Friday, 26 April 2024
EDUCATION NEWS

พร้อมไม่พร้อม!! เช็คลิสต์ เรื่องที่ต้องรู้ก่อนสอบ TCAS65 ????????

ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้จัดทำระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา TCAS ปีการศึกษา 2565 ได้มีการพิจารณาแนวทางการคัดเลือกระบบ TCAS65 โดยมีมติยุติการใช้คะแนนโอเน็ตในการคัดเลือกในรูปแบบ Admission2 เพื่อลดภาระการสอบให้บริมาณที่ลดน้อยลง พร้อมนำเสนอ (ร่าง) รูปแบบการคัดเลือกในระบบการคัดเลือกกลางบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2565 (TCAS65) เป็น 4 รอบ 4 รูปแบบ ดังนี้

1. Portfolio รับตรงโดยใช้แฟ้มสะสมผลงาน
ใช้แฟ้มสะสมผลงานเป็นเครื่องมือแสดงความโดดเด่น ความสนใจ ความถนัด ความสามารถพิเศษ ความเป็นเลิศ หรือมีผลงานที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกับคณะที่จะเข้าศึกษา 

สมัครกับ : มหาวิทยาลัย
เกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือก : GPAX, Portfolio, คะแนนสอบวิชาเฉพาะ, คะแนนสอบภาษาอังกฤษ

2. Quota รับตรงโควตาตามเกณฑ์ที่แต่ละมหาวิทยาลัยกำหนด
รอบนี้เป็นรอบของโควตาตามกฎเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด เช่น โควตาโรงเรียนที่มีเครือข่ายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย โควตาเรียนดี / มีความสามารถพิเศษ, โควตาเขตพื้นที่, โควตากระจายโอกาสให้เด็กที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือโควตารูปแบบต่าง ๆ

สมัครกับ : มหาวิทยาลัย
เกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือก : GPAX, GAT/PAT, วิชาสามัญ, คะแนนสอบวิชาเฉพาะ, คะแนนสอบภาษาอังกฤษ

3. Admission รับตรงร่วมกัน
รอบรับตรงร่วมกัน ทุกสถาบันจะเปิดรับสมัครพร้อมกัน ในวันและเวลาเดียวกัน โดยจำกัดการเลือกไว้ตามจำนวนอันดับที่ ทปอ.กำหนด และที่สำคัญคือ ใช้คะแนนสอบเป็นหัวใจในการคัดเลือก 

สมัครกับ : mytcas.com
เกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือก : GPAX, GAT/PAT, วิชาสามัญ, คะแนนสอบวิชาเฉพาะ

-เลือกได้จำกัดจำนวน เรียงตามลำดับความชอบ (รอสรุปจำนวนจาก ทปอ.)
-กสพท อยู่ในรอบนี้
-มหาวิทยาลัยกำหนดเกณฑ์ตรงของใครของมัน แต่รับสมัครผ่าน ทปอ.
-ทปอ. ประกาศผลการติดเพียง 1 อันดับ 
-Double Sorting ประมวลผล 2 รอบ

4. Direct Admission รับตรงอิสระ
รอบเก็บตก ปลายทางรอบสุดท้ายของระบบ จำนวนรับน้อยที่สุด และบางสถาบันก็ไม่ได้เปิดรับในรอบนี้ 

สมัครกับ : มหาวิทยาลัย
เกณฑ์ที่ใช้ในการคัดเลือก : GPAX, GAT/PAT, วิชาสามัญ

ทุกรอบต้อง Clearing House ผ่านระบบ mytcas ของ ทปอ.
แม้ว่าระบบการคัดเลือกจะเป็นระบบการรับตรง แต่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและช่วยกระจายโอกาสอย่างเสมอภาค ตามหลักการของ TCAS ที่กำหนดให้ทุกคนมี 1 สิทธิ์เท่าเทียมกัน ดังนั้น ไม่ว่าจะติดรอบใดก็ตาม จะต้องเข้ามา Clearing House หรือยืนยันสิทธิ์ในระบบ mytcas ซึ่งเป็นระบบที่ใช้บริหารจัดการสิทธิ์ในระบบ TCAS (ยกเว้นคนที่ติดในรอบที่ 4 Direct Admission ไม่ต้องเข้ามายืนยันสิทธิ์ในระบบของทปอ. แต่ให้ไปยืนยันสิทธิ์กับมหาวิทยาลัยที่ติดได้เลย) 


ขอบคุณข้อมูล: https://www.admissionpremium.com/content/6340
https://www.trueplookpanya.com/tcas/article/detail/87856

ใครมีสกิลทำอาหาร ยกมือขึ้น!! สพฐ. เชิญชวนนักเรียนมัธยมฯ แข่งขันทำอาหาร ต่อยอดอาชีพเชฟมือทอง ในรายการแข่งขัน “สุดยอดเชฟนักคิด สู่นักธุรกิจรุ่นเยาว์”

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย (สมป.) จับมือกับดุสิตธานีและเชฟพล ตัณฑเสถียร จัดแข่งขันประลองฝีมือนักเรียนมัธยมศึกษา ที่ชอบการทำอาหาร ในรายการแข่งขัน “สุดยอดเชฟนักคิด สู่นักธุรกิจรุ่นเยาว์” ขานรับนโยบาย สพฐ. ด้านการสร้างโอกาสและคุณภาพนักเรียน ค้นหาเชฟมือทองรุ่นเยาว์ ที่อนาคตจะประสบความสำเร็จในอาชีพธุรกิจการประกอบอาหาร

ทั้งนี้ จะมีการแข่งขันระดับภูมิภาคก่อน เพื่อคัดเลือกทีมที่ชนะมาแข่งขันกันที่ส่วนกลางวิทยาลัยดุสิตธานี ซึ่งจะเริ่มรับสมัครระหว่างวันที่ 10-31 กรกฎาคม 2564 โดยศูนย์ภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน อุตรดิตถ์ พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย กำแพงเพชร และจังหวัดตาก ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] โทรศัพท์ 09-5497-9516, 08-6182-8187

ศูนย์ภาคกลาง จังหวัดชัยนาท นครนายก นครปฐม นครสรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สิงห์บุรี สุพรรณบุรี สระบุรี อ่างทอง อุทัยธานี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตราด ปราจีนบุรี ระยอง สระแก้ว กาญจนบุรี เพชรบุรี และจังหวัดราชบุรี ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] หรือ [email protected] โทรศัพท์ 09-3846-8702, 08-3915-9625

ศูนย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด เลย สกลนคร สุรินทร์ ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] โทรศัพท์ 08-2545-9678

ศูนย์ภาคใต้ จังหวัดกระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สงขลา สุราษฎร์ธานี ยะลา และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่งใบสมัครที่ Email:yothinkhon@hotmailçom โทรศัพท์ 08-6270-7446

และศูนย์กรุงเทพมหานคร ส่งใบสมัครที่ Email:[email protected] โทรศัพท์ 08-8560-9600

โดยทีมชนะเลิศจะได้รับรางวัลเงินสดพร้อมโล่เกียรติยศ รางวัลที่ 1 เงินสด 50,000 บาท รางวัลที่ 2 เงินสด 30,000 บาท และรางวัลที่ 3 เงินสด 20,000 บาท

ลิงก์ใบสมัคร 
https://drive.google.com/file/d/19P9TFGOa2Y1itxXQq-EhQddM1Ug15HSE/view?usp=sharing


ที่มา:

https://www.facebook.com/101216422215115/posts/102618908741533/?d=n
https://www.matichon.co.th/publicize/news_2788659

จัดเต็ม!! คอนเทนต์เพื่อการศึกษา 1 ก.ค. นี้ แหล่งรวมสาระเพื่อ “การศึกษาและการพัฒนาตัวเอง ” ????????

ทุกคอนเทนต์ จัดเต็มทุกวัน จันทร์-อาทิตย์

✅ข่าวการศึกษา

✅คอลัมนิสต์

✅ข้อมูลโรงเรียนและมหาวิทยาลัยชื่อดัง

✅ข้อมูลการศึกษาทั้งไทยและต่างประเทศ

✅บุคคลในแวดวงการศึกษาที่น่าสนใจ

✅บทความ เทคนิคการพัฒนาตัวเอง

✅รายการสัมภาษณ์ THE STUDY TIMES STORY

ขนกันมาแบบจัดเต็ม!!

เพราะเราคือ THE STUDY TIMES สำนักข่าวการศึกษาออนไลน์สำหรับทุกคน????✏

Education News Agency for All

????ติดตามได้ทางเว็บไซต์, Facebook, LINE, YouTube, IG และ TiktTok ???? THE STUDY TIMES

‘หมอโอ๊ค สมิทธิ์’ นายแพทย์หน้าใส หนุ่มหล่อโปรไฟล์ดี ดีกรีเกียรตินิยม

“นายแพทย์สมิทธิ์ อารยะสกุล” หรือ “หมอโอ๊ค” จบการศึกษาจากโรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการศึกษา เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมปลายจึงเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งหมอโอ๊คก็เรียนดีจนสามารถคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาครองได้สำเร็จ 

หลังจากจบปริญญาตรี หมอโอ๊คก็ศึกษาต่อปริญญาโท ทางด้านตจวิทยา (ผิวหนัง) ที่ศูนย์ผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

ปัจจุบัน หมอโอ๊คได้ทำงานสายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังอย่างเต็มตัว มีการเปิดคลินิกผิวหนังชื่อ “Smith Prive' Aesthetique” 


ที่มา: https://www.sanook.com/campus/1370999/

โรงเรียนกวางตง จ. สุโขทัย จัดการเรียนการสอนรูปแบบออนไลน์ จูงใจเด็กสนุกไปกับกิจกรรมที่น่าสนใจ ไม่เบื่อการเรียน

นางสมใจ สุจริต ผู้อำนวยการโรงเรียนกวางตง โรงเรียนประถมศึกษารูปแบบการเรียนการสอนภาษาต่างชาติและภาษาจีนชื่อดังของจังหวัดสุโขทัย ได้จัดวิถีการเรียนการสอนรูปแบบ โรงเรียนกวางตง savesukhothai และขอความร่วมมือแจ้งเรียนผู้ปกครองทุกท่าน เนื่องด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โรงเรียนกวางตง มีความพร้อมในการวางมาตรการ การป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในสถานศึกษา และปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงศึกษาธิการ และศบค. อย่างเคร่งครัด 

ในระหว่างเด็กๆ อยู่ที่บ้าน โรงเรียนเลื่อนการเปิดเทอม โรงเรียนกวางตงได้จัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Zoom เด็กๆ จะได้เรียนรู้สื่อประกอบการเรียนรู้ 3 ภาษา เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน สนุกไปกับกิจกรรมที่น่าสนใจ กิจกรรมศิลปะ การทดลองวิทยาศาสตร์ การออกกำลังกาย ในแต่ละกิจกรรม เด็กๆ และผู้ปกครองสามารถร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมได้ ด้วยความห่วงใยจากโรงเรียนกวางตง ร่วมกับเด็กๆ และผู้ปกครอง ห่างไกลโควิด กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ และเข้มงวดในการสวมใส่แมสป้องกันให้เป็นระบบและมีความปลอดภัย

คณะครูและผู้บริหารโรงเรียนกวางตง มีความพร้อมในการเปิดภาคเรียน ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยทั้งเด็ก ครู บุคลากร และผู้ปกครอง โดยมีคณะผู้บริหาร ที่ปรึกษา กรรมการสถานศึกษา สมาคมฯ ที่คอยกำกับดูแล คอยเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด และขอขอบพระคุณที่ผู้ปกครองที่ไว้วางใจนำบุตรหลานมาเรียนโรงเรียนกวางตง โรงเรียนกวางตงจะดูแลบุตรหลานของท่านด้วยใจ

สวย เก่ง ต้องยกให้เธอคนนี้!! "ปราง กัญญ์ณรัณ" นักแสดงสาวสวยหน้าคม ทั้งร้องเพลงเก่ง เล่นดนตรีได้ และยังเป็นสาวที่เรียนเก่งอีกคนหนึ่งของวงการบันเทิง

“ปราง กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล” นอกจากผลงานทางด้านการแสดงที่ขึ้นชื่อแล้ว เธอยังมีพรสวรรค์ทั้งร้องเพลงเก่ง เล่นดนตรีได้ เดี่ยวไวโอลินให้ผู้ฟังได้เคลิบเคลิ้มอยู่บ่อยครั้ง และยังเป็นสาวที่เรียนเก่งมากอีกคนหนึ่งของวงการบันเทิงด้วย 

การศึกษา :
•  ระดับประถม โรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบอน
•  ระดับมัธยม โรงเรียนสารสาสน์วิเทศบางบอน / Trinity International School
•  ระดับปริญญาตรี วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการ (เกียรตินิยมอันดับ 1 เกรดเฉลี่ย 3.78)

ตั้งแต่ระดับมัธยมเธอก็เรียกว่าเป็นคนที่เรียนดีมาตลอด โดยเธอได้เข้าศึกษาที่ สาขาการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล และเรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 เกรดเฉลี่ย 3.78 เรียกว่าเป็นสาวสวย เรียนเก่ง และผลงานการทำงานด้านวงการบันเทิงดีแบบครบเครื่องเลยทีเดียว


ที่มา:

https://campus.campus-star.com/variety/42669.html
https://www.sanook.com/campus/1404195/

วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตรงกับวันที่ ๓ มิถุนายน ของทุกปี

สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๑ ณ ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีพระนามเดิมว่า สุทิดา ติดใจ เป็นธิดาของคำ ติดใจ กับคุณหญิงจั่งเฮียง ติดใจครอบครัวของพระองค์เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ทรงเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัยสมบูรณ์กุลกันยา

จากนั้นจึงทรงเข้าศึกษาหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต ณ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จนจบการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ต่อมาทรงเข้าเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริษัท แจลเวย์ จำกัด เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ - พ.ศ. ๒๕๔๖ และทรงเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๖ - พ.ศ. ๒๕๕๑

วันที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต จึงทรงได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระราชินีสุทิดา ทรงดำรงตำแหน่งพระอิสริยยศ ฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ สถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระราชินีขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินี ทรงพระนามว่า สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี

เมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๒ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ ๓ มิถุนายนของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เป็นวันหยุดราชการประจำปี ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ


ที่มา: https://www.m-culture.go.th/phatthalung/ewt_news.php?nid=2462&filename=index

ศธ. ออกประกาศ ลดค่าเทอม สั่งโรงเรียนยึดหลักคืนเงิน-ผ่อนผัน ลดภาระค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2564

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ปกครองร้องเรียนเรื่องการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ของสถานศึกษา เข้ามาที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จำนวนมาก ได้รับทราบปัญหาและมีนโยบายให้ต้นสังกัดของโรงเรียนและสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของ ศธ.ไปดำเนินการแก้ไขปัญหา

“เมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา ดิฉันได้ลงนามในประกาศ ศธ. เรื่องแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นแล้ว โดยในประกาศดังกล่าวระบุว่า อนุสนธิประกาศ ศธ. เรื่องการเลื่อนเวลาเปิดภาคเรียนที่ 1 ประจำปีการศึกษา 2564 ลงวันที่ 19 พ.ค. 2564 เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของ ศธ. จัดการเรียนการสอนเฉพาะรูปแบบการจัดการศึกษาทางไกล และหากบางโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่มีความพร้อมและประสงค์จะจัดการศึกษาในรูปแบบ On-site (เรียนที่โรงเรียน) สามารถทำได้ แต่จะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินความพร้อมของระบบ Thai StopCOVID Plus (TSC+) และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก่อน”

ด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนดังกล่าว ทำให้มีโรงเรียนหรือสถานศึกษาบางแห่งได้มีการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นจากผู้ปกครอง ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ปกครองในสถานการณ์ปัจจุบัน ศธ.จึงกำหนดแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัด หรือในกำกับของ ศธ. ถือปฏิบัติ ดังนี้

1.) กรณีที่ได้มีการเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นไปแล้ว ให้ “คืนเงิน” บำรุงการศึกษาหรือค่าธรรมเนียมในส่วนที่ไม่ได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระหว่างที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

2.) กรณีที่มีความจำเป็นต้องเรียกเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น เพื่อใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน อาจพิจารณา “ผ่อนผันหรือขยายระยะเวลาการเรียกเก็บ” เงินบำรุงการศึกษา หรือค่าธรรมเนียมดังกล่าวตามความเหมาะสมเป็นกรณีไป

3.) พิจารณาให้ความ “ช่วยเหลือ” ในกรณีที่ผู้ปกครองของนักเรียน นักศึกษา ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวตามความจำเป็นเหมาะสม

4.) ให้หน่วยงานต้นสังกัดหรือที่กำกับโรงเรียนหรือสถานศึกษา แจ้งเวียนไปยังสถานศึกษาในสังกัด หรือในกำกับให้ปฏิบัติตามประกาศนี้

ทั้งนี้ ให้เป็นแนวปฏิบัติตั้งแต่ปีการศึกษา 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น


ที่มา: https://www.prachachat.net/education/news-680490

คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน แจ้งความ 39 กวดวิชาเถื่อน เปิดแฟรนไชส์ไม่ได้รับอนุญาต โฆษณาเกินจริง หลอกลวงลงทุนธุรกิจการศึกษา กว่า 8 พันล้านบาท

นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เข้าแจ้งความเอาผิด โรงเรียนนอกระบบ 39 แห่ง ใน 31 จังหวัด หลังตรวจพบมีการโฆษณาเกินจริง พร้อมชวนลงทุนโดยอ้างว่า จะช่วยสร้างแผนการตลาด ลงทุนในธุรกิจการศึกษา มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท

นายอรรถพล ระบุว่า มีประชาชนได้ร้องเรียนเข้ามาว่า มีโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี ได้สร้างความเดือดร้อน จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ โดยในเบื้องต้นพบว่า โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนเอกชนนอกระบบ ชื่อที่ขออนุญาตจัดตั้งคือ สร้างเสริมทักษะภาษาอังกฤษแฮมโกร์วอิง จ.อุบลราชธานี ต่อมาได้มีการขยายแฟรนไชส์ไปทั่วประเทศ และเปิดสอนโดยไม่ได้ขออนุญาตจัดตั้ง

ถือว่า มีความผิดตามพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 120 การจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบต้องได้รับการอนุญาตจากสช. หากไม่ได้รับอนุญาตถือว่ามีความผิดตามกฎหมายโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีการโฆษณาเกินจริง ชวนลงทุนอ้างว่าจะช่วยสร้างแผนการตลาด ลงทุนในธุรกิจการศึกษา มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท มีโฆษณาทั้งทางทีวี และโซเชียล ค่าแฟรนไชส์ในการลงทุนอยู่ที่ 390,000 บาท ให้สิทธิ 1 อำเภอ 1 สาขา ขายแฟรนไชส์ไปแล้ว 64 แห่ง สอนภาษาอังกฤษเด็กอายุ 4-12 ปีและยังมีแยกย่อยเป็นคอร์ส 5-6 ขวบ คอร์สละ 2,900 บาท 3-4 ขวบ คอร์สละ 1,500 บาท”

“ดังนั้น สช.จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ทั้ง 31 จังหวัด โรงเรียนเอกชนนอกระบบดังกล่าว ซึ่งเปิดสอนโดยไม่ได้ขออนุญาตตั้งอยู่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษในจังหวัดของตัวเอง ภายใน 7 วัน ขณะที่ สช.ได้แจ้งกรมสรรพากร ตรวจสอบการชำระภาษี และแจ้งต่อสำนักงานตรวจสอบคนเข้าเมือง (สตม.) ตรวจสอบครู/ผู้สอบชาวต่างชาติว่า ได้เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่”


ที่มา: https://www.prachachat.net/general/news-677132

ในปีนี้ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยืนยันชัดเจนว่าเด็กทุกคนต้องมีที่เรียน นักเรียนพลาดสอบเข้า "ม.1 และ ม.4" ต้องไป "เขตพื้นที่การศึกษา"

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำหรับนักเรียนที่พลาดการจับฉลาดหรือการสอบ สามารถยื่นความจำนงเพื่อจัดหาที่เรียนได้ โดยสพฐ. ได้เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนและผู้ปกครอง มอบหมายให้ "เขตพื้นที่การศึกษา" ทุกเขตสำรวจที่ว่างของโรงเรียนทุกโรงภายในเขตพื้นที่ เพื่อเตรียมบัญชีจัดหาที่เรียนให้เด็กที่ยังไม่มีที่เรียน

“ผู้ปกครองสามารถพานักเรียนไปยื่นความจำนงไปที่ "เขตพื้นที่การศึกษา" ได้เลย หรือจะยื่นผ่านทาง "ระบบออนไลน์" ก็ได้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเดินทางและเป็นการรักษาระยะห่างตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วย จากนั้นเขตพื้นที่จะดำเนินการจัดหาที่เรียนให้นักเรียนภายในกำหนดเวลา เพื่อให้สามารถเริ่มเรียนได้ทันวันที่ 1 มิ.ย. 2564 พร้อมกัน เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าปีนี้เด็กจะมีที่เรียนทุกคน ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่าลูกจะไม่มีที่เรียน” นายอัมพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ผู้ปกครองกังวลการสอบเข้า “ม.1 และ ม.4” โดยเฉพาะ ม.4 ที่มีการมอบตัวในวันที่ 30 พ.ค. 2564 เกรงว่าเด็กจะมีที่เรียนไม่ครบ เพราะเวลากระชั้นชิดเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 มิ.ย. 2564 นั้น

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า การสอบเข้า “ม.1 และ ม.4” เมื่อประกาศผลตามปฏิทินที่กำหนดไว้คือ ม.1 วันที่ 24 พ.ค. และ ม.4 วันที่ 25 พ.ค. เราทราบทันทีว่าเด็กคนไหนสอบได้หรือไม่ได้กี่คน ถือว่ามีเวลาเตรียมตัวอีก 1 สัปดาห์ เพื่อจัดหาที่เรียนให้เด็กที่พลาดโอกาส

ขณะนี้ สพฐ.ได้แจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกแห่งเตรียมพร้อมรอบด้านไว้แล้ว เช่น โรงเรียนแห่งหนึ่งมียอดผู้สมัคร 200 คน แต่รับได้ 40 คน สพท.จะสำรวจจำนวนผู้สมัครทั้ง 200 คนทันทีว่าหากพลาดโอกาสสอบเข้าได้จะต้องได้ที่เรียนที่ไหนบ้าง ซึ่ง สพฐ. ได้สำรวจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อถึงวันประกาศผลสอบใครสอบได้ข้อมูลจะถูกลบออกทันที เหลือข้อมูลเด็กที่สอบไม่ได้ทุกคนจะทราบทันทีว่าตัวเองถูกจัดให้เข้าที่โรงเรียนไหน ผู้ปกครองไม่ต้องกังวล เด็กทุกคนจะมีที่เรียนก่อนเปิดเทอมอย่างแน่นอน

นายอัมพร กล่าวต่อว่าสำหรับจำนวนนักเรียนต่อห้อง ให้โรงเรียนรับนักเรียนชั้นก่อนประถมศึกษา ห้องละไม่เกิน 30 คน ให้โรงเรียนรับนักเรียนชั้นป.1 ห้องละไม่เกิน 40 คน ให้โรงเรียนนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ห้องละไม่เกิน 40 คน

กรณีที่มีความจำเป็นต้องรับนักเรียนมากกว่า 40 คน ให้โรงเรียนจัดทำแผนการรับนักเรียน เป็น 3 ระยะ ดังนี้ ปีการศึกษา 2564 กำหนดห้องละไม่เกิน 40 คน กรณีที่มีความจำเป็นให้เพิ่มได้อีกห้องละไม่เกิน 4 คน (ร้อยละ 10) ปีการศึกษา 2565 กำหนดห้องละไม่เกิน 40 คน กรณีที่มีความจำเป็นให้เพิ่มได้อีกห้องละไม่เกิน 2 คน (ร้อยละ 5) และปีการศึกษา 2566 กำหนดห้องละไม่เกิน 40 คน โดยไม่ให้เพิ่มจำนวนนักเรียนต่อห้อง

“กรณีที่มีความจำเป็นต้องรับนักเรียนมากกว่า 40 คน ให้โรงเรียนเสนอคณะกรรมการรับนักเรียนของโรงเรียนให้ความเห็น และเสนอคณะกรรมการรับนักเรียนระดับเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา โดยให้คำนึงถึงผลกระทบกับจำนวนนักเรียนที่จะเกิดขึ้นกับโรงเรียนที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานรอบข้าง และโรงเรียนทุกสังกัดด้วย” นายอัมพร กล่าว

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ได้รับทราบให้สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เลื่อนการ "เปิดภาคเรียน" ที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จากวันที่ 1 มิ.ย.2564 ออกไปอีก เป็นวันที่ 14 มิ.ย.2564 ตามที่ ศธ.เสนอ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยและระวังป้องกันนักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา ไม่ต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อโควิด 19 และเพื่อให้มีระยะเวลารับการฉีดวัคซีนของครูและบุคลากรทางการศึกษา และรองรับการย้ายสถานศึกษาของนักเรียนในแต่ละช่วงชั้น

การเลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 หากมีสถานศึกษาใดในพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่สีแดง และพื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม ประสงค์จะดำเนินการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 เป็นต้นไป ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้น ดำเนินการประเมินความพร้อมตามระบบ Thai Stop COVID Plus ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่มี 44 ข้อ โดยต้องผ่านทุกข้อ และต้องเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่ออนุญาตให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้นสามารถจัดการเรียนการสอนได้ก่อนวันที่ 14 มิ.ย. 2564

ส่วนโรงเรียนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ หากต้องการเปิดสอนก่อน สามารถจัดการเรียนได้ในรูปแบบการสอนออนไลน์ และออนแอร์เท่านั้น ทั้งนี้ถึงแม้โรงเรียนจะเปิดไม่พร้อมกัน แต่ต้องปิดเทอมพร้อมกันในวันที่ 15 ต.ค. 2564 เพื่อไม่กระทบกับปฏิทินการสอบต่าง ๆ


ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/940185


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top