Monday, 24 March 2025
POLITICS

วรรณวรี ตะล่อมสิน กล่าวอภิปรายร่าง 'พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019' หรือ 'พ.ร.ก. Soft loan' ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขต 3 บางคอเเหลม พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายร่าง 'พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019' หรือ 'พ.ร.ก. Soft loan' ที่เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

วรรณวรี กล่าวว่า ตอนนี้ พวกเรากำลังอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สามแล้ว ซึ่งการระบาดรอบนี้ กระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ของประเทศเราอย่างมาก รัฐบาล โดยเฉพาะพลอ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ จัดว่าล้มเหลวในการบริหารระบบสาธารณสุข การบริหารจัดการวัคซีน และการจัดการเศรษฐกิจของประเทศ

"ช่วงปีที่ผ่านมา มีธุรกิจ SMEs มากมายที่ไปไม่รอด ไม่สามารถฝ่าฟันช่วงโควิดในรอบ 1-2 ทำให้ต้องปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก วันนี้เจ้าของกิจการหลายรายก็บอกว่า รอบแรกผ่านมาได้ รอบสองพอไหว รอบสามไม่ไหวจริง ๆ ถ้าแบงค์ไม่ช่วยเรื่องสภาพคล่อง จึงจำเป็นอย่างมากที่ท่านจะต้องช่วยพยุงพวกเค้าด้วย หากดูจากตัวเลขการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ปัจจุบันมีการจ้างงาน 6.9 ล้านคน"

วรรณวรี กล่าวต่อไปว่า ในปีก่อน ธนาคารแห่งประเทศไทยออก พรก.Soft loan 5 แสนล้านบาท แต่หลังจากดำเนินโครงการไป มีการอนุมัติสินเชื่อไปเพียง 138,200 แสนล้าน คิดเป็น 27.64% ของวงเงินสินเชื่อ ถือว่าล้มเหลวและพลาดเป้าไปมาก จน SMEs ที่เดือดร้อนไม่สามารถเข้าถึงวงเงินนี้ได้จริง

ส่วนพรก.ฟื้นฟูฉบับใหม่นี้ อาจจะทำให้สำหรับผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงได้ยากขึ้นไปอีก เนื่องจากในประกาศของแบงค์ชาติที่กำหนดมาให้ธนาคารพาณิชย์ ระบุว่า ให้ธนาคารพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือกับ 'ผู้ประกอบการธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อช่วยประคับประคองฟื้นฟูธุรกิจให้สามารถดำเนินกิจการการต่อไปได้' ซึ่งแบงก์พาณิชย์จะนำในส่วนนี้ไปตีความเพื่อปล่อยกู้

"การประเมินว่า ธุรกิจใดมีศักยภาพ ในมุมมองของดิฉันคือ ธุรกิจที่ยังอยู่รอดจากโควิดทั้งสองครั้ง มาได้จนถึงวันนี้ อาจจะมีปัญหาหรือสะดุดบ้างในช่วงปีที่ผ่านมา และถ้าตั้งใจเดินเข้ามาขอกู้ เราก็ยินดีที่จะช่วยและควรจะช่วย แต่ธุรกิจที่มีศักยภาพในสายตาของแบงค์ คือ ธุรกิจที่มีรายได้เยอะ สม่ำเสมอ มีหนี้น้อย มีประวัติดี ไม่เคยผิดนัดชำระ และจะสามารถคืนเงินกู้ได้ทุกบาททุกสตางค์ โดยไม่พิจารณาเรื่องความเดือดร้อนของกิจการ"

วรรณวรี ยังกล่าวอีกว่า ที่พรก.ได้บอกว่า จะให้กับธุรกิจที่ไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารด้วย ก็จะพบว่า ณ วันที่ 17 พ.ค. ธปท.ได้ปล่อยสินเชื่อฟื้นฟูไปให้ 5,465 บริษัท ในจำนวนนี้ มีเพียง 71 บริษัทที่ไม่เคยมีวงเงินกับธนาคาร คิดเป็น 1.3% เท่านั้น และในความเป็นจริง จาก SMEs ในประเทศไทย 3 ล้านราย มากกว่า 2.5 ล้านรายไม่มีวงเงินกู้กับธนาคาร

"เท่าที่ดิฉันทราบและพูดคุยกับผู้ประกอบการมา ได้ยินถึงขนาดว่า คนที่เดินเข้ามาหาแบงค์เพื่อขอกู้ ร้อยทั้งร้อย แทบไม่มีใครได้กู้ ดิฉันได้ยินแล้วพูดตรง ๆ ว่าฟังแล้วทั้งเจ็บ ทั้งจุก ครั้งแล้วครั้งแล้ว ที่ธุรกิจเล็ก ๆ ธุรกิจที่เดือดร้อน ไม่มีโอกาสได้เข้าถึงวงเงินเยียวยาจริง ๆ"

"รัฐบาลสู้อุตส่าห์เตรียมวงเงินสูงถึง 350,000 ล้านบาท เพื่อพยุงธุรกิจ เขียนพรก.อย่างสวยหรู อ่านแล้วดูดี มีความหวัง แต่มันไม่สำคัญ ในความเป็นจริง แบงค์ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามได้อย่างที่เขียนดิฉันขอให้นิยาม Soft loan ฉบับใหม่นี้ว่า #ซอฟโลนทิพย์”

วรรณวรี เสนอว่ารัฐบาลควรตั้งวงเงินออกมา 5 หมื่นล้านบาท จากวงเงิน 5 แสนล้านบาทตาม พ.ร.ก. เพื่อช่วยพยุงธุรกิจขนาดเล็ก โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์โควิด ระบุกลุ่มธุรกิจให้ชัด เช่น ร้านอาหาร โรงแรม บริการ ให้ทั้งที่มีวงเงินและไม่มีวงเงินกับธนาคาร โดยตั้งเป็นกองทุนพิเศษ ให้กู้ผ่านธนาคารรัฐ เช่น ธ.ออมสิน / SME bank และควรมีข้อยกเว้นในเรื่องคุณสมบัติผู้กู้ที่ต้องยืดหยุ่น ซึ่งสามารถพิจราณาเป็นรายเคสได้

"ตั้งแต่วันแรกที่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาบริหารประเทศ ท่านก็ทำให้ประชาชนก็เห็นมาตลอดว่า ท่านสนับสนุนธุรกิจขนาดใหญ่ เจ้าสัวอย่างชัดเจน มาจนถึงวันนี้ 7 ปีผ่านไป วิกฤติโควิดเข้ามา ยิ่งตอกย้ำให้พวกเราเห็นว่า นอกจากสนับสนุนทุนใหญ่อย่างชัดเจนแล้ว ท่านยังไม่เคยเหลียวแลธุรกิจตัวเล็ก ๆ ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจหลังโควิด ที่จะตกต่ำไปอีกอย่างน้อย 1-2 ปี เราต้องการผู้นำที่มีความรู้ทางเศรษฐกิจ และนำพาให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจไปได้ ถ้าเรายังมีนายกและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดิฉันคิดว่า ประชาชนคนไทยคงจะตกงาน อดตาย หนี้ท่วมหัว ส่วนคนที่เลือกได้ก็คงจะย้ายประเทศหนีท่านกันหมด" วรรณวรีกล่าวทิ้งท้าย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

วิกฤติเด็กไทย​ แยก​ 'ข่าวปลอม'​ ไม่เป็น | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

News Gen Times ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง 

คลิปนี้ชวนคิดไปกับผลสรุปจากอีกองค์กรระดับสากลอย่าง​ PISA เมื่อปี 2018​ ที่มีการประเมินทักษะด้านต่าง ๆ​ ของเด็กอายุ​ 15​ ปีจากหลายประเทศทั่วโลก​

ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ​ ปนไปกับความน่าห่วง​ คือ​ ผลสรุปจาก​ PISA​ ได้ชี้ว่า​ ทักษะของเด็กไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น​ อยู่รั้งท้ายหลาย ๆ​ ประเทศในโลกแทบทุกด้าน​ โดย​ 1​ ในเรื่องรั้งท้ายที่น่าห่วงเหลือเกิน​ คือ​ 'ทักษะในการแยกแยะ ข่าวจริง​-​ข่าวปลอม’

มาลองติดตามสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นในประเด็น​ : วิกฤติเด็กไทย!! เมื่อทักษะแยก ‘ข่าวจริง-ข่าวปลอม’ รั้งท้ายในสังคมโลก
.

.

รมว.คลัง แจง พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ช่วยเหลือผู้ประกอบการหลังได้รับผลกระทบโควิด-19 ด้าน ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ชมเปราะแก้ปัญหาตรงจุด “พิจารณ์” ซัดนายกฯ หยุดคุยโวแก้ปัญหาดีกว่าชาติอื่น ทำผู้ประกอบการเป็นหนี้หลังรัฐบาลเองการ์ดตกปล่อยระบาดระลอก 3 ส่วน

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือ และฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 (พ.ร.ก.ซอฟต์โลน) โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการตราพ.ร.ก.ดังกล่าว ว่าโดยที่การระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านเครดิตการเงินของประเทศปรับสูงขึ้นมาก ที่ผ่านมาแม้ภาครัฐจะให้การช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบ แต่ผู้ประกอบการต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูกิจการนาน จึงต้องมีมาตรการเพิ่มสภาพคล่องให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลก และลดภาระหนี้ มาตรการต่าง ๆ ต้องทำโดยเร่งด่วนเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย จึงจำเป็นต้องตราพ.ร.ก.ฉบับนี้

รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ประกอบด้วย 2 มาตรการ คือ

1.) มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู) วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อในอัตราที่เหมาะสม ผ่านกลไกการลดความเสี่ยงด้านเครดิตของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มดังกล่าวสามารถประคับประคองธุรกิจและรักษาการจ้างงาน รวมทั้งปรับปรุงธุรกิจเพื่อให้สอดรับกับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากการระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง และ

2.) มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจมีสิทธิซื้อทรัพย์สินนั้นคืนในภายหลัง (มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งภาครัฐเร่งออกมาตรการให้ความช่วยเหลือสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจ ไม่ต้องรับภาระต้นทุนทางการเงินเป็นการชั่วคราว และไม่ถูกบังคับให้ขายทรัพย์สินหลักประกันในราคาต่ำกว่าสภาพความเป็นจริง ให้แก่กลุ่มทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งมีโอกาสกลับมาดำเนินธุรกิจโดยใช้ทรัพย์สินหลักประกันเดิมได้หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายสนับสนุนพ.ร.ก.ซอฟต์โลน เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วน และมีการปรับปรุงข้อเสียของพ.ร.ก.เมื่อปี 63 ทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ลูกค้าธนาคารสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งเชื่อว่าวงเงินจะเพียงพอต่อการแก้ไขสถานการณ์ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรม 

ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า รัฐบาลจะทำตัวเป็นผู้รู้ทุกอย่างไม่ได้ แต่ต้องฟังทุกภาคส่วน การปล่อยกู้ผ่านสถาบันการเงิน เราไม่มีการกำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อเชิงนโยบาย จึงไม่มีการจัดลำดับความสำคัญ แต่เป็นนโยบายของแต่ละธนาคารที่กำหนดเอง และแม้ว่าการแก้ไขปัญหาเฉพะหน้าเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ แต่ต้องมองระยะยาวต่อไปในวันข้างหน้าด้วย 

ด้านนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยออกพ.ร.ก.ซอฟต์โลน มาแล้วแต่ไม่ตอบโจทย์ ครั้งนี้เป็นรอบที่ 2 แต่กลับไม่มีเป้าหมาย ไม่มีการอธิบายว่า อยากเห็นการปล่อยกู้เท่าไหร่อย่างไร มีแต่การบอกวัตถุประสงค์คร่าวๆ ดังนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการกำกับธนาคารต่างๆ ให้ปล่อยกู้ตามเป้าหมาย และเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงธปท.เร่งสร้างความมั่นใจให้ธนาคารต่างๆ ว่าพร้อมชดเชยหนี้เสียในเวลาที่เหมาะสม ต้องเพิ่มมาตรการสร้างแรงจูงใจให้ธนาคารต่างๆในการปล่อยสินเชื่อ เช่น ให้มีค่าธรรมเนียมพิเศษกรณีลูกหนี้ขอวงเงินต่ำกว่า 2 ล้านบาท ให้สถาบันการเงินของรัฐมีความเข้มแข็งมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อ ตั้งคอลเซ็นเตอร์รวมถึงโครงการคลินิคช่วยกู้ เพื่อรับเรื่องให้คำปรึกษาระหว่างเอสเอ็มอีกับสถาบันการเงิน 
  
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หยุดโม้คุยโวว่าการดูแลการแพร่ระบาดโควิด – 19 ทำได้ดีกว่าชาติอื่นๆ แต่ให้มองด้านความเสียดายทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้เสียหายน้อยกว่าชาติอื่นเลย ประชาชนทำธุรกิจอยู่ดีๆกลับกลายต้องมีปัญหา โดยที่รัฐหยิบยื่นซอฟต์โลนและความเป็นหนี้ให้ ทั้งที่ผลกระทบเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการบริหารธุรกิจผิดพลาด แต่เป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวผิดพลาดไม่รอบคอบ ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ปล่อยให้ลักลอบเข้าเมืองจนนำมาสู่การแพร่ระบาดระลอกใหม่ และเป็นรัฐบาลเองที่การ์ดตก ดังนั้น รัฐจึงจำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการ และต้องเยียวยาโดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ท่านต้องกล้าจ่ายเงินให้ผู้ประกอบการโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนตำหนิ ว่าให้เงินแก่ผู้ที่ไม่สมควรได้ เพื่อช่วยกู้สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่” นายพิจารณ์ กล่าว 

"สันธนะ" จี้ กกต.เร่งสอบวุฒิการศึกษา "ตู่ นันทิดา" ใช้สมัครเลือกตั้งนายกอบจ.สมุทรปราการ 

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรอง ผกก.สันติบาล 2 พร้อมด้วยนายพิรวัชร์ ยงทองคำทิพย์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยื่นคัดค้านการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าติดตามเรื่องร้องเรียน กรณีที่นายพิรวัชร์ร้องเรียนให้กกต.ตรวจสอบการเทียบวุฒิการศึกษาของ น.ส.นันทิดา แก้วบัวสาย นายกอบจ.สมุทรปราการ เพื่อให้กกต.สืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าวุฒิการศึกษาดังกล่าวผ่านการเทียบวุฒิการศึกษาหรือไม่ ได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากชาวสมุทรปราการจำนวนมากเรื่องวุฒิการศึกษาดังกล่าว และพบว่านายพิรวัชร์ได้ร้องเรียนในเรื่องดังกล่าวหลังการเลือกตั้งอบจ.สมุทรปราการ เพื่อให้ กกต.ได้ตรวจสอบวุฒิการศึกษา น.ส.นันทิดา ที่ได้ยื่นประกอบการสมัครเลือกตั้งนายกอบจ. ซึ่งตั้งแต่การยื่นสมัคร การเลือกตั้ง จนถึงการประกาศผลการเลือกตั้ง เป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้ว และเป็นการร้องขอให้ตรวจสอบวุฒิการศึกษาที่มีการรับรองจากต่างประเทศ ซึ่งคณะกรรมการอุดมศึกษาสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่ระยะเวลาที่ล่วงเลยมา 5 เดือน กับการทำงานของกกต. ตนเห็นว่าควรมีการลำดับความสำคัญ ความจำเป็นเร่งด่วนในเรื่องนี้ เพราะวันนี้มีการปฏิบัติหน้าที่ของนายกอบจ.สมุทรปราการ หากคุณสมบัติที่ยื่นสมัครไม่ถูกต้อง การดำรงตำแหน่งดังกล่าวจะทำให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการขนาดไหน เพราะหลังจากเข้ารับหน้าที่ก็จะต้องมีการเบิกจ่ายงบประมาณ แต่หากตรวจสอบแล้วคุณสมบัติถูกต้องชาวสมุทรปราการก็จะมีความมั่นใจ ดังนั้นตนคิดว่าเรื่องดังกล่าวควรมีข้อสรุปได้แล้ว ไม่ควรมีเหตุที่จะต้องมาอ้างเรื่องสถานการณ์โควิด เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นการตรวจสอบทางเอกสารเท่านั้น

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวภายหลังหารือกับเจ้าหน้าที่ กกต. ว่า เจ้าหน้าที่ กกต. ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในกรอบเวลา ซึ่งจากการพูดคุยตนคิดว่าการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ไม่น่าจะเกิน 30 วัน ซึ่งตนจะไปชี้แจงให้ชาวสมุทรปราการเข้าใจว่า อีกประมาณ 1 เดือนนี้ กกต.จะมีข้อยุติในเรื่องดังกล่าวว่ามีมูลความจริงหรือไม่ และจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป

“ทำเนียบ” ยืนยันใช้มาตรการเข้มข้นกันโควิด-19 แจง เจ้าหน้าที่แลกบัตรตึกบัญชาการ 1 ติดโควิด-19 ส่งรักษาแล้ว

ที่ทำเนียยรัฐบาล น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำด้านประสานกิจการภายในประเทศ เปิดเผยว่าจากกรณีที่มีบุคคลากรภายในทำเนียบรัฐบาลติดเชื้อโควิด-19 และมีการตรวจพบเป็นระยะนั้น สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไม่ได้เพิกเฉย ได้ใช้มาตรการเข้มข้นสูงสุดในการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น การตรวจเช็คบุคลากรเป็นประจำ การส่งเจ้าหน้าที่ไปรับวัคซีนโควิด-19 ตามความจำเป็น การทำความสะอาด ฆ่าเชื้อสถานที่ต่าง ๆ ภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นประจำ รวมทั้ง การปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข ล่าสุดตามที่มีข่าวว่ามี เจ้าหน้าที่แลกบัตร ตึกบัญชาการ 1 ติดโควิด-19 และได้มาปฏิบัติงานในวันอังคารที่ 25 พ.ค.ผ่านมา ซึ่งเป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ในวันดังกล่าวไม่มีการประชุมในตึกบัญชาการ จึงลดความเสี่ยงได้ลงมาก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาตัวที่สถานพยาบาลแล้ว และบุคคลสัมผัสใกล้ชิด ได้มีการกักตัวดูอาการแล้ว

“จึงขอให้ความมั่นใจว่า ตึกบัญชาการ และทำเนียบรัฐบาล ยังเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากโควิด 19 ด้วยการดำเนินการตามหลักอนามัยและการป้องกันอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนร่วมปฎิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ยังต้องดำเนินต่อไป และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ก็ยังตัองทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ ไม่ขาดตกบกพร่อง” ผู้อำนวยการสำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าว

‘วิษณุ’แจง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ สถานะเทียบเท่า กระทรวง ทบวง กรม ดีลซื้อวัคซีนได้เอง แต่มีเงื่อนไขต้องมาขออย. ชี้ สธ.ยันใช้งบตัวเอง อุดช่องว่างช่วงขาดแคลน ย้ำ เมื่อไทยผลิตได้เองต้องหยุด ยันกฎหมาย ให้ประธานสภาฯเป็นผู้ลงนามรัฐบาลไม่ได้เอื้อ

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีราชกิจนุเบกษา เผยแพร่ประกาศราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ว่าด้วยการให้บริการทางการแพทย์และ การสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และ สถานการณ์การฉุกเฉินอื่นๆว่าความชัดเจนได้เกิดขึ้นวันนี้ เมื่อราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ออกข้อกำหนดหรือเรียกว่าคำสั่งลูกตามมาอีกฉบับหนึ่งเพื่อขยายความ โดยมีความชัดเจนขึ้น ดังนี้  

1.) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีอำนาจทางกฎหมายของเขาที่จะออกประกาศแบบนี้ได้ เพื่อที่จะนำเข้า วัคซีน ยา เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ถ้าไม่ออกประกาศอย่างนี้มาจะไม่สามารถนำเข้าได้และการออกประกาศดังกล่าวเพื่อที่จะมีอำนาจนำเข้า แต่ไม่ใช่ว่าสามารถนำเข้ามาโดยอิสระ เพราะต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่มีอยู่ทุกประการ เช่น ขออนุญาต สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  กระทรวงสาธารณสุข แต่ถ้าไม่ออกประกาศมาก็จะไม่สามารถขอยื่นอะไรได้เลย หรือ เรียกว่าตกคุณสมบัติ   

2.) เป็นการใช้อำนาจในช่วงวิกฤตสถานการณ์ โควิด-19 เท่านั้น และใช้ช่วงที่วัคซีนขาดแคลน โดยข้อกำหนดที่ นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้อธิบายว่า เมื่อสถานการณ์นี้คลี่คลายอำนาจนี้ก็จะหมดไป หรือเมื่อผลิตวัคซีนขึ้นมาในประเทศได้อย่างเพียงพอ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จะหยุดการนำเข้าทั้งหมด  

3.) ต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่มีอยู่ทุกประการ ดังนั้นประกาศดังกล่าวเพื่ออุดช่องว่างเท่านั้น 

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นการจัดหาซ้ำซ้อนกับทางกระทรวงสาธารณสุข ที่กำลังดำเนินการอยู่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ซ้ำซ้อน เพราะต้องไปขออนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขอยู่ดี เพียงแต่เขาเป็นอีกช่องทางหนึ่ง เหมือนกับเอกชน หรือใครต่อใครที่ไปติดต่อแล้วกลับมาขออนุญาต โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีศักยภาพที่จะไปติดต่อกับหน่วยงานต่างประเทศ เช่น สปุตนิค หรือแม้แต่ ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา เหมือนกับเอกชนหลายคนที่มีศักยภาพ แต่ที่ผ่านมาเอกชนไม่มีปัญหาในเรื่องของคุณสมบัติ แต่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ จึงต้องออกประกาศมาว่าตัวเองมีคุณสมบัติ แล้วจะมีสถานะเทียบเท่ากับเอกชนทั้งหลาย โดยต้องผ่านอย.ร่วมทั้ง ยาฟาวิพิราเวียร์ วัคซีนและเวชภัณฑ์ ไม่ว่าตัวใดก็ต้องมาขอ อย.อยู่ดี โดยหลังจากนี้จะมีขีดความสามารถไปติดต่อเองได้ และเมื่ออย.เห็นชอบก็เอาเข้ามาได้ แต่ทั้งหมดใช้งบประมาณของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เอง โดยไม่ได้มาของบประมาณของรัฐ เพราะไม่เช่นนั้นกระทรวงสาธารณสุขก็จะไปทำเอง 

เมื่อถามว่าโรงพยาบาลอื่น ๆ เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จะดำเนินการเช่นเดียวกับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ต้องทำเช่นนั้นเป็นไปตามพ.ร.บ.ยา คนที่จะนำเวชภัณฑ์ เข้ามาได้ ถ้าเป็นราชการคือกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมหาวิทยาลัยของรัฐก็เข้าข่ายตรงนี้อยู่แล้ว แต่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ไม่เข้าข่าย เขาจึงต้องออกประกาศสถานะเขาขึ้นมา หากในกรณีถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน เช่น โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ เขาก็มาแบบเอกชนเขาทำได้อยู่ วันนี้เอกชนหลายเจ้าก็ทำกันอยู่ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ได้ตนอธิบายให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และผู้อำนวยการศบค. พร้อมทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ทราบแล้ว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็วเพราะ องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และนายกสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เป็นผู้ลงนามใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า "ตามพระราชบัญญัติประธานสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นผู้ลงนาม ซึ่งพระองค์ท่านเป็นประธานสภาฯ ดังนั้น คนอื่นลงนามไม่ได้ และกฎหมายก็เขียนไว้ว่า เมื่อเสร็จแล้วให้ลงในราชกิจจานุเบกษาเพื่อประกาศให้คนทั้งประเทศรับทราบว่า ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ยกระดับขึ้น เพราะถ้าไม่มีการออกประกาศ และหากไปยื่นขอจากอย. ก็จะถูกตีกลับ เพราะไม่มีคุณสมบัติ"

"รมว.พิพัฒน์" ประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันขี่ม้า รายการ Princess’s Cup Thailand 2021 ครั้งที่ 1 ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom)

วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมการเตรียมการจัดการแข่งขันขี่ม้า รายการ Princess’s Cup Thailand 2021 ครั้งที่ 1 ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom) โดยมี นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายก้องศักด ยอดมณีผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เข้าร่วมการประชุม

โดยเรื่องพิจารณาได้แก่

1.) เรื่องแนวทางการจัดการแข่งขัน ขี่ม้า รายการ Princess’s Cup Thailand 2021

2.) เรื่องแนวทางการจัดหารายได้สิทธิประโยชน์

3.) เรื่องร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 8 คณะ

"เลขา ครป.เปรียบนายกฯ เหมือนอาทิตย์อัสดง จันทร์โอชาคงอยู่ได้อีกไม่นาน จี้กองทัพปฏิรูป หยุดรับใช้ระบอบประยุทธ์และรัฐอำนาจนิยม"

นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย กล่าวบนเวทีไทยไม่ทนออนไลน์วันนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเหมือนอาทิตย์อัสดง และจันทร์โอชาคงอยู่ได้อีกไม่นาน ท่านเหมือนอาทิตย์อัสดงที่แก่ชรา ที่มีระบบ ส.ว.ตามบทเฉพาะกาล คอยเป็นแขนขาประครองในการอยู่ในอำนาจ ดังนั้นวิกฤติบ้านเมืองที่เกิดขึ้น นอกจากพรรคร่วมรัฐบาลควรถูกประณามแล้ว ส.ว.ทุกคนก็ควรถูกประนามด้วยเช่นกัน 

เมื่อบ้านเมืองเข้าสู่วิกฤตอำนาจและกับดักรัฐธรรมนูญดุจดั่งความมืดของรัตติกาล ดวงจันทร์ที่สว่างไสวอยู่ในราตรีนั้นก็เป็นเพียงชั่วคราว เพราะบทเพลงแห่งอรุณรุ่งและอนาคตของชาติ อันหมายถึงเยาวชนคนหนุ่มสาวของสังคมไทยคือของจริง ที่กำลังจะผลิดอกเบ่งบาน เป็นดอกไม้ประชาธิปไตยที่จะมาแทนที่เผด็จการอำนาจนิยม เช่นเดียวกับกฎแห่งกาลเวลาที่จันทร์โอชาจะเป็นแค่ค่ำคืนที่เหน็บหนาวและฝันร้ายของประเทศไทยที่กำลังผ่านไป

เพื่อไม่ให้ระบบราชการเป็นเครื่องมือรับใช้ระบอบอำนาจนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ และกับดักรัฐธรรมนูญที่พวกเขาเขียนสืบทอดอำนาจไว้ ผมจึงขอให้เพื่อนข้าราชการทั้งมวลหยุดรับใช้พล.อ.ประยุทธ์ และพวก หันมารับใช้ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์แทน 

วันนี้กลุ่มไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย จึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวและเรียกร้องให้ข้าราชการของแผ่นดิน ที่เป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง ลาออกจากตำแหน่ง ส.ว.ในทันที เพื่อไม่ให้ระบบราชการไปรับใช้เผด็จการระบอบประยุทธ์ และขอเรียกร้องให้ ส.ว.ที่เหลือทั้งหมดที่ไม่ใช่ข้าราชการ หยุดรับเงินเดือนเพื่อรับใช้ชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง อย่าเห็นแก่ตัวและอย่าเห็นแก่เงินตรา เอาเปรียบประชาชนในยุคข้าวยากหมากแพง และกำลังสิ้นไร้ไม้ตอก 

ผู้บัญชาการกองทัพบก ต้องแสดงเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า จะต้องทำกองทัพทหารอาชีพ ออกจากพวกทหารการเมืองที่หากินกับอำนาจรัฐ มาคงสถานะที่แนบแน่นกับประชาชน เป็นกำลังสำคัญของบ้านเมืองและรั้วของชาติอย่างแท้จริง ประชาชนไทยยืนตรงเคารพธงชาติ ก็เพราะเราถือว่าชาติคือแรงบันดาลใจของประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และสันติภาพ ที่บรรพชนเราต่อสู้และเสียสละร่วมกันสร้างมันขึ้นมา ทหารได้รับเกียรติและเอกสิทธิ์เป็นผู้กุมอาวุธและกําลังรบของประเทศ เป็นที่เคารพและเกรงขามในหมู่ชนทั่วไป ทหารจึงต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับที่ตนได้รับความไว้วางใจ ไม่ควรไปทําหรือเกี่ยวข้องในกิจการที่ไม่อยู่ในหน้าที่โดยเฉพาะของตน เช่น การไปเล่นการเมือง

ปัจจุบันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นตัวแทนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่ต้องการสร้างระบบราชการรวมศูนย์ไว้ที่คณะของพวกท่าน ไม่ต้องการกระจายอำนาจไปให้ประชาชน กองทัพจะต้องทบทวนประวัติศาสตร์ว่า พวกท่านเป็นทหารของประชาชน ไม่ใช่ทหารของพวกกบฎที่แอบอ้างการรักษาสถาบันกษัตริย์ แต่กลับแยกประมุขของรัฐออกจากประชาชน และแยกประชาชนออกจากสถาบันโดยสร้างความขัดแย้งขึ้นมาเพื่อรักษาอำนาจตนเอง อย่าหลงผิดเหมือนกบฏบวรเดชในอดีต

กองทัพในศตวรรธที่ 21 ต้องปรับตัวให้ทันความเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ที่มีพลเมืองเป็นศูนย์กลาง เช่นเดียวกับนายทหารประชาธิปไตยในอดีตที่ตั้งใจรักษาชาติบ้านเมืองไว้ในสถานการณ์วิกฤตหลายยุค คุณูประการของทหารคณะราษฎรก็มีมากมาย ทั้งการรักษาสถาบัน ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญ จัดตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง จัดตั้งโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ จัดตั้งกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย สร้างรัฐไทยที่ทันสมัยมาจนถึงวันนี้ ผลงานของเสรีไทยส่วนหนึ่ง ยังร่วมกันปกป้องชาติบ้านเมืองทำให้ประเทศไทยไม่เป็นผู้แพ้สงคราม

กองทัพจึงอย่าติดกับดักอำนาจนิยม ที่รัฐบาล 3 ป.ใช้พวกท่านเป็นฐานค้ำอำนาจอีกเลย กองทัพที่ทันสมัยจะต้องมีการปฏิรูปตนเองอยู่เสมอ เช่นเดียวกับกองทัพของเกาหลีใต้ ที่เสนอแผนปฏิรูปองค์กรทุก 5 ปี ต่อรัฐสภา โดยมีการตั้งคณะกรรมาธิการปฏิรูปกองทัพ และเป็นกองทัพใต้รัฐบาลพลเรือนอย่างแท้จริง

ดังนั้นจึงต้องแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ยกเลิกการให้อำนาจ 7 อรหันต์ภายในกองทัพแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทหารเท่านั้น แต่ให้กลับมาสู่อำนาจของนายกรัฐมนตรีเหมือนเดิม เพื่อเป็นกองทัพภายใต้รัฐบาลพลเรือน และอยู่ภายใต้การตรวจสอบของรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

หลังรัฐประหารในปี 2549 การออก พ.ร.บ.กลาโหมนั้น เป็นการทำให้กองทัพเป็นรัฐ 2 รัฐ ที่ให้อำนาจการเลือกผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นของกองทัพเอง ทั้งที่กองทัพควรอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน และหลังการรัฐประหารครั้งใหม่ก็มีการแก้ไขกฎหมายกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาย ในให้อำนาจหน่วยงานนี้อย่างล้นหลาม รวมถึงกฎหมายการรักษาความมั่นคงภายในด้วยเช่นกัน 

ประเทศอินโดนีเซีย ไม่น่าเชื่อจะสามารถแยกกองทัพออกมาจากการเมืองมาได้แล้วหลายปี ทั้งยังมีการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อปฏิรูปให้ทหารถอยกลับเข้ากรมกองทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้กองทัพอินโดนีเซียมีบทบาททางการเมืองมาเสมอตั้งแต่ประกาศเอกราช นายพลซูฮาร์โต ขึ้นมามีอำนาจปกครองแบบยาวนาน 32 ปี กระทั่งเมื่อเขาประกาศลาออกในปี 2541 หลังถูกนักศึกษาประชาชนรวมตัวประท้วงขับไล่ ที่สำคัญ การปฏิรูปกองทัพ ถือเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของสังคมอินโดนีเซียพร้อมกับการรื้อฟื้นระบอบประชาธิปไตยมาจนถึงปัจจุบัน

ต่อไปนี้ ผมขอเรียกร้องให้กองทัพ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ เคารพและยอมรับนับถือหลักสิทธิมนุษยชนและนิติธรรมอันเป็นรากฐานที่สำคัญของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนและบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะด้านสิทธิพลเมือง สิทธิทางการเมือง และสิทธิทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม รวมทั้งการตรากฎหมายอนุวัติการเพื่อให้อนุสัญญาต่อต้านการทรมานและอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับมีผลบังคับเป็นกฎหมายในประเทศ ยกเลิกบรรดากฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ขัดหรือแย้งกับหลักสิทธิมนุษยชนและนิติธรรม

ต่อไปนี้ จะต้องไม่มีการคุกคามเข่นฆ่าประชาชนพลเมืองอีกต่อไป จะต้องไม่มีใครที่ถูกทรมาน ถูกอุ้มหายดังที่ผ่านมา โดยมีระบบกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เลือกปฏิบัติ คุ้มครองความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน ยุติการคุกคามนักปกป้องสิทธิมนุษยชน (Human Rights Defender) รวมทั้งนักเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสิทธิทางการเมือง 

ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย หรือการคุกคามโดยใช้มาตรการทางกฎหมาย (Judicial Harassment and SLAPP) ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เป็นไปตามหลักการพิจารณาคดีที่เป็นธรรมตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ที่ต้องแยกงานสอบสวนออกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้บังคับใช้กฎหมาย โดยให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของอัยการตามหลักสากล นำหลักความเป็นธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice-TJ) และความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ (Restorative Justice-RJ) มาใช้ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของคนในชาติ รวมถึงการนิรโทษกรรมข้อหาความผิดทางการเมืองและทางความคิด เพื่อสร้างการปรองดองของคนในชาติต่อไป

ที่ผมเสนอมาทั้งหมดนี้ คงไม่ใช่แค่ความใฝ่ฝัน  หากเรามีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ร่วมมือกับ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา พรรคการเมืองทุกพรรคและประชาชนทุกฝ่ายประสานพลังและร่วมมืออย่างจริงจังเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า โดยร่วมกันผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอย่างมีประสิทธิผล ปรับเปลี่ยนอำนาจและบทบาทของสมาชิกวุฒิสภาให้สอดคล้องกับวิถีประชาธิปไตย และการปฏิรูปกองทัพให้เป็นทหารอาชีพอย่างแท้จริงที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองดังในนานาอารยะประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยมีเกียรติภูมิในประวัติศาสตร์การเมืองโลกและเปี่ยมด้วยพลังในก้าวสู่อนาคตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป

กองทัพเรือ ทูลเกล้าฯ ถวาย เครื่องหมายนักทำลายใต้น้ำจู่โจม แด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้บัญชาการทหารเรือ ย้ำให้ทุกหน่วยต้องปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ

วันที่ 27 พฤษภาคม 2564 พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้กองทัพเรือได้จัดให้มีการประชุมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ โดยมีพลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานการประชุม ณ กองบังคับการชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธิน ที่ 3 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานนาวิกโยธิน เขาล้าน อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด ร่วมด้วยผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Tele Conference : VTC) 

สำหรับวาระการประชุมที่สำคัญคือ กองทัพเรือ ได้ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องหมายความสามารถพิเศษ นักทำลายใต้น้ำจู่โจม แด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในโอกาสที่กองทัพเรือ ได้รับพระกรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นอาจารย์พิเศษ ทรงบรรยายหลักสูตร “การดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย” แก่นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 4 อีกทั้ง ทรงนำนักเรียนนายเรือ ชั้นปีที่ 4 ฝึกการดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในภาคปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียนนายเรือซึ่งจะเติบโตเป็นนายทหารสัญญาบัตรของกองทัพเรือในอนาคต มีความตระหนักรู้ในคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล และเป็นกำลังหลักในการปลูกฝังให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนพี่น้องประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติเห็นความสำคัญและมีส่วนร่วม ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล

ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระดำริให้จัดโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยทรงมีความห่วงใยปัญหาเรื่องความเสื่อมโทรม ของทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเล การทำร้ายสัตว์ทะเลด้วยน้ำมือมนุษย์โดยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น การอนุรักษ์และการสร้างจิตสำนึกในการ หวงแหนและรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนระบบนิเวศที่มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลไทย โดยกองทัพเรือได้ดำเนินการสนองพระดำริ และบูรณาการความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ได้แก่ กรมประมง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ เพื่อจัดทำและดำเนินโครงการ แผนงาน และกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถตอบสนองพระดำริของพระองค์ท่านได้อย่างเป็นรูปธรรม ในการรักษาสิ่งแวดล้อมใต้ท้องทะเลไทยให้มีความยั่งยืนสืบไป

สำหรับเรื่องสั่งการในที่ประชุมหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงและหน่วยเฉพาะกิจของกองทัพเรือในวันนี้ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ปรับรูปแบบในการปฏิบัติงานของหน่วยต่าง ๆ ในกองทัพเรือ ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจที่ต้องมีการปฏิบัติใกล้ชิดกับประชาชน และการช่วยเหลือในการบรรเทาสาธารณภัย โดยผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยต้องปฏิบัติงานได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการระวังป้องกันอย่างเข้มงวด

นอกจากนั้น ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 จะมีการรับทหารกองประจำการผลัดใหม่เข้าทำการฝึกภาคสาธารณะ ซึ่งจะเป็นการรวมกำลังพลจำนวนมาก ที่เดินทางมาจากพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ซึ่ง ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้แสดงความห่วงใย พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เกิดความปลอดภัย ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด ด้วยมาตรการที่เข้มแข็ง พร้อมทั้งได้เตรียมความพร้อมและกำหนดแนวทางปฏิบัติตั้งแต่เริ่มขึ้นรถ เพื่อเดินทางมายังหน่วยฝึก ซึ่งเป็นไปตามกรอบและมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกรมแพทย์ทหารเรือเป็นหน่วยกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้กองทัพเรือได้ดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ โดยมุ่งหวัง เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น มั่นใจในมาตรการ และเป็นการแสดงออกซึ่งความตั้งใจจริงในการดูแลบุตรหลานของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ

จากกรณีเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกาใต้ ได้เริ่มแพร่ระบาดในประเทศไทยแล้วนั้น โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้กำลังพลทุกหน่วยให้ความสำคัญกับการระวังป้องกันตนเองมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งให้ดำรงความเข้มข้นในการลาดตระเวนตรวจการณ์ รวมทั้งการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดตามพื้นต่าง ๆ ตลอดจนให้มีการประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งในพื้นที่ และส่วนกลาง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานสูงสุด พร้อมทั้งกำชับไปยังกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องระวังตนเองตลอดเวลา โดยขอให้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นอกจากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ยังได้แสดงความเป็นห่วงกำลังพลที่ต้องสูญเสียรายได้จากอาชีพเสริมในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงดูครอบครัว โดยได้มอบหมายให้หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงและหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ ของกองทัพเรือทุกนาย เอาใจใส่ดูแลกำลังพลโดยใกล้ชิด รวมทั้งช่วยส่งเสริมกิจกรรมที่สามารถสร้างรายได้ให้กับกำลังพลที่ได้รับความเดือดร้อน และขอให้กำลังพลและครอบครัว ร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ บนพื้นฐานการดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาท และมีความพอเพียง

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่าในขณะนี้ กองทัพเรือ ได้เร่งสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์แก่กำลังพล ให้มีความเข้าใจในการรับการฉีดวัคซีน ตลอดจนเตรียมความพร้อมตั้งแต่ในเรื่องของการเตรียมข้อมูลส่วนตัว บัตรประชาชน และสุขภาพร่างกาย พร้อมทั้งศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายการ “กองทัพเรือร่วมใจต้านภัย โควิด-19” ทางช่อง FACEBOOK และ YOUTUBE CHANNEL เพื่อให้การฉีดวัคซีนในภาพรวมของกองทัพเรือ สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและเป็นไปตามแผนงาน เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ส่งผลทำให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้โดยเร็ว ทั้งนี้ ปัจจุบันศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินโควิด-19 กองทัพเรือ ได้ร่วมกับ สำนักงานโฆษกกองทัพเรือ คณะกรรมการจัดทำสารคดีและสื่อโทรทัศน์ กองทัพเรือ ได้ผลิตรายการ “กองทัพเรือร่วมใจต้านภัยโควิด-19” เพื่อเป็นสื่อกลางในการสร้างการรับรู้ในสถานการณ์เกี่ยวกับโรคโควิด-19 ของกองทัพเรือ

ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนอมาแล้วจำนวน 3 ตอน โดยมี แพทย์แผนจีนหญิง ปรียาดา บัวสมบุญ หรือ หมอพลอย ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ เป็นพิธีกรหลัก โดยมีพิธีกรรับเชิญ อาทิ แพนเค้ก เขมนิจ จามิกรณ์, จ๊อบ นิธิ สมุทรโคจร รวมถึงแขกรับเชิญ ที่จะมานำเสนอข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับสถานการณ์ COVID-19 และเรื่องราวที่น่าสนใจของกองทัพเรือ ให้แก่กำลังพลตลอดจนผู้สนใจได้รับทราบ โดยสามารถรับชมและติดตามได้ทาง FACEBOOK :  กองทัพเรือร่วมใจต้านภัยโควิด-19 https://m.facebook.com royalthainavyfightagainstcovid19/ โดยจะมีการออกอากาศเป็นประจำทุกวันศุกร์/เสาร์ ของทุกสัปดาห์

เกษตรฯ เตรียมมาตรการรับมือช่วงฤดูฝน

นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรได้ออกมาตรการเพื่อเตรียมความพร้อมรีบมือฤดูฝน โดยได้สั่งการให้สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ดำเนินการ ทั้งติดตามข่าวสารพร้อมทำการแจ้งเตือนข้อมูลคาดการณ์พื้นที่เสี่ยง และคาดการณ์ฝนตก เพื่อให้เกษตรกรมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และลงพื้นที่เร่งสร้างการรับรู้ให้แก่เกษตรกรในจังหวัดพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้เกษตรกรปรับตัวรับสถานการณ์ โดยพื้นที่ที่คาดว่าจะเสี่ยงน้ำท่วม ให้เร่งสร้างการรู้เรื่องวิธีการดูแลรักษาพืช และการจัดการความชื้นในฤดูฝน การจัดพื้นที่และการระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งการฟื้นฟูหลังพืชประสบปัญหาน้ำท่วม 

ส่วนพื้นที่ที่คาดว่าจะเสี่ยงภัยแล้ง ให้เร่งสร้างการรับรู้เรื่องการเลือกชนิดพืชและระยะเวลาการเพาะปลูก เพื่อลดความเสี่ยงจากฝนทิ้งช่วง การดูแลรักษาพืชในสภาวะฝนทิ้งช่วง และการรักษาความชื้นในแปลงเพาะปลูกพืช และการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า พร้อมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเบื้องต้น และเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาตามระเบียบกระทรวงการคลัง กรณีพื้นที่เกษตรเสียหายโดยสิ้นเชิง และติดตาม เยี่ยมเยียน แนะนำ ให้กำลังใจเกษตรกรในพื้นที่อย่างใกล้ชิด

“กรมฯ ขอให้เกษตรกรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อจะได้รับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดทำเอกสารคำแนะนำสำหรับเกษตรกรในการรับมือกับปัญหาดังกล่าว ได้แก่ การฟื้นฟูไม้ผลหลังน้ำลด การปลูกและดูแลรักษาพืชผักในช่วงฤดูฝน การเตรียมตัวของเกษตรกรเพื่อรับมือภัยแล้ง การรับมือฝนทิ้งช่วงในสวนไม้ดอกไม้ประดับ และการควบคุมศัตรูพืชหลังน้ำลด”

กมธ.สธ. ขอบคุณ ‘ลุงตู่’ หนุนใช้ ฟ้าทะลายโจร ควบคู่ ฟาวิพิราเวียร์ เล็งหารือต่อยอดสมุนไพรไทย ฝ่าวิกฤต พร้อมฝากประชาชน ใช้ฟ้าทะลายโจร ในปริมาณที่เหมาะสม ตามคำแนะนำของแพทย์

เมื่อวันที่ 27 พ.ค. น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) สาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าว ขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของสมุนไพรไทย อย่างฟ้าทะลายโจร มาสนับสนุนใช้ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวียร์ ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ในส่วนของกมธ.สาธารณสุข เตรียมเชิญ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมหาวิทยาลัยมหิดล มาให้ข้อมูล เพื่อร่วมกันสนับสนุนแนวทางพัฒนาใช้สมุนไพรไทยในการรักษาโรค และฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ เพราะยังมีสมุนไพรไทยอีกหลากหลายชนิดที่มีสรรพคุณทางยาต้านไวรัส ไข้หวัด และสรรพคุณที่หลากหลาย รวมทั้งยังสามารถต่อยอดให้เป็นพืชเศรษฐกิจ ในการกระตุ้นเม็ดเงิน สร้างรายได้เข้าประเทศได้ อย่างเช่น กระชายขาว ขิง พลูคาว เป็นต้น

น.ส.พัชรินทร์ กล่าววา แม้ฟ้าทะลายโจร จะมีสรรพคุณทางยาในการปรับระบบภูมิคุ้มกัน ตามที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำ แต่ในทางการแพทย์ เริ่มมีการกังวลเรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรเกินขนาด ตนจึงอยากรณรงค์ให้ประชาชน ใช้ฟ้าทะลายโจร ในปริมาณที่เหมาะสม เพราะแม้จะมีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการ แต่ปัจจุบันยังไม่มีงานศึกษารับรองว่าสามารถใช้ในทางป้องกันโรคโควิด-19 ได้ ส่วนผู้ติดเชื้อ ก็ขอให้ใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ก็จะทำให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้ฟ้าทะลายโจร


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“บิ๊กตู่” ถกลับ รมต.คาดหารือหลังปรับแผนกระจายวัคซีน และชะลอการใช้แอป “หมอพร้อม" รูดซิปปัดตอบสื่อ

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ร่วมบันทึกเทปกล่าวอาเศียรวาท นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับครม.บางส่วนนอกรอบ อาทิ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นางตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบรมว.คมนาคม โดยคาดว่าอาจเป็นการหารือในประเด็นการปรับแผนการกระจายวัคซีนเพื่อให้เหมาะสมกับการแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ หลังนายกรัฐมนตรีสั่งชะลอการใช้แอปพลิเคชัน "หมอพร้อม"

อย่างไรก็ตามภายหลังการหารือนอกรอบกว่า 30 นาที นายกรัฐมนตรีได้เดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันทีโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามสื่อมวลชนแต่อย่างใด

“พลังท้องถิ่นไท” หนุนเงินกู้ 5 แสนล้าน แต่ต้องเร่งอนุมัติเบิกจ่ายช่วยเหลือปชช. จ่อ ยื่นร่าง พ.ร.บ.การพนัน ถูก กม. เข้าสภาฯ หวังเก็บภาษีใช้หนี้ ตั้งกองทุนช่วยเหลือเกษตรกร-นศ.

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่รัฐสภา นายชัชวาลล์ คงอุดม พรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลกู้เงินมา 5 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาการรบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางพรรคเห็นด้วยแต่ก็อยากเสนอแนะ คืออยากให้มีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การพนันออกมาอย่างถูกต้อง เพื่อทำให้การพนันทุกประเภทสามารถเก็บภาษีเป็นฐานสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ เหมือนกับหลายประเทศที่ได้ดำเนินการแล้ว เช่นประเทศสิงคโปร์ มาเลเซียเป็นต้น หากรัฐบาลแก้ไขให้การพนันออนไลน์ที่มีการเล่นอย่างแพร่หลายมาอยู่ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายของรัฐเป็นผู้ควบคุม คาดว่ารัฐจะมีรายได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี ซึ่งเราเป็นหนี้อยู่ประมาณ 6 ล้านล้านบาท

หากมีรายได้ส่วนนี้เข้ามาเชื่อว่าก็จะไม่ต้องไปกู้ยืมใครมาอีก และในสถานการณ์โควิด-19 จะได้ไม่ต้องเก็บภาษีห้างร้าน ซึ่งไม่สามารถเก็บได้ตามเป้าหมายแน่นอน ซึ่งเมื่อใช้หนี้แล้วในอนาคตสามารถนำไปจัดเป็นกองทุนช่วยเหลือหนี้สินให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากผลผลิตเสียหายเพราะภัยธรรมชาติต่าง ๆ และใช้หนี้สินให้กับเงินกู้เพื่อการศึกษา (กยศ.) เงินกู้นอกระบบ ให้กับนักเรียนนักศึกษา 

ด้านนายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพทท. กล่าวว่า นอกจากนี้พรรคยังขอเสนอว่าเนื่องจากการอนุมัติและการเบิกจ่ายเงินของรัฐบาลทำได้ล่าช้า ทั้งยังจ่ายให้ประชาชนได้ไม่เต็มที่ ซึ่งไม่ถึงร้อยละ 50 ของวงเงินทั้งหมด แต่หากกู้มาใหม่ขอให้ดำเนินการอนุมัติและการเบิกจ่ายให้ทันท้วงทีเพื่อเยียวยาแก้ปัญหาให้ประชาชนในส่วนของพ.ร.บ.การพนัน แต่เดิมร่างพ.ร.บ.เก่ามากแล้วจึงควรมีการปัดฝุ่น โดยพรรคพลังท้องถิ่นไทจะยื่นเสนอร่างพ.ร.บ.การพนัน ในสมัยประชุมสภานี้

“ศิริกัญญา" ชี้ พ.ร.ก.แพ่งและพาณิชย์ ช่วยลูกหนี้เป็นธรรมมากขึ้น แม้ล่าช้ารอนานกว่า 100 ปี ด้าน "ธีรัจชัย" เปรียบเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ  จี้ ส่งศาลรธน.ตีความชอบด้วยรธน.หรือไม่

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ต้องขอชมเชยการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพราะเป็นการช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้รับความเป็นธรรมไม่ว่าจะเป็นการคำนวนดอกเบี้ยผิดนัดชำระหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งที่ไม่ได้กำหนดไว้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราดอกเบี้ย เงินฝาก เงินกู้ ปรับลดลงแล้ว แต่ต้องบอกว่าเป็นความเป็นธรรมที่มาล่าช้า ประชาชนต้องรอเกือบ 100 ปี ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์กำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ไม่ได้บรรจุไว้ในสัญญาที่ 7.5 เปอร์เซ็นต์ ออกมาตั้งแต่ปี 2468 โดยเฉพาะการคำนวนดอกเบี้ยผิดนัดที่ผิดนัดงวดเดียว แต่ถูกคิดดอกเบี้ยผิดนัดจากเงินต้นที่เหลือทั้งหมด ถือว่าเอารัดเอาเปรียบลูกหนี้ ต้องมีลูกหนี้แบกรับภาระที่ไม่เป็นธรรม ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก่อนใครจะรับผิดชอบ

ขณะที่นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเรียกร้องให้ประธานสภาฯ ส่งพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวส่งศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตีความว่า การให้อำนาจกระทรวงการคลัง เพื่อขึ้นดอกเบี้ยโดยไม่ผ่านกระทรวงนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 หรือไม่ ซึ่งกรณีที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังออกพระราชกฤษฎีกา ปรับเพิ่มดอกเบี้ยได้ นั้นประชาชนได้รับผลกระทบและตนมองว่าอาจเป็นการช่วยเหลือนายทุน

“พ.ร.ก.ฉบับนี้  เหมือนจะดี แต่ไม่ดี เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ เพราะการให้อำนาจกระทรวงการคลังพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ว่าจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เป็นพระราชกฤษฎีกา ทุก ๆ 3 ปีเท่ากับสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ตามอำเภอใจ เช่น ร้อยละ 7 เท่ากับเขียนเช็คเปล่าให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการ ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ มีแต่โทษกับโทษ ทั้งกระบวนการออกกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้ใช้วิธีปิดปากสภาฯ ไม่สามารถแก้ไขได้ในสภาฯเลย” นายธีรัจชัย กล่าว

ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การที่บอกว่าประชาชนได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง สะท้อนสภาพการณ์ปัจจุบัน เอสเอ็มอีจะได้ประโยชน์ลดการฟ้องร้อง เพราะภาระดอกเบี้ยลดลง โดยเฉพาะดอกเบี้ยผิดนัด ซึ่งตนสนับสนุนการดำเนินการเรื่องนี้ แต่ไม่สะเด็ดน้ำเพราะยังมีปัญหาอยู่มาก ซึ่งประชาชนตั้งความหวังสูงเพราะเห็นข้อความที่ยื่นเข้า ครม.ทำให้คนคาดหวังว่าดอกเบี้ยลงทันที เพราะมาตรการที่ใช้ออกเป็น พ.ร.ก.คือต้องรวดเร็ว เข้มข้น เป็นธรรมและทั่วถึง ถ้วนหน้า ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ดอกเบี้ยไม่ลดลงเลย ส่วนต่างดอกเบี้ย 3 เปอร์เซนต์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แนะนำ แต่จากตัวเลขเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาพบว่าประเทศไทยมีส่วนต่างดอกเบี้ย 5.2 เปอร์เซนต์ และทุกประเทศในภูมิภาคนี้มีตั้งแต่ 1-4.6 เปอร์เซนต์ และในเอเชียแปซิฟิก เราแชมป์ แต่เป็นแชมป์ที่เป็นภาระแก่ประชาชน และค่าเฉลี่ยไม่สะท้อนปัญหาคนจน คนมีน้อยได้ดอกเบี้ยเงินฝากน้อย จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้สูง คนมีมากได้ดอกเบี้ยเงินฝากสูง จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้น้อยกว่า

นายเกียรติ กล่าวต่อว่า ฉะนั้นรัฐบาลต้องไม่หลงเอาค่าเฉลี่ยมาเป็นเกณฑ์ในการออกแบบนโยบายหรือมาตรการของรัฐ เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยไม่ลงเลย ทั้งที่ชาวบ้านเข้าใจว่าดอกเบี้ยจะลง และคนที่ได้ประโยชน์จาก พ.ร.ก.ฉบับนี้มีน้อยมาก และแก้ปัญหาสินเชื่อในระบบได้เพียง 0.1 เปอร์เซนต์เท่านั้น แล้วอย่างนี้ถือว่าเร่งด่วนอย่างไร หากเป็นเช่นนั้นขอเสนอให้ออกพ.ร.ก.อีกฉบับหนึ่งได้ โดยให้ครอบคลุม หรือจะให้มีเวลาภายใน 3 ปีให้ลงมาเหลือ 3 เปอร์เซนต์ ตนก็ไม่ว่าและจะให้การสนับสนุน จึงขอให้คิดให้ดี เพราะวันนี้แก้ได้ไม่ถึง 1 เปอร์เซนต์ และกระทรวงการคลัง และธปท.รับปากได้หรือไม่ว่าจะไปแก้ประกาศที่ยกเว้น เปิดช่องให้เขาใช้เกินมาตรา 654 คือเพดานเงินกู้ที่สูงสุด

ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่าการออก พ.ร.ก.ฉบับนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย การปรับวิธีการคิดดอกเบี้ยผิดนัด เหมือนกับว่าจะช่วยให้ลูกหนี้ขนาดใหญ่มีอำนาจต่อรองมากขึ้น จะทำให้มีผลกระทบต่อประเทศในเรื่องที่เขามีเงินแต่คิดดอกเบี้ยน้อย เมื่อผิดนัด แต่สถาบันการเงินทำอะไรเขาไม่ได้ ซึ่งจะมีผระกระทบต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจ ตนไม่อยากบอกว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้ประชาชนจะได้ประโยชน์ขนาดไหน ถ้าจะกล่าวหากันแบบที่เขาชอบใช้กันตนมีความรู้สึกว่ากฎหมายฉบับนี้ไม่ได้เอื้อให้กับนายแบงค์  แต่เป็นการเอื้อให้บรรดานายทุนผู้เป็นลูกหนี้ของแบงค์ เอื้อประโยชน์ให้นายทุนที่กู้เงินธนาคาร ยิ่งกว่าประชาชนทั่วไป ดังนั้น ถ้าจะเป็นที่จะออก พ.ร.ก.อีกฉบับให้ชัดเจนก็น่าจะเป็นประโยชน์กว่า

‘ปริญญ์ พานิชภักดิ์’ แนะเร่งทำความเข้าใจเรื่องวัคซีน ชี้ คนบางกลุ่มยังเข้าไม่ถึงโซเชียลมีเดีย พร้อมแนะทำ Vaccine Passport ในรูปแบบดิจิทัลให้คนฉีดครบ 2 เข็ม

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย กล่าวว่าจากการที่ตนเองและทีมลงพื้นที่ในหลายชุมชนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งเขตบางซื่อ คลองสามวา ป้อมปราบ คลองเตย หลักสี่ พบว่าพี่น้องประชาชนบางส่วนยังมีความเข้าใจผิด ทำให้ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปรวมถึงผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 7 โรค ยังมีความกลัวที่จะฉีดวัคซีน ดังนั้นจำเป็นต้องมีการดำเนินการเชิงรุกในการสื่อสารเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเรื่องวัคซีนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะคนบางกลุ่มยังเข้าไม่ถึงโซเชียลมีเดีย

ทั้งนี้ นายปริญญ์ ได้กล่าวว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างเช่น ยุทธศาสตร์ Phuket Tourism Sandbox ซึ่งจะเป็นการเปิดเมืองเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ให้สามารถเข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ว่า อยากให้ทางกรุงเทพมหานคร และ ศบค. ได้พิจารณาถึงในพื้นที่หรือจังหวัดอื่น ๆ ด้วย โดยขณะนี้มีหลายประเทศจัดทำ Vaccine Holiday ที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาฉีดวัคซีนและอยู่ท่องเที่ยวในประเทศจนถึงระยะการรับวัคซีนเข็มที่ 2 ซึ่งหากไทยสามารถพิจารณาดำเนินการในอนาคตได้ ก็จะทำให้มีเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ นายปริญญ์ ยังได้กล่าวถึงเรื่อง Vaccine Passport ที่ขณะนี้ยังต้องไปติดต่อที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวก อีกทั้งยังอยู่ในรูปแบบกระดาษ ดังนั้นจึงอยากเสนอให้พิจารณาจัดทำ Vaccine Passport ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งก็น่าจะสร้างความสะดวกให้กับผู้ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มและต้องการเดินทางได้

“การสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน จะส่งผลให้เกิดความร่วมมือ ร่วมใจ ยืดอก ถลกแขนเสื้อ และไปฉีดวัคซีนได้ อันจะนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของคนในประเทศ” นายปริญญ์ กล่าวในที่สุด


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top