Sunday, 6 July 2025
POLITICS NEWS

ครม. อนุมัติ จ่ายเงินทดแทนปชช.ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา ให้ที่ดินไร้เอกสารสิทธิ 350 แปลง 770 ไร่ ไร่ละ 45,000 บาท เกลี่ยงบกรมชลฯ 34.67 ล้านบาท ดำเนินการ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.อนุมัติจ่ายเงินค่าทดแทน ที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 350 แปลง เนื้อที่ 770 ไร่ 1งาน 59 ตารางวา ในอัตราไร่ละ 45,000 บาท  รวมเป็นเงิน 34.67 ล้านบาท ให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา จังหวัดศรีสะเกษ ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาโครงการฝายหัวนา เฉพาะกลุ่มโนนสัง กลุ่มราศีไศล และกลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน โดยงบประมาณที่จะนำมาจ่ายทดแทนทางกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะปรับแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2565 มาดำเนินการ 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ครม.ยังได้อนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงินค่าทดแทน จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลการจ่ายเงินและจำนวนเงินค่าทดแทนให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายละเอียดผลการตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์ที่ดินที่ได้รับผลกระทบจากโครงการฝายหัวนา อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอกันทรารมย์ และอำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธาน  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า คณะกรรมการชุดนี้ มีอำนาจหน้าที่พิจารณาตรวจสอบบุคคลผู้มีสิทธิ จำนวน 350 ราย และควบคุมการโอนจ่ายเงินค่าทดแทนให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ จำนวนเนื้อที่ และจำนวนเงินค่าทดแทนตามที่ครม.อนุมัติ  ให้จ่ายด้วยวิธีจ่ายตรงโดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารตามบัญชีรายชื่อบุคคลที่ผ่านการตรวจสอบ หรือทายาท โดยให้ถือความเห็นของคณะกรรมการชุดนี้เป็นหลักฐานประกอบการจ่ายเงินค่าชดเชย

ครม. เคาะ หลักเกณฑ์ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 65 กลุ่มเป้าหมาย 20 ล้านคน  คาดเริ่มใช้สิทธิ 1 ต.ค. หวังสร้างโอกาสเข้าถึงบริการแห่งรัฐครบวงจร

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และเห็นชอบร่างประกาศ คกก.ฯ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการดำเนินงาน และความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีบัตรสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเหลือกลุ่มตกหล่นให้สามารถเข้าถึงโครงการโดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 20 ล้านคน คือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการเดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่ คาดสามารถเริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565  

โดยมีกรอบวงเงิน 564.455 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าจ้างเหมาบริการระบบลงทะเบียน และการยืนยันตัวตน 164.274 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำหรับการรับลงทะเบียน ของหน่วยรับลงทะเบียน 400.181 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบฯ ของกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน มี ดังนี้ ผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ต้องไม่เป็นภิกษุ ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐที่ได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐ 

รายได้ของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และรายได้เฉลี่ยของครอบครัวของผู้ลงทะเบียนไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี และผู้ลงทะเบียนจะต้องไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ เช่น วงเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัยรวมไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และวงเงินกู้สำหรับยานพาหนะรวมไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็นต้น ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ คกกฯกำหนด

นายธนกร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรสวัสดิการและปัญหาผู้มีบัตรที่ไม่ควรได้รับสิทธิ ทั้งนี้ จะมีการเปิดรับลงทะเบียน ตามโครงการฯอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ จะมีการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งอีกด้วย

สำหรับผู้ได้รับสิทธิจากโครงการฯ ปี 2565 จะใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนบัตรสวัสดิการเนื่องจากบัตรสวัสดิการที่ได้เริ่มใช้งานตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 มีอายุการใช้งาน 5 ปี และจะหมดอายุในเดือนกันยายน 2565 ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตบัตรสวัสดิการใหม่ ประมาณ 1,258 ล้านบาท อีกทั้ง ลดปัญหาเรื่องการสวมสิทธิบัตรประจำตัวประชาชนหรือการนำบัตรประจำตัวประชาชนของบุคคลอื่นไปใช้ สิทธิแทน และช่วยลดการทุจริต เช่น กรณีร้านค้าเก็บบัตรสวัสดิการไว้เอง

“โฆษกรัฐบาลฯ” ฟุ้ง ปชช.หนุน ”บิ๊กตู่” โว ผลงานชัด-ซื่อสัตย์สุจริต เหน็บ พท.อย่าเพิ่งตีปีก ย้อน ลต.เขตเดียวไม่ใช่สนามใหญ่ 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถนำพาประชาชนออกจากวิกฤตได้ ทางที่ดีที่สุดคือคืนอำนาจให้ประชาชน และการยุบสภาฯ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ว่า ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้หวงอำนาจ และเข้ามาบริหารประเทศตามมติของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นตัวแทนประชาชน เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมอำนาจย่อมกลับคืนสู่ประชาชน และไม่แน่ใจว่าฝ่ายค้านต้องการให้รัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชนหรืออยากให้คืนอำนาจให้ฝ่ายค้าน กลับมามีโอกาสเป็นรัฐบาลอีกครั้งกันแน่ ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าประชาชนยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เพราะมีผลงานที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม จับต้องได้ ที่สำคัญคือ มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เด็ดขาดกับการทุจริตคอรัปชั่น ไม่เหมือนรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา แม้การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.ครั้งล่าสุดพรรคเพื่อไทย จะได้รับชัยชนะแต่อย่าเพิ่งดีใจ เพราะเป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อมเพียงเขตเดียว ไม่ได้ส่งผลต่อเสียงของรัฐบาล จึงไม่สามารถนำมาวัดกับการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศในสมัยหน้าได้

“นายกฯ”ปลื้ม ไทยติดอันดับ 26 ประเทศรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ดีที่สุด มั่นใจ เศรษฐกิจฟื้น

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กได้เผยรายงานการจัดอันดับประเทศและเขตเศรษฐกิจที่รับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุด ประจำเดือนม.ค. 2565 โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับประเทศที่สามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีที่สุดเป็นอันดับที่ 26 จากทั้งหมด 53 ประเทศและเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยคะแนนรวม 63.7 คะแนน เพิ่มสูงขึ้นจากเมื่อปี 2563 ถึง 18 ลำดับ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมได้รับทราบการจัดลำดับดังกล่าวและชื่นชมถึงการทำงาน และขอบคุณทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานอย่างหนักจนเห็นผลของความสำเร็จ จากตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีระดับต่ำ และมาตรการควบคุมที่เข้มงวดแต่เปิดให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้จนเห็นแนวทางของการพัฒนาว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น และที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ดูแลตนเอง คนใกล้ชิด และร่วมปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดโดย ศบค. ตลอดมาจนสถานการณ์ในประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้ 

นายธนกร กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเพิ่มขึ้นถึง 18 ลำดับ นับตั้งแต่เดือนเม.ย.พ.ศ. 2564 เนื่องจากสัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชาชน จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น มีการผ่อนคลายมาตรการข้อจำกัด ที่ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างรวดเร็วในปีนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเปิดประเทศและการเปิดรับนักท่องเที่ยวด้วยการใช้มาตรการที่ไม่ต้องกักตัว สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดให้ผู้เดินทาง นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศสามารถลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Test & Go ได้ นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป

“องอาจ” ขอให้ นายกฯ เดินหน้าเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. เดือน พ.ค. ตามไทม์ไลน์

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า ถือเป็นเรื่องดีที่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มีความชัดเจนมากขึ้น จากการที่ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยืนยันว่าต้นเดือน มี.ค. จะนำเรื่องการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เข้าหารือในที่ประชุม ครม. จากนั้นปลายเดือน มี.ค. กกต. น่าจะประกาศให้มีการเลือกตั้ง และคาดว่าจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ได้ในเดือน พ.ค.

การจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ตามนี้หรือไม่ ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับ รมว.มหาดไทย ที่จะเป็นต้นเรื่องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณา จึงขอให้ รมว.มหาดไทย ทำตามที่ประกาศไว้ ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีควรเร่งรัดให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่ประกาศ 

นอกเหนือจากการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แล้ว ครม. ควรมีมติให้เลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) ในวันเดียวกันไปเลย เพราะคน กทม. เสียโอกาสจากการที่มีผู้ว่าฯ กทม. และ สก. ที่แต่งตั้งจาก คสช. มานานมากแล้ว

รัฐบาลมั่นใจเศรษฐกิจโตตามเป้า ท่องเที่ยว ส่งออก การลงทุนต่างชาติ ขยายตัวชัดเจน

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจประเทศไทยปี 2565 จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 4.0 ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 3.5 ถึง 4.5) ตามการคาดการณ์ของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ประเทศและรายได้ครัวเรือน ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้งบประมาณแผ่นดิน 3.1 ล้านล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3.07 แสนล้านบาท และพ.ร.ก.เงินกู้ ควบคู่ไปกับการเติบโตของภาคการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ ที่มีตัวเลขยืนยันเป็นที่ประจักษ์

ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆจะอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและความปลอดภัยทางสาธารณสุข รวมถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจต้องอยู่ภายในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันกำหนด ที่ระดับร้อยละ 1.0-3.0 ต่อปี

 นางสาวรัชดา กล่าวต่อว่า ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ เป็นวันแรกที่จะกลับมาใช้การลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Test & Go ซึ่งน่าจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น เพิ่มรายได้แก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับในภาพรวมทั้งปี2565 ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์โควิด19 ที่ทั่วโลกสามาถบริหารจัดการได้ดี

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศเดินทางจำนวน 160 ล้านคนครั้ง มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1.3 -1.8 ล้านล้านบาท และหากสามารถเปิดด่านค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านได้ในไตรมาสแรกนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 15 ล้านคน

มากไปกว่านั้น ในภาคการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานตัวเลขการส่งออกทั้งปี 2564 ขยายตัวถึง 17.14% สูงสุดในรอบ 11 ปี ทะลุเป้าหมาย คิดเป็นมูลค่ารวม 2.71 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และสำหรับ การส่งออกปี 2565 กระทรวงฯตั้งเป้าไว้ที่ 3-4% หรือมีมูลค่า 2.7-2.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ จากปัจจัยบวกที่เกิดขึ้น ประกอบกับ ประโยชน์ที่ไทยเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ทำให้สินค้าไทยไม่ต้องเผชิญกับกำแพงภาษี ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คาดว่า การส่งออกสินค้าที่ยังเติบโตต่อเนื่อง อาทิ สินค้าเกษตร ผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง สินค้ากลุ่มยาและเวชภัณฑ์ ถุงมือยาง สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร น้ำตาลทราย อาหารเลี้ยงสัตว์ สินค้าอุตสาหกรรม รถยนต์ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อัญมณี คอมพิวเตอร์ และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

ตั้ง ‘แรมโบ้’ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ติดตาม - ตรวจสอบขายสลากเกินราคา

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่ากำหนด 

นายอนุชา กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า คณะกรรมการได้เสนอให้ปรับปรุงกฎหมายควบคุมการค้าสลากเกินราคา โดยพบว่ากฎหมายปัจจุบันที่บังคับใช้มีความล้าสมัย คือ พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ระบุรายละเอียดบทลงโทษผู้จำหน่ายสลากเกินราคา ไม่เกิน 10,000 บาท และมีบทลงโทษผู้จำหน่ายสลากในสถานศึกษา และจำหน่ายให้กับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ 

"แรมโบ้" เห็นด้วย "ซูเปอร์โพล" ปชช.ส่วนใหญ่พอใจการเยือนซาอุฯของ นายกฯ ฟื้นสัมพันธ์-ประเทศได้ประโยชน์ ซัด "ฝ่ายค้าน" สิ่งใดที่ดี ทำเพื่อชาติบ้านเมือง ควรหัดยอมรับบ้าง ไม่ใช่หวังแต่ประโยชน์ส่วนตัว

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เห็นด้วยกับสำนักวิจัยซูเปอร์โพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง ความพอใจหลังฟื้นสัมพันธ์ ไทย ซาอุดีอาระเบีย พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 93.3 รับทราบการทำงานและรับรู้ถึงความพยายามของรัฐบาล ในการรักษาความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคและระดับนานาชาติให้ดีขึ้น และร้อยละ 88.9 พอใจ ต่อการฟื้นสัมพันธ์ไทยกับซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้ร้อยละ 58.2 ประชาชนมองว่าการฟื้นความสัมพันธ์ยังได้ประโยชน์ด้านพลังงานอีกด้วย 

ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศยินดีกับการที่นายกฯได้ไปเยือนซาอุฯในครั้งนี้ และยังเห็นว่าเป็นประโยชน์กับประชาชน และประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านพลังงาน การท่องเที่ยว  ดังนั้นขอให้คนที่เห็นต่างหรือฝ่ายค้านเลิกนำประเด็นการเยือนซาอุฯ ของนายกฯมากล่าวหา โจมตีนายกฯ เพื่อหวังเพียงผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น 

“บิ๊กป้อม” ถก “พีมูฟ” สางปม  15 ข้อเรียกร้อง สั่ง เร่งช่วยเหลือเยียวยาทุกกรณี “โฉนดชุมชน-เร่งกฎหมายคุ้มครองสิทธิ์กลุ่มชาติพันธุ์” ยัน รัฐบาลพร้อมช่วยเหลือเยียวยาทุกกลุ่ม  

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)ครั้งที่1/2565  ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์โดยมีนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายมงคลชัย สมอุดรรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายเลขานุการ ร่วมประชุม 

โดยที่ประชุมรับทราบข้อเรียกร้องต่างของกลุ่มพีมูฟทั้ง 15 กรณี ที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องที่ดินทำกินของชุมชน การเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน วิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง รวมทั้งผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้รับทราบความคืบหน้าการประชุมหารือร่วมกันระหว่างส่วนราชการและขปส.ในการแก้ปัญหาข้อเรียกร้องมาอย่างต่อเนื่อง ที่มีนายอนุชา ประชุมหารือขั้นต้น พร้อมรับทราบการแต่งตั้ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ เป็นในองค์ประกอบคณะกรรมการแก้ไขปัญหา ขปส.

'อนุชา' เผย ถกแก้ 15 ประเด็นปัญหาพีมูฟได้เกือบหมด ยัน เข้าครม.พรุ่งนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) หรือพีมูฟ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับตัวแทนเครือข่ายพีมูฟ ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอรฺเร้นท์ ว่า ตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นข้อเสนอ 15 ข้อ ซึ่งในหลายข้อได้ มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา การประชุมครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ค้างมาเป็นเวลานาน และจะสามารถทำให้รักษาทรัพยากรธรรมชาติให้กับประชาชนได้ เพื่อให้ประชาชนและประโยชน์ของประเทศชาติควบคู่กันไปได้ ด้วยเจตนาดีของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ที่สั่งการมอบหมายให้ตนเป็นผู้ประสาน และดำเนินการแก้ไขเพื่อให้สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

นายอนุชา กล่าวว่า กรณีการแก้ไขปัญหาตามพระราชบัญญัติที่ดินแห่งชาติ ม.10/4 กรณีการจัดสรรที่ดินให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในชุมชนต่างๆ ถือว่ามีเป้าหมายตรงกันในการแก้ไขปัญหา เพื่อดูแลทรัพย์สมบัติแผ่นดิน ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมจะยังคงปักหลักชุมนุมหรือจะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าว เพียงแต่พูดคุยกันถึงกรณีแก้ไขปัญหาร่วมกันเท่านั้น 

ผู้สื่อข่าวถามว่าผลการหารือนี้ จะถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 1กุมภาพันธ์นี้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพยายามเสนอผลการหารือให้ครม.ได้รับทราบถึงการทำงานที่ผ่านมา เมื่อถามย้ำว่าจะนำผลการพูดคุยทั้ง 15 ประเด็นปัญหานี้ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุชา พยักหน้า เป็นการตอบรับ พร้อมกล่าวว่า เพื่อให้ครม.รับทราบ และเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่สามารถแก้ไขได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ส่วนเรื่องใดที่ยังขัดต่อกฎหมายอาจจะต้องมีการแก้ไขกฎหมาย ที่อาจมีขึ้นในอนาคต ส่วนการพิจารณาแก้ไขปัญหา ประเด็นค้าง ก็ต้องดูเป็นประเด็นๆไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top