Sunday, 6 July 2025
POLITICS NEWS

'อนุชา' เผย ถกแก้ 15 ประเด็นปัญหาพีมูฟได้เกือบหมด ยัน เข้าครม.พรุ่งนี้

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) หรือพีมูฟ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับตัวแทนเครือข่ายพีมูฟ ซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอรฺเร้นท์ ว่า ตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมยื่นข้อเสนอ 15 ข้อ ซึ่งในหลายข้อได้ มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา การประชุมครั้งนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ค้างมาเป็นเวลานาน และจะสามารถทำให้รักษาทรัพยากรธรรมชาติให้กับประชาชนได้ เพื่อให้ประชาชนและประโยชน์ของประเทศชาติควบคู่กันไปได้ ด้วยเจตนาดีของนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี ที่สั่งการมอบหมายให้ตนเป็นผู้ประสาน และดำเนินการแก้ไขเพื่อให้สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

นายอนุชา กล่าวว่า กรณีการแก้ไขปัญหาตามพระราชบัญญัติที่ดินแห่งชาติ ม.10/4 กรณีการจัดสรรที่ดินให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ ที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนในชุมชนต่างๆ ถือว่ามีเป้าหมายตรงกันในการแก้ไขปัญหา เพื่อดูแลทรัพย์สมบัติแผ่นดิน ต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมจะยังคงปักหลักชุมนุมหรือจะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือไม่นั้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าว เพียงแต่พูดคุยกันถึงกรณีแก้ไขปัญหาร่วมกันเท่านั้น 

ผู้สื่อข่าวถามว่าผลการหารือนี้ จะถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 1กุมภาพันธ์นี้หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพยายามเสนอผลการหารือให้ครม.ได้รับทราบถึงการทำงานที่ผ่านมา เมื่อถามย้ำว่าจะนำผลการพูดคุยทั้ง 15 ประเด็นปัญหานี้ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุชา พยักหน้า เป็นการตอบรับ พร้อมกล่าวว่า เพื่อให้ครม.รับทราบ และเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่สามารถแก้ไขได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ส่วนเรื่องใดที่ยังขัดต่อกฎหมายอาจจะต้องมีการแก้ไขกฎหมาย ที่อาจมีขึ้นในอนาคต ส่วนการพิจารณาแก้ไขปัญหา ประเด็นค้าง ก็ต้องดูเป็นประเด็นๆไป

“บิ๊กตู่” ชื่นชม พม.  เดินหน้าดูแลผู้พิการตามนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตั้งเป้าปี 65  ปฏิรูปงานด้านคนพิการ จัดครอบครัวอุปการะดูแลผู้พิการขาดคนดูแล ชี้พบมากขึ้นจากเหตุโควิด

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รายงานต่อนายกรัฐมนตรีถึงการขับเคลื่อนการดูแลกลุ่มคนพิการ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังของรัฐบาล โดยกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ได้ตั้งเป้าให้ปี 2565 นี้ เป็นปีแห่งการปฏิรูปงานด้านคนพิการ ตั้งแต่การค้นหาคนพิการเชิงรุกตามชุมชน นำผู้ตกหล่นมาขึ้นทะเบียนคนพิการ เพื่อรับสิทธิ สวัสดิการ และการคุ้มครองต่างๆ   ขยายพื้นที่โรงพยาบาลให้สามารถตรวจรับรอง และออกบัตรคนพิการจบในที่เดียวครบทั้ง 77 จังหวัด ภายในเดือนสิงหาคม 2566 จากปัจจุบันที่ทำได้แล้วใน 40 จังหวัด

ที่สำคัญ คือ เตรียมแก้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยจะปรับเกณฑ์พิจารณาการออกบัตรคนพิการให้ชัดเจนและง่ายขึ้น ขณะเดียวกันจะปฏิรูปบัตรคนพิการ ให้เป็นบัตรคนพิการดิจิทัลผ่านแอพพลิเคชั่น บัตรคนพิการ-PWD ซึ่งสามารถใช้แทนบัตรคนพิการได้เลย ภายในบัตรระบุข้อมูลสิทธิและสวัสดิการที่ได้ เชื่อมโยงข้อมูลกับตลาดงานคนพิการ กู้ยืมเงินออนไลน์ ตลอดจนมีการชี้เป้าหน่วยงานช่วยเหลือคนพิการที่ใกล้ที่สุดผ่านกูเกิ้ลแมป แต่ส่วนคนพิการที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ยังสามารถใช้บัตรคนพิการได้ปกติ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยิ่งไปกว่านั้น กระทรวง พม. จะมุ่งฝึกอาชีพใหม่ และอาชีพเก่าที่ยั่งยืนสำหรับผู้พิการ  ซึ่งเป็นล้วนเป็นอาชีพที่เคลื่อนไหวออกจากที่พักอาศัยน้อย เช่น อาชีพที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี วิเคราะห์และจัดการข้อมูล ขายของออนไลน์ เกษตรกรรม เป็นต้น  โดยเป็นความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชนอย่างครบวงจร ตั้งแต่สนับสนุนองค์ความรู้ สร้างมูลค่าเพิ่มและคุณค่าให้ผลิตภัณฑ์ เพิ่มช่องทางตลาด ทั้งนี้ เพื่อให้คนพิการสามารถพึ่งพิงตัวเองได้ จากการมีอาชีพและรายได้ และสามารถเป็นที่พึ่งแก่ครอบครัวต่อไป สำหรับการดูแลผู้พิการที่ขาดคนดูแล เนื่องด้วยผู้ดูแลเสียชีวิต และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 พบว่ามีผู้ดูแลผู้พิการเสียชีวิตจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้พิการเดือดร้อนมากขึ้นอีก

'จาตุรนต์' วิเคราะห์ ประชาชนไม่เอาประยุทธ์อีกต่อไป!! หลัง พปชร. พ่ายศึกเลือกตั้งซ่อม

ไม่เอาประยุทธ์อีกต่อไป!!

ผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กรุงเทพ เขต 9 (หลักสี่-จตุจักร) เมื่อ 30 ม.ค. 2565 นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเพื่อไทย ได้รับชัยชนะไปในสนามนี้นั้น ล่าสุด นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรคเพื่อไทย ก็ได้วิเคราะห์ผลการเลือกตั้งสรุปได้ว่า... 

“ความนิยมของประชาชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตกต่ำอย่างมาก”

นายจาตุรนต์ ระบุอีกว่า ยินดีกับนายสุรชาติ เทียนทองที่ได้รับชัยชนะท่วมท้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ยินดีที่ผู้สมัครพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงมากทีเดียว

"การที่พปชร.คะแนนน้อยสุดๆ ส่งสัญญาณว่าความนิยมต่อพปชร. และประยุทธ์ตกต่ำลงอย่างมาก ประยุทธ์จะอยู่ได้ไม่นานและยากที่จะกลับมาอีก...ประชาชนไม่เอาแล้ว!!!"

'เลขาฯสมช.' เผย 'บิ๊กตู่' สั่งคุมราคาเอทีเค  ย้ำ อย่าให้ปชช.เดือดร้อน จ่อ ปรับมาตการในโรงเรียน ยัน ให้ทุกคนปลอดภัย 

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุม ศปก.ศบค. ว่า ที่ประชุมหารือ 3 ประเด็นหลัก คือกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข สปสช. และกระทรวงพาณิชย์ ไปจัดระเบียบแนวทางการตรวจเอทีเค โดยเฉพาะหามาตรการช่วย อย่าให้ประชาชนเดือดร้อนในเรื่องของราคา ส่วนการกำจัดขยะชุดตรวจเอทีเคนั้น ทางกระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการอยู่แล้วตั้งแต่ต้น แต่ไม่ค่อยมีการประชาสัมพันธ์อย่างแพร่หลาย จากนี้จะมีการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม ส่วนรายละเอียดต้องให้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจง 

พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า สองเรื่องการเรียนการสอน เนื่องจากนายกฯเป็นห่วงนักเรียนจึงมอบให้กระทรวงทหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และ กทม. ไปพูดคุยหารือรายละเอียดมาตรการที่จะต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาให้โรงเรียนสามารถเปิดการศึกษาได้อย่างปลอดภัยภายใต้มาตรการสาธารณสุขที่มีการปรับปรุงอยู่ตลอด ส่วนกรณีโรงเรียนที่จังหวัดราชบุรีที่มีการติดโควิดจำนวนมากนั้น กระทรวงศึกษาต้องดูให้สอดคล้องกับพื้นที่ระหว่างสถานการณ์กับปัจจัยอื่นๆ โดยเฉพาะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมาตรการหลักอย่างแน่นอน โดยขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกำลังพูดคุยกัน จึงยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ และเรื่องที่สามคือ เทสแอนด์โก ที่จะเปิดรับลงทะเบียนอีกครั้งวันที่ 1 ก.พ. 

'กนก' ลั่น!! พี่ใหญ่ต้องรู้สึก ครึ่งเดือนพ่าย 3 หน ชี้!! ทุกหนลงไปช่วยหาเสียง แต่ไร้พลัง!! 

วันที่ 31 มกราคม 2565 นายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรรายการข่าวชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Kanok Ratwongsakul Fan Page ระบุว่า... 

พี่ใหญ่ต้องรู้สึก! ครึ่งเดือนพ่าย 3 หน ทุกหนลงไปช่วยหาเสียง แต่ไร้พลังด้วยแป้งเอฟเฟกต์ ไปร่วมเล่นละครกับหอกข้างแคร่ แฟนคลับลงโทษ ถูกต้อนเข้ามุมอับแล้วลุง


ที่มา : https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=493796862115165&id=100044545655669
https://www.naewna.com/politic/632204
 

'พล.ท.นันทเดช'​ เตือน!! ปัญหาธรรมดาที่รัฐมักปล่อย สะท้อนผ่าน​ ' ความพ่ายแพ้'​ เลือกตั้งซ่อมหลักสี่แล้ว

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ศรภ. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ระบุว่า... 

รัฐบาลได้รับการสั่งสอนเป็นครั้งที่​ 3

ประสิทธิภาพของรัฐบาล ในการตอบสนอง
ความสุขให้กับประชาชนนั้น แม้ว่ารัฐบาลจะขับเคลื่อนประเทศได้ดีขนาดไหนก็ตาม เช่น สร้างรถไฟฟ้า 10 สาย / ต่อสู้ชนะโรคโควิด / การจัดนิคมอุตสาหกรรม ฯลฯ

แต่ความสุข ของคนไทยส่วนใหญ่ ซึ่งอยู่ในมือของคนชั้นกลางนั้น... 

ด้านหนึ่งก็ชื่นชมต่องานที่รัฐบาลทำขึ้นมา 
อีกด้านหนึ่งก็ต้องการความสงบของบ้านเมือง รวมทั้งความทัดเทียมทางกฎหมาย 

ดังนั้นรัฐบาล​ ซึ่งทำงานแทบตาย ก็จะสะดุดขาตัวเองเป็นระยะๆ จากปัญหาธรรมดาๆ​ ที่น่าจะแก้ไขได้ง่ายๆ 

ถ้าเอาใจใส่ซะหน่อย อย่าไปคิดว่าประชาชน
จะลืมอะไรง่ายๆ พวกเขาไม่ลืม เพียงแต่จริงๆ แล้วพวกเค้าก็ยังต้องการรัฐบาลอยู่

จึงอยากขอเตือนรัฐบาลให้ระวังเรื่องแบบนี้หน่อยครับ

เรื่องแบบไหนล่ะ ก็เรื่องที่แก้ได้ง่ายๆ​ นะซิครับ

1.) การดำเนินคดีต่อตำรวจขับรถจักรยานยนต์หรูชนหมอต่ายจนเสียชีวิต​ ซึ่งดูกระบวนการจัดการช้าไม่ทันใจประชาชน

2.) สินค้าราคาแพง ทั้งๆ ที่มีเหตุการณ์เตือนมาแล้วเป็นระยะๆ​ แล้ว​

3.) การบุกรุกพื้นที่ป่า ของครอบครัว คุณธนาธร ซึ่งเรื่องไปค้างอยู่ที่กรมที่ดิน มาปีหนึ่งแล้ว

4.) แท็กซี่ราคาโหดที่ภูเก็ต นักท่องเที่ยวเรียก Grab ราคา​ 180 บาท...Grab พอรู้พื้นที่ไม่กล้ามารับ เลยไปเรียกแท็กซี่...แท็กซี่ เรียกราคา 600 บาท ราคามันต่างกันมากก็เลยทะเลาะกัน...แท็กซี่ท้าให้เรียกตำรวจ ตำรวจมาก็ทำอะไรไม่ได้

5.​) ความขัดแย้งในพรรคหลักของรัฐบาล

6.​) เรื่องการลดโทษนักโทษการเมือง ที่ทำการทุจริต

ฯลฯ

'พรรคกล้า'​ ปลื้ม!! แม้เป็นพรรคใหม่ แต่กระแสดีขึ้นเรื่อยๆ เผยผลรอบนี้​ ชี้!! 'การเมืองไม่เหมือนเดิม'​ อีกต่อไป

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า พร้อมด้วยนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ เบอร์ 2 แถลงหลังทราบผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ โดยนายกรณ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ได้คะแนนอันดับ 1 โดยหวังว่าจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส. พร้อมกันนี้ยังกล่าวในฐานะหัวหน้าพรรค ขอบคุณจากใจกับทุกคะแนนที่มอบให้นายอรรถวิชช์ และได้กำลังใจจากคะแนนเสียงที่ได้มา ขอบคุณทีมงาน สมาชิก ผู้สนับสนุนพรรคกล้าทุกคน เพราะเราทุ่มเทกันสุดตัว แน่นอนที่สุดเราไม่ชนะ เราก็รู้สึกผิดหวัง เพราะทุกครั้งที่ลงเลือกตั้ง เราก็ตั้งใจที่จะชนะเพื่อที่จะสามารถเข้าไปทำหน้าที่ในสภาได้ 

พรรคเราเป็นพรรคใหม่ เราพูดแต่แรกว่าเราเป็นพรรคสตาร์ตอัป ซึ่งความหมายคือ รุกแรงทุกครั้ง รุกเร็วทุกครั้ง เรียนรู้และปรับตัว ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกัน เรามีบทเรียนและประสบการณ์จากการลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ที่ทำให้เรามีกำลังใจว่าเรามาถูกทางแล้วในการนำเสนอการเมืองคุณภาพที่ชัดเจนที่สุดของการเลือกตั้งครั้งนี้ คือพี่น้องประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการเห็นการเมืองที่มีคุณภาพ ต้องการเห็นการเมืองที่ดีขึ้น ต้องการเห็นผู้มีอำนาจตอบโจทย์การแก้ปัญหาและใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้น สัญญาณที่ชัดเจนของพี่น้องประชาชนคือความต้องการเปลี่ยนแปลง 

“พรรคกล้าเราถือว่าเรามาถูกทางในการนำเสนอการเมืองคุณภาพ การเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อที่จะเป็นการเมืองที่จะสามารถสร้างโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนได้ สร้างโอกาสให้กับประเทศชาติได้ ขอกราบพระคุณทุกท่านที่ให้คะแนนกับเรา” นายกรณ์ กล่าว

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวขอบคุณทุกคะแนนจากหัวใจ พร้อมแจ้งข่าวดีให้ชาวพรรคกล้าทราบว่า ฐานเสียงเดิมของพรรคกล้าที่เขตจตุจักร มาเป็นอันดับ 1 แน่นอนคุณสุรชาติ เป็นแชมป์เก่าอยู่ที่หลักสี่อยู่แล้ว จึงชนะในเขตหลักสี่ไป แต่จตุจักรเรายังรักษาตำแหน่งที่ 1 ของเราได้ เป็นเรื่องที่ดี ที่สำคัญ การเลือกตั้งคราวนี้ คะแนนทางการยังไม่สรุปว่าเราเป็นที่ 2 หรือ 3 แต่เราก้าวไปเป็นพรรคการเมืองในระดับที่มีคะแนนเทียบกับพรรคก้าวไกลที่มี ส.ส. ในสภา 50 คนแล้ว และถ้าการเมืองคุณภาพที่เราอยากเห็น เราเห็นชัดเจนว่าการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้วในกรุงเทพมหานคร ผลจะเริ่มสะท้อนชัดเจนว่าการทำการเมืองในวิถีแบบใหม่แบบที่พรรคกล้าเป็น ทำให้พรรคเราขึ้นมายืนได้ขนาดนี้ เลือกตั้งเที่ยวหน้าการเมืองคุณภาพแนวนี้ มันจะเป็นเทรนด์การเมืองใหม่ที่หลายพรรคจะต้องเดินตาม และนี่เป็นความภูมิใจ ที่เราสู้มาตลอดเวลา 30 วันนี้

นายอรรถวิชช์ยังกล่าวถึงการประเมินคะแนนเสียงเบื้องต้น นอกจากฐานเสียงเดิมที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ หรือความเป็นพรรคกล้าที่แจ้งเกิดได้ ว่า ปัญหาตอนนี้ ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเฉพาะเขต ตอนนี้มีการเปลี่ยนตัวหน่วยในหลายจุด ทำให้การสัญจรไปมาลำบาก คาดว่าอยู่ 30% ของผู้มาใช้สิทธิ์ แต่หลักสี่มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนมาก ขณะที่จตุจักรน้อยมากบางหน่วยเงียบเหงา ต้องฝากทางกรุงเทพมหานครต้องกระจายข่าวสารให้ทั่วถึงมากขึ้น และถือว่าพรรคกล้าแจ้งเกิดทางการเมืองในกรุงเทพมหานคร เห็นได้ชัดว่าการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้ว การเมืองคุณภาพ การนำเสนอแบบนี้มีโอกาส ตราบใดที่ไม่เสนอการเมืองแบบแบ่งค่าย แต่เป็นการบอกว่าแนวคุณภาพคืออะไรมันไปได้ 

'พิธา' กร้าว!! เลิกจี้​ 'ก้าวไกล-ทหาร'​ ปฏิปักษ์กัน หลังคะแนนเสียงจากค่ายทหารเทให้มากกว่าเดิม

'ก้าวไกล'​ แถลงยินดี 'สุรชาติ'​ ขอบคุณทุกคะแนนเสียงจากประชาชน "กรุณพล" ลุยต่อ-มั่นใจเลือกตั้งใหญ่ได้ ส.ส. ด้าน 'พิธา'​ เผยเปอร์เซ็นต์คะแนนดีขึ้น-ชนะเพิ่มในค่ายทหาร 

พรรคก้าวไกล แถลงข่าวผลการเลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค, พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค และกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม เขตจุตจักร-หลักสี่ เบอร์ 6 โดยมี ส.ส. พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. และทีมอาสาสมัครสังเกตการณ์เลือกตั้งของพรรค ร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก 

พิธา กล่าวว่า ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับคุณสุรชาติ เทียนทอง และพรรคเพื่อไทย รวมถึงยินดีกับพี่น้องจตุจักร-หลักสี่ ที่จะได้คุณสุรชาติเข้าไปทำงาน ในส่วนพรรคก้าวไกล ต้องขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้​ 'เพชร กรุณพล'​ และพรรคก้าวไกล แม้เรายังไม่ได้เป็นผู้ชนะ แต่ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว และผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการยืนยันว่าการมีอยู่ของพรรคก้าวไกล การมีอยู่ของนักการเมืองแบบนี้ เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ และเมื่อดูจากเปอร์เซ็นต์คะแนนเสียงที่ได้รับ ในการเลือกตั้งปี 2562 เราได้ 20 เปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้ได้ 24 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าครั้งที่แล้ว ขอบคุณพี่น้องทุกคนที่ให้ความไว้วางใจ 

"นอกจากนี้ นโยบายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ก็ถือว่าเป็นที่ตอบรับดีมาก เพราะคะแนนเสียงจากในค่ายทหารในสมัยอนาคตใหม่เราได้ 26 เปอร์เซ็นต์ ครั้งนี้เพิ่มเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ นั่นแสดงให้เห็นว่า พี่น้องทหารเห็นด้วยกับสิ่งที่เราจะทำให้กองทัพทันสมัย เป็นทหารมืออาชีพ ชีวิตของทหารชั้นผู้น้อยดีขึ้น ชัดเจนว่า นโยบายปฏิรูปกองทัพที่เรานำเสนอดีขึ้นและดีขึ้นเรื่อยๆ แม้จะมีใครพยายามสร้างภาพว่าพรรคก้าวไกลกับทหารเป็นปฏิปักษ์กัน คิดว่าเลิกพูดแบบนั้นได้แล้ว เพราะแท้จริงเราพยายามทำให้ทหารมีสวัสดิการสวัสดิภาพที่ดีอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ทั้งนี้ เราตั้งใจที่จะทำงานอย่างมุ่งมั่นต่อไปสำหรับการเลือกตั้งใหญ่ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงประเทศนี้" พิธา กล่าว 

พรุ่งนี้ เปิดลงทะเบียน Test & Go อีกครั้ง! นายกฯ กำชับ ทุกหน่วยงานเข้มแข็ง รัดกุม พร้อมต่อยอด ท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ให้ประเทศ 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายให้เดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับมาตรการด้านสาธารณสุขที่รัดกุม เพื่อให้ประชาชนในหลายๆ สาขาอาชีพ มีงาน มีรายได้ เพื่อตนเองและครอบครัว แต่ไม่ขัดต่อสถานการณ์การควบคุมโรคโควิด -19 ของทั่วโลก จึงได้วางนโยบายกำหนดให้ประเทศไทยเริ่มให้ผู้เดินทางจากทุกประเทศทั่วโลกลงทะเบียน เพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยโดยระบบ Test & Go ได้อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายขายรับแนวทางการดำเนินนโยบายของนายกรัฐมนตรี ยืนยันพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศอย่างเต็มที่ภายใต้มาตรการสาธารณสุขขั้นสูงสุด

นายธนกร กล่าวว่า สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งถือเป็นด่านหน้าต้อนรับนักท่องเที่ยว ได้มีการเตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสารที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ภายใต้มาตรการคัดกรองที่เข้มงวด และตามแนวทางโควิดฟรีเซ็ตติ้ง โดยได้บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซี่งในขณะเดียวกระทรวงสาธารณสุขได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ปรับมาตรการเพิ่มเติมด้านสาธารณสุข รวมทั้ง ได้มีการเตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอนาคต

นายธนกร กล่าวว่า ในด้านการท่องเที่ยว ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยประมาณ 2-3 แสนคน ใกล้เคียงกับเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือนมีนาคม ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ดำเนินนโยบายชู Soft Power ของไทย ในการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยให้โดดเด่น ให้เป็นส่วนช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมทั้ง นอกเหนือจากการท่องเที่ยว ไทยมี Soft Power ที่โดดเด่นในอีกหลายด้าน ได้แก่ กีฬา อาหาร ภาพยนตร์ ดนตรี เพลง การแสดง และศิลปะ ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และให้เป็นที่รู้จักและเผยแพร่ในระดับโลก ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยแล้วนั้น soft power ดังกล่าวยังจะช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกด้วย

นายธนกร กล่าวว่า หนังสือพิมพ์ Washington Post ยังได้เปิดเผยว่า ประเทศไทย คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมสําหรับการเดินทางในปี 2022 ของชาวอเมริกัน เมื่อสถานการณ์โควิด-19 เริ่มกลับมาดีขึ้นในหลายประเทศ แม้ในช่วงหลังมานี้ชาวอเมริกันให้ความสนใจภูมิภาคเอเชียน้อยลง แต่ประเทศไทยถือเป็นข้อยกเว้น ชาวอเมริกันยังมีความต้องการที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น โดยส่วนใหญ่มีความสนใจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่มาพร้อมกับกิจกรรม อาทิ การฝึกโยคะ และมวยไทย 

 

 "บิ๊กตู่" ติดตามการฉีดวัคซีนเด็ก ขณะที่ ศธ. และ สธ. จะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้เด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งไทยสามารถรับมือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ดีขึ้นจนเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ และสัดส่วนการฉีดวัคซีนของประชากรก็เพิ่มขึ้น  ขณะนี้ ไทยยังมีความพร้อมฉีดวัคซีนไฟเซอร์  สำหรับเด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี ในประเทศไทย โดยล็อตแรกได้มาถึงประเทศไทยแล้ว เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2565 ทั้งนี้  กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารสุขจะดำเนินการให้การบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี หรือ 11 ปี 11 เดือน 29 วัน คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ และเข็มที่ 2 จะฉีดในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นไป

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวว่า   นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงนักเรียนและเด็กเล็ก กำชับการควบคุมการแพร่ระบาดในสถานศึกษา ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่ม อาทิ การจัดแข่งขันกีฬา ปัจฉิมนิเทศ มีการรับประทานอาหารร่วมกันในลักษณะเดียวกับคลัสเตอร์งานเลี้ยงอื่น ๆ จึงกำชับให้ทุกสถานศึกษาปฏิบัติมาตรการสถานศึกษาปลอดโควิด – 19 ประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม  และ 7 มาตรการเข้มงวด   ได้แก่ การเว้นระยะห่าง การสวมหน้ากากอนามัย การคัดกรองวัดไข้ การลดการแออัด และการทำความสะอาด

6 มาตรการเสริม ได้แก่ การดูแลตนเอง การใช้ช้อนกลางส่วนตัว การกินอาหารปรุงสุกใหม่ การลงทะเบียนเข้าออก การสำรวจตรวจสอบด้วยแบบสอบถาม และการกักกันตัวเอง และ 7 มาตรการเข้มงวด ได้แก่ ประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop Covid Plus และรายงานผลอย่างต่อเนื่อง การทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย (Small Bubble) รวมทั้งเตรียมแผนเผชิญเหตุซักซ้อมเพื่อรองรับสถานการณ์  ในกรณีพบผู้ติดเชื้อสามารถจัดให้มีระบบ School Isolation และดูแลการเดินทางของนักเรียนในรูปแบบ Seal Route เพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียน ครูและบุคคลากรในโรงเรียนทุกคนด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top