ในปีนี้ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยืนยันชัดเจนว่าเด็กทุกคนต้องมีที่เรียน นักเรียนพลาดสอบเข้า "ม.1 และ ม.4" ต้องไป "เขตพื้นที่การศึกษา"

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำหรับนักเรียนที่พลาดการจับฉลาดหรือการสอบ สามารถยื่นความจำนงเพื่อจัดหาที่เรียนได้ โดยสพฐ. ได้เตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนและผู้ปกครอง มอบหมายให้ "เขตพื้นที่การศึกษา" ทุกเขตสำรวจที่ว่างของโรงเรียนทุกโรงภายในเขตพื้นที่ เพื่อเตรียมบัญชีจัดหาที่เรียนให้เด็กที่ยังไม่มีที่เรียน

“ผู้ปกครองสามารถพานักเรียนไปยื่นความจำนงไปที่ "เขตพื้นที่การศึกษา" ได้เลย หรือจะยื่นผ่านทาง "ระบบออนไลน์" ก็ได้ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเดินทางและเป็นการรักษาระยะห่างตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ด้วย จากนั้นเขตพื้นที่จะดำเนินการจัดหาที่เรียนให้นักเรียนภายในกำหนดเวลา เพื่อให้สามารถเริ่มเรียนได้ทันวันที่ 1 มิ.ย. 2564 พร้อมกัน เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่าปีนี้เด็กจะมีที่เรียนทุกคน ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลว่าลูกจะไม่มีที่เรียน” นายอัมพร กล่าว

อย่างไรก็ตาม กรณีที่ผู้ปกครองกังวลการสอบเข้า “ม.1 และ ม.4” โดยเฉพาะ ม.4 ที่มีการมอบตัวในวันที่ 30 พ.ค. 2564 เกรงว่าเด็กจะมีที่เรียนไม่ครบ เพราะเวลากระชั้นชิดเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 มิ.ย. 2564 นั้น

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า การสอบเข้า “ม.1 และ ม.4” เมื่อประกาศผลตามปฏิทินที่กำหนดไว้คือ ม.1 วันที่ 24 พ.ค. และ ม.4 วันที่ 25 พ.ค. เราทราบทันทีว่าเด็กคนไหนสอบได้หรือไม่ได้กี่คน ถือว่ามีเวลาเตรียมตัวอีก 1 สัปดาห์ เพื่อจัดหาที่เรียนให้เด็กที่พลาดโอกาส

ขณะนี้ สพฐ.ได้แจ้งให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทุกแห่งเตรียมพร้อมรอบด้านไว้แล้ว เช่น โรงเรียนแห่งหนึ่งมียอดผู้สมัคร 200 คน แต่รับได้ 40 คน สพท.จะสำรวจจำนวนผู้สมัครทั้ง 200 คนทันทีว่าหากพลาดโอกาสสอบเข้าได้จะต้องได้ที่เรียนที่ไหนบ้าง ซึ่ง สพฐ. ได้สำรวจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อถึงวันประกาศผลสอบใครสอบได้ข้อมูลจะถูกลบออกทันที เหลือข้อมูลเด็กที่สอบไม่ได้ทุกคนจะทราบทันทีว่าตัวเองถูกจัดให้เข้าที่โรงเรียนไหน ผู้ปกครองไม่ต้องกังวล เด็กทุกคนจะมีที่เรียนก่อนเปิดเทอมอย่างแน่นอน

นายอัมพร กล่าวต่อว่าสำหรับจำนวนนักเรียนต่อห้อง ให้โรงเรียนรับนักเรียนชั้นก่อนประถมศึกษา ห้องละไม่เกิน 30 คน ให้โรงเรียนรับนักเรียนชั้นป.1 ห้องละไม่เกิน 40 คน ให้โรงเรียนนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 ห้องละไม่เกิน 40 คน

กรณีที่มีความจำเป็นต้องรับนักเรียนมากกว่า 40 คน ให้โรงเรียนจัดทำแผนการรับนักเรียน เป็น 3 ระยะ ดังนี้ ปีการศึกษา 2564 กำหนดห้องละไม่เกิน 40 คน กรณีที่มีความจำเป็นให้เพิ่มได้อีกห้องละไม่เกิน 4 คน (ร้อยละ 10) ปีการศึกษา 2565 กำหนดห้องละไม่เกิน 40 คน กรณีที่มีความจำเป็นให้เพิ่มได้อีกห้องละไม่เกิน 2 คน (ร้อยละ 5) และปีการศึกษา 2566 กำหนดห้องละไม่เกิน 40 คน โดยไม่ให้เพิ่มจำนวนนักเรียนต่อห้อง

“กรณีที่มีความจำเป็นต้องรับนักเรียนมากกว่า 40 คน ให้โรงเรียนเสนอคณะกรรมการรับนักเรียนของโรงเรียนให้ความเห็น และเสนอคณะกรรมการรับนักเรียนระดับเขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา โดยให้คำนึงถึงผลกระทบกับจำนวนนักเรียนที่จะเกิดขึ้นกับโรงเรียนที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานรอบข้าง และโรงเรียนทุกสังกัดด้วย” นายอัมพร กล่าว

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่าศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศปก.ศบค.) ได้รับทราบให้สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เลื่อนการ "เปิดภาคเรียน" ที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จากวันที่ 1 มิ.ย.2564 ออกไปอีก เป็นวันที่ 14 มิ.ย.2564 ตามที่ ศธ.เสนอ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยและระวังป้องกันนักเรียน นักศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา ไม่ต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อโควิด 19 และเพื่อให้มีระยะเวลารับการฉีดวัคซีนของครูและบุคลากรทางการศึกษา และรองรับการย้ายสถานศึกษาของนักเรียนในแต่ละช่วงชั้น

การเลื่อนเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 หากมีสถานศึกษาใดในพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือพื้นที่สีแดง และพื้นที่ควบคุม หรือพื้นที่สีส้ม ประสงค์จะดำเนินการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.2564 เป็นต้นไป ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้น ดำเนินการประเมินความพร้อมตามระบบ Thai Stop COVID Plus ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่มี 44 ข้อ โดยต้องผ่านทุกข้อ และต้องเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่ออนุญาตให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาแห่งนั้นสามารถจัดการเรียนการสอนได้ก่อนวันที่ 14 มิ.ย. 2564

ส่วนโรงเรียนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี และสมุทรปราการ หากต้องการเปิดสอนก่อน สามารถจัดการเรียนได้ในรูปแบบการสอนออนไลน์ และออนแอร์เท่านั้น ทั้งนี้ถึงแม้โรงเรียนจะเปิดไม่พร้อมกัน แต่ต้องปิดเทอมพร้อมกันในวันที่ 15 ต.ค. 2564 เพื่อไม่กระทบกับปฏิทินการสอบต่าง ๆ


ที่มา: https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/940185