Saturday, 22 March 2025
NEWS

“บิ๊กบี้” ปรับการทำงานตามแนวทางป้องกันเชื้อโควิด-19 ตาม “มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล” และ “มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร”

พ.ต.หญิง จุฑาทิพย์ วุฒิรณฤทธิ์ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 33) ที่มีการแนะนำแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อ โดยเพิ่มความระมัดระวังในการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตาม “มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล” (Universal Prevention for COVID-19) รวมถึงให้ปฏิบัติตาม “มาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร” (Covid Free Setting) ตามที่สาธารณสุขกำหนด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่โรคของสถานที่ กิจการหรือกิจกรรมที่ได้อนุญาตให้เปิดดำเนินการได้ โดยเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการบังคับใช้ในอนาคตในการเปิดสถานที่และการดำเนินกิจการและกิจกรรมต่างๆ ให้เป็นไปอย่างปลอดภัย ต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งมาตรการดังกล่าว จะประเมินผล
ภายในหนึ่งเดือน (ภายใน 30 กันยายน 2564)


ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากำลังพลของกองทัพบกได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) เป็นแนวปฏิบัติเพื่อการปรับพฤติกรรมในการป้องกันโรคส่วนบุคคล ยกระดับมาจาก DMHTT ตลอดจนมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติในองค์กรในการเตรียมความพร้อมสู่การกลับใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งการสร้างระบบระบายอากาศที่ดี ถูกสุขลักษณะ สะอาด ปลอดภัย เว้นระยะห่าง รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และมีการ ATK ทุกสัปดาห์ และการตรวจสอบผู้ติดต่อราชการกับกองทัพบกว่ามีการรับวัคซีนครบถ้วนหรือมีผล ATK เป็นลบ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ของโรค 

ซึ่งที่ผ่านมากองทัพบกยังคงสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายสนับสนุนภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ด้วยการจัดชุดตรวจกิจการ/กิจกรรมเพื่อตรวจสอบตามข้อกำหนดฯ ของ ศบค. และจัดตั้งด่านตรวจ/ชุดสายตรวจร่วม เพื่อบังคับใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00 – 04.00 น. ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชนเดินทางต่อเมื่อมีเหตุจําเป็นบริเวณพื้นที่รอยต่อของพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ นอกจากการย้ำเตือนให้กำลังพลของกองทัพบกมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคลขั้นสูงสุดที่ ศบค. กำหนดอย่างเคร่งครัดตลอดจนยึดถือมาตรการปฏิบัติราชการ ณ ที่พักอาศัย (Work From Home) รวมทั้งลดการเดินทางข้ามเขตพื้นที่ควบคุมสุงสุดและเข้มงวดไปยังพื้นที่อื่นในกรณีที่จำเป็นจนถึง 30 กันยายน 2564 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนมาตรการรัฐและลดการแพร่กระจายโรคCOVID-19 อีกทางหนึ่ง
 
ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในการสนับสนุนความช่วยเหลือต่อรัฐบาลและประชาชนให้สามารถผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของCOVID-19 ไปด้วยกันซึ่งต้องอาศัยความเข้มแข็งในการปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด ตลอดจนปฏิบัติตามมาตรการพิทักษ์พลอย่างเคร่งครัด เพื่อความพร้อมในการเข้าช่วยเหลือประชาชนในทุกโอกาส

7 สยาม 7 มหัศจรรย์ เอ่ยถึงทีไร 'ไทย' จะไม่ใช่ 'ไต้หวัน' ในสายตาต่างชาติ

เรื่องมหัศจรรย์ของประเทศไทย ที่ใครเห็นเป็นต้องรู้ว่านี่ คือ 'ประเทศไทย' ที่ล้วนทรง ‘คุณค่าแห่งความเป็นไทย’ แห่งเดียวเท่านั้น!!

ซึ่งทาง THE STATES TIMES ได้รวบรวม 7 ความ Amazing สุดภาคภูมิใจไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว!! เชิญชม!!!

ทบ. นำยุทโธปกรณ์ รุดช่วยประชาชนประสบอุทกภัย พร้อมร่วมกำจัดผักตบชวา เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ

ร.อ.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศในปัจจุบันที่ประเทศไทยเผชิญกับร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคอีสานตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้หลายพื้นที่เกิดฝนตกหนักและตกสะสม ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ โดย พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวและห่วงใยประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ กำชับให้หน่วยทหารทั่วประเทศติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมทั้งด้านกำลังพล เครื่องมือและยุทโธปกรณ์ ประสานร่วมกับทุกภาคส่วนดูแลช่วยเหลือประชาชนในทันทีที่ประสบเหตุ ตลอด 24 ชม. 

ล่าสุดในพื้นที่ จ.ตาก, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, ชลบุรี, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ลพบุรี และ จ.สมุทรปราการ ที่ประสบอุทกภัย ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ไหลเข้าบ้านเรือนประชาชนและเส้นทางจราจรถูกตัดขาด หน่วยทหาร ในพื้นที่ได้จัดกำลังพลจิตอาสาพร้อมยุทโธปกรณ์กองทัพบก อาทิ รถยนต์บรรทุก ขนาด 2 ½ ตัน แบบ 4x4 รุ่น FTS, รถยนต์บรรทุก 2 ½ ตัน 6x6 รุ่น GMC, เรือยางและเรือท้องแบน ที่มีความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับภารกิจในครั้งนี้นอกจากการใช้ทางด้านยุทธวิธี โดยลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน พร้อมประสานทุกภาคส่วนเร่งบรรเทาความเดือดร้อน อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ อย่างดีที่สุด อาทิ การเคลื่อนย้ายผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ประชาชนรวมทั้งสิ่งของต่างๆ ไปยังที่ปลอดภัย, การบรรจุกระสอบทรายทำแนวกั้นน้ำ และการมอบเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของดำรงชีพที่จำเป็นให้กับประชาชนที่ประสบภัย ซึ่งกองทัพบกจะดำรงการปฏิบัติเคียงข้างประชาชน ดูแลฟื้นฟูให้กลับสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว 

นอกจากนี้ กองทัพบกโดย กรมการทหารช่างและหน่วยทหารช่างทั่วประเทศ ได้จัดกำลังพลจิตอาสา พร้อมยุทโธปกรณ์ อาทิ รถปั้นจั่น, รถโกยตัก, เรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ และเรือกำจัดวัชพืช ร่วมกับส่วนราชการและประชาชนในพื้นที่ ดำเนินการพัฒนาขุดลอกคูคลอง กำจัดผักตบชวาและวัชพืช ภายใต้มาตรฐานงานช่าง เพื่อเปิดเส้นทาง เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ สนับสนุนรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและป้องกันปัญหาอุทกภัยอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำให้กำลังพลตระหนักถึงความปลอดภัยจากการปฏิบัติหน้าที่ ปรับรูปแบบภารกิจ การแต่งกายและยุทโธปกรณ์ตามความเหมาะสม สอดคล้องกับสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามมาตรการพิทักษ์พลป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด เพื่อให้ปลอดภัยทั้งกำลังพลและประชาชน ทั้งนี้ หากประชาชนประสบอุบัติภัย สามารถติดต่อหน่วยทหารในพื้นที่ หรือศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก (กทม.) โทร. 02-297-7648-9, ภาคกลาง โทร. 02-280-3977, ภาคอีสาน โทร. 044-255-976, 044-245-0946, ภาคเหนือ โทร. 055-252-859 และภาคใต้ โทร. 075-383-405

ทรัมป์ซัดไบเดน! ทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัยไว้ในอัฟกัน เชื่อจีน-รัสเซียยิ้มร่าเริ่มถอดรหัสก๊อบปี้แล้ว

อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเดินหน้าประณามการถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน และคาดเดาว่าป่านนี้จีนและรัสเซียอาจเริ่มกระบวนการวิศวกรรมย้อนรอย (Reverse Engineering) อาวุธยุทโธปกรณ์ที่กองทัพสหรัฐฯ ทิ้งไว้เบื้องหลังกันแล้ว

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับพิธีกร ชารีล แอทคิสสัน ในรายการ "Full Measure" ที่ออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ (12 ก.ย.) ทรัมป์ประณามการถอนกกำลังอีกครั้งด้วยถ้อยคำรุนแรง ว่า "ไร้ความสามารถ" และเตือนมันเสี่ยงก่ออันตรายแก่สหรัฐฯ และเป็นประโยชน์แก่ศัตรูของอเมริกา

ทรัมป์ ยังแสดงความสงสัยด้วยว่าสงครามในอัฟกานิสถานจบลงแล้วจริงหรือ และตั้งคำถามด้วยว่ามีผู้ลี้ภัยอัฟกันที่ไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนจำนวนมากน้อยแค่ไหนที่เข้ามาตั้งรกรากในสหรัฐฯ และทั่วโลก

"ผมไม่รู้เพราะผู้คนกระจายกันไปทั่วโลก และไปอยู่ทั่วทุกมุมโลกในเวลานี้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ชารีล" ทรัมป์กล่าว "คนเหล่านี้ไม่ใช่พวกล่ามที่เรารับมา คนเหล่านี้เร่งรีบขึ้นเครื่องบิน ที่น่าสนใจคือพวกเขากำลังพยายามทำให้มันดูเหมือนว่า โอ้ ทำได้ดีมาก คนเหล่านี้จำนวนมากอาจเป็นพวกก่อการร้าย ใช่หรือเปล่า? พวกเขาอาจเป็นพวกก่อการร้าย พวกเขามีกำลังมาก พวกเขากระตือรือร้นขึ้นไปบนเครื่องบินด้วย"

อดีตประธานาธิบดีรายนี้ยังบ่งชี้ด้วยว่าพวกศัตรูของสหรัฐฯ เริ่มฉวยความได้เปรียบจากคลังอาวุธ ยานยนต์หุ้มเกราะและเครื่องบินที่กองกำลังสหรัฐฯ ทิ้งไว้เบื้องหลังกันแล้ว

"พวกเขาจะจัดการอย่างไรก็ตามยุทโธปกรณ์เหล่านี้ ผมรับประกันได้เลยว่าจีนและรัสเซียคงมีเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ของเราไว้ในครอบครองแล้ว และพวกเขาคงกำลังถอดชิ้นส่วน เพื่อหาคำตอบว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร จนถึงตอนนี้พวกเขาเก่งที่สุดในโลกในเรื่องนี้ และพวกกำลังแยกชิ้นส่วนมัน เพื่อที่พวกเขาจะสามารถสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์แบบเดียวกันเป๊ะ ๆ พวกเขาเก่งในเรื่องนี้ มันน่าอดสูจริง ๆ"

นับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา สหรัฐฯ มอบอาวุธยุทโธปกรณ์และการฝึกฝนแก่กองกำลังความมั่นคงอัฟกานิสถาน คิดเป็นมูลค่าราว ๆ 83,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท)

รายงานของยูเอสเอทูเดย์ก่อนหน้านี้ ระบุว่าเครื่องบินทหาร 73 ลำถูกทิ้งไว้ในอัฟกานิสถาน บางส่วนถูกทำให้ใช้งานไม่ได้แล้ว ขณะที่มีรายงานว่านักบินอัฟกานิสถานได้ขับอากาศยานล้ำสมัยบางส่วนในนั้นออกไปยังต่างประเทศ แต่ส่วนใหญ่นั้นยังคงตกค้างอยู่ในอัฟกานิสถาน


(ที่มา:ฟ็อกซ์นิวส์)
https://mgronline.com/around/detail/9640000090590

คุณหญิงวิมล เจียมเจริญ เจ้าของนามปากกา 'ทมยันตี' เสียชีวิตแล้วในวัย 85 ปี

สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ได้โพสต์แสดงความอาลัยยิ่งต่อการจากไปของ คุณหญิงวิมล ศิริไพบูลย์ (ทมยันตี, ลักษณวดี, กนกเรขา, โรสลาเรน, มายาวดี) ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2555

สำหรับ ทมยันตี หรือ คุณหญิงวิมล เจียมเจริญ เกิดเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2479 สิริรวมอายุ 85 ปี เป็นนักประพันธ์ชาวไทย ชื่อดัง ที่มีนามปากกาอย่าง ทมยันตี, ลักษณวดี, กนกเรขา, โรสลาเรน, วัสสิกา, มายาวดี โดยเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขา วรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2555 มีผลงานที่แฟนนักอ่านชาวไทย รู้จักมากมาย อาทิ คู่กรรม ทวิภพ ดาวเรือง ล่า พิษสวาท ดั่งดวงหฤทัย และ เลือดขัตติยา


ที่มา : https://www.facebook.com/128367000513429/posts/5000255569991190/

ผู้นำสูงสุด 'อัลกอ-อิดะห์' โผล่คลิปครบรอบ 20 ปี โศกนาฏกรรม 9/11 ทั้งที่เชื่อว่าตายไปแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 12 ก.ย. กลุ่มข่าวกรอง SITE ซึ่งมีสำนักงานในสหรัฐฯ และติดตามความเคลื่อนไหวบนสื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่มญิฮาด ได้พบว่า กลุ่มอัล-กออิดะห์เผยแพร่คลิปของนายไอย์มาน อัล-ซาวาฮิรี ผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน เป็นการแถลงเนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี เหตุวินาศกรรม 9/11 

ขณะเดียวกัน อัล-ซาวาฮิรี กล่าวถึงการที่กองทัพสหรัฐยุติภารกิจทางทหารในอัฟกานิสถาน โดยยกทัพเข้ามาประมาณ 1 เดือน หลังผ่านพ้นเหตุวินาศกรรมดังกล่าว เพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลตอลิบาน และติดตามล่าตัวนายโอซามา บิน ลาเดน ผู้ก่อตั้งกลุ่มอัล-กออิดะห์

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่าการบันทึกคลิปนี้เกิดขึ้นเมื่อใด แม้มีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เนื่องจากแผนการถอนทหารของสหรัฐฯ เป็นที่ทราบกันดี ตั้งแต่การที่รัฐบาลวอชิงตันลงนามในข้อตกลงร่วมกับกลุ่มตาลีบัน ที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ เมื่อเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว 

ขณะเดียวกัน อัล-ซาวาฮิรี ไม่ได้กล่าวอย่างชัดเจน เกี่ยวกับการที่กลุ่มตอลิบานยึดครองกรุงคาบูล เมื่อกลางเดือนที่แล้ว แต่พูดถึงการที่เครือข่ายของกลุ่มอัล-กออิดะห์โจมตีทหารรัสเซีย ในเมืองรักกาของซีเรีย เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ปีนี้ 

ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ด้วยว่า คลิปล่าสุดของอัล-ซาวาฮิรี ซึ่งมีความยาวประมาณ 61 นาที น่าจะเป็นความต้องการของกลุ่มอัล-กออิดะห์ ในการยุติกระแสข่าวที่แพร่สะพัดในหมู่นักรบมูจาฮิดีน ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่า อัล-ซาวาฮิรี วัย 70 ปี เสียชีวิตจากอาการป่วยเรื้อรังหลายโรค

สำหรับ อัล-ซาวาฮิรี นั้น ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่มอัลกออิดะห์ หลังหน่วยรบพิเศษซีล (SEAL) แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ปฏิบัติการจู่โจมสังหาร อุซามะห์ บิน ลาดิน ในปากีสถาน ปี 2011


ที่มา: https://www.dailynews.co.th/news/263893/
https://mgronline.com/around/detail/9640000090559
นิวยอร์กโพสต์/บลูมเบิร์ก/SITE Intel – Jihadist Threat

รมว.เฮ้ง ตรวจเยี่ยมการฝึกอาชีพหลักสูตรทำอาหารไทย ส่งมอบข้าวกล่องชาวแฟลตดินแดงสู้โควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมหลักสูตรอาชีพเสริม โครงการฝึกอบรมแรงงานกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเพื่อเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ สาขาการทำอาหารไทยเพื่อจำหน่าย ณ อาคารวิทยาลัยการแรงงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยมี พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายประทีป ทรงลำยอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดย นายสุชาติ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยแรงงาน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะให้แก่แรงงานที่สนใจ และกำลังว่างงาน เป็นการช่วยเหลือและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า การฝึกอบรมหลักสูตรสาขาการทำอาหารไทยเพื่อจำหน่ายในวันนี้ จะช่วยเพิ่มความรู้ และทักษะให้ประกอบอาชีพทำอาหารกล่องส่งจำหน่ายทางออนไลน์ เพิ่มรายได้ระหว่างว่างงานซึ่งเป็นช่องทางที่ง่าย ทันสมัย และสะดวกทั้งพ่อครัว แม่ครัว และผู้บริโภค รวมทั้งจะช่วยสร้างอาชีพ ขวัญกำลังใจ และความห่วงใยให้แก่แรงงานนอกระบบชาวแฟลตดินแดงและพื้นที่ใกล้เคียง ให้มีรายได้ สามารถดูแลตนเอง และครอบครัวให้รอดพ้นสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างเข้มแข็ง โดยมีระยะเวลาการฝึก 18 ชั่วโมง จำนวน 2 รุ่น รุ่นละ 20 คน ให้แก่กลุ่มแรงงานนอกระบบ ระหว่างวันที่ 13 -15 กันยายน 2564 โดยข้าวกล่องที่ได้จากการฝึกอบรมจำนวน 1,500 กล่อง จะได้ส่งมอบให้แก่ตัวแทนชุมชนดินแดง จำนวน 4 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนดินแดง 1 เคหะชุมชนดินแดง 2 ชุมชนโครงการฟื้นฟูเมืองดินแดงระยะที่ 1 (แฟลตแปลงจี) และชุมชนดินแดง แฟลต 21-32 (หน้ากระทรวงแรงงาน) ซึ่งเป็นเมนู กระเพราไก่ ไข่ต้ม มาม่าผัดซีอิ๊ว และข้าวผัดไก่ 

“ทั้งนี้ หากพี่น้องแรงงาน สนใจจะเพิ่มทักษะความรู้ในด้านต่างๆ นอกเหนือจากหลักสูตรข้างต้น กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน มีบริการอย่างหลากหลาย อาทิ หลักสูตรด้านช่าง คอมพิวเตอร์ บาริสต้า การสร้างแบรนด์ เพื่อจำหน่ายสินค้าออนไลน์ สอบถามได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือดูรายละเอียดที่เว็บไซต์กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน www.dsd.go.th หัวข้อกำหนดการฝึกอบรม หรือติดต่อที่หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้แก่ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน และสำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงานทุกแห่งทั่วประเทศ” รมว.แรงงาน กล่าวทิ้งท้าย

ผู้เชี่ยวชาญศรีลังกา ยก 'ซิโนฟาร์ม' เป็นวัคซีนโควิดที่เหมาะกับเด็กมากที่สุด

13 กันยายน 2564 สำนักข่าวซินหัวรายงาน ศาสตราจารย์ ทิสสา วิธารานา ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาของศรีลังกา เปิดเผยว่าวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของซิโนฟาร์มจากจีน เหมาะสำหรับใช้งานในกลุ่มประชากรเด็ก เนื่องจากเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคม มหินทรา ราชปักษา นายกรัฐมนตรีศรีลังกา กล่าวว่ารัฐบาลจะเริ่มฉีดวัคซีนให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปในอีกไม่ช้า นำไปสู่การถกเถียงของเหล่าผู้เชี่ยวชาญท้องถิ่นว่าวัคซีนตัวใดเหมาะสำหรับนำไปฉีดให้เด็กอายุน้อยมากที่สุด

“หลังจากตรวจดูข้อมูลแล้ว เราต้องจัดโครงการนำร่องด้วยการสุ่มฉีดวัคซีนหลายตัว เพื่อดูว่าวัคซีนแต่ละตัวสร้างแอนติบอดีและมีผลข้างเคียงในเด็กหรือไม่ ผมเชื่อในแนวทางวิทยาศาสตร์และคิดว่าซิโนฟาร์มเป็นวัคซีนดีที่สุดสำหรับเด็ก” หนังสือพิมพ์ดิ ไอส์แลนด์ รายงานอ้างวิธารานา

ทั้งนี้ วิธารานาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยลอนดอนและเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าสถาบันวิจัยทางการแพทย์แห่งศรีลังการะหว่างปี 1983-1994

ปัจจุบันชาวศรีลังกาฉีดวัคซีนครบโดสกว่าร้อยละ 50 ของประชากรแล้ว และขณะนี้ทางการกำลังดำเนินโครงการฉีดวัคซีนให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ทุกคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/601686

“บิ๊กป้อม” “เร่งแผน"ความมั่นคงทางทะเลปีอ66-70" รักษาผลประโยชน์ทางทะเล มุ่งประโยชน์ต่อปชช.  กำชับ ศร.ชล. ตรวจเข้ม ยาเสพติด/แรงงานผิดกม./ค้ามนุษย์/โควิด-19 มากับเรือ

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี  เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (นปท.) ครั้งที่ 1/2564 โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบ Video Conference

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานการประเมินสถานการณ์และความรุนแรง ของภัยคุกคามทางทะเล ประจำปีงป.64  ซึ่งประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1) ภัยความมั่นคงแบบดั่งเดิม เช่นการแข่งขันของประเทศต่างๆด้านภูมิรัฐศาสตร์ทางทะเล 2) ความมั่นคงของมนุษย์ เช่นความปลอดภัยทางทะเลและอาชญากรรมข้ามชาติ 3) เศรษฐกิจภาคทะเล และ 4) สิ่งแวดล้อมทางทะเล ในภาพรวมยังมีแนวโน้มปัญหาเพิ่มมากขึ้น และรับทราบผลการประเมินการปฏิบัติตามแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล ประจำปีงป.64  

สรุปผล พบว่าสามารถบรรลุเป้าหมาย ครบทั้ง6 ยุทธศาสตร์  แต่ยังมีอุปสรรคจากสถานการณ์ โควิด-19 และอื่นๆ รวมถึง ได้รับทราบผลการปฏิบัติงาน ของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศร.ชล.) ในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อป้องกันการนำเข้ายาเสพติด สินค้าและแรงงานผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ามนุษย์ และการแพร่ระบาด ของโควิด-19 จากผู้ที่เดินทางมากับเรือ อย่างเข้มงวด  

ต่อจากนั้นได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อจัดทำร่างแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พ.ศ 2566-2570) และเห็นชอบแนวทางจัดตั้งองค์กร จัดการความรู้ทางทะเลในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งและได้บรรจุไว้ในแผนระดับชาติ โดยได้ร่วมมือกับสถาบันทางวิชาการในกำกับดูแล ของรัฐ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่มีความประสานสอดคล้อง กับหน่วยงานระดับนโยบาย และระดับปฏิบัติ รวมทั้งมีการบูรณาการร่วมกัน ระหว่างภาครัฐกับภาควิชาการ อันจะเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้ทางทะเล มิติต่างๆ อย่างรอบด้าน

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ คณะกรรมการฯ และคณะทำงาน ให้เร่งรัด ขับเคลื่อน การจัดทำแผนทางทะเลระดับชาติฉบับใหม่ พร้อมสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมให้ครอบคลุมทั้ง23 จังหวัดชายทะเล เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ควบคู่กับการบังคับใช้กม.อย่างจริงจัง สามารถรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของชาติ อย่างได้ผล และเป็นรูปธรรม ซึ่งสุดท้ายประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชน และลูกหลานคนไทย อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไป

ลิซ่าปลุกกระแส ‘ลูกชิ้นยืนกิน’ บุรีรัมย์ ช่วยกระตุ้นยอดขาย หลังโดนผลกระทบจากโควิด

กระแส ‘ลิซ่า Blackpink’ ฟีเวอร์ส่งผลแม่ค้าขายลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์เป็นปลื้มมียอดขายดีขึ้นทันที หลังซบเซาจากสถานการณ์โควิด-19 โดยทางเจ้าตัวให้สัมภาษณ์รายการดังอยากกลับบ้านมากิน ‘ลูกชิ้นยืนกิน’ พร้อมกันนี้ต่างขอบคุณที่ไม่ลืมบ้านเกิด ซึ่งลูกชิ้นยืนกินเป็นเอกลักษณ์การกินแห่งเดียวในไทยและในโลก

หลังจากลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล ได้ปล่อยซิงเกิลเดี่ยวออกมาจนยอดวิวพุ่งทะลุไม่หยุด ล่าสุดเธอได้ออกมาพูดคุยในรายการ WOODY SHOW ออกอากาศทางช่อง 7HD และเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่เธอได้ออกมาให้สัมภาษณ์ โดยเธอเผยว่า เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับประเทศไทยเลย สิ่งแรกที่เธอคิดถึงเลยคือ คุณพ่อคุณแม่ คิดถึงอาหารที่พวกเขาทำให้กิน และบอกว่าอยากกลับไปบ้านเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์

สิ่งแรกที่จะทำคือกลับไปไหว้คุณตา และอีกหนึ่งสิ่งที่ลิซ่าอยากทำก็คือ ไปกินลูกชิ้นยืนกินที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ เธอเผยว่า ‘ที่เกาหลีไม่มีเลย มันเด็ดตรงที่น้ำจิ้มบุรีรัมย์เจ้านั้นมันเด็ดมาก ๆ หาไม่ได้’ ซึ่งสำหรับลิซ่า จะต้องเป็นเจ้าที่มีน้ำพริกเผาเท่านั้น

จากการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บริเวณชานชาลา หลังสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสถานที่เปิดให้พ่อค้าแม่ค้าขาย ‘ลูกชิ้นยืนกิน’ ที่มีอยู่กว่า 10 ร้าน ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ที่มีเอกลักษณ์การกินที่ไม่เหมือนใคร และมีเพียงจังหวัดเดียวในประเทศไทย หรือแห่งเดียวในโลก โดยลูกชิ้นทอดซึ่งเน้นเป็นลูกชิ้นหมูนั้น มีความนุ่มอร่อย ที่สำคัญ น้ำจิ้มเป็นสูตรเฉพาะทำจากน้ำมะขามเปียก พร้อมมีกลิ่นหอมของพริกทอด ทำให้รสชาติเป็นที่ถูกปากของลูกค้า

โดยพ่อค้าแม่ค้าขายลูกชิ้นยืนกินต่างบอกว่า ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบขายไม่ดี ตั้งแต่ช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ทำให้ลูกค้าลดลง และนักท่องเที่ยวไม่มาซื้อยืนกินลูกชิ้นหน้ารถเข็น ส่งผลให้พ่อค้าขายลูกชิ้นแต่ละร้านมียอดขายลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์

แต่พอมีข่าว ลิซ่า BLACKPINK หรือ ลลิษา มโนบาล บอกว่า อยากกลับไทย ไปบ้านเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ กินลูกชิ้นบุรีรัมย์ เริ่มมีประชาชนและนักท่องเที่ยวออกมาซื้อและยืนกินที่รถเข็นแล้ว หรือสั่งผ่านแกร็บ ส่งผลให้พ่อค้าขายลูกชิ้นแต่ละร้านมียอดขายเพิ่มขึ้นมาบ้าง

ต่างยังฝากขอบคุณลิซ่า รู้สึกเป็นปลื้ม ดีใจ ที่ไม่ลืมบ้านเกิด และทำให้คนทั่วโลกได้รู้ว่าลูกชิ้นยืนกินยังมีอยู่ และเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของคนบุรีรัมย์ อีกทั้ง MV ของน้องลิซ่าก็เป็นรูปปราสาทพนมรุ้ง ซึ่งถือเป็นโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์และสวยงาม เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์และประเทศไทย

นางสาวรุ่งอรุณ ชนะทะเล อายุ 44 ปี แม่ค้า เจ้าของต้นตำรับลูกชิ้นยืนกิน ‘ป้านก’ รุ่นที่ 2 ที่ขายมานานกว่า 40 ปี บอกว่า ก่อนหน้านี้ ช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ทำให้ยอดขายลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อว่าหลังจากลิซ่า BLACKPINK บอกอยากกลับไทยมากินลูกชิ้นบุรีรัมย์ ก็น่าจะทำให้ลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์ขายดีขึ้น ซึ่งก็เริ่มมีประชาชนและนักท่องเที่ยวออกมาซื้อลูกชิ้น หรือสั่งผ่านแกร็บ ส่งผลให้พ่อค้าขายลูกชิ้นแต่ละร้านมียอดขายเพิ่มขึ้นมาบ้าง

“อยากจะขอบคุณน้องลิซ่า รู้สึกปลื้ม ดีใจ ที่ยังไม่ลืมถิ่นฐานบ้านเกิดของเราที่ จ.บุรีรัมย์ และชอบที่น้องพูดว่าอยากมายืนกินลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์ ตรงหอนาฬิกา” นางสาวรุ่งอรุณกล่าว

สำหรับ ‘ลูกชิ้นยืนกินบุรีรัมย์’ จะเปิดขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น. ที่บริเวณชานชาลา หลังสถานีรถไฟบุรีรัมย์ ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ จะขายไม้ละ 3 บาท 7 ไม้ 20 บาท


ที่มา : https://www.thaipost.net/main/detail/116477

Forbes จัดอันดับให้ จ.พระนครศรีอยุธยา ติด 1 ใน 50 สุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกควรมาท่องเที่ยว หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย

นายวิรัติ แข็งขัน ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้ เว็บไซต์ https://www.forbes.com/advisor/travel-rewards/top-50-best-places-to-visit/ โดย Forbes advisor จัดอันดับแหล่งท่องเที่ยวของแต่ละประเทศที่ควรท่องเที่ยวหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ยกให้จ.พระนครศรีอยุธยา เป็น 1 ใน 50 สุดยอดจุดหมายปลายทางของโลกและเป็น 1 ใน 8 แห่งของทวีปเอเชีย พร้อมให้เหตุผลว่าแม้ในซีกโลกตะวันตกไม่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับอยุธยา แต่จริง ๆ แล้วอยุธยา คือเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในช่วงทศวรรษ 1700 เป็นแหล่งโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์เก่าแก่ สามารถย้อนอดีตไปถึงปี ค.ศ.1350 อีกทั้งมีพื้นที่กว้างขวางก่อเกิดมาจากความแตกต่างทั้งยุคสมัยและวัฒนธรรมที่หลากหลาย

การเดินทางก็สะดวกมีขบวนรถไฟจากกรุงเทพฯ ถึงอยุธยา ใช้เวลาเพียง 90 นาที แต่ยังพบว่าส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวชมอยุธยาแบบไปเช้าเย็นกลับ หากพักค้างคืนทุกคนจะได้สัมผัสกับภาพวัด โบราณสถานต่าง ๆ ในช่วงเช้าและช่วงเย็น ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบพร้อมสัมผัสกับแสงอาทิตย์ที่สวยสดงดงาม 

นอกจากนี้สำหรับในทวีปเอเชียได้รับคัดเลือกเพียง 8 แห่งเท่านั้น จาก 50 แห่งของโลก ประกอบด้วย
อยุธยา ประเทศไทย
ฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ประเทศภูฏาน
อัสสัม ประเทศอินเดีย
ลอมบก ประเทศอินโดนีเซีย
ไทเป ดินแดนไต้หวัน
ประเทศอุซเบกิสถาน
โดฮา ประเทศกาตาร์


ที่มา : https://www.forbes.com/.../top-50-best-places-to-visit/
สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://www.dailynews.co.th/news/257436/

ไปรษณีย์ไทย ส่งชุด ATK 8.5 ล้านชุด ให้คนไทยทั่วประเทศตรวจคัดกรองโควิด-19 ผ่านระบบขนส่งควบคุมอุณหภูมิ กระจายสู่โรงพยาบาล - ร้านขายยากว่า 1 พันแห่ง

นายพงษ์ทร วิเศษสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ สายงานธุรกิจองค์กร บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ล่าสุดไปรษณีย์ไทยได้ช่วยสนับสนุนภาคประชาชน ให้เข้าถึงการตรวจคัดกรองโควิด-19 อย่างทั่วถึง โดยบริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจในไปรษณีย์ไทยซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ให้เป็นผู้ขนส่งและกระจายชุดตรวจ Antigen self-test Test Kits (ATK) ไปยังหน่วยบริการ อาทิ โรงพยาบาล ร้านขายยาฯ กว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ 

ทั้งนี้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จึงได้เพิ่มขีดความสามารถและความแข็งแกร่งในด้านโลจิสติกส์ไทยร่วมกับบริษัทในเครืออย่าง บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด ในการใช้ระบบการขนส่งแบบด่วนพิเศษด้วยรถขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (ไม่เกิน 30 องศา) และรองรับพื้นที่เก็บชุดตรวจ ATK จำนวน 8.5 ล้านชิ้นในห้องควบคุมอุณหภูมิ (ไม่เกิน 30 องศา) เช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพของชุดตรวจ ATK ไปจนถึงปลายทาง

นายพงษ์ทร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ไปรษณีย์ไทยพร้อมจัดส่งชุดตรวจ ATK ที่ประชาชนทั่วไปได้สั่งจองในโครงการเราไม่ทน จากบริษัท เวิลด์ เมดิคอล อัลไลแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เปิดให้จองจำนวน 1 ล้านชิ้นนั้น ชุดตรวจ ATK ได้ถูกส่งเข้าคลังสินค้าครบวงจรของไปรษณีย์ไทยที่หลักสี่เพื่อดำเนินการแพ็กและจัดส่งตามออเดอร์และที่อยู่ของลูกค้า โดยคาดว่าจะถึงมือผู้ที่สั่งจองภายในกลางเดือนกันยายน 2564 นี้

ทั้งนี้ ด้วยความพร้อมเป็นกลไกในการขับเคลื่อนความเป็นอยู่และช่วยลดความเสี่ยงของสังคมไทยในสถานการณ์โควิด-19 การเชื่อมต่อด้านโลจิสติกส์ระหว่างไปรษณีย์ไทยและไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นจะช่วยให้คนไทยในทุกระดับทุกพื้นที่ ได้เข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีครอบคลุมทั่วประเทศ


https://www.posttoday.com/economy/news/663004

นายกฯ ให้ปลัดสปน. ลงพื้นที่ ให้กำลังใจ กลุ่มแพทย์อาสา-จนท. ออกตรวจเชิงรุกตลาดคลองเตย

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมาตนลงพื้นที่ชุมชนตลาดคลองเตย เขตคลองเตย กทม. ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ลงพื้นที่ ประสานงานกับ ผอ.เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร กลุ่มแพทย์อาสา CoCare นำโดย นายแพทย์ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล กลุ่มอาสาสมัครทางการแพทย์ เครือข่ายมูลนิธิศุภนิมิตร อิสรชน มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ กลุ่มคลองเตยดีจัง และสภากาชาดไทย ร่วมกันจัดหน่วยแพทย์อาสาและจิตอาสา ลงตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก โดยได้รับการสนับสนุนรถตรวจเคลื่อนที่พระราชทาน รวมทั้งเครื่องเวชภัณฑ์ จากกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค  สปสช. สภากาชาดไทย กทม. สำนักงานจิตอาสาภาครัฐ สำนักนายกรัฐมนตรี และผู้นำชุมชน 

นายธีรภัทร กล่าวว่า ตนได้คำขอบคุณและความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ส่งถึงเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครทางการแพทย์ จิตอาสาและผู้นำชุมชน ที่ร่วมกันช่วยดูแลทุกชุมชน พร้อมทั้งได้ขอให้ทุกคนร่วมกันยกระดับป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขั้นสูงสุดตามหลัก Universal Prevention เพื่อสร้างสมดุลการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับสถานการณ์โควิด-19

นายธีรภัทร กล่าวว่า โดยกลุ่มแพทย์อาสาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีแผนการตรวจหาเชื้อโควิด – 19 เชิงรุกระดับชุมชนต่อเนื่องพร้อมกันในพื้นที่ กทม. จำนวน 4 ชุมชน ทั้งนี้ผลการตรวจเชื้อมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลง ดังนี้ ระหว่างวันที่ 9 -12 กันยายน 2564 ที่ชุมชนตลาดคลองเตย เป็นการตรวจเชิงรุกต่อเนื่องสัปดาห์แรก มีผู้เข้ารับการตรวจทั้งพ่อค้าแม่ค้า แรงงานชาวไทยและแรงงานชาวเมียนมาร์ รวม 3,530 ราย พบจำนวนผู้ติดเชื้อรวม 19 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.54 ของจำนวนผู้ตรวจเชื้อทั้งหมด

วันที่ 11-12 กันยายน 2564 ที่ชุมชนโรงหมู เขตคลองเตย เป็นการตรวจเชิงรุกซ้ำต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 รวม 735 ราย พบผู้ติดเชื้อรวม 43 ราย ลดลงจากสัปดาห์แรกจากร้อยละ 9.5 เหลือร้อยละ 5.85  , วันที่ 12 กันยายน 2564 ที่ชุมชนซอยคู้บอน 27 ถนนคู้บอน เขตบางเขน กทม. ซึ่งเป็นชุมชนแออัดขนาดเล็กมีความยากลำบากในการเข้าพื้นที่ เป็นการตรวจเชิงรุกสัปดาห์แรก มีผู้เข้ารับการตรวจ 318 ราย พบผู้ติดเชื้อ 19 ราย (ร้อยละ 5.97 ของจำนวนผู้ตรวจเชื้อทั้งหมด) , วันที่ 12 กันยายน 2564 ที่ชุมชนเอกชัย 89/4 เขตบางบอน กทม. ซึ่งเป็นชุมชนแออัดขนาดเล็กมีความยากลำบากในการเข้าพื้นที่ มีผู้เข้ารับการตรวจ 113 ราย เป็นการตรวจเชิงรุกสัปดาห์แรก พบผู้ติดเชื้อ 2 ราย (ร้อยละ 1.77 ของจำนวนผู้ตรวจเชื้อทั้งหมด)

นายธีรภัทร กล่าวว่า การทำงานเชิงรุกของทีมแพทย์อาสา CoCare กลุ่มจิตอาสา กระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร เป็นการตรวจเชื้อแบบ " Clean and Clear" ตามแนวทาง Smart Control and Living with COVID-19 หรือ “การควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด-19” ตรวจซ้ำในพื้นที่ชุมชนเดิม หากพบผู้ป่วยติดเชื้อยืนยัน จะคัดแยก ดูแล แนะนำ พร้อมให้ยาฟาวิพิราเวียร์ และแจกถุงยังชีพ ทันที เพื่อลดการแพร่ระบาดและจำนวนผู้ติดเชื้อในชุมชน หากพบผู้ติดเชื้อมีอาการหนักจะประสานส่งโรงพยาบาลสนามทันที โดยกลุ่มแพทย์อาสามีแผนการลงตรวจซ้ำในพื้นที่เดิม ตั้งเป้าหมายลดผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ในชุมชน ไม่เกิน 2% ซึ่งปัจจุบันบางพื้นที่สามารถควบคุมและลดจำนวนผู้ติดเชื้อได้ตามเป้าหมายแล้ว และกำลังเริ่มขยายผลไปยังพื้นที่ชุมชนในจังหวัดต่างๆต่อไป อย่างไรก็ตามทุกชุมชนต้องไม่ประมาทและทุกคนต้องร่วมกันดำเนินมาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดอย่างเข้มข้นด้วย

“บิ๊กตู่” แสดงความเสียใจครอบครัวทหารที่เสียชีวิต ขณะปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจสหประชาชาติ

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้แสดงความเสียใจกับครอบครัวของ จ.ส.อ.เกียรติศักดิ์ ประพันธ์อนุรักษ์ สังกัดกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจ ไทย / เซาท์ซูดาน ที่เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว ระหว่างปฏิบัติหน้าที่รักษาสันติภาพในภารกิจของสหประชาชาติ ณ ค่าย UNMISS เมืองจูบา สาธารณรัฐเซาท์ซูดาน 

โดย นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้กองทัพไทย ประสานกองกำลังสหประชาชาติ เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศไทย เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอย่างสมเกียรติ และขอให้กองทัพบก ดูแลสิทธิของกำลังพลที่เสียชีวิตและให้การช่วยเหลือครอบครัวต่อไป

“บิ๊กตู่” ชื่นชม นักออกแบบไทยสามารถนำวิจิตรศิลป์ของไทยในแขนงต่าง ๆ  สร้างสรรค์ อุตสาหกรรมบันเทิงสมัยใหม่ ยก  MV ลิซ่า โชว์งานหัตถศิลป์ไทยคนชมกว่า 100 ล้านวิว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความชื่นชมและภูมิใจนักออกแบบไทยสามารถนำวิจิตรศิลป์ของไทยในแขนงต่าง ๆ  มาสร้างสรรค์ร่วมกับอุตสาหกรรมบันเทิงสมัยใหม่  ตรงกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG  ของรัฐบาล ซึ่งส่วนหนึ่งคือการผลักดัน  "Soft Power" ไทย เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์  รัฐบาลเร่งเดินหน้าส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยใน 15 สาขา คือ 1.งานฝีมือและหัตถกรรม 2.ดนตรี 3.ศิลปะการแสดง 4.ทัศนศิลป์ 5.ภาพยนตร์ 6.การแพร่ภาพและกระจายเสียง 7.การพิมพ์ 8.ซอฟต์แวร์ 9.การโฆษณา 10.การออกแบบ 11.การให้บริการด้านสถาปัตยกรรม 12.แฟชั่น 13.อาหารไทย 14.การแพทย์แผนไทย 15.การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 

นายธนกร กล่าวว่า ขณะเดียวกันก็ผลักดันวัฒนธรรมที่มีศักยภาพ 5 F  ได้แก่  1. อาหาร (Food) 2.ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) 3.ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion) 4.มวยไทย (Fighting) และ 5.การอนุรักษ์และขับเคลื่อน เทศกาล ประเพณีสู่ระดับโลก (Festival)  เชื่อว่ายังจะเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมส่งออกสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจหลังยุคโควิด -19 ที่สำคัญของไทยด้วย

นายธนกร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้กำหนดโมเดล BCG ที่เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้วย "ปัญญา สร้างสรรค์" และมีความมั่นใจว่า เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากไทยมีจุดเด่นและความพร้อมด้านทุนวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งศิลปหัตถกรรม ประเพณี  สถานที่ท่องเที่ยว ชุมชนที่มี "อัตลักษณ์" ของตนเอง นำมาผนวกกับความคิดสร้างสรรค์และงานฝีมือของคนไทย ก่อให้เกิดมูลค่าเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี  แล้วล่าสุด จากกระแสความชื่นชมเอ็มวีของศิลปินลิซ่า ที่มีการสอดแทรกงานหัตถศิลป์ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของไทย  มียอดผู้ชมกว่า 100 ล้านวิวแล้ว เชี่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับอุตสาหกรรมบันเทิงและออกแบบแฟชั่นไทย ในการนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดเป็นสินค้าและบริการ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ  ซึ่งขณะนี้  ไทยมีตลาดประเทศเพื่อนบ้านและในภูมิภาครองรับอยู่แล้ว 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชื่นชมความสำเร็จของศิลปินไทย ทุกสาขาศิลปะ ดนตรี ภาพยนต์ ออกแบบดีไซน์ รวมถึงบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สะท้อนให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจัง มุ่งมั่น ทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนัก จนประสบความสำเร็จ เชื่อว่าจะช่วยจุดประกาย สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยและผู้อยู่ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย ในการนำศิลปวัฒนธรรมไทยมาสร้างสรรค์เป็น soft power เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและให้เป็นที่รู้จักและเผยแพร่ในระดับโลก  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top