Saturday, 15 March 2025
WORLD

บริษัทแม่ 7-Eleven เล็งถอนหุ้น ทิ้งตลาดหลักทรัพย์โตเกียว แปรสภาพเป็นเอกชน

(13 พ.ย. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Seven & i Holdings บริษัทญี่ปุ่นเจ้าของเครือร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ทั่วโลก กำลังพิจารณาซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนเพื่อนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งเป็นแผนป้องกันการเทกโอเวอร์จาก Alimentation Couche-Tard Inc. กลุ่มทุนค้าปลีกจากแคนาดาที่ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการของ Seven & i เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยหากดีลนี้สำเร็จ คาดว่าจะเป็นมูลค่าการซื้อหุ้นคืนอาจสูงถึง 2 ล้านล้านบาท

นิกเคอิ เอเชีย รายงานเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2024 โดยอ้างแหล่งข่าวว่า Seven & i Holdings กำลังอยู่ในขั้นตอนการติดต่อสถาบันการเงินเพื่อจัดหาทุนสนับสนุนในการซื้อหุ้นคืน เพื่อป้องกันการเข้าครอบครองจาก Couche-Tard อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่านักลงทุนและครอบครัวผู้ก่อตั้งจะตอบรับข้อเสนอนี้หรือไม่

ด้าน  Bloomberg ระบุว่ามูลค่าของดีลนี้อาจสูงถึง 9 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.02 ล้านล้านบาท) และทางตลาดหลักทรัพย์โตเกียวได้ประกาศระงับการซื้อขายหุ้น Seven & i ชั่วคราวตั้งแต่เวลา 11.43 น. ของวันที่ 13 พฤศจิกายน เพื่อสอบถามข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้องของข่าวการซื้อคืนหุ้น

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของ Seven & i ปรับตัวสูงขึ้น 23% เมื่อซื้อขายผ่าน Japannext หลังปิดตลาดภาคเช้า ขณะที่นิกเคอิรายงานว่า หากดีลซื้อหุ้นคืนสำเร็จ จะกลายเป็นดีลซื้อกิจการที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

ทรัมป์ตั้ง 'อีลอน มัสก์' นั่งกระทรวงใหม่ คุมประสิทธิภาพรัฐบาล

(13 พ.ย. 67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศแต่งตั้ง อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของ Tesla และ SpaceX เป็นหัวหน้ากระทรวงใหม่ "กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล" หรือ Department of Government Efficiency (DOGE) ร่วมกับวิเวก รามาสวามี อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสายรีพับลิกัน การตั้งหน่วยงานนี้มีเป้าหมายเพื่อลดขนาดรัฐบาล ยกระดับประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่ายด้านบริหาร 

ทรัมป์ระบุว่าทั้งมัสก์และรามาสวามีจะนำแนวทางการจัดการภาคเอกชนมาประยุกต์ใช้ เพื่อรื้อระบบราชการที่ซับซ้อน ลดกฎระเบียบที่ซ้ำซ้อน และปรับโครงสร้างหน่วยงานรัฐ การแต่งตั้งครั้งนี้ไม่ได้ผ่านการรับรองจากวุฒิสภา ทำให้มัสก์สามารถคงบทบาทในธุรกิจของเขาต่อไปได้

ทรัมป์กล่าวว่ากระทรวง DOGE จะทำงานร่วมกับทำเนียบขาวและสำนักงานบริหารจัดการและงบประมาณของสหรัฐฯ เพื่อผลักดันการปฏิรูปที่ยั่งยืนและท้าทายผ่านมุมมองแบบผู้ประกอบการ โดยตั้งเป้าหมายให้กระบวนการปฏิรูปเสร็จสิ้นภายในวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 ซึ่งเป็นวาระครบรอบ 250 ปีการประกาศอิสรภาพของสหรัฐฯ 

มัสก์ ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกจากนิตยสาร Forbes คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในรัฐบาลทรัมป์ พร้อมรับโอกาสที่จะพัฒนาเทคโนโลยีในหลายด้าน รวมถึง AI และคริปโตเคอร์เรนซี โดยมัสก์เองได้สนับสนุนแคมเปญหาเสียงของทรัมป์อย่างต่อเนื่องและเคยขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกันหลายครั้ง 

มัสก์ให้คำมั่นว่าการทำงานของ DOGE จะโปร่งใส โดยเผยว่าทุกขั้นตอนจะถูกเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้

ภูฏานปิ๊งเมกะโปรเจกต์ สร้างเมืองสีเขียวส่งเสริมสมาธิ

(13 พ.ย. 67) ภูฏาน ประเทศเจ้าของไอเดีย GDPความสุข เผยแนวคิดพัฒนาโครงการเมกะโปรเจกต์สร้าง "เมืองแห่งสติ" ในเมืองเกเลพู ผ่านการระดมทุนด้วยการออกพันธบัตรมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ 

สำหรับเมืองเกเลพูจะได้รับการจัดตั้งให้เป็นพื้นที่บริหารพิเศษที่มีกฎหมายและกฎระเบียบแยกเฉพาะ มีเป้าหมายให้เป็นระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เมืองนี้จะเน้นการส่งเสริมการเดินและการขี่จักรยานเพื่อลดมลพิษ รวมถึงจัดสรรพื้นที่สีเขียวสำหรับการทำสมาธิและการผ่อนคลาย ระบบการศึกษาจะมุ่งเน้นการปลูกฝังสติและส่งเสริมกิจกรรมชุมชน สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ

เมืองเกเลพูจะครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,500 ตารางกิโลเมตร ติดชายแดนอินเดีย โดยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจด้านการเงิน การท่องเที่ยว พลังงานสีเขียว เทคโนโลยี การดูแลสุขภาพ เกษตรกรรม การบิน โลจิสติกส์ การศึกษา และการพัฒนาจิตวิญญาณ

เมื่อ 11 พ.ย. ผ่านมา ภูฏานได้ประกาศเริ่มโครงการระดมทุนจากชาวภูฏานในต่างประเทศ เพื่อนำเงินมาสร้างสนามบินนานาชาติและโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ในเกเลพู การระดมทุนนี้จะอยู่ในรูปแบบพันธบัตรระยะ 10 ปี

อดีตนายกรัฐมนตรี โลเท เชอร์ริง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเมืองเกเลพู กล่าวว่า โครงการนี้จะเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจของภูฏาน โดยเน้นดึงดูดการลงทุน พัฒนาทักษะ และสร้างงานเพื่อความเจริญรุ่งเรือง

การพัฒนาเมืองเกเลพูจะดำเนินไปหลายระยะ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 21 ปี โดยการลงทุนจากเอกชนจะครอบคลุมการก่อสร้างถนน สนามบิน ที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล และธุรกิจต่าง ๆ คาดว่าจะมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 150,000 คนภายใน 7-10 ปีแรก

เจ้าหน้าที่ระบุว่า อินเดียซึ่งเป็นคู่ค้าหลักของภูฏาน ได้ให้การสนับสนุนโครงการนี้ โดยมีแผนขยายถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อมายังเมืองเกเลพู

'เยอรมนี' ชาติยอดนิยมในยุโรป นักศึกษา 'อินเดีย-จีน' แห่ไปเรียนมากสุด

(13 พ.ย. 67) เยอรมนีพบจำนวนนักศึกษาต่างชาติเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยในภาคการศึกษาฤดูหนาวปี 2023-2024 มีนักศึกษาต่างชาติกว่า 380,000 คนลงทะเบียนเรียน เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา ตามข้อมูลของ DAAD (German Academic Exchange Service) นักศึกษาต่างชาติเหล่านี้คิดเป็นเกือบ 13% ของนักศึกษาทั้งหมดในเยอรมนี

นักเรียนจากอินเดียมีจำนวนมากที่สุด โดยมีนักเรียนลงทะเบียนประมาณ 49,000 คน รองลงมาคือจีน (38,700 คน) ตุรกี (18,100 คน) ออสเตรีย (15,400 คน) และอิหร่าน (15,200 คน) ขณะที่ซีเรีย ซึ่งเคยอยู่ในห้าอันดับแรก ปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 13,400 คนหล่นอยู่ในอันดับที่หก

นักศึกษาต่างชาติส่วนใหญ่อยู่ในรัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย (78,500 คน) รองลงมาคือบาวาเรีย (61,400 คน) และเบอร์ลิน (40,800 คน)

ศาสตราจารย์ Monika Jungbauer-Gans ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์ศูนย์วิจัยอุดมศึกษาและการศึกษาวิทยาศาสตร์เยอรมัน กล่าวว่า จำนวนผู้ลงทะเบียนนักศึกษาต่างชาติในเยอรมนีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 15 ปี นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความน่าดึงดูดของมหาวิทยาลัยในเยอรมนี โดยเฉพาะหลักสูตรปริญญาโทที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ “เพื่อเพิ่มจำนวนการลงทะเบียน เราจำเป็นต้องยกระดับการสนับสนุนนักศึกษาในทุกระดับการศึกษา” เธอกล่าวในแถลงการณ์ของ DAAD

ปัจจุบัน หลักสูตรวิชาการในเยอรมนีราว 10% ใช้การสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งช่วยหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับหลักสูตรภาษาอังกฤษที่เพิ่มขึ้นจนเกิดข้อจำกัดในบางประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ ตามรายงานของ The PIE News

การสำรวจจาก Study in Germany เว็บไซต์การศึกษาต่อเยอรมนี ระบุเหตุผลสำคัญสามประการที่ดึงดูดนักเรียนต่างชาติ ได้แก่ 1.การเรียนฟรี มหาวิทยาลัยของรัฐในเยอรมนีไม่มีการเก็บค่าเล่าเรียน โดยนักศึกษาชำระเพียงค่าธรรมเนียมการบริหารปีละประมาณ 150-250 ยูโร (160-268 ดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรกว่า 500 หลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษ และมหาวิทยาลัยเยอรมนี 49 แห่งติดอันดับโลกโดย Times Higher Education

2.ค่าครองชีพต่ำ นักศึกษาต่างชาติใช้ชีวิตด้วยงบประมาณเฉลี่ย 930 ยูโร (1,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน ซึ่งต่ำกว่าสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกามาก 3.โอกาสทำงานหลังเรียนจบ นักศึกษาสามารถอยู่ในเยอรมนีได้นานถึง 18 เดือนเพื่อหางาน โดยผลสำรวจยังชี้ว่านักศึกษาต่างชาติ 70% ต้องการทำงานในเยอรมนีหลังเรียนจบ

Kai Sicks เลขาธิการ DAAD กล่าวถึงความสำคัญของการสนับสนุนหลักสูตรภาษาอังกฤษพร้อมกับการส่งเสริมการเรียนภาษาเยอรมันเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ “นักเรียนต่างชาติที่ประสบความสำเร็จในเยอรมนีมักจะเป็นผู้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและมหาวิทยาลัยได้ดี” เขากล่าวกับ The PIE

นอกจากนี้ เยอรมนี เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป กำลังเผชิญกับการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะถึง 7 ล้านคนภายในปี 2035 เนื่องจากประชากรสูงวัย DAAD ได้เรียกร้องให้รัฐบาล มหาวิทยาลัย และธุรกิจต่างๆ เพิ่มอัตราการคงอยู่ของบัณฑิตต่างชาติ โดยตั้งเป้ารักษาบัณฑิตไว้ประมาณ 50,000 คนต่อปีภายในปี 2030

ในปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Steffen Kaupp รองผู้อำนวยการสถาบันเกอเธ่ ฮานอย เปิดเผยว่า จำนวนนักศึกษาชาวเวียดนามในเยอรมนีเพิ่มขึ้นเกือบ 30% จากช่วงก่อนโควิด-19 โดยส่วนใหญ่สนใจการฝึกอาชีวศึกษาในสาขาการพยาบาลและการบริการ

เจาะเบื้องลึกหลังม่านแคมเปญเลือกตั้งสหรัฐฯ กับ ‘วินท์ สุธีรชัย‘ การป้ายสีให้ทรัมป์เป็นปิศาจ vs นโยบายแก้ปัญหาพื้นฐานสหรัฐฯ

(13 พ.ย. 67) การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาผ่านพ้นไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นที่แน่นอนว่า ‘โดนัลด์ เจ ทรัมป์’ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 2 ท่ามกลางความโกลาหลของโลก

THE STATES TIMES ได้รับโอกาสนั่งจิบกาแฟพร้อมกับคุยถึงสถานการณ์การเมืองของสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลกระทบต่อโลก และไทย ภายหลังการรับตำแหน่งของทรัมป์กับ ‘วินท์ สุธีรชัย‘ หนึ่งในนักการเมืองไฟแรง ความสามารถสูงโดยเฉพาะในส่วนของด้านเศรษฐกิจ 

บทสนทนาแรกเริ่มต้นจากการที่วินท์ได้เริ่มอธิบายภาพรวมการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาในช่วงที่ผ่านมา ผ่านวิธีคิดของพรรคการเมืองทั้ง 2 ขั้วบนเวทีการเมือง

การเลือกตั้งครั้งนี้นับว่าเป็นความประสบสำเร็จเป็นอย่างสูงของทรัมป์ และพรรครีพับลิกัน เพราะสามารถชนะได้อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกผู้แทนรัฐสำหรับเลือกประธานาธิบดี(Electoral College) คะแนนรวม(Popular Vote) สว. และ สส. 

เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ที่พรรครีพับลิกันสามารถเอาชนะได้ทั้งการเลือกตั้งผู้แทนรัฐสำหรับเลือกประธานาธิบดี(Electoral College) คะแนนรวม(Popular Vote)

ก่อนวินท์จะเริ่มเล่าถึงกลยุทธ์ในการทำแคมเปญหาเสียง

พรรคเดโมแครตพยายามใช้กลยุทธ์คล้าย ๆ กับการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว คือสร้างภาพทรัมป์ให้เป็นเผด็จการที่จะมาทำลายระบอบประชาธิปไตยในอเมริกา เป็นคนบ้า เป็นคนเลวร้าย เป็นปิศาจ การสร้างแคมเปญแบบนี้ในการเลือกตั้งคือการสร้างภาพว่าทรัมป์คือ อดอร์ฟ ฮตเลอร์คนที่สอง และพยายามให้ภาพแบบนี้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

จนกระทั่งวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ทรัมป์ถูกลอบสังหารระหว่างการปราศรัยหาเสียงที่ เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนน์ซิลเวเนีย

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เดโมแครตต้องลดโทนการหาเสียงลง เพื่อไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมเกิดขึ้น 

ทำให้คนเริ่มสงสัยว่าหากทรัมป์เป็นปีศาจเผด็จการจริง ต้องฆ่าให้ตายสิ แต่นี่มาปกป้อง แสดงว่าทรัมป์ก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง เขาไม่ใช่ปิศาจเผด็จการ เป็นคนธรรมดาที่มีความดีความชั่วปน ๆ กันไม่ต่างจากประชาชนทั่ว ๆ ไป

การใช้แนวคิดหาเสียงแบบนี้ของเดโมแครตไม่ต่างอะไรกับการสร้าง ‘ปิศาจที่ไม่มีจริง’

พรรคเดโมแครตยังมีข้อครหาเรื่อง ‘กมลา แฮร์ริส’ ที่มาแทนที่ ‘โจ ไบเดน’ เพราะแม้ไบเดนจะชนะการเลือกตั้งไพรมารี่ภายในพรรคด้วยเสียงถึง 14 ล้านเสียง แต่พอการดีเบตออกมาไม่ดี ก็มีนายทุนพรรคไม่กี่คนมาบีบให้ลาออกและชูแฮร์ริสขึ้นมาแทนโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งภายในพรรค

ที่ไบเดนต้องยอมถอยก็เพราะว่า แค่มีคำขู่ว่าถ้าไม่ยอมถอยออกไป เม็ดเงินในการเลือกตั้งจะหายไป 

นอกจากนี้แนวคิดในการหาเสียงของทีมกมลา แฮริส ยังมุ่งไปที่พยายามจะชูอัตลักษณ์ของตนเอง ที่เป็นผู้หญิงผิวสี มีเชื้อสายชนพื้นเมือง แต่ไม่ได้บอกอะไรเลยว่าจะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวสหรัฐอย่างไร 

กมาลา แฮริส ไม่ได้โชว์ศักยภาพว่านโยบายของตัวเองดีอย่างไร หรือตัวเองที่เป็นตัวแทนของอัตลักษณ์จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขายังไง ดังนั้นไม่แปลกเลยที่แฮริสจะได้คะแนนน้อยทั้งในสัดส่วนผู้หญิง และอัตลักษณ์ต่าง ๆ

กลับกันการหาเสียงของทรัมป์ถึงจะดูรุนแรง แต่ยังไงก็ตามล้วนแต่จี้เข้าไปที่ปัญหาพื้นฐานของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่มีสวัสดิการดูแลอย่างดี แต่ประชาชนอเมริกันแท้ ๆ กลับมีหลายคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก 

ดังนั้นนโยบายการผลักดันผู้อพยพอย่างผิดกฎหมายออกนอกประเทศอาจจะถูกโจมตีบ้าง แต่คนอเมริกันล้วนแต่ต้องการ เพราะตรงกับความรู้สึกที่ว่าได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมตลอดเวลา ซึ่งนโยบายนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างมากแม้แต่กับชาวต่าชาติที่ได้รับสิทธิพลเมืองสหรัฐแล้ว 

นอกจากนี้ ‘วินท์’ ยังได้ยกตัวอย่างอีก 1 ปัญหาสำคัญของสหรัฐอเมริกา นั่นคือ ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงอย่างต่อเนื่อง 

นโยบายของทรัมป์จี้ไปที่เรื่องนี้ผ่าน 2 เรื่อง คือ การสร้างกำแพงภาษีจากสินค้านำเข้า เพื่อดึงโรงงาน ดึงธุรกิจ กลับมาบนแผ่นดินอเมริกา เพื่อสร้างงานให้กับพลเมืองอเมริกา 

ไม่ใช่การอุดหนุนสวัสดิการอย่างเดียว ข้อความ(Message)หลักของทรัมป์คิดว่า บนแผ่นดินของอเมริกาคนสามารถหางานดี ๆ มีเงินเดือนดี ๆ และศักดิ์ศรีในหน้าที่การงาน ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้

กาแฟแก้วแรกหมดลงไปสำหรับการได้รับคะแนนเสียงถล่มทลายของทรัมป์ สำหรับกาแฟแก้วต่อไปจะเป็นการพูดคุยถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายหลังการดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์

สวนทางต่างชาติสนใจย้ายมาไทย ชอบคุณภาพชีวิต-ค่าครองชีพไม่สูง

(13 พ.ย. 67) คนไทยสมองไหล? Gen Z 79% อยากย้ายประเทศเพื่อโอกาสงานที่ดีขึ้น

ปรากฏการณ์ “สมองไหล” ในไทยกำลังทวีความรุนแรง ล่าสุดรายงานจาก Jobsdb by Seek เผยว่า 66% ของคนไทยสนใจย้ายไปทำงานต่างประเทศเพื่อหางานที่มีเงินเดือนสูงขึ้นและคุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่มีถึง 79% อยากหาประสบการณ์ทำงานระดับนานาชาติ

รายงาน Global Talent Survey 2024 จาก Jobsdb เผยว่าแรงงานไทยมากถึง 66% สนใจย้ายไปทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะ Gen Z ที่ให้ความสนใจสูงถึง 79% ความต้องการย้ายประเทศนี้มีสาเหตุจากความต้องการก้าวหน้าในอาชีพ รายได้ที่สูงขึ้น และประสบการณ์ทำงานระดับโลก 

แม้จะยังไม่มีตัวเลขแน่ชัดของผู้ต้องการย้าย แต่แนวโน้มนี้มีการเติบโตอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปี 2018 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด โดยหลังจากการระบาด ความสนใจย้ายประเทศเพื่อหางานของคนไทยพุ่งสูงขึ้น นี่อาจเป็นสัญญาณถึงปรากฏการณ์สมองไหลที่เพิ่มขึ้น

ประเทศปลายทางที่แรงงานไทยต้องการย้ายไป ได้แก่ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งการเลือกเหล่านี้อาจมีปัจจัยจากความสัมพันธ์ระดับภูมิภาค ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม

อย่างไรก็ตาม 60% ของผู้ที่ได้ไปทำงานในต่างประเทศมีแผนจะกลับมาทำงานในไทยในอนาคต ส่วนอีก 18% ต้องการอยู่ต่างประเทศอย่างไม่มีกำหนด อาชีพยอดนิยมที่แรงงานไทยสนใจไปทำในต่างประเทศ ได้แก่: การศึกษาและการฝึกอบรม (85%): ผู้สอนต้องการขยายประสบการณ์ในสายการสอนระหว่างประเทศ, กฎหมาย (73%): นักกฎหมายไทยมองหาบทบาทระดับนานาชาติ, การจัดการธุรกิจ (73%): ผู้จัดการธุรกิจต้องการโอกาสด้านการตลาด สื่อดิจิทัล และ AI โดยเฉพาะในสิงคโปร์และฮ่องกง, ไอที (72%): ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีมุ่งหวังทำงานในสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มพูนทักษะด้านซอฟต์แวร์และการวิเคราะห์ข้อมูล, วิศวกรรมและเทคนิค (69%): วิศวกรไทยมุ่งหวังทำงานในองค์กรขนาดใหญ่ที่ครบวงจร

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางกระแสแรงงานไทยแห่ไปทำงานต่างแดน แต่สวนทางแรงงานต่างชาติที่ให้ความสนใจเข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น โดยไทยขึ้นจากอันดับ 39 เป็นอันดับ 31 ในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของแรงงานต่างชาติในปี 2023 แรงงานเหล่านี้ชื่นชอบคุณภาพชีวิต ค่าครองชีพที่ไม่สูง และวัฒนธรรมที่เป็นมิตรและครอบคลุม โดยข้อมูลจากกระทรวงแรงงานเผยว่า ไทยมีแรงงานต่างชาติ 2.7 ล้านคน คิดเป็น 7% ของแรงงานในประเทศ

ย้ายประเทศหลังทรัมป์คัมแบ็ก ยกย่อง 'วัฒนธรรม-การแพทย์' โดดเด่น

(13 พ.ย. 67) หลังการเลือกตั้ง สหรัฐฯ พบกระแสการย้ายถิ่นฐานในกลุ่มเศรษฐีชาวอเมริกันที่ต้องการแสวงหาความมั่นคงในต่างประเทศ โดยเฉพาะใน 10 ประเทศยอดนิยมที่พวกเขาต้องการย้ายไปมากที่สุด

บริษัท Henley & Partners ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการวางแผนการลงทุนเพื่อขอพลเมืองและถิ่นพำนักในต่างประเทศ สำหรับบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูง (High-Net-Worth Individuals) รายงานว่า ความต้องการหนังสือเดินทางที่สองหรือการตั้งถิ่นฐานระยะยาวในต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยในครั้งนี้หลายคนได้เริ่มดำเนินการจริง

Dominic Volek หัวหน้าฝ่ายลูกค้าส่วนบุคคลของ Henley & Partners เผยว่า ขณะนี้ชาวอเมริกันที่มีฐานะมั่งคั่งได้กลายเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก คิดเป็นสัดส่วน 20% ของธุรกิจบริษัท และเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30% จากปีก่อน

David Lesperance ผู้บริหาร Lesperance and Associates ระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ติดต่อเขาเพื่อเตรียมโยกย้ายถิ่นฐานเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

การสำรวจจาก Arton Capital พบว่า 53% ของเศรษฐีชาวอเมริกันมีแนวโน้มย้ายออกนอกประเทศหลังการเลือกตั้ง โดยเศรษฐีวัยหนุ่มสาวสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 18-29 ปี ซึ่ง 64% สนใจโปรแกรมถิ่นพำนักผ่านการลงทุนในต่างประเทศ

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศน่าลงทุนเพื่อการย้ายถิ่นฐานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยข้อมูลจาก Henley & Partners ระบุว่า ชาวต่างชาติที่มีรายได้สูงสามารถลงทุนเพื่อขอวีซ่าผู้มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศไทยได้ ด้วยงบประมาณเริ่มต้นประมาณ 900,000 บาท หรือ 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับวีซ่าระยะยาว

ในกลุ่มประเทศยอดนิยมที่เศรษฐีอเมริกันสนใจย้ายไป ได้แก่ แคนาดา สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อิตาลี ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ สเปน และฝรั่งเศส โดยใน 25 อันดับแรกยังมีประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ (อันดับ 21), ฟิลิปปินส์ (อันดับ 22), ไทย (อันดับ 23), สิงคโปร์ (อันดับ 28), เวียดนาม (อันดับ 29) และอินโดนีเซีย (อันดับ 33)

เหตุผลหลักในการเลือกประเทศใหม่ คือ "วัฒนธรรม" ตามด้วย "โอกาสการทำงาน" และ "ระบบเฮลท์แคร์" โดยมีผู้ให้ความสำคัญกับเรื่อง "ภาษี" และ "ระบบการศึกษา" อยู่ที่ประมาณ 3%

วัยรุ่นจีนนับหมื่น ปั่นจักรยานข้ามเมือง ชิมเสี่ยวหลงเปาเจ้าดังยามราตรี

(12 พ.ย.67) กลายเป็นไวรัลฮิตในจีนหลังจากที่มีการแชร์เรื่องราวว่า มีนักศึกษาหญิงกลุ่มหนึ่งได้ปั่นจักรยานเป็นระยะทาง 48 กิโลเมตร จากเมืองเจิ้งโจวไปเมืองไคเฟิง เพื่อลิ้มรสร้านเสี่ยวหลงเปาเจ้าดัง จนกลายเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียจีน 

ส่งผลให้นักปั่นชาวจีนจำนวนมากรวมตัวกันเมื่อคืนวันที่ 8 พฤศจิกายน ทำให้เกิดการจราจรในเมืองไคเฟิงติดขัดเป็นอย่างมาก เพื่อไปชิมเกี๊ยวซุปร้านดัง จนทำให้ถนนหนาแน่นไปด้วยจักรยาน และบริษัทร้านเช่าจักรยานบางแห่งต้องปิดให้บริการชั่วคราวเพราะขาดแคลนจักรยาน

การปั่นจักรยานกลางคืนนี้ยังสะท้อนถึงเทรนด์การท่องเที่ยวแบบประหยัดที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ของจีน โดยสื่อของรัฐยกย่องกิจกรรมนี้ว่าเป็นการแสดงออกถึง 'ความกระตือรือร้นของคนรุ่นใหม่' และยังมองว่าเป็นโอกาสในการโปรโมทการท่องเที่ยว โดยในวันที่จัดกิจกรรมดังกล่าวทางการได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พยาบาลมาคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

จ.ส.อ.รอด อาสนพรรณ แห่งกองพันพยัคฆ์น้อย เกาหลีใต้บรรจุอัฐิในสุสานเมืองปูซาน

(12 พ.ย.67) เกาหลีใต้จัดพิธีบรรจุอัฐิทหารผ่านศึกเกาหลีชาวไทยให้แก่ จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกเกาหลีชาวไทยคนแรกที่ได้รับการบรรจุอัฐิในสุสานอนุสรณ์สถานแห่งสหประชาชาติในเมืองปูซาน

ศูนย์วัฒนธรรมเกาหลีในประเทศไทยเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน เวลา 12.00 น. สำนักงานบริหารสุสานอนุสรณ์สหประชาชาติในเกาหลี ได้จัดพิธีบรรจุอัฐิทหารผ่านศึกสงครามเกาหลีชาวไทย จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีรำลึกถึงทหารผ่านศึกเกาหลีที่ชื่อว่า 'Turn Toward Busan' โดยมีผู้ร่วมงานประมาณ 100 คน รวมทั้งลูกสาวและหลานสาวของท่าน (นางสมทรง และ นางสาวจิรัชญา เจริญพงศ์อนันต์) รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกเกาหลีใต้ นางคัง จองเอ เอกอัครราชทูตไทยประจำเกาหลี นายธานี แสงรัตน์ และทหารผ่านศึก พร้อมด้วยครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการเยือนเกาหลี รวมถึงนักศึกษาจากโครงการอาสาสมัครสันติภาพสหประชาชาติ

จ.ส.อ. รอด อาสนพรรณ เป็นทหารผ่านศึกชาวไทยที่เข้าร่วมสงครามเกาหลีระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495 ถึง 28 ตุลาคม พ.ศ. 2496 โดยประจำการในกองพัน 'พยัคฆ์น้อย' ที่โดดเด่นด้านความกล้าหาญและความรวดเร็ว รัฐบาลไทยมอบเหรียญชัยสมรภูมิให้เป็นเกียรติและเพื่อยกย่องคุณงามความดีของท่าน การบรรจุอัฐิครั้งนี้ทำให้สุสานอนุสรณ์สหประชาชาติมีทหารผ่านศึกจำนวนทั้งสิ้น 2,330 นายจาก 14 ประเทศทั่วโลก

จ.ส.อ. รอด เกิดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2465 และเสียชีวิตอย่างสงบในวัย 100 ปี เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ก่อนวันเกิดครบ 101 ปีเพียง 2 เดือน ท่านเคยเดินทางไปเกาหลีอีกครั้งเมื่อปีที่แล้วในโครงการเยี่ยมเยียนทหารผ่านศึกเกาหลี และแสดงความปรารถนาที่จะบรรจุอัฐิของตนไว้ที่สุสานแห่งนี้ ซึ่งได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการจัดการสุสานนานาชาติในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ครอบครัวของ จ.ส.อ. รอด เปิดเผยว่ารู้สึกภาคภูมิใจในท่านอย่างยิ่ง ท่านเคยเล่าเรื่องราวความยากลำบากในช่วงสงครามให้ครอบครัวฟังอยู่เสมอ ซึ่งทำให้พวกเขาได้ตระหนักถึงความเสียสละที่ยิ่งใหญ่ของท่าน จ.ส.อ. รอดยังยึดมั่นในระเบียบวินัย ความซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และเป็นผู้ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความสุขให้ครอบครัวและผู้คนรอบข้าง

กองทัพจีนโชว์ 'เฮลิคอปเตอร์ Z-20' นักวิเคราะห์เชื่อศักยภาพเหนือกว่าสหรัฐ

(12 พ.ย.67) รอยเตอร์รายงานว่า ที่งานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติแห่งประเทศจีน หรือ Airshow China ในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ท่ามกลางการโชว์อากาศยานและเทคโนโลยีการบินระดับนานาชาติของจีนนั้น หนึ่งในไฮไลต์ที่นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ให้ความสนใจคือ การโชว์ของเฮลิคอปเตอร์  Z-20 ที่กองทัพอากาศจีนนำมาโชว์ภายในงาน

จากข้อมูลระบุว่า กองทัพจีนได้พัฒนาเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-20 เพื่อเข้ามาอุดช่องว่างด้านความสามารถในการระบบป้องกันภัยต่อต้านเรือดำน้ำ ซึ่งเฮลิคอปเตอร์นี้ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมระดับภูมิภาค และนักวิชาการด้านความมั่นคงอย่างมาก 

สำหรับข้อมูลพื้นฐานของเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-20 หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Harbin Z-20 ได้รับการพัฒนาโดยกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานฮาร์บิน เริ่มเข้าประจำการในกองทัพจีนตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2019 และได้รับการพัฒนาเรื่อยมาในหลายซีรีส์ โดยเฮลิคอปเตอร์รุ่นพื้นฐานนี้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 12-15 คน ความยาว 20 เมตร ความสูง 5.3 เมตร น้ำหนักเปล่าไร้การบรรทุก  5,000 ก.ก. ขับเคลื่อนด้วยโรเตอร์เครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์ WZ-10 จำนวน 2 ตัว ให้กำลังที่ 2,100–2,700 แรงม้า ต่อเครื่องยนต์ ทำความเร็วสูงสุดได้ 360 km/h พิสัยการบินไกล 560 km เพดานบินสูงสุด 20,000 ft 

สำหรับรุ่นที่โชว์ในงานจะเป็น Z-20J ซึ่งจากรายงานล่าสุดของเพนตากอนระบุว่า จีนยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-20F ที่คล้ายกับ SH-60 Black Hawk ของกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งเทคโนโลยียังตามหลังเฮลิคอปเตอร์ Black Hawk แต่ทว่าภายในงานการบินล่าสุดนี้ จีนได้นำต้นแบบของรุ่น  Z-20J ซึ่งเป็นรุ่นที่ถูกพัฒนาต่อจาก Z-20F มาโชว์ภายในงานแล้ว ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การสร้างระบบต่อต้านเรือดำน้ำอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งสะท้อนว่ารายงานด้านความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐไม่ได้อัปเดตข้อมูลเท่าที่ควร

เฮลิคอปเตอร์ Z-20 กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา และว่ารุ่น Z-20F ที่คล้ายกับ SH-60 Black Hawk ของกองทัพเรือสหรัฐ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการต่อต้านเรือดำน้ำได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับเฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กที่ PLAN ใช้งานในปัจจุบัน

คอลลิน โกห์ นักวิชาการด้านความมั่นคงจาก S. Rajaratnam School of International Studies ในสิงคโปร์ กล่าวว่า Z-20 จะกลายเป็นเฮลิคอปเตอร์มาตรฐานของกองทัพเรือและการต่อต้านเรือดำน้ำของจีน เนื่องจากมีความสามารถลงจอดบนเรือได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่เรือคอร์เวตต์และเรือพิฆาต ไปจนถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน ก่อนหน้านี้จีนมีเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-8 และ Z-9 ซึ่งหนักเกินไปและเบาเกินไปตามลำดับ ที่จะทำให้จำกัดเรือที่จะร่วมปฏิบัติการ รวมถึงจำกัดพิสัยการบินและน้ำหนักของอาวุธและเซ็นเซอร์ในการต่อต้านเรือดำน้ำของฝ่ายตรงข้าม Z-20 จึงเป็นคำตอบ

สอดคล้องกับ Navy Professional Journal สื่อวิชาการของกองทัพเรือไต้หวัน เผยแพร่บทความเกี่ยวกับการพัฒนาเฮลิคอปเตอร์ต่อต้านเรือดำน้ำของจีนเมื่อเดือน ธ.ค. 2565 โดยระบุว่า ความสามารถของ Z-20 ล้ำหน้ากว่าเฮลิคอปเตอร์แบบ MH-60R Black Hawk ของสหรัฐ

ทั้งนี้ ยุทธวิธีต่อต้านเรือดำน้ำสมัยใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเฮลิคอปเตอร์ที่ปฏิบัติการไกลจากเรือหลัก คือการทำหน้าที่ล่า และติดตามศัตรูด้วยเซ็นเซอร์หลายรูปแบบ ทั้งยังประสานงานกับเรือและเครื่องบินลำอื่นๆ ด้วย โดยเฮลิคอปเตอร์ส่วนใหญ่มักติดตั้งอาวุธน้ำหนักเบา เช่น ระเบิดใต้น้ำ และตอร์ปิโด

ในการประเมินของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษากลยุทธ์ในกรุงลอนดอน เกี่ยวกับการจัดการกำลังทหารระหว่างประเทศ พบว่า จีนได้ส่งเฮลิคอปเตอร์รุ่น Z-20 ราว 15 ลำ ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยมานานแล้ว

จีนออกกฎเด็กเล็กเลิกสอบเข้าเรียน ลดภาระทางวิชาการ มีผล 1 มิ.ย. ปีหน้า

(12 พ.ย.67) กระทรวงศึกษาธิการของจีนประกาศว่าจะไม่อนุญาตให้เด็กก่อนวัยเรียน (preschool-aged) ที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนชั้นอนุบาลทำการสอบหรือการทดสอบก่อนเข้าเรียนไม่ว่าในรูปแบบใด

ระหว่างการแถลงข่าวประเด็นกฎหมายการศึกษาก่อนวัยเรียน ซึ่งสมาชิกสภานิติบัญญัติจีนได้รับรองร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) ที่ผ่านมา จางเหวินปิน เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงฯ กล่าวว่าโรงเรียนอนุบาลของรัฐควรรับเด็กที่มีความพิการเข้าเรียนด้วย เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในโรงเรียนอนุบาลได้ ท่ามกลางความพยายามปกป้องสิทธิในการศึกษาให้ดียิ่งขึ้น

กฎหมายฉบับใหม่ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย. 2025 กำหนดให้การศึกษาก่อนวัยเรียนเป็นบริการการดูแลและการศึกษาที่โรงเรียนอนุบาลและสถาบันอื่นๆ จัดให้สำหรับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปก่อนเข้าเรียนในชั้นประถม อีกทั้งระบุว่าการศึกษาก่อนวัยเรียนถือเป็นส่วนสำคัญของระบบการเรียนระดับชาติและสวัสดิการสังคม 

จีนพัฒนาการศึกษาก่อนวัยเรียนอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีเด็กเล็กเกือบ 40.93 ล้านคนเข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลทั่วประเทศเมื่อปี 2023 ครองสัดส่วนร้อยละ 91.1 ของเด็กเล็กก่อนวัยเรียนทั้งหมด

ทั้งนี้ การยกเลิกการสอบและการทดสอบก่อนเข้าเรียน ยังถือเป็นอีกก้าวหนึ่งในการลดภาระทางวิชาการให้กับเด็กและนักเรียนชาวจีน โดยจีนได้ออกเอกสารสนับสนุนนโยบาย 'ลดสองเท่า' (double reduction) ซึ่งมุ่งลดการบ้านและชั่วโมงเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนที่มากเกินไปของนักเรียนระดับประถมและมัธยมต้นเมื่อปี 2021

ยูเอ็น เผยยอดเสียชีวิตในกาซาเกือบ 70% เป็นผู้หญิง-เด็ก ชี้ ส่วนใหญ่เกิดจากอิสราเอลโจมตีเขตคนอยู่อาศัยหนาแน่น

(12 พ.ย.67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รายงานวิเคราะห์ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ได้วิเคราะห์ตัวเลขผู้เสียชีวิต 8,119 คน ในฉนวนกาซาระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2023 ถึงเมษายน 2024 หรือเป็นเวลา 6 เดือน โดยพบว่าเกือบ 70% ของผู้เสียชีวิตดังกล่าวเป็นเด็กและผู้หญิง

รายงานดังกล่าวพบว่า ผู้เสียชีวิต 8,119 คนในช่วงดังกล่าวราว 44% เป็นเด็กในช่วงอายุมากที่สุดอยู่ระหว่าง 5-9 ขวบ และอีก 26% เป็นผู้หญิง ราว 80% ของผู้เสียชีวิตถูกสังหารในอาคารที่อยู่อาศัยหรือบ้านเรือน OHCHR บอกว่าสาเหตุที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในกาซาพุ่งสูงนั้นส่วนใหญ่มาจากการที่อิสราเอลใช้อาวุธโจมตีพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นในฉนวนกาซา แต่ผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งมาจากการยิงจรวดที่ผิดพลาดของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์

นายโฟลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นระบุในแถลงการณ์ว่า ระดับการเสียชีวิตและบาดเจ็บของพลเรือนที่มากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนถือเป็นผลสืบเนื่องโดยตรงจากการไม่ได้ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เติร์กยังเรียกร้องให้มีการพิจารณาอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง

รายงานฉบับดังกล่าวยังได้บอกว่า แนวทางที่ทั้งกองทัพอิสราเอลและกลุ่มฮามาสใช้ทำสงครามในฉนวนกาซาได้ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแสนสาหัสแก่มนุษยชาติ เพราะกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ทำสงครามในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นและมีการยิงจรวด ขีปนาวุธ และกองทัพอิสราเอลได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนทำให้ผู้คนบาดเจ็บ เสียชีวิต และผู้ที่รอดชีวิตต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น พบกับความหิวโหย และไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาด อาหาร และการรักษาสุขภาพ

กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้รวมทั้งสิ้นแล้วกว่า 43,300 คน และเชื่อว่าอีกหลายศพยังติดอยู่ใต้ซากอาคารที่ถูกโจมตีเสียหาย

ล่าสุด กองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีหลายพื้นที่ทั่วฉนวนกาซาในวันที่ 10 พฤศจิกายน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้นอย่างน้อย 40 ราย กองทัพอิสราเอลยังได้โจมตีอาคารบ้านเรือนสูง 3 ชั้น ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียในทางตอนเหนือของกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย และมีผู้บาดเจ็บที่อาศัยอยู่ในบ้านใกล้เคียงอีก 30 ราย โดยกองทัพอิสราเอลอ้างว่าทำการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียเพราะมีผู้ก่อการร้ายอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นภัยต่อกองทัพอิสราเอลในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่

ผู้นำเกาหลีใต้ซุ่มฝึกวงสวิง ไว้ออกรอบกับปธน.ทรัมป์

(12 พ.ย.67) ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้เริ่มฝึกซ้อมเล่นกอล์ฟอีกครั้งในช่วงไม่นานนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพบปะในอนาคตกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า ประธานาธิบดียุนได้เดินทางไปสนามกอล์ฟเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งทำเนียบประธานาธิบดีระบุว่า เขาไม่ได้จับไม้กอล์ฟมาตั้งแต่ปี 2016 ทั้งนี้ นายทรัมป์เป็นผู้ที่ชื่นชอบกีฬากอล์ฟอย่างมาก และมีสนามกอล์ฟเป็นของตัวเองหลายแห่งทั่วโลก 

ในการแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีหลังจากที่ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับนายทรัมป์ ยุนกล่าวว่า มีผู้ใกล้ชิดหลายคนบอกเขาว่า เขาและทรัมป์น่าจะเข้ากันได้ดี นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานกับทรัมป์และสมาชิกพรรครีพับลิกันที่พร้อมจะช่วยเหลือเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองผู้นำ

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กำลังเร่งวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น โดยประธานาธิบดียุนได้เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมร่วมปรึกษาหารือกันเมื่อวันอาทิตย์ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับผลกระทบที่จะมาพร้อมกับการกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายทรัมป์

เกาหลีเหนือ-รัสเซีย ลงนามสัญญา หากอีกฝ่ายถูกโจมตี ต้องส่งทหารมาช่วย

(12 พ.ย.67) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีเหนือได้ให้สัตยาบันสนธิสัญญาความร่วมมือด้านการป้องกันกับรัสเซีย ซึ่งผู้นำสองประเทศได้ลงนามไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สนธิสัญญาฉบับนี้กำหนดให้แต่ละฝ่ายต้องให้ความช่วยเหลือทางทหารทันทีหากอีกฝ่ายถูกโจมตีด้วยอาวุธ คล้ายกับสนธิสัญญาของกลุ่มประเทศนาโต้

ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมนานาชาติ เนื่องจากมีรายงานว่าทหารเกาหลีเหนือได้ถูกส่งไปรัสเซียเพื่อเข้าร่วมในสงครามยูเครน

สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (KCNA) เปิดเผยว่า 'คิม จองอึน' ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ได้ลงนามในกฤษฎีกาให้สัตยาบันสนธิสัญญานี้เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน และสนธิสัญญาจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการเมื่อทั้งสองประเทศแลกเปลี่ยนหนังสือสัตยาบันกันครบถ้วน

'วลาดิมีร์ ปูติน' ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ลงนามสนธิสัญญาเพื่อให้มีผลเป็นกฎหมาย ซึ่งกำหนดให้รัสเซียและเกาหลีเหนือส่งความช่วยเหลือทางทหารทันทีหากอีกฝ่ายเข้าสู่ภาวะสงคราม โดยใช้ทรัพยากรทุกประเภทที่มี

ทั้งนี้ 'คิม จองอึน' และ 'ปูติน' ได้บรรลุข้อตกลงสนธิสัญญาฉบับนี้ในการประชุมสุดยอดเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยถือว่าเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เสมือนเป็นพันธมิตรอย่างแท้จริง

ในขณะที่เกาหลีใต้ สหรัฐ และยูเครนเปิดเผยว่า มีทหารเกาหลีเหนือมากกว่า 10,000 นายอยู่ในรัสเซีย และอาจมีบางส่วนเข้าร่วมในการสู้รบในแคว้นเคิร์สก์ ซึ่งอยู่ใกล้พรมแดนยูเครน ตามรายงานของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน

ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทหารเกาหลีเหนือหลายคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการสู้รบกับกองกำลังยูเครน และย้ำว่าการมีส่วนร่วมของเกาหลีเหนือในสงครามนี้ทำให้สถานการณ์โลกเผชิญกับความไม่แน่นอนและไร้เสถียรภาพในระดับใหม่

สิงคโปร์เล็งออกกม. ให้ตร.ยึดบัญชีเหยื่อแทน ป้องกันก่อนถูกตุ๋น หากไม่เชื่อว่าเป็นมิจ

(12 พ.ย.67) รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมใช้มาตรการใหม่เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางการเงิน หลังพบว่ามีคนตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก แม้ว่ามาตรการใหม่นี้อาจกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคล แต่รัฐบาลมีเป้าหมายในการป้องกันชาวสิงคโปร์ไม่ให้เสียเงินจำนวนมากแก่มิจฉาชีพ

ร่างกฎหมาย 'คุ้มครองจากการหลอกลวง' (Protection from Scams Bill) ที่เสนอเข้าสู่รัฐสภาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน อาจทำให้สิงคโปร์เป็นประเทศแรกในโลกที่ให้สิทธิตำรวจในการควบคุมบัญชีธนาคารของเหยื่อที่ไม่ยอมรับว่าตนเองถูกหลอก แม้จะมีหลักฐานชัดเจน

กฎหมายใหม่นี้จะเปิดทางให้ตำรวจสามารถออกคำสั่งเพื่อจำกัดธุรกรรมทางการเงิน เช่น การโอนเงิน การใช้ ATM และการเข้าถึงวงเงินสินเชื่อ ซึ่งจะกระทบถึงการทำธุรกรรมของบุคคลในบัญชีธนาคารของตนเอง ทั้งที่ทำผ่านธนาคารโดยตรงหรือบริการชำระเงินยอดนิยมอย่าง PayNow

หากร่างกฎหมายผ่านการพิจารณา ตำรวจจะสามารถออกคำสั่ง RO เพื่อหยุดการโอนเงินได้ หากพบว่าเหยื่ออาจตกเป็นเป้าหมายของการหลอกลวง หรือเห็นว่าจำเป็นต้องปกป้องเหยื่อจากการเสียทรัพย์

รายงานเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ชาวสิงคโปร์สูญเงินให้แก่มิจฉาชีพสูงถึง 385.6 ล้านดอลลาร์ จากคดีหลอกลวงรวมกว่า 26,587 คดี ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่ของประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top