“บิ๊กป๊อก” สั่งศปถ.ทุกจังหวัดคิกออฟ! ลดอุบัติเหตุทางข้าม 21 – 25 ก.พ. พร้อมรณรงค์สร้างความปลอดภัยทุกวันที่ 21 ของเดือน เข้มเอาผิดใครฝ่าฝืนรับโทษสูงสุด

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฐานะประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ชนคนเดินข้ามถนนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตบริเวณทางข้ามเมื่อช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธาน ได้มีมติให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดทั่วประเทศ เร่งสร้างกระแสการรับรู้และสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยเฉพาะผู้ขับขี่ให้มีจิตสำนึกและตระหนักถึงความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขับรถที่ไม่มีวินัย และไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เกิดการสร้างกระแสการรับรู้ สร้างความตระหนักด้านความปลอดภัยทางถนนให้เกิดขึ้นกับสังคมไทยอย่างมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน 

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ฐานะผอ.ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด จัดกิจกรรมสัปดาห์การรณรงค์ภายใต้ชื่อ “การรณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม” ระหว่างวันที่ 21 - 25 ก.พ.ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้ได้รับโทษสูงสุด เพื่อให้ผู้ขับขี่เคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎหมาย และเร่งปรับปรุงบริเวณทางข้ามให้มีความปลอดภัย อาทิ การตีเส้นชะลอความเร็วก่อนถึงทางข้าม การจัดทำเครื่องหมายจราจรบนพื้นผิวถนนให้มีความชัดเจน จัดทำป้ายเตือนและป้ายสัญลักษณ์ให้ผู้ขับขี่และผู้ข้ามถนนเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ให้จัดกิจกรรมรณรงค์ในสถานศึกษาเพื่อให้มีความปลอดภัย โดยเฉพาะทางข้ามบริเวณโรงเรียน รณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วในเขตชุมชน สถานศึกษา สถานพยาบาล ด้วยการชะลอความเร็วในที่คับขันที่มีการจราจรพลุกพล่านหรือมีสิ่งกีดขวาง ทางร่วม ทางแยก ทางข้ามหรือทางม้าลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหยุดให้คนข้ามในทางข้ามหรือทางม้าลาย ทั้งนี้ ให้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่องทุกเดือน กำหนดให้วันที่ 21 ของทุกเดือนเป็นเป้าหมายในการรณรงค์

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด สั่งการและบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รณรงค์เพื่อลดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม ซึ่งถือว่าเป็นบริเวณที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชนในการใช้ข้ามถนนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ด้วยการสร้างจิตสำนึก ทำให้คนที่ใช้รถใช้ถนนมีความตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย มีวัฒนธรรม มีจิตวิญญาณการใช้รถใช้ถนนที่รับผิดชอบต่อสังคม ขณะเดียวกันหน่วยงานที่รับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ต้องเร่งปรับปรุงพื้นผิวจราจร ทั้งเครื่องหมาย ป้ายเตือน สัญลักษณ์ต่างๆ ให้สามารถเห็นได้ชัดเจน โดยอาจพิจารณานำเทคโนโลยีมาใช้ในการติดตามผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิด และต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น จริงจัง ใช้ยาแรง คือผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร ต้องได้รับโทษสูงสุด