Saturday, 5 July 2025
POLITICS

เปิดเอกสารลับสหรัฐฯ กรณี ‘บลูไดมอนด์’ แค่เรื่องลวงรายปีจากก๊วนล้มสถาบันฯ

เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่ตอกย้ำข้อเท็จจริงว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไม่ได้เกี่ยวข้อง และมิได้ทรงครอบครอง ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียตามที่กล่าวหากัน โดยเฟซบุ๊กเพจ ‘ฤๅ - Lue History’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า…

แทบทุกปีจะมีข่าวลือเดิมๆ กุขึ้นว่า เพชรที่สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงสวมใส่ คือ ‘เพชรสีน้ำเงิน’ หรือที่เรารู้จักในชื่อ ‘บลูไดมอนด์’ (Blue Diamond) ซึ่งเป็นสมบัติที่ถูกขโมยมาจากราชวงศ์ไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบีย กลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดความบาดหมางขึ้นระหว่างซาอุดีอาระเบียและประเทศไทย

แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว มันเป็นแค่วงจรข่าวลือที่ยังคงหมุนเปลี่ยนวนเวียนกลับมาอยู่เรื่อยๆ จากพวก ‘กลุ่มต่อต้านราชวงศ์’ ที่คอยล้างสมองคนรุ่นใหม่ให้หลงเชื่อ เพื่อหวังผลเดิมๆ คือ ‘ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์’

ทั้งนี้ ข่าวลือที่ว่า สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงครอบครองเพชรซาอุฯ (บลูไดมอนด์) ปัจจุบันได้รับการ ‘พิสูจน์’ แล้วว่าเป็นเรื่องโกหกแทบทั้งสิ้น เช่น การนำภาพของสมเด็จพระพันปีหลวง ที่ทรงสวมใส่เครื่องประดับอัญมณีสีน้ำเงินภาพหนึ่ง มาใส่คำบรรยายว่า คือ ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุฯ ที่หายไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 แต่ต่อมาเมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดแล้ว พบว่า...

>> เครื่องประดับอัญมณีนั้นไม่ใช่เพชร แต่เป็น ‘ไพลิน’ ซึ่งได้รับการตกทอดมาในราชสำนักตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5

>> ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวได้ถ่ายไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2506 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนคดีเพชรซาอุฯ เกือบ 30 ปี

ดังนั้น ภาพดังกล่าว จึงเป็นการใส่ร้ายโจมตีสมเด็จพระพันปีหลวงด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ แถมยังถูกนำมาเผยแพร่ส่งต่อในโลกออนไลน์ทุกๆ ปี

แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ได้ปรากฏเอกสารลับ (โทรเลข) จากสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เรื่อง ‘คำสาปแห่งเพชรบลูไดมอนด์’ (THE CURSE OF THE BLUE DIAMOND) ที่ระบุชัดว่า ‘กลุ่มต่อต้านราชวงศ์’ อยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวลือว่า สมเด็จพระพันปีหลวงทรงครอบครอง ‘เพชรบลูไดมอนด์’ ของราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย

‘รัฐบาล’ เข้มตรวจสต๊อกหมู ปศุสัตว์ แจง 13.41 ล้านกิโลกรัม จากการตรวจห้องเย็น 539 แห่ง

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ติดตามตรวจสอบปริมาณสุกรในห้องเย็นทั่วประเทศอย่างเข้มงวด โดยเป็นการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ปกครอง และเจ้าหน้าที่พาณิชย์ ซึ่งตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 23 ม.ค. กรมปศุสัตว์ รายงานว่า ได้มีการดำเนินการทั้งหมดไปแล้ว 539 แห่ง (ตัวเลขสะสมนับตั้งแต่วันที่ 20-23 ม.ค.) พบเนื้อสุกรรวม 13.41 ล้านกิโลกรัม และทางกรมฯจะเดินหน้าตรวจสอบห้องเย็นที่มีสินค้าปศุสัตว์ที่เหลือให้ครบ ซึ่งจะมีอีกประมาณห้าร้อยกว่าแห่ง หากตรวจสอบโดยละเอียดพบมีการกักตุน ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด และเนื้อสุกรจะถูกสั่งให้จำหน่ายตามราคาที่ทางการกำหนดต่อไป

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สำหรับข้อมูลการเลี้ยงสุกรในปัจจุบัน  ณ เดือน ม.ค. 2565 กรมปศุสัตว์รายงาน มีเกษตรกรผู้เลี้ยง 1.07 แสนราย จำนวนสุกร 10.84 ล้านตัว แบ่งเป็น สุกรพ่อพันธุ์ 4.9 หมื่นตัว สุกรแม่พันธ์ุ 9.79 แสนตัว และสุกรขุน 9.56 ล้านตัว และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่า จำนวนสุกรทั้งหมดลดลงร้อยละ 11.81 แยกเป็น สุกรพ่อพันธุ์ลดลงร้อยละ 41.1 สุกรแม่พันธ์ุลดลงร้อยละ 11.16 จำนวนสุกรขุนลดลง ร้อยละ 13.9  และในปีนี้ มีการขยายการเลี้ยงสุกรในพื้นที่ใหม่ ส่วนพื้นที่เดิมที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญมีการเลี้ยงลดลง ฟาร์มขนาดกลางมีจำนวนเกษตรกรเพิ่มขึ้นและขยายการเลี้ยงเพื่อให้ได้ปริมาณที่เหมาะสม ส่วนฟาร์มขนาดใหญ่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในบางพื้นที่แต่เป็นการเลี้ยงที่ลดความหนาแน่นของสุกรในฟาร์ม

น.ส.รัชดา กล่าวว่า ควบคู่ไปกับการป้องกันการกักตุนเนื้อสุกร รัฐบาลยังเร่งดำเนินการหลายมาตรการเพื่อแก้ปัญหาเนื้อสุกรราคาแพง ซึ่งประกอบด้วยมาตการหลายระยะ กล่าวคือ 1) งดส่งออกสุกรมีชีวิตเป็นเวลาสามเดือน 2) ช่วยเหลือราคาอาหารสัตว์แก่เกษตรกร 3) สถาบันการเงินจัดสินเชื่อพิเศษเพื่อให้เกษตรกรกลับมาเลี้ยงใหม่ เรื่องเตรียมเข้า ครม. 4) ตรึงราคาจำหน่ายที่เหมาะสมสอดคล้องกับต้นทุน 5) เพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน 6) ส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 7) เร่งศึกษาวิจัยยาและสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคระบาด 8) ยกระดับมาตรฐานฟาร์มเกษตรกรเพื่อป้องกันโรคระบาด และ 9) ส่งเสริมให้ปรับปรุงเป็นฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรค 

น้องแรมโบ้ “ชนะศักดิ์”  ฟาด “สมชัย”  ไม่ต้องฝันหวานจะได้ลงเลือกตั้งไว ยืนยันนายกฯไม่ยุบสภาฯ เดินหน้าแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เตือนพรรคที่ให้เข้าสังกัดระวังจะสร้างปัญหา เพราะเป็นคนปากและสมองไม่อยู่กับร่องกับรอย

นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ได้โพสต์ข้อความ นายกฯ มีอาการหวาดวิตก เหมือนจะรู้ชะตาชีวิต แพ้แต่ยังฝืนเล่น ฟันธงไม่เกินสิ้น ก.พ. ยุบสภา ว่าวันนี้นายกฯมองเรื่องการทำงานแก้ไขปัญหาให้ประเทศชาติเป็นหลัก และไม่ยอมแพ้ที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน  ขณะเดียวกันนายสมชัยไม่ต้องทำตัวเป็นหมอเดาว่าจะยุบสภาฯไม่เกินสิ้นเดือน ก.พ. เพราะนายกฯยังได้ยืนยันไปแล้วว่าจะไม่ปรับ ครม.หรือ ยุบสภาฯ ดังนั้นนายสมชัยไม่ต้องรอ หรือฝันหวานว่าจะได้ลงเลือกตั้งไว นายกฯเดินหน้าต่อ อยู่ครบเทอมแน่นอน

“คนอย่างนายสมชัยลงมาเล่นการเมืองก็ไม่รู้ว่าประชาชนจะเลือกเข้ามาเป็นผู้แทนในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนหรือไม่ เพราะตั้งแต่เป็น กกต.ออกมาสังกัดพรรคการเมืองฝ่ายค้าน วันๆดีแต่ใช้ปากออกมาโจมตีนายกฯหรือรัฐบาล ชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยนไม่หยุดหิวแสงอยากดัง กลัวประชาชนลืม 

“บิ๊กป้อม” ลงพื้นที่ช่วย “มาดามหลี" 24 มค.นี้ เน้น กลยุทธ์เข้าถึงปชช ด้าน ”ผู้สมัคร” ยัน ปมขับ 21ส.ส.ไม่กระทบลต. มั่นใจ 

นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส. กทม.เขต9หลักสี่-จตุจักร พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พร้อมส.ส.กทม.อาทิ นายจักรพันธ์ พรนิมิต หัวหน้าภาคกทม. นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ลงพื้นที่หาเสียงตลาดริมบึง ซอยแจ้งวัฒนะ 14 

นางสรัลรัศมิ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ หาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายจะเน้นลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อขอคะแนนเสียงมากขึ้นโดยให้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด ส่วนการปราศัยใหญ่ขณะนี้คาดว่าจะไม่มีการจัด แต่ในช่วงเย็นวันจันทร์ ที่ 24 ม.ค.นี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.จะลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับประชาชน บริเวณโครงการบ้านมั่นคงริมคลอง สะพานไม้2 และในอังคารที่ 25 ม.ค.จะมีรัฐมนตรี ของพรรคลงพื้นที่ชีวยหาเสียง ทั้งนี้เราเป็นเจ้าของพื้นที่มาหลายปี ดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง และตอนนี้จะเดินเพื่อขอคะแนนจากประชาชนเป็นหลัก

 "นายกฯ” ห่วง โอมิครอนยังระบาด แนะ ช่วงตรุษจีน ปชช.เลี่ยงเดินทาง-ลดแออัดปลอดภัยจากโควิด-19 ด้าน สธ.คงเตือนภัยระดับ 4 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม  ห่วงการระบาดของโอมิครอน จึงแนะนำประชาชนเลี่ยงเดินทางโดยไม่จำเป็น ลดแออัด และขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน วันที่1ก.พ.นี้ ที่เป็นวันต้อนรับปีใหม่ของคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีน ซึ่งภาพรวมเทศกาลตรุษจีนปีนี้ยังคึกคักเพราะเริ่มต้นสิ่งใหม่ของคนไทยเชื้อสายจีน แต่ การฉลองเทศกาลตรุษจีนปีนี้  ต้องปรับรูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ จากเดิมที่มีการรวมตัวของคนในครอบครัว ให้เน้นปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A   ลดโอกาสติดเชื้อภายในครอบครัวและชุมชน รวมทั้งให้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการฉลองตรุษจีนทางออนไลน์มากขึ้น แม้ศบค. จะผ่อนคลายมาตรการให้ดำเนินกิจกรรมกิจการได้ แต่กระทรวงสาธารณสุข ยังคงระดับการเตือนภัยระดับ 4 เหมือนเดิม 

นายธนกร กล่าวว่า ตนแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข โดยวันจ่าย ควรวางแผนการซื้อและใช้เวลาให้สั้นที่สุด เลือกซื้อสิ้นค้าสดใหม่จากแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ เช่น ตลาดที่มีการประเมินThai Stop COVID 2 Plus หรือร้านค้าที่มีระบบออนไลน์  หากจับจ่ายในตลาดให้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่าง เลี่ยงจุดแออัด ส่วนวันไหว้ ให้ล้างวัตถุดิบให้สะอาด ปรุงอาหารสุกทุกเมนู อุ่นอาหารอีกครั้งก่อนนำมาบริโภค ลดการเผากระดาษ ใช้ธูปสั้นหรือธูปไฟฟ้า เลี่ยงการปักธูปลงในอาหารโดยตรง จัดสถานที่ให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก พร้อมทั้งสวมหน้ากากตลอดเวลาขณะที่ทำกิจกรรม และในวันเที่ยว ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย  ล้างมือ รักษาระยะห่าง เลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนแออัด เลือกใช้บริการจากสถานประกอบการ แหล่งท่องเที่ยวที่มีสัญลักษณ์ Thai Stop COVID 2 Plus หรือ SHA+ และทำความสะอาดร่างกายทันทีเมื่อถึงบ้าน

"แรมโบ้"ฟาด"พ่อโอ๊ค เคลมผลงาน"ลุงตู่"แบบหน้าไม่อาย  แนะ หยุดหาแสง หันหน้าหาธรรมะเสียบ้าง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทางด้านโอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่หนีคดีทุจริตอยู่ต่างประเทศ ได้ทวิตข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ว่าเหลือเชื่อที่ลุงตู่ไม่รู้ไม่เห็นว่ามีห้องเย็นกักตุนเนื้อหมูหลายแสนกิโล แถมยังแนะนำคนไทยให้ไปกินเนื้ออื่น จนคุณพ่อผมต้อง Work from Dubai โดยพูดชี้เป้าใน ClubHouse จึงได้มีการบุกไปตรวจสอบ และอายัดเนื้อหมู่ที่กักตุนไว้กว่า 2 แสนโล คราวหน้าบริหารประเทศมีปัญหาปรึกษาโทนี่ นะลุง 

นายเสกสกล กล่าวว่า กรณีการเข้าดำเนินการเข้าตรวจห้องเย็นนั้นเป็นผลมาจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เรียกทางด้านอธิบดีกรมปศุสัตว์ เข้าพบตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2565 เพื่อกับชับการแก้ปัญหาเรื่องของราคาหมูแพงทั้งระบบ  ระหว่างทางด้านกรมปศุสัตว์ และ ทางด้านกรมการค้าภายในของกระทรวงพาณิชย์ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็เร่งดำเนินการในการตรวจสอบ  จนพบว่ามีการกักตุนเนื้อหมู  ส่วนพ่อของโอ๊ค ที่โอ๊ค บอกว่าเป็นผู้ชี้เป้านั้น พูดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 ดังนั้นอยากจะถามว่าตกลงแล้ว ใครกันแน่ที่เดินหน้าแก้ปัญหานี้ ใครกันแน่นั่งเคลมผลงานของ รัฐบาล นั่งเคลมผลงานของพล.อ.ประยุทธ์ อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์   ฉกฉายทุกอย่างเพื่อเล่นการเมือง อยู่ตลอดเวลา โอ๊ค  เคยรู้ไหมว่า พ่อโอ๊ค เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจมากที่สุด  เพราะอะไร เพราะพ่อโอ๊ค เป็นคนที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่พวกพ้อง สามารถที่จะอ้างทุกอย่าง เพื่อประโยชน์ของตัวเอง และพวกพ้องอยู่ตลอดเวลา แม้ว่า การอ้างนั้นจะต้องทำร้ายใคร ไปกี่คน แต่พ่อโอ๊ค ไม่เคยสนใจ ที่ผ่านมา โอ๊ค ลองหันกลับไปมองบ้างว่า พ่อโอ๊ค ทำร้ายใครเอาไว้บ้าง จนเขาเหล่านั้นที่เคยรับใช้พ่อโอ๊ค ต้องบาดเจ็บ ล้มตาย ติดคุก ติดตาราง แล้วพ่อโอ๊ค เคยสนใจใยดีคนเหล่านั้นบ้างไหม 

นายเสกสกลยังกล่าวต่อว่า วันนี้นายทักษิณ กำลังกลายเป็นอดีตนายก ที่ถูกลืมไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ทำได้ก็พยายามหาแสง  ให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา  แม้ว่าคนเขาจะรู้กันไปทั่วว่า ที่ผ่านมา นายทักษิณ ไม่เคยได้สร้างประโยชน์ใดให้สังคมไทยเลย แต่เขาก็ยังกล้าที่จะเคลม ทุกเรื่องว่าเป็นผลงานของตัวเอง  ถ้านายทักษิณ เก่งจริง ก็ลองช่วยยกผลงาน ที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน มาให้ดูสัก 3 เรื่องได้ไหมว่า ตอนสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี นั้นเคยทำผลงานอะไรเอาไว้ให้คนไทย  ตนเชื่อว่าคนไทยไม่รู้เสียด้วยซำว่า นายทักษิณเคยทำประโยชน์ใดให้กับประเทศ แต่คนไทยจำได้ขึ้นใจว่า นายทักษิณ และน้องสาว หนีคดีทุจริต ไปอยู่ต่างประเทศ อันนี้แหละคือผลงานชิ้นโบว์แดงของนายทักษิณ 

“โฆษกปชป." ไม่กังวล ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกตามม.152 เชื่อ รมต.พรรคฯแจงได้ทุกประเด็นเพราะไม่มีทุจริต

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ ฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า พรรคฯไม่ได้กังวล ถือว่าเป็นสิทธิของฝ่ายค้านตามระบบประชาธิปไตย ยื่นอภิปรายครม.ทั้งคณะ ซึ่งในส่วนรัฐมนตรีของพรรคฯทุกกระทรวงพร้อมชี้แจงและตอบข้อซักถามในสภาฯ ทุกประเด็น ชัดเจน ตรงไปตรงมา และมั่นใจในการทำงานของรัฐมนตรี ไม่มีเรื่องทุจริต และเชื่อว่ารัฐบาลพร้อมรับฟังขอเสนอแนะต่างๆของฝ่ายค้าน ทั้งนี้รัฐมนตรีของพรรคฯจะใช้โอกาสนี้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการทำงานด้วย

"ก้าวไกล" ปล่อยคลิปโหมกระแสก่อนเปิดตัวแคนดิเดตชิงผู้ว่าฯ กทม. 23 ม.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คืนวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่าน เฟซบุ๊กแฟนเพจและทวิตเตอร์พรรคก้าวไกล ได้เผยแพร่คลิปความยาวกว่า 2 นาที ภายใต้สโลแกน “หมดเวลาซุกปัญหาไว้ใต้พรม ถึงเวลาเลือกผู้ว่าที่พร้อมชนเพื่อคนกรุงเทพ” โดยเนื้อหาคลิปนำเสนอปัญหาที่คนกทม.เผชิญมาเรื้อรัง ไม่ว่าจะเป็นรถติด ขนส่งมวลชนคุณภาพแย่ ราคาแพง ฟุตบาธไม่ดี น้ำท่วม โครงการก่อสร้างที่สร้างไม่เสร็จ 

นอกจากนี้ คลิปดังกล่าวตั้งคำถามว่า เป็นเวลา 47 ปีมาแล้ว ที่กรุงเทพฯ มีผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาจากการเลือกตั้ง ในขณะที่เกือบทุกจังหวัดของประเทศไทยยังไม่มีโอกาสได้เลือกผู้ว่าฯ ของตนเอง แต่ทำไมผู้ว่าฯ ที่มาจากประชาชน ควรมีหน้าที่รับใช้ประชาชน กลับทิ้งให้ประชาชนตกอยู่ภายใต้ปัญหาเดิมๆ ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

พรรคก้าวไกล ระบุว่า พรรคมีภารกิจสำคัญคือการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ ที่พร้อมชนทุกปัญหา รื้อขยะที่อยู่ใต้พรมกทม.ขึ้นมาจัดการ แก้ไขอย่างตรงไปตรงมา เพราะตราบใดที่ไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอ ก็ไม่มีทางทำให้ชีวิตคนกรุงเทพฯ ดีกว่านี้ได้ 

'นายกฯ' สั่งเข้ม ห้ามกักตุนสินค้า ระหว่างที่ รัฐบาลกำลังเร่งแก้ปัญหาหมูแพง หวั่น ซ้ำเติมความเดือดร้อนประชาชน  

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามการแก้ปัญหาราคาหมูแพง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการปัญหาเกี่ยวกับหมูทั้งระบบ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้มีหลายมาตรการต่างๆ ควบคู่กัน เพื่อลดปัจจัยปัญหาราคาหมูแพง ทั้งการห้ามส่งออกสุกรมีชีวิตไปนอกราชอาณาจักรทุกกรณี เป็นเวลา 3 เดือน  ผู้เลี้ยง ผู้จำหน่าย ผู้ส่งออก ผู้ครอบครองต้องจัดทำบัญชีคุมสินค้า แสดงปริมาณการเลี้ยง ปริมาณการซื้อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทุกเวลา  ทั้งนี้ หากพบเห็นว่า มีการฉวยโอกาสหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด 

นายธนกร กล่าวว่า กรมปศุสัตว์ ได้รายงานการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ตรวจสอบกรณีอาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรเพื่อผลประโยชน์ทางการค้านั้น ซึ่งล่าสุด ชุดเฉพาะกิจกรมปศุสัตว์ โดยด่านกักกันสัตว์สงขลา ได้เข้าตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา พบ ณ วันที่เข้าตรวจสอบมีซากสุกรคงเหลือในคลัง 201,650.90 กิโลกรัม โดยไม่สามารถระบุแหล่งที่มาของซากสุกรได้ จึงได้อายัดซากสุกรไว้  พร้อมมีแผนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบห้องเย็นทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดสงขลาระหว่างวันที่ 21-31 มกราคม นี้ ด้วย วานนี้ (20 ม.ค. 2565) ชุดเฉพาะกิจด่านกักกันสัตว์จันทบุรี ได้เข้าตรวจสอบห้องเย็นเอกชนแห่งหนึ่ง พบซากสุกรแช่แข็งเข้าพักฝากที่ห้องเย็น ยอดคงเหลือ ณ. 20 มค.65 จำนวน 267,650.62 กก. ถือว่ามีความผิดปกติ 

นายธนกร กล่าวว่า ยังมีรายงานด้วยว่า พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พาณิชย์จังหวัด ปศุสัตว์จังหวัดพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี พบมีการกักตุนเนื้อสุกร เกินกว่า 5,000 กิโลกรัม โดยไม่ได้แจ้งให้พาณิชย์จังหวัดทราบ ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542  มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการขนย้ายซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558  มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน  20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะได้มีการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ฝ่ายค้าน ยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาลแล้ว รอชำแหละ 4 แผลใหญ่ ดีเดย์ 16-18 ก.พ.

‘หมอชลน่าน’ นำทีมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติซักฟอกรัฐบาล เปิด 4 แผลใหญ่ คาดได้ชำแหละ 16-18 ก.พ. รับ เปลี่ยนรัฐบาลยาก ขอเสียงประชาชนช่วยกดดัน

21 ม.ค. 65 - ที่ห้องโถงชั้น 1 อาคารรัฐสภา เวลา 11.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เข้ายื่นญัตติอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร

'สมชัย' ปลื้ม คนแห่ลงชื่อแก้ 'ม.272' หั่นอำนาจส.ว.เลือกนายกฯ

‘สมชัย’ ปลื้มล่าชื่อแก้รธน. ม.272 ตัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ แค่ 3 วัน ทะลุ 5 หมื่นคนแล้ว ลุยต่อให้ครบ 7 หมื่น ยื่นสภาฯ 1 มี.ค. ให้บรรจุวาระทันสมัยประชุมแรก เดือนพ.ค.

21 ม.ค. 65 - นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะแกนนำคณะรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เพียง 3 วันเศษ นับแต่วันเปิดโครงการรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ตัดอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการไปเมื่อวันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2565

‘เทพไท’ ชี้ พปชร.ขับ ‘ธรรมนัส’ พ้นพรรค เหมือนปล่อยเสือจากกรง ระวังถูกแว้งกัด

วันที่ 21 ม.ค. 65 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัว ข้อความว่า เมื่อที่ประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กับ ส.ส.ของพรรค มีมติขับ ส.ส.กลุ่มร้อยเอกธรรมนัส จำนวน 21 คนออกจากพรรค ตามความสมัครใจของกลุ่มร้อยเอกธรรมนัสแล้ว ทำให้มีการวิเคราะห์สถานการณ์ และมีการคาดการณ์ไปต่างๆ นานา แม้แต่แกนนำของพรรคพลังประชารัฐ อย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็บอกว่า หลังจากขับกลุ่มร้อยเอกธรรมนัส ออกจากพรรคไปแล้ว จะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลแข็งแกร่งขึ้น หรือนายไพบูลย์ นิติตะวัน บอกว่า การขับ ส.ส.กลุ่มนี้ออกจากพรรค จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ มีเอกภาพ จบปัญหาความขัดแย้งภายในอย่างสิ้นเชิง รวมถึงนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล ได้แสดงความมั่นใจว่า สภายังเดินหน้าต่อ แม้เสียงปริ่มน้ำ

ซึ่งผมจะขอวิเคราะห์ และคาดการณ์ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองต่อจากนี้ไป ของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ว่าจะพบกับปัญหาอะไรบ้าง

1.) เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนอย่างแน่นอน เพราะคะแนนเดิม ที่สนับสนุนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จำนวน 267 คน ตัดออกไป 21 เสียง เพื่อไปสังกัดพรรคเศรษฐกิจไทย มีอิสระทางการเมืองมากยิ่งขึ้น

2.) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ก็สุ่มเสี่ยงกับสภาล่มบ่อยครั้งมากขึ้น เพราะจำนวน ส.ส. 21 คน ถ้าหากไม่เข้าร่วมประชุม ก็จะทำให้สภาล่มได้อย่างง่ายดาย เพราะโดยปกติ ส.ส. ของพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลขาดหายเป็นประจำ

3.) กฎหมายสำคัญของรัฐบาล ที่จะเข้าสู่การพิจารณา ของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถ้าหากไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส. กลุ่มร้อยเอกธรรมนัส โอกาสจะไม่ผ่านมติสูงมาก เมื่อกฎหมายสำคัญของรัฐบาลถูกตีตก รัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมือง คือ ไม่ยุบสภา ก็ลาออก

'โอ๊ค พานทองแท้' ได้ที เหน็บ 'ลุงตู่' เหลือเชื่อ ไม่รู้มีห้องเย็นกักตุนหมู

นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ @oak_ptt โดยระบุข้อความว่า “เหลือเชื่อที่ลุงตู่ ไม่รู้ไม่เห็นว่ามีห้องเย็นกักตุนเนื้อหมู หลายแสนกิโล แถมยังแนะนำคนไทยไปกินเนื้ออื่น จนคุณพ่อผมต้อง Work from Dubai โดยพูดชี้เป้าใน Clubhouse วันนี้จึงมีการบุกเข้าไปตรวจสอบ&อายัดเนื้อหมูที่กักตุนกว่า 2 แสนโล คราวหน้า #บริหารประเทศมีปัญหาปรึกษาโทนี่ นะลุง!”


ที่มา : https://siamrath.co.th/n/315443

‘ไพบูลย์’ แถลงเหตุขับ ‘ธรรมนัส’ พ้นพรรค รับไม่ได้ ข้อเรียกร้องปรับโครงสร้างพรรค

พปชร. แถลงชัด มติให้ “ธรรมนัส” พร้อม 20 ส.ส. พ้นสมาชิกพรรค อ้างเหตุร้ายแรง เผย “บิ๊กป้อม” รับไม่ได้ ข้อเรียกร้องปรับโครงสร้างใหญ่ “ไพบูลย์” ยันร่วมงานกันอีกไม่ได้

วันนี้ (20 ม.ค.) ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงถึงการประชุมร่วมของกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส.พปชร. เมื่อคืนวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า การประชุมเกิดขึ้นเนื่องจากมี ส.ส.นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มีการเสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค เรียกร้องให้ปรับโครงสร้างพรรคขนานใหญ่ ซึ่งหัวหน้าพรรคเห็นว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวสร้างปัญหามาก เกรงจะเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ หัวหน้าพรรคจึงนัดประชุม กก.บห. และสมาชิกพรรค

นายไพบูลย์ กล่าวว่า กก.บห.หารือเรื่องที่ ร.อ.ธรรมนัส เรียกร้อง โดยเห็นว่า เป็นเรื่องที่พรรคไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะถ้าทำตาม จะเกิดความเสียหายของพรรคทั้งระบบ ดังนั้น เพื่อรักษาหลักการของพปชร. ทั้งเอกภาพและเสถียรภาพ อุดมการณ์ของพรรค กก.บห.เห็นว่ารับไม่ได้ ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่าถ้าไม่รับข้อเสนอจะมีปัญหาแน่ในการบริหารพรรค จึงทำให้พรรคเห็นว่าเป็นเหตุที่ร้ายแรงที่กระทบกับเสถียรภาพและเอกภาพของ พปชร. กก.บห.จึงเห็นว่าเข้ากับข้อบังคับข้อที่ 54 (5) มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น พรรคจำเป็นต้องมีมติให้กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส รวม 21 คน น่าจะต้องพ้นจากพรรค เพื่อรักษาส่วนใหญ่ขับเคลื่อนตามอุดมการณ์ของพรรค

เมื่อ 17 กก.บห.มีมติเช่นนั้น จึงประชุมร่วมกับ ส.ส. 61 คน รวมทั้งสิ้น 78 คน ในที่ประชุม พล.อ.ประวิตร ร่วมอยู่ด้วย ตนได้ชี้แจงว่าเป็นเหตุร้ายแรง ให้มีมติตามข้อบังคับข้อที่ 54 (5) ประกอบวรรคท้าย ให้สมาชิกภาพสมาชิกสิ้นสุดลงเนื่องจากมีเหตุร้ายแรง เป็นเรื่องความมั่นคง เอกภาพ เสถียรภาพของพรรค

หากสมาชิกนั้นเป็น ส.ส. ต้องมีมติ 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วม กก.บห.และ ส.ส. ซึ่งที่ประชุมร่วมมีมติเห็นชอบให้ ส.ส. 21 คน ที่เป็นกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค โดยมีคะแนนเสียงเห็นด้วย 63 เสียง เกิน 3 ใน 4 ของผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งก็คือ 59 คน จึงถือว่าได้รับเสียงจากที่ประชุมร่วม ดังนั้น ทั้ง 21 คน พ้นจากสมาชิกพรรค

ขั้นตอนต่อไป พรรคจะจัดเตรียมเอกสารและนำเสนอ กกต. ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับและมีผลในวันที่มีมติ ทั้งนี้ ทั้ง 21 คนต้องหาพรรคใหม่สังกัดตาม รธน.มาตรา 101 (9) ขณะนี้สมาชิกภาพ ส.ส. ยังคงอยู่ เว้นแต่พ้น 30 วันแล้วหาพรรคสังกัดไม่ได้

เมื่อถามว่าเหตุความผิดร้ายแรงคืออะไร นายไพบูลย์ กล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้เรียกร้องในเรื่องที่ทางพรรคไม่สามารถดำเนินการให้ได้ คือปรับโครงสร้างพรรคใหม่ ส่วนเรื่องต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีนั้นไม่สำคัญเท่ากับการเรียกร้องปรับโครงสร้าง โดยบอกหากไม่ปรับจะเคลื่อนไหวให้เสียหาย เกิดแรงกระเพื่อมร้ายแรง ถือว่าร้ายแรงทั้งระบบ ทั้งส่วน กก.บห.และตำแหน่งต่างๆ จะกระทบทั้งหมดเลย ประเด็นนี้จึงถือว่าร้ายแรง และบอกว่าถ้าไม่ได้ก็จะไม่ยอม จะเคลื่อนไหวด้วยมาตรการต่างๆ ถือเป็นความขัดแย้งก่อให้เกิดความเสียหาย ความมั่นคงของ พปชร.

สรุปว่า มติร่วมของ กก.บห.กับ ส.ส. มีความเห็นตามข้อบังคับพรรคทุกประการ ก่อนหน้านี้มีเรื่องแต่ไม่ขับเพราะยังไม่ถึงกับพีก แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจ

เมื่อถามว่าร้ายแรงถึงสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องในพรรค และไม่มีพูดถึงเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจ แค่พูดว่าจะเป็นปัญหาในพรรค และจะไม่มีผลต่อสภาล่ม เพราะทั้งหมดเป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เราพยายามแก้ไขแล้ว แต่เมื่อแก้ไม่ได้ เรามีมติตามกฎหมาย เพื่อรักษาส่วนใหญ่ มั่นใจจะไม่ส่งผลให้สภาล่ม เรามั่นใจในสปิริตของ ส.ส.พปชร. ทุกคน

เมื่อถามว่า ยังสนับสนุนรัฐบาลอยู่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เอาไว้ถามอุดมการณ์ของ ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันเป็นเหตุร้ายแรง แตกแยกขนาดใหญ่ จึงทำงานร่วมกับพปชร. อีกไม่ได้ แต่ทำงานในสภาได้

‘ก้าวไกล’ ทวงถามค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาทอยู่ไหน วอนรัฐ ช่วยสนใจปากท้องก่อนเล่นเกมแย่งเก้าอี้ 

(20 ม.ค. 65) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี เรื่องปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น สวนทางกับค่าแรงของประชาชนที่ยังต่ำและขยับขึ้นน้อยมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบให้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้ชี้แจงแทน

นายจรัส กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนหลายพื้นที่ใน อ.ศรีราชา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี บ้านของตนกำลังลำบากไม่น้อยไปกว่าประชาชนทั่วประเทศ นอกจากต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ยังต้องเจอกับการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ทั้งยังต้องมาเจอกับพิษเศรษฐกิจค่าครองชีพที่สูงขึ้น สวนกับค่าแรงงานของพี่น้องประชาชน 

"แต่ในขณะที่บ้านเมืองกำลังวิกฤต พี่น้องประชาชนทั้งประเทศกำลังอดอยากจากปัญหาปากท้อง ข้าวของแพง ค่าแรงถูก ต้องถามว่าพวกท่านในฐานะที่เป็นรัฐบาลมัวเล่นอะไรกันอยู่ โฟกัสให้ถูกเรื่องได้แล้ว หยุดแย่งเก้าอี้ หยุดแย่งโควตา หันไปแก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชนบ้าง ถึงตอนนี้จากที่เคยทนไหว เขาเริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้ว เพราะทุกอย่างมันแพงขึ้นมาก"

นายจรัส อภิปรายต่อว่า ราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นตั้งแต่ปลายปี รัฐบาลคุมราคาดีเซลก็จริง แต่คนทั่วไปใช้เบนซินหรือแก๊สโซฮอล์ ปกติเงิน 100 บาท เติมน้ำมันรถมอเตอร์ไซค์ได้เต็มถัง แต่ในขณะนี้ไม่ได้แล้ว คนขับรถยนต์เคยเติมเต็มถัง 500-600 บาท ตอนนี้เติม 1,000 บาท ก็ไม่เต็มถัง เดือนๆ หนึ่งต้องเสียค่าน้ำมันแพงมาก 

ตอนนี้ลามมาถึงค่าอาหาร แพงขึ้นทุกอย่าง ทั้งเนื้อสัตว์ ซึ่งที่เป็นประเด็นสำคัญ คือ ราคาเนื้อหมู ที่ปรับขึ้นจาก 120 เป็น 200 กว่าบาท เป็นปรับที่ก้าวกระโดด จนประชาชนปรับตัวไม่ทัน ขยายไปดึงราคาเนื้อสัตว์อื่นๆ ไข่ไก่ น้ำมันปาล์ม รวมไปถึงซีอิ๊วขาวจนสูงขึ้นตาม

"ท่านต้องไปกินข้าวจากอาหารตามสั่งบ้าง เขายิ่งเจอผลกระทบที่ราคาปรับขึ้น ทำให้ประชาชนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกจากค่าอาหาร สวนทางกับค่าแรงขั้นต่ำที่ไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม ผลกระทบนี้พ่อค้า แม่ค้า ก็กระทบ เดี๋ยวก็จะมีค่าไฟ ที่เพิ่มสูงขึ้นในฤดูร้อน ยิ่งทำให้ส่งผลกระทบกับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ผิดกับคนที่อยู่บ้านหลวงใช้น้ำฟรี ใช้ไฟฟ้าฟรี แบบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้นที่คงไม่ได้รับผลกระทบใดใด 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top