Thursday, 27 March 2025
WORLD

เมียนมาย้ำลูกเรือประมงปลอดภัยดี แต่ยังไม่ระบุวันปล่อยตัว

กองทัพเมียนมาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ยิงเรือประมงไทยในทะเลอันดามันเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าว 'เป็นไปตามกฎและระเบียบ' เนื่องจากเรือประมงไทยได้ล่วงล้ำน่านน้ำอาณาเขตของเมียนมา

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 02.40 น. บริเวณนอกชายฝั่งเกาะพยาม จังหวัดระนอง ประมาณ 12 ไมล์ทะเล (ราว 22 กิโลเมตร) เมื่อเรือรบหลายลำของกองทัพเรือเมียนมาโจมตีเรือประมงไทยจำนวน 15 ลำ  

พล.ต.ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา เปิดเผยว่า เรือรบของเมียนมาตรวจพบ 'กิจกรรมที่น่าสงสัย' นอกชายฝั่งเกาะสองผ่านเรดาร์ ก่อนระบุว่าเป็นเรือประมงอวนลาก เมียนมาได้ส่งสัญญาณให้เรือหยุดเพื่อตรวจสอบ แต่เรือดังกล่าวกลับหลบหนี ส่งผลให้กองทัพต้องดำเนินการไล่ตามและควบคุมตัว  

“เราปฏิบัติตามกฎระเบียบในการจัดการกับเรือประมงที่ล่วงล้ำน่านน้ำเมียนมา” ซอ มิน ตุน กล่าว พร้อมอ้างว่าได้ตรวจพบ 'วัตถุที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มต่อต้าน' บนเรืออวนลาก แม้ว่าวัตถุดังกล่าวจะไม่ใช่อาวุธร้ายแรงถึงชีวิต  

ซอ มิน ตุน ระบุว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในเรื่องดังกล่าว และได้แจ้งข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ไทยแล้ว เขายืนยันว่าผู้ถูกควบคุมตัวซึ่งเป็นชาวไทยและชาวเมียนมา อยู่ใน 'สภาพดี'  

อย่างไรก็ตาม ซอ มิน ตุน ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขและเวลาปล่อยตัวลูกเรือไทย แต่ย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเมียนมาในระดับรัฐบาลและกองทัพยังคงดี และมีความพร้อมในการร่วมมือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

จีนปูพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์ในชั้นเรียน เปิดสอนในหลักสูตรตั้งแต่ชั้นประถม-มัธยมต้น

(3 ธ.ค.67) กระทรวงศึกษาธิการของจีนเปิดเผยแผนยกระดับการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับเด็กรุ่นใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีเกิดใหม่

กระทรวงฯ เรียกร้องความพยายามสำรวจแนวทางการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ในโรงเรียนประถมและมัธยม พร้อมเน้นย้ำความจำเป็นในการบ่มเพาะความคิดสร้างสรรค์ ความสนใจวิทยาศาสตร์ และทักษะดิจิทัลในเด็กนักเรียน

โรงเรียนควรจัดหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง ผนวกปัญญาประดิษฐ์เข้าสู่เนื้อหาการเรียนการสอนทั่วไป และประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเด็กนักเรียนได้รับประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนชั้นประถม

ครั้นเลื่อนชั้นสู่ประถมปลายและมัธยมต้น เด็กนักเรียนควรมุ่งเน้นทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ก่อนจะมีส่วนร่วมสร้างสรรค์โครงการปัญญาประดิษฐ์และสำรวจการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำสมัยในชั้นมัธยมปลาย

แผนริเริ่มนี้มุ่งรวบรวมทรัพยากรที่มีคุณภาพและเพิ่มขีดความสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มการศึกษาอัจฉริยะระดับชาติ ซึ่งจะเพิ่มหมวดหมู่ปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตอันใกล้

นอกจากนั้นกระทรวงฯ กระตุ้นวิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูง เปิดห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์และโถงนิทรรศการให้นักเรียนประถมและมัธยมเข้าถึงด้วย

หวยจิ้นเผิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ เปรียบเปรยปัญญาประดิษฐ์เป็น 'กุญแจทอง' สำหรับระบบการศึกษา และตอกย้ำศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์ในการกำหนดทิศทางอนาคตของการศึกษา พร้อมกับคว้าโอกาสและรับมือความท้าทาย

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 จีนคัดเลือกโรงเรียน 184 แห่ง เป็นฐานนำร่องการสำรวจปรัชญา ต้นแบบ และโครงการการศึกษาด้านปัญญาประดิษฐ์ โดยมีเป้าหมายพัฒนากรณีตัวอย่างและประสบการณ์ที่สามารถต่อยอด ซึ่งจีนจะเพิ่มฐานนำร่องดังกล่าวในอนาคต

ทรัมป์แนะทรูโด จบปัญหากำแพงภาษี ด้วยการรวมชาติเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ

(3 ธ.ค. 67) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ได้เดินทางไปยังมาร์อาลาโก้ สถานที่ตากอากาศของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในรัฐฟลอริด้า โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าเพื่อหารือเป็นการส่วนตัว

การเยือนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาขู่ว่าแคนาดาอาจจะโดนกำแพงภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% เมื่อกลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เพื่อบีบบังคับให้เร่งจัดการกับปัญหายาเสพติดและผู้อพยพที่เข้ามาในสหรัฐ โดยเรื่องนี้ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าสงครามการค้าในภูมิภาคอาจจะเกิดขึ้น นายกทรูโดจึงรีบรุดหารือเป็นการส่วนตัวกับทรัมป์

ในระหว่างการหารือมื้อค่ำของสองผู้นำ นายกแคนาดาได้รับปากว่าจะแก้ปัญเรื่องภาษีศุลกากรแต่ก็อาจมีข้อจำกัดบางประการในประเด็นที่รัฐบาลท้องถิ่นในบางแคว้นของแคนาดาที่มีอาณาเขตติดกับพรมแดนสหรัฐฯ สามารถกำหนดอัตราภาษีศุลกากรได้ด้วยตนเอง 

ทรูโดกล่าวกับทรัมป์ว่า เขาไม่สามารถเรียกเก็บภาษีนำเข้าได้เพราะจะทำลายเศรษฐกิจของแคนาดาอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งเป็นสิทธิ์ของรัฐบาลแคว้นท้องถิ่น ซึ่งทรัมป์ตอบเชิงติดตลกว่า 

"ถ้าแคนาดาไม่สามารถจัดการปัญหาภาษีศุลกากรได้ ประเทศคุณก็คงไม่สามารถเลี่ยงกำแพงภาษีสหรัฐได้ เว้นเสียแต่บางแคว้นของแคนาดาจะเข้าร่วมเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ" อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐรายงานผลการหารือในมื้อค่ำเป็นเวลา 3 ชั่วโมงของสองผู้นำเป็นไปอย่างราบรื่น

ไบเดนเล็งเพิ่มคว่ำบาตรรัสเซีย มุ่งตัดช่องการเงินทำสงครามยูเครน

(3 ธ.ค.67) ทำเนียบขาวเผยว่าสหรัฐฯ เตรียมประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม โดยเน้นโจมตีภาคการเงินของมอสโก ก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ

นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ระบุในแถลงการณ์ว่า “สหรัฐฯ ได้เตรียมดำเนินมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหญ่กับภาคการเงินของรัสเซียแล้ว เพื่อทำลายศักยภาพในการสนับสนุนกลไกสงครามของประเทศ และยังมีแผนดำเนินการเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้นี้”

อย่างไรก็ตาม นายซัลลิแวน ไม่ได้ระบุว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อมุ่งเป้าตัดช่องทางการเงินของรัฐบาลมอสโกตามแถลง

การประกาศครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการกดดันมอสโกให้ยุติการสนับสนุนสงคราม ในห้วงเวลาอีกราวหนึ่งเดือนสุดท้ายก่อนประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะหมดวาระลง

CEO ยูนิโคล่หลุดยอมรับ "ไม่ใช้ฝ้ายซินเจียง" ชาวเน็ตแผ่นดินใหญ่เดือดแห่ไม่ซื้อสินค้า

(3 ธ.ค. 67) ผ้าฝ้ายซินเจียง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผ้าที่ดีที่สุดของโลก กลับกลายเป็นประเด็นอ่อนไหวที่สร้างแรงกดดันให้กับแบรนด์แฟชั่นระดับโลก โดยเฉพาะจากตะวันตก หลังจากมีข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลจีนใช้แรงงานบังคับชาวอุยกูร์ในการผลิตผ้า  

ล่าสุด ยูนิโคล่ (Uniqlo) แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นรายใหญ่ของโลกจากญี่ปุ่น กำลังเผชิญกระแสความไม่พอใจจากลูกค้าชาวจีน หลังจาก ทาดาชิ ยาไน (Tadashi Yanai) ซีอีโอของ Fast Retailing บริษัทแม่ของยูนิโคล่ ให้สัมภาษณ์กับ BBC โดยระบุว่าบริษัทไม่ได้ใช้ผ้าฝ้ายซินเจียง แต่กลับหลีกเลี่ยงที่จะยืนยันหรือปฏิเสธชัดเจนว่าผ้าฝ้ายซินเจียงถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ของยูนิโคล่หรือไม่ พร้อมทั้งย้ำว่าต้องการรักษาจุดยืนเป็นกลางระหว่างจีนและสหรัฐฯ  

คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัลบน Weibo โซเชียลมีเดียยอดนิยมในจีน ทำให้ผู้ใช้งานจำนวนมากออกมาประณาม พร้อมประกาศว่าจะไม่สนับสนุนสินค้าของยูนิโคล่  

แม้ยูนิโคล่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดยุโรปและสหรัฐฯ แต่ซีอีโอก็ยอมรับว่า “ยูนิโคล่ไม่ใช่แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก” โดยเอเชียยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด โดยเฉพาะจีน ซึ่งถือเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ Fast Retailing รวมกับไต้หวันและฮ่องกง มีสัดส่วนรายได้ถึง 20% ปัจจุบันยูนิโคล่มีสาขาในจีนแผ่นดินใหญ่ประมาณ 900-1,000 แห่ง และซีอีโอเชื่อว่าจีนยังมีศักยภาพในการขยายสาขาได้ถึง 3,000 แห่ง นอกจากนี้ จีนยังเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญของบริษัทอีกด้วย

ประเด็นนี้กลายเป็นข้อพิพาทระหว่างจีนและสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2022 หลังจากสหรัฐฯ ออกมาตรการแบนการใช้ผ้าฝ้ายซินเจียงเนื่องจากข้อสงสัยเรื่องการใช้แรงงานบังคับ ส่งผลให้แบรนด์แฟชั่นหลายแบรนด์ เช่น H&M หยุดใช้ผ้าฝ้ายซินเจียง จนถูกผู้บริโภคชาวจีนแบน ร้านค้าในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหญ่ถูกถอด และบางสาขาถูกสั่งปิดไม่มีกำหนด  

ในขณะเดียวกัน ยูนิโคล่ยังต้องเผชิญการแข่งขันสูงในตลาดฟาสต์แฟชั่นจากแบรนด์จีนอย่าง Shein และ Temu ที่เน้นการขายสินค้าราคาถูก ซึ่งส่งผลให้ความท้าทายของยูนิโคล่ในตลาดจีนยิ่งเพิ่มขึ้น

เซเลนสกี ส่งสัญญาณยอมรัสเซีย ยึดดินแดนบางส่วนแลกจบสงคราม

(3 ธ.ค. 67) โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน แสดงความประสงค์ที่จะยุติสงครามกับรัสเซียในเร็ววัน พร้อมระบุว่ายูเครนอาจสามารถฟื้นกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดครองได้ผ่านการเจรจาทางการทูต หากได้รับการยืนยันสถานะสมาชิกในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)

ถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจุดยืนของเซเลนสกี ซึ่งก่อนหน้านี้ยืนกรานว่าสงครามจะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียคืนดินแดนทั้งหมดที่ยึดครองจากยูเครน  

ในการให้สัมภาษณ์กับ **สกายนิวส์** ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน เซเลนสกีระบุว่าความขัดแย้งสามารถยุติได้ หากนาโตให้คำมั่นในการค้ำประกันความมั่นคงของยูเครนในดินแดนที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลยูเครนในปัจจุบัน  

เซเลนสกีย้ำว่าข้อตกลงหยุดยิงใดๆ จะต้องมีการรับประกันว่ารัสเซียจะไม่กลับมายึดครองดินแดนยูเครนเพิ่มเติม หลังจากที่รัสเซียได้ครอบครองดินแดนยูเครนไปแล้วราว 20% โดยเฉพาะการผนวก คาบสมุทรไครเมีย ในปี 2014 รวมถึง แคว้นโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน และ ซาปอริซเซีย ในปี 2022  

ถ้อยแถลงของเซเลนสกีสะท้อนถึงความพยายามในการหาทางออกทางการทูตท่ามกลางความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ ขณะที่นาโตยังคงมีบทบาทสำคัญในสมรภูมิทางการเมืองระหว่างยูเครนและรัสเซีย

บุกซื้อกิจการ-ลงทุน เวียดนามต่อเนื่อง 10 เดือนแรกปีนี้ ทุ่มแล้วกว่า 4,800 ล้านบาท

(2 ธ.ค. 67) สำนักข่าวบีบีซีภาคภาษาเวียดนาม รายงานว่าบรรดานักวิเคราะห์บางส่วนกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของบรรดามหาเศรษฐีนักลงทุนจากไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพบว่าตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีบริษัทกลุ่มทุนใหญ่จากไทยหลายรายแห่เข้าไปลงทุนในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง

บีบีซีระบุว่า ช่วงเดือนกันยายน 2024 รัฐบาลเวียดนามและไทยประกาศแผนปฏิบัติการภายใต้ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็ง เพื่อผลักดันมูลค่าการค้าทวิภาคีให้ถึง 25,000 ล้านดอลลาร์  ข้อมูลจากกระทรวงแผนและการลงทุนเวียดนามเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2024 มีนักลงทุนไทยลงทุนในเวียดนามกว่า 141.42 ล้านดอลลาร์ (ราว 4,800 ล้านบาท) ทำให้ไทยอยู่อันดับที่ 15 จาก 106 ประเทศที่นิยมลงทุนในเวียดนาม  

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา บริษัท WHA ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเวียดนามให้ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดทัญฮว้า ด้วยเงินทุน 55 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน บริษัททานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญาเช่าโรงงานในเตยนินห์เป็นเวลา 30 ปี  

ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เวียดนามรับเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากกลุ่มทุนไทยที่มักใช้กลยุทธ์เข้าซื้อกิจการในเวียดนามเพื่อทำกำไรอย่างต่อเนื่อง เช่น ช่น บริษัท SCBX เข้าซื้อ Home Credit Vietnam ในราคา 860 ล้านดอลลาร์ และ SCG ลงทุนในโครงการปิโตรเคมี Long Son มูลค่า 5.4 พันล้านดอลลาร์  ทั้งยังถือหุ้นอีก 55% ในบริษัท Binh Minh Plastic หนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกพลาสติกรายใหญ่ของเวียดนาม

ขณะที่ภาคธุรกิจอาหารและค้าปลีก ในปี 2015 กลุ่ม  Central Group ขยายการลงทุนในเวียดนามกว่า 1.45 พันล้านดอลลาร์ และดำเนินธุรกิจค้าปลีกในห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีก 41 แห่งทั่วเวียดนาม เช่น Big C และ อีคอมเมิร์ซ Nguyễn Kim และในปีเดียวกันนี้กลุ่มเซ็นทรัลยังประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการบิ๊กซีเวียดนามจากกลุ่มคาสิโน (ฝรั่งเศส) ด้วยมูลค่าข้อตกลงมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในปี 2017 กลุ่มไทยเบฟเวอเรจของมหาเศรษฐีเจริญ สิริวัฒนภักดีใช้เงินเกือบ 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อบริษัท Saigon Beer Alcohol Beverage Corporation (Sabeco) โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 54% เช่นเดียวกับบริษัทในเครือสองแห่งของ Fraser & Neave Ltd. (F&N) ในเครือของเจ้าสัวเจริญ  ปัจจุบันถือหุ้นมากกว่า 20% ใน Vinamilk ผู้ผลิตนมสัญชาติเวียดนาม 

เช่นเดียวกับกลุ่ม TCC Group ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยที่ดำเนินงานในภาคการค้าปลีก ในปี 2016 ได้ทุ่มเงิน 655 ล้านยูโรเพื่อซื้อกิจการค้าส่ง Metro Cash & Carry Vietnam ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น MM Mega Market ขณะที่บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส แห่งประเทศไทย ถือหุ้นประมาณ 98% ใน Ngoc Nghia Plastic

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ส่งผลให้บรรดานักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัทไทยในภาคการผลิตและการค้าส่งของเวียดนาม อาจทำให้บริษัทเวียดนามเสียเปรียบในตลาด อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่านี่เป็นแนวโน้มปกติของโลกธุรกิจที่บริษัทเวียดนามต้องพัฒนาตัวเองเพื่อแข่งขันต่อไป  อีกทั้งมีความเห็นในแนวโน้มที่ว่า การเข้ามาของทุนใหญ่ไทยเป็นสถานการณ์ทางธุรกิจแบบ "ปลาใหญ่กินปลาเล็ก" ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามโลกทุนยิม ซึ่งบริษัทท้องถิ่นในเวียดนามมีทางเลือกไม่มากนอกจากต้องหาทางดิ้นรนด้วยตนเองในแบบเท่าที่จะทำได้

เหตุเรือรบเมียนมา เหิมเกริมยิงเรือประมงไทย ชี้! อาจมีอะไรที่ผิดวิสัยมากกว่าประมงล้ำน่านน้ำ

(2 ธ.ค. 67) วิเคราะห์จากอีกด้านเหตุเรือตรวจการเมียนมายิงเรือประมงไทย

จากกรณีเกิดเหตุทหารเรือพม่าไล่ยิงเรือประมงไทยขณะเข้าไปทำการประมง จนเป็นเหตุให้ลูกเรือประมงซึ่งกระโดดหนีลงน้ำเสียชีวิต 2 ราย และถูกจับ 31 ราย ในจำนวนนั้นมีคนไทย 4 รายนั้น จน ณ ตอนนี้มีเพียงข่าวที่ออกมาว่าทางการเมียนมาพบว่าเรือดังกล่าวรุกน่านน้ำเมียนมาจึงทำการยิง  แต่จากที่เอย่าได้สอบถามกูรูทางการทหารระหว่างประเทศมาวันนี้เอย่าจะมาวิเคราะห์จากอีกมุมให้ได้รับทราบกัน

ในอดีตที่ผ่านมาประเด็นเรือประมงไทยรุกน่านน้ำเมียนมาก็เคยมีให้เห็นอยู่บ้างแม้ว่าในไทยจะน้อยลงในช่วงหลายปีที่นายกลุงตู่เข้ามาบริหารประเทศก็ตาม  แต่หากสืบค้นไปในอดีตพบว่าการทำประมงรุกน่านน้ำมีมาแต่ก่อนแล้ว แต่ในอดีตทางการเมียนมาก็จะทำการผลักดันและจับกุมกลับมาส่งไทยก็แค่นั้นไม่เคยมีการลงไม้ลงมือถึงขั้นยิงกันมาก่อน

นักวิเคราะห์แหล่งข่าวของเราเปิดเผยต่อว่า การยิงเรือประมงจะเกิดขึ้นได้ในกรณีที่เรือประมงดังกล่าวไม่ยอมเชื่อฟัง ไม่หลบหนีหรือมีพฤติกรรมต่อต้านเรือตรวจการฝั่งเมียนมา หรือไม่ก็เรือดังกล่าวอาจจะมีความน่าสงสัย เช่น การขัดขืนการจับกุมของทางการเมียนมาหรือตรวจพบบางสิ่งผิดปกติ อาทิ การส่งมอบอาวุธหรือสิ่งอื่น ๆ ผิดกฎหมาย ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ฝั่งเมียนมาเลือกที่จะยิงเรือประมงของไทยก็เป็นได้

แม้ตอนนี้เหตุการณ์บนหน้าสื่อจะออกมาเพียงแค่ว่าเรือประมงไทยรุกน่านน้ำเมียนมาก็ตาม  แต่ล่าสุดมีรายงานออกมาจากแหล่งข่าวฝั่งเมียนมาว่า  ทางกองทัพเมียนมาได้ข่าวมีการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายบริเวณชายขอบทะเลระหว่างไทยเมียนมา  ดังนั้นกองทัพเรือเมียนมาจึงลาดตระเวนในบริเวณน่านน้ำที่ได้ข่าวมา ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ไปพบกับเรือประมงไทยที่รุกน่านน้ำ จำนวน 15 ลำ เมื่อกองทัพเรือเมียนมากำลังเข้าจับกุม มีเรือขัดขืนและยิงต่อสู้ ทำให้กองทัพเมียนมาต้องยิงปะทะจนเกิดเหตุดังกล่าว

เอย่ามองว่าในสถานการณ์เช่นนี้เราไม่ควรตกเป็นเครื่องมือของคนที่ยั่วยุให้หวังเกิดปัญหาระหว่างชายแดน  เราควรจะหาสาเหตุกีอนว่าเกิดอะไรขึ้นมิใช่ด่วนตัดสินว่าฝั่งที่เป็นคนของเราทพำถูกเสมอและอีกฝ่ายทำผิดเสมอ  เพราะอย่าลืมว่าไม่มีใครอยากรับบทตัวร้ายถ้าไม่จำเป็น

จีนเดินเกมส่งจนท.ดูงานมอสโก ศึกษารับมือตะวันตกคว่ำบาตรปมไต้หวัน

(2 ธ.ค. 67) The Wall Street Journal รายงานว่า รัฐบาลจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานพิเศษ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อศึกษาผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก และวิธีการรับมือของธนาคารกลางรัสเซียให้เศรษฐกิจรัสเซียได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยรัฐบาลจีนมองว่ารัสเซียเป็นกรณีศึกษาชั้นเยี่ยมที่จีนสามารถเรียนรู้กลไกการคว่ำบาตรจากพันธมิตรตะวันตกได้

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า จีนได้จัดตั้งหน่วยงานพิเศษนี้หลังจากที่รัสเซียเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเมื่อปี 2022 ได้ไม่นาน เพื่อศึกษาผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกโดยเฉพาะ ต่อมาก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูงานจริงในรัสเซีย และนัดพบกับตัวแทนจากธนาคารกลางรัสเซีย, กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งรายงานตรงถึงรัฐบาลจีนเป็นประจำ  

ซึ่งรัฐบาลจีนแสดงความสนใจในทุกๆ แง่มุมที่เกี่ยวข้องกับการคว่ำบาตร รวมถึงผลดีที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตภายในประเทศ โดยสื่อต่างชาติตั้งข้อสังเกตว่า จีนอาจใช้รัสเซียเป็นกรณีศึกษาสำหรับมือการคว่ำบาตรต่อจีนที่อาจเกิดขึ้นได้ ในกรณีข้อพิพาทไต้หวัน ที่รัฐบาลจีนประกาศที่จะตอบโต้ หลังรัฐบาลสหรัฐฯอนุมัติการขายอาวุธล็อตใหม่ให้แก่ไต้หวัน 

เศรษฐกิจของรัสเซียสามารถยืนเด่นอย่างท้าทาย หลังถูกชาติตะวันตกรวมพลังคว่ำบาตรอย่างหนักจากกรณีสงครามในยูเครน ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังทรงตัวอยู่ได้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสูงขึ้น และ อัตราค่าจ้างแรงก็เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

แต่ทว่า รัฐเซียก็กำลังเจอปัญหาค่าเงินรูเบิลที่ตกต่ำลงอย่างกะทันหัน จนสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี  ที่สร้างความกังวลให้แก่รัฐบาลจีน ที่มีเงินสำรองต่างประเทศมากที่สุดในโลกถึงกว่า 3.3 ล้านล้านดอลลาร์  และหากจีนต้องเจอมาตรการคว่ำบาตรอย่างเช่นที่รัสเซีย อาจทำให้สินทรัพย์ และ ทุนสำรองของจีนในต่างประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงได้ 

การถอดบทเรียนของรัสเซียจะช่วยให้จีนได้เรียนรู้ที่จะกระจายทุนสำรองต่างประเทศ ลดการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ และ เงินดอลลาร์ และรับมือกับนโยบายคว่ำบาตรในรูปแบบต่างๆ ที่อาจถูกหยิบยกมาใช้กับจีนในอนาคต 

แต่ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศจีนย้ำว่า การที่จีนกำลังศึกษาผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรในรัสเซีย ไม่ได้หมายความว่าจีนกำลังวางแผนที่จะรุกรานไต้หวันอย่างที่สื่อตะวันตกพยายามนำเสนอ แต่เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ และความร่วมมือกับรัฐบาลรัสเซียบนพื้นฐานของความเสมอภาค และผลประโยชน์ร่วมกันเท่าน้้นเอง 

ปี 2025 ราคาสินค้า-อาหารพุ่งสูงขึ้น ช่วง ม.ค.-เม.ย. ปรับราคากว่า 3,900 รายการ

(2 ธ.ค. 67) เตโกกุ ดาต้าแบงก์ (Teikoku Databank) บริษัทวิจัยของญี่ปุ่น รายงานว่าราคาอาหารในญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อไปในปี 2025 เนื่องจากอาหารมากกว่า 3,900 รายการ จะถูกปรับราคาขึ้นระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน 2025

รายงานระบุว่ากลุ่มผู้ผลิตอาหารในญี่ปุ่น 195 ราย ประกาศแผนการขึ้นราคาอาหาร จำนวน 3,933 รายการแล้ว เมื่อนับถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ซึ่งแบ่งเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม 1,251 รายการ ตามด้วยขนมปัง 1,227 รายการ และอาหารแปรรูป อาทิ อาหารแช่แข็งและเค้กข้าว 1,040 รายการ

สาเหตุหลักของการปรับขึ้นราคายังคงเป็นต้นทุนวัตถุดิบที่สูง กอปรกับต้นทุนเกี่ยวกับโลจิสติกส์และแรงงานที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยมีแนวโน้มว่าปัจจัยเหล่านี้จะผลักดันให้ราคาอาหารเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี 2025

อนึ่ง ข้อมูลก่อนหน้านี้ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังคงอยู่ที่หรือสูงกว่าเป้าหมายร้อยละ 2 ของธนาคารกลางญี่ปุ่นมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2022

เวียดนามอนุมัติสร้างรถไฟความเร็วสูงสายแรก เชื่อมฮานอย-โฮจิมินห์ คาดเสร็จใน 11 ปี

(2 ธ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สภาแห่งชาติเวียดนาม ชุดที่ 15 ได้ลงมติผ่านนโยบายการลงทุนโครงการทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้ มูลค่ารวม 1.7 พันล้านล้านดอง (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) เมื่อวันเสาร์ (30 พ.ย.) ที่ผ่านมา

โครงการข้างต้นมีวงจรงบประมาณระยะกลาง 3 รอบ ได้แก่ รอบปี 2564-2568 รวม 5.38 แสนล้านดอง (ราว 725 ล้านบาท) รอบปี 2569-2573 รวม 841.7 ล้านล้านดอง (ราว 1.13 พันล้านบาท) และรอบปี 2574-2578 รวม 871.3 ล้านล้านดอง (ราว 1.17 พันล้านบาท)

ทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้ของเวียดนามจะมีระยะทางรวม 1,541 กิโลเมตร เริ่มต้นจากสถานีหง่อกโห่ยในกรุงฮานอย ตัดผ่าน 20 เมืองและจังหวัด และสิ้นสุดที่สถานีถูเตี๊ยมในนครโฮจิมินห์ซิตี

หวู่ ฮง แท็ง ประธานคณะกรรมการเศรษฐกิจประจำสภาฯ กล่าวว่า โครงการนี้มีความเป็นไปได้ในบริบทปัจจุบันของเวียดนาม หลังจากเตรียมงานและศึกษาต้นแบบรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกมานาน 18 ปี

ศัพท์แห่งปี 2024 จากม.ออกซฟอร์ด หมายถึง 'คนเสพสื่อออนไลน์จนปัญญาเสื่อมถอย'

(2 ธ.ค. 67) มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้ประกาศคำศัพท์แห่งปีที่ได้รับการโหวตจากสาธารณชน โดยคำที่ได้รับการเลือกในปีนี้คือ "brain rot" หรือ "สมองเน่า เป็นคำสแลงที่พจนานุกรมออกซ์ฟอร์ดนิยามว่า "การเสื่อมสภาพของสภาวะทางจิตใจหรือทางสติปัญญาของบุคคล ซึ่งมักจะเกิดจากการบริโภคเนื้อหาที่ไม่มีคุณค่า ไม่ท้าทาย โดยเฉพาะจากเนื้อหาบนโลกออนไลน์" 

สมองเน่า หรือ สมองบื้อ เป็นหนึ่งในคำศัพท์ที่คนวัยรุ่นบนโลกออนไลน์อย่าง Gen Z และ Gen Alpha นิยมใช้กันอยู่บ่อยครั้ง

ข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์บัญญัติศัพท์ออกซ์ฟอร์ดระบุว่า พบการใช้คำนี้ครั้งแรกในปี 1854 จากหนังสือ Walden; or, Life in the Woods เขียนโดยเฮนรี เดวิด โธโร โดยพบว่าในช่วงปี 2023-2024 ความถี่ในการใช้คำนี้เพิ่มขึ้นถึง 230% ซึ่งมักใช้เพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่ผู้คนเสพสื่อเนื้อหาคุณภาพต่ำ โดยเฉพาะตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

โดยในปี 2024 นี้ คำว่า “Brain rot” เป็นอีกหนึ่งคำศัพท์ที่ได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นคำศัพท์ที่มีความหมายน่าสนใจและมีผู้คนใช้เยอะมากที่สุดคำหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการโหวตให้ชัยชนะเหนือคำว่า “lore,” “demure,” “romantasy” และ “slop” ที่เป็นคำศัพท์ที่ถูกเสนอเข้าชิงในปีนี้

คำว่า brain rot ได้รับการโหวตจากผู้คนมากที่สุดในบรรดา37,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นคำศัพท์ที่สะท้อนชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบันได้ชัดเจนที่สุด โดยในปีที่แล้วพจนานุกรมออกซ์ฟอร์ดได้บัญญัติให้คำว่า "Rizz" ที่หมายถึงเสน่ห์ สไตล์ และความน่าหลงใหล ซึ่งนิยมใช้กันในหมู่ Gen Z และผู้ใช้ TikTok เป็นคำศัพท์แห่งปี 2023

'ไบเดน' อภัยโทษ 'ลูกชาย' คดีภาษี-ค้าอาวุธ อ้างฝ่ายตรงข้ามกลั่นแกล้งทางการเมือง

(2 ธ.ค. 67) ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ลงนามคำสั่งอภัยโทษให้แก่นายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชาย กรณีหลบเลี่ยงภาษีมูลค่าอย่างน้อย 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 48.17 ล้านบาท) ระหว่างปี 2559-2562 และให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการซื้ออาวุธปืนในปี 2561 ขณะที่ยังอยู่ในสถานะ "บุคคลต้องห้าม" เนื่องจากมีประวัติการใช้ยาเสพติด

ก่อนหน้านี้ อัยการสั่งฟ้องฮันเตอร์ในคดีให้ข้อมูลเท็จเรื่องครอบครองอาวุธปืนเมื่อต้นปี 2566 ส่วนคดีหลบเลี่ยงภาษี ฮันเตอร์ยอมรับสารภาพในเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการตัดสินโทษ โดยโทษสูงสุดของทั้งสองคดีรวมกันอาจถึง 42 ปี

การตัดสินใจครั้งนี้ของไบเดน แม้เป็นไปตามอำนาจตามรัฐธรรมนูญ แต่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะจากพรรครีพับลิกัน และอาจสร้างความไม่พอใจในพรรคเดโมแครต เนื่องจากก่อนหน้านี้ไบเดนเคยยืนยันว่าจะไม่อภัยโทษให้บุตรชาย

ไบเดน ซึ่งจะหมดวาระในเดือนมกราคม 2568 ระบุว่า การดำเนินคดีต่อฮันเตอร์เป็น "การกลั่นแกล้งทางการเมือง" และขอให้ชาวอเมริกันเข้าใจการตัดสินใจครั้งนี้ ทั้งในฐานะบิดาและประธานาธิบดี

ทั้งนี้ ไบเดนไม่ใช่ผู้นำสหรัฐคนแรกที่อภัยโทษสมาชิกครอบครัว อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน เคยอภัยโทษลูกพี่ลูกน้องจากคดีเกี่ยวกับโคเคน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อภัยโทษบิดาของลูกเขยในคดีภาษีเช่นกัน

จีนหั่นภาษีสินค้านำเข้าจากชาติด้อยพัฒนา ประเทศแถบแอฟริกา เฮรับอานิสงส์ มีผล 1 ธ.ค.

(2 ธ.ค. 67) โกลบอลไทมส์ (Global Times) สื่อของรัฐบาลจีน รายงานว่า จีนได้ประกาศนโยบายลดภาษีเหลือศูนย์ให้แก่สินค้าทุกประเภทที่มาจากประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDC) ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน มีผลตั้งแต่วันนี้ (1 ธ.ค.) โดยจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจใหญ่รายแรกที่ประกาศนโยบายดังกล่าว

สำหรับกลุ่มประเทศ LDC ในแถบอาเซียนเหลืออยู่เพียง 3 ชาติคือ พม่า ลาว และกัมพูชา ขณะที่นอกนั้นส่วนใหญ่เป็นชาติด้อยพัฒนาที่อยู่ในแถบทวีปแอฟริกา ขณะที่สื่อทางการจีนรายงานว่า ภายใต้นโยบายใหม่ทางภาษีนี้ประเทศในแถบแอฟริกาจะได้รับอานิสงส์ดังกล่าว มากกว่าชาติในอาเซียนเนื่องจากจีนกับอาเซียนมีกรอบความร่วมมือทางการค้าที่ใกล้ชิดในหลายระดับอยู่ก่อนแล้ว

คณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งคณะรัฐมนตรีจีนระบุว่า หากจำนวนสินค้าอยู่ในโควตาที่กำหนดจะไม่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า แต่สินค้าส่วนที่เกินโควตายังคงต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ

ศาสตราจารย์ซ่ง เว่ย จากคณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการทูต มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศแห่งปักกิ่ง (Beijing Foreign Studies University) กล่าวว่า จีนมีเป้าหมายในการช่วยส่งเสริมการเติบโตภายในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น เกษตรกรรมและการผลิต เป็นต้น

ศาสตราจารย์ซ่งกล่าวเสริมว่า ในขณะที่โลกตะวันตกใช้นโยบายกีดกันทางการค้าและการกระทำฝ่ายเดียว (unilateralism) อย่างเข้มข้นมากขึ้น จีนเลือกที่จะแบ่งปันโอกาสกับประเทศอื่น ๆ โดยอาศัยตลาดขนาดใหญ่ของจีน ซึ่งส่งผลดีต่อการส่งเสริมโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจและการแบ่งงานกันทำ (division of labor) ทั่วโลก

‘ทรัมป์’ ขู่ขึ้นภาษี!! ประเทศ BRICS หากรวมหัวไม่ใช้ ‘เงินดอลลาร์’

(1 ธ.ค. 67) ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ขู่จะขึ้นภาษีศุลกากร 100% กับกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) 9 ประเทศ หากดำเนินการที่ถือเป็นการบ่อนทำลายค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

คำขู่ครั้งล่าสุดนี้มุ่งเป้าโดยตรงไปยัง 9 ประเทศสมาชิกกลุ่มบริกส์ที่นำโดย จีน รัสเซีย อินเดีย บราซิล แอฟริกาใต้ อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และเอธิโอเปีย ซึ่งปัจจุบันมีหลายประเทศกำลังสมัครเข้าเป็นสมาชิกเพิ่ม เช่น ประเทศไทย มาเลเซีย และตุรกี 

ทรัมป์กล่าวว่า ‘ไม่มีทาง’ ที่กลุ่ม BRICS จะเข้ามาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐในการค้าโลก และประเทศใดก็ตามที่พยายามทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ ‘ควรโบกมือลาจากสหรัฐอเมริกา’

ทั้งนี้ ในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศบริกส์ที่ประเทศรัสเซียเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้กล่าวหาสหรัฐว่า ใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธ’ และเรียกสิ่งนี้ว่าเป็น ‘ความผิดพลาดครั้งใหญ่’

แม้ว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะเป็นสกุลเงินที่ใช้กันมากที่สุดในการทำธุรกิจทั่วโลก และผ่านพ้นความท้าทายต่างๆ ในอดีตมาได้ แต่ประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ต่างระบุว่าพวกเขาเบื่อหน่ายกับการที่สหรัฐมีอิทธิพลเหนือระบบการเงินโลก

จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เงินดอลลาร์สหรัฐมีสัดส่วนคิดเป็นประมาณ 58% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของโลก และสินค้าโภคภัณฑ์หลักๆ เช่น ‘น้ำมัน’ ยังคงซื้อขายกันโดยใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐกำลังถูกท้าทายเนื่องจากส่วนแบ่งจีดีพีของกลุ่ม BRICS ที่เพิ่มขึ้น และความตั้งใจของกลุ่มบริกส์ที่จะซื้อขายกันในสกุลเงินที่ไม่ใช่ดอลลาร์สหรัฐ หรือเป็นกระบวนการที่เรียกว่าการลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ (De-dollarization) 

รัสเซียได้ผลักดันให้มีการจัดทำระบบการชำระเงินใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกมาแทนที่เครือข่ายการสื่อสารสำหรับประมวลผลการชำระเงินระหว่างประเทศ หรือ ‘สวิฟท์’ (SWIFT) ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งจะช่วยให้รัสเซียสามารถหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกและค้าขายกับพันธมิตรได้

อย่างไรก็ดี จากงานวิจัยของสภาแอตแลนติกบ่งชี้ว่า บทบาทของดอลลาร์สหรัฐในฐานะสกุลเงินสำรองหลักของโลกจะไม่ถูกคุกคามในอนาคตอันใกล้นี้ โดยผลวิจัยระบุว่า ดอลลาร์นั้น ‘มีความมั่นคงในระยะใกล้และระยะกลาง’ และยังคงครอบงำสกุลเงินอื่นๆ ต่อไป

การขู่ขึ้นภาษีล่าสุดของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่เขาขู่ว่า จะขึ้นภาษีศุลกากรกับสินค้านำเข้าทุกชนิดที่นำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา 25% และขึ้นภาษีศุลกากรเพิ่มอีก 10% สำหรับสินค้าจากจีน เพื่อบังคับให้ทั้งสองประเทศดำเนินการมากขึ้นเพื่อหยุดยั้งการไหลเข้าของผู้อพยพผิดกฎหมายและยาเสพติดเข้าสู่สหรัฐ

จากนั้น ทรัมป์ได้โทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีเม็กซิโก ‘คลอเดีย เชนบาม’ ซึ่งกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าเ ธอเชื่อมั่นว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามภาษีกับสหรัฐได้ ทางด้านนายกรัฐมนตรี ‘จัสติน ทรูโด’ ของแคนาดาเดินทางกลับในวันเสาร์หลังจากพบกับทรัมป์ โดยที่ไม่ได้รับคำยืนยันว่าประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่จะถอยห่างจากการขู่ขึ้นภาษีกับแคนาดา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top