Wednesday, 19 February 2025
POLITICS

“บิ๊กตู่” ปลื้ม ทางหลวงสวยหลังปลูกต้นไม้เสริมทัศนียภาพ สั่ง หน่วยราชการ ปลูกเพิ่ม สร้างเอกลักษณ์ ต่อยอดการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ติดตามข้อสั่งการในการดำเนินงานปรับปรุงภูมิทัศน์บนท้องถนนของกรมทางหลวง ที่ได้ดำเนินโครงการปลูกต้นไม้ในในหลายพื้นที่ พบว่าผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็น ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ),  ทางหลวงหมายเลข 12 ตอน บ้านฝาง-ขอนแก่, ทางหลวงหมายเลข 1021 สายพะเยา-เชียงคำ, ทางหลวงหมายเลข 33 ตอน คลองยาง-นครนายก ฯลฯ ได้มีการปรับปรุง ปลูกต้นไม้ที่มีสีสันสวยงาม ช่วยให้ทัศนียภาพตลอดสองข้างทางดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงขอชื่นชม และสนับสนุนให้ดำเนินงานต่อไป

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังสั่งการเพิ่มเติมให้กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย พร้อมทั้งหน่วยงานรัฐ ดำเนินโครงการปลูกต้นไม้อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองและถนนหนทางให้มีความสวยงาม ร่มรื่น โดยเลือกปลูกต้นไม้ที่เหมาะกับแต่ละพื้นที่ เพื่อความง่ายในการดูแลรักษา ทั้งยังจะเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ด้วย โดยการปลูกต้นไม้ที่สร้างความสวยงานให้กับเมืองและท้องถนนนั้น จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายหน่วยงาน ได้เสนอตามแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยมีบางส่วนเสนอโครงการเกี่ยวกับการปรับภูมิทัศน์เมืองด้วยการปลูกต้นไม้ และปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองที่มีต้นไม้เป็นส่วนประกอบ นายกรัฐมนตรี กำชับให้มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า โปร่งใส คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดที่จะเกิดแก่พื้นที่ หรือท้องถิ่น และขอให้ทำด้วยความตั้งใจ เพราะการพัฒนาในส่วนนี้ ไม่ใช่เพียงแต่เพื่อความสวยงาม แต่จะส่งผลบวกทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวตามมาด้วย

"นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการปลูกต้นไม้ ทั้งการปลูกต้นไม้เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการปลูกต้นไม้เพื่อปรับปรุงทัศนียภาพ สร้างสีสันให้กับเมืองและถนนหนทาง ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสวยงาม แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นแรงดึงดูดส่งเสริมการท่องเที่ยว และต่อยอดการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้เมืองน่าอยู่ ถนนหนทางร่มรื่น สวยงาม จึงขอเชิญชวนประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูกต้นไม้ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีและทัศนียภาพที่น่ามอง" น.ส.ไตรศุลี กล่าว

อนุทิน กล่าวถึงการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าว่า ได้หารือกับตัวแทนบริษัท แอสตร้าเซนเนกาฯ พร้อมผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติแล้ว เพื่อติดตามการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ทันกำหนดเดือน มิ.ย.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าว่า ได้หารือกับตัวแทนบริษัท แอสตร้าเซนเนกาฯ พร้อมผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติแล้ว เพื่อติดตามการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ทันกำหนดเดือน มิ.ย. โดยย้ำให้มีการติดตามกับบริษัท แอสตร้าฯ อย่างต่อเนื่อง และจะหารือเรื่อย ๆ ซึ่งการจัดส่งวัคซีนเป็นหน้าที่ของบริษัทผู้ผลิต พร้อมเรียกร้องให้ตัวแทนบริษัทออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชน

"เชื่อมั่นส่งวัคซีนแอสตร้าฯ ที่ผลิตในไทยทันตามกำหนด และสามารถฉีดในวันที่ 7 มิ.ย.แน่ เนื่องจากในสัญญาการส่งมอบระบุชัด ครอบคลุม ต้องมีวัคซีนให้ไทย โดยอาจนำวัคซีนแอสตร้าฯ ที่อยู่ในแหล่งผลิตอื่นส่งให้ไทยก็ได้ ดังนั้นใครที่เคยระบุจะกดดันผมให้ลาออกหากไม่มีวัคซีนมาทันตามกำหนด ถ้ามีวัคซีนมาก็ขอให้คนที่ออกมากดดันผมลาออกด้วย ส่วนเงื่อนไขการตรวจสอบรับรองรุ่นการผลิตวัคซีนแอสตร้าฯ ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนกับวัคซีนตัวอื่น เนื่องจากผลิตในไทย ผ่านการขึ้นทะเบียนแล้ว การตรวจสอบใช้เวลาเพียง 3-4 วัน หากมาในเดือน มิ.ย.ก็สามารถฉีดได้ทันตามกำหนด 7 มิ.ย.นี้" นายอนุทินกล่าว

รองนายกฯ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ ได้มีการหารือแล้วเช่นกัน อยู่ระหว่างการร่างสัญญาการจัดซื้อ เนื่องจากการจัดซื้อวัคซีนในสถานการณ์ภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ต้องทำอย่างโปร่งใสทุกขั้นตอน และส่งร่างให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา หากสำนักงานอัยการสูงสุดว่าผ่าน ก็เดินหน้าเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดหาได้ ใช้เวลาประมาณอีก 1 เดือน จากนั้นในครึ่งปีหน้าก็สามารถทยอยส่งวัคซีนไฟเซอร์ให้ไทย 20 ล้านโดสได้

"ส่วนวัคซีนของซิโนฟาร์ม อยู่ระหว่างขอขึ้นทะเบียนของ อย. โดยจะมีการหารือวันศุกร์ที่ 28 พ.ค.นี้ ส่วนเรื่องข้อกังวลเรื่องเข็มและไซริงฉีดวัคซีนอาจไม่เพียงพอหากมีการปูพรมฉีดเพราะต้องใช้จำนวนมากนั้น เรื่องนี้ทางกรมควบคุมโรค ได้มีการจัดเตรียมสั่งซื้อเข็มฉีดยาแบบ Low Dead Space Syringes ด้วยไซริงพิเศษ ขนาด 0.5 ซีซีไว้แล้ว" รองนายกฯกล่าว


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/104169


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

“บิ๊กบี้” สั่ง ระดมบุคลากรสายแพทย์ช่วย สธ.แก้ปัญหาโควิด พร้อม นำรถครัวสนาม, รถปันสุขส่งมอบอาหาร, ผลผลิตโครงการทหารพันธุ์ดีช่วยเหลือปชช. และช่วยกำจัดเชื้อในรร.รับเปิดเทอม

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.หญิงพัชรินทร์ บุศยกุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้กำชับหน่วยทหารดำรงการสนับสนุนภารกิจของ ศบค. ในสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะในส่วนของการรักษาพยาบาล ยังคงสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม 5 แห่ง รองรับผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนามจำนวน 548 ราย ในพื้นที่ กทม., จ.นนทบุรี, จ.สงขลา และจ.กาญจนบุรี 

นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลค่ายกาวิละ และ โรงพยาบาลค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เข้าช่วยสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ในการบริหารจัดการ ในพื้นที่มีการแพร่ระบาดแบบเฉพาะกลุ่ม (คลัสเตอร์) ที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ รวมทั้งได้สนับสนุนกำลังพลช่วยสำนักอนามัย กทม. อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการตรวจและเก็บตัวอย่างหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก ใน 2 พื้นที่ เขตราชเทวี และเขตบางพลัด กทม.นอกจากนี้ กองทัพบกได้ส่งกำลังพลเหล่าแพทย์สนับสนุนกรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุขในการบริหารจัดการสายด่วน 1668, 1669 และ 1330  ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. 64 

สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ผู้บัญชาการทหารบก ได้เน้นย้ำกับหน่วยทหารในการเข้าไปช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชนในพื้นที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 จำนวนมากแบบเฉพาะกลุ่ม (คลัสเตอร์) โดยที่ผ่านมากองทัพบกได้ระดมรถครัวสนามร่วมกับทุกภาคส่วนแจกจ่ายอาหารปรุงสุกในชุมชนเขตคลองเตย, เขตดุสิต และกระจายอีกหลายพื้นที่ใน กทม. เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน ตั้งแต่ 1 พ.ค. 64 เป็นต้นมา ได้ดำเนินการแจกจ่ายอาหารปรุงสุกไปแล้วจำนวน 165,660 กล่อง และยังคงจะดำเนินการต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย 

ในส่วนของหน่วยทหารต่างจังหวัด ได้มีการแจกจ่ายอาหารเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นตลอดจนผลผลิตทางการเกษตรของหน่วยทหารในโครงการทหารพันธุ์ดี, โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ และศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ผ่าน “รถปันสุข” ส่งถึงที่พักอาศัยโดยเฉพาะพื้นที่มีการระบาด และประชาชนที่ไม่สามารถเดินทางมารับเองได้ เป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ควบคู่กับการรับซื้อผลผลิตและวัตถุดิบทางการเกษตรจากเกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ ไม่มีตลาดรับซื้อเกิดความล่าช้าในการระบายผลผลิต และการขนส่ง 

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังห่วงใยผู้ประกอบการรายย่อยบริเวณพื้นที่รอบกองบัญชาการกองทัพบก และชุมชนใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จึงได้ช่วยอุดหนุนซื้ออาหารจากร้านค้ารายย่อย พร้อมนำไปมอบให้กับประชาชนที่พักอาศัยอยู่ชุมชนรอบพื้นที่ พร้อมมอบหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังได้กำชับหน่วยทหารดำรงการฉีดพ่นล้างฆ่าเชื้อในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะโรงเรียน และสถานการศึกษา ซึ่งกำลังจะเปิดภาคเรียนในเดือน มิ.ย. 64 โดยตั้งแต่ ม.ค. 64 จนถึงปัจจุบัน กองทัพบกได้จัดชุดปฏิบัติการฉีดพ่นฆ่าเชื้อล้างสิ่งปนเปื้อน ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
 รวม 375 พื้นที่ 167 โรงเรียน หากหน่วยงานใดมีความประสงค์ขอรับการสนับสนุน สามารถประสานขอความช่วยเหลือได้ที่หน่วยทหารใกล้บ้าน

คนไทยก็หนีข้ามมา..!!!! กกล.บูรพา​ จับคนไทยลอบข้ามแดนไปทำงานบ่อน ในกรุงพนมเปญ

กองทัพภาคที่​ 1​ โดยกองกำลังบูรพา​ (​กกล.บูรพา)​ หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ (ฉก.อรัญประเทศ)​ กองร้อยทหารพรานที่​ 1204 เข้าทำการตรวจพบผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายจำนวน 10 ราย​ (ช.4,ญ.6) ขณะทำการลาดตระเวนในพื้นที่ บ บริเวณ บ.ผ่านศึก ม.5 ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 

ซึ่งจากการซักถามของเจ้าหน้าที่ทราบว่า กลุ่มคนดังกล่าวเป็นคนไทยต้องการไปทำงานบ่อนออนไลน์ในพื้นที่ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา​ จึงได้ควบคุมตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายและมาตรการควบคุมโรคต่อไป

“วิษณุ” เผย กฤษฎีกาการันตี พ.ร.ก.กู้ 5 แสนล้านถูกต้องตามกฎหมาย ระบุ ศาลปกครองเพิกถอนไม่ได้ เหตุไม่ใช่มติครม. ชี้ เดินหน้าพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ เพราะมีกรอบ 105 วันบังคับไว้ หากไม่เสร็จเท่ากับผ่านอัตโมนัติ เห็นด้วยมาตรการสว.

“วิษณุ” เผย กฤษฎีกาการันตี พ.ร.ก.กู้ 5 แสนล้านถูกต้องตามกฎหมาย ระบุ ศาลปกครองเพิกถอนไม่ได้ เหตุไม่ใช่มติครม. ชี้ เดินหน้าพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ เพราะมีกรอบ 105 วันบังคับไว้ หากไม่เสร็จเท่ากับผ่านอัตโมนัติ เห็นด้วยมาตรการสว. จัดไมค์กลางให้คนอภิปรายเฉพาะ “เหน็บ” ชอบมีวอลเปเปอร์อยากออกทีวีมานั่งรับน้ำลาย “แนะ” อย่าพูดมาก “ขู่” อาจลมจับคาไมค์ได้

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง พร้อมด้วยคณะแกนนำกลุ่มสามัคคีประชนเพื่อประเทศไทย ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ให้พิจารณาและมีคำสั่งเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 64 ที่เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ออกร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. ... วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท และมติ ครม.เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 63 ที่มีมติเห็นชอบ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา พ.ศ.2563 หรือ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ว่า เรื่องดังกล่าวคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ชี้แจงแล้วว่าเรื่องนี้ได้ตรวจสอบตั้งแต่ต้นแล้ว และยังคิดไม่ออกว่าเกี่ยวข้องอะไรกับศาลปกครอง เพราะในรัฐธรรมนูญเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าจะดำเนินการร้องต้องไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ทั้งนี้ พอรู้เหตุผลที่ผู้ร้องไปร้องต่อศาลปกครอง เพราะเขาไม่รู้ว่าจะมีการประกาศออกมาเมื่อไหร่ จึงได้ร้องให้มีการเพิกถอนมติของ ครม. แต่เรื่องมันเกินมติ ครม. ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม การยื่นเรื่องต่อศาลปกครองนั้นไม่ได้ถือว่าผิด เพียงแต่เขาต้องการให้มีการเพิกถอน แต่เมื่อเป็นพ.ร.ก.แล้วศาลปกครองเพิกถอนไม่ได้ แต่ถ้าเป็นมติของ ครม. ศาลปกครองถึงจะมีอำนาจเพิกถอนได้ แต่ผู้ร้องคิดว่าเป็นมติ ครม. จึงไปร้องต่อศาลปกครอง 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในทางกฎหมายถือว่าเป็นการร้องผิดศาลหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ผิดถ้าเขาต้องการให้เพิกถอน แต่เมื่อเป็น พ.ร.ก.แล้ว ศาลปกครองเพิกถอนไม่ได้ แต่ถ้าหากเป็นมติ ครม. ศาลปกครองสามารถเพิกถอนได้ เขาคงนึกว่าเป็นมติ ครม. ซึ่งไม่ใช่ เพราะในความเป็นจริงเป็น พ.ร.ก.ไปแล้ว 

“ทั้งนี้ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ชี้แจงว่ากระบวนการและขั้นตอนถูกต้องทุกอย่าง และที่สำคัญที่มีการร้องว่าไม่มีอำนาจนั้น มีอำนาจตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลัง ซึ่งมีมาตราที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้อยู่ ซึ่งเรื่องนี้มีการเช็คและตรวจสอบตั้งแต่ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทแล้วที่มีการบอกไว้ชัดเจนว่า มาตรา 53 สามารถกู้เงินได้โดยวิธีการนี้ ทุกอย่างจึงเข้าตามหลักเกณฑ์ทั้งหมด และทำตามขั้นตอนเช่นเดียวกับกรณีพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาททุกอย่าง” นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องพิจารณาก่อนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่จำเป็น เรื่องนี้สภาจะพิจารณาหลังร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เพราะการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯนั้นต้องพิจารณาให้เสร็จภายในเวลา 105 วัน นับตั้งแต่วันที่ส่งร่างให้กับสภา ซึ่งรัฐบาลได้ส่งร่างให้กับสภาฯตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. แม้ขณะนั้นสภายังไม่ได้เปิดสมัยประชุมแต่จำนวนวันได้เริ่มนับแล้ว ดังนั้น ถ้ามีการประชุมในวันที่ 31 พ.ค.เท่ากับเราเสียเวลาไปแล้ว 15 วัน จาก 105 วัน ดังนั้น สภาจะเหลือวันพิจารณาน้อยลง เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรไปตัดหน้าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อีก หรืออย่างที่ ส.ส. บางคนกลัวการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนขอให้เลื่อนการพิจารณาออกไปนั้น เวลาก็จะหายไป ซึ่งอาจทำให้พิจารณาได้ไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด 105 วัน โดยรัฐธรรมนูญในมาตรา 143 บัญญัติไว้ว่า ถ้าสภาพิจารณาไม่เสร็จภายใน 105 วันให้ถือว่าให้ความเห็นชอบและอนุมัติตามร่างทุกประการ แก้ไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว เพราะฉะนั้น จึงต้องพิจารณาให้เสร็จ

นายวิษณุ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในสภา จะส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯหรือไม่ ว่าอย่าพึ่งพูด เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการแพร่ระบาดในสภา เท่าที่ทราบมีการแพร่ระบาดที่แคมป์คนงานต่าง ๆ โดยเฉพาะแคมป์คนงานที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า ส่วนเมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่มีข่าวว่าแม่บ้านสภาติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงต้องให้ทางสภาเป็นผู้ประเมินสถานการณ์ แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่าเรามีกฎหมายในเรื่องข้อกำหนด 105 วันบังคับอยู่ ทางที่ดีควรพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว โดยใช้วิธีลดความแออัดลง ใครที่ไม่พูดก็ไม่ต้องไปนั่งในห้องประชุม เข้าไปเฉพาะเวลาที่มีการนับองค์ประชุมอย่างนี้น่าจะสบายหน่อย 

“ถึงแม้เวลาพูดหรืออภิปราย ข้อกำหนดของสภาอาจจะมีการให้ผ่อนผันให้สามารถถอดหน้ากากได้หากประธานในที่ประชุมอนุญาต แต่ไม่ควรที่จะถอด ขนาดผมนั่งประชุมยังเกือบเป็นลมคาไมโครโฟน เพราะหายใจไม่ออก ดังนั้น เหลืออยู่คำเดียวคืออย่าพูดมาก อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบทางวุฒิสภาเตรียมเสนอให้ตั้งไมโครโฟนไว้ต่างหาก อย่าใช้ไมโครโฟนตรงที่นั่งประจำ ใครที่ต้องการพูดก็ให้ออกมาพูดที่ไมโครโฟน จะได้ไม่มีการแย่งกันพูด และหลังจากคนหนึ่งพูดเสร็จให้มีการฉีดแอลกอฮอล์และเปลี่ยนผ้าคลุมเป็นระยะ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ถือว่าใช้ได้ ผมเห็นด้วย แต่ถ้ายืนพูดอยู่ตรงที่นั่งนั้นถือว่าอันตราย เพราะมีบางคนแม้นั่งอยู่ที่อื่น แต่พอมีคนลุกขึ้นพูดก็ชอบมานั่งใกล้ ๆ เพื่อจะได้ออกทีวี อย่างนั้นรับน้ำลายไปเต็ม ๆ ” นายวิษณุ กล่าว

“ธนกร” โต้ “พิธา” ทำตัวเหมือนเด็กอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ ขยันตั้งคำถามสร้างความสับสน จนผู้ตอบเบื่อ ยันวัคซีนแอสตราเซเนกายังนำเข้าตามกำหนดเดิมในเดือน มิ.ย. “วอน” ทุกฝ่ายเข้าใจ “บิ๊กตู่” ปรับแผนแก้ปัญหาตามสถานการณ์ 

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลคุมเข้มอย่างเต็มที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยืนยันในเรื่องของการกระจายสถานที่ฉีดวัคซีนให้ทั่วถึง ทั้งของรัฐ เอกชน และภาคธุรกิจ ที่เตรียมพื้นที่ไว้ ทุกพื้นที่จำเป็นต้องมีผู้ฉีดด้วย ซึ่งต้องเป็นแพทย์และบุคคลาการทางการแพทย์ พยาบาล ซึ่งบางแห่งมีมาก บางแห่งมีน้อย และบางแห่งก็ยังไม่มี ซึ่งจะจัดหาเพิ่มเติมให้เท่าที่จะทำได้ และจำเป็นต้องพิจารณาในเรื่องของการแพร่ระบาดระลอกใหม่ด้วย บางพื้นที่อันตรายมาก ปานกลาง หรืออันตรายน้อย ฉะนั้นจำเป็นต้องมีการปรับเรื่องวัคซีน แต่ยืนยันว่า ทุกคนได้ฉีดแน่นอน นอกจากนั้นหากสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง ก็อาจจะต้องมีการปรับแผนบ้างตามที่พล.อ.ประยุทธ์บอกไว้ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีน แต่ทุกอย่างจะต้องดำเนินการให้ครอบคลุมประชาชน 50 ล้านคนภายในปี 64 นี้ จึงไม่อยากเห็นการบิดเบือนข้อมูลสร้างความสับสนให้ประชาชน

นายธนกร กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาจี้รัฐบาลเรื่องปมวัคซีนแอสตร้าเซนเนกาจะมาตามนัดหรือไม่นั้น คิดว่าสมัยเด็กนายพิธาคงอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ จึงตั้งคำถามตลอดจนบางครั้งผู้เกี่ยวข้องก็เบื่อที่จะตอบ เพราะคำถามมักจะมีคำตอบที่ชัดเจนอยู่แล้ว  ประชาชนเข้าใจดี แต่นายพิธาแกล้งไม่เข้าใจ ในส่วนของวัคซีนแอสตร้าเซนเนกานั้นยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม ส่วนที่ได้มาก่อนหน้านี้ 117,500 โดส ฉีดเป็นเข็มแรกไปเกือบหมดแล้ว เพื่อปูพรมให้มากที่สุด ส่วนที่นายพิธาถาม ก็มีการส่งตามสัญญาคือเดือน มิ.ย. ซึ่งไม่เห็นว่าจะเข้าใจยากตรงไหน วันนี้คู่สัญญาเขายืนยันตามเดิม และวัคซีนก็ทยอยมา 

“ไม่อยากให้นายพิธาสร้างความสับสนให้กับประชาชน สงสารประเทศบ้าง หยุดพูดบ้างก็ได้ ไม่ตายหรอก อย่าซ้ำเติมประเทศเลย ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ไม่ใช่ขัดแข้งขัดขาลูกเดียว บ้านเมืองจะเดินหน้าไม่ได้ วันนี้เป็นเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกัน” นายธนกรกล่าว

“บิ๊กตู่” หารือ รมว.กห.ญี่ปุ่น กระชับความร่วมมือดำรงบทบาทที่เข้มแข็งรักษาผลประโยชน์ของภูมิภาคร่วมกัน “ยืนยัน” ไทยสนับสนุนการสร้างความปรองดองในเมียนมา

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยถึงการหารือระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรมว.กลาโหม กับนายคิชิ โนบุโอะ (นาย KISHI Nobuo ) รมว.กลาโหมญี่ปุ่นว่า ว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หารือกับรัฐมนตรีกลาโหมของญี่ปุ่นโดยมีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ ปลัดกระทรวงกลาโหมร่วมหารือผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยทั้งสองฝ่าย ได้ย้ำความสัมพันธ์และการดำรงบทบาทที่ใกล้ชิดกันระหว่างกันทั้งระดับพหุพาคีและทวิภาคี โดยเฉพาะความร่วมมือทางทหาร ที่มีการแลกเปลี่ยนการฝึก การศึกษากันในระดับต่าง ๆ ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมทั้งข้อเสนอร่างความตกลงระหว่างกัน ด้านการมอบ โอนยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกัน ต่อจากนั้นได้หารือถึงความร่วมมือกันถึงปัญหาความมั่นคงของ ภูมิภาค ทั้งแก้ปัญหาในเมียนมา ทะเลจีนใต้และคาบสมุทรเกาหลี และโรคระบาดของ COVID-19 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแสดงความยินดีกับ นาย KISHI Nobuo ที่เข้ารับตำแหน่ง รมว.กห.และขอบคุณญี่ปุ่นที่สนับสนุนอำนวยความสะดวกคนไทยเดินทางกลับจากญี่ปุ่นที่ผ่านมา ไทยยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือทางทะเล และสนับสนุนการดำรงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ของทุกประเทศ เพื่อให้ทะเลจีนใต้เป็นทะเลแห่งสันติภาพ เปิดกว้างมีการพัฒนาที่ยังยืนและไม่มีข้อพิพาทระหว่างกัน  สำหรับสถานการณ์ในเมียนมา ไทยพร้อมสนับสนุนถ้อยแถลงอาเซียนในการเจรจา การปรองดองและกลับคืนสู่สภาวะปกติ ตามเจตจำนงและผลประโยชน์ของประชาชนในเมียนมา และยืนยันดูแลผู้หลบหนีภัยชาวเมียนมาตามหลักมนุษยธรรม พร้อมขอขอบคุณญี่ปุ่นที่มีบทบาทสร้างสรรค์ในการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่ผ่านมา และยืนยันความพร้อมในการเป็นที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ที่ญี่ปุ่นสนับสนุน ทั้งนี้ กห.พร้อมให้ความร่วมมือทำงานกับ กห.ญี่ปุ่น กระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและดำรงบทบาทอย่างเข้มแข็งในการรักษาผลประโยชน์ของภูมิภาคร่วมกัน

ทั้งนี้ นายคิชิ โนบุโอะ ย้ำข้อเรียกร้องของญี่ปุ่นต่อเมียนมาและสนับสนุนผลักดันแถลงการณ์อาเซียนในการแก้ปัญหาในเมียนมา โดยพร้อมสนับสนุนทำงานร่วมกับไทยในการแก้ปัญหา ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นมีความกังวลต่อสถานการณ์ในทะเลจีนใต้และคาบสมุทรเกาหลี ที่มีการปฏิบัติไม่สอดคล้องกับกฎหมายสากล โดยญี่ปุ่นแสดงความจำนงต่อการปฏิบัติความมั่นคงทางทะเลที่เสรีและเปิดเผยภายใต้กฎหมายสากล และยินดีทำงานร่วมกับไทยในฐานะผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียนกับญี่ปุ่น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พร้อมกันนี้ ญี่ปุ่นพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกับไทยในการแก้ปัญหา COVID-19 ที่เกิดขึ้นโดยเชื่อว่าไทยสามารถควบคุมได้ในอนาคตอันใกล้ พร้อมกับขอบคุณไทยที่สนับสนุนการฝึกร่วมทางทหารที่ผ่านมา

นายกฯ สั่ง แรงงาน จับมือ กทม.ปูพรม ตรวจโควิดเชิงรุกในแคมป์ก่อสร้าง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย นายกรัฐมนตรีห่วงใยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในแคมป์คนงาน สั่งการให้กระทรวงแรงงาน ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ลุยตรวจโควิด-19 เชิงรุกแก่แรงงานในแคมป์ก่อสร้างทั่วกรุง คาดเริ่มดำเนินการตรวจได้ในสัปดาห์หน้า

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือเรื่องแผนการตรวจโควิด-19 ในแคมป์คนงานก่อสร้าง โดยมีนายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ร้อยตำรวจเอกพงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยนายสุชาติ กล่าวว่า กรณีการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลัสเตอร์ในแคมป์ก่อสร้าง ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และท่านรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งท่านกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 ในขณะนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบจำนวนแรงงานในแคมป์คนงานในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีจำนวน 129,542 คน จากแคมป์ จำนวน 841 แห่ง ซึ่งเป็นคนไทย จำนวน 53,550 คน ต่างด้าว จำนวน 75,992 คน โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมาย กลุ่มเร่งด่วนที่สุด ที่พบการระบาดกลุ่มก้อนใหม่ (Cluster) และและเป็นกลุ่มที่มี Cluster เฝ้าระวัง ตาม ศบค.กำหนด (ณ วันที่ 23 พ.ค. 64)

กลุ่มที่ 1 เขตคลองสามวา เขตมีนบุรี เขตลาดกระบัง เขตสะพานสูง เขตหนองจอก รวมจำนวน 8,805 คน จำนวน 83 แห่ง กลุ่มที่ 2 เขตหลักสี่ เขตดอนเมือง เขตปทุมวัน เขตบางพลัด เขตบางคอแหลม รวมจำนวน 23,326 คน จำนวน 97 แห่ง และกลุ่มเร่งด่วน ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเขตเหนือ กรุงเทพมหานครกลาง กรุงเทพมหานครเขตใต้ กรุงเทพมหานครเขตตะวันออก กรุงเทพมหานครเขตธนบุรีเหนือ กรุงเทพมหานครเขตธนบุรีใต้ รวมจำนวน 97,411 คน จำนวน 661 แห่ง

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า กระทรวงแรงงาน จะมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม บูรณาการร่วมกับกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข เพื่อกำหนดมาตรการและรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจเชิงรุกรวมทั้งกำหนดจุดตรวจในแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันมีสถานพยาบาลพร้อมให้ความร่วมมือจำนวน 11 แห่ง 31 ทีม และเตรียมพร้อมสถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม เพื่อตรวจคัดกรองและดูแลรักษา โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการตรวจได้ภายในสัปดาห์หน้า

คปภ. สั่งประกันภัยแพ้วัคซีน มีผลคุ้มครองทุกจุดนอกรพ.

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ คปภ. ได้ออกคำสั่งนายทะเบียน ให้การทำประกันภัยการแพ้วัคซีนโควิด-19 หรือสัญญาเพิ่มเติมกับบริษัทประกันชีวิต และประกันวินาศภัย สามารถคุ้มครองผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ฉีดโดยแพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรที่ได้รับการอนุญาต ตามหน่วยให้บริการต่าง ๆ เช่น จุดบริการในห้างสรรพสินค้า หรือมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ซึ่งอยู่นอกโรงพยาบาล สถานพยาบาลเวชกรรมได้ด้วย

ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยที่ได้ฉีดวัคซีน บริเวณจุดให้บริการนอกโรงพยาบาล และได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่ามีอาการแพ้หรือผลข้างเคียงจากการฉีด จะได้รับการคุ้มครองตามที่กำหนดไว้เช่นเดียวกับการฉีดในโรงพยาบาล อาทิ ผลประโยชน์การเจ็บป่วยภาวะโคม่า สมองตายและระบบประสาทล้มเหลว การรักษาพยาบาลผู้ป่วยใน ผลประโยชน์เงินชดเชยรายวัน เป็นต้น ปัจจุบันมียอดการซื้อประกันภัยแพ้วัคซีนโควิด 800,269 ฉบับ เบี้ยประกันภัย 96.9 ล้านบาท และมียอดจ่ายค่าสินไหมทดแทน 105,190 บาท

ครม. ต่ออายุ วิศิษฏ์ 'ปลัดยุติ อีก 1 ปี พร้อม ตั้ง มานะ’ ACT นั่ง กก.คดีพิเศษ

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน 2 ราย ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ได้แก่

1.) นายกิตติศักดิ์ จุลสำรวล ผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (นิติการ) ระดับสูง] กองหลักนิติบัญญัติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดำรงตำแหน่ง กรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

2.) นางสาวนุชนาถ เกษมพิบูลย์ไชย ผู้อำนวยการกอง [ผู้อำนวยการเฉพาะด้าน (นิติการ) ระดับสูง] กองกฎหมายต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดำรงตำแหน่ง กรรมการร่างกฎหมายประจำ (นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป 

ครม.รับทราบตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) [เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (5 มกราคม 2559) ที่กำหนดให้ทุกส่วนราชการแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่โฆษกกระทรวง/หน่วยงานอย่างเป็นทางการแล้วแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมรายชื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ] โดยได้แต่งตั้ง นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ เป็นโฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) เพื่อให้การประชาสัมพันธ์เผยแพร่นโยบายรัฐบาล นโยบายกระทรวงแรงงาน ตลอดจนผลการดำเนินงานของกระทรวงแรงงาน เป็นไปอย่างคล่องตัว ซึ่งกระทรวงแรงงานได้มีคำสั่งกระทรวงแรงงาน ที่ 246/2564 เรื่อง แต่งตั้งโฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) ด้วยแล้ว 

ครม.รับทราบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอการเปลี่ยนแปลงโฆษก สศช. เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงการดำรงตำแหน่งระดับสูงภายใน สศช. [เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (5 มกราคม 2559) ที่กำหนดให้ทุกส่วนราชการแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่โฆษกกระทรวง/หน่วยงานอย่างเป็นทางการ แล้วแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีรวบรวมรายชื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบ] สรุปได้ ดังนี้

1.) นายวันฉัตร สุวรรณกิตติ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็น โฆษก สศช.

2.) นางนภัสชล ทองสมจิตร ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน เป็น รองโฆษก สศช.

ครม.อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอแต่งตั้ง นางสาวสุกันยาณี ยะวิญชาญ รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป  

ครม.อนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบ 4 ปี ในวันที่ 5 มิถุนายน 2564 ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2565 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ 

ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ จำนวน 9 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระ2ปี ดังนี้  

1.) นายศรพล ตุลยะเสถียร (ด้านเศรษฐศาสตร์)

2.) นายสราวุธ เบญจกุล(ด้านการเงินการธนาคาร)

3.) พันตำรวจเอก ญาณพล ยั่งยืน (ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ)

4.) นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส (ด้านกฎหมาย)

5.) นายดำรงศักดิ์ เครือแก้ว (ด้านกฎหมาย)

6.) พลเอก ณรงค์ฤทธิ์ อิศรัตน์ (ด้านความมั่นคงประเทศ)

7.) พลตำรวจเอก ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ (ด้านการสอบสวนคดีอาญา)

8.) พลตำรวจเอก ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล (ด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน)

9.) นายมานะ นิมิตรมงคล (ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริต)

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป 

"อนุชา" ท้า ยกเงินเดือน 5 เดือน ตามหาคนใส่ไฟ ยัน ทีมงานไม่เคยกร่างใส่ใคร ชี้ มีผู้ไม่หวังดีเล่นเกมการเมืองหวังเลื่อยขาเก้าอี้ เชื่อ สื่อฯรู้ตัวคนปล่อยข่าว

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่า ผู้ติดตามของรัฐมนตรีบางคน ทำตัวไม่เหมาะสมโดยเบ่งใส่แพทย์และพยาบาลระหว่างการฉีดวัคซีนที่รัฐสภาว่า ได้พูดคุยกับผู้ติดตามทุกคนแล้วทุกคนไม่ทราบเรื่อง และในวันที่ 23 พ.ค. ที่ระบุตามกระแสข่าว ไม่มีทีมงานของตนอยู่ที่รัฐสภา 1 ล้านเปอร์เซ็นต์ 
  
"หากทีมงานของผมเป็นแบบนั้นจะตัดปากทิ้ง และให้ไปกราบเท้าขอโทษและจะไปอยู่ที่ไหนก็เชิญ ผมไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ยืนยันว่าไม่มีทีมงานของตนอยู่ที่นั่นแน่นอน หากใครไปคุยกับคุณหมอ และพบว่าเป็นทีมงานของผม ผมจะให้เงินเดือนของตัวเอง 5 เดือนเป็นรางวัลไปเลย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามรายงานระบุชัดเจนว่าเป็นทีมงานของนายอนุชา โดยนายอนุชากล่าวว่าตนไม่ทราบใครให้ข่าว ถ้าเราบอกว่าใครอย่างไร ตนก็บอกว่าไม่ใช่ แต่ถ้าใช่เป็นรางวัลให้ ทีมงานเรามีแต่ช่วยเหลือ และให้กำลังใจแพทย์ เพราะตนทำงานร่วมกับกรมประชาสัมพันธ์ และ ทีมงานตนได้นำภาพการทำงานของแพทย์ที่ทำงานในสถานการณ์โควิดออกมาสู่สังคมเพื่อให้รับรู้ว่าบุคคลกรทางแพทย์มีความเสียสละอย่างยิ่ง และต้องตรากตรำทำงานห้ามรุ่งห้ามค่ำเพื่อประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้พูดคุยกับทีมงานของที่มาของข่าวนี้หรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ไม่ทราบว่ามาได้อย่างไร เพราะปัจจุบันมีผู้ไม่หวังดีกับตนพอสมควร ใครที่ควรจะมีวิสัยอย่างนั้นก็อ่านเอาเอง เมื่อถามย้ำว่าคนไม่หวังดีที่ระบุนั้นเป็นคนใกล้ตัวหรือไกลตัว นายอนุชากล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่ทราบ แต่เชื่อว่าพวกเรารู้อยู่ในใจ   

เมื่อถามว่าเหตุใดจึงเฉพาะเจาะจงมาที่เลขาธิการพรรคพปชร. นายอนุชากล่าวว่า ไม่ทราบ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตามหาคนปล่อยข้อมูลนี้ออกมา และพวกเราช่วยกันตาม จะได้ทราบข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์เป็นเช่นใด ยืนยันว่าทีมงานของตนไม่มีทางที่จะไปก้าวล่วงบุคคลากรทางการแพทย์แน่นอน

เมื่อถามว่าส่วนตัวมองว่าการปล่อยข่าวเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ นายอนุชากล่าวว่า ก็น่าจะ แล้วนำชื่อตนไปกล่าวถึงได้อย่างไร ใครเป็นคนเอาชื่อตนไป ถ้าเอาไปจะต้องมีมูล และใครที่ให้ข่าวจะต้องออกมาชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคม ไม่ใช่ปล่อยมาเป็นข่าวลอยแบบนี้  และตนก็คิดว่าสื่อมวลชนเข้าใจ 

เมื่อถามว่ามองว่าเป็นการพยายามเลื่อยขาเก้าอี้เลขาธิการพปชร. นายอนุชา หัวเราะโดยปฎิเสธตอบคำถาม เมื่อถามว่าจะต้องชี้แจงกับนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาหรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่านายชวนหมายถึงใครด้วยซ้ำ เพราะตนได้สอบถามทีมงานของนายชวน ซึ่งก็บอกว่านายชวนพูดค่อนข้างทีเล่นทีจริงในที่ประชุมไม่ได้ซีเรียส หรือจริงจัง และนายชวนไม่ได้ระบุชื่อตนและทีมงานในที่ประชุมให้ไปดูที่ประชุมวิป3 ฝ่ายคนที่นำมาเป็นประเด็นมีอะไรแอบแฝงมากกว่า เหมือนในอดีต เมื่อถามว่าจะตามหาตัวผู้ที่ปล่อยข่าวนี้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า สื่อช่วยตามหาให้ตนหน่อยได้ไหม

"แรมโบ้" ย้อน "อ๋อย" สนุกมากนักหรือโพสเฟซบุ๊กให้ข้อมูล ปชช.สับสนข้อมูล-เกลียดชังรบ.ถ้าคิดได้แค่นี้คงหวังเป็นนักการเมืองน้ำดีไม่ได้

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีน ที่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนแต่บางโรงพยาบาลไม่มีวัคซีน โดยเรื่องนี้ได้มีการชี้แจงจากนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่าจากสถานการณ์ การระบาดที่กระจายวงกว้างมากขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับแผนกระจายวัคซีน เพื่อให้สามารถฉีดแก่ประชาชนได้มากขึ้น และเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน 

นายเสกสกล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยังให้ความมั่นใจแล้วว่าบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จะส่งวัคซีนตามข้อกำหนด โดยสัญญาระบุว่าหากวัคซีนที่ผลิตในไทยยังจัดส่งไม่ได้ก็ต้องจัดหามาจากแหล่งผลิตอื่นส่งให้ไทย และยืนยันมีวัคซีนฉีดให้กับประชาชนตามกำหนดแน่นอน ขณะเดียวกันประเทศไทยยังจะมีวัคซีนเข้ามาอีกหลายยี่ห้อเพื่อให้ประชาชนได้มีทางเลือกได้ฉีดให้มากที่สุด 

นายเสกสกล กล่าวว่า แม้การฉีดวัคซีนอาจจะติดขัดอยู่บ้าง แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจในการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล ว่าจะทำให้ดีที่สุดและให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนทุกคน ซึ่งตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไปก็จะมีวัคซีนทยอยเข้ามาฉีดให้กับประชาชนเป็นจำนวนมากแล้ว พร้อมขอนายจาตุรนต์ อย่านำมาเป็นประเด็นทางการเมืองมาโจมตี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐบาล เอาเวลามาทำงานเพื่อบ้านเมืองจะดีกว่า ถามจริงนายจาตุรนต์ สนุกมากนักหรือกับการโพสต์ในเฟสบุ๊กให้ประชาชนสับสนข้อมูลและเกลียดชังรัฐบาล

"รัฐบาลมีการปรับแผนให้เกิดความเหมาะสม พอมีช่องว่างการปรับแผนอะไรขึ้นมาหน่อยนายจาตุรนต์จะเสียบทันที เอามาเป็นประเด็นโจมตี ตนเชื่อแล้วแหละว่าช่วงนี้นายจาตุรนต์คงว่างงาน สมองก็เลยว่างไปด้วย คงจะถือสาหาความอะไรไม่ได้ จากคนที่เคยเป็นถึงอดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีมาแล้ว ถ้าคิดได้เพียงแค่นี้ ก็คงต้องให้อภัยกัน ถือเสียว่าภาพความเป็นนักการเมืองที่ประชาชนคาดหวังจะเป็นนักการเมืองน้ำดีมีคุณภาพ คงหวังไม่ได้เสียแล้ว น่าเสียดายที่สุด" นายเสกสกล กล่าว

"ชินวรณ์" เผย พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านเข้าสภาหลังเสร็จ พ.ร.บ.งบ 65 ย้ำ สภามีมาตรเข้มป้องโควิด

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึงพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทว่า ที่ประชุมวิปรัฐบาลเมื่อวานนี้ ได้หารือกันว่าเมื่อรัฐบาลให้ดำเนินการพ.ร.ก.เงินกู้เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทแล้ว เมื่อรัฐบาลมีความพร้อมก็ต้องส่งมาที่สภา และสภาก็ต้องบรรจุวาระแรกอีกครั้ง แต่เนื่องจากสภาได้กำหนดระเบียบวาระไว้ก่อนแล้ว ในเรื่องพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และพ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวันที่ 27-28 พ.ค. ส่วนวันที่ 31 พ.ค. ถึงวันที่ 2 มิถุนายน เป็นระเบียบวาระเรื่องร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ฉะนั้นรัฐบาลจะเสนอพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านได้ก็ต้องผ่านพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ไปก่อน ซึ่งเมื่อรัฐบาลได้เสนอพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านเข้ามาแล้ว โดยกฎหมายรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติไว้ชัดเจนว่าประธานสภาจะต้องนำเข้าบรรจุต่อไป 

“พ.ร.ก.เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร เมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วสามารถประกาศใช้เป็นกฎหมายได้เลย ซึ่งพ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านนั้นยังไม่ได้ส่งมาที่สภา มีผลตามที่คาดกันว่านำไปมอบให้กระทรวงสาธารณสุขเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาโควิด 3 หมื่นล้านที่เหลืออีก 2 หมื่น 7 พันล้านนำไปฟื้นฟูเยียวยาด้านเศรษฐกิจ ส่วนที่เหลือจะนำไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโควิดที่จะเกิดขึ้นต่อไป” นายชินวรณ์ กล่าว 

เมื่อถามว่า มีความกังวลหรือไม่ว่าจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ เพราะมีคนงานติดเชื้อมาทำงานที่รัฐสภา แต่รัฐสภายังคงเดินหน้าประชุมต่อ นายชินวรณ์ กล่าวว่า มีการป้องกันโควิด-19 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทางเลขาธิการสภาฯ ได้ยืนยันว่ามีมาตรการเคร่งครัด ทั้งในส่วนของส.ส. คนใดที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เลขาธิการสภาก็จะดำเนินการตรวจสอบเพื่อให้ฉีดวัคซีนให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาในการประชุมเรื่องพ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งต้องพูดในที่นั่งของตนเองได้ แต่ในการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณฯ จะจัดโพเดียมสำหรับพูดอภิปรายฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอย่างละ 1 ที่ ในส่วนของข้าราชการ สื่อมวลชน ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการของศบค. 

'ทิพานัน' ยัน 'บิ๊กตู่' กู้มาแก้ปัญหาตรงจุด ครอบคลุมทุกมิติ ย้อนแสบทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ไม่ละอายแก่ใจ สมัย 'ยิ่งลักษณ์' ไร้วิกฤตใด ๆ ยังสร้างหนี้ล้น ทั้ง 'จำนำข้าว-เอื้ออาทร' เสียหายเกินล้านล้านบาท ทิ้งภาระให้ลูกหลานตามใช้หนี้อีก 12 ปี

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวหาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศ 7 ปี ดีแต่กู้ หากไม่เปลี่ยนผู้นำประเทศลงเหวว่า...

การแสดงความเห็นของ น.ส.ตรีชฎา สะท้อนมาตรฐานของทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยที่ค่อนข้างตกต่ำ ด้วยเป็นการวิจารณ์โดยไม่มีฐานข้อมูลรองรับที่ถูกต้องนั่งเทียนด้วยอคติ ด้วยในความเป็นจริงในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกประสบปัญหาเศรษฐกิจ แต่ประเทศไทยกลับยังรักษาอันดับความน่าเชื่อถือไว้ได้

โดยจากการจัดอันดับเครดิตขององค์กรชั้นนำระดับโลก ทั้ง S&P Moody's และ Fitch ได้มีเกณฑ์ในการพิจารณาจากเงินสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงเสถียรภาพทางการคลังและวินัยทางการคลัง

ส่วนเหตุผลที่ต้องกู้เงินนั้น ก็เพื่อใช้เป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข มาตรการช่วยเหลือเยียวยาต่าง ๆ จากผลกระทบโควิด-19 และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง, เราชนะ, ม.33เรารักกัน, บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, เกษตรกร เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนฐานราก ผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายย่อย

มาตรการพักหนี้ที่ออกมาช่วยเหลือลูกหนี้ธุรกิจรายย่อย เพิ่มช่องทางให้ประชาชนที่ไม่มีสินทรัพย์และรายได้ที่มั่นคงต้องการเข้าถึงเงินกู้ ลดการกู้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาภาระดอกเบี้ยจากการผิดนัดชำระ การจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน

นอกจากนี้ ยังลดค่าน้ำ-ค่าไฟด้วย รวมทั้งยังใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการส่งออก การท่องเที่ยว และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ไปพร้อมๆกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าใช้จ่ายเงินกู้นั้นตรงจุดและครอบคลุมปัญหาในทุกมิติ ไม่ได้ไร้ทิศทางอย่างที่ น.ส.ตรีชฎา พยายามบิดเบือนให้ร้าย

น.ส.ทิพานัน กล่าวอีกว่า เมื่อต้องเผชิญการแพร่ระบาดในระลอกที่ 3 รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เพิ่มเติมอีก 7 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าเพดานที่ภาคเอกชนเรียกร้องให้กู้ถึง 1 ล้านล้านบาท โดยนำมาใช้แก้ปัญหาการระบาดระลอกใหม่ให้กับสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือเยียวยาและชดเชยให้กับประชาชน และผู้ประกอบการ รวมทั้งฟื้นฟูเศรษฐกิจ

แต่สิ่งที่ น.ส.ตรีชฎา หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงก็คือ ความแตกต่างกันระหว่างการกู้เพื่อแก้วิกฤตกับการกู้เพื่อโครงการทุจริต ภาระหนี้ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทิ้งเอาไว้จากการขาดทุนโครงการจำนำข้าวที่ทำให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ต้องมีภาระชดใช้หนี้ให้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากว่า 7 แสนล้านบาท และยังต้องตั้งบประมาณชดใช้ไปอีก 12 ปี รวมแล้วกว่า 1 ล้านล้านบาท ไม่รวมกับภาระหนี้จากโครงการบ้านเอื้ออาทรกว่า 2 หมื่นล้านบาท ไม่รวมหนี้เน่าและความเสียหายจากโครงการที่สร้างแล้วขายไม่ได้หลายหมื่นยูนิต รวมถึงภาระค่าบำรุงรักษาซ่อมแซมซึ่งก็กลายมาเป็นภาระของรัฐบาลนี้ทั้งสิ้น ทั้งที่เป็นการบริหารในสถานการณ์ที่ปกติ ไม่ได้เผชิญกับสถานการณ์วิกฤตไวรัสโควิด-19 หรือวิกฤตใด ๆ

“ไม่รู้ว่า น.ส.ตรีชฎากล้ายกเอาการบริหารในยุคของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มาบลัฟ พล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างไร โดยไม่ละอายแก่ใจ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์บริหารประเทศในสถานการณ์ปกติ ไม่มีวิกฤตใด ๆ แต่กลับสร้างหนี้ไว้มากมายตกเป็นภาระคนไทยทั้งชาติตามใช้หนี้เกือบ 20 ปี ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนรู้ดีโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยว่านโยบายต่าง ๆ นั้น อยู่ภายใต้สโลแกน ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ ดังนั้นที่ น.ส.ตรีชฎาแนะนำให้เอาวิธีคิดของนายทักษิณมาเป็นแนวทางให้รัฐบาลปฏิบัตินั้น เมื่อดูตัวอย่างผลงานสร้างหนี้ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้ว ก็คงไม่มีใครเดินตาม เพราะไม่น่าจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ” น.ส.ทิพานัน กล่าว


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ก้าวไกล ซัด 'ดีอี' ดีแต่ฟ้องคนปล่อยเฟกนิวส์

นางสาวสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวถึงนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่กำลังไล่ฟ้องประชาชนอย่างบ้าคลั่ง ประหนึ่งเป็นงานรักงานหลักที่รอคอยมานาน ท่านเร่งดำเนินคดีกับประชาชน รวมถึงไปถึงสื่อมวลชน ทั้ง ๆ ที่หน้าที่ของท่านคือ การให้ความรู้ความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มีการดำเนินคดีกับประชาชนหลายราย เช่น ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่วัดสังฆทาน จำนวน 300 ราย ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “ศบค. ประกาศเคอร์ฟิว เวลา 23.00-04.00 น. พื้นที่สีแดง 18 จังหวัด” ดำเนินคดีผู้ที่โพสต์ว่า “เคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากบ้าน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม-ตี 4 เริ่มวันที่ 23 เม.ย.64 นี้” เป็นต้น

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ซึ่งหากย้อนดูดี ๆ หน่วยงานรัฐก็เคยแจ้งข้อมูลที่คาดเคลื่อนเช่นกัน

อย่างกรณีล่าสุดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกว่า “วอล์คอินฉีดซีนได้ โดยจนท.จะฉีดให้สำหรับผู้มีรายชื่อเท่านั้น”

16 พ.ค. ผู้ว่ากทม. บอกว่า “วัคซีนไม่พอ วอล์คอินไม่ได้ ต้องรอเดือนมิถุนายน”

18 พ.ค. ตอนเช้า อนุทินบอก “วอล์คอินได้ถ้าวัคซีนพอ ตกบ่าย นายกฯบอก “ให้ระงับการฉีดวัคซีน”

นี่คือตัวอย่างการให้ข้อมูลที่คาดเคลื่อนของรัฐ ซึ่งก็คล้ายกับประชาชนหลายรายที่กำลังจะถูกดำเนินคดี ถ้าหากจะฟ้องประชาชนที่โพสต์ข้อความให้เกิดความสับสน ก็เห็นควรว่าจะต้องฟ้องหน่วยงานรัฐด้วย เพราะเจ้าหน้ารัฐก็ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนเช่นกัน อยากให้ใช้มาตรฐานเดียวกันด้วย

นอกจากนี้ นางสาวสุทธวรรณ ยังตั้งคำถามต่อนายชัยวุฒิว่า มีความสามารถพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องราวของเทคโนโลยีบ้างไหม มีความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ อยากให้แสดงเป็นที่ประจักษ์บ้าง ดูอย่างประเทศอื่น เช่น ออเดรย์ ถัง รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน เขาเน้นส่งเสริมให้คนใช้เสรีภาพบนโลกออนไลน์ ช่วยกันพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรมเพื่อสังคม มีการร่วมมือกับกลุ่มนักพัฒนาซอฟท์แวร์และระบบไอทีเพื่อสังคม พัฒนาแอปพลิเคชันบอกพิกัดร้านที่มีสต็อกหน้ากากอนามัยพร้อมแจกจ่าย แสดงความโปร่งใสและเป็นธรรมของรัฐในการกระจายอุปกรณ์ป้องกันโรค

นาวสาวสุทธวรรณ กล่าวต่ออีกว่า "อยากจะเรียนถามกับรัฐมนตรีกระทรวงดีอีว่า ภารกิจหลักที่ท่านตั้งใจเข้ามาทำคืออะไรกันแน่ ในสถานการณ์โควิดเช่นนี้ ท่านทำอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง เห็นมีแต่การขู่ฟ้องประชาชนและสื่อมวลชนเป็นหลัก ไล่ฟ้องแบบมอญซ่อนผ้าโยนนู่นยัดคดีนี่เพื่อเอาใจนายไปวัน ๆ เท่านั้นหรือ ทั้งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนไปถึงมาตรา112 ท่านทำได้เท่านี้จริง ๆ หรือ?

"หากท่านและทีมงานมีเวลาว่างมากพอ โปรดช่วยกันระดมสมองมาปรับปรุงแอปพลิเคชันหมอพร้อมหรือพัฒนาแอปฯ ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายจะดีกว่า" นางสาวสุทธวรรณ กล่าวทิ้งท้าย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top