Tuesday, 1 July 2025
WORLD

ชำแหละ!! มหากาพย์ ‘แดนสแกมเมอร์’ ริมชายแดน ตอนที่ 2 เผย!! มีสายลึกลับ เสนอ 20 ล้าน หลังเพิ่งตัดสัญญาณไปไม่นาน

จากตอนแรกที่เอย่า นำเสนอเรื่องของที่มาของเมืองสแกมเมอร์มาแล้วว่ามีความเป็นมาอย่างไร วันนี้เอย่าจะมาเสนอตอนต่อในชื่อที่ว่า ‘ทำไมไทยคือจำเลย’

เอย่าได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยและรัฐบาลเมียนมามาว่าการที่ทางเมียนมามั่นใจมากถึงขั้นกล่าวหาว่าฝั่งไทยให้การสนับสนุนกลุ่มจีนเทาเหล่านี้ก็เพราะฝั่งไทยมีการส่งทั้งสายสัญญาณอินเทอร์เน็ตลอดแม่น้ำข้ามไป มีทั้งตั้งเสาร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตเพื่อให้สัญญาณข้ามไปฝั่งตรงข้าม และการดึงไฟข้ามจากฝั่งไทยไปใช้ และเรื่องบัญชีม้าในประเทศไทยนะที่หลายคนเปิดไว้ให้กลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ใช้  ทั้งรู้ก็ดีและรู้เท่าไม่ถึงการก็ดีว่าแล้วเรามาขุดกันดีกว่า

เรื่องสายสัญญาณข้ามแม่น้ำ นี่เป็นวิธีการในอดีตที่กลุ่มมิจฉาชีพริมชายแดนทำกันโดยคนกลุ่มนี้จะจ้างคนในพื้นที่ให้มาลากสายจากตู้ชุมทางส่งสัญญาณสวมกับตัวส่งต่อสัญญาณที่ร้อยสายเข้าไปในท่อข้ามแม่น้ำเมยไป ถามว่าค่ายอินเทอร์เน็ตไม่มีการตรวจสอบเลยหรือว่าอยู่ดี ๆ บางจุดมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก และไม่คิดจะลงพื้นที่มาตรวจสอบบ้างหรือ

ส่วนค่ายมือถือนั้นแรกเริ่มก็แค่มีการซื้อซิมไปใช้งานพอมีการใช้งานมากขึ้น แทนที่ทางค่ายมือถือจะมาตรวจสอบว่าใครใช้ แต่กลับให้คนมาตั้งเสาสัญญาณชิดริมชายแดนแทน แบบนี้ก็หวานเจี๊ยบแก๊งคอลฯเลยสิ ถามว่าก่อนค่ายมือถือจะมาวางเสาสัญญาณต้นเป็นล้านไม่คิดจะลงมาสำรวจก่อนเหรอว่าใครเป็นผู้ใช้

กลุ่มที่ 3 เรื่องไฟฟ้า ล่าสุดเอย่าได้รับรายงานมาว่ากลุ่มมิจเหล่านี้เอาไฟฟ้าจากทางไทยไปโดยผ่านจากท่าข้ามแดนที่ตั้งอยู่ริมเมย ถามจริง ๆ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคมีการมาตรวจสอบและเอาผิดกันบ้างหรือยัง

สุดท้ายคือกลุ่มบัญชีม้าในไทยที่เป็นแหล่งพักเงินของกลุ่มคอลฯ ถามว่าทางธนาคารพาณิชย์ไทยไม่คิดจะตรวจสอบบ้างเลยเหรอ 

สุดท้ายที่เอย่าได้ทราบมาจากแหล่งข่าวในกระทรวงมหาดไทยว่าในวันที่ไปจับทำลายเสาส่งสัญญาณ พบว่าตัวส่งสัญญาณส่วนใหญ่ที่เคยตั้งอยู่กลับถูกถอดไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ลงไม่กี่ชั่วโมง ถามว่าไทยเรามี ‘เกลือเป็นหนอน’ ใช่หรือไม่  และที่สำคัญคือหลังจากตัดสายสัญญาณไป มีสายลึกลับโทรข้ามฝั่งจากเมียวดีถึงข้าราชการในพื้นที่เสนอเงินถึง 20 ล้านบาทต่อต้นให้ต่อสายสัญญาณให้

ก็มันเป็นแบบนี้ไงละ มันถึงปราบกันไม่หมดเสียที ตราบใดที่ข้าราชการในพื้นที่ นายก อบต. เอย รวมถึงเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า หรือ บริษัทเอกชนที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตกับธนาคารพาณิชย์ไม่เดือดร้อน มันก็ปราบกันไม่จบเสียที

เอย่าบอกแล้วรัฐบาลทหารเมียนมาเขาเอาจริง และหลังจากที่ไทยเพิกเฉยกับคำขอร้องของฝั่งเมียนมา หลายต่อหลายครั้งก็หวังว่าเราคงจะไม่ต้องอายนะ หากวันใดวันหนึ่งทางรัฐบาลทหารเมียนมาจะเปิดหลักฐานที่เขามีถึงขั้นกล้าด่าฝั่งไทยออกสื่อแบบนี้ เชื่อว่าหลักฐานดังกล่าวน่าจะมัดตัวให้ฝั่งไทยเถียงไม่ออกกันเลยทีเดียว

‘ดร.อักษรศรี’ โพสต์เรื่องราวของทีมงาน ‘DeepSeek’ เผย!! อายุเฉลี่ยแค่ 35 ปี ชี้!! นี่คือ ทีมงานผู้พัฒนา ‘เอไอจีน’ ที่กลายเป็น ‘Talk of the World’ ดังทั่วโลก

(1 ก.พ. 68) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Aksornsri Phanishsarn ถึงคนรุ่นใหม่ ในประเทศจีน โดยมีใจความว่า ...

#พลังคนรุ่นใหม่ Youth power leads to national strength #DeepSeek สาวหมวย/หนุ่มตี๋ในภาพนี้ (อายุเฉลี่ย 35 ปี) มีรายงานว่า คือ ทีมงานพัฒนา DeepSeek เอไอจีนที่กลายเป็น Talk of the World  

รายชื่อสมาชิกทีมพัฒนา DeepSeek AI จีน และมหาวิทยาลัยชั้นนำในจีนที่แต่ละคนเรียนจบมา (ไม่ได้จบนอก )

1. **梁文峰** เหลียง เวินเฟิง ผู้ก่อตั้ง
*(Liang Wenfeng)* 
ปัญญาประดิษฐ์ มหาวิทยาลัยเจ้อเจียง 

2. **代达励** ไต้ ต๋าลี่ 
*(Dai Dali)* 
ปริญญาเอกวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง

3. **朱琪豪** จู ฉีหาว
*(Chu Qihao)* 
ปริญญาเอกวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง

4. **邵智宏** เส้า จื้อหง 
*(Shao Zhihong)* 
ปริญญาเอกปัญญาประดิษฐ์ มหาวิทยาลัยชิงหัว

5. **赵成钢** เจ้า เฉิงกัง 
*(Chao Chenggang)* 
สมาชิกทีม Supercomputing มหาวิทยาลัยชิงหัว

6. **高华佐** เกา หัวจั่ว 
*(Gao Huazuo)* 
ภาควิชาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง

7. **曾旺丁** เจิง วั่งติง 
*(Zeng Wangding)* 
มหาวิทยาลัยไปรษณีย์และโทรคมนาคมปักกิ่ง

8. **辛华剑** ซิน หัวเจี้ยน 
*(Xin Huajian)* 
สาขาวิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยจงซาน

ผู้นำเม็กซิโกตอกกลับทรัมป์ ร้อง Google เปลี่ยนชื่อสหรัฐอเมริกาเป็น 'อเมริกาเม็กซิกัน'

(31 ม.ค.68) นางคลอเดีย เชนบาม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ร่อนจดหมายถึงบริษัท  Google เปิดเผยความไม่พอใจอย่างรุนแรง หลังบริษัทยอมปฏิบัติตามคำสั่งของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ในการเปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' เป็น 'อ่าวอเมริกา' พร้อมกับเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อประเทศสหรัฐอเมริกาเป็น 'อเมริกาเม็กซิกัน'

นางเชนบาม ได้แสดงท่าทีคัดค้านอย่างหนักต่อการกระทำของ Google ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของทรัมป์ โดยเธอเห็นว่าการเปลี่ยนชื่อดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยและประวัติศาสตร์ของเม็กซิโก เธอยังเรียกร้องให้ Google คืนชื่อเดิมของอ่าวเม็กซิโกและหยุดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อชื่อทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับประเทศของเธอ

ความไม่พอใจของประธานาธิบดีเม็กซิโกเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สั่งให้เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา โดย Google ได้ปรับปรุงชื่อดังกล่าวใน Google Maps ทันทีตามคำสั่ง

ก่อนหน้านี้ Google ได้ออกแถลงการณ์ผ่านแพลตฟอร์ม X ระบุว่า "การเปลี่ยนแปลงชื่อนี้เป็นไปตามนโยบายของเราในการอัปเดตข้อมูลตามเอกสารราชการของรัฐบาลสหรัฐฯ" โดยบริษัทอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงชื่อจะเกิดขึ้นทันทีเมื่อมีการแก้ไขในเอกสารทางการของสหรัฐฯ

นอกจากนี้ Google ยังประกาศว่าจะ 'ดำเนินการทันที' ในการเปลี่ยนชื่อภูเขาเดนาลิในรัฐอะแลสกากลับไปเป็นภูเขาแมคคินลีย์ ตามคำสั่งของทรัมป์ ทันทีที่เอกสารทางการได้รับการอัปเดต แม้ว่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและชนพื้นเมืองก็ตาม

ทรัมป์ได้อธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งสองรายการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการ 'เชิดชูความยิ่งใหญ่ของอเมริกา' อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนชื่อภูเขาเดนาลิ ซึ่งเป็นชื่อที่ชนพื้นเมืองอะแลสกาให้ความสำคัญ ได้ก่อให้เกิดความไม่พอใจในวงกว้าง

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของทรัมป์และ Google ได้รับการตอบรับอย่างไม่ดีจากทั้งเม็กซิโกและกลุ่มชนพื้นเมืองในสหรัฐฯ ซึ่งมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการลบเลือนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น

อาร์ตทอยแบรนด์จีนครองใจนักสะสมไทย ยก 'ลาบูบู้-ดีมู่' ทูตพิเศษเชื่อม 50 ปีสัมพันธ์สองชาติ

(31 ม.ค.68) 'ป๊อปมาร์ท' (Pop Mart) ร้านจำหน่ายของเล่นของสะสมอาร์ตทอย (art toy) สัญชาติจีนชื่อดังระดับโลก มีสาขาใหญ่อยู่บนถนนคนเดินสายธุรกิจการค้าหนานจิงลู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้ทางตะวันออกของจีน ที่ซึ่งได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยจำนวนมากเข้ามาเลือกซื้อกล่องสุ่มของเล่นของสะสมติดไม้ติดมือกลับประเทศกันอย่างคึกคัก

ไอวี่ สาวไทยคนหนึ่งที่มาท่องเที่ยวประเทศจีนเป็นครั้งแรก บอกกับผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวซินหัวว่ากล่องสุ่มลาบูบู้ (Labubu) ได้รับความนิยมอย่างมาก แทบทุกคนอยากซื้อกันหมด แต่ร้านป๊อปมาร์ททุกสาขาในไทยไม่ค่อยมีสินค้าแล้ว ทำให้ไอวี่ไม่พลาดจะเลือกซื้อกล่องสุ่มลาบูบู้จากร้านสาขาใหญ่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน

ความนิยมชมชอบลาบูบู้ในไทยเห็นได้ชัดจากกรณีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มอบตำแหน่ง 'Amazing Thailand Experience Explorer' แก่มาสคอตลาบูบู้จากจีน พร้อมจัดพิธีต้อนรับที่สนามบินเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2024 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานรัฐบาลไทยมอบตำแหน่งลักษณะนี้แก่ผลิตภัณฑ์ที่มีทรัพย์สินทางปัญญา (IP)

รายงานของนีลเส็น (Nielsen) บริษัทวิจัยตลาดโลก เมื่อเดือนพฤษภาคม 2024 ระบุว่าไทยเป็นประเทศที่มีการกล่าวถึงลาบูบู้และป๊อปมาร์ทมากที่สุดบนติ๊กต็อก (TikTok) มีการแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องมากกว่า 3.65 แสนรายการ โดยลาบูบู้ยังสามารถครองใจสมาชิกราชวงศ์และดาราดังของไทยเข้าร่วมเป็นแฟนคลับด้วย

เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย ซึ่งร่วมพิธีต้อนรับมาสคอตลาบูบู้ที่สนามบิน เผยว่าลาบูบู้มีอิทธิพลระดับโลกที่แข็งแกร่ง ไทยจึงเลือกมอบตำแหน่งสำคัญข้างต้น และหวังว่าลาบูบู้จะเป็นจุดเชื่อมโยงสำคัญต่อการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมร่วมสมัยของไทยกับจีน

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ ตลาดของเล่นของสะสมของจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว มีแบรนด์เกิดใหม่ที่มีชื่อเสียงมากมาย เช่น ป๊อปมาร์ท 52ทอยส์ (52TOYS) และท็อป ทอย (TOP TOY) ในเครือมินโซ (MINISO) ก่อให้เกิดการซื้อขายกันอย่างคึกคักทั่วโลก โดย 'ไทย' กลายเป็นตลาดสำคัญของเหล่าผู้ผลิตของเล่นของสะสมจากจีน

ป๊อปมาร์ทได้เปิดร้านสาขาธีมลาบูบู้แห่งแรกของโลกที่ศูนย์การค้าเมกาบางนาในกรุงเทพฯ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ซึ่งนับเป็นร้านสาขาแห่งที่ 6 ในไทยนับตั้งแต่ป๊อปมาร์ทเข้าสู่ตลาดไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 โดยยอดจำหน่ายในวันเปิดร้านสูงเกิน 10 ล้านหยวน (ราว 46 ล้านบาท) สร้างสถิติยอดจำหน่ายสูงสุดในวันเดียวของร้านสาขาในต่างประเทศ

นอกจากนั้นป๊อปมาร์ทยังร่วมงานกับศิลปินชาวไทยอย่าง 'มอลลี่' (Molly) สร้างสรรค์ของเล่นของสะสม 'ครายเบบี้' (CRYBABY) อันมีเอกลักษณ์ที่หยดน้ำตาคลอเบ้าบนใบหน้าเศร้า เพื่อช่วยให้นักสะสมได้ปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกภายใต้แนวคิดว่าการร้องไห้ช่วยเยียวยาหัวใจอันบอบช้ำได้ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากหลังจากเปิดตัวเพียงไม่นาน

นักท่องเที่ยวชาวไทยเหล่านี้ที่ได้เยือนร้านสาขาของป๊อปมาร์ทในจีนคือผู้ได้รับประโยชน์จากนโยบายฟรีวีซ่าซึ่งกันและกันระหว่างจีนกับไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2024 และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและระหว่างประชาชนสองประเทศอย่างยิ่ง

เสี่ยวหรง ผู้จัดการร้านป๊อปมาร์ทสาขาใหญ่ในนครเซี่ยงไฮ้ เผยว่าจำนวนลูกค้าชาวต่างชาติ ทั้งจากไทย สหรัฐฯ สิงคโปร์ และมาเลเซีย เพิ่มขึ้นมากตั้งแต่มีนโยบายฟรีวีซ่า กอปรกับทำเลที่ดีของร้านสาขาแห่งนี้ทำให้กลายเป็นหนึ่งในจุดเช็กอินยอดนิยม โดยลูกค้ามักจะเยอะช่วงวันศุกร์เพราะเป็นวันเปิดตัวสินค้าใหม่

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยยังมอบตำแหน่ง 'มิตรสหายพิเศษ' ประจำวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทยในปี 2025 แก่ของเล่นของสะสม 'ดีมู่' (DIMOO) ของป๊อปมาร์ทเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระสำคัญด้วยแนวคิดช่วยเหลือเติบโตไปด้วยกันและสร้างความเชื่อมโยงในหมู่คนหนุ่มสาวชาวไทยและชาวจีน

การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและระหว่างประชาชนเป็นข้อได้เปรียบของความสัมพันธ์จีน-ไทยเสมอมา โดยของเล่นของสะสมเหล่านี้กลายเป็นอีกหนึ่งพลังใหม่ที่เข้ามาร่วมส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและระหว่างประชาชนในปัจจุบัน ทำให้คำกล่าว “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” มีความหมายลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ทรัมป์เจาะสื่อใหม่!! ไฟเขียวทำเนียบขาวรับอินฟลูฯ ทำข่าว ยอดขอรับบัตรสื่อทะลุ 7,400 ในวันเดียว

(31 ม.ค.68) ทำเนียบขาวสร้างกระแสใหญ่หลังประกาศเปิดโอกาสให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และพอดแคสเตอร์ เข้าร่วมการแถลงข่าวได้อย่างเป็นทางการ ล่าสุด มีคำขอรับบัตรประจำตัวสื่อมวลชนมากกว่า 7,400 รายการ ในเวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น หลังประกาศนโยบายนี้เมื่อวันอังคารที่ 25 มกราคม  

แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคข่าวสารของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หันมาเสพข่าวผ่านพอดแคสต์ บล็อก และโซเชียลมีเดีย แทนสื่อดั้งเดิมอย่างโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์  

ผลสำรวจล่าสุดจากศูนย์วิจัยพิว (Pew Research Center) ยืนยันว่า อินฟลูเอนเซอร์และสื่อออนไลน์กลายเป็นแหล่งข่าวหลักสำหรับคนอายุต่ำกว่า 30 ปี โดยเกือบ 40% ของกลุ่มนี้พึ่งพาอินฟลูเอนเซอร์ในการติดตามข่าวสารและการเมือง การเปิดพื้นที่ให้สื่อทางเลือกเหล่านี้จึงเป็นโอกาสให้พวกเขาตั้งคำถามกับรัฐบาลได้โดยตรง  

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา พรรคเดโมแครตได้เชิญคอนเทนต์ครีเอเตอร์กว่า 200 คนมาร่วมรายงานข่าวการเลือกตั้ง ขณะที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีก็ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์หลายสิบคนในการทำข่าวโอลิมปิกปารีส 2024 โดยมอบบัตรผู้สื่อข่าวให้เหมือนนักข่าวมืออาชีพ  

นอกจากนี้ กลยุทธ์การสื่อสารผ่านพอดแคสต์ของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังถูกมองว่าประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งวัยรุ่นชายที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม โดยทรัมป์เคยให้สัมภาษณ์กับพอดแคสเตอร์ชื่อดังอย่าง โจ โรแกน, โลแกน พอล และธีโอ วอน ซึ่งช่วยเพิ่มความนิยมในกลุ่มนี้อย่างมาก

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของทำเนียบขาวไม่เพียงสะท้อนถึงการปรับตัวต่อเทรนด์สื่อสมัยใหม่ แต่ยังเป็นการท้าทายบทบาทของสื่อดั้งเดิมที่อาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในยุคที่ทุกคนสามารถเป็น 'ผู้สื่อข่าว' ได้

'มาซาโตชิ อิโตะ' ต้นตระกูลเจ้าของยักษ์สะดวกซื้อ หลังมีข่าวผนึก CP สกัดค้าปลีกแคนาดาเทคโอเวอร์

(31 ม.ค.68) หนึ่งข่าวแวดวงธุรกิจช่วงนี้ที่ถูกกล่าวถึงกันมากคือ รายงานข่าวของสื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นที่ว่า ตระกูลอิโตะ (Ito)ผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท 7-ELEVEN ญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ เซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ (Seven & i Holdings)เจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-ELEVEN มีสาขาทั่วโลก ติดต่อกลุ่มธุรกิจเครือ CP เจริญโภคภัณฑ์ ของเจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์ ให้ช่วยเหลือเพื่อกันไม่ให้บริษัทร้านสะดวกซื้อแคนาดาชื่อดัง Alimentation Couche-Tard เข้าเทคโอเวอร์กิจการในราคา 47 พันล้านดอลลาร์ 

แม้ว่าปัจจุบันสมาชิกตระกูลอิโตะ จะไม่ได้ทำหน้าที่บริหารกลุ่มเซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ โดยตรงแล้วก็ตาม โดยให้นายริวอิจิ อิซากะ รับหน้าที่ประธานและซีอีโฮของกลุ่มเซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ แทน แต่ปัจจุบันตระกูลอิโตะยังคงมีบทบาทและถือหุ้นใน เซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ อยู่ไม่น้อย

ก่อนหน้านี้ในปี 2023 กลุ่มเซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ เพิ่งสูญเสียบุคคลสำคัญที่มีบทบาทอย่างมากต่อการเกิดขึ้นของแบรนด์ 7-ELEVEN ในญี่ปุ่น นั่นคือการเสียชีวิตของนาย มาซาโตชิ อิโตะ อดีตประธานและผู้ก่อตั้งกลุ่ม เซเว่น& ไอ โฮลดิงส์ ที่เสียชีวิตด้วยโรคชราในวัย 98 ปี เมื่อ 14 มี.ค. 2566 ที่ผ่านมา

นายมาซาโตชิ อิโตะ นับว่าเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างแบรนด์ 7-ELEVEN ให้รู้จักไปทั่วญี่ปุ่นรวมถึงทั่วโลก ต้องเท้าความก่อนว่าเชนแฟรนไชนส์ร้านสะดวกซื้อ 7-ELEVEN นั้นแรกเริ่มเดิมทีมีต้นกำเนิดในเมืองเออร์วิง รัฐเท็กซัส ของสหรัฐ โดย โจ ซี. ทอมป์สัน (Joe C. Thompson) กระทั่งต่อมาขายหุ้นบริษัทให้กับกลุ่ม‘อิโตะ-โยคาโดะ’ (Ito-Yokado) ของตระกูลอิโตะ 

ย้อนกลับมาที่ประวัติของมาซาโตชิ อิโตะ ย้อนไปในปี 2499 นายอิโตะรับช่วงต่อธุรกิจร้านเสื้อผ้าขนาดเล็กต่อจากลุงและพี่ชายต่างมารดา ก่อนจะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘อิโตะ-โยคาโดะ’ (Ito-Yokado) และเปลี่ยนธุรกิจไปเป็นเชนร้านสะดวกซื้อครบวงจร ที่ขายทุกอย่างตั้งแต่ของชำไปจนถึงเสื้อผ้า และได้เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปี 2515

ในเวลาเดียวกัน นายโทชิฟุมิ ซูซุกิ ผู้บริหารคนหนึ่งของ อิโตะ-โยคาโดะ ได้เป็นเจอร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น ขณะเดินทางเยือนสหรัฐฯ พวกเขาเล็งเห็นโอกาส ในเวลาต่อมา อิโต-โยคาโดะ จึงได้ทำข้อตกลงกับบริษัทสหรัฐฯ ‘เซาท์แลนด์ คอร์เปอเรชัน’ (Southland Corporation) ซึ่งเป็นบริษัทแม่เจ้าของ เซเว่น อีเลฟเว่น ในสหรัฐ นำแบรนด์เข้ามาทำตลาดแดนอาทิตย์อุทัย และเปิดร้านสาขาแรกในญี่ปุ่นในปี 2517

หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม 2533 บริษัทของนายอิโตะก็เข้าซื้อหุ้น 70% ของบริษัท เซาท์แลนด์ คอร์เปอเรชัน หลังเซาท์แลนด์ฯ ประสบปัญหาหนี้ท่วมจนต้องยื่นล้มละลาย ทำให้นายอิโตะได้สิทธิ์ในการบริหารกิจการทั้งหมดของเซาท์แลนด์ฯ ก่อนจะขยายสาขาของ เซเว่น อีเลฟเว่น ไปในหลายประเทศทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ในปี 2535 นายอิโตะต้องลาออกจากตำแหน่งใน อิโตะ-โยคาโดะ เพื่อรักษาความสงบในการประชุมผู้ถือหุ้น หลังจากผู้บริหารของบริษัท 3 คนถูกกล่าวหาว่า จ่ายเงินผิดกฎหมายให้กลุ่มแก๊งยากูซ่า

จากนั้นในปี 2548 บริษัท เซเว่น แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ ก็ถูกก่อตั้งขึ้น และมีการปรับโครงสร้างการบริหาร ให้ อิโตะ-โยคาโดะ ไปเป็นบริษัทสาขาแทน แต่ทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับนายอิโตะ โดยตัว ‘ไอ’ (i) ของชื่อ เซเว่น แอนด์ ไอ มีที่มาจากอักษรตัวแรกจากชื่อของนายอิโตะกับบริษัท อิโตะ-โยคาโดะ และนายอิโตะยังได้รับตำแหน่งประธานกิตติมศักดิ์ด้วย

ปัจจุบัน เซเว่น อีเลฟเว่น เป็นร้านสะดวกซื้อครบวงจรที่มีสาขามากกว่า 83,000 แห่งใน 17 ประเทศทั่วโลก โดย 1 ใน 4 ของจำนวนนี้อยู่ในประเทศญี่ปุ่น คู่แข่งหลักของเซเว่น อีเลฟเว่น ได้แก่ ลอว์สัน (Lawson) ที่มีเจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นเช่นกัน และแฟมิลี มาร์ท (Family Mart) ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ แต่ทั้ง 2 เจ้าก็ยังมีจำนวนสาขาทั่วโลกไม่เยอะ หรือทั่วถึง เทียบเท่ากับอาณาจักรของเซเว่น อีเลฟเว่น 

กล่าวกันว่ามุมมองธุรกิจที่เฉียบแหลมของอิโตะ ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก ปีเตอร์ ดรักเกอร์ ที่ปรึกษาด้านการจัดการของเขา ผู้ซึ่งเคยยกย่องอิโตะว่า "เป็นผู้ประกอบการและผู้สร้างธุรกิจที่โดดเด่นคนหนึ่งของโลก"

ปี 2531 อิโตะเคยให้สัมภาษณ์กับ The Journal of Japanese Trade and Industry ว่าเมื่อครั้งที่เขาเดินทางไปสหรัฐอเมริกาในปี 2503 เขาเกิดความรู้สึกตกใจว่า "ทำไมทุกคนที่นี่ถึงดูร่ำรวย ในขณะญี่ปุ่นเวลานั้นเศรษฐกิจย่ำแย่ และอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากสงครามโลกครั้งที่ 2"

เขาจึงเริ่มศึกษาจำนวนผู้บริโภคที่แท้จริงในสหรัฐ จนพบว่ามีขนาดใหญ่ และลองหาเทคนิคการจัดจำหน่ายที่เป็นไปได้เพื่อตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มใหญ่นี้

“แม้ผู้คนอยู่ในวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน แต่พวกเขายังคงมีความต้องการโดยพื้นฐานเหมือนกัน และระบบการจัดจำหน่ายของญี่ปุ่น จะเริ่มเหมือนของสหรัฐมากขึ้น เมื่อสังคมผู้บริโภคของญี่ปุ่นเติบโตขึ้น”

อิโตะ เป็นผู้ประกอบการที่สร้างธุรกิจในยุคหลังสงคราม เขาได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้ปั้นแบรนด์ระดับโลกที่จำหน่ายสินค้าทุกอย่าง ตั้งแต่โยเกิร์ตไปจนถึงอาหารสำเร็จรูปและยารักษาโรค  ตลอดช่วงปี 2513 -2523 มีผู้สนใจเสนอซื้อกิจการและขยายกิจการหลายครั้งหลายครา

ในบทสัมภาษณ์ของอิโตะเมื่อ 2531 เขาเคยกล่าวว่า “ผมมักถูกถามว่า ประสบความสำเร็จได้ เพราะทำงานหนักหรือเพราะโชคดี คำตอบของผม คือ ทั้งสองอย่าง”

สำหรับบริษัท Seven & i Holdings ปัจจุบันมีบริษัทโฮลดิ้งของตระกูลอิโตะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ  Ito Kogyo KK มีสัดส่วนถือหุ้นประมาณ 8.14%

ทรัมป์ฟาดหนัก! ขู่ BRICS เจอภาษี 100% แน่ หากกล้าแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ

(31 ม.ค.68) อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำเตือนผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social ถึงกลุ่มประเทศ BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) โดยขู่ว่าจะขึ้นภาษี 100% หากกลุ่มประเทศเหล่านี้พยายามแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยสกุลเงินใหม่หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นในการค้าระหว่างประเทศ

ทรัมป์ระบุว่า “แนวคิดที่ว่ากลุ่ม BRICS จะหันหลังให้กับดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่เรายืนดูอยู่นั้นต้องจบลงแล้ว” พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ จะเรียกร้องให้ประเทศเหล่านี้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่สร้างสกุลเงินใหม่ของ BRICS หรือสนับสนุนสกุลเงินอื่นเพื่อแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ 

“หากพวกเขาไม่ปฏิบัติตาม พวกเขาจะต้องเผชิญกับภาษี 100% และควรเตรียมตัวโบกมืออำลาการค้ากับเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ” ทรัมป์กล่าว พร้อมเสริมว่า “พวกเขาสามารถไปหาประเทศอื่นที่ยอมจำนนได้ แต่ไม่มีทางที่ BRICS จะเข้ามาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐฯ ในการค้าระหว่างประเทศหรือที่ใดก็ตาม”

คำเตือนของทรัมป์เกิดขึ้นในบริบทที่กลุ่ม BRICS ได้แสดงความสนใจในการลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ และมีการหารือเกี่ยวกับการสร้างระบบการชำระเงินหรือสกุลเงินใหม่เพื่อลดอิทธิพลของสหรัฐฯ ในระบบการเงินโลก อย่างไรก็ตาม การขู่ว่าจะขึ้นภาษี 100% ของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และกลุ่ม BRICS ในอนาคต

ทรัมป์โทษนโยบายหลากหลาย ทำจราจรทางอากาศพัง จ้างคนไร้ความสามารถทำงาน ต้นเหตุปมเครื่องบินชนเฮลิคอปเตอร์ดับ

(31 ม.ค.68) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงข่าวถึงเหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ ชนเข้ากับเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอวก์ของกองทัพ ตกกลางแม่น้ำโปโตแมค ที่กรุงวอชิงตัน ขณะกำลังลงจอดที่สนามบินเรแกนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 67 ราย โดยไม่มีผู้รอดชีวิต

ซึ่งแม้ว่าสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ทรัมป์กล่าวโทษว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากการขาดประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) ที่ส่งเสริมการเปิดรับบุคคลจากกลุ่มต่าง ๆ ให้เข้ามาทำงานแทนที่บุคคลที่มีความสามารถสูงสุด โดยทรัมป์กล่าวว่า 

"คนที่ทำงานควบคุมการจราจรทางอากาศต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุด ไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาหรือเชื้อชาติ สิ่งสำคัญที่สุดคือความสามารถ" ทรัมป์กล่าว พร้อมวิจารณ์ว่าการเปิดรับบุคคลจากกลุ่มที่หลากหลายเข้าทำงานแทนที่จะพิจารณาจากความสามารถ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง  

เมื่อนักข่าวถามว่าทำไมเขาจึงสรุปว่านโยบาย DEI เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ ทรัมป์ตอบว่า “เพราะผมมีคอมมอนเซนส์ แต่โชคร้ายที่คนอื่นไม่มี”

ทรัมป์ยังกล่าวหาว่ารัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา และโจ ไบเดน ให้ความสำคัญกับนโยบาย DEI มากเกินไป จนทำให้เกิดผลกระทบต่อมาตรฐานขององค์กร เช่น องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) ซึ่งในสมัยของโอบามา เคยเรียกร้องให้เพิ่มความหลากหลายทางเชื้อชาติภายในองค์กร แทนที่จะคัดเลือกพนักงานจากความสามารถโดยตรง

นอกจากนั้นทรัมป์ยังเผยว่า เขาเตรียมลงนามคำสั่งให้กระทรวงคมนาคมยกเลิกนโยบายความหลากหลายและความเท่าเทียม (DEI) ในภาคการบิน หลังเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารของอเมริกันแอร์ไลน์สชนกลางอากาศกับเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กของกองทัพสหรัฐฯ ดังกล่าวด้วย

ด้านรองประธานาธิบดี เจ.ดี. แวนซ์ และ ฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต่างสนับสนุนแนวทางของทรัมป์ โดยแวนซ์ระบุว่านโยบาย DEI ทำให้มาตรฐานการจ้างงานในหอบังคับการบินตกต่ำลง ขณะที่ดัฟฟียืนยันว่าจะมีการปฏิรูปเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก  

ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่า บนเที่ยวบินของอเมริกันแอร์ไลน์สมีผู้โดยสารและลูกเรือรวม 64 คน ส่วนเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กมีผู้โดยสาร 3 คน หนึ่งในกลุ่มผู้โดยสารคือทีมสเก็ตลีลาจากเมืองบอสตัน ซึ่งมีนักกีฬาวัย 16 ปี 2 คน พร้อมมารดาและโค้ชชาวรัสเซียอยู่บนเครื่อง  

ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งสอบสวนสาเหตุของอุบัติเหตุ โดยเบื้องต้นพบว่าเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์เดินทางมาตามเส้นทางปกติ ระบบสื่อสารไม่มีปัญหา แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจุดบกพร่องเกิดขึ้นที่ใด ขณะที่สำนักงานดับเพลิงและบริการการแพทย์ฉุกเฉินของกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ระบุว่า โอกาสพบผู้รอดชีวิตเป็นไปได้น้อยมาก ปฏิบัติการกู้ภัยจึงเปลี่ยนเป็นการเก็บกู้ศพ

กต.แถลงยืนยัน 5 คนไทยพ้นฮามาส เร่งประสานช่วยอีก 1 คนที่เหลือ

เมื่อวานนี้ (30 ม.ค.68) กระทรวงการต่างประเทศแถลงยืนยันว่าคนไทย 5 คนที่ถูกจับเป็นตัวประกันในฉนวนกาซาได้รับการปล่อยตัวแล้ว และขณะนี้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยเพื่อรับการดูแลทางการแพทย์ โดยรัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือตัวประกันไทยอีก 1 คนที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่  

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้รายงานว่าตัวประกันไทยทั้ง 5 คนได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ และกำลังถูกนำตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจสุขภาพ  

ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศได้จัดส่งเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศไปให้ความช่วยเหลือ พร้อมติดต่อครอบครัวของตัวประกันในประเทศไทยทันที  

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตรียมส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเดินทางไปยังอิสราเอลคืนนี้ เพื่อประสานงานรับตัวแรงงานไทยกลับประเทศ กระทรวงการต่างประเทศขอแสดงความยินดีต่อครอบครัวของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว และขอบคุณประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ ได้แก่ กาตาร์ อียิปต์ อิหร่าน ตุรกี สหรัฐอเมริกา รวมถึงสภากาชาดสากล  

รัฐบาลไทยยังขอบคุณอิสราเอลที่ให้ความร่วมมือในการดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยทั้ง 5 คนในการเดินทางกลับประเทศ และหวังว่าตัวประกันไทยที่เหลืออยู่ รวมถึงตัวประกันทุกคนในฉนวนกาซา จะได้รับอิสรภาพโดยเร็วที่สุด  

นายนิกรเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า นับตั้งแต่เกิดความขัดแย้ง มีแรงงานไทยเสียชีวิตจากสงครามในตะวันออกกลางแล้ว 46 ราย ขณะที่ตัวประกันไทยได้รับการปล่อยตัวแล้ว 28 ราย และยังเหลืออีก 1 รายที่อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อขอให้ได้รับอิสรภาพ  

สำหรับแรงงานไทย 5 คนที่ได้รับการปล่อยตัว ได้แก่  
1. นายเสถียร สุวรรณคำ  
2. นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา  
3. นายวัชระ ศรีอ้วน  
4. นายสุรศักดิ์ ลำเนา  
5. นายบรรณวัชร แซ่ท้าว  

ส่วนอีก 1 ราย คือ นายณัฐพงษ์ ปินตา ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันสถานะ แต่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยประสานงานกับประเทศที่สามารถเจรจากับกลุ่มฮามาส เพื่อให้ตัวประกันไทยคนสุดท้ายได้รับการปล่อยตัวและเดินทางกลับสู่มาตุภูมิอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

ตะวันตกล้อมกรอบ 'DeepSeek'แห่ปิดกั้น-สั่งสอบ กล่าวหาขโมยเทคโนโลยี-เสี่ยงข้อมูลผู้ใช้งานรั่ว

(30 ม.ค.68) เพียงไม่กี่วันที่บริษัท DeepSeek ของจีนเปิดตัวโมเดล AI ที่ใช้ต้นทุนต่ำแถมมีประสิทธิภาพไม่แพ้ ChatGPT ของบริษัท OpenAI จนสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วซิลิคอนวัลเลย์ ถึงขั้นที่หุ้นของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสหรัฐหลายแห่งร่วงระนาว แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าบรรดาบริษัทเอกชนฝั่งตะวันตก และบรรดาชาติตะวันตกบางแห่งจะระแวงบริษัท AI จีนที่กำลังมาแรงในขณะนี้ 

ล่าสุดดูเหมือนว่าบริษัทเอกชนและรัฐบาลบางประเทศในตะวันตกเริ่มแสดงความกังวลต่อการเติบโตของบริษัท AI จากจีน โดยเฉพาะ DeepSeek ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ มีรายงานว่า คณะกรรมาธิการการค้าของสหรัฐอเมริกา (FTC) กำลังเตรียมตรวจสอบธุรกิจคลาวด์ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) เพื่อประเมินว่ามีการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดหรือไม่ 

แหล่งข่าวจากรอยเตอร์เปิดเผยว่า การตรวจสอบของ FTC จะมุ่งเน้นไปที่ข้อสงสัยว่าไมโครซอฟท์อาจใช้อิทธิพลในฐานะผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใหญ่ กำหนดเงื่อนไขที่อาจกีดกันไม่ให้ลูกค้าย้ายข้อมูลจากบริการคลาวด์ Azure ไปยังแพลตฟอร์มของคู่แข่ง นอกจากนี้ FTC ยังกำลังพิจารณาข้อกล่าวหาที่ไมโครซอฟท์ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสมาชิกในราคาสูงสำหรับลูกค้าที่ต้องการยกเลิกบริการคลาวด์ และทำให้ผลิตภัณฑ์ Office 365 ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบคลาวด์ของคู่แข่งได้

ขณะเดียวกัน DeepSeek ก็กำลังถูกจับตาจากหลายประเทศเช่นกัน โดยหน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของอิตาลี (Garante) ได้สั่งให้ Apple และ Google ถอดแอปพลิเคชัน DeepSeek ออกจาก App Store และ Play Store ชั่วคราว ส่งผลให้ผู้ใช้งานในอิตาลีไม่สามารถดาวน์โหลดแอปได้ในขณะนี้ 

Garante ระบุว่ามีความกังวลเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน DeepSeek จึงได้ส่งคำถามไปยังผู้พัฒนาเพื่อขอคำชี้แจงภายใน 20 วัน พร้อมตรวจสอบเพิ่มเติมว่า DeepSeek ปฏิบัติตามกฎข้อบังคับทั่วไปเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูล (GDPR) ของสหภาพยุโรปหรือไม่  

นอกจากอิตาลีแล้ว หน่วยงานกำกับดูแลข้อมูลของไอร์แลนด์ก็เริ่มตรวจสอบการเก็บข้อมูลของ DeepSeek เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาที่กำลังสืบสวนว่า DeepSeek ใช้ข้อมูลใดในการฝึกฝนโมเดลปัญญาประดิษฐ์ 

ทหาร 1 แสนนายหนีทัพ รัสเซียเผยสูญเสียหนัก เซเลนสกีไม่มีทางเลือก แก้กม.ดึงเด็ก 18 ปีสู้ศึกแทน

(30 ม.ค.68) กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีทหารยูเครนราว 100,000 นาย ละทิ้งหน้าที่จากหน่วยของตนเองและหลบหนีไป โดยกรณีการหนีทัพดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในเวลานี้

รายงานระบุว่า ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา กองทัพยูเครนสูญเสียกำลังพลโดยเฉลี่ยประมาณ 50,000 คนต่อเดือน

"จากข้อมูลทางการ ทหารยูเครนประมาณ 100,000 คน ได้ละทิ้งหน่วยทหารของตนโดยพลการและหลบหนีไป" กระทรวงฯ กล่าวในแถลงการณ์ นอกจากนี้ ยังเสริมว่า อัตราการระดมพลในยูเครนไม่สามารถชดเชยการสูญเสียได้ ส่งผลให้จำนวนกำลังพลของยูเครนลดลงอย่างต่อเนื่อง

กลาโหมรัสเซียยังเผยอีกว่า ด้วยสภาพดังกล่าวทำให้รัฐบาลเคียฟมีทางเลือกไม่มาก โดยอาจใช้วิธีการแก้ไขกฎหมายลดอายุเกณฑ์การระดมพลจาก 25 ปีเหลือ 18 ปี ซึ่งเป็นเพียงวิธีเดียวที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี จะสามารถทำได้เพื่อยืดเวลาการรบในแนวหน้าโดยเฉพาะที่ภูมิภาคดอนบาสออกไปอีกไม่กี่เดือน แต่นั่นก็ทำให้ยูเครนถูกบรรดาชาติตะวันตกวิพากษ์วิจารณ์

ลูคาเชนโกถล่มทลาย!! ชนะเลือกตั้งสมัย 7 'ปูติน-สี' ร่วมยินดี ไม่แคร์ตะวันตกซัด เผด็จการไร้ความชอบธรรม

นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกประธานาธิบดีคนปัจจุบันของเบลารุส ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของประเทศเป็นครั้งที่ 7 ตามข้อมูลเบื้องต้นจากคณะกรรมการการกลางเลือกตั้ง Центральной избирательной комиссии (ЦИК) ของสาธารณรัฐเบลารุสโดยจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งตามข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของสาธารณรัฐ อยู่ที่ 85.70% พลเมืองโหวตมากที่สุดในภูมิภาค Mogilev Могилевской области (92.64%) น้อยที่สุดในมินสค์ (69.72%) โดยรวมแล้วมีพลเมือง 6.9 ล้านคนเป็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ 

ทั้งนี้การเลือกตั้งประธานาธิบดีในเบลารุสเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา จากข้อมูลเบื้องต้นจากคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางเบลารุส ลูคาเชนโกชนะด้วยคะแนน 86.82% ผู้สมัครรายอื่นแสดงผลลัพธ์ดังต่อไปนี้:
- นายโอเล็ก ไกดูเควิชОлег Гайдукевич สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) Либерально-демократической партии (ЛДП) ได้ 2.02% ของคะแนนเสียง;
- แอนนา คาโนปัตสกายาАнна Канопацкая (อายุ 48 ปี) ผู้ประกอบการอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (2016–2019) และผู้เข้าร่วมในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020  ได้ 1.86%;

- นายเซอร์เกย์ ไซรานคอฟ (Сергей Сыранков) เลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 3.21%;
- นายอเล็กซานเดอร์ คิซเนียค (Александр Хижняк) หัวหน้าพรรครีพับลิกันแห่งแรงงานและความยุติธรรม(Республиканской партии труда и справедливости) และรองผู้อำนวยการสภาผู้แทนราษฎรเมืองมินสค์ ได้ 1.74%
- ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 5.1% โหวตต่อต้านผู้สมัครทุกคน และผู้มาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งทั้งหมดคือ 85.7%

โดยเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2025 รัฐสภายุโรปมีมติเรียกร้องให้ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในเบลารุส สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกล่าวก่อนการเลือกตั้งว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เสรีและไม่ยุติธรรม เนื่องจากสื่ออิสระถูกห้ามในเบลารุส และผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญทั้งหมดถูกจำคุกหรือถูกบังคับให้หลบหนีออกนอกประเทศ พันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เคยออกมาปกป้องการจำคุกนักต่อต้านรัฐบาลและประกาศว่า “ผมไม่สนใจตะวันตก”นายคายา คัลลาส นักการทูตชั้นนำของสหภาพยุโรป เรียกการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าเป็น “การหลอกลวง” และกล่าวว่า “ลูคาเชนโกไม่มีความชอบธรรมใดๆ” ในขณะที่นางอันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนีกล่าวว่า“ชาวเบลารุสไม่มีทางเลือกอื่น วันนี้เป็นวันที่ขมขื่นสำหรับผู้ที่โหยหาเสรีภาพและประชาธิปไตย”

ในวันเลือกตั้ง นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกกล่าวว่าไม่สำคัญสำหรับเขาว่าตะวันตกจะยอมรับผลการลงคะแนนหรือไม่ “สิ่งสำคัญสำหรับผมคือชาวเบลารุสยอมรับการเลือกตั้งเหล่านี้” หลังจากการลงคะแนนเสียงในเบลารุสสิ้นสุดลงนายคาจา คัลลาหัวหน้าฝ่ายการทูตของสหภาพยุโรปและนางมาร์ธา คอส กรรมาธิการยุโรปเพื่อการขยายขนาด ได้ออกแถลงการณ์ร่วมที่พวกเขาเรียกว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสาธารณรัฐเป็นเรื่องสมมติ “การเลือกตั้งหลอกลวงในเบลารุสในวันนี้ไม่ได้เสรีหรือยุติธรรม”
เมื่อทราบผลการเลือกตั้งนายราโดสลาฟ ซิคอร์สกี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์แสดงความประหลาดใจเล็กน้อยที่ดูเหมือนว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง “เพียง” 87.6% เท่านั้นที่ให้การสนับสนุนลูคาเชนโก “ส่วนที่เหลือจะเข้าไปอยู่ในเรือนจำได้หรือไม่”

การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนในเบลารุสเกิดขึ้นในปี 2020 นอกจากประธานาธิบดีคนปัจจุบันแล้ว ยังมีผู้สมัครฝ่ายค้านอีก 3 คนที่วางแผนจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเวลานั้น ได้แก่ 1) นายเซอร์เกย์ ทิคานอฟสกี้ (Сергей Тихановский) บล็อกเกอร์ 2) นายธนาคาร นายวิคเตอร์ บาบาริโก้ (Виктор Бабарико) นักธุรกิจ และ 3) นายวาเลรี เซปคาโล (Валерий Цепкало) โดยนายเซอร์เกย์ ทิคานอฟสกี้ถูกควบคุมตัวก่อนการเลือกตั้งหลังจากนั้นนางสเวตลานา ทิคานอฟสกายาภรรยาของเขาก็ต้องหลบหนีออกจากประเทศ นายวิคเตอร์ บาบาริโก้และนายวาเลรี เซปคาโล ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางปฏิเสธการสมัคร ในการเลือกตั้งครั้งนั้นนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 80% ฝ่ายค้านไม่ยอมรับผลลัพธ์เหล่านี้โดยเชื่อว่านายเซอร์เกย์ ทิคานอฟสกี้เป็นผู้ชนะซึ่งตามรายงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางได้รับเพียง 9.9% หลังจากนั้นความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เกิดการประท้วงครั้งใหญ่เกิดขึ้นในประเทศเป็นเวลาหลายเดือนซึ่งภายหลังถูกปราบปรามโดยกองกำลังความมั่นคง

ในขณะที่ฝั่งตะวันตกไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับกับชัยชนะของนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกผู้นำหลายประเทศและองค์กรระหว่างประเทศออกมาแสดงความยินดีกับชัยชนะของนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกที่ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเบลารุสเป็นครั้งที่ 7 ประกอบด้วย

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งสหพันธรัฐรัสเซียได้แสดงความยินดีอย่างอบอุ่นต่อประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเบลารุส อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกสำหรับชัยชนะอันน่าเชื่อของเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และขออวยพรให้เขาประสบความสำเร็จในการทำงานในตำแหน่งสูงสุดของรัฐบาล ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินได้กล่าวว่า “ชัยชนะที่น่าเชื่อในการเลือกตั้งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงอำนาจทางการเมืองระดับสูงของคุณ เช่นเดียวกับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับแนวทางของรัฐ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เราได้พยายามทำอะไรมากมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างมอสโกและมินสค์ แน่นอนว่า เราจะยังคงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการพัฒนาความร่วมมือรัสเซีย-เบลารุสในหลากหลายแง่มุม เพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันต่างๆ ของรัฐสหภาพ และส่งเสริมกระบวนการบูรณาการที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่เอเชีย" นายวลาดิเมียร์ ปูตินยังอวยพรให้อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกประสบความสำเร็จในกิจกรรมของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของพี่น้องชาวเบลารุส ตลอดจนมีสุขภาพที่ดีและเจริญรุ่งเรือง และยังเชิญเชิญให้นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกไปเยือนมอสโกในอนาคตอันใกล้นี้ 

นายคาสซิม-โจมาร์ท โทคาเยฟประธานาธิบดีคาซัคสถานได้แสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งด้วยการสนทนาทางโทรศัพท์ นายคาสซิม-โจมาร์ท โทคาเยฟตั้งข้อสังเกตว่าในคาซัคสถาน นายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกเป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลทางการเมืองที่โดดเด่นซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากในการพัฒนาความสัมพันธ์มิตรภาพและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของคาซัค – เบลารุส

นายชาฟกัต มีร์ซีโยเยฟประธานาธิบดีอุซเบกิสถานได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์ยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโกโดยนายชาฟกัต มีร์ซีโยเยฟได้แสดงความยินดีอย่างอบอุ่นกับเพื่อนร่วมงานชาวเบลารุสของเขาเกี่ยวกับชัยชนะอันน่าเชื่อในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้

ประธานาธิบดีทาจิกิสถานนาย เอโมมาลี ราห์มอน ได้แสดงความยินดีกับเพื่อนร่วมงานชาวเบลารุสของเขาสำหรับชัยชนะและผลลัพธ์ที่สูงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2025 ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ของเบลารุสสนทนาทางโทรศัพท์กับนายอิลฮาม อาลีเยฟประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน ซึ่งแสดงความยินดีกับประมุขแห่งรัฐเบลารุสในชัยชนะอย่างมั่นใจในการเลือกตั้งประธานาธิบดีขอให้เขาประสบความสำเร็จในการทำงานในตำแหน่งที่รับผิดชอบนี้และการดำเนินการตามแผนของเขาประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้แสดงความยินดีกับสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งของนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก “ความเจริญรุ่งเรืองและอำนาจต่อเบลารุสที่เป็นมิตร” ผมให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-เบลารุส และพร้อมที่จะพยายามร่วมมือกับคุณเพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิมระหว่างจีนและเบลารุส กระชับความร่วมมือทวิภาคีที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในระดับทวิภาคี และส่งเสริมการพัฒนาที่ก้าวหน้าของความสัมพันธ์จีน-เบลารุส 

เพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้งสองประเทศ” นายนูร์ลัน เออร์เม็กบาเยฟเลขาธิการองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก สำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี “ผมขอแสดงความยินดีกับคุณในนามของภารกิจของเราของผู้สังเกตการณ์ขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้เกี่ยวกับชัยชนะที่น่าเชื่อ เราคุ้นเคยกับข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางเบลารุสแล้ว ในส่วนของเรา เราถือว่าคำเชิญให้เข้าร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้ง อันเป็นสัญลักษณ์ของการเปิดกว้างของรัฐเบลารุสต่อการสังเกตจากภายนอก ความไว้วางใจ และความเคารพต่อความร่วมมือขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้"

นายบากิตชาน ซาจินเทเยฟ หัวหน้าคณะกรรมการอีอีซีได้มีสาสน์แสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก สำหรับชัยชนะในการเลือกตั้ง “ผมเชื่อว่าประสบการณ์หลายปีของคุณในการปกครองรัฐจะยังคงมีส่วนสนับสนุนความสำเร็จทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเบลารุสและการพัฒนากระบวนการบูรณาการในทวีปเอเชีย”

นายอิมังกาลี ทัสมากัมเบตอฟ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (CSTO) แสดงความมั่นใจว่าภายใต้การนำของนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก เบลารุสจะยังคงมีส่วนสำคัญต่อกระบวนการบูรณาการ เสริมสร้างเสถียรภาพในพื้นที่ยูเรเซียอันกว้างใหญ่ และกระชับความสัมพันธ์พันธมิตรให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นภายในกรอบขององค์การสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม

พระสังฆราชคิริลล์แสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก สำหรับชัยชนะของเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดี “ เป็นเรื่องน่ายินดีที่ในพันธกิจที่ยากลำบากของคุณ คุณมักจะให้ความสนใจอย่างมากต่อสถานะทางจิตวิญญาณและศีลธรรมของสังคมและการสนับสนุนค่านิยมของครอบครัวแบบดั้งเดิม” พระสังฆราชตั้งข้อสังเกต เขาแสดงความหวังในการพัฒนาปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐของประเทศกับคริสตจักรออร์โธดอกซ์เบลารุส

นายชาห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานได้ส่งสาสน์แสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก สำหรับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในข้อความแสดงความยินดี ยังกล่าวถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างปากีสถานและเบลารุส และแสดงความหวังว่าจะทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ตามที่เขาพูด ความร่วมมือกำลังพัฒนาในด้านต่างๆ รวมถึงการค้า การศึกษา และวัฒนธรรม และมีความสนใจที่จะสำรวจโอกาสในการขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ

ประธานาธิบดีคีร์กีซสถานได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกทางโทรศัพท์ถึงชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้ง ผู้นำของทั้งสองประเทศยืนยันถึงปฏิสัมพันธ์และความสนใจในเบลารุส-คีร์กีซในระดับสูงในการขยายความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป

ประธานาธิบดีคนแรกของคาซัคสถาน นายนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟ ได้แสดงความยินดีกับลูคาเชนโกสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้ง นายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกยังขอบคุณ นายนูร์สุลต่าน นาซาร์บาเยฟอย่างอบอุ่นสำหรับคำพูดและความปรารถนาดีของเขา ประธานาธิบดีเวียดนามแสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกสำหรับชัยชนะในการเลือกตั้ง “เวียดนามติดตามและสังเกตอย่างใกล้ชิดด้วยความพึงพอใจเสมอถึงความสำเร็จที่ชาวเบลารุสได้รับภายใต้การนำของคุณในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมและการเสริมสร้างสถานะระหว่างประเทศของประเทศ เวียดนามให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างและพัฒนามิตรภาพแบบดั้งเดิมกับเบลารุสและเชื่อมั่นเช่นนั้น ด้วยความมุ่งมั่นของผู้นำและประชาชนของทั้งสองประเทศ ความร่วมมือหลายแง่มุมระหว่างเวียดนามและเบลารุสจะยังคงให้ผลลัพธ์มากยิ่งขึ้นในนามของผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสอง ในนามของสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาใน ภูมิภาคและโลก”

ประธานาธิบดีเติร์กเมนิสถานแสดงความยินดีกับนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกสำหรับชัยชนะของเขาและแสดงความมั่นใจในการพัฒนาความสัมพันธ์กับเบลารุส “เติร์กเมนิสถานให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความร่วมมือทวิภาคีต่อไป ซึ่งตามธรรมเนียมแล้วตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาค การเคารพซึ่งกันและกัน และความไว้วางใจ ผมเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้งว่าภายใต้การนำที่ชาญฉลาดและมองการณ์ไกลของคุณ สาธารณรัฐเบลารุสจะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ความสำเร็จและความสัมพันธ์ระหว่างรัฐของเราจะก้าวไปสู่ระดับใหม่เชิงคุณภาพ”

ประธานาธิบดีนิการากัวนายโฮเซ่ แดเนียล ออร์เทกา ซาเวดราและรองประธานาธิบดี โรซาริโอ มูริลโล สงสาสน์แสดงความยินดีกับประธานาธิบดีนายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกเนื่องในโอกาสได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง "เรามีความสุขและภาคภูมิใจในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด เป็นพี่น้องกัน และในการปฏิวัติ เราขอแสดงความยินดีกับคุณในชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์นี้ในบริบทของความปรารถนา เป้าหมาย และการประนีประนอมในนามของสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความเจริญรุ่งเรืองของสิทธิ ยืนยันว่าคุณเป็นประธานาธิบดีของกลุ่มคนที่กล้าหาญของคุณ และยังคงมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อโลกแห่งความยุติธรรม ภราดรภาพ และความเคารพที่มีหลายขั้ว”

ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส ยังได้รับสาสน์แสดงความยินดีจากประธานาธิบดีเซอร์เบีย อเล็กซานดาร์ วูซิช ในโอกาสที่เขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี “ในนามของพลเมืองของสาธารณรัฐเซอร์เบียและในนามของข้าพเจ้าเอง ผมขอแสดงความยินดีกับคุณที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ในฐานะประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเบลารุส และขอให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงและประสบความสำเร็จในการบรรลุภารกิจที่รับผิดชอบของคุณ”

นอกจากนี้นายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกยังได้รับสาสน์แสดงความยินดีในโอกาสแห่งชัยชนะในการเลือกตั้งจากประธานสภาบริหารแห่งรัฐเมียนมาร์ นายกรัฐมนตรีของประเทศเมียนมาร์ นายมิน อ่องลาย และนายเซลจ์กา ซีวิยาโนวิช ประธานรัฐสภาแห่งบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา นายดมิทรี เมดเวเดฟ หัวหน้าพรรรัสเซีย ยูไนเต็ด อดีตประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งกล่าวว่าพลเมืองของประเทศได้มอบความไว้วางใจให้ นายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกดำรงตำแหน่งสูงสุดของรัฐบาลเป็นครั้งที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งบอกถึงการสนับสนุนอย่างกว้างขวางสำหรับนโยบายภายในประเทศและต่างประเทศในปัจจุบัน ผมมั่นใจว่ากิจกรรมของคุณจะยังคงมีส่วนร่วมในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ในการเสริมสร้างมิตรภาพและความร่วมมือที่หลากหลายระหว่างประเทศที่เป็นพี่น้องกันของเรา การบูรณาการที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นภายในรัฐสหภาพและสมาคมอื่น ๆ ในพื้นที่เอเชีย ผมขอให้คุณอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกที่รักมีสุขภาพที่ดี มีความสำเร็จใหม่ ๆ และสิ่งที่ดีที่สุด ผมขอให้คุณประสบความสำเร็จในทุกสิ่ง”

สั่ง Meta ควัก 25 ล้านดอลลาร์ชดใช้ทรัมป์ กรณีปิดบัญชีจากเหตุจลาจลรัฐสภา

(30 ม.ค. 68) บริษัท Meta ยินยอมที่จะจ่าย 25 ล้านดอลลาร์ให้กับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อยุติคดีความที่ทรัมป์ฟ้องร้องบริษัท หลังจากที่แพลตฟอร์มสั่งระงับบัญชีของทรัมป์หลังเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 รายงานข่าวดังกล่าวถูกเปิดเผยโดย  The Wall Street Journal และได้รับการยืนยันโดยโฆษกของ Meta 

จากรายงานของ The Wall Street Journal ระบุว่า เงินจำนวน 22 ล้านดอลลาร์ที่ Meta จ่ายให้ทรัมป์นี้จะถูกนำไปสมทบทุนสร้างหอสมุดประธานาธิบดี ส่วนที่เหลือจะถูกใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมทางกฎหมายและชำระให้กับโจทก์รายอื่น ๆ ที่มีชื่อในคดีดังกล่าว ทั้งนี้ ทำเนียบขาวยังไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

การฟ้องร้อง Facebook ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้บริษัทแม่ Meta เป็นหนึ่งในหลายคดีที่ทรัมป์ยื่นฟ้อง สืบเนื่องหลังเหตุการณ์วันที่ 6 มกราคม ซึ่งนอกจาก Facebook แล้ว ทรัมป์ยังยื่นฟ้อง YouTube และ Twitter (ปัจจุบันคือ X) รวมถึงผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม คดีฟ้องร้อง Twitter ถูกผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางยกฟ้องไปแล้ว ขณะที่คดีฟ้องร้อง Google ถูกระงับคดีชั่วคราวไปในปี 2023 แต่ยังมีโอกาสที่จะนำกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง

หลังเหตุการณ์จลาจลที่รัฐสภาสหรัฐฯ Facebook ระงับบัญชีของทรัมป์ เนื่องจากเขาใช้แพลตฟอร์มเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการเลือกตั้งและอ้างว่าตนเป็นผู้ชนะในปี 2020 การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Facebook ซึ่งก่อนหน้านี้มักปล่อยให้ผู้นำทางการเมืองใช้งานแพลตฟอร์มได้โดยไม่มีการควบคุมเข้มงวด แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์รุนแรง บริษัทได้ปรับปรุงกฎระเบียบใหม่เพื่อให้สามารถระงับบัญชีบุคคลสำคัญได้ในกรณี "พิเศษ" เช่น ภาวะความไม่สงบและความรุนแรงทางการเมือง

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Facebook ในเวลานั้นกล่าวว่า "เราเชื่อว่าความเสี่ยงจากการปล่อยให้ประธานาธิบดีใช้งานแพลตฟอร์มของเราต่อไปในช่วงเวลานี้นั้นสูงเกินไป" บริษัทจึงตัดสินใจลงโทษทรัมป์ขั้นสูงสุดตามกฎใหม่ โดยระงับบัญชี Facebook และ Instagram ของเขาแบบไม่มีกำหนด

"พวกเขาไม่ควรได้รับอนุญาตให้ทำแบบนี้ พวกเขากำลังเซ็นเซอร์และปิดปากเรา และสุดท้ายแล้ว เราจะชนะ ประเทศของเราไม่สามารถทนรับการกดขี่แบบนี้ได้อีกต่อไป!" ทรัมป์กล่าวในขณะนั้น และเสริมว่า "ครั้งต่อไปที่ผมอยู่ในทำเนียบขาว จะไม่มีมื้อค่ำที่ซักเคอร์เบิร์กและภรรยาของเขาร้องขออีกต่อไป ทุกอย่างจะเป็นเรื่องธุรกิจเท่านั้น!"

ไม่กี่เดือนต่อมา Facebook ปรับลดระยะเวลาการระงับบัญชีของทรัมป์เป็นสองปี และในปี 2023 เมื่อครบกำหนดสองปี บริษัทได้คืนสิทธิ์ให้เขากลับมาใช้งานแพลตฟอร์ม เช่นเดียวกับ Twitter และ YouTube ที่ยกเลิกการแบนบัญชีของทรัมป์

ล่าสุด ซักเคอร์เบิร์กดูเหมือนจะกลับมาเป็นที่โปรดปรานของทรัมป์อีกครั้ง โดยมีรายงานว่าเขาพบกับทรัมป์หลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และนั่งแถวหน้าระหว่างพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี ซักเคอร์เบิร์กยังเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงระดับหรูให้กับทรัมป์ในช่วงเฉลิมฉลองวันเข้ารับตำแหน่ง

การเจรจายุติคดีเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน เมื่อซักเคอร์เบิร์กไปรับประทานอาหารค่ำกับทรัมป์ที่บ้านพัก Mar-a-Lago ในฟลอริดา โดย The Wall Street Journal รายงานว่าทรัมป์ระบุว่าคดีความต้องถูกจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่ซักเคอร์เบิร์กจะสามารถ "เข้าร่วมกลุ่มของเขา" ได้ ต่อมา ซักเคอร์เบิร์กกลับไปที่ Mar-a-Lago ในช่วงต้นเดือนมกราคมเพื่อการไกล่เกลี่ยที่กินเวลาทั้งวัน

หลังจากเดินทางไปฟลอริดาไม่นาน ซักเคอร์เบิร์กก็ประกาศนโยบายใหม่ของ Meta โดยระบุว่าบริษัทจะยกเลิกข้อจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาทางการเมือง และอนุญาตให้มีการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น โดยสะท้อนคำพูดของทรัมป์ว่า "การเซ็นเซอร์ออนไลน์มีมากเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่เราจะกลับไปสู่รากฐานของเรา

ฟ้องหนักบริษัทยา Merck วัคซีนมะเร็ง HPV ทำวัยรุ่นพิการถาวร แฉซ้ำบริษัทปกปิดผลข้างเคียง

(30 ม.ค.68) Merck & Co., Inc. บริษัทผู้ผลิตยาอันดับ 2 ของสหรัฐฯ กำลังเผชิญคดีฟ้องร้องจากการทำตลาดวัคซีน Gardasil ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันมะเร็ง HPV หลังจากที่มีรายงานว่าพบผลข้างเคียงรุนแรงในกลุ่มวัยรุ่นที่รับวัคซีน โดยพบรายงานมีอาการ ไมเกรนรุนแรง ปัญหาด้านความจำ อัมพาตชั่วคราว โรคหัวใจ ระบบย่อยอาหารอ่อนแรง และอาการบาดเจ็บอื่นๆ ในขณะที่วัคซีนดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับ  Merck ถึง 8,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ก็ตาม

ด้านนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี้ จูเนียร์ (RFK Jr.) ผู้มีแนวโน้มจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุข ในรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาแสดงความกังวลและประกาศว่าจะดำเนินการอย่างเข้มงวดกับบริษัทยาที่เขาระบุว่าเป็น 'องค์กรอาชญากรรม' โดยเฉพาะกรณีของ Merck ที่มีประวัติการจ่ายค่าเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์จากคดียา Vioxx ในอดีต และยังถูกกล่าวหาว่าทดลองยาในยูเครนโดยไม่ได้รับความยินยอม

สำหรับวัคซีน Gardasil ได้รับการส่งเสริมและจำหน่ายอย่างแพร่หลายในสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย สำหรับกลุ่มอายุ 9-45 ปี เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งศีรษะและลำคอ รวมถึงมะเร็งอื่นๆ ที่เกิดจากเชื้อ HPV นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ในประเทศกำลังพัฒนาผ่านการสนับสนุนของ Gavi พันธมิตรด้านวัคซีน อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์รวมถึง RFK Jr. ชี้ว่า Gardasil อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งบางชนิด และก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงที่ส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว 

ล่าสุด ทนายความของหญิงชาวลอสแองเจลิสได้ยื่นฟ้อง Merck ฐานให้ข้อมูลเท็จและปกปิดผลข้างเคียงของวัคซีน โดยกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง ขณะที่ทนายความของ Merck ยืนยันว่าจะต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ และปฏิเสธว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีน ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตยาสามารถ

ทั้งนี้ Merck เคยมีประวัติจ่ายค่าเสียหายมหาศาลในคดียา Vioxx เมื่อปี 2007 ซึ่งต้องจ่ายเงินชดเชยกว่า 4,850 ล้านดอลลาร์ หลังพบว่ายาดังกล่าวทำให้เกิดอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมองในผู้ป่วยจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีข้อกล่าวหาว่าบริษัทได้ทำการทดลองยาในยูเครนโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เข้าร่วม ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกเปิดเผยจากเอกสารที่กองทัพรัสเซียยึดได้

ฮามาสจ่อปล่อยตัวคนไทย 5 ชีวิตหลุดฉนวนกาซา พร้อมชาวอิสราเอล หลังถูกจับกว่า 3 เดือน

(30 ม.ค. 68) เจ้าหน้าที่อิสราเอลเผยว่า กลุ่มฮามาสมีแผนจะปล่อยตัวประกันชาวไทย 5 คน และชาวอิสราเอลอีก 3 คน จากฉนวนกาซาในวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคมนี้ โดยชาวอิสราเอลที่ได้รับการปล่อยตัว ได้แก่ อาร์เบล เยฮุด (Arbel Yehud) หญิงวัย 29 ปี, อากัม เบอร์เกอร์ (Agam Berger) นักสังเกตการณ์ทางทหารอายุ 20 ปี และ กาดี โมเสส (Gadi Moses) ชายวัย 80 ปี

การปล่อยตัวประกันครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนตัวประกันระลอกที่ 3 ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา โดยการแลกเปลี่ยนนี้จะมีการปล่อยตัวนักโทษปาเลสไตน์ 110 คนจากเรือนจำของอิสราเอล

สำหรับตัวประกันชาวไทยที่กำลังจะได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่ออย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเป็นแรงงานภาคเกษตรที่ถูกลักพาตัวไปจากคิบบุตซ์ในอิสราเอล ก่อนหน้านี้ทางการไทยได้เปิดเผยรายชื่อพลเมืองไทย 6 คนที่ยังคงถูกกักตัวในฉนวนกาซา ได้แก่ วัชระ ศรีอ้วน, บรรณวัชร แซ่ท้าว, เสถียร สุวรรณคำ, ณัฐพงษ์ ปินตา, พงษ์ศักดิ์ แทนนา และ สุรศักดิ์ ลำเนา นอกจากนี้ยังมีตัวประกันชาวไทยอีก 2 คนที่เสียชีวิตแล้ว ได้แก่ สนธยา อัครศรี และ สุทธิศักดิ์ รินทลักษ์ ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตตั้งแต่ช่วงต้นของเหตุการณ์เมื่อเดือนตุลาคม 2023

ด้านอิสราเอลคาดการณ์ว่าจะมีการปล่อยตัวประกันครั้งที่ 4 ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ โดยจะเป็นการปล่อยตัวประกันชาย 3 คน

ทั้งนี้ การปล่อยตัวประกันเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงหยุดยิงที่เกิดขึ้นหลังจากการโจมตีข้ามพรมแดนของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 คน และมีตัวประกัน 251 คนถูกพาตัวไปยังฉนวนกาซา นับตั้งแต่เหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาแล้วกว่า 47,310 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

ก่อนหน้านี้ ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงระลอกแรก ตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คน ได้แก่ โรมี โกเนน, โดรอน สไตน์เบรเชอร์ และ เอมิลี ดามารี ได้รับการปล่อยตัวและกลับไปพบกับครอบครัวแล้ว อิสราเอลระบุว่าก่อนบรรลุข้อตกลงหยุดยิง มีตัวประกัน 94 คนที่ยังสูญหาย และเชื่อว่ามีเพียง 60 คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top