Saturday, 15 March 2025
POLITICS NEWS

นายกฯ ใช้ AI พูดภาษาจีน สร้างความเชื่อมั่น นทท. จีน เที่ยวไทยปลอดภัย ต้อนรับตรุษจีน

นายกฯ สื่อสารภาษาจีนผ่าน AI สร้างความเข้าใจ และเชื่อมั่นในความปลอดภัยของ นนท.จีนในไทย

(22 ม.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สื่อสารถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่าน ‘เทคโนโลยี AI’ ที่ช่วยแปลภาษาจากไทยเป็นจีน เพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนถึงความปลอดภัยของการท่องเที่ยวในประเทศไทย

โดยรัฐบาลได้เดินหน้ายกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการเดินทางเข้าประเทศไทย และพัฒนาระบบให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนทุกท่าน พร้อมเชิญชวนพี่น้องชาวจีนเดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนที่จะมาถึงนี้และในโอกาสที่ปีนี้ครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 50 ปี ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศไทย

เลขา กกต. แจงปมจัดเลือกตั้ง อบจ. วันเสาร์ที่ 1 ก.พ. 68 อ้างต้องทำให้เสร็จภายใน 45 วัน ทั้งที่ 2 ก.พ. ยังอยู่ในกรอบเวลา

(21 ม.ค. 68) ขอเหตุผลที่ดีของ กกต.ในการจัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์

ที่ประชุมวุฒิสภาสอบถามสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ว่า ทำไมจัดการเลือกตั้งนายกฯอบจ.และ ส.อบจ.วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ มั้ง ๆ ที่ก่อนหน้ามีการคาดการณ์กันว่า น่าจะเลือกตั้งวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ และที่ผ่านมาก็จัดเลือกตั้งวันอาทิตย์มาโดยตลอดหลายสิบปีมาแล้ว ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร

ตามกฎหมายเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นกำหนดไว้ว่า ถ้าลาออก หรือพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุใดก็ตามเว้นหมดวาระ ให้เลือกตั้งใน 60 วัน

แต่ถ้าอยู่จนครบวาระ จะต้องเลือกตั้งใน 45 วัน นายกฯอบจ.และ ส.อบจ.ที่กำลังจะเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ คือชุดที่อยู่จนครบวาระ 4 ปี เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา

แสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงาน กกต.อธิบายต่อที่ประชุมวุฒิสภาเพียงสั้นๆว่า

“การเลือกตั้ง 1 ก.พ. นั้น กกต.มีหน้าที่รักษากระบวนการเลือกตั้งให้สำเร็จ หากเกินจากนั้นเวลาที่กฎหมายกำหนด อาจมีคนไปร้องและทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ ดังนั้นต้องรักษากระบวนการการเลือกตั้ง ทั้งนี้ตนเข้าใจคนที่ลงแข่งขันอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม แต่กกต.ต้องรักษาระบบ” นายแสวง ชี้แจง

นายกฯอบจ. และ ส.อบจ.ชุดที่กำลังจะมีการเลือกตั้งใหม่หมดวาระ 19 ธันวาคม นับไป 45 วัน เดือนธันวาคม 11 วัน คือตั้งแต่ 20 ธันวาคม ถึง 31 ธันวาคม เป็น 11 วัน เดือนมกราคม 31 วัน ถ้าเลือกตั้ง 1 กุมภาพันธ์ เท่ากับ 43 วัน ถ้าเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เท่ากับ 44 วัน ยังงัยก็ไม่เกิน 45 วัน

ก็ไม่เข้าใจว่า นายแสวง บุญมี เอาตรรกะอะไรมาอธิบายว่า ต้องรักษากระบวนการเลือกตั้งให้แล้วสำเร็จ คืออะไร หมายถึงอะไร จริงๆ กกต.นอกจากต้องจัดการเลือกตั้งให้สำเร็จแล้ว กกต.ยังมีหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย

แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมา เต็มไปด้วยข้อครหาทุจริตการเลือกตั้ง มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการเลือกตั้งทุกระดับที่ กกต.จัดให้มีการเลือกตั้ง แม้กระทั่งการเลือก สว.ครั้งที่ผ่านมา ยังมีเรื่องร้องเรียน ฟ้องศาลกันเต็มไปหมดเป็น 100 เรื่อง และถึงขั้นมีการเรียกร้องให้ยุบทิ้ง กกต.ก็มี

อยากจะถามไปยังเลขาฯ กกต.และคณะกรรมการการเลือกตั้งว่า การกำหนดวันลงคะแนนเลือกตั้งนายกฯอบจ.และ ส.อบจ.เป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานอะไร เหตุผลที่แท้จริงคืออะไร กลัวคนไปร้องเรียนเรื่องอะไร

ส่วนตัวผมเองฟังแสวงอธิบายต่อ สว.แล้วไม่เข้าใจ เพราะอย่าลืมว่า วันเสาร์ผู้มีสิทธิ์บางคนทำงาน อาจไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อันเป็นการทำให้คนเสียสิทธิ์ ซึ่งเป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย

หาเหตุผลใหม่มาอธิบายเถอะ เหตุผลที่อธิบายสั้นๆ มันฟังไม่ขึ้น อย่าแถไปข้างๆคูๆเลย

เมื่อมีรัฐบาลขายแผ่นดิน - ฝ่ายค้านล้มล้างสถาบัน แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร? อย่าคิดว่าประเทศไทยจะไม่ล้ม

(21 ม.ค. 68) ปีสองปีมานี้ คนไทยจำนวนไม่น้อยหันไปทำอาชีพค้ายาเสพติดกันมากขึ้น ไล่ตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ แบบแอบขายปลีกตามซอกซอย ไปจนถึงนักค้ารายใหญ่ อาชีพรองลงมาก็คือเป็นเจ้ามือหวย มีตั้งแต่หวยเถื่อนปกติที่หนึ่งเดือนมีสองครั้ง กับหวยเถื่อนแบบตั้งวงเล่นในหมู่บ้าน มีให้คนหาเช้ากินค่ำแทงเล่นได้ทุกวันทั้งเช้าและเย็น และส่วนใหญ่ชาวบ้านก็จะหมดตูดกันถ้วนหน้า

รัฐบาลเด็กอมมือนอมินีในสายเลือดของ “นักโทษเทวดา” ก็ยังสนับสนุนให้ประชาชน “รอเงินแจก” เมื่อไร้สมอง และไม่มีวิสัยทัศน์ในการบริหารชาติให้ก้าวหน้าก็กลับมาเล่นแผน “ประชานิยม” ตามสูตรเดิม ส่งเสริมให้คนไทยที่กำลังขี้เกียจให้ขี้เกียจทำงานหนักขึ้นกว่าเก่า 

ยังไม่นับการเดินหน้าสนับสนุนให้มีบ่อน เพื่อตอกย้ำการมอมเมาผู้คนให้สิ้นเนื้อประดาตัวในระยะยาว และที่ชั่วได้คลาสสิคที่สุดก็คือการเอื้อให้เขมรได้อณาเขตทางทะเลไทยไปหากินแบบง่าย ๆ ดีที่ยังมีคนไทยส่วนมากตื่นรู้ กล้าหาญออกมาปกป้องแผ่นดินของเราเอง รัฐบาลที่มีแผลอยู่เต็มตัวจึงไม่กล้าออกอาวุธส่งเดช ทุกอย่างจึงยังไปไม่สุด ก็ต้องจับตากันไปมาแบบไม่กะพริบ 

รัฐบาลไทยยามนี้มีแต่ “ความโลภ” จึงเดินหน้าดึงชาติให้ตกต่ำเพื่อ “ผลประโยชน์” ของตนเองเท่านั้น แทบไม่มีผลงานใดที่จะโชว์ให้สังคมโลกเห็นว่าเป็นความปรารถนาดีต่อคนไทยได้เลย แต่ถึงจะบริหารประเทศได้ย่ำแย่ ตกต่ำกว่าทุกยุคสมัยแค่ไหน แต่ฝ่ายค้านของเราก็ยังนิ่งเฉย ไม่ทุกข์ไม่ร้อน ยังคงวางแผนเดินเกมลับเพื่อล้มสถาบันดังเดิม เพียงแต่หนนี้หันไปเล่นเกมในสภา เพราะถ้าจะหลอกใช้เด็กวัยรุ่นให้ไปติดคุกแทนด้วยการแตะ 112 ด้วยการ “เขียนกำแพงวัดพระแก้ว” อีก แผนชั่วนี้คงใช้ไม่ได้ผล เด็ก ๆ ตื่นจากความโง่จนรู้เท่าทัน “กลลวงของพรรคส้มเน่า” แล้ว การมีพรรคฝ่ายค้านในเวลานี้ก็ไม่ต่างจากการเอาเงินภาษีของประชาชนไปจ่ายให้นักการเมืองที่ไม่ทำหน้าที่ ถ้านำเงินไปเลี้ยงหมาจรจัดตามข้างถนน เรายังจะได้ “ความซื่อสัตย์จากสุนัข” มากกว่า 

ถึงวันนี้ เราจึงมีแต่นักการเมืองโลภ ไร้คุณภาพ และไร้วิสัยทัศน์ จึงยากที่ประเทศไทยจะอยู่อย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ ที่พึ่งสุดท้ายคือประชาชนแบบเรา ๆ ถ้ายังอ่านคนไม่ขาด ดูนักการเมืองไม่ออก ยังคงหลงกลนักการเมืองซ้ำ ๆ เดิม ๆ ก็ตายหมู่แน่นอน 

ปล่อยไว้แบบนี้ อย่าคิดว่าประเทศไทยจะไม่ล้ม 

ช้าหรือเร็ว เท่านั้นเอง

‘นิด้าโพล’ เผยผลสำรวจ!! ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ชาวสงขลา เลือกหนุน ‘สุพิศ’ นั่งนายกฯ อบจ.

เมื่อวานนี้ (19 ม.ค. 68) ‘นิด้าโพล’ ทำการสำรวจความคิดเห็นของชาวสงขลาต่อการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.) ซึ่งมีผู้ลงสมัครมากถึง 9 คน

ผลการสำรวจพบว่า ชาวสงขลา 26.36% เชื่อว่านายสุพิศ พิทักษ์ธรรม จากกลุ่มสงขลาพลังใหม่น่าจะมีโอกาสได้รับเลือก ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่าทุกคน

ตามด้วยนายนิรันดร์ จินดานาค จากพรรคประชาชน 16.44% ซึ่งห่างจากนายสุพิศถึง 10%

นายประสงค์ บริรักษ์ นายกแบน จากทีมสงขลาเข้มแข็ง ได้แค่ 14.13%

ส่วนคนอื่นๆคะแนนอยู่ที่ 1-5% เท่านั้น แต่ยังมีอึก 25.54% ที่ยังไม่ตัดใจว่าจะเลือกใคร

มีเวลาเหลือสำหรับการหาเสียงแค่ 12 วัน เพราะจะมีการหย่อนบัตรลงคะแนนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง กินขนมเชื่อก่อนได้เลยว่า นายสุพิศน่าจะได้รับเลือกให้เป็นนายกฯอบจ.สงขลา เว้นเสียแต่ว่า นายสุพิศสดุดขาตัวเอง ซึ่งในทางการเมืองวันเดียวก็มีโอกาสพลิกได้ ถ้าผิดพลาด กระแสจะไปเร็วมาก

ในสถานการณ์นี้นายสุพิศต้องประคองสถานการณ์ให้ได้ รักษาระดับเอาไว้ และสร้างกระแสดีดตัวเองให้พุ่งนำไว้เรื่อยๆ จนถึงวันหย่อนบัตร ก็เรียก ‘นายกฯสุพิศ’ ไว้ก่อนได้เลย

‘กำนันศักดิ์-เจ้โส’ จะประมาท ‘หมอมุดสัง’ ไม่ได้ ศึกเลือกตั้งนายกฯ อบจ. สมรภูมิเมืองหอยใหญ่

(20 ม.ค. 68) ‘กำนันศักดิ์’ พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี หลังจากทิ้งรวมไทยสร้างชาติก็พาลูกสาว ‘แจง’ อนงค์นาถ จ่าแก้ว อดีตผู้สมัคร สส. สุราษฎร์ธานี มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม ที่มี ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรค มี รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กำกับบทอยู่

กล่าวถึงกำนันศักดิ์ ชาวสุราษฎร์รู้จักกันดี เป็นคนใจถึงพึ่งพาได้ พูดได้ว่าเป็นคนกว้างขวางของจังหวัด มีธุรกิจหลายตัว เช่น ธุรกิจเลี้ยงหอยแครง เขาเติบโตมาจากสายงานท้องที แล้วผันตัวเองมาสู่ท้องถิ่น จนได้เป็นนายกฯ อบจ.สุราษฎร์ และพยายามผลักดันลูกสาวเข้าสู่การเมืองระดับชาติ แต่ยังไม่สำเร็จ

สาเหตุที่กำนันศักดิ์ ตัดสินใจซบพรรคกล้าธรรม เพราะได้รู้จักสนิทสนมกันดีกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา มาตั้งแต่สมัยเป็น รมช.เกษตรฯ ในยุครัฐบาลประยุทธ์

ช่วงปีใหม่ 2567 กำนันศักดิ์ได้เข้าอวยพรปีใหม่ ร.อ.ธรรมนัส ที่กระทรวงเกษตรฯ และอีก 3 เดือนถัดมา กำนันศักดิ์ได้ลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากโสภา กาญจนะ อดีต สส.สุราษฎร์ธานี เปิดตัวลงชิงนายกฯอบจ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเจ้โส ก็คือภรรยาของชุมพล กาญจนะ ที่ยึดหัวหาดพรรครวมไทยสร้างชาติไว้แล้ว กำนันศักดิ์จึงต้องถอยออกไปร่วมงานกับ ร.อ.ธรรมนัส

ที่น่าสนใจ เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2567 ที่ประชุม ครม. ได้แต่งตั้งให้ อนงค์นาถ จ่าแก้ว เป็นเลขานุการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ (นฤมล ภิญโญสินวัฒน์)

ในการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 กำนันศักดิ์กับชุมพล อยู่พรรคเดียวกัน นำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง คว่ำ สส.ประชาธิปัตย์ไปหลายคน แต่เมื่อถึงเวลาเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เมื่อการเจรจาไม่เป็นผลก็เดินหันหลังให้กัน

‘ลูกหมี’ ชุมพล จุลใส อดีต สส. ชุมพร เป็นคนชักชวนกำนันศักดิ์มาร่วมทีมรวมไทยสร้างชาติ แต่ปัจจุบัน ลูกหมี และพรรค รทสช. ประกาศสนับสนุน โสภา กาญจนะ ผู้สมัครนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี

สมรภูมินายก อบจ.เมืองหอยใหญ่ ไม่ใช่แค่เจ้โสกับกำนันศักดิ์เท่านั้น ให้จับตา หมอมุดสัง นายแพทย์จิรชาติ เรืองวัชรินทร์ อดีตนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ที่ลาออกจากราชการมาสมัคร นายกฯอบจ.จากพรรคประชาชน ซึ่งหมอมุดสังเป็นที่รู้จักกันในสังคมคนสุราษฎร์ เมื่อเปิดตัวลงชิงนายกฯอบจ.ก็มีกระแสตอบรับที่ดี กับภาวะที่คนเบื่อการเมืองบ้านใหญ่ การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ คนสุราษฎร์เคย “เปลี่ยน” ด้วยการเลือก ”มนตรี เพ็ชรขุ้ม“ จากนายกฯอบต.มาเป็นนายกฯอบจ.มาแล้ว หลังมนตรีได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ในนามของขาวท้องถิ่น ชื่อเสียงเริ่มปรากฎ ได้แรงบวกจาก วรพจน์ เพ็ชรขุ้ม นักกีฬามวยสากลสมัครเล่นชาวไทย เจ้าของเหรียญเงินในกีฬาโอลิมปิก 2004 ที่ประเทศกรีซ ทำให้มนตรีได้กระแสบวกไปด้วย

1 หรือ 2 วัน ก็ทำให้การเมืองเปลี่ยนได้ ยิ่งมีกระแสต้านการซื้อสิทธิขายเสียงแรง กระแสเต็มรังเพลิง แต่ยิงไม่ออก มันก็ยุ่งอยู่เหมือนกันนะ

‘สุพิศ พิทักษ์ธรรม’ ประกาศ!! ยกระดับ 4 อำเภอชายแดนสงขลา สู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า สร้างรายได้พัฒนาคุณภาพชีวิต

(19 ม.ค. 68) นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม ผู้สมัครนายก อบจ.สงขลา เบอร์ 5 ทีมสงขลาพลังใหม่ ได้จัดปราศรัยเพื่อประชาสัมพันธ์นโยบายขึ้นที่สนามกีฬากลาง อ.นาทวี โดยมีพี่น้องประชาชนจาก 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ จะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย มาร่วมงานอย่างล้นหลาม บรรยากาศเต็มไปด้วยความหวังและพลังจากประชาชนที่รอคอยการเปลี่ยนแปลง

นายสุพิศ ประกาศวิสัยทัศน์ที่จะยกระดับ 4 อำเภอชายแดนให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้า ด้วยการพัฒนาด่านชายแดนไทย-มาเลเซียให้มีความพร้อมครบวงจร ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ และพื้นที่สำหรับการค้าขายระหว่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังมีแผนสนับสนุนการพัฒนาอาชีพให้ประชาชนในพื้นที่ โดยเน้นการเพิ่มมูลค่าให้กับเกษตรกรรม เช่น ส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่นาร้าง ผลักดันทุเรียน ให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ของจังหวัดสงขลา พร้อมนำเทคโนโลยีมาดูแลความปลอดภัยของประชาชน

ทั้งนี้ สุพิศ เน้นย้ำว่า การสนับสนุนด้านการเกษตรจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของพื้นที่ชายแดน

ศักยภาพของ 4 อำเภอชายแดน

อ.จะนะ

เป็นศูนย์กลางการค้าขายและเส้นทางคมนาคมสำคัญระหว่างสงขลา-ปัตตานี อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมสถานศึกษาด้านศาสนา และสถานที่จัดการแข่งขันนกเขาชวาเสียงระดับอาเซียน

อ.เทพา

มีความโดดเด่นจากเส้นทางรถไฟที่เชื่อมโยงพื้นที่ชายแดน และชื่อเสียงของ ‘ไก่ทอดเทพา’ ที่กลายเป็นสินค้าอาหารระดับประเทศ

อ.นาทวี

ด่านชายแดนไทย-มาเลเซีย (ด่านบ้านประกอบ)แห่งใหม่ที่มีศักยภาพสูงในอนาคต อุดมด้วยผลไม้พื้นเมือง และยังเป็นแหล่งประวัติศาสตร์สำคัญ เช่น อุโมงค์เขาน้ำค้าง

อ.สะบ้าย้อย

พื้นที่ต้นกำเนิดกาแฟโรบัสต้าชั้นเยี่ยม และบ้านเกิดของ ‘ทุเรียนฟอสซิล’ พันธุ์ใหม่ที่สร้างชื่อเสียงในระดับประเทศ

นายสุพิศ ได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะในมิติของการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างคนในพื้นที่อย่างแข็งแกร่ง โดยย้ำว่า 4 อำเภอชายแดนของสงขลามีศักยภาพที่พร้อมจะเติบโต หากได้รับการสนับสนุนด้านนโยบายและโครงสร้างที่เหมาะสม ทีมสงขลาพลังใหม่มุ่งมั่นที่จะผลักดันให้พื้นที่ชายแดนแห่งนี้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ การค้า และเกษตรกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับประชาชนทุกคนในจังหวัดสงขลา

‘ทักษิณ’ ลุยหาเสียง!! นครพนม ห่มพระธาตุ!! เอาฤกษ์เอาชัย

(18 ม.ค. 68) เมื่อเวลา 08.10 น. ที่สนามบินสกลนคร จ.สกลนคร นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว เดินทางมาถึงก่อนเดินทางต่อมายังจ.นครพนม เพื่อช่วยนายอนุชิต หงษาดี ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครพนม พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียง โดยมีนายภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ สส.นครพนม พรรค พท. นายพัฒนา สัพโส สส.สกลนคร พรรคพท. และน.ส.จิรัชยา สัพโส สส.สกลนคร มารอให้การต้อนรับ

โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า นาฬิกาที่นายทักษิณใส่วันนี้ ได้ใช้สายซิลิโคนสีส้ม ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของพรรคประชาชน (ปชน.) หลังจากนายทักษิณได้ไปพบนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ที่งานฉลองมงคลสมรสของสส.พรรค พท. กับพรรค ปชน.

จากนั้นเวลา 09.15 น. นายทักษิณเดินทางมายังวัดพระธาตุพนม เพื่อสักการะองค์พระธาตุพนม เอาฤกษ์เอาชัยก่อนเดินสายปราศรัยช่วยนายอนุชิต หาเสียง โดยมีนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และประชาชนชาวนครพนม รอให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น ทันทีที่มาถึงประชาชนที่มารอให้การต้อนรับ ได้คาดผ้าขาวม้าที่เอว รวมถึงคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองให้การต้อนรับนายทักษิณ และนายทักษิณได้เขียนชื่อทักษิณ ชินวัตร ลงบนผ้าห่มพระธาตุ ก่อนที่จะเข้าไปเดินแห่ผ้าห่มพระธาตุพนม 1 รอบ และห่มผ้าพระธาตุพนม ทั้งนี้ มีนางรำชุดพื้นเมืองจากอ.ก้านเหลือง มารำโชว์ โดยใช้ชุดการรำที่เป็นชุดประจำจ.นครพนม จากนั้นนายทักษิณได้เดินทางไปขึ้นเวทีปราศรัยที่โดมวิทยาลัยธาตุพนม

‘เทพไท’ เผยจุดยืน!! ‘อภิสิทธิ์’ หลังกินข้าว สวัสดีปีใหม่ ค้าน!! ‘กาสิโน’ เสียดาย ไร้พรรคหลัก สู้กับระบอบทักษิณ

(18 ม.ค. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กเผยจุดยืนทางการเมืองของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อหาดังนี้  

ได้มีโอกาสนัดเพื่อนๆ รับประทานอาหารเที่ยงกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในโอกาสช่วงปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ได้นำกาแฟเทพไท ไปมอบให้ท่านเป็นของขวัญปีใหม่ด้วย

ในระหว่างรับประทานอาหาร ได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ซึ่งพอจะสรุปจุดยืนของท่านอภิสิทธิ์ได้ดังนี้

1.ไม่สนับสนุนนโยบายสร้างสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment complex)ของรัฐบาล

2.ไม่มีแนวความคิดจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ และไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แม้ว่ามีเสียงสนับสนุน และเรียกร้องให้จัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาต่อสู้ทางการเมืองจำนวนมาก

3.ไม่ขอให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในลักษณะการแถลงข่าว หรือยืนให้สัมภาษณ์ในทุกกรณี

4.ยังรับเชิญเป็นวิทยากรให้กับรายการต่างๆ เพื่อแสดงความเห็นทางการเมือง เพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง

5.ยังรับเชิญเป็นผู้บรรยายพิเศษ ให้กับ สถาบันการศึกษา หน่วยงาน องค์กร และโครงการหลักสูตรพิเศษ ฯลฯ

6.ยังรับเชิญเป็นองค์ปาฐกถา วิทยากร ในการสัมมนา เสวนาทางวิชาการ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา

7.เสียดายโอกาสของฝ่ายต่อต้านระบอบทักษิณ ที่ยังไม่มีพรรคการเมืองหลัก ในการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเข้มแข็ง และเป็นรูปธรรม

8.ยังให้ความสนใจ และติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด

จึงขออนุญาตนำมาเล่าให้กับแฟนคลับของคุณอภิสิทธิ์ และคอการเมืองได้รับทราบถึงความเคลื่อนไหวของคุณอภิสิทธิ์บ้างไม่มากก็น้อย

อบจ.นครศรีฯ ตัดงบ!! อุดหนุน โรงพยาบาล ไม่ผ่านสภา!! ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

(18 ม.ค. 67) ต้องยอมรับความจริงก่อนว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (อบจ.) มีการตัดงบอุดหนุนหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดนครศรีธรรมราชจริง มีการตัดงบอุดหนุนโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ และโรงพยาบาลยุพราช อ.ฉวาง จริง

ไม่ใช่แค่นี้ยังตัดงบอุดหนุนโรงเรียนต่าง ๆ อีกสี่สิบกว่าโรง รวมทั้งหมด 154 โครงการ เป็นวงเงิน 47 ล้านบาท เพื่อนำเงินงบประมาณไปใช้ในการจัดการเลือกตั้ง ส.อบจ.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้

ต้นสายปลายเหตุมาจากการที่ ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’ อดีตนายกฯอบจ.นครศรีฯ ลาออกก่อนหมดวาระ ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งสองครั้ง คือเลือกนายกฯอบจ.ก่อน แล้วมาเลือกตั้ง ส.อบจ.อีกครั้ง ในขณะที่ อบจ.นครศรีฯ ตั้งงบประมาณเพื่อจัดการเลือกตั้งไว้ 86 ล้านบาท ใช้เพื่อเลือกตั้งนายกฯอบจ.ไปแล้ว 74 ล้านบาท เหลืองบเพื่อใช้จัดการเลือกตั้ง ส.อบจ.เพียง 10 กว่าล้านบาท ซึ่งแน่นอนว่า ไม่เพียงพอ อบจ.นครศรีฯจึงต้องจัดหางบเพิ่มเติม เพื่อจัดการเลือกตั้ง ส.อบจ.ให้แล้วเสร็จตามช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด ช่วงเวลาสั้นๆ ง่ายๆ คือการ ‘ตัดงบอุดหนุน’ อันเป็นภารกิจรองของท้องถิ่น

ผู้บริหารท้องถิ่นอย่าง อบจ.นครศรีฯในเวลานั้น เมื่อนายกฯอบจ.ลาออก ปลัด อบจ.ต้องทำหน้าที่แทน จนกว่าจะได้นายกฯคนใหม่ อันเป็นช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับการเตรียมการเลือกตั้ง ส.อบจ. เมื่อได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการแล้ว จึงตัดสินใจหางบประมาณจัดการเลือกตั้งด้วยการตัดงบประมาณอุดหนุนส่วนราชการต่างๆ และเลือกที่จะตัดงบอุดหนุนโรงพยาบาล โรงเรียน จึงทำให้เกิดกระแสดราม่าขึ้น เมื่อ ‘น้ำ-วาริน ชิณวงค์’ นายกฯอบจ.นครศรีฯ เป็นคนลงนามในหนังสือแจ้งการตัดงบประมาณอุดหนุนให้หน่วยงานต่าง ๆ ทราบด้วยตัวเอง ทำให้ตกเป็นเหยื่อ เป็นขี้ปากของฝ่ายตรงข้ามทันที

เราจะลองย้อนหลังไปดูเส้นทางการตัดงบอุดหนุนของ อบจ.นครศรีฯ กันว่า เกิดในช่วงไหนอย่างไร เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

การดำเนินการพิจารณาตัดงบอุดหนุนนี้ได้ดำเนินเสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2567 โดยปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่แทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในขณะนั้น ในระหว่างรอนายกฯคนใหม่

ความจำเป็นในการตัดงบอุดหนุน เนื่องจากข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2568 ได้ตั้งงบประมาณเป็นค่าจัดการเลือกตั้งนายก อบจ. และส.อบจ. ไว้ 86 ล้านบาท 

ภายหลังจัดการเลือกตั้งนายก อบจ. มีงบประมาณคงเหลือประมาณ 10 กว่าล้านบาท ได้จัดทำประมาณการค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งส.อบจ แล้ว ต้องตั้งงบประมาณเพิ่มเติม 47 ล้านบาทเศษ

ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินอุดหนุนของ อปท. พ.ศ.2559 ข้อ 4(3) อปท.ต้องให้ความสำคัญกับโครงการอันเป็นภารกิจหลักตามแผนพัฒนาท้องถิ่นที่จะต้องดำเนินการเอง และสถานะทางการคลังก่อนที่จะพิจารณาให้เงินอุดหนุน

แต่ประเด็นคือ อบจ.นครศรีฯ ภายใต้การบริหารชั่วคราวของ ‘ดุษฎี จันทร์พุ่ม’ เลือกที่จะตัดงบอุดหนุนโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ และโรงพยาบาลยุพราช ฉวาง (คุณภาพชีวิต)รวมถึงงบอุดหนุนโรงเรียน (การศึกษา) เมื่อเลือกตัดงบโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จึงหลีกหนีไม่พ้นการตกเป็นขี้ปากของฝ่ายตรงข้าม เพราะอย่าลืมว่า ฝ่ายตรงข้ามเขาอยู่ร่อนพิบูลย์ ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ สส.ในเขตนั้นจึงฟูมฟายผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ทันที

จริง ๆ อบจ.ยังมีทางเลือกในการตัดงบก้อนอื่น เช่น งบกลาง งบสร้างถนน งบสร้างสะพาน ที่ตอนหาเสียงก็กล่าวหาเขาว่า สร้าง ๆๆๆ สร้างถนนเยอะ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ประเด็นพิจารณา คือ การตัดงบอุดหนุนโดยฝ่ายบริหารนั้น ชอบหรือไม่ อย่าลืมว่า ข้อบัญญัติงบประมาณ ได้รับอนุมัติจากสภา อบจ.การจะเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในข้อบัญญัติ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา.อบจ.ก่อนหรือไม่ ฝ่ายบริหารเปลี่ยนแปลงเอง โดยสภาไม่รับรู้ด้วย ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

การเปลี่ยนแปลงข้อบัญญัติงบประมาณโดยสภาไม่รับรู้ น่าจะเป็นปัญหาต่อไปของ อบจ.นครศรีฯ

‘น้าหงา’ ลุยต้าน!! คัดค้าน ‘กาสิโน’ ชี้!! ตอนหาเสียง ไม่มีนโยบายนี้

(18 ม.ค. 68) สุรชัย จันทิมาธร หรือ ‘หงา คาราวาน’ ศิลปินแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า …

มีสิ่งที่ต้องทำเยอะแยะไปหมด ยังไม่คิดจะทำ

ประเทศชาติบ้านเมืองไม่ได้เรียกร้องให้เปิดบ่อนสักกะหน่อย

ตอนหาเสียงก็ไม่เคยมีนโยบายนี้นะ เห็นแต่ว่ามีเกลียดมีกลิ่นมีสักมีสีมีกะเทียม

ก่อนหน้านี้ ‘สุรชัย จันทิมาธร’ ออกมาคัดค้านการเปิดกาสิโน ตามนโยบาย รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ต้องการออกกฎหมายให้มี 'เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' หรือสถานบันเทิงครบวงจรถูกกฎหมาย

โดย สุรชัย จันทิมาธร ระบุในเฟซบุ๊กว่า …

กาสิโน คือบ่อนการพนัน รัฐบาลเปิดบ่อนกาสิโน ก็เท่ากับว่า รัฐบาลเป็นนักเลงคุมบ่อน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top