Tuesday, 1 July 2025
NEWS

ญาติเคราะห์ร้ายร่ำไห้กลาง ‘โหนกระแส’ หลังตำรวจจับใส่กุญแจมือ แต่ไม่นำส่งโรงพยาบาลจนดับ

"ตำรวจ" งานเข้าอีกแล้ว หลังจากจับหนุ่มที่เกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ชนกัน ใส่กุญแจมือไปโรงพักทั้งที่ไม่ผิด โดยที่ไม่พาไปโรงพยาบาลก่อน จนกระทั่งเสียชีวิต ทำเอาครอบครัวต้องเรียกร้องความยุติธรรม พร้อมร่ำไห้กลางรายการ

"ตำรวจ" สภ.บางละมุง ตกเป็นกระแสบนโซเชียล หลังจากชายคนหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์ทางตรงปกติ แต่จู่ ๆ ก็ถูกคู่กรณีซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์กลับรถตัดหน้าระยะกระชั้นชิด จนทำให้ชนเข้าอย่างจัง จนผู้เสียหายสลบกับพื้น แต่ตำรวจกลับใส่กุญแจมือผู้เสียหายขึ้นรถกระบะไปโรงพัก สุดท้ายผู้เสียหายเสียชีวิต

ล่าสุด หนุ่ม กรรชัย ได้เชิญญาติผู้เสียชีวิตมาร่วมรายการ โหนกระแส โดยทางญาติได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ผู้เสียชีวิตได้ออกไปซื้อกับข้าวมาให้ครอบครัว หลังจากนั้นก็ถูกคู่กรณีขับรถชน โดยคู่กรณีได้วิ่งเข้ามาดูอาการผู้ที่ถูกชน แต่กู้ภัยกลับนำคู่กรณีไปโรงพยาบาลคนเดียว ในขณะที่ผู้เสียชีวิตเดินเซ คุมร่างกายไม่ค่อยอยู่ กลับถูกคุมตัวไปโรงพัก เพราะ "ตำรวจ" คิดว่าเมา ถูกส่งไปตรวจสารเสพติด ที่สภ.บางละมุง

“นายกฯ” ชม เด็กไทย คว้ารางวัลอันดับ 8 การแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก World Robot Olympiad 2021 ชู ปั้นบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี ผลักดันพัฒนาประเทศ 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมผลงานของเด็กไทย ในการแข่งขันหุ่นยนต์ระดับโลก World Robot Olympiad 2021 (WRO 2021) รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี ซึ่งทีม K.P.Y. Panya Robot แชมป์ประเทศไทย คว้ารางวัลอันดับที่ 8 จากประเทศที่เข้าร่วมแข่งขัน 65 ประเทศ กว่า 200 ทีมทั่วโลก โดยแข่งขันในรูปแบบออนไลน์เมื่อวันที่ 18-21 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยสมาชิกในทีมประกอบด้วย ด.ญ.ลัลน์ญดา ชาญจิตรเลขา  อายุ 10 ขวบ จากโรงเรียนอำนวยศิลป์ ด.ช.นพรุจ ฉันทสกุลเดช อายุ 11 ขวบ จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และ ด.ช.ธนกฤต มยุรฤทธิ์ภิบาล อายุ 12 ปี จากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร(ฝ่ายประถม)

รองโฆษกฯ กล่าวว่า นายกฯรู้สึกยินดี ที่เด็กไทยนำความรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เจริญ มาพัฒนาต่อยอดในด้านหุ่นยนต์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยรัฐบาลมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ ก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก เช่น  การริเริ่มการเรียนรูปแบบหุ่นยนต์ศึกษาและเสต็มศึกษา STEM Robotics ตั้งแต่ระดับประถม ได้ดำเนินการในหลายโรงเรียนที่มีความพร้อมแล้ว และมีกิจกรรมการเรียนการสอนหุ่นยนต์ศึกษาอย่างต่อเนื่องจนถึงชั้นอุดมศึกษา 

 

“โฆษกรัฐบาลฯ” เผย นายกฯ ย้ำ ป้องฝุ่น PM 2.5 ฝากปชช.ป้องกัน สวมหน้ากากอนามัย-ลดเผาที่โล่ง 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ช่วงหน้าหนาว ที่สภาพอากาศนิ่ง ส่งผลให้ฝุ่นละออง PM2.5 สะสมเกินค่ามาตรฐาน

โดยเว็บไซต์ IQAIR รายงานคุณภาพอากาศของประเทศไทย วันที่2 ธ.ค.พบค่ามลพิษฝุ่น PM2.5 AQI เกิน 100 อยู่ในระดับที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ใน 10 สถานที่ ได้แก่ 1.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ 162 AQI 2. บางคนที จ.สมุทรสงคราม 158 AQI 3. หนองบัวลำภู จ. หนองบัวลำภู  156 AQI 4. สมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม 154 AQI 5. น้ำพอง จ.ขอนแก่น 152 AQI 6.ลำปาง จ.ลำปาง  147 AQI 7. โพธาราม จ.ราชบุรี 147 AQI 8. ทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 145 AQI 9. สันกำแพง จ.เชียงใหม่ 144 AQI 10. นครไชยศรี จ.นครปฐม 137 AQI 

นายธนกร กล่าวว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อาจมีแนวโน้มสูงขึ้นและเกินมาตรฐานในช่วงปลายปี สาเหตุหลักมาจากยานพาหนะกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งกทม.และกรมควบคุมมลพิษ กรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมอุตุนิยมวิทยา กรมการขนส่งทางบก กองบังคับการตำรวจจราจร ร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง โดยจัดตั้งสถานีตรวจวัดฝุ่นละอองแบบถาวร  70 จุด ทั่วกรุงเทพฯ ริมถนนที่มีการจราจรหนาแน่น ในพื้นที่พักอาศัย และสวนสาธารณะ เพิ่มความถี่ในการตรวจวัดควันดำ มีรถตรวจวัดคุณภาพอากาศวัดปริมาณฝุ่นในทุกพื้นที่ 

นายธนกร กล่าวว่า ในต่างจังหวัดสาเหตุของฝุ่นมาจากลมที่พัดนำฝุ่นละอองจากการเผาในที่โล่ง และประเทศเพื่อนบ้าน โดยติดตามสื่อสารให้ข้อมูล เฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 สอดคล้องกับร่างแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ปี 2565 ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำประกอบด้วยแนวทางการดำเนินงานที่ต้องเร่งรัดและเน้นย้ำการปฏิบัติ เพิ่มประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหา ภายใต้แนวคิด “1 สื่อสาร 5 ป้องกัน 3 เผชิญเหตุ” เพื่อควบคุมมลพิษทางอากาศให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานและปลอดภัยต่อสุขภาพของประชาชน  

“นายก”ห่วงอากาศเปลี่ยน แนะ ปชช.ดูแลสุขภาพ ย้ำ เคร่งครัดมาตรการป้องโควิด 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิลดลงในหลายพื้นที่ โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 1 เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบนของประเทศช่วงวันที่ 2 – 5 ธ.ค.นี้ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 3 – 5 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยและยอดภูเขาบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3 – 12 องศาเซลเซียส จึงขอให้ดูแลสุขภาพโดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ดูแลร่างกายให้อบอุ่น ป้องกันโรคที่มาพร้อมกับอากาศหนาว ทั้งโรคไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่ปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดอยู่ในทุกพื้นที่

โฆษก ตร. สุดทน!! คลิปพ่อทำร้ายร่างกายลูกสาว ล่าสุด!!! ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว หากเจ็บสาหัส คุก 10 ปี!!

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีปรากฏคลิปในสื่อสังคมออนไลน์ มีผู้ชายแต่งกายคล้ายพนักงานส่งอาหารได้เข้ามาต่อว่าด่าทอ ก่อนลงมือทำร้ายร่างกายเด็กหญิง มีการตบตี ปาแก้วน้ำใส่ และใช้เท้าถีบจนตกเก้าอี้ หลังจากนั้นจึงยกเก้าอี้ทุ่มใส่เด็กหญิงซ้ำอีกครั้ง นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษก ตร. กล่าวว่า ในปัจจุบันตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ จะเห็นได้ว่ามีการทำร้ายร่างกายเด็กและเยาวชนอย่างรุนแรง และบ่อยครั้งจะเป็นคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด โดยส่งผลให้เด็กที่ถูกทำร้ายบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะเป็นปัญหาในระยะยาว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการแก้ปัญหาเด็กและสตรีที่ถูกกระทำโดยใช้ความรุนแรง จึงได้กำชับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจหากพบการกระทำผิดให้เร่งสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็วและได้เล็งเห็นถึงปัญหาการกระทำความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดตั้งศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินการปฏิบัติภารกิจพิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว อย่างเร่งด่วนและทันต่อเหตุการณ์ โดยมี พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้อำนวยการศูนย์

โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ปกครองของน้องได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระทำความผิดแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงอยากเตือนว่าการกระทำดังกล่าวนั้นอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 295 ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 297 ผู้ใด กระทำความผิด ฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ ผู้ถูกกระทำร้าย “รับอันตรายสาหัส” ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 10 ปี

มาตรา 298 ผู้ใดกระทำความผิดตามมาตรา 297 ถ้าความผิดนั้นมีลักษณะประการหนึ่งประการใดดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 289 เช่น การกระทำโดย “ทรมาน” หรือกระทำโดย “ทารุณโหดร้าย” ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท ถึง 200,000 บาท

 

‘นักวิชาการ’ แนะ!! คนไทยรอรับศึก Omicron เชื่อหลุดมาแน่ หลังทุกสายพันธุ์ไม่เคยอุดอยู่

2 ธ.ค. 64 ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า…

Covid-19 : ข่าวร้าย ยืนยันความสามารถในการแพร่เชื้อของ Omicron ที่เหนือกว่า Delta มากถึงมากที่สุด 
“The war is not over.”

ช่วงนี้สถานการณ์ในประเทศค่อนข้างดีมากนะครับ ขอให้ไปชาร์จแบตกันไว้ให้เต็มที่ ใช้ชีวิต พบปะคนที่รัก ทำยอดขาย เลี้ยงสังสรรค์ ดูหนัง ตัดผม อยากทำอะไรรีบทำครับ ผู้ร้ายตัวใหม่กำลังมาแล้ว และเก่งกว่าเดิมเยอะ แต่จะโหดกว่าหรือไม่ยังต้องลุ้นครับ 

>> สถานการณ์ใน South Africa : 

ตัวเลข New Case วันนี้ 2 ธ.ค. 8,561 คน ยืนยันความน่ากังวลทุกอย่างแล้วครับ เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 25 พ.ย. ยังแค่ 1,275 

เกิด Exponential ขึ้นแล้วทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในมาตรการควบคุม Level 1 ที่เดิมสามารถกด Delta ลงได้อย่างอยู่หมัด แอฟริกาใต้ฉีดวัคซีน 2 เข็มไปได้แค่ 24.6% แต่ก็เอา Delta อยู่ แต่คงไม่ใช่สำหรับ Omicron แล้วล่ะครับ 

>> กราฟ %Increase : ระดับปรากฏการณ์ แบบไม่เคยเห็นมาก่อน 

ผมทำกราฟมาให้ดูในช่วง Transition ระหว่างสายพันธุ์ที่เก่งกว่าเดิม แล้วเกิดการระบาดเป็น Wave ใหม่ของ S.Africa มาให้ดูเทียบกัน 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1 จากไวรัส Wuhan มาเป็น Beta %Increase เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายใน 9 สัปดาห์ 
ครั้งที่ 2 จาก Beta มาเป็น Delta มหาโหด %Increase เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายใน 9 สัปดาห์ 
ครั้งที่ 3 ล่าสุด ชันสุด โหดสุด จาก Delta มาเป็น Omicron ระดับ Super Virus %Increase เพิ่มขึ้น 10 เท่าภายในเวลาแค่ 2 สัปดาห์!!!

ตอนนี้การระบาดของ Omicron ใน S.Africa มีระดับ Exponential ที่มี %Increase 27% หรือมี Doubling Day แค่ 3 วัน ทั้งที่อยู่ใน New Normal

ถ้าย้อนนึกเทียบกันกับบ้านเราที่ใช้ New Normal ที่คุม Alpha ได้สำเร็จช่วง พ.ค. - มิ.ย. 64 พอ Delta เข้ามาก็เกิด Exponential แต่ %Increase แค่ 12% หรือ Doubling Day ประมาณ 6-7 วัน แค่นั้นก็โกลาหลแล้วนะครับ 

>> พูดง่าย ๆ และสิ่งที่น่ากังวลก็คือ :
1.) Omicron เก่งกว่า Delta มากกว่าที่ Delta เก่งกว่า Alpha ประมาณ 2 เท่า
2.) Omicron อาจเก่งกว่า Delta ประมาณ 4 เท่า
3.) Alpha ยังมีประเทศใหญ่ที่กดลง Zero New Case ได้หลายประเทศ ส่วน Delta ไม่มีเลยสักประเทศ แต่พอ Dance ได้ถ้ามีวัคซีน หรือทุบแหลกแบบจีน ส่วน Omicron การลง Zero New Case ทำไม่ได้แน่ และอาจจะ Dance ไม่ไหวด้วยถ้าวัคซีนไม่ 100%
4.) จีนกด Delta แทบไม่อยู่แล้ว มีผุดขึ้นให้ทุบอยู่เรื่อย ถ้า Omicron ล่ะ จีนจะแตกหรือไม่ ถ้าจีนแตกเศรษฐกิจจะบรรลัยกันทั้งโลก
5.) ประเทศไทย Wave ของ Alpha ติดเชื้อไป 2 แสน Delta เก่งกว่า Alpha 60% ติดเชื้อเพิ่ม 10 เท่ากลายเป็น 2 ล้าน แล้ว Omicron ที่เก่งกว่า Delta 200 - 400% ตัวเลขจะไปไกลแค่ไหน วัคซีนจะเอาอยู่หรือไม่
 

'ฮุน เซน' ประกาศวางตัวลูกชายคนโต หนุนสืบทอดตำแหน่งผู้นำกัมพูชา

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชาที่ครองอำนาจมานาน 36 ปี ประกาศชัดเจนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาสนับสนุนพลเอกฮุน มาเนต ลูกชายคนโต สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากเขา

รายงานเอเอฟพีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2564 กล่าวว่า มีการคาดเดากันมานานว่า ฮุน เซน วัย 69 ปี กำลังฟูมฟักลูกชายคนโตซึ่งเป็นนายทหารที่สำเร็จการศึกษาจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ให้สืบทอดอำนาจต่อจากเขา ในคำปราศรัยต่อสาธารณะในพิธีการหนึ่งที่จังหวัดพระสีหนุวิลล์ 

วันเดียวกันนี้ นายกฯ ฮุน เซน กล่าวว่า "ฮุน มาเนต เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเขาได้รับการสนับสนุนจากพ่อของเขา"

ฮุน เซน กล่าวว่า ลูกชายวัย 44 ปีของเขา ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา จะต้องเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง

'Metaverse' มีชื่อเรียกภาษาไทยแล้วนะ

ราชบัณฑิตยสภา มีมติบัญญัติคำ ‘Metaverse’ ภาษาไทยว่า ‘จักรวาลนฤมิต’
เขียนทับศัพท์ว่า ‘เมตาเวิร์ส’ 

ที่มา : ในการประชุม คณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมศัพท์นิเทศศาสตร์ร่วมสมัย ราชบัณฑิตยสภา วันที่ 2 ธ.ค. 64 มี

รัฐดัน 5G ทั่วประเทศปั๊มรายได้ลงเศรษฐกิจ 6.5 แสนล้าน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า รัฐบาลได้หาทางส่งเสริมการประมูลคลื่นความถี่ 5G ครอบคลุมเกือบทั้งประเทศ และสนับสนุนการประยุกต์ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ให้นำไช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยประเมินว่า ในอนาคตข้างหน้า ประในช่วงประมาณปี 2570 จะยิ่งมีความต้องการใช้ 5G จะเพิ่มสูงขึ้น โดยมีผู้ใช้ในไทยจะมีไม่ต่ำกว่า 70 ล้านราย และอีก 10 ปี จะนำเทคโนโลยีสื่อสารไร้สายเข้ามาอย่างเต็มรูปเเบบ สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ 6.5 แสนล้านบาท 

ขณะเดียวกันยังประเมินด้วยว่า เทคโนโลยี 5G ยังสามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ให้กับประเทศไทย ได้ไม่ต่ำกว่า 5.5 เท่าภายในปี 2578  สามารถสร้างการจ้างงานใหม่ด้านดิจิทัลกว่า 130,000 ตำแหน่ง และยังสนับสนุนด้านการลงทุนภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เช่นเดียวกับในพื้นที่ต่าง ๆ ด้วย 

บอร์ด คปภ. ฟัน “เดอะ วัน ประกันภัย” หยุดรับประกันวินาศภัยชั่วคราว

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ คปภ.ด้มีมติเห็นชอบให้บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2564 เป็นต้นไป หลังปรากฏพฤติการณ์และหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัทมีฐานะการเงินไม่มั่นคง โดยมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน จัดสรรสินทรัพย์หนุนหลัง ไม่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด มีสินทรัพย์สภาพคล่องไม่เพียงพอสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และปรากฏว่าอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด 

รวมทั้งปรากฏหลักฐานว่าบริษัทไม่มีเจตนาที่จะแก้ไขฐานะการเงินของบริษัท ทำให้ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้า อันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ถือว่าเป็นการประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือประวิงการคืนเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย และยังคงมีจำนวนค่าสินไหมทดแทนคงค้างจำนวนมากจนส่งผลกระทบต่อฐานะและการดำเนินการของบริษัท 

นอกจากนี้ยังมีการกระทำการอันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายโดยประกาศปิดทำการ โดยไม่ได้แจ้งเหตุผล ส่งผลให้เกิดความตื่นตระหนกต่อผู้เอาประกันภัยและประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากเข้าไปติดต่อ ณ ที่ทำการบริษัท แต่ไม่ได้รับการบริการใด ๆ จากบริษัท

ทั้งนี้คณะกรรมการฯ จึงได้มีคำสั่งให้บริษัทดำเนินการ ดังต่อไปนี้ 1. หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว 2. แก้ไขฐานะการเงินให้เพียงพอต่อภาระผูกพัน และให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับคำสั่ง 3. ให้บริษัทเปิดทำการติดต่อกับประชาชนทุกวันตามประกาศ คปภ. ว่าด้วยการกำหนดให้บริษัทประกันวินาศภัยเปิดทำการติดต่อกับประชาชนฯ 

“เฉลิมชัย” โชว์ผลงานเปิด ”อีสานเกตเวย์” ทันคิดออฟโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-ลาว-จีน เชื่อมอีสานเชื่อมโลก!! “อลงกรณ์” ตั้งเป้าพลิกโฉมอีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ พร้อมพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร สร้างมูลค่าเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยวันนี้ (2ธ.ค.)ว่าจากการประชุมหารือกับนายสุวิทย์ รัตนจินดา ประธานสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และคณะที่กระทรวงเกษตรฯและการประชุมหารือเฉพาะกิจ (Focus Group)ของคณะทำงานฟรุ้มบอร์ดเฉพาะกิจครั้งที่ 5 เพื่อปรับกลยุทธ์การบริหารจัดการผลไม้ในระดับพื้นที่ (Area Base) ตามนโยบาย ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Broad) ซึ่งเป็นการ Focus Group ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมด้วยผู้แทนคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.)โดยได้มอบนโยบายเป็นแนวทางการประชุมหารือ และการวิเคราะห์ ปัญหา อุปสรรค รับ-ส่ง การรักษาคุณภาพผลไม้ เชิงพื้นที่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะอนุกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับการกำหนดยุทธศาสตร์อีสานเกตเวย์ เชื่อมอีสานเชื่อมโลกด้วยเส้นทางขนส่งทางรถไฟจากไทยผ่านลาวไปจีนทุกมณฑล-เอเซียตะวันออก-เอเซียกลาง-ตะวันออกกลางและยุโรปซึ่งเป็นการเปลี่ยน logistics landscape สร้างโอกาสใหม่ให้ประเทศไทยโดยเฉพาะสินค้าเกษตรและผลไม้โดยมีอีสานเป็นประตูการค้าการขนส่งและเป็นฐานการแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่มรายได้เกษตรกรอย่างยั่งยืนภายใต้โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารหรือศูนย์แปรรูปผลไม้และสินค้าเกษรรซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กรกอ.) รวมทั้งการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ได้เตรียมความพร้อมในการเปิดบริการใช้ประโยชน์บนเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ซึ่งมีพิธีเปิดเป็นทางการในวันที่3ธ.ค.ที่เวียงจันทร์ นครหลวงของลาวและมีพิธีเปิดสถานีขนส่งท่านาแล้งในวันที่ 4 ธ.ค. ที่จะถึงนี้

สำหรับเส้นทางรถไฟจีน - ลาว มีระยะทางประมาณ 420 กิโลเมตร  31 สถานีเริ่มต้นที่นครคุนหมิง มณฑลยูนนานของจีนเชื่อมต่อที่เมืองบ่อเต็นของลาวมีปลายทางที่นครหลวงเวียงจันทน์ซึ่งอยู่ติดกับจังหวัดหนองคายโดยมีการทำMOUบันทึกความร่วมมือ3ประเทศระหว่างไทย-ลาว-จีนในปี 2560 เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งสินค้าข้ามแดนเพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ผ่านการขนส่งทั้งทางราง ทางถนน ทางอากาศและทางเรือเพื่อสร้างโอกาสและการเติบโตของการส่งออกการนำเข้าของประเทศไทยต่อไปในอนาคตโดยมีอีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจใหม่ (Esan New Economic Corridor)

“การเปิดศักราชใหม่ของระเบียงเศรษฐกิจอีสานเป็นผลมาจากการเดินทางเยือนจีนในเดือนพฤศจิกายนปี 2562 ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จนนำมาซึ่งการลงนามในพิธีสารเปิดด่านนำเข้าส่งออกระหว่างไทย-จีนเพิ่มเป็น 16 ด่านรวมทั้งด่านรถไฟโมฮ่านด่านรถไฟผิงเสียงด่านรถไฟเหอโขว่พร้อมกับจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาโลจิสติกส์เกษตรโดยมีนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานทำงานร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม หน่วยงานรัฐอื่นๆ ภาคเกษตรกรและภาคเอกชนทำให้การเตรียมความพร้อมในการขนส่งทางรถและทางรถไฟปกติไปยังสถานีขนส่งท่านาแล้งพร้อมเปิดดำเนินการโดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรเช่นข้าว มันสำปะหลัง ยาง และผลไม้เป็นต้นซึ่งจะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และเวลาในการขนส่งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรและเปิดโอกาสทางการตลาดต่างประเทศครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย ทางสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายงานล่าสุดว่าขณะนี้ทางลาวได้กำหนดอัตราค่าโดยสารและค่าระวางขนส่งสินค้าแบบเทกองแล้ว ส่วนอัตราการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ยังไม่ได้กำหนด” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

ก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคมรายงานว่าการเชื่อมทางรถไฟความเร็วสูงในส่วนของไทยยังอยู่ระหว่างดำเนินการเช่นการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 ช่วง กรุงเทพฯ-นครราชสีมา มีระยะทาง 253 กม. กำหนดเปิดให้บริการ ปี 2569 สำหรับระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคาย มีระยะทาง 356 กิโลเมตร ปัจจุบันได้ออกแบบรายละเอียดโดยมีกำหนดเปิดให้บริการ ปี 2571

8 ประเทศในทวีปแอฟริกา ห้ามเดินทางเข้าไทย

กระทรวงสาธารณสุข ห้ามผู้เดินทางจาก 8 ประเทศในทวีปแอฟริกาเข้าไทย หลังองค์การอนามัยโลก พบเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ ‘โอไมครอน’

สำหรับมาตรการควบคุมโรคในไทยต่อสายพันธุ์โอไมครอนนั้น ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เดินทางจาก 8 ประเทศเสี่ยงในทวีปแอฟริกา ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตีนี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย ซิมบับเวย์ แอฟริกาใต้ เดินทางเข้าประเทศไทย นับตั้งแต่ 1 ธ.ค. นี้ เป็นต้นไป 

ประจวบฯ จัดงาน ‘หัวหินบ้านของพ่อ’ น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ในหลวง ร.9

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วุฒิสภา และมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม ร่วมกันจัดกิจกรรม “หัวหินบ้านของพ่อ” วันที่ 5 ธ.ค. นี้ ณ อุทยานราชภักดิ์ เพื่อเป็นการเทิดทูนและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในหลวง ร.๙ ในวันคล้ายวันพระราชสมภพ

พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกระทรวงกลาโหม เชิญชวนพสกนิกรร่วมจุดเทียนน้อมรำลึก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร “ในหลวง ร.9” ในงาน “หัวหินบ้านของพ่อ” ในวันคล้ายวันพระราชสมภพ 5 ธ.ค. นี้ ที่ อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

โครงการ “หัวหินบ้านของพ่อ” จัดโดย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมกับคณะกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา คณะอนุกรรมาธิการศึกษาและเสนอแนะแนวทางด้านการสื่อสารในการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และมูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเทิดทูนและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ตลอดจนเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช และยังเป็นการปลูกฝังค่านิยมที่ดีงาม แสดงถึงความรัก ความกตัญญูกตเวที ให้ประชาชนและเยาวชนได้สำนึกพระคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งยังเป็นการรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของสถาบันหลักของชาติไทยให้คงอยู่ตลอดไป

ฉก.จงอางศึก เพิ่มมาตรการเข้มสกัดแรงงานผิดกฎหมายชายแดนไทยเมียนมา ด้านจ.ประจวบคีรีขันธ์ รองรับนโยบายรัฐบาลและกองทัพบก ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส covid-19 โดยเฉพาะเชื้อไวรัสกลายพันธุ์โอไมครอน

กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) โดย กรมกิจการพลเรือนทหาร ได้จัดโครงการประชาสัมพันธ์สนับสนุนการจัดระเบียบชายแดนในพื้นที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ เยี่ยมชมการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันประเทศตามแนวชายแดน อันเป็นภารกิจหลักของกองทัพไทยในการรักษาความมั่นคงของชาติ ก่อให้เกิดความเชื่อมั่น ศรัทธาต่อกองทัพ นำไปสู่ความร่วมมืออันดีระหว่างทหารกับประชาชน 

โดยได้เข้าเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของหน่วยทหาร ที่หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ จ. ประจวบคีรีขันธ์ พ.อ.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้กล่าวบรรยายถึงการสกัดแรงงานผิดกฎหมายชายแดนไทย-เมียนมา ด้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่า ในพื้นที่ความรับผิดชอบ 283 กิโลเมตร โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2564 สามารถจับกุมได้ 36 ครั้ง ยอด 933 คน ซึ่งส่วนใหญ่ลักลอบเข้ามาบริเวณตอนกลางของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาถึงพื้นที่ชั้นใน ทั้งนี้หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทั้ง ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทหารพราน ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) กรมศุลกากร และฝ่ายปกครอง ทำให้สามารถจับกุมสกัดกั้นได้เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้แนวทางที่ผู้บังคับบัญชา ได้เน้นย้ำคือจะตัองแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมายทุกขั้นตอนให้ครอบคลุม ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง โดยจะมีการซักถามผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างละเอียดเพื่อเป็นข้อมูลขยายผลจับกุม

นอกจากนี้ยังต้องมีประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งถือเป็นพันธกิจหนึ่งของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก จึงมั่นใจว่าจะได้รับความร่วมมือ กับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ปัญหาแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งทางการเมียนมาก็มีมาตรการเข้มงวดในเรื่องนี้เช่นกัน

ทั้งนี้เชื่อว่า การจัดทำบันทึกข้อตกลง หรือ MOU เปิดทางให้แรงงานจากเมียนมา กัมพูชาและลาว เข้ามาในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเบาลง แต่ทางนี้ก็ต้องรอการประเมินอีกครั้งตั้งแต่ 1 ธันวาคม เป็นต้นไป 

สำหรับการสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย ตามที่ทาง สภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้กำหนดการ สกัดกั้น 3 แนวทาง กล่าวคือ แนวที่ 1 บริเวณแนวชายแดน (พื้นที่ต้นน้ำ) , แนวที่ 2 พื้นที่หมู่บ้านชายแดน (พื้นที่กลางน้ำ) และ แนวที่ 3 พื้นที่ตอนใน (พื้นที่ปลายน้ำ)
แนวที่ 1 บริเวณแนวชายแดน หรือ พื้นที่ต้นน้ำ ฉก.จงอางศึก และ ตชด. เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก 

โดยมีการดำเนินการ คือ 1.จัดตั้งจุดตรวจ แบบประจาที่ ตลอด 24 ชั่วโมง จำนวน 15 จุด และ จุดเฝ้าตรวจแบบไม่ประจำ และ 2.วางเครื่องกีดขวางปิดกั้น เช่น รั้วลวดหนาม, ประตูเหล็ก, ไม้ไผ่ (ขวาก) ทั้งในช่องทางหลัก จานวน 34 ช่องทาง และช่องทางธรรมชาติ จำนวน 8 ช่องทาง ที่ได้ร่วมบูรณาการจัดสร้างขึ้น ตั้งแต่เมื่อปี 2563 

“อานนท์ แสนน่าน”และชาวอุดรธานีเป็นปลื้ม“ลุงตู่”ควง“ลุงป้อม”เปรียบเสมือนช้างเหยียบนาพญาเหยียบเมือง นำงบประมาณและความเจริญมาสู่จังหวัดเพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น หวังให้มีการนำเป็นโมเดลสลายสีเสื้อสู่การรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง และ อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า พวกเราชาวอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง 20 จังหวัดภาคอีสาน และ ประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี ปลื้มใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ “ลุงตู่” นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หรือ “ลุงป้อม” รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่ของ “จังหวัดอุดรธานี” เปรียบเสมือน “ช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง” ที่จะนำเอางบประมาณและความเจริญมาสู่จังหวัดอุดรธานี และ จังหวัดใกล้เคียง เพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาอุดรธานีต้องการพัฒนาในด้านต่าง ๆ หลายด้าน

โดยฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมะที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมาเยี่ยมชมกราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้เดินทางลงพื้นที่ก็จะทำให้ทราบถึงความต้องการในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญการลงพื้นที่ทั้ง 3 จุดของนายกรัฐมนตรีฯ ในครั้งนี้ทำให้ประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับดีใจมากที่ท่านนายกฯเป็นกันเองพูดคุย ทักทาย จับมือ ถ่ายรูป และ ให้ชาวบ้านผูกผ้าขาวม้ากอดเอวได้ เป็นภาพที่น่ารักของท่านนายกฯ จึงทำให้หลายๆ คน “รักนายกฯลุงตู่มากขึ้นกว่าเดิม” นอกจากนั้นแล้วทางท่าน พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ หรือ “ลุงป้อม” รองนายกรัฐมนตรี ก็กันเองกับประชาชนที่เดินทางมาต้อนรับเดินมาทักทาย พูดคุย และ ขอบคุณประชาชนแทน “ลุงตู่” 

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า และสำคัญคนที่เชิญ “ลุงตู่” และ “ลุงป้อม” 2 ป ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดอุดรธานีในครั้งนี้ ตนต้องยกความดีและขอขอบคุณ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ที่ประสานงานและเลือกจังหวัดอุดรธานีเป็นจุดลงตรวจงานของนายกฯพร้อมคณะ ที่อยากจะให้มาพบกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่เคยเป็นอดีตหมู่บ้านเสื้อแดง และเปลี่ยนมาเป็นหมู่บ้านวิสาหกิจชุมชน จนสร้างงาน สร้างอาชีพภายในกลุ่มได้เป็นอย่างดี และตนหวังอย่างยิ่งว่าอยากจะให้จังหวัดอุดรธานีเป็นโมเดลในการสลายสีเสื้อ ไม่ต้องมีสีแดง สีเหลือง หรือ สีอื่น ๆ แต่พวกเราต้องการที่จะให้มีอย่างเดียวคือ การรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตามปณิธานและความต้องการของ “นายกลุงตู่” เพราะท่านเป็นชายชาติทหารมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เคยคิดคดทรยศ หรือ โก่งกินบ้านเมืองแต่อย่างใด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top