Sunday, 28 April 2024
POLITICS

“บิ๊กตู่”มอบโฆษกรัฐบาล ถวายเครื่องสักการะเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2564

ที่วัดราชาธิวาสวิหาร นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แทน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถวายเครื่องสักการะ ประกอบด้วย ธูปเทียนแพ พุ่มดอกไม้ ผ้าไตร และเครื่องไทยธรรม ถวายแด่พระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร เจ้าคณะภาค 16, 17, 18 และประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2564 

สายเขียวเฮ ! ปลดล็อค เสรี "กระท่อม" แล้ว มีไว้ครอบครอง ซื้อขายได้ “รมว.ยธ.” เผยปล่อยตัวนักโทษกระท่อม 1,038 คน 

ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงปลดล็อค ให้พืชกระท่อมไม่เป็นยาเสพติดให้โทษอีกต่อไป หลังเริ่มมีผลบังคับใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับที่8 พ.ศ. 2564 วันนี้เป็นวันแรก โดยให้ถือว่าประชาชนสามารถปลูกพืชกระท่อมได้อย่างเสรี หรือจะบริโภคก็สามารถทำได้ ส่วนกรณีการเทียบสัดส่วน 4×100 ยังเป็การผิดกฎหมายอยู่ 

โดยสาระสำคัญการบังคับใชกฎหมายคือให้ผู้ที่ปลูกกระท่อม ไว้ครอบครองสามารถซื้อ ขาย หรือนำมาบดเคี้ยวได้ และปลูกต้นกระท่อมเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังขยายไปถึงการสามารถส่งขายเป็นพาณิชยกรรม อุตสาหกรรมโดยไม่ต้องขออนุญาต และหลังจากนี้จะมีการออกกฎหมายรองตามมา ซึ่งจะมีบทบัญญัติเพิ่มเติม อาทิ การกำหนดห้ามขายให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ซึ่งเป็นเยาวชน รวมถึงสตรีมีครรภ์ และเตรียมกำหนดสถานที่ห้ามขาย เช่น ในโรงเรียน วัด ส่วนประเภทธุรกิจการส่งออกหรือนำเข้านั้นจะต้องขออนุญาต

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่าสำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดี อยู่ในเรือนจำ 1,038  คน จะได้รับการปล่อยตัว รวมถึงในชั้นตำรวจ และอัยการ ประมาณ 1 หมื่นคน จะถือว่าไม่เคยกระทำความผิด

จับตา ครม. พิจาณา ATK 8.5 ล้านชุด หลังมีรายงานข่าว “บิ๊กตู่”ไฟเขียวจัดซื้อ ขณะที่กระทรวงยุติธรรม เตรียมเสนอชื่อ หมอไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ นั่ง อธิบดีดีเอสไอ “ลุ้นระทึก”ตัวแทนภัตตาคาร-ร้านอาหาร พบ ‘อนุทิน’ บ่ายนี้ขอผ่อนคลายมาตรการที่เป็นรายได้หลัก

ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านระบบ Video Conference 

โดยที่ประชุมครม. จะมีการรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ปริมาณเตียงคงเหลือ ซึ่งขณะนี้มีแนวโน้มอัตราการติดเขื้อที่ลดลง /การจัดการวัคซีน/ รวมไปถึงต้องจับตานายกรัฐมนตรีจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ในการจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ โดยเฉพาะ Antigen Rapid Test Kit หรือ ATK ที่มีการสั่งการให้องค์การเภสัช หรือ อภ.จัดซื้อผ่านงบจองสปสช.จำนวน 8.5 ล้านชิ้น  หลังมีรายงานข่าวว่านายกรัฐมนตรี อนุมัติให้มีการจัดซื้อ ส่วนจะต้องผ่านการรับรององค์การอนามัยโลกหรือไม่นั้นต้องรอมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป

ขณะที่กระทรวงการคลัง จะเสนอพิจารณาคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 7  หลังมติครม.วันที่ 25 สิงหาคม 2563 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 ถึง 30 กันยายน 2564  ซึ่งใกล้จะครบกำหนดวันสิ้นสุดแล้ว

ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีจะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณา การอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนสายอาชีพ อาชีวศึกษา  รวมไปถึงเสนอการปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการของสำนักงบประมาณ สำนักนายกรัฐมนตรี อีกทั้งมีรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เตรียมเสนอชื่อ  นายแพทย์ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง ขึ้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แทน พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน 2564 นี้

อย่างไรก็ตาม บ่ายวันเดียวกันนี้ ที่ห้องชัยนาทนเรทร ตึกสป. กระทรวงสาธารณสุข สมาคม ภัตตาคารไทยโดยนางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย นำตัวแทนสมาคมและภาคธุรกิจเอกชน รวมถึงตัวแทนผู้บริโภค อย่างนายสุชาติ ชวางกูร เข้าหารือกับ กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความชัดเจนในแนวทางการกลับมาประกอบธุรกิจอีกครั้ง หลังจากมีมาตรการล็อกดาวน์ และสั่งห้ามไม่ให้นั่งรับประทานอาหารที่ร้านตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องปิดกิจการลง เพราะรายได้หลักของร้านอาหารกว่า 80% มาจากนั่งรับประทานที่ร้าน จากมูลค่าธุรกิจอาหารในไทยกว่า 1,400 ล้านบาทต่อวัน เมื่อเกิดการระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ และไม่สามารถนั่งทานที่ร้านได้ เท่ากับยอดขายหายไป 80% คิดเป็นรายได้ที่ธุรกิจสูญเสียกว่า 1,100 ล้านบาทต่อวัน รวมช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหายไปจากระบบเศรษฐกิจกว่า 34,100 ล้านบาท โดยประเด็นสำคัญคือการเปิดให้นั่งในร้านอาหาร ทั้งในและนอกห้างสรรพสินค้า ,วัคซีน สำหรับร้านค้า ทั่งคนไทยและต่างด้าว รวมทั้งมาตรการ ข้อเสนอ การทำ Restaurant Sandbox

สำหรับผู้แทน ที่ตะเจ้าพบนายอนุทิน บ่ายนี้ อาทิ นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ blackanyon นายชาญ เรืองรุ่ง แม่ศรีเรือน นายชุมพล แจ้งไพร Rharn นายเกษมสันต์ สัตยารักษ์ Copper Buffet นายบุญยง ตันสกุล Zen นายดุษฎี พลานุวัตร เพื่อนแท้ร้านอาหาร นางอนัญญา พลเยี่ยม เจ๊ญา ส้มตำเมืองทอง ดร.นิษฐา รัชไชยบุญ สีฟ้า นายนพพร วิทูรชาติ เมกกะบางนา สุชาติ ชวางกูร ผู้บริโภค คุณลินดา บูรณชนม์ ครัวเจ๊ง้อ คุณนันทภัส อัจมาลย์วรา waterside นายภูสิทธิ์ วิสุทธิธาดา สามเสนวิลล่า เป็นต้น

"สิระ" ยัง ไม่จ่าย 1 ล้าน กังขา "ไฮโซลูกนัท" ตาบอดจริงหรือไม่ หลังแหล่งข่าวกระซิบมองเห็น 15% ยันไม่บ่ายเบี่ยง ลั่น เงินมีเยอะ ท้า ตรวจหมอคนกลางรพ.รัฐ 3 คน พิสูจน์ความจริง

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ได้มีการท้าพิสูจน์กับนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ว่าดวงตาบอดสนิทจริงหรือไม่ ว่า วันนี้ไม่ขอเรียกว่าไฮโซลูกนัทแล้ว ขอเรียกนายธนัตถ์ เพราะรู้สึกว่าพ่อแม่ของนายธนัตถ์ไม่แฮปปี้ตามที่เป็นข่าว เพราะได้ไปร่วมชุมนุม ส่วนเรื่องของดวงตา เมื่อวานนี้ตนบอกว่าหากนายธนัตถ์ตาบอดสนิทและต้องหาแพทย์มายืนยันพร้อมใบรับรองแพทย์ ตนพร้อมให้เงิน 1 ล้านบาท ซึ่งเมื่อคืนนี้เห็นว่ามีใบรับรองแพทย์แล้ว และแพทย์บอกว่าต้องรักษาดวงตา 6 เดือน ถามว่าตอนนี้บอดสนิทจริงหรือไม่ ซึ่งที่ตนทราบมาจากแหล่งข่าว อาจเป็นข่าวดีของนายธนัตถ์ว่ามองเห็นแล้ว 15% ซึ่งหากเป็นข่าวดีและข่าวจริงก็ขอแสดงความดีใจกับนายธนัตถ์ว่าดวงตาพอมองเห็น

นายสิระ กล่าวต่อว่านายธนัตถ์ได้ไปออกรายการโทรทัศน์ ซึ่งตนจับผิดได้หลายเรื่อง คือการที่นายธนัตถ์มาแหกตาตัวเองก็แหกตาได้คนเดียว จะแหกตาคนทั้งประเทศไม่ได้ แค่นิ้วอยู่ใกล้ดวงตา ตาก็กระพริบ คนตาบอดที่ไหนจะกระพริบตา และเมื่อวานนี้แพทย์ไปหรือไม่ ก็ไม่ได้ไป ใครเขาจะให้คนตาใกล้บอดไปแหกตาออกทีวี พิธีกรใจร้ายไปหรือไม่ นายธนัตถ์แหกตาตัวเองเพื่ออะไร เรื่องนี้ต้องให้แพทย์แหก ต้องการแหกตาตัวเองเพื่อแหกตาคนทั้งประเทศหรือ หากนายธนัตถ์ตาบอดสนิทจริง ใบรับรองแพทย์ต้องระบุว่าไม่สามารถรักษาได้ แล้วทำไมถึงบอกว่าต้องรักษา 6 เดือน หากตาบอดจริงไปถามแพทย์เลยว่าต้องควักดวงตาออกหรือไม่ เมื่อควักดวงตาออกแล้วจะใส่ดวงตาเทียมหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากตาบอดจริงตนต้องขอแสดงความเสียใจกับนายธนัตถ์ และตนจะพานายธนัตถ์ไปสภากาชาดไทยเพื่อขอไปรับบริจาคดวงตาจากผู้มีจิตศรัทธา

“ถ้านายธนัตถ์แน่จริง วันจันทร์นัดเจอกัน ไม่เอาที่สภา มาที่บ้านผมก็ได้ ผมเอาเงิน 1 ล้านบาท ส่วนนายธนัตถ์เอาเงิน 10 ล้านบาทมาประกบกันและหลังจากอภิปรายไม่ไว้วางใจไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้แพทย์คนกลางมาตรวจสอบ 3 คนว่านายธนัตถ์ตาบอดจริงหรือไม่ ผมก็กลัวว่าตอนนี้ที่บ้านไม่เอาด้วย นายธนัตถ์จะมีเงิน 10 ล้านบาทหรือไม่ ซึ่งหากนายธนัตถ์ไม่ได้ตาบอดจริง ผมก็ขอให้นายธนัตถ์เอาเงิน 10 ล้านบาทไปซื้อข้าวหอมมะลิแจกคนหลักสี่-จตุจักร และผมจะบอกว่าเงินค่าข้าวสารหอมมะลินี้มาจากนายธนัตถ์” นายสิระ กล่าว

เมื่อถามว่าวันนี้นายธนัตถ์จะเดินทางมาที่รัฐสภาจะไปเจอกันหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ไม่เจอ เพราะว่าสิ่งที่เขานำมาแพทย์คนเดียวจะวินิจฉัยถูกหรือไม่ เคยเห็นหรือไม่แพทย์ลืมผ้าก๊อซในช่องท้อง หรือแพทย์วินิจฉัยโรคและทำให้คนตาย วันนี้หากนายธนัตถ์ตาบอดจริงไปเบิกประกันหรือยัง ตนเชื่อว่ามีการทำประกัน ไปถามประกันเลยว่านายธนัตถ์ได้มาทำเรื่องตาบอดสนิทหรือยัง

เมื่อถามว่าเป็นการบ่ายเบี่ยงที่จะไม่จ่ายเงินหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า "ไม่ใช่บ่ายเบี่ยง ถามว่าแพทย์คนเดียวจะเชื่อได้หรือไม่ว่าวินิจฉัยถูกต้อง และแพทย์คนนั้นเป็นคนรักษาซึ่งรับเงินค่ารักษาจากนายธนัตถ์อยู่แล้ว ทำไมไม่เอาแพทย์คนกลาง เงินน่ะผมมีเยอะ ผมต้องการจ่ายและจะแสดงความยินดีกับนายธนัตถ์ที่ไม่เสียดวงตา แต่หากตาไม่บอดจริง นายธนัตถ์ก็ต้องทำตามที่พูด หากอยากพิสูจน์ความจริงเอาแพทย์คนกลางจากโรงพยาบาลรัฐบาล หากนายธนัตถ์แน่จริงมั่นใจว่าดวงตาบอดสนิท ทำไมไม่ยอมพิสูจน์กับหมอคนกลาง ผมคิดว่าแฟร์ๆ" 

“สมศักดิ์” โยนผู้บริหาร รพ.ราชทัณฑ์ เคาะให้ “เพนกวิน” ออกไปรักษาโควิด นอกคุกหรือไม่

ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่มารดาของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน จะขอพาตัวเพรกวินไปรักษาโควิด-19 ที่โรงพยาบาลศูนย์ธรรมศาสตร์ ว่า ผู้บริหารกระทรวงจะเป็นผู้พิจารณา ถ้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่สามารถรักษาได้ ก็ต้องช่วย แต่ส่วนตัวเชื่อว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีมาตรฐานในการรักษาผู้ป่วยอยู่แล้ว และเรื่องนี้อยากให้ส่วนราชการไปบริหารจัดการ ฝ่ายการเมืองไม่ควรยุ่งเกี่ยวเพราะเกรงจะเป็นประเด็นที่ยาวไปอีก ซึ่งเชื่อข้าราชการจะพิจารณาได้ อย่างรอบคอบ

“หากอนุญาตให้ไปรักษาตัวภายนอก เกรงว่าจะทำให้นักโทษคนอื่นเอาอย่างได้ ขอย้ำว่าโรงพยาบาลราชทันฑ์มีมาตรฐานในการรักษาที่ดีเหมือนโรงพยาบาลทั่วไปอยู่แล้ว” นายสมศักดิ์ กล่าว

ลุ้นครม. ต่ออายุคงการจัดเก็บแวด 7% อีก 1 ปี 

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบ Video Conference วันที่ 24 สิงหาคม นี้ มีวาระที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจากหน่วยงานต่าง ๆ เสนอเข้ามาให้กับที่ประชุมพิจารณา โดยกระทรวงการคลัง เสนอพิจารณาคงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% ต่อไปอีก หลังจากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.64 โดยจะเสนอขยายภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ออกไปอีก 1 ปี  มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 - 30 ก.ย.65 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน 

ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังยังเสนอขอแก้ไขสัญญากู้จากองค์การการค้าความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น เลขที่ TXXXV-1 สำหรับโครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถ ภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค และรายงานผลของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 - 2563 รวม 2 ฉบับ เช่นเดียวกับรายงานกิจการประจำปี งบดุลบัญชีกำไรและขาดทุนของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563

นอกจากนี้ยังคาดว่า ในการประชุมครม. ครั้งนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้ พ.ร.ก.กู้เงินฯ จะเสนอการเยียวยาผู้ประกันตนที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมการระบาดสูงสุด 13 จังหวัดที่ทางรัฐบาลได้ประกาศล็อกดาวน์อีก 1 เดือน ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการ ยังเตรียมเสนอแนวทางการเยียวยาการอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียนของนักเรียนสายอาชีพ อาชีวศึกษาด้วย

“บิ๊กตู่” ไฟเขียวโครงการประกันรายได้ข้าว ฤดูกาลใหม่

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 64/65 รอบที่ 1 และเห็นชอบในหลักการมาตรการคู่ขนาน โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือแนวทางการจัดสรรงบประมาณพร้อมจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจนเพื่อนำเสนอครม. พิจารณาต่อไป  ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำให้ใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าต่อประชาชนเกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

สำหรับโครงการประกันรายได้ฯ กำหนดเป้าหมายเกษตรกรในพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วประเทศ ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร 4.689 ล้านครัวเรือน โดยราคาและปริมาณประกันรายได้ คือ ราคาความชื้นไม่เกิน 15% ไม่เกินครัวเรือนละ 40 ไร่ยกเว้นข้าวเจ้า ไม่เกิน 50 ไร่ โดยชดเชยเป็นจำนวนตันในแต่ละชนิดข้าว คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาทต่อตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

“นายกฯ ยังแสดงความห่วงใยต่อปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย เช่น การแข่งขันกับต่างประเทศที่มีราคาข้าวถูกกว่าของไทย การขาดแคลนตู้สินค้า ค่าระวางเรือที่สูง โรงสีขาดสภาพคล่อง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ผู้ส่งออกจะได้รับผลดีในเรื่องของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าถึง 8% จึงอยากให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาเพื่อเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก รวมถึงการบริหารจัดการตู้สินค้าสำหรับข้าวให้เพียงพอ และเสนอแนะแนวทางช่วยเหลือชาวนาภาคอีสานที่ทำนาได้ปีละครั้งให้หันมาปลูกพืชอื่นควบคู่การปลูกข้าวให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และปริมาณน้ำ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นแทนการเข้ามาหางานทำในเมืองด้วย”

'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กจวกรัฐบาล 'ลูงตู่' ไร้กลไกบริหารประเทศ 7 ปีผ่านไปปัญหาเดิมยังอยู่

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก 'Yingluck Shinawatra' ว่า...

ย้อนไปใน วันที่ 23 สิงหาคม เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เป็นวันที่ดิฉันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ด้วยคำมั่นสัญญาที่ว่าจะอยากให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน สร้างความมั่นคงทางรายได้ในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออก มีแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในการลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับภาคอุตสาหกรรมเป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน รวมไปถึงการเชื่อมโยงเส้นทาง และสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างเมืองหลักไปสู่ภูมิภาคอาเซียน เพื่อขยายฐานเศรษฐกิจ และเพิ่มโอกาสทำมาค้าขายให้แก่ประเทศไทยมากขึ้น 

แต่ผ่านไป 10 ปีแล้วหลายอย่างยังย่ำอยู่กับที่ การบริโภคในประเทศยังไม่สามารถเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เรายังคงพึ่งพาการส่งออก และการท่องเที่ยว เมื่อเกิดวิกฤติโรคระบาด รายได้แทบเป็นศูนย์ รัฐบาลขาดยุทธศาสตร์การเยียวยาที่มีประสิทธิภาพ ประชาชนต้องกู้หนี้ยืมสิน ส่งผลให้อัตราหนี้ครัวเรือนพุ่งสูงกว่า 90% ค่าแรงแทบไม่ขยับ เงินเดือนปริญญาตรียังอยู่กับที่ แต่ค่าครองชีพกลับถีบตัวสูงขึ้น ขณะที่สินค้าเกษตรตกต่ำยังเป็นปัญหาเดิมที่เผชิญทุกปี แต่รัฐบาลกลับไร้กลไก และมาตรการในการยกระดับราคาสินค้าเพื่อสร้างความกินดีอยู่ดีให้แก่เกษตรกร ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำของไทยยิ่งแย่ลง รวยกระจุก จนกระจาย ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของภาครัฐก็ย่ำแย่ต้องทำงบประมาณขาดดุล ต้องกู้จนเต็มเพดานซึ่งจะกลายเป็นภาระของประชาชน และเป็นภาพที่ไม่ดีนักต่อสายตานักลงทุน 

หากไม่มีการรัฐประหารในวันนั้น แผนงานต่าง ๆ ที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาคงสำเร็จเป็นรูปธรรมไปนานแล้ว ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไม่เลวร้ายอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สำหรับบางคนเวลา 7 ปีหลังรัฐประหารภายใต้การนำของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาจจะผ่านไปเร็ว แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วสถานการณ์ความยากลำบากที่เกิดขึ้น มันเป็นความยาวนาน และทรมานของคนไทยทั้งประเทศค่ะ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราต้องมาหาหนทางเริ่มต้นกันใหม่กับโอกาสที่เสียไป


Q : ประกันอะไร? ได้ตั้ง 4 ต่อ!!
A : ก็ประกันภัยรถยนต์จาก @THESHOPTIMES ไง!! 
>> ฟรี!!! ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA) 100,000 บาท
>> รับคอมมิชชั่นหรือส่วนลดทันที ในอัตราที่สูงกว่า แถมได้สิทธิซื้อประกัน พ.ร.บ.ราคาถูกตลอดชีพ
>> สามารถผ่อนได้สูงสุด 6 งวด ดอกเบี้ย 0% โดยไม่ต้องใช้บัตรเครดิต
>> แถมขายดีมีรายได้เพิ่มให้กับตัวเองด้วย
***สนใจติดต่อ Line@ THE SHOPS TIMES คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นบข. เห็นชอบมาตรการคู่ขนาน โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 “บิ๊กตู่”ย้ำให้ใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่าเกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างแท้จริง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ร่วมประชุม ว่า เป็นการติดตามสถานการณ์ข้าวโลก ข้าวไทย ความต้องการใช้ข้าวปี 2564/65  ความคืบหน้าผลการดำเนินมาตรการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและมาตรการคู่ขนาน ปี 2563และ 2564

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและเกษตรกร จึงขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดูแลเกษตรกรและประชาชนให้ดีที่สุด โดยใช้งบประมาณที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความห่วงใยต่อปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย เช่น การแข่งขันกับต่างประเทศที่มีราคาข้าวถูกกว่าของไทย การขาดแคลนตู้สินค้า ค่าระวางเรือที่สูง โรงสีขาดสภาพคล่อง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นต้น แม้ผู้ส่งออกจะได้รับผลดีในเรื่องของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าถึงร้อยละ 8  จึงอยากให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลก รวมถึงการบริหารจัดการตู้สินค้าสำหรับข้าวให้เพียงพอ  นายกรัฐมนตรียังเสนอแนะแนวทางช่วยเหลือชาวนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ทำนาได้ปีละครั้ง โดยให้หันมาปลูกพืชอื่นควบคู่การปลูกข้าวให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และปริมาณน้ำ เพื่อให้เกษตรกรและประชาชนสามารถมีอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้นในการเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวแทนการเข้ามาหางานทำในเมืองด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการมาตรการคู่ขนาน โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/2565 รอบที่ 1 โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือแนวทางการจัดสรรงบประมาณพร้อมจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจนเพื่อนำเสนอครม. พิจารณาต่อไป  ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำให้ใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าต่อประชาชนเกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง 

นายอนุชา กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP ครบวงจรในระยะที่ 2 (ปี 2565 – 2568) โดยกระทรวงพาณิชย์ และ ธ.ก.ส. ร่วมเป็นหน่วยงานร่วมดำเนินการ และให้กระทรวงพาณิชย์ ร่วมดำเนินการประชาสัมพันธ์และการตลาดข้าวอินทรีย์และข้าว GAP รวมทั้งเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ จัดสรรโควตาร้อยละ 10 ของโควตาการส่งออกข้าวไปยังสหภาพยุโรป (EU) จำนวน 1,700 ตันต่อปี สำหรับจัดสรรให้เฉพาะผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และเห็นชอบให้ ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำในโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ให้กับกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร ที่ดำเนินโครงการ   ทั้งนี้ ประโยชน์ที่จะได้รับคาดว่าคือ เกษตรกรมีตลาดรองรับผลผลิตข้าวคุณภาพที่แน่นอนไม่น้อยกว่า 30,000 ครัวเรือน มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 350 ล้านบาท (ข้าว GAP เพิ่มขึ้นตันละ 500 บาท ข้าวอินทรีย์เพิ่มขึ้นตันละ 2,000 บาท) รวมถึงขยายพื้นที่การผลิตข้าวคุณภาพที่ได้รับการรับรองมาตรฐานข้าวอินทรีย์และข้าว GAP อย่างน้อย 700,000 ไร่ นอกจากนี้ เกษตรกรและผู้บริโภคยังมีสุขภาพที่ดีขึ้น ลดการนำเข้าสารเคมีทางการเกษตรและสารตกค้างในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

"เสกสกล"สวน"ย่ิงลักษณ์"โทษรัฐประหาร ฉุดประเทศถอยหลัง10 สติดีอยู่หรือไม่ ย้อนให้บริหารต่อยิ่งทำประเทศดิ่งจากทุจริตเชิงนโยบาย-เอื้อประโยชน์วงศ์ตระกูล แจง วิกฤตโควิด-19 ทำรัฐบาลตู่ ชะลอพัฒนาประเทศ

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์รำลึกถึงวันที่23 ส.ค.เป็นวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ที่สัญญาว่าจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่มาถูกรัฐประหารเสียก่อน และผ่านมา10 ปีประเทศชาติกลับแย่ลง ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังสติสัมปชัญญะดีอยู่หรือไม่ หรือเป็นเพราะหนีคดีไปนาน เกิดอาการความจำเสื่อมกำเริบ จนจำความอะไรไม่ได้ รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีคนในตระกูลคอยสั่งการ โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนอมินี หรือหุ่นเชิดของนายทักษิณ ชินวัตร ฉะนั้นอย่าบอกว่ามีสติปัญญาในการบริหารประเทศ คิดเองทำเองเป็น เพราะ ไม่มีใครเชื่อ และตอนเป็นพนักงานของ บ.ชินวัตรคอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่เป็นเซลล์ขายสมุดหน้าเหลือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังขายไม่ได้สักเล่ม แล้วจะขี้โม้ขี้คุยว่าหาเสียงไม่ถึง 50 วันก็ขึ้นมาเป็นนายกฯ ทุกอย่างนายทักษิณ เป็นคนวางแผนสั่งการให้ทั้งนั้นมิใช่หรือ
 
นายเสกสกล กล่าวว่า โครงการจำนำข้าว ก็มาจากแนวคิดของนายทักษิณ ที่มีข่าวว่าเรียกพ่อค้าไปพบวางแผนที่ดูไบ และพ่อค้าคนดังกล่าวก็ติดคุก ซึ่ง เป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทำให้ชาวนาขาดทุนจนต้องฆ่าตัวตาย รัฐบาลเสียหายมหาศาล จนทุกวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลต้องตามล้างตามเช็ดใช้หนี้ในสิ่งที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำเอาไว้คือ หนี้จำนำข้าวร่วม9แสนล้านบาท
 
"อย่ามาบอกว่าตั้งใจจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ความอยู่ดีกินดี คือคนของพรรคน.ส.ยิ่งลักษณ์ และตระกูลชินวัตร ที่อยู่ดีกินดี มีกินไปจนไม่รู้กี่ชาติ แต่ประชาชน ยังยากจนยิ่งกว่าเดิม เอาชาวนามาบังหน้า ทำมาหากินโกงกันจนไม่อายฟ้าดินไม่มีสติปัญญาจะบริหารประเทศ พอไม่รู้จะโทษใคร ก็มาโทษว่าพล.อ.ประยุทธ์ ทำรัฐประหารประเทศจึงถอยหลัง10ปี ไม่เป็นธรรม ที่จริงน่าจะมองว่า ตนเองบริหารผิดพลาดล้มเหลวอย่างไรบ้าง แค่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยให้นายทักษิณ และคอร์รัปชั่นโครงการจำนำข้าว ขืนปล่อยให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ บริหารไปแค่วันเดียว ประเทศชาติเสียหายพังพินาศย่อยยับแน่นอน จนประชาชนออกมาขับไล่ และคณะคสช.ต้องเข้ามาระงับความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศชาติที่จะตามมา ถ้าคสช.ไม่ออกมา จะมีเงินทอนจากโครงการอภิมหาโปรเจ็ค2.2ล้านบาทเข้ากระเป๋าคนใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกมากมายมหาศาล”
 
นายเสกสกล กล่าวว่า อยากให้นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ลืมตาดู จะได้หูตาสว่างว่าตลอด7ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยพัฒนาไปถึงไหน มีรถไฟฟ้าเกือบครบทุกเส้นทาง โครงการอีอีซี ถนนมอเตอร์เวย์จากบางปะอินไปโคราชกำลังจะเปิดใช้ รถไฟความเร็วสูงอีกสองเส้นทาง ราคาพืชผลทางการเกษตร ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ดีขึ้นกว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ เหมือนฟ้ากับเหว เพียงแต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ มาเจอวิกฤตโรคโควิด-19 จึงทำให้การพัฒนาประเทศชะลอตัวเพราะต้องใช้สรรพกำลังทั้งคนและงบประมาณมาแก้ปัญหาสุขภาพอนามัยให้กับประชาชน อันเป็นวาระสำคัญลำดับแรก ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ในช่วงที่มีการระบาดของเชื้อโควิดในขณะนี้ คงจะหัวหมุนทำอะไรไม่ถูก และอาจทิ้งปัญหาลาออกไปดื้อๆก็ได้ เพราะตอนเจอปัญหาน้ำท่วมใหญ่ช่วงปี 54 ยังมึนทำอะไรไม่ค่อยถูก โชคยังดีที่มีพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผบ.ทบ.คอยช่วยเหลือทุกอย่าง น่าจะวัดความสามารถ วัดกึ๋นการบริหารประเทศกันได้แล้วว่าใครมีฝีมือกันแน่

นายเสกสกล กล่าวว่า อยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ หยุดพูดมาก หยุดเล่าเรื่องราวในอดีตจะดีกว่า ยิ่งพูดมากยิ่งเข้าตัวเอง คนไทยไม่ได้โง่ และยังจดจำเรื่องราวในอดีตได้ดี อย่าแสดงความโง่แล้วอวดฉลาดเลย อยู่นิ่งๆเงียบๆเฉยๆ เอาเวลาไปเดินห้างหรู เดินช้อปปิ้งหาซื้อของแบรนด์เนม จิบไวน์ราคาแพง จะดีกว่ามารำพึงฟาดงวงฟาดงาคนอื่นรายวัน เพราะยิ่งเป็นการซ้ำเติมทำลายตัวเองมากกว่า

“บิ๊กตู่” เข้าทำเนียบฯ เช้าประชุมข้าว บ่าย นั่งหัวโต๊ะหารือสถานการณ์เศรษฐกิจในและต่างประเทศรวมถึงแผนการจัดซื้อวัคซีนให้เป็นไปตามเป้าหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาล โดยช่วงเช้านายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ผ่านระบบ Video Conference

จากนั้นในช่วงบ่าย  มีรายงานว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  (ธปท.) เข้าหารือนายกรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและในประเทศไทย

ก่อนที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมหารือเรื่องวัคซีน  ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือแนวทางการจัดหาวัคซีนป้องกัน โควิด-19 ในประเทศไทยให้เป็นไปตามเป้าหมาย ในปีนี้ 100 ล้านโดส

สำหรับ การประชุม ศบค. ครั้งล่าสุด นายกรัฐมนตรีได้รับทราบแผนความก้าวหน้าในการจัดหาวัคซีน โควิด-19   แอสตราเซเนกา สั่งจอง 61 ล้านโดส  ซึ่งผู้ผลิตส่งมอบแล้ว 14.7 ล้านโดส แผนการส่งมอบเพิ่มเดือนละ 5 ล้านโดสขึ้นไปจนครบ 61 ล้านโดส  โดยมีการรับวัคซีนบริจาคแล้ว 1.46 ล้านโดส , สำหรับวัคซีนซิโนแวค (โคโรนาแวค) สั่งซื้อตามสถานการณ์ระบาด ผู้ผลิตส่งมอบแล้ว 13.4 ล้านโดส  แผนการส่งมอบเพิ่ม เหลือรับเพิ่ม 5.7 ล้านโดส 

สำหรับในเดือนส.ค.-ก.ย.64 มีการรับวัคซีนบริจาคแล้ว 1 ล้านโดส , ในส่วนของวัคซีนไฟเซอร์ สั่งจอง 20 ล้านโดส และมีแผนได้รับบริจาคอีก 1 ล้านโดส  แผนการส่งมอบกำหนดส่งไตรมาส 4 รับวัคซีนบริจาคแล้ว 1.5 ล้านโดส , ในส่วนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ( J&J ) บริษัทขอเลื่อนลงนามสัญญาเนื่องจากพบปัญหาการผลิต , Sputnik รอขึ้นทะเบียนองค์การอาหารและยา (อย. ) , ชิโนฟาร์ม ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นำเข้า ผู้ผลิตส่งมอบแล้ว 5 ล้านโดส  แผนการส่งมอบเพิ่ม 5 ล้านโดส  และโมเดอร์นา องค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย มีแผนนำเข้า โดยแผนการส่งมอบ 5 ล้านโดส กำหนดส่งมอบปลายปี 2564 

ส่วนแผนการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ประเทศไทย พ.ศ.2564 โดยชิโนแวค ในเดือนส.ค.จำนวน 4 ล้านโดส  แอสตราเซเนกา 5.8 ล้านโดส และไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส รวม 11.3 ล้านโดส ทั้งนี้ในเดือนส.ค.มีการรับวัคซีนแล้วบางส่วนจากผู้ผลิต ขณะที่ในเดือนก.ย.-ธ.ค. รอรับจากผู้ผลิต  โดยเดือนก.ย.มีแผนการจัดหาซิโนแวค  4 ล้านโดส  แอสตราเซเนกา 6 ล้านโดส  และไฟเซอร์ 1 ล้านโดส รวม 11 ล้านโดส ,เดือนต.ค.แอสตราเซเนกา 6 ล้านโดส  และไฟเซอร์ 6 ล้านโดส รวม 12 ล้านโดส ,เดือนพ.ย. แอสตราเซเนกา 6 ล้านโดส ไฟเซอร์ 6 ล้านโดส รวม 12 ล้านโดส ,เดือนธ.ค.  แอสตราเซเนกา 6 ล้านโดส ไฟเซอร์ 7 ล้านโดส รวม 13 ล้านโดส ทั้งนี้ เพิ่มการใช้ชิโนแวค เนื่องจากมีการปรับสูตรการฉีด เป็นชิโนแวค-  แอสตราเซเนกา โดยจำนวนวัคซีนที่จะนำเข้ามานั้นขึ้นอยู่กับการส่งมอบวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิต

“บิ๊กตู่” ถก คกก.ข้าว “กำชับ” ทุกฝ่าย ดูแลประชาชนให้ดีที่สุดหลังประสบผลกระทบจากโควิด-19 

ที่ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ผ่านระบบ Video Conference โดยนายกรัฐมนตรึกล่าวในช่วงต้นการประชุมว่า  ทุกคนทราบดีว่าปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 ส่งผลกระทบในด้านต่างๆโดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจ จึงขอให้ทุกคนได้ช่วยกันดูแลประชาชนให้ดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าการประชุมวันเดียวกันนี้ นาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เสนอมติความเห็นชอบของคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาดในการเดินหน้านโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 3 โดยใช้หลักเกณฑ์เช่นเดียวกับการประกันรายได้ปีที่ผ่านมาทุกประการ นอกจากนี้มยังได้เสนอมาตรการคู่ขนานที่จะเข้ามาช่วยเสริมเกษตรเกษตรผู้ปลูกข้าว 3 มาตรการประกอบด้วย การสนับสนุนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวชะลอการขาย ในช่วงที่ข้าวออกสู่ตลาดมากเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวราคาตกจนเกินไป โดยเกษตรกรที่ชะลอขายข้าวจะได้รับเงินช่วยเหลือตันละ 1,500 บาท ,การช่วยเหลือดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับสหกรณ์หรือสีโรงสีที่เก็บสต๊อกข้าวและไม่ปล่อยออกสู่ตลาด โดยชดเชยดอกเบี้ย 3% และ เร่งรัดส่งเสริมการส่งออกข้าว เพื่อระบายข้าวในประเทศเพราะฤดูการผลิตหน้าจะมีเข้าออกสู่ตลาดมากกว่าปีที่ผ่านมาถึงประมาณ 5% จึงมีมาตรการช่วยเหลือให้มีการส่งออกข้าวโดยช่วยดอกเบี้ย  3% เป็นเวลา 6 เดือน ในเดือนต.ค.64-มี.ค.65

“สงคราม” อัด “บิ๊กตู่” โกหกคนไทยไร้ปัญญาแก้ปัญหาการเกษตร ชี้ เกษตรกรน่าห่วงหลังราคาสินค้าตกต่ำ ขายข้าวเปลือก1โลซื้อมาม่าได้ ห่อเดียว 

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า 7 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ไม่เคยให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด  ที่ผ่านมาพลเอกประยุทธ์ ใช้เวลาไปกับการไล่ล่ากลุ่มที่เห็นต่าง กำจัดนักการเมืองฝั่งตรงข้าม  หาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด

พี่น้องเกษตรกรถูกละเลยมากที่สุด รายได้ของพืชผลทางการเกษตรตกต่ำมาโดยตลอดยิ่งทำ ยิ่งจน ยิ่งทำ ยิ่งเจ๊ง ทั้งนี้เนื่องมาจาก ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมัน ค่าไถ ค่าหว่าน ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ยและค่าแรงที่สูงขึ้น  เกษตรกรช้ำใจมาก เพราะ ราคาข้าวเปลือก 1 กิโล แลกมาม่าได้เพียงห่อเดียว เกษตรกรต้องแบกรับภาระอย่างหนักมากภาระหนี้สินที่ เพิ่มขึ้น  รัฐบาลมีอำนาจแต่ไม่เคยทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพขายได้ราคาสูงขึ้น 

นายสงคราม กล่าวด้วยว่า พลเอกประยุทธ์ เลือกที่จะโกหกประชาชน และไม่เคยทำตามคำพูดที่เคยประกาศไว้ในช่วงการเลือกตั้งได้เลย  ทั้งนี้เพื่อชัยชนะในการเลือกตั้งรัฐบาล ประกาศยกระดับราคาสินค้าเกษตร ให้สูงขึ้น ข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท/ตัน ข้าวเจ้า 12,000 บาท/ตัน ยางพารา 65 บาท/กิโล อ้อย 1,000 บาท/ตัน ปาล์มน้ำมัน 5 บาท/กิโล   และมันสำปะหลัง 3 บาท/กิโล สุดท้ายแล้วไม่สามารถทำได้และไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยถึงนโยบายช่วงการหาเสียงทีผ่านมา

“ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้ พลเอกประยุทธ์  ไม่เคยพูดถึงการแก้ไขปัญหาภาคการเกษตรอย่างมีแนวทางที่ชัดเจน  แต่พลเอกประยุทธ์ เก่งในการเผาผลาญงบประมาณของประเทศชาติ  ใช้เงินไม่ถูกที่ ไม่ถูกจุด  เมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณจำนวนมหาศาลที่ท่านนำไปใช้ในโครงการต่างๆ  ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชนเลย แต่ งบประมาณต่างๆในภาคการเกษตรใช้เพียงน้อยนิด เท่านั้น ทำไมไม่นำมาดูแลพี่น้องเกษตรกร” นายสงคราม กล่าว

"ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต. สอบพรรคก้าวไกล ปมร่วมกิจกรรมตรวจโควิดกับแพทย์ชนบท พร้อมแจกบัตรสีส้มตรวจ เข้าข่ายหาผลประโยชน์และแทรกแซงงานขรก.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อกกต.ให้ไต่สวนสอบสวนพรรคก้าวไกล กรณีไปร่วมกิจกรรมกับชมรมแพทย์ชนบทร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ที่ได้ระดมทีมบุคลากรทางการแพทย์จากต่างจังหวัด มาช่วยตรวจเชิงรุกหาเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ชุมชนกรุงเทพมหานคร แต่กลับปรากฏว่ามีการจัดทำบัตรคิวสีส้มที่ปรากฏชื่อพรรค ถือว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ของพรรคและแทรกแซงการทำงานของข้าราชการหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เป็นการตรวจหาผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 เชิงรุกในชุมชนต่างๆ โดยใช้ชุดตรวจแบบเร่งด่วน หรือ Antigen Test Kits ที่สามารถรู้ผลได้อย่างรวดเร็ว เมื่อพบเชื้อก็จะแยกกักและรักษาตัวที่บ้าน ด้วยการทำ Home Isolation แต่หากสภาพบ้านที่อยู่อาศัยไม่เอื้อให้กักตัวได้ ก็ให้ทำการกักกันในชุมชน หรือ Community Isolation ซึ่งที่ผ่านมาผลการดำเนินการเป็นไปด้วยดี จนสถานการณ์ผู้ติดเชื้อตกค้างตามบ้านและในชุมชนลดลง เป็นที่ชื่นชมของสาธารณชนทั่วไป แต่กลับมีภาพปรากฏในลักษณะที่ประชาชนสงสัย และถูกนำมาแชร์กันมากในโลกออนไลน์ คือ ปรากฏว่ามีบางพรรคการเมืองเข้าไปใช้ชื่อของพรรคว่าทำงานร่วมกับชมรมแพทย์ชนบท หรือเป็นผู้ที่นำแพทย์มาตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้กับชาวบ้านเอง อาทิ การลงพื้นที่ตรวจโควิดใน "ชุมชนพหลโยธิน 24" ใจกลางกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีภาพบัตรคิวสีส้มที่แจกให้กับชาวบ้านที่มาเข้าคิวรอตรวจ ได้เขียนข้อความด้านบนว่า "หมอชนบทร่วมมือกับพรรคก้าวไกล ดูแลชุมชนพหลโยธิน 24" แนบอยู่กับเอกสารประกอบการตรวจหาเชื้อ ซึ่งแนบติดกับบัตรคิวนั้น เป็นเอกสารที่มีโลโก้ของชมรมแพทย์ชนบทอยู่ด้านบนด้วย 

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากว่า เป็นการแอบอ้างการทำงานของชมรมแพทย์ชนบท เพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองดังกล่าวหรือไม่ เพราะบุคลากรทางการแพทย์ที่ลงพื้นที่ทำงานของชมรมแพทย์ชนบทร่วมกับ สปสช. นั้นเป็นข้าราชการ และอาจถือได้ว่าแพทย์ต่างๆเหล่านั้นใช้เวลาราชการไปทำภารกิจช่วยเหลือพรรคการเมือง ใช่หรือไม่ การกระทำดังกล่าว จึงอาจเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญ 2560 หมวด 9 การขัดกันแห่งผลประโยชน์ ใน มาตรา184 และ มาตรา185 หรือไม่ ซึ่งบัญญัติห้ามนักการเมืองหรือพรรคการเมืองก้าวก่ายหรือแทรกแซงการปฏิบัติราชการในหน้าที่ประจำของหน่วยงานภาครัฐ ประกอบกับ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 มาตรา28 กำหนดห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํากิจกรรมของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม ซึ่งหากเป็นความผิดมีโทษถึงขั้นยุบพรรคการเมืองนั้น ตาม มาตรา92(3)

ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สิน 4 กสม.ป้ายแดง พรประไพ 149 ล้าน วสันต์ 52 ล้าน ศยามล 33 ล้าน สุชาติ 14 ล้าน

ที่สำนักงาน ป.ป.ช. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ดำเนินการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ได้แก่ น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ตำแหน่งประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ , นายสุชาติ เศรษฐมาลินี  ตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ , น.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์   ตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ , นายวสันต์ ภัยหลักลี้ ตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  

น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ตำแหน่งประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 แจ้งสถานภาพโสด ไม่มีหนี้สิน มีบัญชีทรัพย์สินทั้งสิ้น 149,512,590 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 8,942,274 บาท เงินลงทุน 897,615 บาท ที่ดิน 134,576,700 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2,050,000 บาท ยานพาหนะ 400,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 170,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 2,485,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับสตรี อาทิ ต่างหู แหวนและเข็มกลัด สร้อย กำไล เข็มขัด นาฬิกา ชุดเครื่องประดับทอง

นายวสันต์ ภัยหลักลี้ ตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 คู่สมรส น.ส.รุ่งมณี เมฆโสภณ อยู่กินกันฉันสามีภรรยา (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 52,159,376 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 103,200 บาท เป็น ทรัพย์สินของนายวสันต์ 39,115,293 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 381,743 บาท เงินลงทุน 15,411,774 บาท ที่ดิน 21,047,075 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างรวมอยู่ในที่ดิน ยานพาหนะ 750,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,524,701 บาท และหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 41,161 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น

เป็นทรัพย์สินของ น.ส.รุ่งมณี 13,044,083 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 1,246,810 บาท เงินลงทุน 3,528,300 บาท ที่ดิน 6,636,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างรวมอยู่ในที่ดิน ยานพาหนะ 50,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,582,971 บาท ส่วนหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 62,039 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น

น.ส.ศยามล ไกยูรวงศ์   ตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 คู่สมรส นายภาคภูมิ วิธานติรวัฒน์ และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 32,950,893 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 8,346,635 บาท 

เป็นทรัพย์สินของ น.ส.ศยามล 28,185,914 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 241,040 บาท เงินลงทุน 332,200 บาท ที่ดิน 7,894,165 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 16,850,000 บาท ยานพาหนะ 369,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 2,499,509 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น ส่วนหนี้สินเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 8,014,537 บาท

เป็นทรัพย์สินของนายภาคภูมิ 4,758,201 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 776,425 บาท เงินลงทุน 200,000 บาท ที่ดิน 2,117,776 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1,200,000 บาท ยานพาหนะ 464,000 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่นส่วนหนี้สินเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 179,078 บาท หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 153,019 บาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมีทรัพย์สิน 6,777 บาทเป็นเงินฝาก

นายสุชาติ เศรษฐมาลินี  ตำแหน่งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 คู่สมรส นางอรวรรณ เศรษฐมาลินี และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 13,970,492 บาท เป็นทรัพย์สินของ นายสุชาติ 2,006,964 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 12,501 บาท เงินลงทุน 54,463 บาท ยานพาหนะ 640,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,300,000 บาท เป็นทรัพย์สินของนางอรวรรณ 11,963,527 บาท ประกอบด้วยเงินฝาก 370,431 บาท เงินลงทุน 500,095 บาท ที่ดิน 5,810,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3,500,000 บาท ยานพาหนะ 913,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 870,000 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่นและไม่มีหนี้สิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top