Thursday, 7 November 2024
WORLD

‘แม่เด็ก 8 ขวบ’ แชร์อุทาหรณ์ ‘ลูกสาว’ เคราะห์ร้ายป่วยสมองอักเสบ เหตุโดน ‘จุ๊บปาก’ หลังเกิดได้ 2 วัน จากพิษของน้ำลายที่แทรกซึม

(31 พ.ค. 67) สื่อต่างประเทศ รายงานว่า เด็กหญิง 8 ขวบ สมองพิการ หลังโดนจุ๊บปากตอนอายุได้ 2 วัน โดย เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายมีชื่อว่า ‘บริลิน’ ซึ่งแม่ของเธอเล่าว่า ในเวลานั้นระบบภูมิคุ้มกันของลูกสาวยังไม่ได้รับการพัฒนา ไวรัสได้สร้างความเสียหายต่อสมองทำให้โรคไข้สมองอักเสบแพร่กระจาย

แม่ของบริลิน เผยต่อว่า ในตอนแรกลูกสาวเกิดมามีสุขภาพดี และสบายดี เมื่ออายุได้ 2 วัน ก็มีคนตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นเธอ และพวกเขาจุ๊บเธอที่ปาก แต่แล้ว 2 สัปดาห์ต่อมา ลูกก็เริ่มมีอาการชัก

อาการชักเกิดจากการที่สมองถูกทำลายอย่างมาก หรือที่เรียกว่า ‘ภาวะสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส’ ซึ่งจัดว่าเป็นโรคที่หาได้ยาก และเป็นเคสที่เกิดขึ้นได้ใน 1 ต่อ 5 แสนคนต่อปีเท่านั้น

“การจูบปากส่งผลให้น้ำลาย หรือของเหลวแทรกซึมเข้าไปยังสมองของเธอ และติดเชื้อเป็นเวลาต่อมา โดยเชื้อโจมตีสมองซีกซ้ายเป็นส่วนใหญ่ (60%) พอเราเริ่มรักษา เชื้อมันก็เริ่มลามไปยังสมองซีกขวา (10%)” แม่ของบริลิน กล่าว

ทั้งนี้ แม่ของบริลิน เปิดใจต่อว่า แม้ว่าลูกสาวจะได้ได้รับบาดเจ็บจากการจูบ แต่เธอก็ให้อภัยกับคนเหล่านั้นแล้ว เพราะมันเป็นอุบัติเหตุ และพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ

‘เยอรมนี’ เผย!! จำนวน ‘ผู้แปลงสัญชาติ’ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ หลังรัฐเอื้อ ‘แรงงานย้ายถิ่น’ ช่วยเคลื่อน ศก. ในยามสูงวัยเกลื่อน

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานสถิติกลางแห่งเยอรมนี เปิดเผยจำนวนผู้ที่แปลงสัญชาติในเยอรมนีอยู่ที่ราว 200,100 คน ในปี 2023 ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่มีการเริ่มบันทึกในปี 2000

จำนวนการแปลงสัญชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้นแล้วร้อยละ 28 จากในปี 2022 โดยมีผู้คนจาก 157 ประเทศได้รับสัญชาติเป็นพลเมืองเยอรมัน

สำนักงานฯ ระบุว่าพลเมืองที่ได้รับสัญชาติมีอายุเฉลี่ย 29.3 ปี ซึ่งอายุน้อยกว่าอายุของประชากรโดยรวมที่ 44.6 ปีอย่างมีนัยสำคัญ และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย

อนึ่ง เยอรมนีเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยปัจจุบันมีจำนวนประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้น และจำเป็นต้องพึ่งพากลุ่มแรงงานย้ายถิ่นฐาน

เยอรมนียังเผชิญกับการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะเป็นอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลกำลังแก้ไขโดยการแก้ไขกฎหมายการย้ายถิ่นฐานของผู้มีทักษะความสามารถของเยอรมนี (The Skilled Immigration Act) เพื่อให้แรงงานที่มีคุณสมบัติจากต่างประเทศนอกสหภาพยุโรปสามารถหางานทำในเยอรมนีได้ง่ายขึ้น

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บุนเดสรัต (Bundesrat) หรือสภาสูงของรัฐสภาเยอรมนี อนุมัติการปรับแก้กฎหมายสัญชาติของเยอรมนีให้เป็นสมัยใหม่ โดยปัจจุบันพลเมืองสามารถมีสองสัญชาติได้ และการแปลงสัญชาติอาจใช้เวลาดำเนินการเพียง 3 - 5 ปี หากการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมเป็นไปด้วยดี

แนนซี ฟาเซอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของเยอรมนี กล่าวหลังการมีมติของสภาสูงว่ารัฐบาลตระหนักถึงประวัติศาสตร์และความสำเร็จของผู้คนจำนวนมากที่โยกย้ายมาและมีส่วนร่วมในประเทศนี้มาเป็นเวลานานแล้ว

คณะลูกขุน ตัดสิน ‘ทรัมป์’ ผิดทุกกระทง ‘คดีจ่ายเงินลับ’ หวั่น!! โดนตัดสิทธิ์ ลงสมัครเลือกตั้ง ‘ปธน.’ ปี 2567

(31 พ.ค. 67) เอเอฟพีรายงาน กล่าวว่า เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว อัลวิน แบรกก์ อัยการเขตแมนฮัตตันในมหานครนิวยอร์กได้ยื่นฟ้องอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในความผิดคดีอาญาฐานจ่ายเงินให้แก่บุคคลเพื่อปกปิดข้อมูลอันอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559


ทรัมป์ถูกตั้งข้อหาในความผิดทางอาญา 34 กระทง จากการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินค่าปิดปาก 130,000 ดอลลาร์ให้กับสตอร์มี แดเนียลส์ วัย 44 ปี ซึ่งเป็นดาราหนังโป๊ รวมทั้งการจ่ายเงินปิดปากนางแบบเพลย์บอย และคนเฝ้าประตู

ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี การพิจารณาคดีครั้งแรกที่ศาลอาญาแมนฮัตตันจบลงด้วยการที่ทรัมป์ วัย 77 ปี ​​ถูกตัดสินว่ามีความผิดใน 34 กระทงดังกล่าวตามคำฟ้องของอัยการ และผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชานเสนอให้เขาต้องโทษจำคุก

จากนั้น ทรัมป์ซึ่งได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ต้องอาศัยหลักประกันและเตรียมยื่นอุทธรณ์ในขั้นตอนต่อไป ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังออกจากศาลและประณามผลการตัดสินของคณะลูกขุนว่า ‘ขี้โกง’ และ ‘น่าอับอาย’ โดยท้าให้รอดูคำตัดสินที่แท้จริงที่จะมาจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายน

ทั้งนี้ คณะลูกขุนทั้ง 12 คนใช้เวลาพิจารณาอรรถคดีนานกว่า 11 ชั่วโมงในช่วงเวลา 2 วัน ก่อนประกาศข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ภายในไม่กี่นาที โดยตัวตนของพวกเขาทั้ง 12 คนถูกเก็บเป็นความลับตลอดการพิจารณาคดี ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่มักพบบ่อยในกรณีที่เกี่ยวข้องกับมาเฟียหรือจำเลยที่มีอิทธิพล

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงมีสิทธิ์ในการรณรงค์แคมเปญเลือกตั้งประธานาธิบดีต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่ 11 กรกฎาคมที่คณะลูกขุนจะพิจารณาว่าจะตัดสินโทษออกมาแบบใด และจะตัดสิทธิ์ลงรับสมัครของเขาหรือไม่

ช่วงเวลาดังกล่าวจะคาบเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ระดับชาติของพรรครีพับลิกันในเมืองมิลวอกี ซึ่งทรัมป์มีกำหนดได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการจากพรรคเพื่อเป็นตัวแทนในการเผชิญหน้ากับโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต

ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าสั่งการให้ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความส่วนตัวจัดเตรียมการจ่ายเงินให้แดเนียลส์ก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2559 เพื่อไม่ให้แพร่งพรายความสัมพันธ์ลับ ๆ ที่เคยมีต่อกันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในทะเลสาบทาโฮ

จากนั้นมีการจ่ายเงินอีก 30,000 ดอลลาร์เพื่อปิดปากของอดีตคนเฝ้าประตูทรัมป์ทาวเวอร์ที่รู้ข้อมูลลับว่าทรัมป์มีบุตรนอกสมรส และจ่ายเงิน 150,000 ดอลลาร์ให้กับคาเรน แม็คดูกัล นางแบบนิตยสารเพลย์บอย เพื่อแลกกับการไม่เปิดเผยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศที่ยาวนานเกือบหนึ่งปีในฐานะชู้รักกับทรัมป์

ในการพิจารณาคดี สตอร์มี แดเนียลส์ (ซึ่งมีชื่อจริงว่าสเตฟานี คลิฟฟอร์ด) ได้อธิบายต่อศาลอย่างละเอียดถึงสิ่งที่เธอบอกว่าเป็นการมีเพศสัมพันธ์กับทรัมป์ที่แต่งงานแล้วในปี 2549 และคำให้การดังกล่าวช่วยให้อัยการประสบความสำเร็จในการดำเนินคดีปกปิดการจ่ายเงินอย่างผิดกฎหมายอันเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมในวงกว้างเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงคะแนนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของตัวทรัมป์เอง ซึ่งเป็นการโน้มน้าวการเลือกตั้งด้วยความทุจริต

ขณะที่ทนายฝ่ายจำเลยแย้งแทนลูกความว่า ‘การพยายามโน้มน้าวการเลือกตั้งเป็นเพียงการแสดงออกตามครรลองประชาธิปไตย และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้ทำอะไรผิด’
ความเพลี่ยงพล้ำของทรัมป์ในครั้งนี้ทำให้ทีมหาเสียงของโจ ไบเดนออกแถลงการณ์ขยี้ซ้ำว่า กระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาคดีแสดงให้เห็นแล้วว่า ‘ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย’ และเสริมว่า ‘ภัยคุกคามจากชายชื่อโดนัลด์ ทรัมป์มีผลใหญ่หลวงต่อประชาธิปไตยของประเทศยิ่งนัก’

แม้การพิจารณาคดีดังกล่าวทำให้ทรัมป์เสียสมาธิจากการรณรงค์หาเสียงเพื่อขับไล่ไบเดนออกจากทำเนียบขาว แต่เขากลับใช้โอกาสมาขึ้นศาลแต่ละครั้งในการเรียกร้องความสนใจจากสื่อไปทั่ว โดยกล่าวปราศรัยต่อหน้ากล้องของสื่อมวลชนอยู่เสมอ ในประเด็นการตกเป็นเหยื่อทางการเมือง

ตามทฤษฎีแล้ว ทรัมป์อาจเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 4 ปีสำหรับการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจแต่ละครั้ง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายกล่าวว่า ในฐานะผู้กระทำผิดครั้งแรก เขาไม่น่าจะถึงขั้นโดนจำคุกจริงและอาจโดนแค่คุมประพฤติ ส่วนกระบวนการการอุทธรณ์อาจใช้เวลาอีกหลายเดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์

ทว่าหลังจากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์อาจเผชิญอีกหนึ่งข้อหาที่หนักหน่วง คือสมรู้ร่วมคิดล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2563 จากกรณียุยงผู้สนับสนุนให้บุกโจมตีรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 และข้อหาแอบเก็บเอกสารลับทางราชการและไม่ยอมส่งคืนหลังหมดวาระจากทำเนียบขาว

‘ญี่ปุ่น’ จ่อเปลี่ยนที่บังวิว จุดถ่ายรูป ‘ฟูจิ’ ตรงลอว์สันให้แข็งแรงขึ้น หลัง นทท.ไม่รามือ!! แอบเจาะตาข่ายจนพรุน หวังแชะรูปให้ได้

เมื่อวานนี้ (30 พ.ค.67) สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ทางการเมืองฟูจิคาวากุชิโกะ ซึ่งเป็นที่ตั้งหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิยอดนิยมของญี่ปุ่นในจังหวัดยามานาชิ จะทำการเปลี่ยนที่บังวิวใหม่ บริเวณจุดถ่ายรูปฮอตฮิตตรงร้านสะดวกซื้อ ‘Lawson’ ที่มีวิวด้านหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ

โดยจะติดตั้งที่บังวิวซึ่งทำจากวัสดุที่แข็งแรงขึ้น หลังจากการใช้ตาข่ายสีดำ ขนาดสูง 2.5 เมตร และยาว 20 เมตร ติดตั้งบังวิวฟูจิจากร้านสะดวก ‘Lawson’ ไปก่อนเมื่อไม่กี่วันก่อน ปรากฏว่ายังมีนักท่องเที่ยวมือบอนมาแอบเจาะตาข่ายที่บังวิวให้เป็นรูเล็ก ๆ อย่างน้อย 10 รู ในความพยายามจะถ่ายรูปวิวภูเขาไฟฟูจิหลังร้านสะดวกซื้อแห่งดังกล่าวผ่านรูเล็ก ๆ บนที่บังวิวนั้นให้ได้

สำนักข่าวเกียวโดและสื่ออีกหลายสำนักรายงานว่า ที่บังวิวใหม่จะทำให้แข็งแรงขึ้นและอาจเปลี่ยนเป็นสีที่อ่อนลง เช่น สีฟ้าหรือสีเขียวแทน

ด้าน นายฮิเดยูกิ วาตานาเบะ นายกเทศมนตรีเมืองฟูจิคาวากุชิโกะ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนหวังจะให้มีการเปลี่ยนที่บังวิวใหม่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก่อนช่วงฤดูร้อนนี้

ทั้งนี้ การตัดสินใจติดตั้งที่บังวิวบริเวณจุดถ่ายรูปฮิตที่ร้านสะดวกซื้อ ‘Lawson’ แห่งนี้ มีขึ้นเพื่อแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นและการไม่เคารพกฎจราจรของนักท่องเที่ยว เช่น การข้ามถนนไปมาเพื่อที่จะถ่ายรูปซึ่งถือเป็นอันตราย ทำให้ทางการญี่ปุ่นต้องจัดหามาตรการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

‘ศาลฮ่องกง’ พิพากษา นักเคลื่อนไหว 14 คน โทษ ‘จำคุกตลอดชีวิต’ ฐาน ‘ล้มล้างการปกครอง’

(30 พ.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลสูงฮ่องกงนัดอ่านคำพิพากษา ‘คดีล้มล้างการปกครอง’ ในวันนี้ กรณีที่อัยการเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนักเคลื่อนไหว ชุดแรกจำนวน 16 คน ศาลใช้เวลาไต่สวนกว่า 1 ปี นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบว่านักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย 14 คน มีความผิดล้มล้างการปกครอง ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติปี 2563 มีโทษจำคุกตลอดชีวิต เช่น นายลัม ชูค-ติง นางเฮเลนา หว่อง 2 อดีต สส. และนายกอร์ดอน อึ้ง นักเคลื่อนไหวที่จัดการเลือกตั้งขั้นต้นเพื่อสรรหาผู้สมัครจากฝ่ายค้าน สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่นในเดือนกรกฎาคม 2564

ส่วนนักเคลื่อนไหวอีก 2 คน ศาลมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง คือ นายลอเรนซ์ เลา นักกฎหมาย และ นายลี ยูเอะ ชุน อดีตสมาชิกสภาเขต ทำให้ทั้งสองคนพ้นมลทินจากข้อหาล้มล้างการปกครอง ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 31 คน รวมถึงนายโจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวชื่อดังของฮ่องกง ซึ่งให้การรับสารภาพ ศาล จะนัดอ่านคำพิพากษาต่อไป

ทั้งนี้ ทางการฮ่องกงเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณศาล เพื่อให้การอ่านคำพิพากษาของศาลดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่กลุ่มนักวิจารณ์ รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนของฮ่องกง วิจารณ์ว่า คำพิพากษาเช่นนี้อาจจะกระทบต่อการจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาธิปไตยของนักการเมืองฝ่ายค้านและกระทบต่อภาพลักษณ์ของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการเงินระดับโลก และคดีที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากบรรดานักการทูต นักสิทธิมนุษยชนและกลุ่มธุรกิจในฮ่องกง

‘รปภ.’ สะบัดดินสอหนึ่งแท่งวาดรูป ‘แมวหลง’ เพื่อตามหาเจ้าของ สุดท้ายหาบ้านจนเจอ ทำชาวเน็ตอึ้ง!! ‘สีหน้า-แววตา’ เป๊ะทุกจุด

(30 พ.ค. 67) สื่อต่างประเทศ SOHU รายงานเรื่องราวสุดน่ารักเรียกรอยยิ้มจากโลกโซเชียล เมื่อ ‘รปภ.’ ประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บังเอิญพบ ‘เจ้าเหมียว’ หลุดออกมาเดินเล่น ขณะที่เขากำลังปฏิบัติหน้าที่

ด้วยความเป็นห่วง และคิดว่าเจ้าเหมียวอาจเป็นสัตว์เลี้ยงของลูกบ้านในหมู่บ้าน เจ้าตัวเลยโชว์สกิลเทพ วาดภาพแมวด้วยตัวเอง พร้อมเขียนข้อความประกาศตามหาเจ้าของ และภารกิจพาเจ้าเหมียวกลับบ้านก็เริ่มต้นขึ้น

อย่างที่หลายคนทราบกันว่า การวาดภาพเหมือนเป็นเรื่องที่ยากมากหากทำโดยผู้ที่ไม่มีทักษะ และการใช้มือถือถ่ายภาพคงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า แต่ไม่ใช่กับ รปภ. รายนี้ ที่มี ‘ดินสอเพียงหนึ่งแท่ง’ ก็สามารถช่วยชีวิตเจ้าเหมียวได้

โดย เขาวาด เจ้าเหมียว ที่มีใบหน้ากลม ตาโต สีหน้าเบื่อหน่ายโลก เนื่องจากมีดินสอเพียงแท่งเดียว การลงสีขนจึงทำได้เพียงแรเงาให้คล้ายที่สุดเท่านั้น และมีข้อความเขียนว่า “แมวใครหาย หน้าตาประมาณนี้ สามารถติดต่อรับได้ที่ป้อม รปภ.”

อย่างไรก็ตาม เมื่อภาพดังกล่าวถูกแชร์ออกไปทั่วโลกโซเชียล ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก หลายคอมเมนต์คิดว่า นี่เป็นเพียงมุกตลกที่ทำขึ้นมาเล่น ๆ เท่านั้น

แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อมีเจ้าของมาติดต่อเพื่อขอรับน้องแมวตัวดังกล่าวกลับบ้านจริง ๆ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ติดตามมาจากภาพวาดดังกล่าว

งานนี้ก็ทำเอาชาวเน็ตฮือฮายิ่งไปอีก เมื่อมีการเปิดเผยภาพเจ้าเหมียวตัวจริง เปรียบเทียบ กับภาพวาด เรียกได้ว่า เป๊ะทุกจุด ทั้งสีหน้า แววตา รวมไปถึงสีขน จนแห่ชื่นชมความสามารถในการวาดภาพของ รปภ. รายนี้เลยจริง ๆ

ทั้งนี้ สำหรับความคิดเห็นส่วนหนึ่งจากชาวเน็ต มีดังนี้…
- นึกว่าเป็นรูปที่วาดขึ้นมาขำ ๆ เท่านั้นนะเนี่ย
- พูดจริง ๆ นะ น้องแมวเหมือนการ์ตูนเลย อ้วนกลม หน้าเบื่อโลก

อีกทั้งยังมีชาวเน็ตบางส่วน แชร์ประสบการณ์เคยพบการวาดภาพประกาศตามหาแมวด้วยเช่นกัน และกลายเป็นโมเมนต์น่ารักขำขัน อบอุ่นใจเลยทีเดียว

'ครูสหรัฐฯ' ถอดใจ!! ขอลาออก หลังนักเรียนติดมือถือหนัก เปรียบการใช้มือถือของเด็กยุคนี้ ไม่ได้ต่างจาก 'การติดยา

(30 พ.ค. 67) คุณครู มิตเชลล์ รูเทอร์ฟอร์ด เป็นที่สนใจของสื่อหลายสำนัก นับจาก วอลล์ สตรีท เจอร์นัล สื่อแถวหน้าของสหรัฐฯ ลงข่าวเป็นที่แรกในรายงานพิเศษที่ฉายภาพปัญหาการเรียนการสอน ในยุคที่สมาร์ตโฟนยึดห้องเรียน ครูเกิดวิกฤติความมั่นใจ สอนไปไม่มีใครฟัง ส่วนนักเรียนก็ขาดแรงกระตุ้นในการเรียน

คุณครูท่านนี้ สอนวิชาชีววิทยา ที่โรงเรียนมัธยมปลาย (Sahuaro High School) เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา มานาน 11 ปี จนถึงวันพฤหัสบดีที่แล้ว (23 พ.ค.) เป็นวันสุดท้ายของการทำงานที่นั่น โดยบอกเหตุผลว่า ทำทุกอย่างแล้วเท่าที่ทำได้ จนสภาพจิตใจตัวเองก็ย่ำแย่ไปด้วย เพื่อให้นักเรียนเลิก 'เสพติด' โทรศัพท์มือถือ

ครู วัย 35 ปี บอกว่า โรงเรียนที่เขาสอน มีระเบียบห้ามใช้มือถือในห้องเรียน แต่การบังคับใช้เป็นหน้าที่ครู ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก ตลอดสองสามปีมานี้ เขาพยายามหลายรูปแบบ เพื่อให้นักเรียนเข้าใจอันตรายจากการใช้มือถือตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ทั้งให้คะแนนพิเศษ ชวนสร้างนิสัยใหม่ ๆ พูดคุยเรื่องการนอนว่าสำคัญมากแค่ไหน และทำอย่างไรเพื่อลดเวลาอยู่หน้าจอตอนนอน เขาพูดคุยเรื่องนี้กับนักเรียนทุกวัน และทำตะกร้าขึ้นมาใบนึงเรียกมันว่า 'คุกมือถือ' วันแรกมีนักเรียนนำมือถือไปใส่ครึ่งหนึ่ง วันต่อมาก็ลดลง ที่สุดก็ว่างเปล่า เขาเปรียบเทียบการใช้มือถือของเด็ก ว่าไม่ได้ต่างจาก ติดยา หรืออาจจะหนักกว่าติดยาบางอย่างด้วยซ้ำ

ในการให้สัมภาษณ์กับ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ครูชายคนนี้ ยังบอกว่า เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลังโควิด-19 ระบาด เป็นการเปลี่ยนไปในทางแย่ลงหลังจากต้องปิดโรงเรียนในช่วงนั้น ก่อนหน้าโควิด-19 เวลาเตือน นักเรียนยังฟังบ้างเมื่อขอให้เก็บมือถือ แต่เวลานี้ยากกว่าเดิมหลายเท่า เขาเริ่มคิดว่า ตัวเองคือปัญหา มีนักเรียนหลายคนบอกว่า ไม่สนใจว่าจะได้เกรดเท่าไหร่

รูเทอร์ฟอร์ด บอกว่า เขาไม่ได้โทษปัญหานี้ที่ตัวเด็กทั้งหมด แต่สังคมต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาของเยาวชนเป็นอันดับหนึ่ง ปกป้องคุ้มครองพวกเขา ให้สมองและทักษะทางสังคมได้พัฒนา และทำให้ความสุข เกิดขึ้นแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งมือถือ

ในฐานะครู บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า กำลังทิ้งลูกศิษย์ เพราะเขาบอกนักเรียนให้พยายามตลอดเวลา แต่ตัวเองกำลังจะถอดใจ แต่ก็คิดว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและครอบครัว เพื่อไปลองทำอย่างอื่นดูบ้างที่ไม่ดูดพลังตัวเองไปหมดแบบนี้

จำนวน 'คนไร้บ้าน' ในสหรัฐฯ พุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี สะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำ 'รวย-จน' กำลังขยายวงกว้างขึ้น

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานข้อมูลข่าวสารแห่งคณะรัฐมนตรีจีนออกรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ประจำปี 2023 ซึ่งเปิดเผยว่าจำนวนคนไร้บ้านในสหรัฐฯ ได้พุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี

รายงานอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการเคหะและพัฒนาเมืองสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2023 ซึ่งระบุว่าจำนวนคนไร้บ้านในสหรัฐฯ พุ่งสูงกว่า 650,000 คนแล้ว มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรายงานเกี่ยวกับประเด็นนี้เมื่อปี 2007

รายงานระบุว่าคนไร้บ้านร้อยละ 40 อาศัยอยู่ตามท้องถนนโดยปราศจากสิ่งกำบัง ตามอาคารร้าง หรือสถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ได้มีไว้สำหรับให้มนุษย์อยู่อาศัย โดยคนกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ต้องผจญกับความเสี่ยงในการถูกตัดสินว่ากระทำความผิดทางอาญาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

รายงานชี้ให้เห็นว่าช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนกำลังขยายกว้างกว่าเดิมในสหรัฐฯ โดยมีสารพัดปัญหาที่กำลังเลวร้ายลง อาทิ "ความยากจนในการทำงาน" (working poor) การขาดแคลนอาหาร อัตราการฆ่าตัวตาย รวมทั้งการใช้ยาเสพติดและสารเสพติดที่เพิ่มขึ้น

เปิดมูลค่า Nvidia บริษัทเดียวมากกว่า GDP ไทยทั้งประเทศถึง 6 เท่า สะท้อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต ที่ 'ชิป' จะเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนสูง

(30 พ.ย. 67) Business Tomorrow รายงานว่า บริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิกและระบบปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำของโลก กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงเกินกว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยทั้งประเทศ 6 เท่าตัวแล้ว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Nvidia ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการเติบโตของตลาดปัญญาประดิษฐ์และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล โดยมีมูลค่าตามราคาตลาดสูงถึง 2.801 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 102 ล้านล้านบาท

โดยปัจจุบัน GDP ไทยมีมูลค่าอยู่ที่ราว 18 ล้านล้านบาท หรือเรียกได้ว่า GDP ไทยน้อยกว่า Nvidia เพียงบริษัทเดียวมากถึง 5.67 เท่าหรือเกือบ 6 เท่ากันเลยทีเดียว

สำหรับความสำเร็จของ Nvidia หากมองในเชิงรายได้และกำไรจะพบว่า เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยปี 2566 Nvidia มี รายได้กว่า 26.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น +44% จากปี 2565 และนักลงทุนต่างมั่นใจว่า Nvidia จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ส่งผลให้มูลค่าตลาดถูกผลักดันให้สูงขึ้น

อีกทั้ง Nvidia ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่กลุ่มลูกค้าใดกลุ่มหนึ่ง แต่มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ ผู้บริโภคทั่วไป ที่ซื้อการ์ดจอสำหรับเล่นเกมไปจนถึง บริษัทขนาดใหญ่ที่ใช้ชิปของ Nvidia ใน Data Center และ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่พัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จึงไม่แปลกใจว่าทำไม Nvidia ที่สามารถครองลูกค้าทั่วโลกได้มีมูลค่าบริษัทมากกว่า GDP ของไทยเกือบ 6 เท่า

ความสำเร็จของ Nvidia สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตของโลกที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลนำพาสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล บริษัทที่มีขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าสามารถสร้างมูลค่าได้มากกว่าขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของประเทศเสียอีก

อย่างไรก็ตาม Nvidia เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่บริษัทในวงการเทคโนโลยีสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็วจนทำมูลค่ามหาศาลเท่าตัวเศรษฐกิจของประเทศ บ่งบอกถึงบทบาทสำคัญของนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในอนาคต

‘พลเมืองสหรัฐฯ’ เสียชีวิตจากน้ำมือ 'ตำรวจ' สูงเป็นประวัติการณ์ปี 2023 สะท้อน!! วิธีแก้ปัญหาเกินกำลังกว่าเหตุ ซ้ำ!! ยังเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศ

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานข้อมูลข่าวสารแห่งคณะรัฐมนตรีจีนออกรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนในสหรัฐฯ ประจำปี 2023 ซึ่งระบุว่า สหรัฐฯ พบจำนวนประชาชนถูกตำรวจสังหารมากสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีก่อน นับตั้งแต่เริ่มติดตามข้อมูลทั่วประเทศเมื่อปี 2013

รายงานอ้างอิงข้อมูลจากแมปปิง โพลิส ไวโอเลนซ์ (Mapping Police Violence) กลุ่มวิจัยที่ไม่แสวงหากำไรแห่งหนึ่ง ระบุว่าตำรวจในสหรัฐฯ สังหารประชาชนเมื่อปีก่อนอย่างน้อย 1,247 ราย หมายความว่ามีผู้เสียชีวิตจากน้ำมือตำรวจโดยเฉลี่ยประมาณ 3 รายต่อวัน

อย่างไรก็ตาม ระบบความรับผิดชอบเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายของตำรวจนั้นไร้ประโยชน์

รายงานอ้างอิงหนังสือชื่อ ‘การจับกุมความเป็นพลเมือง : ผลพวงประชาธิปไตยของการควบคุมอาชญากรรมของอเมริกา’ (Arresting Citizenship: The Democratic Consequences of American Crime Control) ระบุว่า หน่วยงานตำรวจอเมริกันชิงชังพลเมืองที่ตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายในการบังคับใช้กฎหมายของพวกเขา และกลไกในการให้ตำรวจรับผิดชอบต่อการกระทำมิชอบด้วยกฎหมายนั้นแทบไม่มีประโยชน์อันใด

ทั้งนี้ แม้ว่าปัญหาการใช้กำลังเกินกว่าเหตุของตำรวจกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสหรัฐฯ แต่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการใช้กำลัง

‘นักวิจัยญี่ปุ่น’ สร้าง ‘LignoSat’ ดาวเทียมไม้ดวงแรกของโลก เตรียมส่งขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวดขนส่ง ‘สเปซเอ็กซ์’ กันยายนนี้

(29 พ.ค.67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ดาวเทียมไม้ดวงแรกของโลก ที่มีทรงลูกบาศก์ พัฒนาโดยทีมนักวิจัยญี่ปุ่น มีกำหนดจะถูกจรวดขนส่งของบริษัท สเปซเอ็กซ์ ส่งขึ้นสู่อวกาศในเดือนกันยายนนี้

ดาวเทียมไม้ดวงแรกนี้ ได้รับการตั้งชื่อว่า ดาวเทียม LignoSat ทำจากไม้จากต้นแมกโนเลีย มีขนาดกว้างคูณยาวเพียง 10 เซนติเมตร ได้รับการพัฒนาโดยทีมนักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต ร่วมกับบริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสตรี ถูกคาดหมายว่าจะเผาไหม้โดยสมบูรณ์เมื่อกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกอีกครั้ง ซึ่งผู้พัฒนาคาดหวังว่าด้วยวิธีการนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการใช้ดาวเทียมที่สร้างจากอนุภาคโลหะ ซึ่งอาจก่อผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและการโทรคมนาคม

‘ดาวเทียมที่ไม่ได้ทำจากโลหะควรกลายเป็นกระแสหลัก’ ทาคาโอะ โดอิ นักบินอวกาศและศาสตราจารย์พิเศษแห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต กล่าวในการแถลงข่าวเปิดตัวดาวเทียมไม้ดวงแรกของโลก

ทีมผู้พัฒนามีแผนที่จะมอบดาวเทียมไม้ดวงนี้ให้กับองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) ในสัปดาห์หน้า หลังจากนั้นจะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวดขนส่งของสเปซเอ็กซ์ ที่ศูนย์อวกาศเคนเนดี้ ในเดือนกันยายน เพื่อมุ่งหน้าสู่สถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ต่อไป

จากสถานีไอเอสเอส ดาวเทียมไม้ LignoSat จะถูกปล่อยจากโมดุลทดลองของญี่ปุ่นบนไอเอสเอส ที่จะทำการทดสอบความแข็งแรงและความทนทานของดาวเทียมไม้ดวงแรกนี้

“ข้อมูลจากดาวเทียมไม้จะถูกส่งกลับมายังทีมนักวิจัยที่สามารถตรวจสอบสัญญาณของแรงตึงและดูว่าดาวเทียมสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิครั้งใหญ่ได้หรือไม่” โฆษกหญิงของบริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสตรี กล่าว

‘ศาลจีน’ สั่งประหารชีวิต ‘ไป๋ เทียนฮุย’ อดีตผู้จัดการใหญ่สถาบันการเงิน ฐานรับสินบน 1.1 พันล้านหยวน ตามบรรทัดฐาน รบ.จีน ‘โกง=ประหาร’

ศาลนครเทียนจินได้อ่านคำตัดสิน พิพากษาประหารชีวิต ‘ไป๋ เทียนฮุย’ อดีตผู้จัดการใหญ่บริษัท China Huarong International Holdings หนึ่งในสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัฐบาลจีน ด้วยข้อหารับสินบนก้อนโตถึง 1.1 พันล้านหยวน (ประมาณ 5.5 พันล้านบาท) 

‘ไป๋ เทียนฮุย’ เคยดำรงตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปให้กับ Huarong Asset Management ที่เป็นบริษัทจัดการหนี้เสียในเครือ China Huarong และได้ถูกตัดสินว่ากระทำผิดจริงในข้อหารับสินบน โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่การงานของเขาในการแอบอ้าง รับผลประโยชน์และข้อเสนอพิเศษจากการซื้อ-ขายโครงการก่อสร้างต่าง ๆ และการจัดหาเงินทุนให้กับองค์กร นับรวมมูลค่าเงินสินบนที่เขาได้รับนั้นสูงถึง 1.1 พันล้านหยวน 

และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการไต่สวนคดีทุจริตของผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง China Huarong 

ย้อนกลับไปในปี 2018 มีข่าวการจับกุม ‘ไล่ เสี่ยวหมิน’ ประธานใหญ่ของบริษัท Huarong Asset Management ในข้อหารับสินบน ฉ้อโกง และ คบชู้ มาแล้ว

และหลังจากตรวจค้นอพาร์ตเมนต์หรูของ ‘ไล่ เสี่ยวหมิน’ ในกรุงปักกิ่ง ตำรวจจีนพบเงินสดกว่า 200 ล้านหยวนซุกอยู่ในตู้กับข้าว นอกจากนี้ยังพบว่า เขาได้ซุกซ่อนทองคำแท่ง รถหรู สินค้าแบรนด์เนม และเงินสดในธนาคารโดยใช้บัญชีชื่อแม่ของเขามากถึง 100 ล้านหยวน 

และได้กระจายทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ให้กับภรรยาเก็บที่เขาเคยมีสัมพันธ์ด้วยถึง 100 คน ที่ทำให้ประธานใหญ่ของสถาบันการเงินฉาวแห่งนี้ถูกตัดสินประหารชีวิต ด้วยข้อหาทุจริต รับสินบนรวมมูลค่าถึง 1.79 พันล้านหยวนในช่วงเวลา 10 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง พ่วงด้วยข้อหาคบชู้กับหญิงสาวจำนวนมาก

ไล่ เสี่ยวหมิน ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2021 หลังจากที่ศาลเทียนจินตัดสินคดีเขาถึงที่สุดเพียง 24 วัน

คดีของ ไล่ เสี่ยวหมิน และ การทุจริต China Huarong เป็นหนึ่งในนโยบายปราบปรามการคอร์รัปชันในแวดวงธุรกิจการเงินของ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ที่มักถูกมองเป็นแวดวงของกลุ่มผู้มีอิทธิพลสูงในรัฐบาลจีน 

ซึ่งแผนการปราบโกงในแวดวงกลุ่มคนธนาคารก็มีทั้งผู้สนับสนุนให้รัฐบาลจีนกวาดล้างการคอร์รัปชันในระบบให้เด็ดขาด และกลุ่มผู้ต่อต้าน ที่มองว่า ‘สี จิ้นผิง’ ใช้นโยบายปราบโกงเป็นเครื่องมือประหารขั้วตรงข้ามทางการเมืองของเขา 

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พายุในแวดวงสถาบันการเงินจีนยังไม่จบง่าย ๆ เมื่อทางการจีนได้ออกหมายจับกุม ‘ไป๋ เทียนฮุย’ อดีตผู้จัดการใหญ่ของ China Huarong ด้วยข้อหาทุจริต รับสินบนในวงเงินระดับพันล้านหยวนเช่นกัน และได้ถูกตัดสิน ณ ศาลของนครเทียนจินด้วยโทษประหารชีวิต ไม่ต่างจากคดีของประธานบริษัทเมื่อ 3 ปีก่อน 

นอกจากนี้ ยังมีผู้บริหารสถาบันการเงินจีน ที่ถูกดำเนินคดีทุจริตอีกหลายคนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน อาทิ หลิว เหลียงเก๋อ ประธานธนาคาร Bank of China ที่ออกมารับสารภาพหลังถูกสอบสวนว่าเขาเคยรับสินบน และปล่อยสินเชื่ออย่างผิดกฎหมาย และล่าสุด ‘หลี เสี่ยงเผิง’ ประธานใหญ่บริษัท Everbright Group ก็กำลังถูกสอบสวนดำเนินคดีจากการกระทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรงหลายข้อหาอยู่ในขณะนี้ 

ด้านผู้นำระดับสูงในคณะรัฐบาลจีนได้ประกาศในที่ประชุมโปลิตบูโร เมื่อวันจันทร์ (27 พ.ค. 67) ที่ผ่านมาว่า เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านการเงิน ผู้ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างซื่อตรง ต้องถูกตรวจสอบ และ ถูกลงโทษอย่างรุนแรง 

และกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบยุติธรรมจีนว่า ‘โกง = ประหาร’ ที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และน่าพรั่นพรึงอย่างยิ่งในสายตาคนนอกประเทศ

‘เกาหลีเหนือ’ ปล่อย ‘ลูกโป่งติดขยะ’ ลอยเข้า ‘เกาหลีใต้’ 150 ลูก ตอบโต้เอาคืน!! หลังโดนโสมขาวส่งใบปลิวต่อต้านรัฐบาลมาให้

(29 พ.ค.67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทัพเกาหลีใต้แถลงวันนี้ว่า เกาหลีเหนือได้ส่งลูกโป่งหิ้วขยะมากกว่า 150 ลูกลอยข้ามพรมแดนเข้ามาในเกาหลีใต้ หลังจากเกาหลีเหนือเตือนว่า จะตอบโต้ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ส่งลูกโป่งติดใบปลิวต่อต้านรัฐบาลเกาหลีเหนือลอยข้ามพรมแดนเข้าไปในเกาหลีเหนือ

ด้านคณะเสนาธิการร่วมหรือเจซีเอส (JCS) ของเกาหลีใต้แถลงว่า นับตั้งแต่คืนวันอังคารที่ผ่านมา ลูกโป่งเหล่านี้ได้ลอยข้ามพรมแดน 2 เกาหลีกระจายไปยังหลายพื้นที่ทั่วเกาหลีใต้ โดยลอยไปไกลที่สุดถึงจังหวัดคยองซังใต้ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ และเมื่อตกถึงพื้นก็ทำให้ขยะที่ติดมากับลูกโป่งกระจายเกลื่อนพื้น การกระทำของเกาหลีเหนือละเมิดกฎหมายสากลอย่างชัดเจน และคุกคามความปลอดภัยของประชาชนเกาหลีใต้ ขอเตือนเกาหลีเหนืออย่างจริงจังให้ยุติการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและหยาบช้า

เจซีเอสแนะนำประชาชนอย่าแตะต้องลูกโป่งและขยะที่ผูกติดมา โดยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจใกล้เคียง และเตือนว่าลูกโป่งเหล่านี้อาจสร้างความเสียหายได้หากตกลงมาใส่ ดังที่เคยทำให้ยวดยานและหลังคาบ้านเสียหายในปี 2559 เจซีเอสจะร่วมกับตำรวจและรัฐบาลหามาตรการรักษาความปลอดภัย และกำลังประสานงานกับกองบัญชาการสหประชาชาตินำโดยสหรัฐที่ดูแลความเคลื่อนไหวในเขตปลอดทหารที่แบ่ง 2 เกาหลี

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะส่งกองขยะและเศษกระดาษข้ามพรมแดนเพื่อตอบโต้ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ส่งลูกโป่งติดใบปลิวชักชวนให้ชาวเกาหลีเหนือลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาล เกาหลีเหนือเรียกร้องมาโดยตลอดให้เกาหลีใต้ยุติการกระทำนี้

‘จีน’ เปิดตัว ‘หุ่นยนต์สุนัขติดไรเฟิล’ ระหว่างซ้อมรบกับต่างชาติ ตอกย้ำ!! เทคโนโลยีสงครามของประเทศก้าวหน้าไประดับหนึ่ง

(29 พ.ค. 67) สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ในระหว่างการซ้อมรบ Golden Dragon 2024 ของกองทัพกัมพูชา และจีน กองทัพจีนได้เปิดตัว ‘หุ่นยนต์สุนัข’ ที่ติดตั้งอาวุธปืนไรเฟิลอัตโนมัติไว้ที่หลัง ซึ่งเทคโนโลยีนี้ได้เปลี่ยนเพื่อนรักแสนรู้ของมนุษย์ ไปอยู่ในรูปแบบของ ‘เครื่องจักรสังหาร’

‘เฉิน เว่ย’ ทหารจากกองทัพจีน กล่าวผ่านวิดีโอการซ้อมรบที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวซีซีทีวีของรัฐบาลจีนว่า

ในการเปิดตัวหุ่นยนต์สุนัข กองทัพจีนได้แสดงให้เห็นว่า หุ่นยนต์นี้สามารถเดิน กระโดด นอน และเดินถอยหลังได้ ภายใต้การควบคุมของรีโมตสั่งการ

นอกจากนี้ ในการซ้อมรบ กองทัพจีนยังได้เปิดตัวปืนไรเฟิลอัตโนมัติที่ติดตั้งอยู่ใต้โดรนแบบ 6 ใบพัด แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของอุปกรณ์อัจฉริยะที่ไร้มนุษย์ควบคุมของจีน

แน่นอนว่าหุ่นยนต์สุนัขที่ใช้ทางทหาร และโดรนติดตั้งอาวุธนี้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่รายงานของซีซีทีวีตอกย้ำว่า สุนัขอิเล็กทรอนิกส์แบกปืนไรเฟิลของจีน มีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมระหว่างกองทัพจีน และชาติอื่น ๆ มากขึ้น อาทิ กองทัพกัมพูชา กองทัพลาว กองทัพมาเลเซีย กองทัพไทย และกองทัพเวียดนาม

อีกทั้งยังดูเหมือนว่า หุ่นยนต์สุนัขนี้จะได้รับการประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักมากมาย เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าของกองทัพปลดปล่อยประชาชน และหุ่นยนต์ชนิดนี้ปรากฏอยู่ในโซเชียลมีเดียของจีนมาแล้วอย่างน้อย 1 ปี

ตามข้อมูลของโกลบอลไทม์ส สื่อรัฐบาลจีน ระบุว่า การปรากฏของหุ่นยนต์สุนัขสังหารในการฝึกซ้อมร่วมกับกองทัพต่างชาติบ่งชี้ถึงการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน

นักวิชาการคนหนึ่งเผยกับโกลบอลไทม์สว่า “ปกติแล้ว อุปกรณ์ใหม่ ๆ จะไม่นำมาร่วมฝึกซ้อมกับประเทศอื่น ดังนั้น หุ่นยนต์สุนัขจะต้องมีความพร้อมทางเทคนิคในระดับหนึ่งแล้ว”

เวียนว่าย!! เมื่อ 'บัตรชมพู' ทำให้ 1 ชีวิตมีหลายตัวตน 'ประวัติเสีย-หนีคดี' รอดหมด!! หากคดีไม่จรดมาถึงเมืองไทย

ในบทความครั้งที่แล้ว เอย่า ได้กล่าวถึงการฟอกขาวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ในความเป็นจริงการฟอกขาวแบบนี้เกิดขึ้นมานานแล้วในประเทศไทย

ในอดีตการฟอกขาวทำได้ยาก เนื่องจากคนที่อยากฟอกขาวจริง ๆ คือ เข้ามาสวมบัตรคนตายเป็นส่วนใหญ่ และรัฐบาลไทยเองก็มีการประกาศขึ้นทะเบียนคนต่างด้าวเป็นช่วง ๆ แต่ปัจจุบันการฟอกขาวทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งทั้งหมดต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคพลเอกประยุทธ์ที่ให้ขึ้นทะเบียนแรงงานคนต่างด้าว 

แม้การขึ้นทะเบียนจะเป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศไทย โดยการให้คนต่างด้าวที่แอบพักอาศัยในไทยมาขึ้นทะเบียนซะ เพื่อจะได้จัดเก็บอย่างเป็นระบบ แต่ทว่าในระบบดังกล่าวกลับยังมีช่องโหว่ที่ให้คนลักลอบหาผลประโยชน์ด้วยความที่ฝั่งไทยไม่ได้มีการตรวจเช็กว่าบุคคลนี้เคยทำบัตรชมพูมาหรือไม่

หลายคนพอบัตรหมดอายุ ก็เลือกจะไม่ไปต่ออายุด้วยเหตุผลหลายประการ แต่ประการหนึ่งที่เอย่าทราบคือ พวกเขาไม่ได้เดือดร้อนที่บัตรชมพูจะมีอายุหรือหมดอายุ เพราะว่าสุดท้ายทางไทยก็เปิดทำบัตรใหม่ ซึ่งเขาก็ใช้ชื่อใหม่หรือคำสะกดที่ใกล้เคียงคำเดิมไปออกบัตรใบใหม่ โดยที่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยไม่มีการเช็กประวัติอะไรเลย

นั่นคงไม่ได้มีปัญหาอะไรถ้าปัจจุบันมีชาวต่างชาติที่หลบหนีเข้ามาอาศัยในไทยเป็นจำนวนมาก หลายคนพักพิงในย่านชุมชนเมียนมาในประเทศไทยรอวันที่จะมาทำบัตร เมื่อทำบัตรแล้ว คนเหล่านี้ก็จะมีตัวตนสามารถหางานทำได้อย่างถูกต้อง แม้ว่าเขาจะเคยมีประวัติเสียหรือมีคดีมาจากประเทศต้นทางก็ตาม หากคดีไม่ได้มาถึงไทยก็เท่ากับว่าคนเหล่านี้เป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าพวกเขาจะก่อเรื่องในไทย

ถามว่านี่มันแฟร์กับคนไทยอย่างงั้นหรือ...?

เอย่าเข้าใจภาคแรงงานที่ต้องการแรงงานต้นทุนต่ำมาทำงานเพื่อลดต้นทุน อย่างไรก็ตามมาตรการในการควบคุมผู้เข้ามาอยู่ในไทย ก็ควรมีมาตรฐานด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ 1 ชีวิตมีหลายตัวตน จนฟอกขาวกลายเป็นคนไทยได้ในที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top