(21 พ.ค.67) คาริม ข่าน อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) กล่าวว่า เขาได้ขอหมายจับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายยูอาฟ กัลลันท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล และผู้นำฮามาสอีก 3 คน ในข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม
แถลงการณ์ของข่านถูกเผยแพร่หลังสงครามในฉนวนกาซายืดเยื้อมานานกว่า 7 เดือน โดยระบุว่า เขามีเหตุผลอันสมควรที่ทำให้เชื่อว่า ชายทั้ง 5 คนนี้ต้องรับผิดทางอาญาต่อข้อกล่าวหาว่าได้ก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ข่านกล่าวด้วยว่า เขาได้ยื่นขอหมายจับเนทันยาฮูและกัลลันท์ ที่ดูแลการรุกรานของอิสราเอลต่อกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา หลังจากกลุ่มติดอาวุธฮามาสได้โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน
ขณะเดียวกันก็ยังได้ยื่นขอหมายจับยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส โมฮัมเหม็ด อัล-มาสรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ เดอีฟ และอิสมาอิล ฮานีเยห์ หัวหน้าสำนักการเมืองของกลุ่มฮามาสด้วย
ข่านระบุว่า อิสราเอลก็เหมือนรัฐอื่น ๆ ที่มีสิทธิที่จะดำเนินการเพื่อปกป้องพลเมืองของตน แต่สิทธิดังกล่าวไม่ทำให้อิสราเอลหรือรัฐใด ๆ พ้นจากพันธกรณีในการปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
“อาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่ถูกกล่าวหาว่าดำเนินการโดยอิสราเอลนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีพลเรือนชาวปาเลสไตน์อย่างกว้างขวางและเป็นระบบตามนโยบายของรัฐ และจากการประเมินของเรา อาชญากรรมเหล่านี้ยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้” ข่านกล่าว
หลักฐานที่สำนักงานของเขารวบรวมมาได้แสดงให้เห็นว่า อิสราเอลได้กีดกันพลเรือนจากสิ่งของที่ขาดไม่ได้สำหรับการอยู่รอดของมนุษย์อย่างเป็นระบบ ซึ่งรวมถึงอาหาร ยารักษาโรค และพลังงาน ซึ่งเนทันยาฮูและกัลลันท์ต้องรับผิดชอบ เพราะอิสราเอลจงใจก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างใหญ่หลวง และการสังหารซึ่งเป็นอาชญากรรมสงคราม
ขณะที่ผู้นำกลุ่มฮามาสเผชิญข้อกล่าวหาว่าพวกเขาต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่กลุ่มฮามาสก่อขึ้น รวมถึงการทำลายล้างและฆาตกรรม การจับตัวประกัน การทรมาน การข่มขืน และการกระทำรุนแรงทางเพศอื่น ๆ
หลังจากนี้องค์คณะผู้พิพากษาก่อนพิจารณาคดีจะตัดสินว่า หลักฐานที่อัยการได้นำเสนอนั้นเพียงพอที่จะให้ไอซีซีออกหมายจับหรือไม่ อย่างไรก็ดี ไอซีซีไม่มีอำนาจให้การบังคับให้มีการดำเนินการตามหมายจับแต่อย่างใด
การสอบสวนในกรณีสงครามฉนวนกาซาโดยไอซีซีถูกต่อต้านจากทั้งสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล ขณะที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องอาชญากรรมสงคราม และยังมีการวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของข่านอีกด้วย
เนทันยาฮู กล่าวว่า การตัดสินใจของข่านเป็นการบิดเบือนความเป็นจริงอย่างสิ้นเชิง พร้อมกับปฏิเสธการที่อัยการไอซีซีนำเอาอิสราเอลที่เป็นประชาธิปไตยไปเปรียบเทียบกับกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นฆาตกรสังหารหมู่
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เรียกการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายดังกล่าวว่าเป็นเรื่องรับไม่ได้ พร้อมกับย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาไม่ใช่การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ไบเดนกล่าวว่า การสนับสนุนของสหรัฐต่อความมั่นคงและความปลอดภัยของอิสราเอลนั้นแข็งแกร่ง เรายืนหยัดร่วมกับอิสราเอลเพื่อกำจัดฮามาส เราต้องการให้ฮามาสพ่ายแพ้ และเรากำลังทำงานร่วมกับอิสราเอลเพื่อทำให้มันเกิดขึ้น
ขณะที่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า การดำเนินการนี้ถือเป็นอันตรายต่อการเจรจาข้อตกลงตัวประกันและการหยุดยิง
ซามี อาบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มฮามาส กล่าวว่า การตัดสินใจของอัยการในการออกหมายจับผู้นำฮามาสทั้ง 3 คน ก็เท่ากับว่าเหยื่อมีสถานะเป็นผู้ประหัตประหาร พร้อมกับเรียกร้องให้มีการยกเลิกหมายจับผู้นำของตนด้วย
ด้านเบนนี เกนต์ซ สมาชิกคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล กล่าวว่า การเปรียบเทียบผู้นำประเทศประชาธิปไตยที่มุ่งมั่นจะปกป้องตนเองจากความหวาดกลัวอันน่ารังเกียจต่ผู้นำองค์การก่อการร้ายกระหายเลือด ถือเป็นการบิดเบือนความยุติธรรมอย่างลึกซึ้ง และเป็นการล้มละลายทางศีลธรรมอย่างโจ่งแจ้ง