเศษที่ผู้จัดงานจัดให้แล้ว หอการค้าฯ ยังเสนอบริการต่างๆ อาทิ บริการแปลภาษา เพื่อช่วยให้ผู้จัดแสดงสินค้าใช้ประโยชน์จากโอกาสอย่างเต็มที่

ชุนเสริมว่าหอการค้าฯ ได้จัดการให้บริษัทไทยนับสิบแห่งเข้าร่วมงานมหกรรมในครั้งนี้ โดยเน้นที่กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาคอาหารและการแพทย์เป็นหลัก พร้อมให้คำมั่นว่าจะให้บริการที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้เข้าร่วมทุกคน และหวังว่าผู้เข้าร่วมงานจะประสบความสำเร็จมากขึ้นผ่านงานมหกรรมนี

แฟ้มภาพซินหัว : ทับทิมที่สำนักงานของชุน ไพลินดีเลิศ ผู้ค้าอัญมณีและผู้จัดแสดงในงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน ที่กรุงเทพฯ วันที่ 23 ต.ค. 2024

ย้อนประวัติ Subway แซนด์วิชแบรนด์ดัง ชื่อนี้ได้มาเพราะหน้าตาคล้ายเรือดำน้ำครั้งหนึ่งเคยมีสาขาโตแซงหน้า McDonald's

กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในกลุ่มธุรกิจอาหารบริการด้านหรือ QSR เมื่อแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง ซับเวย์ (Subway) ได้ออกมาเตือนลูกค้าในประเทศไทยที่เข้าไปใช้บริการร้านอาหารแล้วเจอกับมาตรฐานสินค้าและบริการที่ผิดเพี้ยนไป 

โดยทาง GOLUCK บริษัทย่อยในเครือ PTG ซึ่งเป็นผู้ถือสิทธิ์แฟรนไชส์ออกมาระบุว่า เนื่องจากตอนนี้เราได้รับข้อร้องเรียนเรื่องคุณภาพอาหาร , วัตถุดิบขาด, กระดาษห่อ ไม่มีพิมพ์ลาย Subway , กระดาษห่อลาย Subway สีเลอะติดอาหาร ขนมปังไม่ใช่ของ Subway และ อื่น ๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่าลูกค้าไปใช้บริการจากร้าน Subway ที่ถูกยกเลิกสิทธิ์ Franchise ไปตั้งแต่วันที่ 26 กค. 2567 ไปแล้ว เช่น Food generation สาขา CP ทาวเวอร์ สีลม , ปตท บางแสน ,ปตท สุขสวัสดิ์, เชลล์ ลาดพร้าว, ทองหล่อ, เชลล์ ท่าพระ, คาลเท็กซ์ ประชานุกูล, ดิ อัพ พระราม 3, บางจาก ราชพฤกษ์ และ อื่นๆ ร้าน SUBWAY สาขาต่างๆ ระบุแฟรนไชส์ที่ได้รับอนุญาตชัดเจน 'GOLUCK' ทั้งนี้ สำหรับร้านซับเวย์ที่สิ้นสุดการเป็นแฟรนไชส์มีทั้งสิ้น 105 สาขา

สำหรับประวัติของร้าน Subway เริ่มต้นในปี 1965 เมื่อ Fred DeLuca นักศึกษาอายุ 17 ปี และ Dr. Peter Buck เพื่อนของครอบครัวซึ่งเป็นนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ ได้เปิดร้าน Pete's Drive-In: Super Submarines สาขาแรกในเมืองบริดจ์พอร์ต รัฐคอนเนตทิคัต DeLuca โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยจ่ายค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยของทางครอบครัว

เหตุที่ใช้ชื่อว่า Super Submarines เนื่องจากลักษณะของแซนด์วิชที่รูปทรงคล้ายกับเรือดำน้ำจึงนำมาเป็นชื่อดังกล่าว มาจากรูปร่างของขนมปังที่มีความกลม ยาว และเมื่อนำไปประกอบกับไส้ต่าง ๆ ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ดูเหมือนเข้าไปใหญ่ ความโดดเด่นในเรื่องของแซนด์วิชและสลัดของแบรนด์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาง่าย ๆ แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาเริ่มต้นด้วยการขายทั้งแซนด์วิชและสลัดผัก ทำให้กลายเป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีความเชี่ยวชาญในการทำแซนด์วิชและสลัดเป็นที่สุด ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ พวกเขาเป็นผู้นำในด้านการทำแซนด์วิชและสลัดก็คือความมุ่งมั่นตั้งใจทำตามสโลแกนที่ตั้งไว้ นั่นคือ 'Eat Fresh' ด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบที่ดี สดใหม่และมีคุณภาพมาใช้ในการประกอบอาหารทุกวัน

ปี 1968 ทั้งสองตัดสินใจเปลี่ยนชื่อมาเป็น Subway จากนั้นในปี 1974 DeLuca และ Buck ได้ขยายกิจการด้วยการเปิดอีก 16 สาขาแฟรนไชส์ในรัฐคอนเนตทิคัต แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้คือเปิดร้าน 32 สาขาได้ทันเวลา

ในปี 1978 Subway เปิดสาขาแรกบนชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐด้วยการเปิดทำการสาขาแรกในเมืองเฟรสโน รัฐแคลิฟอร์เนีย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาบริษัทก็ได้รับเสียงต้อนรับในแง่บวกและขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จนในปี 1981 subwayได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การทำแฟรนไชส์และในปี 1984 Subwayได้เริ่มต้นเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ

ช่วงทศวรรษ 1990 ถือได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองของSubway โดยจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากประมาณ 5,000 สาขาเป็น 13,200 แห่งในปี 1998 ต่อมาในปี 2002 Subwayได้กลายเป็นเครือข่ายร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

ปี 2004 Subway เริ่มเปิดร้านในห้างสรรพสินค้า Walmart ในปี 2015 เว็บไซต์ entrepreneur ได้จัดอันดับให้แบรนด์ Subway เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่เติบโตเร็วที่สุดของปี กลายเป็นเครือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีร้านอาหาร 33,749 ร้านทั่วโลก ซึ่งมากกว่า McDonald's ถึง 1,012 ร้าน

กระทั่งปี 2017 Subway ปิดสาขาไปมากกว่า 800 สาขาในสหรัฐอเมริกา ในเดือนเมษายน 2018 บริษัทได้ประกาศว่าจะปิดสาขาเพิ่มอีกประมาณ 500 สาขาในปีนั้น ตามรายงานของ Abha Bhattarai จากThe Washington Post สืบเนื่องจากต้นทุนของสินค้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้องมีการปรับราคา ทำให้ผลกำไรและผลประกอบการลดลงต่อเนื่องสามปี และจำนวนผู้มาใช้บริการร้าน Subway ลดลงร้อยละ 25 ตั้งแต่ปี 2012 นอกจากนี้ผู้รับสิทธิ์บริหารแฟรนไชส์ยังระบุว่าโปรโมชั่นพิเศษของบริษัทแม่มีส่วนทำให้กำไรการขายหน้าร้านลดลงอีก

ในปี 2019 John Chidsey เข้าร่วม Subway ในตำแหน่ง CEO ถือเป็นผู้บริหารคนแรกของบริษัทซึ่งไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวผู้ก่อตั้ง เขาเน้นที่การปรับปรุงสถานที่ร้านค้าในสหรัฐอเมริกา ตลอดจนบุกตลาดแถบเอเชียมากขึ้น สังเกตได้จากบรรดาซีรีส์เกาหลีที่จะมีการโฆษณาแฝงร้าน Subway อยู่หลายเรื่อง 

ปี2023 ครอบครัวBuck และ Deluca ประกาศว่าจะขายหุ้นของบริษัทให้กับบริษัทนักลงทุน ซึ่งมีนักลงทุนหลายรายให้ความสนใจ กระทั่ง 24 สิงหาคม Subway ประกาศว่าบริษัทลงทุนเอกชน Roark Capital ตัดสินใจเข้าซื้อกิจการของ Subway ในราคา 9.6 พันล้านดอลลาร์

มีนาคม 2024 Subway ได้ลงนามข้อตกลง 10 ปีกับ PepsiCo ซึ่งเริ่มในวันที่ 1 มกราคม 2025 ส่งผลให้บริษัทเปลี่ยนมาใช้เครื่องดื่มของกลุ่ม PepsiCo แทนที่ The Coca-Cola Company โดยก่อนหน้านั้น Subway เคยร่วมมือให้บริการเครื่องดื่มจาก Coca-Cola มาตั้งแต่ปี 2003 ก่อนจะเปลี่ยนสู่ PepsiCo

'เคมี่ บาเดน็อช' วัย 44 ปี สาวผิวดำคนแรก ผงาดหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม

เมื่อวันที่ (2 พ.ย.67) ที่ผ่านมาพรรคอนุรักษ์นิยมอังกฤษได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว ที่ชื่อว่า เคมี่ บาเดน็อช นักการเมืองสาวดาวรุ่งผิวดำวัยเพียง 44 ปี หลังจากที่ริชี ซูนัค อดีตหัวหน้าพรรคและนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ลาออกไปเนื่องจากความพ่ายแพ้ยับเยินจากการเลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุดในอังกฤษ

โดย เคมี่ บาเลน็อช เฉือนเอาชนะ โรเบิร์ต แจนริค คู่แข่งได้ด้วยคะแนนเสียง 56% จากการลงคะแนนเสียงจากสมาชิกพรรคอนุรักษ์ทั่วประเทศกว่า 95,000 เสียง ทำให้เธอกลายเป็นหัวหน้าพรรคหญิงผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์พรรคอนุรักษ์นิยม ที่เคยมีผู้หญิงมาแล้วถึง 4 คน นอกจากนี้ยังเป็นนักการเมืองหญิงผิวดำคนแรกที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในทวีปยุโรป

สำหรับประวัติของ เคมี่ บาเลน็อช เป็นชาวอังกฤษเชื้อสายไนจีเรีย มีคุณพ่อ คุณแม่เป็นคุณหมอทั้งคู่ เธอเกิดที่เมืองวิมเบอดัน ในกรุงลอนดอน ในปี 1980 ในครอบครัวมีพี่น้องด้วยกัน 3 คน หลังจากที่เธอเกิดได้ไม่นาน พ่อ และ แม่ก็พาครอบครัวย้ายกลับไปอยู่ไนจีเรีย ก่อนที่จะย้ายไปตั้งรกรากทำงานในสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา

เคมี่ เดินทางหวนกลับมาอังกฤษอีกครั้งตอนที่อายุได้ 16 ปี เพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย Sussex โดยเลือกเรียนในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์จนถึงระดับปริญญาโท โดยระหว่างที่เรียน เธอทำงานพิเศษที่ร้าน Mc Donald's ไปด้วยเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 

หลังจากเรียนจบ เธอทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ด้าน IT ที่บริษัท Logica และเรียนต่อด้านกฎหมาย แบบภาคพิเศษที่สถาบัน University of London วิทยาเขต Birkbeck จนจบปริญญาตรีอีกใบได้สำเร็จ ก่อนจะมาเอาดีในเส้นทางการเมือง ได้เป็น สส. สังกัดพรรคอนุรักษ์มาตั้งแต่ปี 2017 และวันนี้ เธอได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์ ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาอีกด้วย 

อาจจะกล่าวได้ว่า เคมี บาเลน็อช ถือเป็นนักการเมือง ที่ไต่เต้าจากชนชั้นกลางอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นตัวแทนของกลุ่มคนผิวสี ผู้อพยพ กลุ่มสิทธิสตรี และกลุ่มชนชั้นกลางได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าหัวหน้าพรรคแรงงาน อย่าง เคียร์ สตาร์เมอร์ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนปัจจุบันเสียอีก

แหล่งข่าวภายในพรรคแรงงานเปิดเผยว่า มีการวิพากษ์ วิจารณ์กันอย่างร้อนแรงภายในห้องแชทของสมาชิกพรรคแรงงานใน Whatsapp ว่า การที่พรรคอนุรักษ์ได้เลือก เคมี่ บาเลน็อช เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น ทำให้พรรคแรงงานเหมือนถูกตบหน้า ทั้ง ๆ ที่ติดป้ายว่าเป็น 'พรรคแรงงาน' แท้ ๆ แต่กลับมีตัวแทนคนผิวสีมาร่วมในคณะรัฐบาลน้อยมาก และเริ่มมีกระแสด้านลบที่มองว่าพรรคแรงงานไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวแทนของกลุ่มคนผิวสี ชาวเอเชีย หรือแม้แต่ชนกลุ่มน้อยในสังคมต่าง ๆ อย่างที่เคยพูดไว้

แต่เมื่อมองมายังฝั่งพรรคอนุรักษ์ที่เป็นคู่แข่งที่มักถูกโจมตีว่าเป็นพรรคของชนชั้นสูง แต่กลับมีหัวหน้าพรรคเป็นผู้หญิงมาแล้วถึง 4 คน และยังเคยเลือกคนเชื้อสายอินเดีย และ คนเชื้อสายอาฟริกันเป็นผู้นำพรรคมาแล้ว

จากการเลือกตั้งในปี 2024 ที่ผ่านมา พรรคแรงงานสามารถคว้าชัยชนะได้อย่างถล่มทลาย กวาดที่ได้ไปได้ถึง 411 ที่นั่ง ในจำนวนนั้นมี สส. ที่มีเชื้อสายชนกลุ่มน้อยอยู่ถึง 89 คน แต่ทว่ากลับมีเพียง เดวิด ลามมี ที่เป็น สส.ผิวดำคนเดียวของพรรคที่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศในรัฐบาลของเคียร์ สตาร์เมอร์

ซูเบียนโตจับมือปูติน ฝึกซ้อมรบร่วมทางทะเลครั้งแรก

(4 พ.ย.67) กองทัพเรืออินโดนีเซียและรัสเซียได้ร่วมซ้อมรบทางทะเลครั้งแรก ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามของประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย นายปราโบโว ซูเบียนโต ในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ การซ้อมรบนี้กินเวลานาน 5 วัน โดยจัดขึ้นที่ฐานทัพเรือในเมืองซูราบายาและบริเวณทะเลชวา

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพเรืออินโดนีเซียได้แถลงว่า รัสเซียส่งเรือลาดตระเวน 3 ลำ เรือบรรทุกขนาดกลาง เฮลิคอปเตอร์ทหาร และเรือลากจูงมาร่วมการซ้อมรบในอินโดนีเซีย ภาพจากสื่อท้องถิ่นแสดงให้เห็นเรือรัสเซียเดินทางถึงท่าเรือและได้รับการต้อนรับจากวงดุริยางค์ของรัสเซียก่อนเริ่มการฝึกซ้อม

อินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคงดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด โดยเลือกที่จะเป็นกลางทั้งในเรื่องสงครามยูเครนและความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน

นายซูเบียนโตได้แสดงเจตจำนงในการเพิ่มบทบาทของอินโดนีเซียบนเวทีโลก โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เขาได้เดินทางไปเยือนรัสเซียเพื่อเจรจากับประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน

นักวิเคราะห์มองว่าการซ้อมรบร่วมทางทะเลครั้งนี้เป็นสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายต่างประเทศของอินโดนีเซียภายใต้การนำของซูเบียนโต ซึ่งมุ่งส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างอินโดนีเซียกับประเทศมหาอำนาจ

‘สเปน’ ระดมพลครั้งใหญ่!! หลายหมื่นนาย เพื่อกู้ภัยน้ำท่วมครั้งร้ายแรงสุดในประวัติศาสตร์

(3 พ.ย. 67) นายเปโดร ซานเชส นายกรัฐมนตรีสเปน แถลงสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ในพื้นที่แคว้บบาเลนเซีย โดยระบุว่า รัฐบาลส่งทหารจำนวน 5,000 นาย ไปสนธิกำลังกับตำรวจ และกองกำลังพลเรือน อีกจำนวน 5,000 นาย เพื่อเข้าไปช่วยเหลือด้านการกู้ภัยในพื้นที่ประสบอุทกภัยดังกล่าว ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการที่ทางการสเปนระดมกำลังพลครั้งใหม่ล่าสุด ทำให้ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม มีเจ้าหน้าที่ของทางการเข้าไปช่วยกู้ภัยมีจำนวนมากกว่า 17,000 นายแล้ว ซึ่งถือเป็นการระดมพลด้านความมั่นคงครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงที่ประเทศปลอดสงคราม

ขณะที่ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมข้างต้น เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 214 รายแล้ว ซึ่งถือเป็นเหตุอุทกภัยที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในรอบ 57 ปีของภูมิภาคยุโรป หลังจากเมื่อปี 1967 (พ.ศ. 2510) เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ที่โปรตุเกส ที่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 500 รายด้วยกัน

โครงสร้างการศึกษาของอินเดียและจีน!!

(3 พ.ย. 67) อินเดียกับจีนจำนวนประชากรเท่าๆกัน หากสังเกตุจีนมีกลุ่มการศึกษาแข่งขัน ระหว่าง 60-90% ทำให้การแข่งขันในเวทีโลกได้ดีมาก ส่วนอินเดียกลับมีแค่ 20-40%เท่านั้น...โครงสร้างการศึกษาแบบนี้ยากมาก ที่อินเดียจะตามจีน การมีคณะสังคมมากเกินไปนี่หน่วงนะ

ผู้นำอิหร่าน ให้คำมั่นจะตอบโต้ อิสราเอล-สหรัฐ หากโจมตี!! รุกราน ‘เตหะราน-กลุ่มพันธมิตร’

(3 พ.ย. 67) อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ให้คำมั่นในระหว่างกล่าวกับกลุ่มนักศึกษาในกรุงเตหะรานของอิหร่าน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนว่า จะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา ชาติพันธมิตร ที่มุ่งเป้าหมายต่ออิหร่านและกลุ่มพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนอิหร่านในภูมิภาคนี้

คาเมเนอีกล่าวว่าศัตรู ทั้งสหรัฐและระบอบไซออนิสต์ (อิสราเอล) ควรรู้ว่าพวกเขาจะได้รับการตอบโต้ที่ทำลายล้างอย่างแน่นอนต่อสิ่งที่พวกเขากำลังทำกับอิหร่าน ชาติอิหร่านและแนวร่วมต่อต้าน ซึ่งคาเมเนอีหมายถึงกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนทั้งกลุ่มฮูตีในเยเมน กลุ่มฮามาส กลุ่มติดอาวุธในดินแดนปาเลสไตน์ และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน

คาเมเนอียังกล่าวยกย่องทหารอิหร่านที่ถูกสังหารเสียชีวิตจากการโจมตีอิหร่านของอิสราเอลเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ความพยายามของนายทหารเหล่านั้นในการเผชิญหน้ากับอิสราเอลจะไม่มีวันถูกลืมเลือน และว่าอิหร่านกำลังทำทุกอย่างที่ควรทำเพื่อเตรียมพร้อมประเทศไม่ว่าจะในด้านการทหาร อาวุธหรือทางการเมืองในการตอบโต้โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

เป็นการแสดงท่าทีแข็งกร้าวอีกครั้งของผู้นำสูงสุดของอิหร่านอีกครั้งในการเผชิญหน้ากับชาติปรปักษ์สำคัญอย่างอิสราเอลท่ามกลางบรรยากาศที่ทวีความตึงเครียดหนัก หลังอิสราเอลเปิดการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายทางทหารในประเทศอิหร่านเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งเป็นผลให้ทหารอิหร่านเสียชีวิต 4 นาย เป็นการตอบโต้ที่อิหร่านรัวยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

วันเดียวกันมีรายงานด้วยว่ากลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ออกมากล่าวอ้างในเวลาต่อมาว่า ได้ยิงจรวดหลายลูกโจมตีฐานกลีล็อต ฐานที่มั่นของหน่วยข่าวกรองทหาร 8200 ของอิสราเอล ใกล้กับนครเทลอาวีฟ เมื่อเวลา 02.30 น.ของวันที่ 2 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น นอกจากนี้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังระบุด้วยว่าได้ยิงจรวดโจมตีพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลด้วย โดยเฉพาะที่เมืองซาเฟด ซึ่งเป็นอีกเป้าหมายที่ถูกถล่มซ้ำ โดยมีรายงานจากฝ่ายอิสราเอลว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นในวันนี้ส่งผลให้มีผู้คนในอิสราเอลได้รับบาดเจ็บ 19 ราย

กองทัพอิสราเอลระบุด้วยว่าวันเดียวกันนี้ยังสามารถสกัดโดรน 3 ลำที่ถูกส่งมาโจมตีในอิสราเอลจากทางตะวันออกของทะเลแดง โดยไม่ได้ระบุเจาะจงว่ามาจากที่ใด อย่างไรก็ดีบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่กลุ่มฮูตีเคลื่อนไหวอยู่

‘อาร์เนอ’ เปิดใจหลัง ‘ลิเวอร์พูล’ แซงชนะ ‘ไบรตัน’ อวย!! ลูกทีมเต็มที่ ครึ่งแรก-ครึ่งหลัง ‘หนังคนละม้วน’

(3 พ.ย. 67) ‘ลิเวอร์พูล’ โกงความตายอีกแล้ว พลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง ไบรตัน ไปก่อน 0-1 จากประตูของ แฟร์ดี คาดิโอกลู ในนาที 14 กลับมายิงสองลูกรวดช่วงครึ่งหลังจาก โคดี กักโป นาที 69 และโมฮาเหม็ด ซาลลาห์ นาที 72 แซงชนะ 2-1 ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2024-25 เมื่อวันที่ 2 พ.ย.

จากผลที่เกิดขึ้นทำให้ ‘หงส์แดง’ เก็บเพิ่มเป็น 25 คะแนนจาก 10 นัดแซง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปครองตำแหน่งจ่าฝูงอีกครั้งหลังมีแต้มมากว่า ‘เรือใบสีฟ้า’ 2 คะแนนในจำนวนนัดเท่ากัน ส่วน ไบรตัน หยุดอยู่ที่ 16 คะแนนจาก 10 นัดอยู่อันดับ 7 ตาราง

หลังเกม อาร์เนอ ซึ่งทำสถิติเป็นเฮดโค้ชของ ลิเวอร์พูล คนแรกที่พาทีมชนะในลีก 8 จาก 10 นัดแรก กล่าวถึงผลงานของทีม รวมถึงการขึ้นไปครองจ่าฝูงว่า 

“เราต้องการฟอร์มการเล่นในครึ่งหลังอีกครั้ง เพราะเราเล่นได้แย่ในครึ่งแรก พวกเขาเล่นได้ดีขึ้นเมื่อครองบอล เล่นเกมรุกได้ดีขึ้นเมื่อไม่มีบอล จากนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไปในครึ่งหลังเพราะมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง”

“กองหน้าของเรายิงประตูได้ แต่ความแตกต่างหลักคือเราอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า และได้บอลมากขึ้น เมื่อไม่มีบอล พวกเขาสร้างปัญหาให้เรา แต่ในครึ่งหลังเรายังคงวิ่งต่อไป”

“(เกี่ยวกับตำแหน่งจ่าฝูง) มันสำคัญกว่าหากคุณเล่นกับ อาร์เซนอล ในสนามของพวกเขา และคุณสามารถเสมอได้นอกบ้าน ไบรตัน ก็เป็นทีมที่แข็งแกร่งมากเช่นกัน พวกเขาแสดงให้เห็นในฤดูกาลนี้ หากคุณเผชิญหน้ากับทีมแบบนี้ และตามหลังอยู่ 1-0 และสามารถกลับมาชนะ 2-1 ซึ่งในความคิดของผม มันสมควรแล้ว มันทำให้ผมมั่นใจมากขึ้น และมากกว่าตำแหน่งที่เราอยู่ตอนนี้”

นอกจากนั้นเฮดโค้ชวัย 46 ปียังอัพเดตอาการบาดเจ็บของ อิบราฮิมา โคนาเต กองหลังคนสำคัญซึ่งมีอาการเจ็บที่แขน และค้องถูกเปลี่ยนตัวออกช่วงพักครึ่งแรกว่า 

“เขาเจ็บมากในช่วงพักครึ่ง ดังนั้นคุณต้องเปลี่ยนตัว สิ่งดีคือเรามีตัวสำรองสองคนซึ่งดีมากคือ โจ โกเมซ และจาเรลล์ ควานซาห์ ผมเลือก โจ ในวันนี้เพราะ จาเรลล์ เหนื่อยมาก และเขาพิสูจน์ให้เห็นว่า ผมคิดถูก เพราะเขาเล่นได้โดดเด่นในครึ่งหลัง”

‘Anish Sarkar’ ผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ปัจจุบัน ฝึกซ้อมอยู่ที่ Academy มีอยู่ 1,555 คะแนน

(3 พ.ย. 67) เจ้าหนู Anish Sarkar นับเป็นผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยวัย 3 ปี 8 เดือน

Anish เกิดเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2021 และทำคะแนนได้ 5.5/8 ในการแข่งขัน West Bengal State Under-9 Open ในเดือนตุลาคม โดยจบการแข่งขันในอันดับที่ 24 ทำคะแนนได้ 2/3 ในการแข่งขันกับผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับในงานนี้ ซึ่งถือเป็นการแข่งขันระดับคลาสสิกครั้งแรกของเจ้าหนู

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เจ้าหนูได้แข่งขัน West Bengal State Under-13 Open ซึ่งเป็นการแข่งขันที่ยากมากสำหรับเจ้าหนู ที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับสองคนแต่ไม่ได้คะแนนเลย อย่างไรก็ตาม การแข่งขันก็เป็นไปตามเกณฑ์ เนื่องจากเจ้าหนูต้องเผชิญหน้ากับผู้เล่นที่ได้รับการจัดอันดับทั้งหมดห้าคน

ในรายชื่อการจัดอันดับของ #สหพันธ์หมากรุกสากล #ฟีเด (International Chess Federation หรือ #FIDE) เดือนพฤศจิกายน 2024 เจ้าหนูได้รับการจัดอันดับ 1,555 คะแนน ปัจจุบันกำลังฝึกซ้อมอยู่ที่ Dhanuka Dhunseri Dibyendu Barua Chess Academy

เราขออวยพรให้เด็กน้อยคนนี้ประสบความสำเร็จในอนาคต และเราจะคอยติดตามความคืบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิดต่อไป

‘China Airlines’ เจอพายุ ลงจอดไม่ได้ บินวน เปลี่ยนเส้นทาง ผู้โดยสารชั้นธุรกิจ!! โกรธจัด ลั่น!! ให้พนักงาน ‘คุกเข่าขอโทษ’

เมื่อวานนี้ (1 พ.ย. 67) ที่ไต้หวัน China Airlines เที่ยวบิน CI782 โฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม เที่ยวบินเวลา 11.00 น. กำหนดถึงสนามบินเถาหยวนเวลา 15.15 น. เนื่องจากพายุ กองเร็ยขึ้นฝั่ง เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ บินวน 3 รอบ ก่อนเปลี่ยนเส้นทางลงจอดสนามบินเกาสง 31.10.2024

หลังเครื่องลงจอด เกาสง ผู้โดยสารชั้นธุรกิจโกรธจัดให้พนักงานภาคพื้นคุกเข่าขอโทษ และให้อธิบาย ผู้โดยสารชายชั้นธุรกิจที่โกรธแสดงพฤติกรรมและท่าทางในลักษณะวางมือบนเอว จ้องไปที่พนักงาน คลิปถูกบันทึกจากผู้โดยสารท่านอื่น และแชร์บนโซเซียล 

หลังคลิปเผยแพร่ชาวเน็ตเดือด แสดงความเห็นจำนวนมากอาทิ เรียกร้องให้สายการบินออกมาปกป้องพนักงาน ปกป้องศักดิ์ศรี ,และบอกพนักงานไม่ผิดอย่าคุกเข่าจะทำให้ผู้โดยสารนิสัยเสีย คนอื่นๆทำตาม , ผู้โดยสารชั้นธุรกิจไม่ใช่พระเจ้า , รู้ทั้งรู้ว่ามีพายุไต้ฝุ่น พนักงานผิดอะไร…? , ทั้งพนักงานสายการบิน และพนักงานภาคพื้นต่างทำงานหนักช่วงพายุ เขาไม่ผิด ทำไมต้องให้คุกเข่า แค่ทำงานก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว

'อินโดนีเซีย' สั่งแบนสมาร์ทโฟน 'Google Pixel' เหตุไม่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศอย่างน้อย 40%

(1 พ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อินโดนีเซีย ได้สั่งห้ามจำหน่าย 'Google Pixel’ สมาร์ทโฟนที่ผลิตโดยบริษัทกูเกิล ที่เป็นบริษัทลูกของอัลฟาเบต เนื่องจากตามระเบียบแล้วกำหนดให้สมาร์ทโฟนจะต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซีย โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน อินโดนีเซียก็เพิ่งสั่งห้ามจำหน่าย 'iPhone 16' ของบริษัทแอปเปิล ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้

อินโดนีเซีย ห้ามจำหน่ายโทรศัพท์ 'Google Pixel’ เนื่องจากทางบริษัทไม่ได้ทำตามระเบียบที่กำหนดให้สมาร์ทโฟนที่จำหน่ายในอินโดนีเซียจะต้องใช้ส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศอินโดนีเซียอย่างน้อยร้อยละ 40

โฆษกกระทรวงอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลผลักดันระเบียบนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่นักลงทุนทุกคนในอินโดนีเซีย ซึ่งผลิตภัณฑ์ของกูเกิลไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ ดังนั้น จึงไม่สามารถจำหน่ายในอินโดนีเซียได้

อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคสามารถซื้อ 'Google Pixel’ ในต่างประเทศได้ หากว่าชำระภาษีอย่างถูกต้อง แต่ว่าทางการกำลังพิจารณาปิดการใช้งานโทรศัพท์ที่จำหน่ายอย่างผิดกฎหมาย 

ในขณะเดียวกันกูเกิล ระบุว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการจำหน่ายโทรศัพท์ 'Google Pixel’ ในอินโดนีเซีย อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด

อินโดนีเซีย สั่งแบนโทรศัพท์ 'Google Pixel’  หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน อินโดนีเซียสั่งปิดกั้นการจำหน่ายโทรศัพท์ 'iPhone 16' ภายในประเทศมาแล้ว เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามระเบียบเรื่องชิ้นส่วนประกอบของโทรศัพท์ที่ต้องมีส่วนประกอบที่ผลิตในประเทศ

โพลเผยคนอเมริกันกังขา กว่าครึ่งมองประเทศตัวเอง 'ประชาธิปไตยไม่จริง'

เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส เผยแพร่ผลสำรวจผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 20-23 ต.ค. จำนวน 2,516 คน ซึ่งพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่เชื่อมั่นความสามารถของรัฐบาลในการทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

รายงานระบุว่าผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 45 มองว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ล้มเหลวจะทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และร้อยละ 62 มองว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ทำเพื่อประโยชน์ของตนเองและชนชั้นนำเป็นหลัก โดยความคับข้องหมองใจนี้รวมกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ ความแตกแยกทางการเมือง และปัญหาสังคมเรื้อรัง ฉุดความเชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยสหรัฐฯ

นอกจากนั้นผลสำรวจนี้ยังตอกย้ำความแตกแยกทางการเมืองที่ชัดเจน โดยร้อยละ 60 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกล่าวโทษโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าทำให้ความแตกแยกทางการเมืองเลวร้ายกว่าเดิม ขณะร้อยละ 37 ชี้ความผิดไปที่กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ

แรนดัล พาร์ เกษตรกรวัยเกษียณคนหนึ่ง เผยว่าไม่ใช่พรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกัน แต่เป็นพวกชนชั้นนำในรัฐบาลวอชิงตันที่กำกับควบคุมทุกอย่างและมองข้ามความต้องการของประชาชน

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนผิดหวังกับการนิ่งเฉยของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยซาราห์ วอชิงตัน พนักงานชั่วคราวคนหนึ่ง เผยว่าเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนบ่อยครั้ง แต่ยังคงไม่มีการทำงานแก้ไขปัญหานี้ ได้แต่พูดถึงและปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจราวหนึ่งในสามกังวลว่าปัญหาของสหรัฐฯ อาจร้ายแรงมากจนถึงขั้นประเทศชาติล้มเหลว ขณะร้อยละ 58 มองว่าต้องปฏิรูประบบการเงินและการเมืองของประเทศครั้งใหญ่หรือไม่ก็ยกเครื่องใหม่ทั้งหมด

Starbucks โตสดใสในจีน ทั้งปีเปิดสาขาใหม่แล้ว 790 แห่ง เจาะตลาดระดับอำเภอ สะท้อนนอกเมืองใหญ่กำลังซื้อสูง

เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.67) สตาร์บัคส์ (Starbucks) เผยแพร่รายงานงบการเงินประจำปีที่ระบุว่าสตาร์บัคส์สร้างสถิติเปิดร้านสาขาใหม่รวม 790 แห่ง และเข้าสู่ตลาดระดับอำเภอใหม่ 166 แห่ง บนแผ่นดินใหญ่ของจีนในปีงบการเงินที่สิ้นสุดวันที่ 29 ก.ย. 2024 แม้ยอดจำหน่ายของร้านสาขาที่เปรียบเทียบได้ทั่วโลกลดลง

ยอดจำหน่ายของร้านสาขาที่เปรียบเทียบได้ทั่วโลกของสตาร์บัคส์ในไตรมาสสี่ของปีงบการเงินข้างต้นลดลงร้อยละ 7 เมื่อเทียบปีต่อปี ซึ่งเป็นผลจากธุรกรรมที่เปรียบเทียบได้ลดลงร้อยละ 8 โดยยอดจำหน่ายของร้านสาขาที่เปรียบเทียบได้ในตลาดจีนลดลงร้อยละ 14 ซึ่งเป็นผลจากยอดซื้อเฉลี่ยต่อใบเสร็จลดลงร้อยละ 8 และธุรกรรมที่เปรียบเทียบได้ลดลงร้อยละ 6

แม้ยอดจำหน่ายของร้านสาขามีแนวโน้มลดลง แต่สตาร์บัคส์เพิ่มร้านสาขาใหม่บนแผ่นดินใหญ่ของจีนในไตรมาสสี่ 290 แห่ง ซึ่งคิดเป็นกว่าร้อยละ 40 ของร้านสาขาเปิดใหม่ทั่วโลก 722 แห่ง โดยตัวเลขนี้ทำให้จำนวนร้านสาขาบนแผ่นดินใหญ่ของจีนรวมอยู่ที่ 7,596 แห่ง ครอบคลุมตลาดระดับอำเภอราวหนึ่งในสามของทั้งหมดในจีน

ทั้งนี้ จำนวนร้านสาขาในสหรัฐฯ และจีนคิดเป็นร้อยละ 61 ของร้านสาขาสตาร์บัคส์ทั่วโลก เมื่อนับถึงสิ้นไตรมาสสี่

จูตานเผิง นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมอาหาร กล่าวว่าตลาดระดับอำเภอกลายเป็น 'น่านน้ำสีน้ำเงิน' (blue ocean) หรือตลาดที่ยังมีคู่แข่งน้อยสำหรับการบริโภคกาแฟในจีนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของสตาร์บัคส์สะท้อนความเชื่อมั่นในตลาดกาแฟของจีน

มอลลี หลิว ซีอีโอของสตาร์บัคส์ ไชน่า เน้นย้ำว่าธุรกิจของสตาร์บัคส์ยังคงแข็งแกร่งและยืดหยุ่น โดยสตาร์บัคส์ยังคงมุ่งมั่นดำเนินการพัฒนาระยะยาวในตลาดจีนต่อไป

ชาวมาเลย์แห่แบนร้าน Starbucks อาจต้องปิดเกือบ 100 สาขาทั่วประเทศ เหตุบริษัทกาแฟหนุนยิวทำสงครามกาซา

(1 พ.ย.67) มาเลเซียรายงานว่า บริษัท Berjaya Group บริษัทเครือข่ายธุรกิจยักษ์ใหญ่ ผู้ดูแลกิจการ Starbucks ในมาเลเซียได้รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกของ ปี 2024 พบว่าขาดทุนสุทธิอยู่ถึง 91.5 ล้านริงกิต และมีรายได้ลดลงจากปีก่อนถึง 35% จากเดิม 1.1 พันล้านริงกิต เหลือเพียง 730.3 ล้านริงกิตในปีนี้  

ผลประกอบการที่ลดลงเชื่อว่ามาจากสาเหตุที่แบรนด์ร้านกาแฟยักษ์ใหญ่ระดับโลกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์สินค้าชาติตะวันตกที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการโจมตีฉนวนกาซาและชาวปาเลสไตน์ ส่งผลให้ Starbucks กระทบยอดขายกาแฟกว่า 400 สาขาทั่วประเทศ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าโดยจำนวนนี้มีความเป็นไปได้ที่อาจต้องปิดสาขาเป็นการถาวรเกือบ 100 สาขา

นอกเหนือจาก Starbucks แล้ว แบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง KFC, McDonald's และ Nestle ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกันในตลาดมาเลเซีย ที่มีจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมกระแสการต่อต้านสงครามของอิสราเอล ที่ใช้กำลังทหารรุกรานพื้นที่พลเรือนในเขตฉนวนกาซา และ เลบานอน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว มากกว่า 50,000 ราย

MalaysiaNow ยังได้สำรวจข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ของ Starbuck พบว่ามีร้านกาแฟอย่างน้อย 60 สาขา ที่จะต้องถูกปิดในระยะเวลาอันใกล้ แม้บางแห่งจะเป็นการปิดเพื่อปรับปรุง แต่บริษัทก็ยังต้องแบกรับค่าเช่าที่ราคาสูง 

อย่างไรก็ตาม Starbucks มาเลเซียได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการปิดสาขาเกือบ 100 แห่งแล้ว ยืนยันว่าจะปิดปรับปรุงแค่บางสาขาเท่านั้น

โดยทางแบรนด์ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า 'Starbucks' ไม่เคยอยู่ในเป้าหมายของกระแสการบอยคอตโดยชาติมุสลิมในประเด็นเรื่องสงครามในกาซา นอกจากนี้ยังยืนยันด้วยว่า ผลประกอบการเริ่มกระเตื้องขึ้นแล้วเนื่องจากผู้บริโภคเริ่มตระหนักรู้ว่าข้อกล่าวหาที่ว่าธุรกิจของ Starbucks มีส่วนสนับสนุนกองทัพอิสราเอลนั้น 'ไม่เป็นความจริง'

ก่อนหน้านี้ วินเซนท์ ทาน เจ้าของกิจการ Berjaya Group ผู้ดูแล Starbucks ในมาเลเซีย ได้ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกกระแสคว่ำบาตร Starbucks ที่มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของการคว่ำบาตรกลุ่มนายทุนชาวยิว เพราะจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานของ Starbucks ในมาเลเซียกว่า 5,000 คน

ทั้งนี้ นอกเหนือจากกระแสบอยคอตสินค้าที่สนับสนุนอิสราเอลแล้ว ธุรกิจ Starbucks ในมาเลเซียยังเผชิญแรงดันรูปแบบอื่นเช่นกัน โดยเฉพาะการแข่งขันอย่างดุเดือดของตลาดร้านกาแฟในประเทศต่างหาก ที่ส่งผลต่อยอดขายของ Starbucks โดยตรง ซึ่งตอนนี้ ZUS Coffee ร้านกาแฟสัญชาติมาเลเซีย ได้โค่น Starbucks คว้าตำแหน่งร้านกาแฟยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศไปแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top