Saturday, 30 September 2023
POLITICS

โฆษกทร. ระบุ กองทัพเรือ อยู่ระหว่างเตรียมข้อมูล ชี้แจงการรับ-มอบ รถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จำนวน 3 คัน จากจีน หลังฝ่ายค้านพูดถึงในการพิจารณางบประมาณประจำปี 2565 ในสภามาไวกว่า วัคซีนโควิด-19

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.จากกรณีนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. เพื่อไทย ได้ระบุถึงการจัดส่งรถถังมายังไทยซึ่งมาเร็วกว่าวัคซีนโควิด-19 ในเวทีการพิจารณางบประมาณ 2565 ของรัฐบาล เมื่อคืนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถถังดังกล่าว เป็นรถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 จำนวน 3 คัน จีนส่งมาให้กองทัพเรือไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากสั่งซื้อไปเมื่อเดือนมิ.ย. ปี 2563 โดยจะเข้าประจำการใน กองพันสะเทินน้ำสะเทินบก กองพลนาวิกโยธิน อ.สัตหีบ จ. ชลบุรี

โดยจัดซื้อจาก China North Industries Corporation (NORINCO) สาธารณรัฐประชาชนจีน ใช้งบประมาณ 398 ล้านบาท คุณสมบัติรถถังรุ่นนี้ สามารถติดปืนใหญ่ 105 มม. ได้สามารถยิงกระสุนเจาะเกราะ และมี อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง

ทั้งนี้ กองทัพเรือจัดซื้อมา ทดแทนรถถังหลัก Type 69-II ที่ใช้มานาน ของนาวิกโยธิน

ล่าสุด พล.ร.อ. เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า ขณะนี้กำลังเตรียมข้อมูล และเตรียมที่จะชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“รังสิมันต์ โรม” ยื่นตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีผู้พิพากษาไทยเอี่ยวรับสินบนโตโยต้า ชี้ต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 รังสิมันต์​ โรม​ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือต่อประธาน กมธ.ป.ป.ช.​ ให้พิจารณาสืบสอบหาข้อเท็จจริงกรณีรายงานข่าวว่า​ บริษัทโตโยต้าให้สินบน​ผู้พิพากษาระดับสูงของศาลยุติธรรมไทย​

รังสิมันต์ กล่าวว่าในวันนี้ตนได้ยื่นเรื่องต่อพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามทุจริตเเละประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นที่เกี่ยวกับการรับสินบนซึ่งเกี่ยวพันกับผู้พิพากษาจำนวน 3 ราย ซึ่งเป็นกรณีที่เราทราบจากสำนักข่าวจากสหรัฐอเมริกาโดยตนหวังว่าจะมีการตรวจสอบในประเด็นต่างๆ ต่อไป โดยหนังสือที่ตนส่งมานั้นมีรายละเอียดทั้งภาษาไทยเเละภาษาอังกฤษโดยเป็นประเด็นที่หลายท่านคงทราบเเล้ว

“ความยุติธรรมกระบวนการยุติธรรมของประเทศเราท้ายที่สุดเเล้วจะเป็นมรรคเป็นผลหรือไม่ กรณีนี้จะเป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญ เรามาทราบว่ามีการทุจริตคอร์รัปชัน เรามาทราบว่าอาจมีการรับสินที่เกี่ยวกับผู้พิพากษาจากต่างประเทศ ดังนั้นตนจึงขอให้ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้คู่ขนานต่อไป เเละขยายผลให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นหลักประกันให้กับกระบวนการทางยุติธรรมของไทยต่อไป”

ด้านพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ ประธานคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่าตนเพิ่งได้รับเรื่องในวันนี้ ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติในการที่จะตรวจสอบฝ่ายบริหารหรือฝ่ายตุลาการ เเต่ว่าตามรัฐธรรมนูญ 129 วรรค 4 ได้ยกเว้นในการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการ ละการบริหารงานบุคคลของศาล ซึ่งตนได้ฟังจากเรื่องดังกล่าวเเล้ว กรณีนี้ไม่เข้าข่าย เพราะเป็นการดำเนินการตรวจสอบคู่ขนาน แม้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จะดำเนินการต่อไป เเละจะมอบให้ ส.ส. ธีรัจชัย พันธุมาศ ในฐานะกรรมาธิการเป็นผู้ดูเเลเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ ธีรัจชัย พันธุมาศ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนนั้นรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้นเราจะต้องหาความจริงร่วมกันกับสำนักงานศาลยุติธรรม หากเป็นเรื่องจริงตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมประกาศว่าได้ตั้งคณะทำงานอยู่ 2 ชุด ชุดเเรกคือ สำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม ชุดที่ 2 เกี่ยวกับผู้พิพากษศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ที่ตรวจสอบ กรณีเเบบนี้เป็นเรื่องดี เเต่ตนคิดว่าอยากใหัเป็นชุดที่ใหญ่กว่านี้ นั่นคือ ประธานศาลฎีกา จะต้องเป็นประธานในการดำเนินการตรวจสอบเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นจะเป็นเรืองที่ดี

และหากกรณีที่โฆษกศาลยุติธรรมได้เเถลงว่า มีการดำเนินทางวินัย ตนขอตั้งขอสังเกตว่าการดำเนินการเพียงเท่านี้จะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งถ้าเรื่องดังกล่าวพิสูจน์เเล้วว่าเป็นเรื่องจริง สถาบันทางตุลาการของไทยจะมีปัญหาว่าสามารถถูกเเทรกเเซงได้หรือไม่ เเละจะมีการตรวจสอบถ่วงดุลภายในองค์กรอย่างไร นี่เป็นเรื่องที่จะต้องชี้เเจงต่อประชาชน

“ผมคิดว่าถ้าทำเเบบนี้ได้ จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมา แต่ก่อนหน้านี้เคยมีคดีบอสกระทิงเเดงขับรถชนตำรวจ เเละคดีคุณสมบัติของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างสูง มันบ่งบอกว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยจะต้องมีข้อที่ให้โต้เเย้ง

ดังนั้น ผมคิดว่าหากเราตรวจสอบในเรื่องนี้ ในฐานะ กมธ.ป.ป.ช. ที่เป็นองค์กรตรวจสอบเดียวที่มาจากประชาชน เราก็ทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยรัฐธรรมูญมาตรา 129 ที่ระบุไว้ห้ามตรวจสอบการพิจารณาพิพากษาคดีของตุลาการ และการบริหารงานบุคคลของศาล เเต่ในกรณีนี้กรรมาธิการจะดำเนินการตรวจสอบว่าทุจริตเเละประพฤติมิชอบต่อกระบวนการทางยุติธรรมหรือไม่ ดังนั้นการตรวจสอบคู่ขนานกับศาลยุติธรรมจำเป็นต้องมี 

เเละอีกส่วนคือฝ่ายบริหาร โดยผมขอเรียกร้องพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตรวจสอบด้วย โดยให้หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี คือ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ควรต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของคนรอบข้างก็สามารถดำเนินคดีได้เหมือนที่ผ่านมา”

โดยธีรัจชัยกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่ได้มองถึงเรื่องตัวบุคคล เเต่มองถึงโครงสร้างความยุติธรรมในเชิงหลักการ โดยตนจะดำเนินภารกิจอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความลำเอียงและอคติในการปฏิบัติหน้าหน้าที่หาความจริง เพื่อวางระบบยุติธรรมของประเทศให้น่าเชื่อถือมากที่สุด เพราะหากปล่อยกรณีนี้ไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อประเทศ และโดยเฉพาะหากพบว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เราก็จะยืนยันโต้แย้งข้อมูลของหน่วยงานองค์กรต่างประเทศที่มาทำให้เราเสียหาย แต่ถ้าพบว่าเป็นความจริง ศาลยุติธรรมก็ต้องทำให้เป็นตัวอย่างด้วย

"สุทิน" พอใจฝ่ายค้านอภิปรายพ.ร.บ.งบ 65 ราบรื่นไร้คนประท้วงหนัก ชี้รัฐบาลประเมินสถานการณ์ผิด ฟังครม.ตอบเหมือนยอมสารภาพผิด พร้อมรับไม่ได้แน่ถ้ารบ.ใช้วิธีซิกแซกกู้เงิน

เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ว่า วันนี้จะเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ด้านจะได้ใช้เวลาเร็วขึ้นกว่านี้ เพราะจากเดิมคิดว่าวันสุดท้ายจะเสร็จประมาณเวลา 00.00 น. ส่วนเมื่อวานนี้มีบรรยากาศที่น่าชื่นชม คือในการประท้วง การขัดจังหวะไม่ค่อยมี ทำให้ทุกฝ่ายทำงานได้ราบรื่น จนใช้เวลาได้อย่างมีคุณภาพ วันนี้ก็จะเป็นเช่นเดียวกัน มั่นใจว่าบรรยากาศก็จะดี ส่วนเนื้อหาสาระทางฝ่ายค้านเราพอใจเป็นการอภิปรายโดยภาพรวมที่ชี้ให้เห็นถึงสภาวะสถานการณ์ของประเทศ ซึ่งรัฐบาลประเมินผิดพลาดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ การประเมินสถานการณ์โควิดที่ระบุว่าจะหมดไปและปี 65 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัวทั้งหมดนี้ก็เป็นการแสดงภาพรวมงบประมาณที่ประเมินผิดพลาด 

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ในส่วนของวันนี้จะเป็นการอภิปรายถึงกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม ซึ่งจะมีนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคพท. อภิปรายเป็นตัวหลักพ้อมสมาชิกท่านอื่นที่จะสร้างสีสัน

เมื่อถามว่าประเมินการชี้แจงของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไว้อย่างไรบ้าง นายสุทิน กล่าวว่าฟังดูเป็นการจำนน นายกฯ เองก็ไม่ได้ตอบคำถามแต่เป็นการอ่านญัตติ ส่วนตอบคำถามก็โยนให้รัฐมนตรีตอบซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังที่ตอบคำถามนั้น ก็เป็นการยอมรับตามสมมติฐานของฝ่ายค้าน การจัดงบในปีนี้เขาจำนน 2 ประเด็น คือ

1.) รายได้ที่เก็บไม่ได้

2.) กู้เงินไม่ได้ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายที่ว่าเงินก็หาไม่ได้และกู้ก็กู้ไม่ได้ ที่รัฐมนตรีตอบว่าที่จัดงบน้อยลงนั้นเป็นเพราะ 2 เหตุนี้ นี่ถือเป็นการรับสารภาพ อีกส่วนหนึ่งที่ตอบเชิงไม่ยอมรับคือเมื่อรู้ว่างบน้อย กู้ไม่ได้ และไปลดงบแม้ว่าจะลดได้แต่ดันผิดที่ผิดทาง ดังนั้นเท่าที่ฟังมาฝ่ายค้านยังรับไม่ได้ ไม่มีอะไที่เป็นความหวังเลย อีกทั้งวันนี้ พรุ่งนี้ เรายังต้องหาคำตอบว่าทำไมเมื่อเก็บรายได้ไม่ได้และยังประเมินผิด กู้ไม่ได้จะใช้เงินอย่างไรหรือถ้าจะใช้วิธีซิกแซกแต่งบัญชีแอบมากู้ข้างนอกเหมือนออกพ.ร.ก. เราจะไม่ยอมเด็ดขาด เพราะถ้าไม่พอจริงๆ ก็ทำพ.ร.บ.งบกลางปีเข้าสภาฯ แล้วพิจารณาร่วมกัน 

‘เลขาฯ สมช.’ รับ ‘บิ๊กตู่’ เบรก กทม.คลาย 5 กิจการ ชี้ รอฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยงก่อน เผย เตรียมชง นายกฯ วางแนวก่อนให้อปท.ซื้อวัคซีน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฏฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (ศปก.ศบค.) กล่าวกรณีที่ศบค.ให้ชะลอการเปิด 5 สถานที่ของกทม.ไว้ก่อน ว่า ไม่มีอะไร คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้พิจารณาผ่อนคลายมาตรการตามที่ภาพเอกชนขอมา ซึ่งคณะกรรมการฯพิจารณาแล้วไม่ขัดแย้งกับข้อกำหนดของศบค.ชุดใหญ่ แต่ทุกเรื่องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมในฐานะผอ.ศบค.มีนโยบายหรือข้อกำหนดที่แตกต่างออกไปได้ ซึ่งมองในภาพรวมถือว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร โดยกรณีดังกล่าวคณะกรรมการฯ หารือในชั้นต้นยังไม่มีประกาศอะไรออกมา

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่ากทม. เสนอ แต่ทางศบค.เบรกไว้ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฏฐพล กล่าวว่า ไม่ใช่ ยังไม่มีการเสนออะไรมา ข่าวที่ออกมาเป็นเพียงแค่การประชุม ยังไม่มีประกาศออกมาแต่ให้ข่าวออกมาก่อน เมื่อนายกฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในกทม.ยังสูงและมีการแพร่ระบาดอยู่จำนวนมาก ก็เป็นห่วงในภาพรวมจึงให้ชะลอไว้ก่อน ทั้งนี้นายกฯ เข้าใจ กทม.และผู้ประกอบการ จึงสั่งการให้ตนไปคุยกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อเร่งฉีดวัคซีนให้กลุ่มอาชีพที่กทม.ก่อนผ่อนคลายอาทิ พนักงานนวดแผนโบราณ พนักงานเสริ์ฟอาหาร ช่างตัดผม ให้เตรียมการไว้ให้เรียบร้อยเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นก็จะผ่อนคลายต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามถึงการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อวัคซีนทางเลือกได้เอง มีแนวโน้มอย่างไร พล.อ.ณัฏฐพล กล่าวว่า วันนี้ตนจะรับข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข และหารือกับนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ประธานกรรมการในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม จากนั้นจะเสนอแนวทางให้นายกฯพิจารณาต่อไป อยากทำความเข้าใจว่าการจัดซื้อวัคซีนมี 2 รูปแบบ คือ การสั่งเข้ามาในราชอาณาจักร และการซื้อภายในจากหน่วยงาน ซึ่งประชาชนเกิดความสับสนว่าอปท.จัดซื้อจากภายนอกได้เองซึ่งไม่ใช่อย่างนั้น 

เมื่อถามว่าอปท.จะต้องซื้อจากหน่วยงานภายในของรัฐ มีแนวโน้มอย่างไร เลขาฯสมช.กล่าวว่า ก็ต้องดูอีกที เพราะตอนนี้มีเงื่อนไขทางกฎหมาย และทางนโยบาย ที่ต้องรอนโยบายจากนายกฯ ขณะที่ศบค.ต้องคุยกับหน่วยงานเกี่ยวข้องและเสนอเรื่องมาให้นายกฯพิจารณา

“เสี่ยแฮ้งค์” ยัน พปชร. ไม่ถูกโดดเดี่ยว 

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนาสยกฯ ในฐานะเลขจาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ กรณีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย อภิปนายโจมตีการจัดทำงบประมาณเหมือนพรรคพลังประชารัฐถูกโดดเดี่ยวหรือไม่ว่า ไม่มีอะไรหรอกก็ธรรมดา พรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นอยู่แล้ว ส่วนการอภิปรายนั้นมองว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้ถล่มก็พูดกันถึงเรื่องที่ต้องทำร่วมกันไม่มีอะไรขัดแย้ง เมื่อถามย้ำกรณี นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อภิปรายบอกหัวหน้าพรรคถ้าเขาไม่รักกลับบ้านดีกว่า นายอนุชา หัวเราะ แต่ไม่ตอบคำถามก่อนโบกมือให้สื่อ

"วิษณุ" ยืนยันไม่วาระขยายสัมปทานสายสีเขียวเข้าครม.วันนี้​ แจง​ ปมอปท.ซื้อวัคซีนเอง​ ต้องให้ศบค.เคาะ เผย รัฐบาลส่งพรก.กู้5แสนล้านให้สภาแล้ว รอสภาบรรจุวันอภิปราย

ที่ทำเนียบรัฐบาล​ นายวิษณุ​ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี​ ให้สัมภาษณ์​ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าในที่ประชุมครม. วันนี้จะมีการพิจารณาวาระการขอขยายสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีการบรรจุในวาระครม. ตั้งแต่แรก

เมื่อถามว่า​ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเข้าเป็นวาระจร นายวิษณุ​ กล่าวว่า​ เป็นไปไม่ได้​ ถ้าจะเข้าต้องเข้าเป็นวาระปกติ เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว และมีทางออกแล้วหรือไม่​ นายวิษณุ​ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องไปถามเจ้าของเรื่อง และไม่มีรายงานมาถึงตนแต่อย่างใด

เมื่อถามถึงความชัดเจนถึงกรณีที่รัฐบาลส่ง​ พ.ร.ก. กู้เงิน​ 5​ แสนล้านบาทไปให้สภาพิจารณา​ จะเข้าสู่การพิจารณาเมื่อใด นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบ​ แต่ได้ส่งให้สภาไปแล้ว คงต้องแล้วแต่ทางสภาเป็นผู้บรรจุวาระ

เมื่อถามถึงกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น​ (อปท.) ​หลายแห่งแสดงความประสงค์ต้องการจัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์ม​ ที่ขณะนี้ยังสับสนกันอยู่ว่าทำได้หรือไม่ นายวิษณุ​ กล่าวว่า ไม่สับสนแล้ว​ ให้ไปถามกระทรวงมหาดไทย เมื่อถามย้ำว่า​ คำตอบจากกระทรวงมหาดไทยยิ่งทำให้สับสน นายวิษณุ​ กล่าวว่า​ ก็รอศบค.​ เพราะสุดท้ายกระทรวงมหาดไทยก็ต้องถามศบค.

ดรุณวรรณ รองโฆษก ปชป. แนะ “รัฐ” คุยกันให้จบก่อนสื่อสาร หยุดสร้างความสับสน

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่าจากกรณีที่เมื่อวานนี้ (31 พฤษภาคม 2564) คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครได้มีประกาศครั้งที่ 15/2564 มีมติให้ผ่อนปรนมาตรการสำหรับสถานประกอบการ 5 ประเภท มีผลวันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป ในส่วนของสถานประกอบการบางประเภทไม่พบคลัสเตอร์การระบาดแต่อย่างใด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของภาคธุรกิจ และให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้ ภายใต้มาตรการของรัฐที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในช่วงเย็นของเมื่อวานนี้

แต่ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน ศบค. ได้ออกมาประกาศให้ใช้ประกาศกรุงเทพมหานครขยายการปิดกิจการและกิจกรรมที่มีความเสี่ยงทั้งหมด ตามประกาศฉบับที่ 29 ออกไปอีก 14 วัน ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.64 เป็นต้นไป จากกรณีดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก เกิดการตรวจสอบและพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นการให้ข่าวในประเด็นเดียวกันแต่สื่อสารกันคนละเรื่อง 

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อด้วยว่า ทุกวันนี้วิกฤตสาธารณสุขที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมก็มากพออยู่แล้ว จึงไม่ควรทำให้เกิดวิกฤตการสื่อสารขึ้นมาอีก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่การสื่อสารของภาครัฐในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกัน พูดเรื่องเดียวกัน แต่ไปคนละทิศคนละทาง สร้างความสับสนให้ประชาชน และส่งผลต่อการดำเนินชีวิต รวมถึงการวางแผนในการประกอบธุรกิจด้วยเช่นกัน เพราะบางธุรกิจต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งคนและของ การให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันยิ่งเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการหลายคนที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่แล้วจากสถานการณ์โควิด-19

การสื่อสารในภาะวิกฤต ด้วยการใช้ Single Message คือใช้ข้อความชุดเดียวกันในการแจ้งข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก  ในกรณที่ต้องสื่อสารหลายหน่วยงานร่วมกัน ในประเด็นเดียวกัน เพื่อให้สื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน

“อยากให้ผู้เกี่ยวข้อง คุยกันมากขึ้น สื่อสารกันภายในมากขึ้น ก่อนสื่อสารออกมายังสาธารณะ เพราะการสื่อสารบางประเด็นส่งผลกระทบต่อคนในวงกว้าง ต้องพิจารณาและทบทวนให้ดีก่อนสื่อสาร โดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียที่สามารถเผยแพร่ออกไปได้รวดเร็ว การรีบสื่อสารในขณะที่ข้อมูลยังไม่ชัดเจน เพียงต้องการให้ได้พื้นทื่สื่อ แต่ไม่คุ้มกับความเสียหายที่จะตามมา”

นางดรุณวรรณ กล่าวเสริมในตอนท้ายด้วยว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นนักสื่อสาร การออกมานำเสนอความเห็นในครั้งนี้ ไม่ได้มีเจตนาเป็นอย่างอื่น ส่วนตัวเอาใจช่วยทุกฝ่ายมาโดยตลอด และเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังทำงานอย่างหนัก ซึ่งก็มีโอกาสที่จะพบกับความผิดพลาดได้บ้าง แต่ไม่ควรเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะการสื่อสารเป็นสิ่งที่สามารถบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพได้

‘สมศักดิ์’ ชี้ ‘วัคซีนโควิด’ เป็นทางออกสกัดแพร่เรือนจำ แนะอย่าตกใจตัวเลข เพราะเป็นพื้นที่ปิด ระบุสร้างคุกเพิ่มเป็นไปไม่ได้ โอดตอนนี้ผู้ต้องขังล้นเรือนจำ

วันที่ 31 พ.ค.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงมาตรการดูแลผู้ติดเชื้อโควิดในเรือนจำว่า ถ้าเข้าใจว่าการเว้นระยะห่าง จะไม่สงสัยว่าทำไมถึงติดเชื้อในเรือนจำ เพราะนับตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมตัวเลขผู้ต้องขังมีจำนวน 3.9 แสนคน ซึ่งล้นเรือนจำ แต่ได้บริหารจัดการจนลดลงบ้าง ซึ่งตามมาตรฐานสากล ผู้ต้องขังควรมีพื้นที่นอน 2.25 ตารางเมตรต่อคน แต่วันนี้ยังไม่ถึง 1.2 ตารางเมตรต่อคน และยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานเว้นระยะห่าง 1.5-2 เมตรต่อคน แล้วจะไม่ให้ติดได้อย่างไร ถ้าจะแก้โดยการสร้างเรือนจำเพิ่มให้ได้มาตรฐานสากล ต้องสร้างอีกเป็นร้อยเรือนจำ โดยเรือนจำหนึ่งใช้เงินประมาณ 1.5 พันล้านบาท จะใช้เงินทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วิธีการที่เร็วที่สุดในขณะนี้ คือแจ้งไปถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข นำวัคซีนไปฉีดในเรือนจำที่มีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ เพื่อสกัดไว้ก่อน ส่วนรายละเอียดเรื่องนี้ นายกฯ และรมว.สาธารณสุขจะแถลงเอง เราแค่ยื่นความจำนงเข้าไป เพราะการที่เชื้อโรคจะแพร่เข้าไปมีหลายทาง ตัวอย่างหนึ่งคือที่เชื้อในอากาศ หรือแอร์บอร์น และถึงแม้จะมีตัวเลขในเรือนจำเยอะ แต่ติดในพื้นที่จำกัด และหายไปตามระยะเวลา ซึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนราธิวาส เป็นต้น ฉะนั้นอย่างไปตกใจกับตัวเลข ส่วนผู้ติดเชื้อใหม่ได้สั่งการให้เปิดพื้นที่เรือนจำเบา ให้รับผู้ต้องขังใหม่ไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องขังเดิม เป็นการทำเพื่อรอวัคซีน ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่และวัคซีนมีมาแน่ และเรารอได้ เพราะการซื้อของหรือจ้างเหมาก็ต้องมีสัญญา

เมื่อถามว่าเนื่องในวันพิเศษจะมีพระราชทานอภัยโทษ จะมั่นใจได้อย่างไรผู้ต้องขังจะไม่ติดเชื้อโควิด นายสมศักดิ์ กล่าวว่าการขอพระราชทานอภัยโทษในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครั้งนี้ ยังมีเวลาอีก 58 วัน ซึ่งวัคซีนที่ขอไปจะฉีดให้คนไม่ติดเชื้อ สำหรับผู้ป่วยติดเตียงให้ออกมาด้วย


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ปลดบัญชีดำ ‘Xiaomi’ | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง 

คลิปนี้ชวนคิดไปกับอีกประเด็น​น่าตาม เมื่อสหรัฐฯ​ ปลดบัญชีดำ ‘Xiaomi’ สะท้อนอะไร? 

.

.

ไต้หวันเสียงแตก!! เกมการเมืองในช่วงวัคซีนขาดตลาด | NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย​ อ.ต้อม -​ กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง 

คลิปนี้ชวนคิดไปกับสถานการณ์ในไต้หวัน​ ที่กำลังเสียงแตก!! แยกเป็น​ 2​ ฝั่ง​ หลังจากวัคซีนแห่งความหวังจากประเทศพันธมิตรส่งถึงล่าช้า​ จนไต้หวันกำลังเสี่ยงสู่วิกฤตโรคระบาดครั้งใหม่​ 

ยิ่งไปกว่านั้น​ ชนวนเหตุแห่งเกมการเมืองใหม่ในประเทศครั้งใหม่ ในจังหวะวัคซีนขาดตลาด​ ก็เริ่มเด่นชัด​ เมื่อพรรครัฐบาลอาจเสียงตก​ เพียงเพราะไม่ต้องการให้จีนยื่นมือมาช่วยเหลือ​ ทำให้มีโอกาสเพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายค้านเอาได้​ง่ายๆ​ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้

.

.

สุวัจน์ - ราชภัฎโคราช หนุน ช่วยชาวโคราช กู้วิกฤติ โควิด-19 ผลิตพยาบาล พัฒนาอาชีพ - ช่วยผู้ประกอบการ -กระตุ้นท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี  ในฐานะนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา ได้กล่าวกับ ผศ. ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดี คณาอาจารย์ และเจ้าหน้าที่บุคลากรของมหาวิทยาลัย ในที่ประชุมบุคลากรของมหาวิทยาลัยประจำปีการศึกษา 2564 ในหัวข้อ “การปรับตัวของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมาภายหลังโควิด- 19” ผ่านการประชุมทางไกล ว่า ความสำเร็จของการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 คือ ต้องเร่งรัดการได้มาของวัคซีน ที่มีจำนวนเพียงพอจากทุกแหล่ง ด้วยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อเร่งระดมฉีดให้กับประชาชนทั้งประเทศ เพื่อเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ที่วางแผนไว้ประมาณ 100 ล้านโดสให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายในปีนี้ ยิ่งวัคซีนฉีดเร็ว โควิดก็จะจบเร็ว โควิดจบเร็ว เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวเร็ว

หลังจากนี้จะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับภัยโควิด-19 จบ ซึ่งขณะนี้ก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จาก พรก.กู้เงินฉบับใหม่อีก 5 แสนล้านบาท ขณะนี้ปัญหา คือ ความเดือดร้อน และความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน การตกงาน ผู้ประกอบการขาดทุน เลิกกิจการ รวมทั้งความวิตกกังวลในเรื่องของโรคระบาด เรื่องความเจ็บป่วย การสูญเสียชีวิตต่างๆ ขอให้ ชาวราชภัฎทุกท่านร่วมกันคิด และแสวงหาทางออกในสถานการณ์วิกฤตขณะนี้ และร่วมกันออกไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาเดือนร้อนตามบทบาทหน้าที่ และเจตนารมณ์ของการก่อตั้งมหาวิทยาลัย เพื่อตอบสนองความต้องการและปัญหาของท้องถิ่น 

ที่ผ่านมาอธิการบดี ผู้บริหาร และนักศึกษา ได้ออกไปทำประโยชน์ช่วยเหลือสนับสนุนการแก้ปัญหาโควิด-19 ให้กับชาวโคราชเป็นอย่างดี  การออกไปช่วยเป็นจิตอาสาร่วมกับโรงพยาบาลมหาราชในการรับลงทะเบียนการฉีดวัคซีน การสนับสนุนคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ก ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ การออกไปมอบสิ่งเครื่องใช้ที่จำเป็นให้กับผู้ที่เดือดร้อน 

ในเรื่องเศรษฐกิจก็ออกไปช่วยให้คำแนะนำด้านวิชาการในการส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ การออกไปช่วยพัฒนาแหล่งน้ำตกเหวเสมา น้ำตกหินทรายที่สีคิ้ว การจัดทำผังแม่บทของการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรม ของวัดบ้านไร่ การเป็นแกนหลักรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยราชภัฎในการผลักดันให้โคราชเป็น GEO PARK เพื่อสร้างโคราชให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เมื่อโควิดจบพวกเราต้องพร้อมกันออกไปช่วยเรื่องเศรษฐกิจกันต่อ ช่วยคนตกงาน ช่วยสร้างอาชีพให้กับพวกเขา ช่วยเสริมสร้างทักษะและขีดความสามารถให้กับ SMEs และผู้ประกอบการ ให้ยืนอยู่ต่อสู้กับวิกฤตให้ได้ 

และนอกจากนั้นมหาวิทยาลัยโดยความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัยได้มีมติอนุมัติให้มีการจัดตั้งคณะพยาบาลศาสตร์ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการขนาดแคลนบุคลากรทางด้านสาธารณสุขให้เพียงพอ เพื่อต่อสู้กับปัญหาการโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นอีก และดูแลสุขภาพให้ชาวโคราช  โดยจะเริ่มเปิดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2565 นี้โดยจะรับรุ่นที่ 1 ได้ถึง 72 คน “ผมขอเชิญชวนชาวราชภัฎโคราช ร่วมมือร่วมใจ ผนึกกำลังกันกับคนชาวโคราชตามบทบาทหน้าที่ของการเป็นสถาบันการศึกษาเพื่อฟันฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปด้วยกัน เพื่อความอยู่ดี กินดี ของชาวโคราชตลอดไปครับ”

“รมช.มนัญญา” กำชับ อ.ส.ค. และสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมเฝ้าระวังการแพร่ระบาด “โรคลัมปี สกิน” ไม่ให้กระทบอุตสาหกรรมโคนมประเทศ นำทีมผู้บริหารฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง อ.ส.ค. จ.สระบุรี

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์   รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิด "โครงการรณรงค์ป้องกันโรคลัมปี สกิน" (Lumpy Skin Disease) ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี  โอกาสนี้ได้มอบสิ่งของเวชภัณฑ์/ยาฆ่าแมลง พร้อมถังฉีดพ่นให้กับสหกรณ์เขตภาคกลาง 15 แห่งที่ส่งน้ำนมให้ กับ อ.ส.ค. และร่วมฉีดพ่นยาฆ่าแมลงซึ่งเป็นพาหะของโรคลัมปี สกิน ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง อ.ส.ค. จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมฟาร์มเกษตรกร พร้อมชมการฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ณ ณัฎฐ์ฟาร์ม ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี

รมช.มนัญญา กล่าวว่า "จากสถานการณ์การระบาดของโรคลัมปี สกิน (Lumpy skin disease) ที่ยังวิกฤติหนักในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือทั่วประเทศ  ตนในฐานะกำกับดูแล อ.ส.ค. มีความห่วงใยต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจึงได้สั่งการให้ อ.ส.ค. เฝ้าระวังโรคในพื้นที่พร้อมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด และให้รายงานสถานการณ์ให้ทราบอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม หากไม่เร่งยับยั้งการระบาดในพื้นที่ เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม อาจส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของเกษตรกรและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศในอนาคตได้" รมช.มนัญญา กล่าว

“บิ๊กแก้ว” ปช. ส่วนราชการ ร่วมบูรณาการและขับเคลื่อนการบริหารจัดการชายแดนภายใต้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.เฉลิมพล  ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด  (ผบ.ทสส.) ในฐานะผู้อำนวยการปฏิบัติจัดการประชุมบูรณาการและขับเคลื่อนการบริหารจัดการชายแดนภาคใต้ พร้อม หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 โดยมี นโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีการหารือถึงแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด19 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคและการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามกรอบแนวทางที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ได้มอบไว้ในการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน ในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด19 ของจังหวัดชายแดน เมื่อวันที่ 24 พ.ค.64 

ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมพล  ได้เน้นย้ำให้จังหวัดชายแดนมีความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย การลักลอบขนส่งยาเสพติด และสินค้าผิดกฎหมาย ตลอดจนการดำเนินมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 ในพื้นที่ชายแดน โดยให้บูรณาการการดำเนินงานของทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ผ่านกลไกศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด ซึ่งเป็นกลไกของกองอำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (กอ.นชท.)  เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติงานร่วมกันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านกลไก 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนท้องถิ่น ส่วนภูมิภาค และส่วนกลางหรือระดับนโยบาย โดยมอบหมายให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยในฐานะรองผู้อำนวยการปฏิบัตินโยบายชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นผู้ควบคุมและกำกับดูแลการปฏิบัติของศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด

ผบ.ทสส. ได้เน้นย้ำให้ศูนย์ปฏิบัติการเหล่าทัพ โดย กองทัพภาคที่ 1-4 ทัพเรือภาคที่ 1-3 และ กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในฐานะศูนย์ควบคุมชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้การสนับสนุนการปฏิบัติของศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจังหวัด ทั้งในพื้นที่ชายแดนทางบก และทางทะเล เพื่อให้การปฏิบัติเกิดการบูรณาการจากทุกภาคส่วนมีความเป็นเอกภาพ สำหรับการปฏิบัติในพื้นที่ชายแดน พื้นที่ถัดจากชายแดน และพื้นที่ตอนในนั้น จะต้องมีความประสานสอดคล้อง เชื่อมโยงกันในลักษณะโครงข่าย เพื่อให้การปฏิบัติมีความต่อเนื่อง มีการติดต่อสื่อสารที่ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการ 

ในที่ประชุมได้ขอให้กระทรวงแรงงาน ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากนายจ้างหรือผู้ประกอบการที่มีความต้องการใช้แรงงานต่างด้าว ดำเนินการจัดหาหรือจ้างแรงงานให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเร่งรัดการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการตรวจสอบ หรือสืบสวน สอบสวน กรณีมีการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับการหลบหนีเข้าเมือง จากกลุ่มขบวนการ ผู้นำพาหรือนายจ้าง เป็นต้น 

ทั้งนี้  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักและปฏิบัติงานตามหน้าที่รับผิดชอบอย่างเต็มขีดความสามารถ เพราะทุกหน่วยงานถือเป็นส่วนหนึ่งของกลไกในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนกลไกให้เป็นไปอย่างประสานสอดคล้องตามหน้าที่ของแต่ละส่วน โดยขอให้มีการปรึกษาหารือและประสานการปฏิบัติระหว่างกันโดยใกล้ชิดในทุกมิติ เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 

นายกฯ สั่งการ รมว.เฮ้ง จับมือฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ลงพื้นที่นครปฐม ตรวจสอบต่างด้าวป้องกันลักลอบทำงานผิดกฎหมาย 

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ 
พลตำรวจตรีนันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม เพื่อตรวจสอบการจ้างแรงงานต่างด้าวเพื่อป้องกันการลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สอดคล้องตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่สั่งการให้กระทรวงแรงงาน บูรณาการกับฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ประสานการทำงานเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อคุมเข้มเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตลอดจนการควบคุมสถานการณ์ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แก่แรงงานในสถานประกอบการอีกด้วย 

พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ ผมได้รับมอบหมายจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น 
ให้ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม ตรวจสอบการจ้างแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล โดยมี นายอภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม นายอำเภอบางเลน ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครปฐม กอ.รมน.จังหวัดนครปฐม และจัดหางานจังหวัดนครปฐม เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ตลาดกลางปลาน้ำจืด บางเลนพัฒนาการประมง อ.บางเลน จ.นครปฐม ซึ่งจากการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว พบผู้กระทำความผิดเนื่องจากไม่มีใบอนุญาตทำงาน และ ใบอนุญาตพำนักอาศัยในราชอาณาจักรไทยสิ้นสุด จำนวน 10 ราย ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้นำตัวไปดำเนินคดีต่อไป 

ทั้งนี้ หากตรวจพบนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน จะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท ต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน หากทำผิดซ้ำมีโทษถึงจำคุก และห้ามจ้างคนต่างด้าวทำงานอีก 3 ปี ส่วนคนต่างด้าวที่ลักลอบทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 - 50,000 บาท และถูกส่งตัวกลับออกไปนอกราชอาณาจักร และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตทำงานได้จนกว่าจะพ้นโทษมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี หากผู้ใดพบเห็นหรือสงสัยว่ามีคนต่างด้าวลักลอบทำงานผิดกฎหมาย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

‘เจ้เป้า’โล่ง ป.ป.ช. ยกคำร้อง คดีฝายแม้ว พ้อ 13 ปี เสียใจ-ทุกข์ใจ อนุกก.ไม่เคยเรียกสอบแม้แต่ครั้งเดียว   

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2564 นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวกรณีที่คระกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช. )มีมติยกคำร้อง คดีโครงการฝายแม้ว 770 ล้านบาท ว่า ขอขอบคุณป.ป.ช. ที่ให้ความเป็นธรรม ที่ผ่านมารู้สึกเสียใจและทุกข์ใจ วันนี้เป็นผู้บริสุทธิ์แล้ว แต่ไม่สามารถทดแทนความรู้สึกช่วงที่ผ่านมาได้ เพราะมองหน้าใครไม่เต็มตามาเป็นเวลานานหลายปี เนื่องจากหลายคนเสพสื่อที่กล่าวหาตนต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 13 ปี เรื่องนี้เหมือนนวนิยายลึกลับ เพราะเริ่มจากมีคนร้องเมื่อปี 2551 แต่พอมีคนไปถามคนร้อง กลับบอกว่า ไม่ได้เป็นผู้ร้อง จากนั้นในปี 2552  ป.ป.ช. ส่งคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่ผ่านมา 13 ปี เปลี่ยนคณะอนุกรรมการไปหลายชุด ก็ไม่เคยเรียกไปสอบปากคำแม้แต่ครั้งเดียว  และเมื่อกลางปี 2563 ก็ได้รับแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งในข้อความ ก็เหมือนนิยาย เนื่องจากเวลาผ่านมานานมาก และก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแล้ว จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมเอกสาร เพื่อประกอบคำชี้แจง ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก 

“เอกสารที่เจอ คือ เขาไปตรวจพื้นที่สร้างฝาย เมื่อปี 62 แต่ฝายแม้ว มีอายุอย่างมาก 3-5 ปี  ซึ่งฝายชุดนี้ สร้างเมื่อปี 51 ผ่านมา 12 ปี เหลือให้เห็นบ้าง ก็ต้องยกให้เป็นวีรสตรีกันแล้ว  และที่สำคัญหลายปีมาแล้ว กรมบัญชีกลาง ก็แจ้งว่าราชการไม่เสียหาย แต่เขาก็ไม่นำมาประกอบการพิจารณา โดย ป.ป.ช.บางคนจะเอาผิดให้ได้ และการปรับงบประมาณในครั้งนั้น เกิดจากมติ ครม. รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ให้เป็นเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับการลดภาวะโลกร้อน และต้องเสร็จภายใน 1 ปี ซึ่งหลายกระทรวงก็พากันทำฝาย รวมทั้งกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก” 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top