Saturday, 27 April 2024
POLITICS

รองโฆษกทบ. แจ้ง  “สิบเอก”โพสต์ฉีดวัคซีน Pfizer เป็น ทหารเสนารักษ์ -กำลังพลสายแพทย์ด่านหน้า  รพ.ค่ายศรีสองรักษ์ มทบ. 28 เลยดูแลผู้ป่วยโควิดฯได้วัคซีนตามหลักเกณฑ์ของสาธารณสุข “สิบเอก” ขออภัย มายังทุกท่านด้วย ที่โพสต์ข้อความ ทำสับสน

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีสื่อออนไลน์นำภาพจากเฟซบุ๊กทหารยศสิบเอก โพสต์ภาพบัตรคิวฉีดวัคซีน Pfizer ไฟเซอร์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เลย ซึ่งภาพถูกแชร์ต่อในโซเชียลมีเดีย พร้อมตั้งคำถามว่าเป็นเจ้าหน้าที่ด่านหน้าหรือไม่ ถึงได้รับวัคซีนนั้น ว่า กองทัพบก ขอเรียนว่าบุคคลดังกล่าว เป็นนายทหารชั้นประทวน ตำแหน่ง นายสิบพยาบาล หมวดทหารเสนารักษ์  ปฎิบัติงานอยู่ที่โรงพยาบาลค่ายศรีสองรักษ์ มณฑลทหารบกที่ 28 จังหวัดเลย และเป็นกำลังพลสายแพทย์ด่านหน้า ที่ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยโควิดฯ โรงพยาบาลสนามจังหวัดเลย(แห่งที่3)ที่ตั้งอยู่ในค่ายศรีสองรักษ์

ซึ่งมณฑลทหารบกที่ 28 ได้สนับสนุนพื้นที่ในค่ายทหารจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามของจังหวัดเลย โดยใช้อาคารของศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหาร 2 อาคาร รองรับผู้ป่วยโควิดได้  380 เตียง  เปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 

ปัจจุบันมีผู้ป่วยโควิด(สีเขียว)เข้ารับการรักษา  50 คน และเป็นไปตามนโยบายของกองทัพบกที่ให้หน่วยทหารสนับสนุนอาคารสถานที่และบุคลากรในการดูแลประชาชนในสถานการณ์โควิดหรือการตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามสนับสนุนแต่ละจังหวัดอย่างเต็มศักยภาพ

ปัจจุบันการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ของจังหวัดเลยนั้น ทางสาธารณสุขจังหวัดได้ฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ตามหลักเกณฑ์ และกำลังพลดังกล่าวเป็นบุคลากรด่านหน้าที่ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยโควิด ในโรงพยาบาลสนามของจังหวัดเลย  อยู่ในกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการฉีดวัคซีนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ทางกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเลยเป็นผู้กำหนด  ทางหน่วยทหารจึงได้ส่งรายชื่อกำลังพลขอรับวัคซีนและได้รับการฉีดวัคซีนเมื่อ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา 

สำหรับการโพสต์ที่อาจสร้างความสับสนให้กับสังคม ทางกำลังพลได้ขออภัยมายังทุกท่านด้วย ทั้งนี้ ในวันนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย, นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายศรีสองรักษ์ ได้แถลงชี้แจงข้อมูลต่อสื่อมวลชนในภาพรวมของการบริหารจัดการวัคซีนโดยภาพรวมแล้ว พร้อมระบุเป็นเจ้าหน้าที่ด่านหน้าที่ได้รับวัคซีนตามหลักเกณฑ์จริง

'ช่อ' อัด รัฐบาล หยุดใช้บุคลากรทางการแพทย์บังหน้า เอาตัวรอดบริหารโควิดผิดพลาด หลังเล็งออกกฎหมายนิรโทษกรรม

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ได้ออกมาเปิดเผยเอกสารเรื่องร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.... เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนายวิโรจน์ได้ตั้งคำถามด้วยว่า จะเป็นการนิรโทษกรรมเหมาเข่งให้กับรัฐบาลและคณะผู้จัดหาวัคซีนด้วยใช่หรือไม่ ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับบุคลากรแพทย์ และลดช่องโหว่คนหัวใสฟ้องร้องเอาผิด

โดย น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การให้สัมภาษณ์ของนายอนุทินหมายความว่าเอกสารชุดที่ นายวิโรจน์ เปิดเผยนั้นเป็นเอกสารจริง และกำลังจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับนี้จริง นายอนุทินไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนิรโทษกรรม เพียงแต่เอาแพทย์ พยาบาล และบุคลากรด่านหน้ามาบังหน้า ทั้งที่ในเอกสารดังกล่าวระบุชัดเจนว่า บุคคลที่จะได้รับการคุ้มครองไม่ให้ถูกฟ้องร้อง นอกจากแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ยังรวมถึงคณะผู้จัดหาวัคซีนด้วย

“วันนี้ประชาชนทุกคนรู้อยู่เต็มอก รัฐบาลรู้อยู่แก่ใจ ว่าที่ประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดที่มีผู้ติดเชื้อหลัก 2 หมื่นคน ผู้เสียชีวิตหลัก 100-200 คนต่อวัน คนแย่งชิงวัคซีนกันเหมือนจับสลากชิงโชค บุคลากรด่านหน้าต้องเรียกร้องครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพมาถึงแขน แต่ก็ยังได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งหมดนี้เกิดจากการบริหารวัคซีนที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น การแทงม้าตัวเดียวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดเอาบุคลากรการแพทย์มาบังหน้า หยุดเอาประชาชนเป็นตัวประกัน หยุดทำเรื่องไร้ยางอาย ประชาชนยังตายกันไม่หยุดหย่อน แต่รัฐบาลกลับคิดหาทางเอาตัวรอด พ้นผิดลอยนวล” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศบค.ยัน จัดไฟเซอร์เข็ม3 ช่วงแรกให้ 50-60% ก่อน แล้ว สำรวจศักยภาพการฉีดแต่ละจุด จากนั้น จัดสรรให้เพิ่มเติมอย่างแน่นอน 

ที่ศบค.ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)ตอบข้อซักถามถึงกรณีที่ การฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส หรือเข็ม3ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ด่านหน้า และการทยอยจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ไปยังต่างจังหวัดแต่มีเสียงสะท้อนว่าจัดส่งไปน้อยกว่าที่แจ้งความประสงค์มา ว่า วัคซีนเข็ม3 เข็มกระตุ้นภูมิสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ จะมีการเสนอรายละเอียดให้ทราบเป็นประจำทุกวันเพื่อที่จะให้ได้เห็นข้อมูล ซึ่งตัวเลขล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมาที่ได้ฉีดเข็มหนึ่งให้กับบุคลากรทางการแพทย์ จนถึงกระตุ้นเข็ม3 เป็นแอสตร้าเซเนก้า นี้แล้ว 182,082 ราย

ส่วน วัคซีนไฟเซอร์ ที่ฉีดเมื่อวันที่8สิงหาคมที่ผ่านมา ตอนนี้ บวกไปแล้ว 23,481 ราย ดังนั้นตัวเลขรวมของไฟเซอร์ 39,483 ราย ในส่วนการจัดสรรกระจายวัคซีนไฟเซอร์ขอเรียนให้ทราบว่ามีการสำรวจความต้องการของบุคลากรตอนนี้กรมควบคุมโรคจัดส่งให้ในเบื้องต้น 50-60% ของความต้องการที่สำรวจไว้ก่อน และหลังจากนั้นจะมีการสำรวจศักยภาพการฉีดแต่ละจุด แล้วจะจัดสรรให้เพิ่มเติมอย่างแน่นอน 

โดย 5-6 สค.นี้ ทางกรมควบคุมโรคได้จัดสรรวัคซีนล็อตแรกลงไปยังหน่วยฉีดเรียบร้อยซึ่งขอเน้นย้ำว่าทุกจังหวัด ไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลที่จะฉีดได้แต่จะมีการกำหนดหน่วยฉีดโดยสาธารณสุขจังหวัดเป็นผู้กำกับเนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์นั้นจะมีรายละเอียดเรื่องการขนส่งการเก็บอุณหภูมิที่ถูกต้อง ดังนั้นในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 7-9 สค. มีการเริ่มฉีดในหลายหน่วยบริการและในส่วนของการกำกับติดตามนั้น นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ย้ำว่าทุกๆหน่วยฉีด ขอให้สสจ. กำกับติดตามด้วย และในส่วนของความโปร่งใสนั้นสังคมกำลังต้องการเห็นจึงขอให้สสจ.และทุกจุดฉีดรายงานเข้ามาด้วย 

วัคซีนไฟเซอร์นี้ยังรวมถึงกลุ่มนักเรียนที่จะต้องเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้แล้วจึงขอเน้นย้ำว่าขอให้ติดต่อลงทะเบียน ด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด รับอีเมลยืนยันในการลงทะเบียน และมีการนัดหมายผ่านทางsms ไปยังเบอร์โทรศัพท์เพื่อนัดเข้าฉีดวัคซีน

กระทรวงสาธารณสุขขอเน้นย้ำว่าข้อมูลการ ดูแลผู้ป่วยทั้ง HI , CI การดำเนินการทั้งภาครัฐเอกชนประชาสังคมจะมีการรวบรวมเข้าเป็นระบบฐานเดียวกัน โดยสปสช.ในเร็วๆนี้จึงขอให้โรงพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ติดตามและลงข้อมูลด้วยเพื่อเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการ

‘แรมโบ้’ เตือน ‘คนเสื้อแดง’ อย่าร่วมคาร์ม็อบ ‘ณัฐวุฒิ’ 15 ส.ค.นี้ ชี้พาทำผิดกฎหมาย ย้อนอดีต ปี 53 ให้เจ็บแล้วจำ อย่าโดนหลอกไปตายฟรี

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. โพสต์เฟซบุ๊กชื่นชมคนหนุ่มสาว พร้อมเผชิญหน้าอำนาจรัฐ และส่งสัญญาณเตรียมเคลื่อนไหววันที่ 15 ส.ค.ทุกจังหวัด ว่า ไม่แปลกใจที่นายณัฐวุฒิ ชื่นชมคนหนุ่มสาวให้เคลื่อนไหวป่าเถื่อน ก่อเหตุรุนแรงก่อน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทรัพย์สินราชการ ผิดตามกฎหมาย เพราะถนัดในเรื่องแบบนี้ และเป็นอาชีพหลักที่ร่ำรวย สุขสบายจนได้เป็นรัฐมนตรี เพราะตั้งตัวเป็นแกนนำม็อบลงถนนเผาบ้านเผาเมือง จึงคาดหวังว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้อาจจะช่วยทำประโยชน์ให้กับตนเองได้ในอนาคต ทั้งนี้นายกฯ ไม่เคยห้ามการชุมนุมและพร้อมรับฟังความเห็นของเยาวชน แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ที่ช่วงเวลานี้มีพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ห้ามการชุมนุม เพื่อป้องกันไม่ให้การเชื้อแพร่กระจายรวดเร็วไปสู่ประชาชน

นายเสกสกล กล่าวว่า นายณัฐวุฒิ ชวนมวลชนออกมาร่วมคาร์ม็อบเคลื่อนไหวไล่นายกฯ ในวันที่ 15 ส.ค.นี้ อยากบอกถึงพี่น้องมวลชนอดีตคนเสื้อแดงว่าต้องจำบทเรียนความเจ็บปวด ชอกช้ำ ไม่หลงเชื่ออดีตแกนนำนปช.จอมปลอม ที่เคยหลอกลวงมาชุมนุมในปี 2552 และปี 2553 หลอกมาล้มตายนับร้อยศพ บาดเจ็บหลายพันชีวิต เคยสั่งให้คนเสื้อแดงออกมาสู้บนท้องถนนแลกด้วยชีวิต สั่งให้เผาบ้านเผาเมือง จนมวลชนเสื้อแดงต่างจังหวัดติดคุกในคดีเผาศาลากลางจำนวนมาก โดยประกาศว่าจะรับผิดชอบเอง แต่พอมวลชนโดนดำเนินคดี เพราะเชื่อคำพูดนักโต้วาที ทำให้ครอบครัวเดือดร้อนแสนสาหัส แต่นายณัฐวุฒิ กลับทอดทิ้ง ไม่เคยรับผิดชอบ ไม่สนใจใยดี ขณะที่ครอบครัวนายณัฐวุฒิ สุขสบายร่ำรวย และได้เป็นรัฐมนตรี

"สงสัยอยากได้รับโบนัสจากนายใหญ่ทางไกลอีก จึงใช้มุขเดิม เล่นละครบทเดิมบนท้องถนน ใช้วาทะเดิม มาหลอกลวงพี่น้องมวลชนอีกครั้ง โดยไม่สนใจบ้านเมืองกำลังเกิดวิกฤตโควิด-19 ต้องการหลอกให้ประชาชนหลงเชื่อออกมาบาดเจ็บล้มตายเหมือนอดีตและก้าวข้ามศพไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีใหญ่โตตามที่นายทักษิณ ชินวัตร สั่งการให้ทำมาเหมือนในอดีตใช่หรือไม่ แต่คนเสื้อแดงรู้ทันแกนนำสู้แล้วรวย รู้ทันเล่ห์เหลี่ยมสู้หมดแล้ว ทุกคนจดจำได้ดีว่าถูกปล่อยทิ้งขว้าง จึงฝากผมมาบอกว่าเข็ดแล้ว จะไม่หลงเชื่อนายณัฐวุฒิอีกต่อไป”

นายเสกสกล กล่าวว่า นายณัฐวุฒิหมดค่ากับคนเสื้อแดงที่เขารู้ทัน จึงต้องมาเกาะกระแสเดินตามม็อบสามกีบ มาเป็นลูกน้องนายอานนท์ นำภา เกาะกระแสม็อบล้มสถาบันฯ เพราะมวลชนคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ยอมเป็นเครื่องมือให้นายณัฐวุฒิ คนที่คิดหลอกลวงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไร้อุดมการณ์เช่นนี้ ที่ครอบครัวผู้สูญเสียและดวงวิญญาณคนเสื้อแดงคงไม่มีวันให้อภัยอย่างแน่นอน


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘ทักษิณ’ เตรียมเปิดพื้นที่ให้ประชาชน แลกเปลี่ยนความคิด มุมมอง ให้ข้อเสนอแนะ และร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศไทยกับการสื่อสารช่องทางใหม่ ผ่านทาง ‘THAKSINOFFICIAL’

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโต ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัว ถึงการเคลื่อนไหวของนายทักษิณที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้ โดยการเปิดพื้นที่ประชาชน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น มุมมองและข้อเสนอแนะ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศว่าช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คุณพ่อผมให้ความสำคัญกับการชี้แจงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ให้กับพี่น้องประชาชนเสมอครับ

จะเห็นได้จากรายการ "นายกทักษิณฯ คุยกับประชาชน" ซึ่ง ณ เวลานั้น ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่นายกรัฐมนตรีของไทยมาจัดรายการออกสื่อ เพื่อสื่อสารกับประชาชนโดยตรงเป็นประจำทุกสัปดาห์

นอกจากข้อมูลที่ชัดเจนจะถูกสื่อสารตรงไปถึงพี่น้องประชาชนโดยตรงแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่คุณพ่อให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ “การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น” โดยคุณพ่อจะจริงจังในเรื่องการรับฟังเสมอ คุณพ่อเคยรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาร้องทุกข์ด้วยตัวเอง เพราะเชื่อว่าการสื่อสารที่ดีที่สุดคือสื่อสารสองทาง ไม่ใช่พูดอย่างเดียวไม่รับฟังเสียงประชาชน

ภาพที่ผมได้นำมาลงนี้ เป็นภาพที่ตัวผมและน้อง ๆ ได้เห็นมาตลอด ทั้งภาพเบื้องหลังการเตรียมตัว และการเดินทางไปเพื่อสื่อสารกับพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการไปคุยกับกลุ่มประชาชนที่ประสบปัญหาในท้องถิ่นต่าง ๆ จนถึงการเตรียมข้อมูลเพื่อที่จะพูดคุยในคลับเฮาส์ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่คนรุ่นใหม่นิยมใช้ในการสื่อสารแบบ Two Way Communication

มาช่วงนี้ถึงแม้ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร แต่เมื่อประเทศชาติเกิดวิกฤติ คุณพ่อผมซึ่งอัปเดตตัวเอง โดยเรียนรู้วิทยาการใหม่ ๆ ในโลกตลอดเวลา ก็อยากที่จะนำความรู้และวิทยาการสมัยใหม่ต่าง ๆ มานำเสนอให้กับประเทศไทย ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ทำให้วิกฤติปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น สามารถบรรเทาเบาบางลงได้

ด้วยความที่คุณพ่อชอบที่จะฟังเสียงประชาชน เคารพในความคิดเห็นผู้อื่น และเห็นว่าข้อเสนอแนะของประชาชน คือทางออกและเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ

ดังนั้นเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณพ่อได้ คุณพ่อผมเตรียมเปิดพื้นที่ให้กับพี่น้องได้มาแลกเปลี่ยนความคิด มุมมอง ให้ข้อเสนอแนะ และร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศไทยกับการสื่อสารช่องทางใหม่ เตรียมพบกับ #THAKSINOFFICIAL เร็ว ๆ นี้ครับ

ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 09.30 น. นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้โพสต์ข้อความในทำนองเดียวกันกับนายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชายว่า “เพิ่งผ่านวันเกิดคุณพ่อมาไม่นาน ขอแอบเล่าความประทับใจในตัวคุณพ่อเพิ่มหน่อยนะคะ

พ่อคือ นักเล่าประจำบ้าน

คุณพ่อมักอยากจะแชร์ให้ลูก ๆ ฟังอยู่เสมอ พ่อจะโทรหาทุกคน พ่อจะเล่าซ้ำ ๆ โทรติดใครก่อนก็เล่าก่อน เล่าทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องสมัยจีบกับคุณแม่ใหม่ ๆ วีรกรรมช่วงเรียน เรื่อยมาจนถึงการลงพื้นที่ ความสนุกและความภูมิใจที่ได้ไปคลุกคลีกับประชาชน

การเล่าที่พ่อจะอินที่สุด คือเวลาพ่อคิดนโยบายอะไรได้ พ่อจะโทรบอกลูกก่อนเลย อย่างเช่น เล่าว่าลูกรู้ไหมคนที่เขาต้องไปวิ่งยืมเงินคนอื่นมารักษาโรค อีกหน่อยเขาจ่ายแค่ 30 บาท เขาก็จะหายป่วยได้ เขาจะได้ผ่าตัดโดยเสียเงินแค่ 30 บาท

อิ๊งค์ก็ถามกลับว่า จริงเหรอพ่อ มันจะเกิดขึ้นเหรอ และพ่อก็ตอบกลับว่า "พ่อทำได้ลูกคอยดูนะ"

สิ่งหนึ่งที่เราได้รับจากคุณพ่อมาเต็ม ๆ คือ การมีแรงบันดาลใจเสมอ มีความหวังในวันนี้ เพื่อสร้างพรุ่งนี้ให้ดีขึ้น

เรื่องเล่าของพ่อยังมีอีกมากเล่าวันเดียวก็คงไม่จบ ซึ่งเรื่องเล่าเหล่านี้เราอยากแบ่งปันและตีแผ่ออกไปให้ทุกคนได้สร้างแรงบันดาลใจร่วมกันนะคะ เพราะเราทุกคนต้องมีความหวังในวันนี้และพรุ่งนี้ค่ะ


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

'สัณหพจน์' ย้ำ การเสนอสลับตำแหน่งบิ๊กป๊อก-อนุทิน เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ประกาศลาออกจากตำแหน่งในพรรคหากหลายฝ่ายไม่สบายใจ

9 ส.ค. 64 นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตนแสดงความคิดเห็น เป็นข้อเสนอต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่องการปรับสลับตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ระหว่างพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุขนั้น ขอยืนยันว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ในฐานะของผู้แทนประชาชน และชัดเจนว่าไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นในนามของพรรคพลังประชารัฐ หรือมีกลุ่มบุคคล หรือบุคคลใดอยู่เบื้องหลังแต่อย่างใด

ทั้งนี้ทราบดีว่า การปรับคณะรัฐมนตรี หรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีในครม.นั้น เป็นอำนาจโดยตรงของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะพิจารณาว่าผู้ใดเป็นผู้เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งให้ความเคารพต่ออำนาจการพิจารณาดังกล่าว ขณะที่ตนเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ การนำเสนอความคิดเห็นส่วนตัวดังกล่าว อาจทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นทั้งในพรรคพลังประชารัฐ และพรรคการเมืองอื่น ๆ เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ตนต้องกราบขออภัยอย่างสูง มา ณ ที่นี่ด้วย

นายสัณหพจน์ กล่าวว่า การออกมาแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผมในครั้งนี้นั้น ก็เพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนคนไทย ในวันนี้ที่พี่น้องประชาชนกำลังเผชิญกับการแพร่รระบาดของโควิด-19 และต้องประสบกับปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดนั้น ผมในฐานะที่เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน และยึดหลักการมาโดยตลอดว่า เมื่อครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้รับโอกาสนี้แล้ว จะต้องทำหน้าที่เพื่อตอบแทนความไว้วางใจของพี่น้องประชานให้ดีที่สุด ในการที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช”

"ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบในกรณีนี้ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ และกระทบกระเทือนถึงพรรคพลังประชารัฐ ผมจึงขอลาออกจากตำแหน่งรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และตำแหน่งเลขาธิการภาค 8 พรรคพลังประชารัฐ” นายสัณหพจน์ ระบุ


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!

A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!!

>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท

>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ

>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย

***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พท.เตือนความจำรัฐเร่งจัดสรรไฟเซอร์ให้เด็กกลุ่มเสี่ยง พร้อมจัดหาวัคซีนให้เยาวชนเพิ่ม อัดเชื้อโรคไม่มีวันหยุดเหมือนผู้นำ

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มสูงขึ้น ในจำนวนดังกล่าวพบว่ามีผู้ติดเชื้อเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ  โดยมีเด็กติดเชื้อสะสมระหว่าง 1 ม.ค. – 6 ส.ค. สูงถึง 70,153 คน และล่าสุดวันที่ 6 ส.ค. มีเด็กติดเชื้ออยู่ที่ 2,469 คน เฉลี่ยอัตราการติดเชื้อในเด็กอยู่ที่ 10% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด ในจำนวนนี้มีเด็กกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีโรคประจำตัวรวมอยู่ด้วย จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคมาจากสหรัฐ จำนวน 1,503,450 โดส ให้กับกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ตามโควต้าที่ได้จัดสรรไว้โดยเร็ว ขณะเดียวกันต้องเร่งติดตามความคืบหน้าการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อให้เด็กทุกคนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง และต้องเร่งเจรจาสั่งซื้อวัคซีนยี่ห้ออื่น ที่กำลังจะได้รับการรับรองให้ฉีดในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ เช่น โมเดอร์นา ก่อนที่จะสายเกินไป  อย่าให้พลาดซ้ำเหมือนการจัดหาวัคซีนของผู้ใหญ่อีก 

น.ส.อรุณี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาวัคซีนไฟเซอร์ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การอาหารและยา (อย.) ให้ใช้ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องประวิงเวลารอคอยพิธีการในการเร่งฉีดวัคซีนในเด็กและประชาชนกลุ่มเสี่ยง เมื่อปรับเกณฑ์การฉีดวัคซีนไฟเซอร์แล้ว ก็ต้องรีบฉีดบุคลากรทางการแพทย์ ประชาชน เด็ก และเยาวชนกลุ่มเสี่ยงอย่างโปร่งใส และรวดเร็ว  เราไม่มีเวลามากพอที่จะต้องรอ เชื้อโรคไม่มีวันหยุดเหมือนผู้นำประเทศบางท่าน

กรณ์-วรวุฒิ พรรคกล้า  ชวนอุดหนุนมังคุดใต้ คัดเกรดพรีเมี่ยมส่งตรงจากเมืองคอน เพจPokPok ไลฟ์ขายสด อังคารที่ 10 สิงหา เวลา 1 ทุ่มตรง   

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และนายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค ประสานเสียงชวนคนไทยอุดหนุนมังคุดใต้ ส่งตรงจากชาวสวน จ.นครศรีธรรมราช  รสชาติเหมือนนั่งกินในสวน  โดยจะทำการ live สดขายผ่านเพจ  “PokPok รถอาหารแสนอร่อย”

นายกรณ์ กล่าวว่า จากปัญหาภาคขนส่งติดโควิด พ่อค้าคนกลางกดราคา มังคุดขายหน้าสวนราคาเพียง กิโลละ 5-8 บาท  ส่งผลให้ชาวสวนเดือดร้อน PokPok จึงได้ซื้อมังคุดตรงจากชาวสวนในราคา  กิโลกรัมละ 20 บาท  ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรได้กำไร โดยมีเงื่อนไขให้ชาวสวนคัดมังคุดอร่อยของสวนตัวเอง พร้อมติดโลโก้สวนเพื่อประชาชนสัมพันธ์  โดย PokPok รถอาหารแสนอร่อย พร้อมพันธมิตร MuvMi ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า จะนำมังคุดมาช่วยจัดส่งถึงบ้านคุณ ในราคาเพียงกล่องละ 300 บาท (10 กก.) เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เนื่องจากการขนส่งในต่างจังหวัดยังติดขัดด้วยระบบโลจิสติกส์ที่ตัองใช้เวลาหลายวันอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ นอกจากนี้ยังสามารถซื้อได้ที่ WeChef Food Truck ในราคา กก. ละ 30 บาท โดยรถจะจำหน่ายในปั๊ม ปตท.สาขา ถ. กัลปพฤกษ์ 

“เชิญนะครับ นอกจากจะได้อร่อยไปกับมังคุดแล้ว ท่านยังได้ช่วยเกษตรกรโดยตรงอีกด้วยพบกัน 1 ทุ่มตรง 10 สิงหาคมนี้  ของมีจำนวนจำกัดครับ ห้ามพลาด” หัวหน้าพรรคกล้ากล่าว

‘วิโรจน์’ ต้านรัฐบาลออกกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งผู้จัดหาวัคซีนตัดสินใจผิดพลาดทำประชาชนตาย

‘วิโรจน์’ ต้านรัฐบาลเตรียมออกกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่งผู้จัดหาวัคซีนตัดสินใจผิดพลาดทำประชาชนตาย ชี้เล็งเห็นหายนะที่อาจจะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า แต่ก็มิได้ตระเตรียม หรือกระจายความเสี่ยงเอาไว้อย่างที่ควรจะเป็น ก็ควรต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนจะถูก หรือผิด ศาลท่านจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง ไม่ควรที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับตนเองล่วงหน้า เยี่ยงคณะรัฐประหารเช่นนี้

จากกรณีวันที่ 6 สิงหาคม 2564 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เปิดเผยเอกสารนำเสนอ เพื่อตรา พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ.... ( https://drive.google.com/file/d/1QsC3KxcyVWtqJDZgYAedkrJz1ByZYmB7/view?fbclid=IwAR1yn-etAjYr6hjgibyhYi7naE1k9AMq1YbfHmPvmuBruXCNRhKy2NUe9y4 )

โดยในเอกสารมีใจความหลักคือเสนอให้มีการออกกฎหมาย เพื่อจำกัดความรับผิดของบุคลากรสาธารณสุขและสถานพยายาลในระดับต่างๆ ที่ทำงานปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการแก้ไขสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่มีการรวมถึงข้อ 7. ว่าด้วย “บุคคล/คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน”

โดยในวันที่ 8 สิงหาคม 2564 นายวิโรจน์กล่าวในการแถลงข่าวพรรคก้าวไกลประจำสัปดาห์ว่า “พรรคก้าวไกลเห็นด้วย หากจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อปกป้องการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ โดยสุจริตไม่มีการเลือกปฏิบัติ ของบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้า ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ก็คงไม่มีใครแย้ง

แต่การที่จะปกป้องบุคคล หรือคณะบุคคลที่มีหน้าที่ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย ในการจัดหา และบริหารจัดการวัคซีนด้วย ล้วนทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ที่กำลังประสบกับทุกข์ภัยอย่างแสนสาหัส เดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า คับแค้นจนน้ำตาเป็นสายเลือด ไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะหากการที่มีประชาชนตายด้วยโรคระบาดเป็นจำนวนมาก เด็กเล็กๆ หลายคนต้องเป็นกำพร้า เกิดจากการตัดสินใจที่ไม่สอดคล้องกับหลักวิชา หรือผลการศึกษาวิจัยที่ได้รับการเผยแพร่บนวารสารวิชาการทางการแพทย์ระดับนานาชาติไว้แล้ว หรือเล็งเห็นหายนะที่อาจจะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า แต่ก็มิได้ตระเตรียม หรือกระจายความเสี่ยงเอาไว้อย่างที่ควรจะเป็น เบิกจ่ายล่าช้าอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ดังนั้น บุคคล หรือคณะบุคคลที่มีหน้าที่ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย ก็ควรต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนจะถูก หรือผิด ศาลท่านจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง ไม่ควรที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับตนเองล่วงหน้า เยี่ยงคณะรัฐประหารเช่นนี้”

"ศุภชัย" สุดทน อัด การเมืองใหม่ใช้วิธีทำงานแสนสกปรก เหน็บมีชีวิตได้เพียงเพราะด่าผู้อื่นหลังขี้แพ้ซ้ำซาก

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว หลังเกิดกระแสดราม่า เรื่องป้ายมอบวัคซีนไฟเซอร์ จากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข โดยระบุว่า มีชีวิตได้ เพียงเพราะได้ด่าผู้อื่น ประเด็นดราม่าเรื่อง “ป้าย รมต.มอบไฟเซอร์” เมื่ออ่านข้อมูลครบถ้วน ก็ไม่มีอะไรมากกว่าการเล่นการเมืองสกปรก ของพวกขี้แพ้ซ้ำซาก ที่จับเอาทุกประเด็นมาโจมตีรัฐบาล โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง หวังเพียงแต่สร้างเรื่องดราม่า ให้เป็นกระแส ได้สนุกสนานครื้นเครงแล้วก็จบไป

เรื่องของเรื่องก็เป็นแค่ความหวังดีของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติงาน ที่ต้องการให้ให้เกียรติรัฐมนตรีมามอบวัคซีน แล้วก็ทำป้าย มูลค่าป้ายที่ทำไม่เกิน 50 บาทแน่นอน แต่ที่สุดแล้วป้ายนั้นก็เอาลง ไม่ได้ใช้ เพราะทางฝ่ายสถานที่เห็นว่าไม่เหมาะสม ในงานก็ไม่มีป้ายนั้นปรากฏอยู่ และตอนรัฐมนตรีมาถึง ก็ไม่มีการขึ้นป้ายที่ว่า เรื่องก็มีแค่นี้ 

เปรียบเทียบเหมือนเราทำงานมาเสนอหัวหน้า หัวหน้าไม่เอา ก็ตัดออกจบ แต่สำหรับฝ่ายการเมืองสายปลุกปั่นสังคม พอเห็นภาพนี้ก็เอามาแต่งเรื่องราวใหม่ บิดเบือน สร้างความเข้าใจผิดแก่สังคม เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏ คนกลุ่มเดิม ก็หาเรื่องใหม่มาด่าต่อเรื่อยๆ นี่คือการเมืองน้ำเน่าสกปรก ยกตัวอย่าง การที่คนของฝ่ายปลุกปั่นไปเคลมว่าตัวเองมีส่วนในการนำไฟเซอร์ จากสหรัฐอเมริกาเข้ามา พอทางการสหรัฐฯ แถลงว่าไม่จริง พวกเขาก็เงียบ ยิ้มแหะๆ แล้วก็จากไป ต่อมา พวกเขาบอกว่า จะหาไฟเซอร์เข้ามาในเดือน ก.ค. พูดจนหุ้นในกลุ่มพวกเขาพุ่งเอาๆ แต่เมื่อทำไม่ได้ พวกเขาก็เงียบ ยิ้มแหะๆ แล้วก็จากไป จากนั้น เมื่อตำรวจที่มีหน้าที่รับผู้ป่วยได้ฉัดวัคซีนเข็ม 3 พวกเขาตั้งหน้าตั้งตาด่า แต่เมื่ออาสาในกลุ่มพวกเขาได้รับ พวกเขาก็เงียบ ยิ้มแหะๆ แล้วก็จากไป มีกี่เรื่องแล้ว ที่คนกลุ่มนี้ เอาแต่วิจารณ์โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง 

หลายครั้งการด่าของเขา ไปกระทบกับคนทำงาน ไปกระทบกับการทำงาน แต่ถามว่าเขาเคยสำนึกหรือไม่ เขาเชื่อว่าสังคมไทยขับเคลื่อนด้วยการด่า การด่าของพวกเขาช่างมีพลัง ทั้งที่การด่า และพลังงานด้านลบไม่ใช่แรงผลักให้คนทำงานลงมือทำ เพราะต่อให้ไม่มีแรงด่า เขาก็ต้องทำทุกอย่างไปตามแผนอยู่แล้ว แต่การด่าทอ การบิดเบือนทั้งหลาย เป็นขุมพลังงานให้กลุ่มการเมืองเลวๆ พรรคการเมืองเลวๆ ได้มีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้นเอง เป็นการทำงานการเมืองที่แสนสกปรก และไร้ค่าสิ้นดี #การเมืองใหม่ที่แสนสกปรก 

‘โรม’ ห่วง ใช้ ‘แก๊สน้ำตา - กระสุนยาง’ เป็น ‘มาตรฐานปกติ’ คือการทำร้ายประชาชนเพื่อทำลายสิทธิเสรีภาพ ชี้ ศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับคำสั่ง ‘ห้ามเผยแพร่ความกลัว’ ของ ‘ประยุทธ์’ สะท้อน ขัดรัฐธรรมนูญและผิดจริยธรรม เตรียมยื่น ปปช.สอบ ตาม ม.234 สัปดาห์หน้า

ในการแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของพรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงใน 3 ประเด็น ได้แก่ ความเห็นต่อมาตรการสลายการชุมนุมและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรงเกินสัดส่วน เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ,ความเห็นต่อกรณีศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้ประกาศฉบับ 29 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีการบังคับใช้ และข้อสังเกตต่อคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 83 และมาตรา 91 ที่มีความเร่งรัดและไม่เป็นไปตามหลักการรัฐสภา

ทั้งนี้ รังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลรู้สึกผิดหวังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมการชุมนุมของประชาชนด้วยความรุนแรงและกังวลว่าความรุนแรงแบบนี้จะขยายตัวไปเรื่อยๆ จากที่ได้ติดตามมาตลอดพบว่าความรุนแรงของการควบคุมการชุมนุมมีความรุนแรงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ก่อนหน้านี้การฉีดน้ำแรงดันสูงหรือยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมยังไม่มากขนาดนี้ และการใช้กระสุนยางยิ่งไม่บ่อยนัก แต่ช่วงที่ผ่านมา การใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางกับผู้ชุมนุมเหมือนกลายเป็นมาตรฐานการควบคุมการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ไปเสียแล้ว

“เมื่อวานช่วงเที่ยง มีหลักฐานเป็นภาพเคลื่อนไหวว่า มีการใช้กระสุนยางกับคนในบริเวณนั้นซึ่งอาจแค่มารอการชุมนุมที่จะมีขึ้นในตอนบ่ายโมง คือยังไม่ทันทำอะไร แค่มารอและคนยังเบาบาง แต่กลับมีการควบคุมสถานการณ์และบีบพื้นที่เข้ามา ธรรมชาติของการชุมนุมที่มีคนหลายพันคน อาจมีคนหลายประเภทในนั้น จริงอยู่ว่าที่อาจมีบ้างที่เตรียมอุปกรณอย่างหนังสะติ๊กมาเพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ แต่ก็มีคนจำนวนมากเช่นกันที่มีแค่กระดาษเพื่อมาเรียกร้องต่อรัฐบาลในความเดือดร้อนของเขาอย่างสันติ การใช้ความรุนแรงในการจัดการจึงทำให้เสียงของเขาเหล่านี้หายไปด้วยเช่นกัน”

รังสิมันต์ กล่าวว่า ตนได้ไปสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดบริเวณดินแดง เชื่อว่าภายในหนึ่งนาที มีการยิงแก๊สน้ำตาไม่ต่ำกว่า 3 ลูก จำนวนหนึ่งไปตกอยู่บริเวณบ้านเรือนใกล้เคียงที่ชุมนุมและปั๊มน้ำมัน สะท้อนว่าเป็นการยิงดะโดยไม่สนว่าผู้ชุมนุมมีพฤติการณ์รุนแรงหรือไม่ ทั้งนี้ ตามมาตรฐานในการควบคุมการชุมนุมที่ควรเป็น อุปกรณ์เหล่านี้ควรใช้กับต่อกรณีที่เผชิญกับพฤติการณ์รุนแรงจริงๆ เช่น มีการฝ่าไปจะทำร้ายเข้าหน้าที่ แต่การใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกิดขึ้นคือการใช้เพื่อทำลายการชุมนุมซึ่งเป็นเสรีภาพประชาชน ขอย้ำว่าการใช้ความรุนแรงไม่ใช่การแก้ปัญหาในกรณีที่ประชาชนออกมาเรียกร้องเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากรัฐบาล ทางออกที่ดีที่สุดก็คือการตอบโต้ด้วยการทำงานให้มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด หรือไม่การลาออกก็เป็นเงื่อนไขอย่างหนึ่งในการแก้วิกฤตการเมืองได้ อย่าใช้เจ้าหน้าที่เป็นเครื่องมือทำร้ายประชาชน เพราะเรารู้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ถูกฝึกในการรับมือสถานการณ์อย่างถูกต้องมาแล้ว เราอยากเห็นความอดกลั้น ซึ่งในส่วนผู้ปฏิบัติหน้าที่ชั้นผู้น้อยก็พอเห็นความพยายามอยู่ แต่ในส่วนผู้อยู่ในตำแหน่งและมีอำนาจตัดสินใจก็มีคำถามว่าเหมือนจะต้องการให้บานปลายหรือไม่ 

ประเด็นที่สอง การออกข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่อนุญาตให้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับรู้ข่าวสารของประชาชน ล่าสุด ศาลแพ่งได้ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่มีประเด็นสำคัญสองประเด็น คือ หนึ่ง การออกคำสั่งดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะเกินความจำเป็นต่อสถานการณ์ สอง คือการไม่มีอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ตัดอินเทอร์เน็ตได้ ดังนั้น ในสัปดาหหน้า พรรคก้าวไกลจะรวบรวมหลักฐานเพื่อทำคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปปช.) ตาม มาตรา 234 อนุ 1 ตามรัฐธรรมนูญเพื่อเอาผิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยรายละเอียดของมาตรานี้ว่าด้วย ปปช. มีหน้าที่และอํานาจไต่สวนและมีความเห็นกรณีมีการกล่าวหาว่าผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ หรือผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้ใดมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพื่อดําเนินการต่อไปตามรัฐธรรมนูญหรือตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งกรณีนี้เห็นได้ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดที่ศาลวินิจฉัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และยังมีความผิดในเรื่องจริยธรรม เช่น ข้อที่ 7 ต้องถือผลประโยชน์ประเทศชาติเหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตน ซึ่งการห้ามกระทั่งการเผยแพร่ข่าวจริงจึงเป็นการกระทำที่อาจจะเกินเลยกว่าผลประโยชน์ของชาติ หรือข้อที่ 12 จะ ต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรม เป็นต้น

ทั้งนี้ รังสิมันต์ กล่าวว่า หาก ปปช.วินิฉัยว่ามีมูล จะต้องดำเนินต่อตาม มาตรา 235 หากเป็นการผิดจริยธรรมร้ายแรงต้องส่งต่อเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัย แต่หากผิดจริยธรรมไม่ร้ายแรงต้องส่งต่อไปยังอัยการสูงสุดเพื่อส่งต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และหากมีการรับเรื่องไว้พิจารณา พล.อ.ประยุทธ์ก็จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที

ประเด็นที่สาม ความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  รังสิมันต์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการตั้งกรรมาธิการเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจากการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณา 13 ฉบับ ปรากฏว่า
มีเพียงฉบับเดียวที่ผ่านการรับหลักการของสภาในวาระที่ 1 คือ ร่างที่เสนอมาโดยพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งระบุในหลักการอย่างชัดเจนว่า เพื่อแก้ 83 และ 91 โดยทั้งสองมาตราไม่ใช่การแก้เรื่องระบบเลือกตั้งทั้งหมด 

“ปรากฏว่าในกระบวนการพิจารณาชั้น กมธ. ผมซึ่งอยู่ในกมธ.ด้วย สังเกตว่ามีความพยายามเร่งรัดเพื่อแก้รัฐธรรมนูญอย่างรวดเร็วจนผิดปกติ โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธาน กมธ. ต้องการพิจารณาให้เสร็จในสัปดาห์นี้ ในสถานการณ์โควิดที่ประชาชนกำลังลำบากกลับไม่พบว่าประชาชนจะมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้รฐธรรมนูญได้เลย ทั้งที่เรื่องระบบเลือกตั้งซึ่งก็คือการกำหนดว่าเขาจะได้รัฐบาลแบบไหนมาบริหาร ประชาชนก็ควรมีสิทธิ มีปากมีเสียงในการแสดงความเห็นว่าเขาต้องการเห็นระบบอะไร เราเห็นแต่การรวบรัดโดยไม่สนใจขั้นตอนปฏิบัติ เป็นการแก้รัฐธรรมนูญในแบบที่คนไม่กี่คนมาสุมหัวกันโดยประชาชนไม่มีสิทธิอะไร ที่สำคัญก็คือคนที่แก้ต้องการให้ผลลัพธ์ที่ออกมาตรงกับ ร่างที่สภามีมติไม่รับหลักการไปแล้ว หากเป็นแบบนี้กลไกสภาและสิทธิประชาชนอยู่ตรงไหน จึงอยากให้จับตาว่ารัฐธรรมนูญจะมีหน้าตาอย่างไรต่อไป เพราะในสัปดาห์หน้าจะเป็นสัปดาห์ของการแก้รัฐธรรมนูญ”

“รองโฆษกพปชร.” ชง “นายกฯ”ปรับครม. โยก “บิ๊กป็อก” นั่งคุมสธ. ให้ “อนุทิน”เป็นมท.1

นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดในขั้นรุนแรง ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสูงสุดติดต่อกันเกือบทุกวัน จนทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งขาดความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการสถานการณ์ จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม พิจารณาปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีในการบริหารงานของรัฐบาลใหม่ โดยสลับให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย รมว.มหาดไทย มาเป็นรมว.สาธารณสุข เนื่องจากบุคลิกการทำงานที่เป็นผู้นำ มีความเด็ดขาดของทหาร สามารถสั่งการ ทั้งเรื่องของควบคุมการแพร่ะระบาดโควิด การตรวจเชื้อเชิงรุก และการจัดสรรวัคซีน และทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายไปได้ เพื่อแก้ไขสถานการณ์การควบคุมโควิด-19 ที่จะต้องรัดกุม และเด็ดขาด ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข เหมาะสมที่จะเป็นรมว.มหาดไทย เนื่องจาก นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาแล้ว สามารถถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานได้ รวมทั้งประสบการณ์ของนายอนุทิน ซึ่งเคยบริหารบริษัทเอกชนมาแล้ว จะสามารถนำมาปรับใช้กับรูปแบบการบริหารในส่วนของการปกครองที่จะต้องกระจายอำนาจให้กับส่วนภูมิภาคได้ 

ทั้งนี้ตนเสนอในนามส.ส.มีหน้าที่ดูแลประชาชน และเห็นว่าควรมีการปรับเปลี่ยนการทำงานเพื่อให้ การดูแลและแก้ไขสถานการณ์โควิดในปัจจุบันสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ต่อการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาลได้มากยิ่งขึ้น

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอประณามผู้ชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่ออกมาเคลื่อนไหว ม็อบ 7ส.ค.

ซึ่งไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีการก่อเหตุรุนแรงก่อน มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำลายทรัพย์สินของราชการ  และมีความผิดกฎหมาย ทั้งพ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ตามขั้นตอน   นอกจากนี้ตำรวจยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 คน พร้อมของกลาง ประกอบด้วย พลุไฟ สิ่งเทียมวัตถุระเบิด, หัวน็อต , หนังสติ๊ก, วิทยุสื่อสาร, เกราะอ่อนพลาสติก รวมถึงหมวกนิรภัย และหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา น้ำเกลือจำนวนมากจึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ตั้งใจเคลื่อนไหวที่จะมาเรียกร้องตามข้อเรียกร้อง แต่เป็นการเตรียมตัวมาเพื่อที่จะสร้างความรุนแรงวุ่นวายให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง 

“ขอเตือนไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมหากจะออกมาเคลื่อนไหว ทำให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน และเพื่อสร้างความรุนแรงตามใบสั่งของแกนนำม็อบและนายทุนที่สนับสนุน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องบังคับและทำตามกฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุม หรือแม้แต่ผู้ที่สนับสนุนผู้ชุมนุมโดยเฉพาะนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หรือแม้แต่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ก็ไม่ควรออกมาเรียกร้องเช่นเดียวกันว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ  ใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม และจะต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกับผู้ชุมนุมถ้าตรวจสอบพบหลักฐานว่ามีการสั่งการเชื่อมโยงกับม็อบกลุ่มนี้จะเจ้าหน้าที่ไม่ปล่อยให้ลอยนวลเด็ดขาด”นายเสกสกลกล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า หากนายธนาธร จึงรุ่งเรื่อวกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แน่จริงก็ไม่ควรที่จะหลอกใช้เยาวชน หรือเป็นอีแอบ อยู่เบื้องหลังเยาวชนในการเคลื่อนไหว เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองเท่านั้น ทั้งนี้ มองว่าการที่นายธนาธร และนายปิยบุตร ไม่กล้าออกมา เพราะอาจไม่อยากรับผิดชอบในเรื่องใด แต่อยากได้ประโยชน์จากเยาวชนกลุ่มนี้” 

"พี่น้องประชาชนที่จงรักภักดีคนไทยส่วนใหญ่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมม็อบก้าวล่วงจาบจ้วงสถาบันกลุ่มนี้ ใช้ความรุนแรงอย่างป่าเถื่อนใช้อาวุธหนังสติ๊กลูกเหล็ก ระเบิดไฟ ระเบิดเพลิง ปะทัดยักษ์ระเบิดปิงปอง และอาวุธสารพัดชนิด ถล่มใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างหนัก จนได้รับบาดเจ็บหลายนายบางคนบาดเจ็บสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอด พฤติกรรมเช่นนี้นายธนาธรยังกล้าออกมาพูดว่า ม็อบสู้สองมือเปล่า มีความคิดสร้างสรรค์เป็นอาวุธ นายธนาธรช่างกล้าออกมาพูด ไม่อายปากตัวเอง ยิ่งพูดยิ่งทำให้ประชาชนเข้าใจชัดเจนมากขึ้นว่า นายธนาธรจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังวางแผนเกี่ยวข้องกับม็อบกลุ่มนี้ คงไม่ต้องเป็นอีแอบอีกต่อไป ตนก็ขอท้านายธนาธร นายปิยะบุตร แน่จริงอย่าเป็นนักปั่น ยุยงอยู่เบื้องหลัง ให้ออกมาเป็นแกนนำม็อบเหล่านี้ให้ชัดเจนไปเลย อย่าเกาะหลังเด็กหากินกับเด็ก ให้ออกไปสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายในบ้านเมือง นิสัยประเภทนี้เขาไม่เรียกว่า ลูกผู้ชายตัวจริง ประเภทพวกหนักแผ่นดินคิดร้ายต่อบ้านเมือง ทำลายประเทศชาติมากกว่า" นายเสกสกลกล่าว

แจงประเด็นโซเชียลมีเดียวิจารณ์ “อนุทิน” กรณีมอบวัคซีนไฟเซอร์จังหวัดนครสวรรค์ “ยัน”เกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน  

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่โซเชียลมีเดียนำภาพซึ่งระบุว่ามาจากงานภารกิจนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2564 เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลท่าตะโก อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ มาโพสต์พร้อมระบุข้อความว่ารองนายกรัฐมนตรีเคลมว่าวัคซีนไฟเซอร์เป็นผลงานของตนเองนั้น เป็นการแสดงข้อความที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงและทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด  

ข้อเท็จจริงคือรองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจการทำงานแก่เจ้าหน้าที่ในจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งพร้อมกับการลงพื้นที่ก็ได้มีการตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ล็อตที่ได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐฯ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัครสาธารณสุขและบุคลากรด่านหน้าในพื้นที่ด้วย ส่วนการจัดเตรียมป้าย หรือข้อความต่างๆ ก็จัดโดยเจ้าหน้าที่ในจังหวัด ซึ่งจากการตรวจสอบก็ไม่พบข้อความที่มีการส่งต่อข้อความที่มีการส่งต่อทางโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด  

“ในการลงพื้นที่จังหวัดหวัดนครสวรรค์ นอกจากรองนายกฯอนุทินแล้ว ยังมีปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมควบคุมโรคร่วมเดินทางด้วย ซึ่งภารกิจของการลงพื้นที่คือการไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ติดตามการดำเนินงานการควบคุมและแพร่ระบาดของโรคโควิด19  จากการสอบถามในคณะผู้ลงพื้นที่ ก็ไม่มีใครเห็นข้อความใดที่มีการส่งต่อในโซเชียลมีเดีย ก็ยังสงสัยเช่นกันว่าข้อความนั้นอยู่ส่วนใดของงาน” น.ศ.ไตรศุลี กล่าว  

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หากเป็นการวิจารณ์บนข้อมูลและเป็นความจริง และเพื่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ดีขึ้น เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนทำได้อยู่แล้ว  แต่ขอความร่วมมืออย่าสร้างและส่งต่อข้อมูลที่ก่อความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะในประเด็นที่จะกระทบต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ที่เป็นด่านหน้าปฏิบัติงานอย่างหนัก  โดยเป้าหมายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเวลานี้คือการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่  

รัสเซียแทรกกลาง 'จีน-สหรัฐฯ'​ เดินหน้าผูกมิตร ASEAN จริงจัง | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

ชวนคิด​ หมีขาวขอคั่ว ‘ขั้วที่ 3’
เมื่อรัสเซียเดินหน้าผูกมิตร ASEAN 
โฉบความสัมพันธ์ออกจากอก ‘จีน-สหรัฐฯ’

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

.

.


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
- ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
- รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
- สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
- แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top