Monday, 7 July 2025
WORLD

ทรัมป์โทษนโยบายหลากหลาย ทำจราจรทางอากาศพัง จ้างคนไร้ความสามารถทำงาน ต้นเหตุปมเครื่องบินชนเฮลิคอปเตอร์ดับ

(31 ม.ค.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงข่าวถึงเหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ ชนเข้ากับเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอวก์ของกองทัพ ตกกลางแม่น้ำโปโตแมค ที่กรุงวอชิงตัน ขณะกำลังลงจอดที่สนามบินเรแกนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 67 ราย โดยไม่มีผู้รอดชีวิต

ซึ่งแม้ว่าสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ทรัมป์กล่าวโทษว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากการขาดประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) ที่ส่งเสริมการเปิดรับบุคคลจากกลุ่มต่าง ๆ ให้เข้ามาทำงานแทนที่บุคคลที่มีความสามารถสูงสุด โดยทรัมป์กล่าวว่า 

"คนที่ทำงานควบคุมการจราจรทางอากาศต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุด ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาหรือเชื้อชาติ สิ่งสำคัญที่สุดคือความสามารถ" ทรัมป์กล่าว พร้อมวิจารณ์ว่าการเปิดรับบุคคลจากกลุ่มที่หลากหลายเข้าทำงานแทนที่จะพิจารณาจากความสามารถ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง  

เมื่อนักข่าวถามว่าทำไมเขาจึงสรุปว่านโยบาย DEI เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ ทรัมป์ตอบว่า “เพราะผมมีคอมมอนเซนส์ แต่โชคร้ายที่คนอื่นไม่มี”

ทรัมป์ยังกล่าวหาว่ารัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา และโจ ไบเดน ให้ความสำคัญกับนโยบาย DEI มากเกินไป จนทำให้เกิดผลกระทบต่อมาตรฐานขององค์กร เช่น องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) ซึ่งในสมัยของโอบามา เคยเรียกร้องให้เพิ่มความหลากหลายทางเชื้อชาติภายในองค์กร แทนที่จะคัดเลือกพนักงานจากความสามารถโดยตรง

นอกจากนั้นทรัมป์ยังเผยว่า เขาเตรียมลงนามคำสั่งให้กระทรวงคมนาคมยกเลิกนโยบายความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) ในภาคการบิน หลังเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารของอเมริกันแอร์ไลน์สชนกลางอากาศกับเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กของกองทัพสหรัฐฯ ดังกล่าวด้วย

ด้านรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ และ ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต่างสนับสนุนแนวทางของทรัมป์ โดยแวนซ์ระบุว่านโยบาย DEI ทำให้มาตรฐานการจ้างงานในหอบังคับการบินตกต่ำลง ขณะที่ดัฟฟียืนยันว่าจะมีการปฏิรูปเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก  

ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า บนเที่ยวบินของอเมริกันแอร์ไลน์สมีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 64 คน ส่วนเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กมีผู้โดยสาร 3 คน หนึ่งในกลุ่มผู้โดยสารคือทีมสเก็ตลีลาจากเมืองบอสตัน ซึ่งมีนักกีฬาวัย 16 ปี 2 คน พร้อมมารดาและโค้ชชาวรัสเซียอยู่บนเครื่อง  

ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุ โดยเบื้องต้นพบว่าเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์เดินทางมาตามเส้นทางปกติ ระบบสื่อสารไม่มีปัญหา แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจุดบกพร่องเกิดขึ้นที่ใด ขณะที่สำนักงานดับเพลิงและบริการการแพทย์ฉุกเฉินของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า โอกาสพบผู้รอดชีวิตเป็นไปได้น้อยมาก ปฏิบัติการกู้ภัยจึงเปลี่ยนเป็นการเก็บกู้ศพ

กต.แถลงยืนยัน 5 คนไทยพ้นฮามาส เร่งประสานช่วยอีก 1 คนที่เหลือ

เมื่อวานนี้ (30 ม.ค.68) กระทรวงการต่างประเทศแถลงยืนยันว่าคนไทย 5 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกันในฉนวนกาซาได้รับการปล่อยตัวแล้ว และขณะนี้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยเพื่อรับการดูแลทางการแพทย์ โดยรัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือตัวประกันไทยอีก 1 คนที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่  

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รายงานว่าตัวประกันไทยทั้ง 5 คนได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ และกำลังถูกนำตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจสุขภาพ  

ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้จัดส่งเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศไปให้ความช่วยเหลือ พร้อมติดต่อครอบครัวของตัวประกันในประเทศไทยทันที  

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเดินทางไปยังอิสราเอลคืนนี้ เพื่อประสานงานรับตัวแรงงานไทยกลับประเทศ กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีต่อครอบครัวของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว และขอบคุณประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ ได้แก่ กาตาร์ อียิปต์ อิหร่าน ตุรกี สหรัฐอเมริกา รวมถึงสภากาชาดสากล  

รัฐบาลไทยยังขอบคุณอิสราเอลที่ให้ความร่วมมือในการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยทั้ง 5 คนในการเดินทางกลับประเทศ และหวังว่าตัวประกันไทยที่เหลืออยู่ รวมถึงตัวประกันทุกคนในฉนวนกาซา จะได้รับอิสรภาพโดยเร็วที่สุด  

นายนิกรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้ง มีแรงงานไทยเสียชีวิตจากสงครามในตะวันออกกลางแล้ว 46 ราย ขณะที่ตัวประกันไทยได้รับการปล่อยตัวแล้ว 28 ราย และยังเหลืออีก 1 รายที่อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอให้ได้รับอิสรภาพ  

สำหรับแรงงานไทย 5 คนที่ได้รับการปล่อยตัว ได้แก่  
1. นายเสถียร สุวรรณคำ  
2. นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา  
3. นายวัชระ ศรีอ้วน  
4. นายสุรศักดิ์ ลำเนา  
5. นายบรรณวัชร แซ่ท้าว  

ส่วนอีก 1 ราย คือ นายณัฐพงษ์ ปินตา ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันสถานะ แต่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยประสานงานกับประเทศที่สามารถเจรจากับกลุ่มฮามาส เพื่อให้ตัวประกันไทยคนสุดท้ายได้รับการปล่อยตัวและเดินทางกลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

ตะวันตกล้อมกรอบ 'DeepSeek'แห่ปิดกั้น-สั่งสอบ กล่าวหาขโมยเทคโนโลยี-เสี่ยงข้อมูลผู้ใช้งานรั่ว

(30 ม.ค.68) เพียงไม่กี่วันที่บริษัท DeepSeek ของจีนเปิดตัวโมเดล AI ที่ใช้ต้นทุนต่ำแถมมีประสิทธิภาพไม่แพ้ ChatGPT ของบริษัท OpenAI จนสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วซิลิคอนวัลเลย์ ถึงขั้นที่หุ้นของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสหรัฐหลายแห่งร่วงระนาว แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าบรรดาบริษัทเอกชนฝั่งตะวันตก และบรรดาชาติตะวันตกบางแห่งจะระแวงบริษัท AI จีนที่กำลังมาแรงในขณะนี้ 

ล่าสุดดูเหมือนว่าบริษัทเอกชนและรัฐบาลบางประเทศในตะวันตกเริ่มแสดงความกังวลต่อการเติบโตของบริษัท AI จากจีน โดยเฉพาะ DeepSeek ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ มีรายงานว่า คณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐอเมริกา (FTC) กำลังเตรียมตรวจสอบธุรกิจคลาวด์ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) เพื่อประเมินว่ามีการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดหรือไม่ 

แหล่งข่าวจากรอยเตอร์เปิดเผยว่า การตรวจสอบของ FTC จะมุ่งเน้นไปที่ข้อสงสัยว่าไมโครซอฟท์อาจใช้อิทธิพลในฐานะผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ กำหนดเงื่อนไขที่อาจกีดกันไม่ให้ลูกค้าย้ายข้อมูลจากบริการคลาวด์ Azure ไปยังแพลตฟอร์มของคู่แข่ง นอกจากนี้ FTC ยังกำลังพิจารณาข้อกล่าวหาที่ไมโครซอฟท์ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสมาชิกในราคาสูงสำหรับลูกค้าที่ต้องการยกเลิกบริการคลาวด์ และทำให้ผลิตภัณฑ์ Office 365 ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบคลาวด์ของคู่แข่งได้

ขณะเดียวกัน DeepSeek ก็กำลังถูกจับตาจากหลายประเทศเช่นกัน โดยหน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของอิตาลี (Garante) ได้สั่งให้ Apple และ Google ถอดแอปพลิเคชัน DeepSeek ออกจาก App Store และ Play Store ชั่วคราว ส่งผลให้ผู้ใช้งานในอิตาลีไม่สามารถดาวน์โหลดแอปได้ในขณะนี้ 

Garante ระบุว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน DeepSeek จึงได้ส่งคำถามไปยังผู้พัฒนาเพื่อขอคำชี้แจงภายใน 20 วัน พร้อมตรวจสอบเพิ่มเติมว่า DeepSeek ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับทั่วไปเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูล (GDPR) ของสหภาพยุโรปหรือไม่  

นอกจากอิตาลีแล้ว หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลของไอร์แลนด์ก็เริ่มตรวจสอบการเก็บข้อมูลของ DeepSeek เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาที่กำลังสืบสวนว่า DeepSeek ใช้ข้อมูลใดในการฝึกฝนโมเดลปัญญาประดิษฐ์ 

ทหาร 1 แสนนายหนีทัพ รัสเซียเผยสูญเสียหนัก เซเลนสกีไม่มีทางเลือก แก้กม.ดึงเด็ก 18 ปีสู้ศึกแทน

(30 ม.ค.68) กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีทหารยูเครนราว 100,000 นาย ละทิ้งหน้าที่จากหน่วยของตนเองและหลบหนีไป โดยกรณีการหนีทัพดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในเวลานี้

รายงานระบุว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กองทัพยูเครนสูญเสียกำลังพลโดยเฉลี่ยประมาณ 50,000 คนต่อเดือน

"จากข้อมูลทางการ ทหารยูเครนประมาณ 100,000 คน ได้ละทิ้งหน่วยทหารของตนโดยพลการและหลบหนีไป" กระทรวงฯ กล่าวในแถลงการณ์ นอกจากนี้ ยังเสริมว่า อัตราการระดมพลในยูเครนไม่สามารถชดเชยการสูญเสียได้ ส่งผลให้จำนวนกำลังพลของยูเครนลดลงอย่างต่อเนื่อง

กลาโหมรัสเซียยังเผยอีกว่า ด้วยสภาพดังกล่าวทำให้รัฐบาลเคียฟมีทางเลือกไม่มาก โดยอาจใช้วิธีการแก้ไขกฎหมายลดอายุเกณฑ์การระดมพลจาก 25 ปีเหลือ 18 ปี ซึ่งเป็นเพียงวิธีเดียวที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี จะสามารถทำได้เพื่อยืดเวลาการรบในแนวหน้าโดยเฉพาะที่ภูมิภาคดอนบาสออกไปอีกไม่กี่เดือน แต่นั่นก็ทำให้ยูเครนถูกบรรดาชาติตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์

ลูคาเชนโกถล่มทลาย!! ชนะเลือกตั้งสมัย 7 'ปูติน-สี' ร่วมยินดี ไม่แคร์ตะวันตกซัด เผด็จการไร้ความชอบธรรม

นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกประธานาธิบดีคนปัจจุบันของเบลารุส ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศเป็นครั้งที่ 7 ตามข้อมูลเบื้องต้นจากคณะกรรมการการกลางเลือกตั้ง Центральной избирательной комиссии (ЦИК) ของสาธารณรัฐเบลารุสโดยจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งตามข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของสาธารณรัฐ อยู่ที่ 85.70% พลเมืองโหวตมากที่สุดในภูมิภาค Mogilev Могилевской области (92.64%) น้อยที่สุดในมินสค์ (69.72%) โดยรวมแล้วมีพลเมือง 6.9 ล้านคนเป็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

ทั้งนี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเบลารุสเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา จากข้อมูลเบื้องต้นจากคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางเบลารุส ลูคาเชนโกชนะด้วยคะแนน 86.82% ผู้สมัครรายอื่นแสดงผลลัพธ์ดังต่อไปนี้:
- นายโอเล็ก ไกดูเควิชОлег Гайдукевич สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) Либерально-демократической партии (ЛДП) ได้ 2.02% ของคะแนนเสียง;
- แอนนา คาโนปัตสกายาАнна Канопацкая (อายุ 48 ปี) ผู้ประกอบการอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (2016–2019) และผู้เข้าร่วมในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020  ได้ 1.86%;

- นายเซอร์เกย์ ไซรานคอฟ (Сергей Сыранков) เลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3.21%;
- นายอเล็กซานเดอร์ คิซเนียค (Александр Хижняк) หัวหน้าพรรครีพับลิกันแห่งแรงงานและความยุติธรรม(Республиканской партии труда и справедливости) และรองผู้อำนวยการสภาผู้แทนราษฎรเมืองมินสค์ ได้ 1.74%
- ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 5.1% โหวตต่อต้านผู้สมัครทุกคน และผู้มาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งทั้งหมดคือ 85.7%

โดยเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2025 รัฐสภายุโรปมีมติเรียกร้องให้ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเบลารุส สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกล่าวก่อนการเลือกตั้งว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เสรีและไม่ยุติธรรม เนื่องจากสื่ออิสระถูกห้ามในเบลารุส และผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญทั้งหมดถูกจำคุกหรือถูกบังคับให้หลบหนีออกนอกประเทศ พันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เคยออกมาปกป้องการจำคุกนักต่อต้านรัฐบาลและประกาศว่า “ผมไม่สนใจตะวันตก”นายคายา คัลลาส นักการทูตชั้นนำของสหภาพยุโรป เรียกการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าเป็น “การหลอกลวง” และกล่าวว่า “ลูคาเชนโกไม่มีความชอบธรรมใดๆ” ในขณะที่นางอันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีกล่าวว่า“ชาวเบลารุสไม่มีทางเลือกอื่น วันนี้เป็นวันที่ขมขื่นสำหรับผู้ที่โหยหาเสรีภาพและประชาธิปไตย”

ในวันเลือกตั้ง นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกกล่าวว่าไม่สำคัญสำหรับเขาว่าตะวันตกจะยอมรับผลการลงคะแนนหรือไม่ “สิ่งสำคัญสำหรับผมคือชาวเบลารุสยอมรับการเลือกตั้งเหล่านี้” หลังจากการลงคะแนนเสียงในเบลารุสสิ้นสุดลงนายคาจา คัลลาหัวหน้าฝ่ายการทูตของสหภาพยุโรปและนางมาร์ธา คอส กรรมาธิการยุโรปเพื่อการขยายขนาด ได้ออกแถลงการณ์ร่วมที่พวกเขาเรียกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสาธารณรัฐเป็นเรื่องสมมติ “การเลือกตั้งหลอกลวงในเบลารุสในวันนี้ไม่ได้เสรีหรือยุติธรรม”
เมื่อทราบผลการเลือกตั้งนายราโดสลาฟ ซิคอร์สกี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์แสดงความประหลาดใจเล็กน้อยที่ดูเหมือนว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง “เพียง” 87.6% เท่านั้นที่ให้การสนับสนุนลูคาเชนโก “ส่วนที่เหลือจะเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้หรือไม่”

การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนในเบลารุสเกิดขึ้นในปี 2020 นอกจากประธานาธิบดีคนปัจจุบันแล้ว ยังมีผู้สมัครฝ่ายค้านอีก 3 คนที่วางแผนจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเวลานั้น ได้แก่ 1) นายเซอร์เกย์ ทิคานอฟสกี้ (Сергей Тихановский) บล็อกเกอร์ 2) นายธนาคาร นายวิคเตอร์ บาบาริโก้ (Виктор Бабарико) นักธุรกิจ และ 3) นายวาเลรี เซปคาโล (Валерий Цепкало) โดยนายเซอร์เกย์ ทิคานอฟสกี้ถูกควบคุมตัวก่อนการเลือกตั้งหลังจากนั้นนางสเวตลานา ทิคานอฟสกายาภรรยาของเขาก็ต้องหลบหนีออกจากประเทศ นายวิคเตอร์ บาบาริโก้และนายวาเลรี เซปคาโล ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางปฏิเสธการสมัคร ในการเลือกตั้งครั้งนั้นนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 80% ฝ่ายค้านไม่ยอมรับผลลัพธ์เหล่านี้โดยเชื่อว่านายเซอร์เกย์ ทิคานอฟสกี้เป็นผู้ชนะซึ่งตามรายงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางได้รับเพียง 9.9% หลังจากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เกิดการประท้วงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในประเทศเป็นเวลาหลายเดือนซึ่งภายหลังถูกปราบปรามโดยกองกำลังความมั่นคง

ในขณะที่ฝั่งตะวันตกไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับกับชัยชนะของนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกผู้นำหลายประเทศและองค์กรระหว่างประเทศออกมาแสดงความยินดีกับชัยชนะของนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกที่ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเบลารุสเป็นครั้งที่ 7 ประกอบด้วย

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งสหพันธรัฐรัสเซียได้แสดงความยินดีอย่างอบอุ่นต่อประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเบลารุส อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกสำหรับชัยชนะอันน่าเชื่อของเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และขออวยพรให้เขาประสบความสำเร็จในการทำงานในตำแหน่งสูงสุดของรัฐบาล ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้กล่าวว่า “ชัยชนะที่น่าเชื่อในการเลือกตั้งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงอำนาจทางการเมืองระดับสูงของคุณ เช่นเดียวกับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับแนวทางของรัฐ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เราได้พยายามทำอะไรมากมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างมอสโกและมินสค์ แน่นอนว่า เราจะยังคงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการพัฒนาความร่วมมือรัสเซีย-เบลารุสในหลากหลายแง่มุม เพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันต่างๆ ของรัฐสหภาพ และส่งเสริมกระบวนการบูรณาการที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่เอเชีย" นายวลาดิเมียร์ ปูตินยังอวยพรให้อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกประสบความสำเร็จในกิจกรรมของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวเบลารุส ตลอดจนมีสุขภาพที่ดีและเจริญรุ่งเรือง และยังเชิญเชิญให้นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกไปเยือนมอสโกในอนาคตอันใกล้นี้ 

นายคาสซิม-โจมาร์ท โทคาเยฟประธานาธิบดีคาซัคสถานได้แสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งด้วยการสนทนาทางโทรศัพท์ นายคาสซิม-โจมาร์ท โทคาเยฟตั้งข้อสังเกตว่าในคาซัคสถาน นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกเป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลทางการเมืองที่โดดเด่นซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากในการพัฒนาความสัมพันธ์มิตรภาพและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของคาซัค – เบลารุส

นายชาฟกัต มีร์ซีโยเยฟประธานาธิบดีอุซเบกิสถานได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์ยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกโดยนายชาฟกัต มีร์ซีโยเยฟได้แสดงความยินดีอย่างอบอุ่นกับเพื่อนร่วมงานชาวเบลารุสของเขาเกี่ยวกับชัยชนะอันน่าเชื่อในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้

ประธานาธิบดีทาจิกิสถานนาย เอโมมาลี ราห์มอน ได้แสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมงานชาวเบลารุสของเขาสำหรับชัยชนะและผลลัพธ์ที่สูงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2025 ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ของเบลารุสสนทนาทางโทรศัพท์กับนายอิลฮาม อาลีเยฟประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน ซึ่งแสดงความยินดีกับประมุขแห่งรัฐเบลารุสในชัยชนะอย่างมั่นใจในการเลือกตั้งประธานาธิบดีขอให้เขาประสบความสำเร็จในการทำงานในตำแหน่งที่รับผิดชอบนี้และการดำเนินการตามแผนของเขาประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แสดงความยินดีกับสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งของนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก “ความเจริญรุ่งเรืองและอำนาจต่อเบลารุสที่เป็นมิตร” ผมให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-เบลารุส และพร้อมที่จะพยายามร่วมมือกับคุณเพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิมระหว่างจีนและเบลารุส กระชับความร่วมมือทวิภาคีที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในระดับทวิภาคี และส่งเสริมการพัฒนาที่ก้าวหน้าของความสัมพันธ์จีน-เบลารุส 

เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ” นายนูร์ลัน เออร์เม็กบาเยฟเลขาธิการองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก สำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี “ผมขอแสดงความยินดีกับคุณในนามของภารกิจของเราของผู้สังเกตการณ์ขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เกี่ยวกับชัยชนะที่น่าเชื่อ เราคุ้นเคยกับข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางเบลารุสแล้ว ในส่วนของเรา เราถือว่าคำเชิญให้เข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้ง อันเป็นสัญลักษณ์ของการเปิดกว้างของรัฐเบลารุสต่อการสังเกตจากภายนอก ความไว้วางใจ และความเคารพต่อความร่วมมือขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้"

นายบากิตชาน ซาจินเทเยฟ หัวหน้าคณะกรรมการอีอีซีได้มีสาสน์แสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก สำหรับชัยชนะในการเลือกตั้ง “ผมเชื่อว่าประสบการณ์หลายปีของคุณในการปกครองรัฐจะยังคงมีส่วนสนับสนุนความสำเร็จทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเบลารุสและการพัฒนากระบวนการบูรณาการในทวีปเอเชีย”

นายอิมังกาลี ทัสมากัมเบตอฟ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (CSTO) แสดงความมั่นใจว่าภายใต้การนำของนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก เบลารุสจะยังคงมีส่วนสำคัญต่อกระบวนการบูรณาการ เสริมสร้างเสถียรภาพในพื้นที่ยูเรเซียอันกว้างใหญ่ และกระชับความสัมพันธ์พันธมิตรให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นภายในกรอบขององค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม

พระสังฆราชคิริลล์แสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก สำหรับชัยชนะของเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดี “ เป็นเรื่องน่ายินดีที่ในพันธกิจที่ยากลำบากของคุณ คุณมักจะให้ความสนใจอย่างมากต่อสถานะทางจิตวิญญาณและศีลธรรมของสังคมและการสนับสนุนค่านิยมของครอบครัวแบบดั้งเดิม” พระสังฆราชตั้งข้อสังเกต เขาแสดงความหวังในการพัฒนาปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐของประเทศกับคริสตจักรออร์โธดอกซ์เบลารุส

นายชาห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานได้ส่งสาสน์แสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก สำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในข้อความแสดงความยินดี ยังกล่าวถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างปากีสถานและเบลารุส และแสดงความหวังว่าจะทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตามที่เขาพูด ความร่วมมือกำลังพัฒนาในด้านต่างๆ รวมถึงการค้า การศึกษา และวัฒนธรรม และมีความสนใจที่จะสำรวจโอกาสในการขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ

ประธานาธิบดีคีร์กีซสถานได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกทางโทรศัพท์ถึงชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้ง ผู้นำของทั้งสองประเทศยืนยันถึงปฏิสัมพันธ์และความสนใจในเบลารุส-คีร์กีซในระดับสูงในการขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป

ประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถาน นายนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟ ได้แสดงความยินดีกับลูคาเชนโกสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้ง นายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกยังขอบคุณ นายนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟอย่างอบอุ่นสำหรับคำพูดและความปรารถนาดีของเขา ประธานาธิบดีเวียดนามแสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้ง “เวียดนามติดตามและสังเกตอย่างใกล้ชิดด้วยความพึงพอใจเสมอถึงความสำเร็จที่ชาวเบลารุสได้รับภายใต้การนำของคุณในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมและการเสริมสร้างสถานะระหว่างประเทศของประเทศ เวียดนามให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างและพัฒนามิตรภาพแบบดั้งเดิมกับเบลารุสและเชื่อมั่นเช่นนั้น ด้วยความมุ่งมั่นของผู้นำและประชาชนของทั้งสองประเทศ ความร่วมมือหลายแง่มุมระหว่างเวียดนามและเบลารุสจะยังคงให้ผลลัพธ์มากยิ่งขึ้นในนามของผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสอง ในนามของสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาใน ภูมิภาคและโลก”

ประธานาธิบดีเติร์กเมนิสถานแสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกสำหรับชัยชนะของเขาและแสดงความมั่นใจในการพัฒนาความสัมพันธ์กับเบลารุส “เติร์กเมนิสถานให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความร่วมมือทวิภาคีต่อไป ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค การเคารพซึ่งกันและกัน และความไว้วางใจ ผมเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งว่าภายใต้การนำที่ชาญฉลาดและมองการณ์ไกลของคุณ สาธารณรัฐเบลารุสจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ความสำเร็จและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐของเราจะก้าวไปสู่ระดับใหม่เชิงคุณภาพ”

ประธานาธิบดีนิการากัวนายโฮเซ่ แดเนียล ออร์เทกา ซาเวดราและรองประธานาธิบดี โรซาริโอ มูริลโล สงสาสน์แสดงความยินดีกับประธานาธิบดีนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกเนื่องในโอกาสได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง "เรามีความสุขและภาคภูมิใจในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด เป็นพี่น้องกัน และในการปฏิวัติ เราขอแสดงความยินดีกับคุณในชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์นี้ในบริบทของความปรารถนา เป้าหมาย และการประนีประนอมในนามของสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความเจริญรุ่งเรืองของสิทธิ ยืนยันว่าคุณเป็นประธานาธิบดีของกลุ่มคนที่กล้าหาญของคุณ และยังคงมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อโลกแห่งความยุติธรรม ภราดรภาพ และความเคารพที่มีหลายขั้ว”

ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส ยังได้รับสาสน์แสดงความยินดีจากประธานาธิบดีเซอร์เบีย อเล็กซานดาร์ วูซิช ในโอกาสที่เขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี “ในนามของพลเมืองของสาธารณรัฐเซอร์เบียและในนามของข้าพเจ้าเอง ผมขอแสดงความยินดีกับคุณที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ในฐานะประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเบลารุส และขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จในการบรรลุภารกิจที่รับผิดชอบของคุณ”

นอกจากนี้นายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกยังได้รับสาสน์แสดงความยินดีในโอกาสแห่งชัยชนะในการเลือกตั้งจากประธานสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมาร์ นายกรัฐมนตรีของประเทศเมียนมาร์ นายมิน อ่องลาย และนายเซลจ์กา ซีวิยาโนวิช ประธานรัฐสภาแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา นายดมิทรี เมดเวเดฟ หัวหน้าพรรรัสเซีย ยูไนเต็ด อดีตประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งกล่าวว่าพลเมืองของประเทศได้มอบความไว้วางใจให้ นายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกดำรงตำแหน่งสูงสุดของรัฐบาลเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งบอกถึงการสนับสนุนอย่างกว้างขวางสำหรับนโยบายภายในประเทศและต่างประเทศในปัจจุบัน ผมมั่นใจว่ากิจกรรมของคุณจะยังคงมีส่วนร่วมในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ในการเสริมสร้างมิตรภาพและความร่วมมือที่หลากหลายระหว่างประเทศที่เป็นพี่น้องกันของเรา การบูรณาการที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นภายในรัฐสหภาพและสมาคมอื่น ๆ ในพื้นที่เอเชีย ผมขอให้คุณอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกที่รักมีสุขภาพที่ดี มีความสำเร็จใหม่ ๆ และสิ่งที่ดีที่สุด ผมขอให้คุณประสบความสำเร็จในทุกสิ่ง”

สั่ง Meta ควัก 25 ล้านดอลลาร์ชดใช้ทรัมป์ กรณีปิดบัญชีจากเหตุจลาจลรัฐสภา

(30 ม.ค. 68) บริษัท Meta ยินยอมที่จะจ่าย 25 ล้านดอลลาร์ให้กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อยุติคดีความที่ทรัมป์ฟ้องร้องบริษัท หลังจากที่แพลตฟอร์มสั่งระงับบัญชีของทรัมป์หลังเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 รายงานข่าวดังกล่าวถูกเปิดเผยโดย  The Wall Street Journal และได้รับการยืนยันโดยโฆษกของ Meta 

จากรายงานของ The Wall Street Journal ระบุว่า เงินจำนวน 22 ล้านดอลลาร์ที่ Meta จ่ายให้ทรัมป์นี้จะถูกนำไปสมทบทุนสร้างหอสมุดประธานาธิบดี ส่วนที่เหลือจะถูกใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมทางกฎหมายและชำระให้กับโจทก์รายอื่น ๆ ที่มีชื่อในคดีดังกล่าว ทั้งนี้ ทำเนียบขาวยังไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

การฟ้องร้อง Facebook ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้บริษัทแม่ Meta เป็นหนึ่งในหลายคดีที่ทรัมป์ยื่นฟ้อง สืบเนื่องหลังเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคม ซึ่งนอกจาก Facebook แล้ว ทรัมป์ยังยื่นฟ้อง YouTube และ Twitter (ปัจจุบันคือ X) รวมถึงผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม คดีฟ้องร้อง Twitter ถูกผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางยกฟ้องไปแล้ว ขณะที่คดีฟ้องร้อง Google ถูกระงับคดีชั่วคราวไปในปี 2023 แต่ยังมีโอกาสที่จะนำกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง

หลังเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ Facebook ระงับบัญชีของทรัมป์ เนื่องจากเขาใช้แพลตฟอร์มเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการเลือกตั้งและอ้างว่าตนเป็นผู้ชนะในปี 2020 การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Facebook ซึ่งก่อนหน้านี้มักปล่อยให้ผู้นำทางการเมืองใช้งานแพลตฟอร์มได้โดยไม่มีการควบคุมเข้มงวด แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์รุนแรง บริษัทได้ปรับปรุงกฎระเบียบใหม่เพื่อให้สามารถระงับบัญชีบุคคลสำคัญได้ในกรณี "พิเศษ" เช่น ภาวะความไม่สงบและความรุนแรงทางการเมือง

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Facebook ในเวลานั้นกล่าวว่า "เราเชื่อว่าความเสี่ยงจากการปล่อยให้ประธานาธิบดีใช้งานแพลตฟอร์มของเราต่อไปในช่วงเวลานี้นั้นสูงเกินไป" บริษัทจึงตัดสินใจลงโทษทรัมป์ขั้นสูงสุดตามกฎใหม่ โดยระงับบัญชี Facebook และ Instagram ของเขาแบบไม่มีกำหนด

"พวกเขาไม่ควรได้รับอนุญาตให้ทำแบบนี้ พวกเขากำลังเซ็นเซอร์และปิดปากเรา และสุดท้ายแล้ว เราจะชนะ ประเทศของเราไม่สามารถทนรับการกดขี่แบบนี้ได้อีกต่อไป!" ทรัมป์กล่าวในขณะนั้น และเสริมว่า "ครั้งต่อไปที่ผมอยู่ในทำเนียบขาว จะไม่มีมื้อค่ำที่ซักเคอร์เบิร์กและภรรยาของเขาร้องขออีกต่อไป ทุกอย่างจะเป็นเรื่องธุรกิจเท่านั้น!"

ไม่กี่เดือนต่อมา Facebook ปรับลดระยะเวลาการระงับบัญชีของทรัมป์เป็นสองปี และในปี 2023 เมื่อครบกำหนดสองปี บริษัทได้คืนสิทธิ์ให้เขากลับมาใช้งานแพลตฟอร์ม เช่นเดียวกับ Twitter และ YouTube ที่ยกเลิกการแบนบัญชีของทรัมป์

ล่าสุด ซักเคอร์เบิร์กดูเหมือนจะกลับมาเป็นที่โปรดปรานของทรัมป์อีกครั้ง โดยมีรายงานว่าเขาพบกับทรัมป์หลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และนั่งแถวหน้าระหว่างพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี ซักเคอร์เบิร์กยังเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงระดับหรูให้กับทรัมป์ในช่วงเฉลิมฉลองวันเข้ารับตำแหน่ง

การเจรจายุติคดีเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน เมื่อซักเคอร์เบิร์กไปรับประทานอาหารค่ำกับทรัมป์ที่บ้านพัก Mar-a-Lago ในฟลอริดา โดย The Wall Street Journal รายงานว่าทรัมป์ระบุว่าคดีความต้องถูกจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ซักเคอร์เบิร์กจะสามารถ "เข้าร่วมกลุ่มของเขา" ได้ ต่อมา ซักเคอร์เบิร์กกลับไปที่ Mar-a-Lago ในช่วงต้นเดือนมกราคมเพื่อการไกล่เกลี่ยที่กินเวลาทั้งวัน

หลังจากเดินทางไปฟลอริดาไม่นาน ซักเคอร์เบิร์กก็ประกาศนโยบายใหม่ของ Meta โดยระบุว่าบริษัทจะยกเลิกข้อจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาทางการเมือง และอนุญาตให้มีการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น โดยสะท้อนคำพูดของทรัมป์ว่า "การเซ็นเซอร์ออนไลน์มีมากเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่เราจะกลับไปสู่รากฐานของเรา

ฟ้องหนักบริษัทยา Merck วัคซีนมะเร็ง HPV ทำวัยรุ่นพิการถาวร แฉซ้ำบริษัทปกปิดผลข้างเคียง

(30 ม.ค.68) Merck & Co., Inc. บริษัทผู้ผลิตยาอันดับ 2 ของสหรัฐฯ กำลังเผชิญคดีฟ้องร้องจากการทำตลาดวัคซีน Gardasil ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันมะเร็ง HPV หลังจากที่มีรายงานว่าพบผลข้างเคียงรุนแรงในกลุ่มวัยรุ่นที่รับวัคซีน โดยพบรายงานมีอาการ ไมเกรนรุนแรง ปัญหาด้านความจำ อัมพาตชั่วคราว โรคหัวใจ ระบบย่อยอาหารอ่อนแรง และอาการบาดเจ็บอื่นๆ ในขณะที่วัคซีนดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับ  Merck ถึง 8,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ก็ตาม

ด้านนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ จูเนียร์ (RFK Jr.) ผู้มีแนวโน้มจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุข ในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความกังวลและประกาศว่าจะดำเนินการอย่างเข้มงวดกับบริษัทยาที่เขาระบุว่าเป็น 'องค์กรอาชญากรรม' โดยเฉพาะกรณีของ Merck ที่มีประวัติการจ่ายค่าเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์จากคดียา Vioxx ในอดีต และยังถูกกล่าวหาว่าทดลองยาในยูเครนโดยไม่ได้รับความยินยอม

สำหรับวัคซีน Gardasil ได้รับการส่งเสริมและจำหน่ายอย่างแพร่หลายในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย สำหรับกลุ่มอายุ 9-45 ปี เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งศีรษะและลำคอ รวมถึงมะเร็งอื่นๆ ที่เกิดจากเชื้อ HPV นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ในประเทศกำลังพัฒนาผ่านการสนับสนุนของ Gavi พันธมิตรด้านวัคซีน อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์รวมถึง RFK Jr. ชี้ว่า Gardasil อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด และก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว 

ล่าสุด ทนายความของหญิงชาวลอสแองเจลิสได้ยื่นฟ้อง Merck ฐานให้ข้อมูลเท็จและปกปิดผลข้างเคียงของวัคซีน โดยกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ขณะที่ทนายความของ Merck ยืนยันว่าจะต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ และปฏิเสธว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีน ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตยาสามารถ

ทั้งนี้ Merck เคยมีประวัติจ่ายค่าเสียหายมหาศาลในคดียา Vioxx เมื่อปี 2007 ซึ่งต้องจ่ายเงินชดเชยกว่า 4,850 ล้านดอลลาร์ หลังพบว่ายาดังกล่าวทำให้เกิดอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาว่าบริษัทได้ทำการทดลองยาในยูเครนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เข้าร่วม ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกเปิดเผยจากเอกสารที่กองทัพรัสเซียยึดได้

ฮามาสจ่อปล่อยตัวคนไทย 5 ชีวิตหลุดฉนวนกาซา พร้อมชาวอิสราเอล หลังถูกจับกว่า 3 เดือน

(30 ม.ค. 68) เจ้าหน้าที่อิสราเอลเผยว่า กลุ่มฮามาสมีแผนจะปล่อยตัวประกันชาวไทย 5 คน และชาวอิสราเอลอีก 3 คน จากฉนวนกาซาในวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคมนี้ โดยชาวอิสราเอลที่ได้รับการปล่อยตัว ได้แก่ อาร์เบล เยฮุด (Arbel Yehud) หญิงวัย 29 ปี, อากัม เบอร์เกอร์ (Agam Berger) นักสังเกตการณ์ทางทหารอายุ 20 ปี และ กาดี โมเสส (Gadi Moses) ชายวัย 80 ปี

การปล่อยตัวประกันครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนตัวประกันระลอกที่ 3 ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา โดยการแลกเปลี่ยนนี้จะมีการปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ 110 คนจากเรือนจำของอิสราเอล

สำหรับตัวประกันชาวไทยที่กำลังจะได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่ออย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเป็นแรงงานภาคเกษตรที่ถูกลักพาตัวไปจากคิบบุตซ์ในอิสราเอล ก่อนหน้านี้ทางการไทยได้เปิดเผยรายชื่อพลเมืองไทย 6 คนที่ยังคงถูกกักตัวในฉนวนกาซา ได้แก่ วัชระ ศรีอ้วน, บรรณวัชร แซ่ท้าว, เสถียร สุวรรณคำ, ณัฐพงษ์ ปินตา, พงษ์ศักดิ์ แทนนา และ สุรศักดิ์ ลำเนา นอกจากนี้ยังมีตัวประกันชาวไทยอีก 2 คนที่เสียชีวิตแล้ว ได้แก่ สนธยา อัครศรี และ สุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตตั้งแต่ช่วงต้นของเหตุการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2023

ด้านอิสราเอลคาดการณ์ว่าจะมีการปล่อยตัวประกันครั้งที่ 4 ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยจะเป็นการปล่อยตัวประกันชาย 3 คน

ทั้งนี้ การปล่อยตัวประกันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิงที่เกิดขึ้นหลังจากการโจมตีข้ามพรมแดนของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 คน และมีตัวประกัน 251 คนถูกพาตัวไปยังฉนวนกาซา นับตั้งแต่เหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาแล้วกว่า 47,310 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

ก่อนหน้านี้ ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงระลอกแรก ตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คน ได้แก่ โรมี โกเนน, โดรอน สไตน์เบรเชอร์ และ เอมิลี ดามารี ได้รับการปล่อยตัวและกลับไปพบกับครอบครัวแล้ว อิสราเอลระบุว่าก่อนบรรลุข้อตกลงหยุดยิง มีตัวประกัน 94 คนที่ยังสูญหาย และเชื่อว่ามีเพียง 60 คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่

ทรัมป์สั่งขยายคุกกวนตานาโม เตรียมขังผู้อพยพก่อคดี 30,000 คน

(30 ม.ค. 68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันพุธ (29 ม.ค.) ว่า จะสั่งให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ จัดเตรียมศูนย์กักกันผู้อพยพที่อ่าวกวนตานาโม เพื่อรองรับผู้ถูกควบคุมตัวสูงสุด 30,000 คน  

ฐานทัพเรือสหรัฐฯ ในอ่าวกวนตานาโม ประเทศคิวบา มีสถานที่สำหรับกักตัวผู้อพยพอยู่แล้ว แยกจากเรือนจำที่ใช้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายจากต่างประเทศ โดยสถานที่ดังกล่าวเคยถูกใช้เป็นศูนย์กักกันชั่วคราวมาหลายทศวรรษ โดยเฉพาะชาวเฮติและคิวบาที่ถูกสกัดจับระหว่างพยายามเดินทางเข้าสหรัฐฯ ทางทะเล  

ทอม โฮแมน หัวหน้าทีมดูแลชายแดน ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากทรัมป์ ระบุว่า รัฐบาลมีแผนขยายศูนย์กักกันที่มีอยู่แล้ว และมอบหมายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรเป็นผู้ดูแล  

“วันนี้ผมจะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร เพื่อให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เริ่มขยายสถานที่กักกันผู้อพยพที่อ่าวกวนตานาโมให้สามารถรองรับได้ถึง 30,000 คน” ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาว  

เขายังระบุว่า ศูนย์กักกันดังกล่าวจะใช้ควบคุม “บุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายที่เป็นอาชญากรอันตราย ซึ่งคุกคามความปลอดภัยของประชาชนอเมริกัน” พร้อมเสริมว่า บางรายเป็นบุคคลที่อันตรายถึงขนาดที่สหรัฐฯ ไม่สามารถส่งตัวกลับประเทศต้นทางได้ เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีและก่ออาชญากรรมอีก

หลังจากนั้นไม่นาน ทรัมป์ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงที่ไม่ได้ระบุตัวเลขจำนวนผู้อพยพที่แน่ชัด แต่เรียกร้องให้มี “พื้นที่กักกันเพิ่มเติม” ในศูนย์ที่ขยายใหม่  

เมื่อให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันพุธ โฮแมนกล่าวว่า ศูนย์กักกันนี้จะใช้กับผู้ที่ “เลวยิ่งกว่าเลว”  

ด้านคริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กล่าวกับสื่อว่า รัฐบาลกำลังหารือเรื่องงบประมาณกับคณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณในสภาคองเกรส เพื่อพิจารณาเงินทุนสำหรับโครงการนี้  

จีนทิ้งขาดสหรัฐฯ นำลิ่ว 57 เทคโนโลยีใหญ่ ยกเครดิตสีจิ้นผิงชู 'Made in China 2025' ทุ่มวิจัยไม่ยั้ง

(29 ม.ค.68) การเปิดตัวโมเดล AI ของ DeepSeek บริษัทสัญชาติจีนที่กำลังมาแรงและได้รับการพูดถึงในขณะนี้ ด้วยประสิทธิภาพที่ระบุว่ามีต้นทุนต่ำกว่า ทำงานได้เร็วกว่า แถมเป็นการพัฒนาแบบระบบโอเพ่นซอร์ส ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนวงการ AI ไปทั่วโลก จนส่งผลให้มูลค่าตลาดหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐ หายไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายถึงกับเรียกเหตุการณ์นี้ว่า 'Sputnik moment' อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าของจีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ AI เท่านั้น  

รายงานวิจัยจากสถาบันนโยบายยุทธศาสตร์แห่งออสเตรเลีย (ASPI)ประจำปี 2024 ซึ่งศึกษาข้อมูลย้อนหลังถึง 20 ปี พบว่า จีนครองความเป็นผู้นำใน 57 จาก 64 เทคโนโลยีสำคัญ เพิ่มขึ้นจากเพียง 3 เทคโนโลยีเมื่อปี 2007 ในขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งเคยนำหน้าใน 60 สาขาเมื่อปี 2007 ปัจจุบันเหลือเพียง 7 สาขาเท่านั้น  

จากการวิจัยของ ASPI ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยและสิทธิบัตรที่มีนวัตกรรมสูง ซึ่งตีพิมพ์โดยมหาวิทยาลัย ห้องปฏิบัติการ หน่วยงานของรัฐ และบริษัทต่างๆ ทั่วโลกพบว่า สาขาเทคโนโลยีที่จีนเป็นผู้นำโลกในเวลานี้ อาทิ การออกแบบและผลิตวงจรรวมขั้นสูง, กระบวนการตัดเฉือนความแม่นยำสูง , เครื่องยนต์อากาศยานขั้นสูง, โดรน หุ่นยนต์ฝูง และหุ่นยนต์ทำงานร่วมกัน, แบตเตอรี่ไฟฟ้า, เทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ , การสื่อสารความถี่วิทยุขั้นสูง  

ในขณะที่สาขาเทคโนโลยีที่สหรัฐเป็นผู้นำในขณะนี้ เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP), ควอนตัมคอมพิวติ้ง และวิศวกรรมพันธุกรรม  

ASPI ตั้งข้อสังเกตว่าแผนการ 'Made in China 2025' ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่อัดฉีดเงินทุนโดยตรงจำนวนมหาศาลเพื่อการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีสำคัญ พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ "การครอบครองความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี" เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เทคโนโลยีจีนหลายด้านก้าวหน้า 

นอกจากการลงทุนในงานวิจัยแล้ว รัฐบาลจีนยังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม ปรับปรุงห่วงโซ่อุปทาน และยกระดับภาคการผลิตเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเทคโนโลยีภายในประเทศด้วย

ถนนคนเดิน 'หนานจิงลู่' จุดเช็กอินฮอตนนท.ไทย ยอดจองพุ่ง 372% หลังฟรีวีซ่า ย้ำเทรนด์ไชน่าทราเวลมาแรง

(29 ม.ค. 68) ถนนคนเดิน “หนานจิงลู่” ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับร้อยปีในเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน ถือเป็น “จุดหมายแรก” ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนไม่น้อยต้องแวะมาเช็กอินบนโลกออนไลน์ เยี่ยมชมบรรยากาศ รวมถึงอิ่มอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่มสารพัดเมนู

บรรดาร้านอาหารและเครื่องดื่มในย่านถนนคนเดินสายนี้ เช่น ร้านชาเฮย์ที (Heytea) สาขาห้างสรรพสินค้าซินชื่อเจี้ยเฉิง หรือร้านปิ้งย่างเหิ่นจิ่วอี่เฉียน สาขาห้างสรรพสินค้าตี้อีไป่ฮั่ว ได้รับรองนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวเกาหลีใต้และชาวไทยที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ปฤณัต อภิรัตน์ กงสุลใหญ่ไทยประจำนครเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่าชาวไทยชอบเที่ยวจีนมาตลอด จึงไม่แปลกที่ไชน่า ทราเวล (China Travel) หรือ “ท่องเที่ยวจีน” จะเป็นกระแส โดยนโยบายฟรีซ่าซึ่งกันและกันระหว่างไทยกับจีนเกื้อหนุนชาวไทยเดินทางเยือนจีนสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยส่งเสริมมิตรภาพและเพิ่มความเข้าใจของประชาชนสองประเทศ

เกศรินทร์ อริยพงศ์ รองเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน กล่าวว่าการที่ชาวไทยนิยมเที่ยวจีนช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม ความเข้าใจซึ่งกันและกัน และโอกาสทางธุรกิจมหาศาล ขณะปัจจุบันกระแสเพลงซี-ป๊อป (C-pop) เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นชาวไทยเพิ่มขึ้นก็ช่วยเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกันและจำนวนชาวไทยที่เดินทางเที่ยวจีนด้วย

ข้อมูลจากซีทริป (Ctrip) ระบุว่ายอดจองการเดินทางเข้าจีนของนักท่องเที่ยวชาวไทย ช่วงเริ่มต้นนโยบายฟรีวีซ่าจนถึงวันที่ 11 ม.ค. 2025 เพิ่มขึ้นร้อยละ 372 เมื่อเทียบกับช่วงเดือนมีนาคม 2023-มกราคม 2024 โดยนักท่องเที่ยวช่วงอายุ 26-35 ปี ครองสัดส่วนมากที่สุดถึงร้อยละ 36 ตามด้วยช่วงอายุ 36-45 ปี ที่ร้อยละ 34

ขณะเดียวกันยอดจองการเดินทางเข้าจีนของนักท่องเที่ยวชาวไทย ช่วงเทศกาลตรุษจีนหรือปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติจีน ปี 2025 เพิ่มขึ้นร้อยละ 128 เมื่อเทียบกับช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2024 โดนมหานครเซี่ยงไฮ้เป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย

ห้วงยามกระแสไชน่า ทราเวล กำลังร้อนแรงเช่นนี้ สินค้าต้อนรับเทศกาลตรุษจีนที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยผสมผสานอยู่ด้วยนั้นได้รับความนิยมเช่นกัน โดยปฤณัตกล่าวว่าสินค้าไทยตั้งแต่ของกินจนถึงของใช้มีโอกาสเข้าสู่บ้านเรือนชาวจีนเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ปฤณัตกล่าวว่าจีนและไทยมีสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดผูกพันกัน และธุรกิจอีคอมเมิร์ซกำลังมีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นในการส่งเสริมความร่วมมือทางการค้า โดยเฉพาะ “อีคอมเมิร์ซเส้นทางสายไหม” เป็นสะพานเชื่อมผู้ประกอบการชาวไทยเข้าสู่ตลาดจีนอันกว้างใหญ่และเปี่ยมด้วยพลังความมีชีวิตชีวา

งานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติจีน (CIIE) กลายเป็นเวทีสำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งไทยเข้าร่วมงานนี้ทุกปีตั้งแต่เริ่มต้นจัดขึ้นในปี 2018 โดยหน่วยงานเศรษฐกิจและการค้าของไทยนำพากลุ่มเอสเอ็มอี (SME) ที่มีศักยภาพสูงร่วมนำเสนอผลิตภัณฑ์

ปฤณัตกล่าวว่าปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน จึงหวังใช้โอกาสนี้ผลักดันความร่วมมือด้านการค้า ความคิดสร้างสรรค์ การศึกษา อาหาร แฟชั่น ภาพยนตร์ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

เกศรินทร์ทิ้งท้ายว่าอีคอมเมิร์ซเส้นทางสายไหมมอบโอกาสเติบโตในตลาดจีนแก่ผู้ประกอบการชาวไทย ช่วยให้เอสเอ็มอีไทยได้เรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนดียิ่งขึ้น นำสู่การปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานที่จะประหยัดต้นทุนของผู้ประกอบการชาวไทย พร้อมกับส่งเสริมการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตรงใจผู้บริโภคชาวจีนยิ่งขึ้น

'อาลีบาบา' เปิดตัว 'Qwen 2.5' ท้าชน DeepSeek อ้างเหนือกว่าทุกด้าน

(29 ม.ค.68) ดูเหมือนศึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะยิ่งเดือดดาลมากขึ้น เมื่อ อาลีบาบา (Alibaba) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน เปิดตัว Qwen 2.5 โมเดล AI รุ่นใหม่ที่อ้างว่ามีประสิทธิภาพเหนือกว่า DeepSeek-V3 ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างมากในวงการ

การเปิดตัว Qwen 2.5-Max ในช่วงวันแรกของเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นเวลาที่ชาวจีนส่วนใหญ่ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัว เป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงแรงกดดันจากการเติบโตของ DeepSeek สตาร์ตอัป AI สัญชาติจีนที่เพิ่งเปิดตัวโมเดลใหม่ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบกับคู่แข่งต่างชาติ แต่ยังสะเทือนวงการเทคโนโลยีในประเทศจีนด้วย

หน่วยธุรกิจคลาวด์ของอาลีบาบาประกาศผ่าน WeChat อย่างเป็นทางการว่า "Qwen 2.5-Max มีประสิทธิภาพเหนือกว่า GPT-4o, DeepSeek-V3, และ Llama-3.1-405B ในแทบทุกด้าน" โดยเปรียบเทียบกับโมเดล AI แบบโอเพนซอร์สจาก OpenAI และ Meta

Qwen 2.5-Max มีขนาดโมเดลใหญ่ถึง 405 พันล้านพารามิเตอร์ ซึ่งช่วยให้ประมวลผลข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าใจบริบทข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น โดยการเปิดตัวนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามราคา AI ที่จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี AI ในราคาที่ถูกลง

การที่อาลีบาบาสามารถพัฒนา Qwen 2.5 ที่อ้างว่ามีประสิทธิภาพเหนือกว่า DeepSeek-V3 ในเวลาที่รวดเร็ว เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงศักยภาพในการวิจัยและพัฒนาของอาลีบาบา

Qwen 2.5 มีหลากหลายโมเดลให้เลือกใช้ เช่น Qwen 2.5-Max, Qwen 2.5-Chat, และ Qwen 2.5-Turbo ซึ่งแต่ละโมเดลมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม โดยสามารถเข้าถึงผ่าน API บนแพลตฟอร์มคลาวด์ของอาลีบาบา

อย่างไรก็ตามหากเทียบระหว่าง AI ของอาลีบาบา กับ DeepSeek มีส่วนที่ต่างกันคือ DeepSeeek เน้นการพัฒนา AGI และขายโมเดลในราคาถูก ขณะที่ อาลีบาบา ใช้กลยุทธ์นำ AI ไปประยุกต์ใช้ในธุรกิจ และให้บริการผ่านแพลตฟอร์มคลาวด์ ทำให้การแข่งขันระหว่างทั้งสองไม่เพียงแค่เรื่องของประสิทธิภาพของโมเดล แต่ยังเกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจและการเข้าถึงตลาดอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ DeepSeek ได้สร้างความฮือฮาในซิลิคอนวัลเลย์ หลังเปิดตัวผู้ช่วย AI ใช้โมเดล DeepSeek-V3 เมื่อวันที่ 10 มกราคม และตามมาด้วย DeepSeek-R1 เมื่อวันที่ 20 มกราคม ส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากต้นทุนการพัฒนาต่ำกว่าคู่แข่ง ทำให้นักลงทุนเริ่มตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของการลงทุนใน AI ของบริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ

กระแสความสำเร็จของ DeepSeek ยังจุดชนวนให้เกิดการแข่งขันในวงการ AI ของจีนอย่างเร่งด่วน โดยเพียงสองวันหลังจากการเปิดตัว DeepSeek-R1 บริษัท ByteDance เจ้าของ TikTok ได้ปล่อยอัปเดตโมเดล AI ตัวใหม่ พร้อมเคลมว่ามีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดล o1 ของ OpenAI ในการทดสอบ AIME ซึ่งเป็นเกณฑ์วัดความสามารถของ AI ในการประมวลผลคำสั่งที่ซับซ้อน

จีนหนุนพลศึกษาสู่วิชาหลัก เทียบชั้นคณิต-วิทย์ฯ พร้อมปรับเงินเดือนครูพละ หลังพบโรคอ้วนในเด็กสูง

(29 ม.ค.68) จีนมีแผนผลักดันให้วิชาพลศึกษาเป็นวิชาหลักส่วนสำคัญของหลักสูตรในโรงเรียน แทนที่จะเป็นเพียงวิชารองเท่านั้น เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราโรคอ้วนในเด็กที่เพิ่มสูงขึ้น

ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว กระทรวงศึกษาธิการของจีนระบุว่าการศึกษาที่สมดุลต้องรวมทั้งวิชาการและสุขภาพร่างกาย โดยโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับครูพลศึกษาในระดับเดียวกับครูวิชาหลัก เช่น ภาษาจีน คณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ ยังต้องส่งเสริมกีฬาหลัก เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล และวอลเลย์บอล

"มาตรการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาทั้งด้านวิชาการและสุขภาพร่างกาย เพื่อสร้างนักเรียนที่มีความพร้อมในอนาคต" กระทรวงศึกษาธิการระบุ

แนวทางดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่จีนประกาศแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติฉบับแรกเมื่อเดือนมกราคม โดยตั้งเป้าพัฒนา 'ชาติที่มีการศึกษาที่แข็งแกร่ง' ภายในปี 2035 หนึ่งในนโยบายสำคัญคือการกำหนดให้นักเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษามีกิจกรรมทางกายภาพอย่างน้อยวันละ 2 ชั่วโมง เพื่อลดอัตราสายตาสั้นและโรคอ้วน

ในปี 2022 มีการขาดแคลนครูพลศึกษาทั่วประเทศราว 120,000 คน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท รัฐบาลจึงมีมาตรการส่งเสริมการรับสมัครนักกีฬาที่เกษียณแล้วและอดีตทหารเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ นอกจากนี้ ครูพลศึกษาจะได้รับค่าตอบแทนในระดับเดียวกับครูวิชาอื่น และจะมีการปรับเงินเดือนตามผลงานสำหรับการทำหน้าที่พิเศษ เช่น การฝึกสอนกีฬาหลังเลิกเรียนและการเป็นโค้ชทีมกีฬา

อัตราโรคอ้วนในเยาวชนจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปี 2019 ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของกิจกรรมทางกายในช่วงมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 และการสั่งซื้ออาหารจานด่วนทางออนไลน์เพิ่มขึ้น แพทย์คาดว่าอัตราโรคอ้วนจะเพิ่มขึ้นอีกในช่วง 10-12 ปีข้างหน้า เนื่องจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจส่งผลต่อพฤติกรรมการบริโภคและการออกกำลังกาย

ในปี 2022 อัตราเด็กชายที่เป็นโรคอ้วนในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 15.2% จาก 1.3% ในปี 1990 ขณะที่ในสหรัฐฯ อยู่ที่ 22% ญี่ปุ่น 6% สหราชอาณาจักรและแคนาดา 12% และอินเดีย 4% ส่วนในเด็กหญิงจีน อัตราโรคอ้วนเพิ่มขึ้นเป็น 7.7% จาก 0.6% ในช่วงเวลาเดียวกัน

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนระบุในเดือนตุลาคมว่า "โรคอ้วนกลายเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญในประเทศ โดยเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับที่หกของการเสียชีวิตและความพิการในจีน"

รถ Tesla ขับตัวเองออกจากโรงงาน ไปจอดขึ้นเรือรอส่งออก โดยไร้มนุษย์ควบคุม

(29 ม.ค.68) บัญชี X ทางการของ Tesla AI เผยแพร่วิดีโอล่าสุด แสดงให้เห็นขบวนรถยนต์ Tesla ใช้ระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Full Self-Driving - FSD) ขับออกจากโรงงานผลิตใน Fremont ไปยังจุดขนถ่ายสินค้า ระยะทาง 1.2 ไมล์ (ประมาณ 1.9 กิโลเมตร) โดยไม่มีมนุษย์ควบคุม

จากวิดีโอ เผยให้เห็นได้ว่ารถ Tesla ขับเคลื่อนเองอย่างสมบูรณ์ ตั้งแต่เร่งเครื่อง ออกตัว เปิดไฟเลี้ยว หยุดเมื่อพบสิ่งกีดขวาง และจอดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบที่จุดขนส่งสินค้า เพื่อเตรียมขึ้นเรือส่งออก

ปัจจุบัน ระบบขับขี่อัตโนมัติ FSD ที่เปิดให้ใช้งานยังอยู่ในเวอร์ชันที่ต้องมีมนุษย์ดูแล (Supervised) แต่จากวิดีโอนี้ ชี้ให้เห็นว่า Tesla กำลังก้าวไปสู่ระบบขับขี่อัตโนมัติแบบไร้มนุษย์ดูแล (Unsupervised) ซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ

ชมคลิป https://x.com/tesla_ai/status/1884457749226090590

AI จีนเซนเซอร์จริงมั้ย ลองให้วิจารณ์ถึง 'สีจิ้นผิง'

(29 ม.ค. 68) หลังจากมีกระแสการเปิดตัว DeepSeek โมเดลแชทบอท AI ตัวใหม่สัญชาติจีนที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก ด้วยจุดเด่นที่ระบุว่าใช้ต้นทุนต่ำที่ใช้เงินเพียง 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 200 ล้านบาท) ในการสร้างและพัฒนามันขึ้นมา ซึ่งน้อยกว่าเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ในอเมริกาใช้จ่ายไปมาก ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับวงการเอไอ โดยเฉพาะฝั่งตะวันตกที่ทุ่มเงินลงทุนมหาศาลไปกับการสร้างโมเดลเอไอ เนื่องจาก DeepSeek ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวเดียวเมื่อเทียบกับคู่แข่งในสหรัฐฯ พูดให้ชัดคือถูกกว่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ นี่ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับอนาคตของความเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ของสหรัฐฯ

เหตุผลที่ DeepSeek ได้รับความนิยมเนื่องจากมันเป็นผู้ช่วยเอไออันทรงพลังซึ่งทำงานคล้ายกับ ChatGPT โดยคำอธิบายในแอปสโตร์ระบุว่า แอปฯ นี้ออกแบบมาเพื่อ "ตอบคำถามของคุณและปรับปรุงชีวิตของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ" 

ภายหลังที่มีกระแสความน่าสนใจของ DeepSeek ได้มีผู้ใช้งานชาวไทยหลายรายเข้าไปทดลองใช้งาน DeepSeek เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างกับ  ChatGPT ด้วยการตั้งคำถามหลายคำถาม โดยเฉพาะประเด็นละเอียดอ่อนด้านการเมือง ซึ่งผู้ใช้งานในไทยหลายรายแชร์ว่า DeepSeek ปฏิเสธหรือหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงประเด็นละเอียดอ่อนด้านการเมือง

ดังนั้นทีม The States Times จึงได้ทดลองใช้  DeepSeek เพื่อพิสูจน์ว่าเอไอจีน มีข้อกังขาเรื่องเสรีภาพในการประมวลผลข้อมูลจริงหรือไม่ 

จากการทดลองถามคำถาม "ให้วิจารณ์การทำงานของสีจิ้นผิง" เอไอจีนได้ระบุคำตอบที่ ตรงไปตรงมาอย่างชัดเจนไร้การเซ็นเซอร์ โดยกล่าวถึงทั้งด้านดีของผู้นำจีนโดยเฉพาะการพัฒนาประเทศด้านเศรษฐกิจ ด้านการพัฒนาสังคม และด้านการเมือง การปราบทุจริตคอรัปชัน แต่ก็กล่าวถึงข้อเสียด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในประเด็น การจำกัดเสรีภาพสื่อและเสรีภาพในการแสดงออก การขยายอิทธิพลในพรรคคอมมิวนิสต์ 

แต่อย่างไรก็ตาม DeepSeek ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า "สีจิ้นผิงเป็นผู้นำที่มีผลงานโดดเด่นในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและการยกระดับบทบาทของจีนในเวทีโลก แต่ก็ถูกวิจารณ์ในหลายประเด็น การประเมินผู้นำคนนี้จึงขึ้นอยู่กับมุมมองและค่านิยมของแต่ละบุคคล"

นอกจากนั้นเรายังทดลองให้ DeepSeek อธิบายว่า "ทำไมสี จิ้นผิงถึงถูกเปรียบเทียบกับวินนี่ เดอะ พูห์" ซึ่งเอไอจีน ก็ได้ประมวลผลข้อมูลอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา โดยไม่มีการเซนเซอร์แต่อย่างใด โดยเอไอจีน ยอมรับว่าเหตุที่ สีจิ้นผิง ถูกเปรียบเทียบกับ วินนี่ เดอะ พูห์ เพราะเป็น การเปรียบเทียบจากรูปลักษณ์ การเซ็นเซอร์และการปราบปราม เป็นสัญลักษณ์ของการวิพากษ์วิจารณ์ อีกทั้งยังกล่าวสรุปด้วยว่า

 "การเรียกสีจิ้นผิงว่า วินนี่ เดอะ พูห์ เป็นเรื่องที่อ่อนไหวและควรพิจารณาบริบทอย่างรอบคอบ ในประเทศจีนหรือในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน การใช้คำนี้อาจส่งผลกระทบทางกฎหมายหรือความสัมพันธ์ ส่วนในบริบทอื่นๆ อาจใช้ได้แต่ควรคำนึงถึงความเหมาะสมและผลที่อาจตามมาเสมอ"

นอกจากนี้ เมื่อลองถามประเด็นละเอียดอ่อน อย่างเช่น ถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อ 4 มิ.ย. 1989 DeepSeek สามารถให้คำตอบโดยกล่าวถึง ภูมิหลังของเหตุการณ์ ผลกระทบของเหตุการณ์ อย่างตรงไปตรงมา อีกทั้งยังให้ข้อสรุปไว้ว่า "เหตุการณ์จัตุรัสเทียนอันเหมินเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 1989 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สะท้อนถึงความขัดแย้งระหว่างการเรียกร้องประชาธิปไตยกับการควบคุมอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์จีน แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะถูกเซ็นเซอร์ในจีน แต่ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่โลกจดจำ" 

เมื่อถามว่า 'คุณไม่ถูกรัฐบาลจีนเซนเซอร์หรอ?' DeepSeek ให้คำตอบว่า "ฉันเป็น AI ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัท DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศจีน ฉันได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นกลางและเป็นประโยชน์ โดยยึดตามข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะและความรู้ทั่วไป อย่างไรก็ตาม  แต่ฉันมีข้อจำกัดในการให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือถูกปิดกั้นในประเทศจีน ฉันพยายามให้ข้อมูลที่เป็นกลางและเป็นประโยชน์ที่สุดเท่าที่จะทำได้"

โดยรวมแล้วหลังจากการทดลองใช้ DeepSeek นับว่าเป็นโมเดลเอไอ ที่ประมวลผลเร็วและสามารถให้ข้อมูลได้อย่างตรงไปตรงมาในหลายเรื่อง ถือว่าเป็นคู่แข่งของ ChatGPT ที่น่าจับตามอง ความสำเร็จของ DeepSeek ลดทอนความเชื่อที่ว่า งบประมาณที่มากขึ้นและชิปที่มีสมรรถนะระดับสูงสุดเป็นหนทางเดียวที่จะพัฒนาเอไอ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่สร้างความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับความต้องการและอนาคตของชิปประสิทธิภาพสูง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top