(31 พ.ค. 67) เอเอฟพีรายงาน กล่าวว่า เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว อัลวิน แบรกก์ อัยการเขตแมนฮัตตันในมหานครนิวยอร์กได้ยื่นฟ้องอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ในความผิดคดีอาญาฐานจ่ายเงินให้แก่บุคคลเพื่อปกปิดข้อมูลอันอาจมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2559
ทรัมป์ถูกตั้งข้อหาในความผิดทางอาญา 34 กระทง จากการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินค่าปิดปาก 130,000 ดอลลาร์ให้กับสตอร์มี แดเนียลส์ วัย 44 ปี ซึ่งเป็นดาราหนังโป๊ รวมทั้งการจ่ายเงินปิดปากนางแบบเพลย์บอย และคนเฝ้าประตู
ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี การพิจารณาคดีครั้งแรกที่ศาลอาญาแมนฮัตตันจบลงด้วยการที่ทรัมป์ วัย 77 ปี ถูกตัดสินว่ามีความผิดใน 34 กระทงดังกล่าวตามคำฟ้องของอัยการ และผู้พิพากษาฮวน เมอร์ชานเสนอให้เขาต้องโทษจำคุก
จากนั้น ทรัมป์ซึ่งได้รับการปล่อยตัวโดยไม่ต้องอาศัยหลักประกันและเตรียมยื่นอุทธรณ์ในขั้นตอนต่อไป ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังออกจากศาลและประณามผลการตัดสินของคณะลูกขุนว่า ‘ขี้โกง’ และ ‘น่าอับอาย’ โดยท้าให้รอดูคำตัดสินที่แท้จริงที่จะมาจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายน
ทั้งนี้ คณะลูกขุนทั้ง 12 คนใช้เวลาพิจารณาอรรถคดีนานกว่า 11 ชั่วโมงในช่วงเวลา 2 วัน ก่อนประกาศข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ภายในไม่กี่นาที โดยตัวตนของพวกเขาทั้ง 12 คนถูกเก็บเป็นความลับตลอดการพิจารณาคดี ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่มักพบบ่อยในกรณีที่เกี่ยวข้องกับมาเฟียหรือจำเลยที่มีอิทธิพล
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงมีสิทธิ์ในการรณรงค์แคมเปญเลือกตั้งประธานาธิบดีต่อไป จนกว่าจะถึงวันที่ 11 กรกฎาคมที่คณะลูกขุนจะพิจารณาว่าจะตัดสินโทษออกมาแบบใด และจะตัดสิทธิ์ลงรับสมัครของเขาหรือไม่
ช่วงเวลาดังกล่าวจะคาบเกี่ยวกับการประชุมใหญ่ระดับชาติของพรรครีพับลิกันในเมืองมิลวอกี ซึ่งทรัมป์มีกำหนดได้รับการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการจากพรรคเพื่อเป็นตัวแทนในการเผชิญหน้ากับโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต
ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าสั่งการให้ไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความส่วนตัวจัดเตรียมการจ่ายเงินให้แดเนียลส์ก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2559 เพื่อไม่ให้แพร่งพรายความสัมพันธ์ลับ ๆ ที่เคยมีต่อกันที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในทะเลสาบทาโฮ
จากนั้นมีการจ่ายเงินอีก 30,000 ดอลลาร์เพื่อปิดปากของอดีตคนเฝ้าประตูทรัมป์ทาวเวอร์ที่รู้ข้อมูลลับว่าทรัมป์มีบุตรนอกสมรส และจ่ายเงิน 150,000 ดอลลาร์ให้กับคาเรน แม็คดูกัล นางแบบนิตยสารเพลย์บอย เพื่อแลกกับการไม่เปิดเผยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศที่ยาวนานเกือบหนึ่งปีในฐานะชู้รักกับทรัมป์
ในการพิจารณาคดี สตอร์มี แดเนียลส์ (ซึ่งมีชื่อจริงว่าสเตฟานี คลิฟฟอร์ด) ได้อธิบายต่อศาลอย่างละเอียดถึงสิ่งที่เธอบอกว่าเป็นการมีเพศสัมพันธ์กับทรัมป์ที่แต่งงานแล้วในปี 2549 และคำให้การดังกล่าวช่วยให้อัยการประสบความสำเร็จในการดำเนินคดีปกปิดการจ่ายเงินอย่างผิดกฎหมายอันเป็นส่วนหนึ่งของอาชญากรรมในวงกว้างเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลงคะแนนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของตัวทรัมป์เอง ซึ่งเป็นการโน้มน้าวการเลือกตั้งด้วยความทุจริต
ขณะที่ทนายฝ่ายจำเลยแย้งแทนลูกความว่า ‘การพยายามโน้มน้าวการเลือกตั้งเป็นเพียงการแสดงออกตามครรลองประชาธิปไตย และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ไม่ได้ทำอะไรผิด’
ความเพลี่ยงพล้ำของทรัมป์ในครั้งนี้ทำให้ทีมหาเสียงของโจ ไบเดนออกแถลงการณ์ขยี้ซ้ำว่า กระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาคดีแสดงให้เห็นแล้วว่า ‘ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย’ และเสริมว่า ‘ภัยคุกคามจากชายชื่อโดนัลด์ ทรัมป์มีผลใหญ่หลวงต่อประชาธิปไตยของประเทศยิ่งนัก’
แม้การพิจารณาคดีดังกล่าวทำให้ทรัมป์เสียสมาธิจากการรณรงค์หาเสียงเพื่อขับไล่ไบเดนออกจากทำเนียบขาว แต่เขากลับใช้โอกาสมาขึ้นศาลแต่ละครั้งในการเรียกร้องความสนใจจากสื่อไปทั่ว โดยกล่าวปราศรัยต่อหน้ากล้องของสื่อมวลชนอยู่เสมอ ในประเด็นการตกเป็นเหยื่อทางการเมือง
ตามทฤษฎีแล้ว ทรัมป์อาจเผชิญโทษจำคุกสูงสุด 4 ปีสำหรับการปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจแต่ละครั้ง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายกล่าวว่า ในฐานะผู้กระทำผิดครั้งแรก เขาไม่น่าจะถึงขั้นโดนจำคุกจริงและอาจโดนแค่คุมประพฤติ ส่วนกระบวนการการอุทธรณ์อาจใช้เวลาอีกหลายเดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์
ทว่าหลังจากนี้ โดนัลด์ ทรัมป์อาจเผชิญอีกหนึ่งข้อหาที่หนักหน่วง คือสมรู้ร่วมคิดล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2563 จากกรณียุยงผู้สนับสนุนให้บุกโจมตีรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 และข้อหาแอบเก็บเอกสารลับทางราชการและไม่ยอมส่งคืนหลังหมดวาระจากทำเนียบขาว