Saturday, 5 July 2025
POLITICS

นายกรัฐมนตรีรับรายงานสถานการณ์ส่งออก กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมกันรักษาความต่อเนื่องการเติบโต สร้างความเชื่อมั่นการจ้างงานอุตสาหกรรมหลักและเอสเอ็มอี 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบรายงานของทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับสถานการณ์การส่งออกในภาพรวม ทั้งในส่วนข้อมูลปี 2564 ที่มูลค่าการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์  271,173.5 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 17.1  และการประเมินการเติบโตในปี 2565 ที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 3.0 – 4.0  

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อรักษาความต่อเนื่องของการส่งออกที่ขณะนี้กำลังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าอุตสาหกรรมของหลายประเทศกำลังฟื้นตัว ความตกลง RCEP ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565  ซึ่งความต่อเนื่องของการส่งออกจะสร้างความความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เพราะเป็นภาคเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ และส่งผลไปถึงการจ้างงานทั้งในอุตสาหกรรมหลักและเอสเอ็มอีที่เกี่ยวเนื่องในห่วงโซ่การผลิต  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากข้อมูลและการประมาณการของกระทรวงพาณิชย์แล้ว ปริมาณการการขนส่งสินค้าทางเรือในขณะนี้ก็แสดงให้เห็นสัญญาณบวกของการส่งออก โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท)  ได้เปิดเผยถึงปริมาณการขนส่งสินค้าทางเรือ ณ ท่าเรือหลักของประเทศได้แก่ท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.-ธ.ค.2564)  มีเรือเทียบท่าที่ท่าเรือทั้ง 2 แห่ง รวม 3,721 เที่ยว เพิ่มขึ้น 13.10% สินค้าผ่านท่า 14.60ล้านตัน เพิ่มขึ้น 2.02% และตู้สินค้าผ่านท่า 2.44 ล้าน ที.อี.ยู. เพิ่มขึ้น 5.78%  ซึ่ง กทท. ก็ได้ประเมินว่าการส่งออกสินค้าปีนี้จะขยายตัว 4% ปัญหาการขนาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ลดลงและปริมาณการขนส่งทางเรือดีขึ้นตามลำดับ  

'แรมโบ้' ฟาดแรง 'โทนี่' ยกย่องเจ้าแม๊กซ์เป็นหมาฉลาดกัดเจ้าของเพราะรู้ว่าเป็นคนไม่ดี  เผยหากเปรียบตนเป็นกิ้งกือ ใส้เดือน แต่ก็ทำให้ได้เป็น ส.ส.สมัยแรก จนได้เป็นนายกฯ ยันตั้งพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ไม่เกี่ยวข้อง 'บิ๊กตู่' เพราะท่านไม่ได้สั่งให้ไปตั้งพรรค 

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ อดีตนายกรัฐมนตรี พูดถึงตนเองและเล่าเรื่องเลี้ยงสุนัข 50 ตัวในบ้าน ผ่านเพจแคร์ คิด เคลื่อน ไทย ในหัวข้อ “จุดสิ้นสุดรัฐบาลตู่ พลิกเกมสู้ของแพง” โดยตนเองอยากจะชี้แจงข้อเท็จจริงว่าไม่มีใครรู้จักนายโทนี่เท่ากับตนเองแล้ว เพราะเป็นคนที่ทำให้นายโทนี่ ได้เป็น ส.ส.สมัยแรกในปี 2538  ในนามพรรคพลังธรรม เพราะนายโทนี่ ให้อดีผบทบ.คนหนึ่โทรตามตนเองให้เข้ามาช่วยในการเลือกตั้ง ดังนั้นไม่ควรที่จะเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับสุนัขที่บ้านว่าไม่รู้จักบุญคุณคน 

และตั้งแต่ตนเองได้ทำงานร่วมกับนายโทนี่และครอบครัวชินวัตร เป็นเวลากว่า 20 ปี ต้องยอมรับว่าผิดหวัง เพราะคิดว่านายโทนี่ เป็นหัวหน้า คนที่จะมาบริหารประเทศเป็นคนดี ทุ่มเททำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่แสวงหาประโยชน์ ซื่อสัตย์ แต่เวลาผ่านไปกลับพบว่าตนเองอยู่กับหัวหน้าโจร ที่ทุจริตคอรัปชั่น มีแต่ญาติพี่น้องเข้ามาครอบงำในเรื่องของงบประมาณ ซึ่งคนในพรรคทราบเรื่องนี้ดี 

ส่วนที่นายโทนี่ กล่าวหาตนเองเป็นกิ้งกือ ใส้เดือน หรือเล่าเรื่องสุนัขที่บ้านชื่อแม็กซ์ ชอบมากัดเจ้าของตลอด มีลักษณะเปรียบเทียบเป็นตนเองนั้น นายเสกสกล ชี้แจงว่าหากเจ้าของหมาเป็นคนดี ประวัติดี ไม่เป็นหัวหน้าโจร เจ้าแม็กซ์ เป็นสุนัขฉลาดก็คงไม่กัด 

“ตนเองต้องขอยกย่องชื่นชมเจ้าแม็กซ์สุนัขตัวนี้ด้วยซ้ำที่มันฉลาดรู้ว่าเจ้าของเป็นขี้โกง และยังมองว่านายโทนี่ไม่ควรที่จะด้อยค่า ส.ส.ในเครือข่ายของตัวเองเปรียบเทียบเป็นสุนัขที่เลี้ยงไว้ของคุณโทนี่เช่นเดียวกัน  และบรรดา ส.ส. พรรคเพื่อไทย หรือคนในพรรคน่าจะคิดได้แล้วว่าถูกมองอย่างไร้ค่า ส.ส.จะยอมเสียศักดิ์ศรีให้กับคนที่มาดูถูกดูแคลนเช่นนี้ได้อย่างไร ซึ่งตนเองอายแทนพี่น้องประชาชน”

นายเสกสกล ยังเปิดเผยว่าในขณะที่ตนเองอยู่พรรคไทยรักไทย ได้เห็นพฤติกรรมของนายโทนี่เป็นหัวหน้าโจร เอาครอบครัวมาแสวงหาผลประโยชน์ ในประมาณปี2546-2547 มีตัวแทนภาคประชาชนมาร้องเรียนกับตัวเองซึ่งขณะนั้นเป็นสส.ด้วย ถึงความไม่ชอบมาพากลโครงการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อาจจะมีการทุจริตเสียหายต่อรัฐประมาณ 500 ล้านบาท ตนเองจึงเข้าพบนายทักษิณสมัยนั้นเป็นนายกฯ ชี้แจงเรื่องราวต่างๆพร้อมเอกสารแต่นายทักษิณกลับบอกให้เลขาส่วนตัวรับไปจัดการเรื่องนี้  สุดท้ายโครงการก็ผ่านไปได้โดยที่ไม่มีการตรวจสอบ และยังให้เลขาส่วนตัวโทรมาบอกตนเองว่าอย่าเข้าไปยุ่ง ปล่อยไปให้เขาทำไป

นอกจากนี้ยังมีโครงการมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท ในสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเสี่ย ป. เดินทางไปพบนายโทนี่ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันที่ตนเองไปพบนายโทนี่ พูดคุยเรื่องงานบ้านเมือง แต่ปรากฎว่าตนเองไม่ได้คุยเรื่องงานเลยนายโทนี่ไม่มีเวลาให้  เพราะนายโทนี่มีแต่เวลาคุยเรื่องผลประโยชน์ใต้โต๊ะ กับเจ้าของบริษัทต่างๆ หลายบริษัท ขากลับตนมีโอกาสเดินทางกลับมาพร้อมเสี่ย ป. โดยเครื่องบินส่วนตัวของเสี่ย ป.และเสี่ย ป.ได้เล่าข้อมูลให้ฟังว่าไปพบนายทักษิณ พูดคุยเรื่องผลประโยชน์ ส่วนแบ่ง ค่าคอมมิชชั่น และเรื่องนี้คนที่รู้ดีที่สุดอีกคนคือเพื่อนรักนายทักษิณ ที่มีอักษรย่อ ช. อยู่ปักกิ่งเป็นคนวางแผนเดินเกมให้นายทักษิณในการจัดการเรื่องเงินทอน 

นายเสกสกล ยังระบุถึงกรณีที่นายโทนี่ กล่าวหาว่านายกฯประยุทธ์ ให้ตนเองไปตั้งพรรคการเมืองและบอกว่านายกฯประยุทธ์ ทำตัวเหมือนพญาหงส์ไม่กล้าลงหนองน้ำเล็ก ปล่อยให้กิ้งกือไส้เดือนอย่างตนเองไป ยืนยันว่าการไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ นายกฯประยุทธ์ไม่ได้เป็นผู้สั่งการ เป็นการคิดและดำเนินการด้วยตนเอง 
ตนเห็นว่า ชื่อพรรคดีมีความหมายดี ตนจึงสนับสนุนพรรคนี้ ไม่เกี่ยวอะไรเลยกับนายกฯเพราะท่านนายกฯไม่ได้ยุ่งเกี่ยวสั่งการตนกับเรื่องพรรคนี้ 

“ไม่เหมือนในอดีตที่นายทักษิณได้เป็นสส.และเป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรมเพราะพลตรีจำลอง ศรีเมือง และตอนหลังตามกระทืบตามกัด พลตรีจำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรม แบบเอาเป็นเอาตาย จนพลตรีจำลองต้องเอามวลชนมาขับไล่ คนที่เนรคุณพลตรีจำลองที่อุตส่าห์สนับสนุนให้ลงสู่ถนนการเมืองแบบนี้ใช้ได้หรือไม่ ตัวอย่างผู้นำที่เนรคุณผู้มีพระคุณ ทำกับพลตรีจำลองเช่นนี้ใช้ได้หรือไม่ ทั้งนี้ตนเองยังมีข้อมูลของนายทักษิณอีกมากมายที่ยังไม่อยากเอามาพูดในตอนนี้

โฆษกรัฐบาล เผย “นายกฯ” ติดตามการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนและเกษตรกร  ขณะที่ ธ.ก.ส. รับไม้ส่งผู้แทนสาขาลงพื้นที่ ตรวจสุขภาพหนี้เกษตรกร พร้อมวางแนวทางช่วยเหลือฝ่าวิกฤต 

นายธนกร  วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดนโยบายให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือน สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ราคาผลผลิตตกต่ำ ภัยธรรมชาติ

ล่าสุดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในฐานะธนาคารของรัฐ ได้ดำเนินการให้ผู้แทนแต่ละสาขาเข้าพบลูกค้าทุกรายเพื่อสอบถามข้อมูลการประกอบอาชีพและรายได้ พร้อมกำหนดแนวทางบริหารจัดการหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกค้าแต่ละราย ควบคู่การเติมสินเชื่อใหม่ ในการฟื้นฟูอาชีพอย่างยั่งยืน พร้อมช่วยเหลือลูกค้าเงินกู้ ทั้งเกษตรกร บุคคล ผู้ประกอบการ และสถาบันเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้มีเกษตรกรที่ใช้บริการสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. จำนวน 4.83 ล้านราย การให้พนักงานของ ธ.ก.ส. ลงพื้นที่พบลูกค้าเพื่อสอบถามข้อมูลการประกอบอาชีพ ที่มาของรายได้มาประเมิน โดยวิเคราะห์ศักยภาพสมรรถนะและความสามารถในการประกอบอาชีพ ความสามารถในการชำระหนี้ เพื่อทำการบริหารจัดการหนี้ให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย  

รวมถึงการเติมสินเชื่อใหม่เพื่อฟื้นฟูอาชีพ รวมถึงพิจารณาช่วยเหลือลูกค้าที่มีหนี้สินเป็นภาระหนัก เนื่องจากรายได้ครัวเรือนลดลงหรือไม่ได้มีรายได้เพียงพอเพราะเหตุผิดปกติ เช่น เสียชีวิต เจ็บป่วย ทุพพลภาพ ชราภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ยังเสริมสภาพคล่องในการลงทุนและการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ผ่านโครงการชำระดีมีคืน วงเงินงบประมาณ 1,200 ล้านบาท ให้กับลูกค้าที่นำเงินมาชำระหนี้

'โฆษกรัฐบาล' เผย 'นายกฯ' สั่งการเร่งพัฒนาระบบ Thailand Pass พร้อมเชื่อมโยงเข้ารูปแบบ Thailand Pass Hotel & Swab System (TPHS) รองรับผู้ลงทะเบียนเดินทางเข้าประเทศ

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการเข้าลงทะเบียนในระบบ Thailand Pass ให้นำข้อผิดพลาดมาปรับปรุงระบบ และพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวเดินหน้าฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ โดยในการดำเนินการเพื่อพัฒนานั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขานรับแนวทางจากนายกรัฐมนตรีมาปฏิบัติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยทางสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) ได้ดำเนินการในส่วนของการดูแลและพัฒนาระบบ Thailand Pass ซึ่งได้เร่งพิจารณาและทยอยอนุมัติ QR code อย่างต่อเนื่องให้แก่ผู้ลงทะเบียนภายใน 7 วันตามข้อตกลงการให้บริการ (SLA : Service Level Agreement)

ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านการท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.กก) ได้เร่งสื่อสารทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ใช้ทั้งจากโรงแรม/ที่พักที่ให้บริการ และผู้เดินทางเข้าประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มระบบ Thailand Pass Hotel ซึ่งจะปรับปรุงให้มีศักยภาพในการอนุมัติ (approve) โดยจะนำระบบอนุมัติอัตโนมัติ (auto approve) มาใช้ เพื่อลดงานของระบบ และจะขยายเซิร์ฟเวอร์ต่อให้รองรับการทำงานด้วยข้อมูลจำนวนมากให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และ ททท. ได้ประสานงานกับทีมตลาดในประเทศในการสื่อสารกับกลุ่มโรงแรมที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบให้เข้าระบบ พร้อมทั้งจัดทำอีเมล์แจ้งเตือนเมื่อมีบุ๊คกิ้งเข้ามา เพื่อความรวดเร็วในการอัพเดตข้อมูลข่าวสาร

“บิ๊กป๊อก” สั่งศปถ.ทุกจังหวัดคิกออฟ! ลดอุบัติเหตุทางข้าม 21 – 25 ก.พ. พร้อมรณรงค์สร้างความปลอดภัยทุกวันที่ 21 ของเดือน เข้มเอาผิดใครฝ่าฝืนรับโทษสูงสุด

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ชนคนเดินข้ามถนนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตบริเวณทางข้ามเมื่อช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน ได้มีมติให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดทั่วประเทศ เร่งสร้างกระแสการรับรู้และสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ให้มีจิตสำนึกและตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขับรถที่ไม่มีวินัย และไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เกิดการสร้างกระแสการรับรู้ สร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยทางถนนให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยอย่างมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด จัดกิจกรรมสัปดาห์การรณรงค์ภายใต้ชื่อ “การรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม” ระหว่างวันที่ 21 - 25 ก.พ.ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้ได้รับโทษสูงสุด เพื่อให้ผู้ขับขี่เคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎหมาย และเร่งปรับปรุงบริเวณทางข้ามให้มีความปลอดภัย อาทิ การตีเส้นชะลอความเร็วก่อนถึงทางข้าม การจัดทำเครื่องหมายจราจรบนพื้นผิวถนนให้มีความชัดเจน จัดทำป้ายเตือนและป้ายสัญลักษณ์ให้ผู้ขับขี่และผู้ข้ามถนนเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ให้จัดกิจกรรมรณรงค์ในสถานศึกษาเพื่อให้มีความปลอดภัย โดยเฉพาะทางข้ามบริเวณโรงเรียน รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วในเขตชุมชน สถานศึกษา สถานพยาบาล ด้วยการชะลอความเร็วในที่คับขันที่มีการจราจรพลุกพล่านหรือมีสิ่งกีดขวาง ทางร่วม ทางแยก ทางข้ามหรือทางม้าลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหยุดให้คนข้ามในทางข้ามหรือทางม้าลาย ทั้งนี้ ให้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่องทุกเดือน กำหนดให้วันที่ 21 ของทุกเดือนเป็นเป้าหมายในการรณรงค์

"เทพไท" เตือนครม. เปลี่ยนชื่อ "Bangkok" เป็น "Krung Thep Maha Nakhon" อย่าหาทำ พร้อมมองไม่จำเป็นชื่อเดิมคนติดหูทั่วโลก

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมาย และร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยสำนักงานราชบัณฑิตยสภา ประกาศเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงของ "ประเทศไทย" จาก "Bangkok" เป็น "Krung Thep Maha Nakhon" นั้น

ส่วนตัว ไม่ทราบถึงความจำเป็น หรือหลักวิชาการในการเปลี่ยนชื่อ เมืองหลวงของประเทศไทย จาก "Bangkok" เป็น "Krung Thep Maha Nakhon" ว่า มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน เพราะชื่อ Bangkok เป็นชื่อที่มีมานานแล้ว คนทั่วโลกรู้จัก คุ้นเคย เป็นชื่อที่ติดหูคนทั่วโลกมาแล้ว การจะเปลี่ยนชื่อเป็น Krung Thep Maha Nakorn เป็นชื่อที่ยาว จำได้ยาก เขียนก็ยาก คนต่างชาติยิ่งออกเสียงได้ยากกว่าอีก อาจจะทำให้ชาวโลกเกิดความสับสนได้ ผมเห็นว่าไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ในชื่อเมืองหลวงของเรา

ผมเกิดมาก็ได้ยินคำว่า บางกอก แล้ว สมัยก่อนคนบ้านนอก หรือคนต่างจังหวัด จะเข้ากรุงเทพ ก็ต้องพูดว่า ไปบางกอก กันทั้งนั้น แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังใช้ คำว่า”บางกอก” ในการแต่งเพลงอยู่เป็นประจำ และเพลงในสมัยก่อน ก็พูดถึงชื่อเมืองบางกอกกันทั้งนั้น เช่น เพลงอย่าไปเลยบางกอก เพลงบางกอกหลอกลวง เพลงสุดคลองบางกอกน้อย เพลงอย่าหลงบางกอก เพลง บางกอกเมืองสวรรค์ ฯลฯ คำว่า บางกอก จึงเป็นคำที่มีมา ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นประวัติศาสตร์ เป็นตำนานที่น่าภาคภูมิใจของชนชาติไทย

'นายกฯ' ตั้งเป้าพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้ เพิ่มการมีส่วนร่วมและผู้นำหญิง 'รัชดา' ประเดิมงานกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ขับเคลื่อนงานด้านสตรี

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ด้านประสานการมีส่วนร่วม เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ อ.เมือง อ.ปะนาเระ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี  อ.จะนะ จ.สงขลา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส และอ.เมือง จ.ยะลา เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการด้านเด็กและสตรี (ศป.ดส.) นักวิจัย เครือข่ายภาคประชาสังคม ผู้นำท้องที่และท้องถิ่น เกี่ยวกับการขับเคลื่อนงานด้านสตรีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เน้นย้ำการทำงานของภาครัฐต้องให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม 

โดยเฉพาะการกำหนดยุทธศาสตร์ของสตรี ซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างสูงสุด ภายใต้แนวทางที่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมของพื้นที่ และตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนทั้งพุทธและมุสลิมในทุกๆมิติ ทั้งนี้  ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมและสร้างการมีส่วนร่วมจากพลังสตรีจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ระยะ 6 ปี) เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมี กลุ่ม/องค์กร/เครือข่ายการปฏิบัติงานด้านสตรี 64 องค์กร ร่วมหารือให้ความคิดเห็น และเตรียมเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป 

“ขณะเดียวกัน กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมต่อยอดการเสริมบทบาทผู้หญิงและความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยจะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมพลังสตรี ระหว่างวันที่ 17 – 18 ก.พ. นี้ ที่ จ.ปัตตานี แก่กลุ่มเครือข่ายสตรีในจังหวัดชายแดนใต้ โดยเน้นให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิและโอกาสในการเข้าถึงสิทธิ รวมถึงแนวทางและช่องทางการให้ความช่วยเหลือให้กับเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ทำงานด้านสตรีในพื้นที่ เพื่อให้สตรีเป็นพลังในการพัฒนาตนเอง ชุมชน และสังคม อีกทั้งจะอบรมเรื่องการเขียนโครงการและจัดทำงบประมาณที่คำนึงถึงมิติเพศภาวะ (Gender Responsive Budgeting: GRB) ซึ่งเป็นไปตามมติครม.ที่เพิ่งเห็นชอบเมื่อ ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการจัดสรรทรัพยากรที่เป็นธรรมและเหมาะสมตามความจําเพาะของผู้หญิง ซึ่งการผลักดันโครงการทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมที่ตอบสนองต่อความต้องการกลุ่มสตรี จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ”รัชดากล่าว

‘ก้าวไกล’ จี้รัฐใช้ ‘กองทุนฟื้นฟูฯ’ แก้โครงสร้างหนี้เกษตรกร พร้อมแนะ ‘นโยบายเกษตรวิถีก้าวไกล’ เป็นทางออกควบคู่

‘คำพอง’ จี้ ภาครัฐใส่ใจแก้ปัญหา ‘หนี้ชาวนา’ เผย กลไก ‘กองทุนฟื้นฟูฯ’ ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ได้มาก แต่ต้องเร่งทำกว่านี้ ด้าน ‘เดชรัต’ สะท้อน เกษตรกรไทยยังขาดกลไกรองรับแบบใกล้ชิด แนะใช้ ‘นโยบายเกษตรวิถีก้าวไกล’ เป็นทางออก

ต่อกรณีที่ กลุ่มเครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย (คนท.) เคลื่อนขบวนไปปักหลักชุมนุมบริเวณใกล้ทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรัดแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยมีข้อเรียกร้องสำคัญ คือขอให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ชะลอการฟ้องบังคับคดียึดทรัพย์ขายทอดตลาดทรัพย์สินของสมาชิก และเร่งดำเนินการโอนหนี้สินเข้าสู่กระบวนการการจัดการหนี้สินของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) พร้อมกับขยายเพดานวงเงินการซื้อหนี้ NPA จาก 2.5 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาทเพื่อออกเป็นมติ ครม. นั้น

นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกรที่กำลังต่อสู้กับภาระหนี้สินทุกๆ คน หนี้สินเหล่านี้ต้องบอกว่าเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างอันเนื่องมาจากการมีรัฐบาลที่ไม่เคยใส่ใจปัญหาของพี่น้องเกษตรกรมาอย่างยาวนาน ปล่อยละเลยให้ต้องเผชิญชะตากรรมและแบกรับผลกระทบจากนโยบายเกษตรแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เรื่อยมา ตนเองเป็นเกษตรกรก่อนจะมาเป็นผู้แทนราษฎรจึงรู้สภาพปัญหาเหล่านี้ดี

“รัฐบาลบอกเสมอว่าลดต้นทุนการผลิตสิ แต่ไม่เคยช่วยอย่างจริงจังอะไรเลย ทุกวันนี้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นทุกอย่าง น้ำไม่มีต้องไปหา ค่าปุ๋ยไม่ต้องพูดถึงแพงมากโดยที่รัฐแทบไม่ได้ช่วย สวนทางกับราคาพืชผลการเกษตรที่มีแต่ต่ำลงๆ ภาพแบบนี้เกิดขึ้นวนเวียนจนเป็นวงจรหนี้ของเกษตรกรตามมาด้วยดอกเบี้ยสถาบันการเงิน ยิ่งถมทับมากขึ้นๆ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายกลายเป็นมากกว่าเงินต้น แล้วแบบนี้พวกเขาจะลืมตาอ้าปากได้อย่างไร ยิ่งในสองปีที่ผ่านมา ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รายได้นอกภาคเกษตรลดลงอีก เมื่อก่อนยังมีเงินจากลูกหลานที่ออกไปทำงานในกรุงเทพฯ ส่งกลับมาจุนเจือได้ ตอนนี้ก็ลำบากเหมือนกัน บางคนต้องกลับมาบ้าน แต่งานใหม่ก็ยังไม่มี ผมจึงอยากให้รัฐบาลฟังเสียงเรียกร้องของเกษตรและชาวนาเพื่อตัดสินใจทางนโยบายที่เหมาะสมโดยเร็วด้วย 

“ผมคิดว่าหลังสถานการณ์โควิด ข้อเรียกร้องการพักหนี้ ชะลอหนี้ หรือการเยียวยาเป็นสิ่งที่รับฟังได้ พี่น้องเกษตรกรได้รับผลกระทบไม่แตกต่างๆ จากกลุ่มอื่น พวกเขาควรได้รับความเห็นใจจากรัฐบาลในการเจรจาหรือช่วยพยุงสถานทางเศรษฐกิจไม่ให้ทรัพย์สินของเขาถูกยึด ขณะเดียวกัน การปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการซื้อหนี้จากสถาบันการเงินไปให้กองทุนฟื้นฯ ดูแลต่อ เพื่อให้พวกเขาจ่ายหนี้ได้ยาวขึ้น ดอกเบี้ยต่ำลง ทรัพย์สินไม่สูญหาย พอจ่ายได้จนครบก็ได้รับที่ดินกลับคืน นี่เป็นแนวทางที่แก้ปัญหาได้จริง แต่เท่าที่ทราบ ที่ผ่านมากองทุนฟื้นฟูได้รับงบประมาณน้อย ไม่มีเงินไปซื้อหนี้ได้มากนัก จนทำให้คิวยาว พอมากเข้าเป็นล็อตใหญ่ก็อาจสร้างความกังวลให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้ เมื่อภาครัฐเห็นปัญหาแบบนี้ก็ควรต้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อทำให้การโอนหนี้ไปให้กองทุนฟื้นฟูฯ ทำได้คล่องตัว หลังจากนั้นจะต้องมีการบริหารจัดการที่ดีเพื่อทำให้กองทุนเป็นกลไกปกติที่เกษตรกรสามารถพึ่งพาได้เหมือนการรีไฟแนนซ์ในธุรกิจอื่น” คำพอง ระบุ 

ด้าน เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต พรรคก้าวไกล (Think Forward Center : TFC)  กล่าวว่า ที่ผ่านมา กองทุนฟื้นฟูฯ มีข้อจำกัด คือการได้รับจัดสรรทรัพยากรในการชำระหนี้แทนเกษตรกรน้อย ปี 2560-2563 กองทุนฯ สามารถชำระหนี้แทนเกษตรกรได้เฉลี่ยปีละ 320 ราย คิดเป็นวงเงินโดยเฉลี่ย 105 ล้านบาท/ปี เท่านั้น ซึ่งหากรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้แทนเกษตรกรได้ เกษตรกรก็จะสามารถปรับโครงสร้างหนี้ และเข้าสู่แผนฟื้นฟูของกองทุนฯ ได้มากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เดชรัต ยังกล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์โควิด สถานการณ์หนี้สินเกษตรกรยิ่งน่าเป็นห่วงขึ้น โดยหนี้สินเกษตรปี 2564 เมื่อเทียบกับ ปี 2562 พบว่า เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 22 ขณะที่รายได้เกษตรลดลงถึงร้อยละ 27 เป็นภาวะที่สวนทางกันคือรายได้ลดแต่หนี้เพิ่มขึ้น และหากดูที่ศักยภาพของลูกหนี้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) จะพบว่า มีลูกหนี้ที่มีศักยภาพในการใช้หนี้ต่ำมากถึงร้อยละ 41 คือราว 2 ล้านคน ปัญหาหนี้สินเกษตรกรจึงเป็นปัญหาที่ภาครัฐต้องให้ความสำคัญและเร่งจัดการ

สำหรับแนวทางออก เดชรัต กล่าวว่า จำเป็นต้องใช้หลายมาตรการ โดย TFC มีข้อเสนอเรื่อง ‘นโยบายเกษตรกรวิถีก้าวไกล’ ที่จะต้องทำ 3 ปลดล็อก, 3 เปิดตลาดท้องถิ่น, 3 ยกระดับมาตรฐาน, 3 ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และ 3 กำกับดูแล 

‘อนุทิน’ ปัด!! ‘ภูมิใจไทย’ ไล่ตระเวนดูด ส.ส. ลั่น!! แม้เสียงเพิ่ม ก็ยังเจียมเนื้อเจียมตัว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น 2 อดีตสส.พรรคพลังประชารัฐ สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ว่า... 

ตนไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหากับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพราะคนที่เข้าพรรคภูมิใจไทยต้องแสดงความจำนง หากเป็นคนที่ทุ่มเทเสียสละ และไม่มีประวัติด่างพร้อย ก็รับทุกคนอยู่แล้ว และนายเอกราชไม่มีคดีติดตัว เพราะหากมีคดีคงเป็นส.ส.พรรคไหนก็ไม่ได้ตั้งแต่แรก อีกทั้งนายเอกราชมีความสนิทสนมกับสมาชิกพรรคภูมิใจไทย 

‘เพื่อไทย’ อัดรัฐปล่อยกยศ.ล่าช้า ส่งผลร้าย ทำเด็กพลาดเรียนต่อมหาลัย

วันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนนักศึกษาเยาวชนของชาติในยุครัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ไม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและเยาวชนของชาติ ว่า “การดำเนินการของกองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล ขณะนี้มีปัญหาอย่างมาก ล่าสุดโอนเงินให้นักศึกษาไม่ทันตามกำหนดเวลา ส่งผลให้นักศึกษาหลายคนพลาดโอกาสในการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย เป็นการทำลายอนาคตของเด็กไทยที่จะสามารถศึกษาต่อ”

วันนิวัติ ชี้ว่า ปัญหาการโอนเงินให้นักศึกษาไม่ทันตามกำหนดเวลาดังกล่าวนี้ทำให้นักศึกษาหลายคนพลาดโอกาสทางการศึกษา เมื่อได้มีการสอบถามไปยังผู้รับผิดชอบก็อ้างว่าจะเร่งดำเนินการ และในประเด็นนี้ก็เป็นปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ทราบว่าติดขัดในส่วนไหนปัญหาจึงเกิดขึ้นมาอยู่ตลอด ทั้งที่ กยศ. มีรายได้มหาศาล ในแต่ละปีใช้เงินจ้างทนายติดตามหนี้สิน ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ไล่ยึดทรัพย์ผู้ค้ำประกัน นำไปขายทอดตลาดเพื่อใช้หนี้จำนวนมาก 

ทบ.แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทธโธปกรณ์ และยานพาหนะ ใน 16 - 21 ก.พ. 65 

กองทัพบก โดย กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน  แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และ ยานพาหนะ ของ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1, กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1, กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 6 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1, กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 7 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 และ กองสรรพาวุธเบา กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน เพื่อจัดแสดงและสาธิตอำนาจการยิงเหล่าทหารปืนใหญ่ ประจำปี 2565 ในวันที่ 21 ก.พ. 65 ณ พื้นที่ฝึก ศูนย์การทหารปืนใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี 

“นายกฯ” สั่ง สุ่มตรวจเอทีเคปลอม หากพบให้ดำเนินคดี-คุมราคา ลดภาระปชช. ย้ำ สธ.เร่ง ฉีดวัคซีนเข็ม 2-บูสเตอร์  พร้อม เร่ง สาง “หนี้ครู-หนี้ครัวเรือน” 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนว่าอย่าประมาท ต้องคอยเตือนให้ป้องกันตัวเอง แม้วโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน จะมีอันตรายน้อย อัตราการเสียชีวิตต่ำ และย้ำกระทรวงสาธาณสุข รณรงค์การฉีดวัคซีนให้ครบ2เข็ม และเร่งฉีดเข็มบูสเตอร์ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปสุ่มตรวจการจำหน่ายเอทีเค ตามท้องตลาด หากพบเอทีเค ที่เป็นของปลอม ให้ดำเนินการจับกุม และสั่งให้ควบคุมราคาเอทีเคให้เหมาะสม เพื่อลดภาระของประชาชน

“สมศักดิ์ พันธ์เกษม” มาแล้ว!! สมัครสมาชิกภูมิใจไทยเรียบร้อย  “อนุทิน” พร้อมคณะผู้บริหารต้อนรับสุดชื่นมื่น เชื่อ ส.ส.ไหลเข้าพรรคเยอะช่วยเพิ่มเสถียรภาพ “ลุงตู่” ด้าน “สมศักดิ์” ปัดตอบเคลียร์ใจกลุ่ม “ธรรมนัส” ชี้ เลือกซบภท. เหตุนโยบายตรงกัน

ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรค และนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ให้การต้อนรับนายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา ที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น ซึ่งนายอนุทินได้สวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคให้กับนายสมศักดิ์ เพื่อต้อนรับเข้าสู่พรรคอย่างเป็นทางการด้วย ทำให้ล่าสุดพรรคภูมิใจไทยมีส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ทั้งสิ้นในขณะนี้จำนวน 62 คน

จากนั้นนายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้พรรคภูมิใจไทยได้ให้การต้อนรับนายสมศักดิ์ ในฐานะที่ได้แสดงเจตจำนงค์ที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตัวนายสมศักดิ์และตนมีความสัมพันธ์กันมานับเป็นเวลา 20 กว่าปี เนื่องจากนายสมศักดิ์เคยเป็นผู้ช่วยลขานุการรมว.คลังสมัยที่พ่อของตนคือนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งรมช.คลัง  ถือว่าไม่ใช่คนอื่นไกลกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด เมื่อมาในครั้งนี้นายสมศักดิ์ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ที่ต้องบัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องหาพรรคใหม่สังกัดในระยะเวลาที่กำหนด และวันนี้นายสมศักดิ์ได้มาหาพรรคภูมิใจไทย พร้อมกับสัญญาว่าจะทำงานเพื่อบ้านเมืองไปด้วยกัน เช่นเดียวกับนายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น ที่ได้ยื่นใบสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเมื่อวานนี้ (14 ก.พ.) ที่ จ.ขอนแก่น โดยพรรคได้ตรวจคุณสมบัติต่างๆและสอบถามเจตนารมณ์ความตั้งใจความมุ่งมั่นที่จะทำงาน รับใช้ชาติ บ้านเมืองตามนโยบายพรรคภูมิใจไทยและตามหลักการทางการเมืองที่เราได้ดำเนินการอยู่ ซึ่งนายสมศักดิ์ยินดีที่จะมาร่วมงาน และทำงานด้วยกัน นี่เป็นที่มาของข้อสรุปที่ตัดสินใจสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เมื่อขั้นตอนตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว นายสมศักดิ์ก็เป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย สามารถไปประชุมสภาฯในฐานะสมาชิกพรรคภูมิใจไทยได้ พรรคเรายินดีต้อนรับนายสมศักดิ์มาอยู่ชายคาเดียวกัน และเดินไปด้วยกัน

เมื่อถามว่า ส.ส.เข้ามาอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเยอะ ช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองให้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ช่วยนายกฯเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว ต่อให้ไม่เอ่ยปากเราก็ต้องนำไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ที่เราต้องมีบุคลากรที่ไว้เนื้อเชื่อใจ ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน ทุกคนเป็นส.ส. หลายสมัย เป็นที่นิยมของประชาชนในพื้นที่ ทำประโยชน์รับใช้พี่น้องประชาชน บ้านเกิดเมืองนอนมากมาย ทุกท่านล้วนมีผลงาน การที่ท่านเหล่านี้เข้ามาร่วมงานกับพรรค จะยิ่งทำให้นโยบายต่างๆ เกิดผลสำเร็จรวดเร็วมากเท่าที่เราจะผลักดันได้ และการที่มีตัวแทนปวนชนชาวไทยทำหน้าที่ในสภา และรัฐบาล จะยิ่งทำให้การทำงานรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ เราพิสูจน์ให้เห็นแล้วตามสโลแกนลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน เราได้เข้ามาเพิ่มอำนาจให้ประชาชนจริง 

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญคือเชื่อว่านายสมศักดิ์มั่นใจในจุดยืนของพรรค ที่จะใช้เป็นนโยบายสร้างความมั่นใจให้ประชาชน คือพรรคพูดแล้วทำ ไม่ว่าเราพูดอะไร เราจะทำในสิ่งที่พูดทุกประการ เชื่อว่านี่คือสาเหตุที่หากบรรดาผู้แทนมีโอกาสพูดคุยกัน เขาจะพิจารณาพรรคภูมิใจไทย เพื่อเข้ามารับใช้บ้านเมืองได้ ซึ่งอะไรที่ทำแล้วดีก็ทำ 

เมื่อถามว่า การที่มีกลุ่มส.ส.อดีตพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาพรรคภูมิใจไทย ถือว่าเป็นการลดแรงเสียดทานเพื่อช่วยนายกฯ ลดจำนวนของกลุ่มร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าอะไรที่ทำแล้วดีเราก็ทำ การที่เรามีส.ส.มาอยู่ในพรรคเพิ่มขึ้น เท่ากับเพิ่มเสถียรภาพพรรคร่วมรัฐบาล เวลาที่เหลือจากนั้นรัฐบาลจะได้บริหารบ้านเมืองอย่างมีเสถียรภาพ กำหนดงบประมาณได้ และวาระสำคัญการเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ถ้าอะไรที่สนับสนุนนายกฯให้ทำสำเร็จ เราก็พร้อมจะทำ

ครม.ไฟเขียวร่างแผนปฏิบัติการด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ขับเคลื่อน 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 498 ล้านบาท 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบ ร่างแผนปฏิบัติการ ด้านการควบคุมยาสูบแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565-2570 ที่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนปฏิบัติการไปดำเนินการต่อไป โดยวัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อลดความต้องการบริโภคยาสูบที่สูงของประชากรและคุ้มครองสุขภาพประชาชนจากอันตรายของควันบุหรี่ ให้ดำเนินการภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์ วงเงิน 498.039 ล้านบาท ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างความเข้มแข็งและยกระดับขีดความสามารถการควบคุมยาสูบของประเทศ วงเงิน 138.800 ล้านบาท ให้ผลักดันนโยบาย ปรับปรุงกฎหมาย ระบบการบังคับใช้กฎหมาย ตามกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ WHO FCTC เฝ้าระวัง วิจัย จัดการความรู้ กำกับ ติดตามประเมินผลการควบคุมยาสูบในทุกระดับ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสพยาสูบรายใหม่ และเฝ้าระวังธุรกิจยาสูบ วงเงิน 99.186 ล้านบาท เช่น การให้ความรู้ โทษ พิษภัย ของยาสูบ กับเด็ก เยาวชนและนักสูบหน้าใหม่ เฝ้าระวังแาะบังคับใช้กฎหมาย การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาสูบ การโฆษณา และรู้เท่าทันกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบ ยุทธศาสตร์ที่ 3 บำบัดผู้เสพให้เลิกใช้ยาสูบ วงเงิน 51.832 ล้านบาท เช่น สร้างเสริมพลังชุมชนและเครือข่ายที่เข้มแข็ง เพื่อบำบัดผู้เสพยาสูบ พัฒนาระบบบริการเลิกยาสูบ และสายด่วนเลิกบุหรี่

ยุทธศาสตร์ที่ 4 การควบคุม ตรวจสอบ เฝ้าระวังและเปิดเผยรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบ วงเงิน 12.5ล้านบาท เช่น ปรับปรุงกฎหมาย แนวทางการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก สร้างกระบวนการบริหารจัดการข้อมูลส่วนประกอบผลิตภัณฑ์ยาสูบ เพื่อวัดสารที่อยู่ในยาสูบและสารที่ปล่อยออกมา ยุทธศาสตร์ที่ 5 ทำสิ่งแวดล้อมให้ปลอดควันบุหรี่ วงเงิน 165.721 ล้านบาท เช่น การออกประกาศกฎกระทรวง กฎ ระเบียบ และอื่นๆที่เกี่ยวข้องให้สถานที่สาธารณะและสถานที่ทำงานทุกแห่งปลอดควันบุหรี่

การปรับเปลี่ยน ทัศนคติ พฤติกรรมและค่านิยมของการเสพยาสูบ เพื่อให้การไม่สูบบุหรี่ในบ้าน สถานที่ทำงานและสถานที่สาธารณะเป็นบรรทัดฐานของสังคมไทย และยุทธศาสตร์ที่ 6 มาตรการภาษี การป้องกันและปราบปรามเพื่อควบคุมยาสูบ วงเงิน 30 ล้านบาท เช่น ปรับปรุงโครงสร้างภาษียาสูบ และระบบการบริหารการจัดเก็บภาษียาสูบ การป้องกัน ปราบปรามยาสูบที่ผิดกฎหมาย การดำเนินการสำหรับผู้กระทำความผิด และมาตรการลดผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบอันเนื่องมาจากมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ

ครม.ไฟเขียว! ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงข้อริเริ่มการใช้พลังงานสะอาด ไทย-บริษัทเอกชนสหรัฐ สร้างเม็ดลงทุนกว่า 2.38 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า ครม.เห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent: LOI) สำหรับข้อริเริ่มความต้องการใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy Demand Initiative: CEDI) ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและภาคเอกชนของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีพิธีลงนามในการประชุม The 2nd United States -Thailand Energy Policy Dialogue (2nd UTEPD) โดยกระทรวงพลังงานไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 หนังสือแสดงเจตจำนงฉบับนี้ เป็นการแสดงความมุ่งมั่นร่วมกันของประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกา ในการส่งเสริมการลงทุนสำหรับธุรกิจที่สนใจและมีศักยภาพในการจัดหาและใช้พลังงานสะอาด

โดยฝ่ายสหรัฐจะชักชวนนักลงทุนมาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และฝ่ายไทยจะอำนวยความสะดวกและสนับสนุนการจัดหาพลังงานสะอาดสำหรับการดำเนินธุรกิจของสหรัฐภายใต้เงื่อนไขและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการพัฒนาทางเลือกอื่นๆ ที่มีความเหมาะสม ผ่านแนวทางการจัดหาพลังงานสะอาดที่ฝ่ายไทยจะดำเนินการในอนาคต ซึ่งประกอบด้วย 1)การผลักดันให้เกิดตลาดพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพและสามารถแข่งขันด้านราคาได้ 2)การกำหนดนโยบายด้านพลังงานสะอาดให้มีความเหมาะสม 3)การส่งเสริมระบบการรับรองสถานะด้านสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในการซื้อขายพลังงานสะอาด 4)การสนับสนุนการพัฒนานโยบายและโครงสร้างพื้นฐานของด้านไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพและสามารถรองรับการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดได้

ทั้งนี้ ในเบื้องต้นมีภาคเอกชนของสหรัฐประสงค์ที่จะร่วมลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงค์ทั้งหมด 19 บริษัท โดยจะนำเงินมาลงทุนคิดเป็นมูลค่าอาจสูงถึง 2,384 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ  ซึ่งมีรายชื่อบริษัทดังนี้ 1)HP Inc. 2)Apple 3)Akamai 4)Meta Platforms, Inc. 5)Johnson & Johnson 6)Nike 7)Dow Inc. 8)Iron Mountain 9)Inter IKEA Group 10)Lululemon 11)Spiber Inc. 12)Ralph Lauren  Corporation 13)Unilever 14)TAL Apparel 15)Amer Sports 16)RIFE International 17)Amazon 18)WeWork และ 19)TCI Co., LTD


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top