Tuesday, 1 July 2025
NEWS

สำนักงานเลขานุการใน "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ " ร่วมพิธีถวายพานพุ่มเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ และ วันชาติ วันพ่อแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๔

ณ โรงเรียนเทศบาลเมืองท่าโขลง 1 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี "นายุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย" เลขานุการในหม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) / นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล ผู้ช่วยเลขานุการฯ / นางสาวอรอนงค์ สุดใจ ผู้ช่วยเลขานุการในฯ / นายมนตรี สังข์วิสิทธิ์ เจ้าหน้าที่สำนักงานเลขานุการฯ พร้อมคณะ เข้าร่วมกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ

โดยกิจกรรมในช่วงเช้า เวลา 07.00 น. ได้จัดกิจกรรมทำบุญตักบาตร พระภิกษุสงฆ์ และสามเณรจำนวน 89 รูป เพื่อบำเพ็ญถวายเป็นพระราชกุศล จากนั้นใน เวลา 09.00 น. "นายนิติชัย วิริยานนท์ " นายอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในพิธีฯ วางพานพุ่มดอกไม้หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร  

เพลงพระราชนิพนธ์ “Still On My Mind” ในดวงใจนิรันดร์ | MEET THE STATES TIMES EP.44

📌เพลงพระราชนิพนธ์ “Still On My Mind” ในดวงใจนิรันดร์

📌 บทเพลงที่พ่อหลวง ร.9 ทรงแต่งขึ้น…เพื่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

 ในรายการ MEET THE STATES TIMES ข่าวคุยเพลิน

🎥ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

.

.

‘วันละพาล​ ครองเมือง’ | MEET THE STATES TIMES EP.43

📌‘วันละพาล​ ครองเมือง’!
📌ชวนคิด! อนาคตประเทศไทย ไม่ว่าใครก็ห้ามคิดต่าง!?

ในรายการ MEET THE STATES TIMES

ดำเนินรายการโดย หยก THE STATES TIMES

.

.

โพลชี้นักธุรกิจชั้นนำเชียร์​ ‘จุรินทร์’ นั่งนายกฯ พร้อมเลือกผู้สมัครปชป.เป็นผู้ว่าฯกทม. ปลื้ม​ ”ประชาธิปัตย์” ซื่อสัตย์สุจริต-มีจุดยืนแก้รธน.ให้เป็นประชาธิปไตย 

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. อินไซท์เอเชีย รีเสิร์ช กรุ๊ป (ประเทศไทย) ร่วมกับ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้สำรวจความคิดเห็นกลุ่มนักธุรกิจชั้นนำในประเทศไทย จำนวน 444 ราย ที่มีต่อรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลในกรณีถ้าต้องมีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรี ตามระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย และมุมมองต่อการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งคำถามที่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดมีจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด ซึ่งผลสำรวจชี้ชัดว่านักธุรกิจชั้นนำเลือกพรรคประชาธิปัตย์ คิดเป็น 47.7 เปอร์เซ็นต์ มากสุดในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด และเมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลใดมีความซื่อสัตย์สุจริตมากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 40.6 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีความคิดเห็น หรือไม่ทราบ ขณะที่ 35.1 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าเป็นพรรคประชาธิปัตย์

ต่อคำถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดมีความน่าเชื่อมั่นต่อการบริหารงานที่รับผิดชอบมากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 38.8 เปอร์เซ็นต์ ไม่เชื่อมั่นพรรคใด แต่ 27 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความน่าเชื่อมั่นมากที่สุด เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลใด สามารถทำตามนโยบายหาเสียงได้มากที่สุด พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 34.4 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าไม่มีความเห็นและไม่ทราบ ขณะที่ 20.7 เปอร์เซ็นต์ เลือกพรรคประชาธิปัตย์ และโพลนี้สอบถามว่าถ้าสามารถเลือกหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีได้ คิดว่าหัวหน้าพรรคใดควรเป็นนายกฯ ซึ่งนักธุรกิจชั้นนำ 45.05 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ตัดสินใจหรือไม่เลือกใคร แต่ 27.48 เปอร์เซ็นต์ เลือกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ตามด้วย 15.32 เปอร์เซ็นต์ เลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และเมื่อสอบถามเพิ่มเติมถึงสาเหตุ พบว่านักธุรกิจชั้นนำ 22.17 เปอร์เซ็นต์ เลือกเพราะเล็งเห็นถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน

'โบว์ ณัฏฐา' ลั่น 'Cancel Culture' ไม่ต่างจากการล่าแม่มด ย้ำ บ่อยครั้งเหยื่อเป็นผู้บริสุทธิ์ แนะ ควรสร้างสังคมที่เป็นเหตุเป็นผล

จากกระแสดราม่า ‘น้องลูกหนัง ศีตลา’ ลูกสาวคนเล็กของนักแสดง ‘ตั้ว ศรัณยู’ กับ ‘เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง’ ที่เกิดดราม่าในโลกโซเชียลแห่คว่ำบาตร ไม่สนับสนุน พร้อมใจติด #SITALA เนื่องจากอดีตเคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองพร้อมกับครอบครัว

จากกรณีดังกล่าว ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง THE STATES TIMES ในรายการ Click On Clear THE TOPIC ถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน โดยตลอด 20 ปีที่ผ่านมาบริบททางการเมืองกลายมาเป็นกระแสที่มีการแบ่งขั้วทางการเมืองอย่างรุนแรง 

จึงทำให้เกิดการละเมิดพื้นหลังทางครอบครัว หรือไซเบอร์บุลลี โดยเฉพาะในประเด็นของ ‘Cancel Culture’ และการรุมแบนให้ออกมา ‘Call Out’ จนสังคมเกิดความเคยชินและมองว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องปกติที่สามารถทำได้

อย่างในกรณี ‘น้องลูกหนัง’ เป็นประเด็นที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกหลานนักการเมือง นักเคลื่อนไหว หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงต้องรับแรงกดดันจากการกระทำของพ่อ-แม่ ไม่ว่าจะผิดหรือจะถูก ถ้าทุกคนพูดได้หรือยอมรับให้เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นแล้วสังคมจะเป็นยังไง นี่คือสิ่งที่เรากังวล 

ถ้าหากถามว่าการโดน ‘Cancel Culture’ ครั้งนี้ คือราคาที่ต้องจ่าย เปรียบเทียบกับศาลที่ต้องดูว่าความได้ส่วนกับเหตุ เหมือนกับศาลตัดสินแล้วลงโทษก็ต้องดูความได้ส่วนกับเหตุ ถ้าเกิดว่าลงโทษหนักกว่าเหตุ นี่คือความไม่ยุติธรรม

เช่นกันกับในโลกออนไลน์เมื่อคุณจะทำตัวเป็นผู้พิพากษาตัดสินใคร ก็อยากให้พิจารณาความได้ส่วนกับเหตุนั้น ถ้าคนคนหนึ่งจะมีแอ็กชันทางการเมืองที่คุณไม่เห็นด้วย คุณก็พูดในประเด็นนั้นดีไหมว่ามันเลวร้ายยังไง  

มาเลเซีย พบผู้ติดเชื้อ Omicron รายแรก เผยเดินทางมาจากแอฟริกาใต้ 2 สัปดาห์ก่อน

กัวลาลัมเปอร์ 3 ธ.ค. - มาเลเซียพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกเป็นนักเรียนต่างชาติที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้เมื่อสองสัปดาห์ก่อน และออกจากสถานที่กักตัวเพื่อดูอาการเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายนหลังกักตัวครบ 10 วัน

นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมาเลเซีย เผยวันนี้ว่า เจ้าหน้าที่มาเลเซียได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิดซ้ำอีกครั้งในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อช่วงก่อนหน้านี้ หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเป็นสายพันธุ์ที่น่าวิตกกังวลเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 

นายจามาลุดดินระบุว่า ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนรายแรกของมาเลเซียเป็นนักเรียนหญิงวัย 19 ปีที่เดินทางมาจากแอฟริกาใต้ เป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิดที่ไม่แสดงอาการ และได้รับการฉีดวัคซีนโควิดครบสองโดส โดยมีผลตรวจหาเชื้อโควิดเป็นบวกเมื่อเดินทางถึงมาเลเซียในวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังแวะเปลี่ยนเครื่องที่สิงคโปร์ จากนั้น นักเรียนคนดังกล่าวได้เข้าสู่มาตรการกักตัวเป็นเวลา 10 วัน และครบกำหนดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน

เครือข่ายผู้ใช้ฯ โวยสสส. ออกข่าวบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายเพิ่มขึ้น ไม่ถูกต้อง!

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าโวย สสส. ออกข่าวบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายเพิ่มจาก 5% เป็น 67% ไม่ถูกต้อง ชี้สองงานวิจัยที่ทำการศึกษาคนละวิธีเอามาเทียบกันไม่ได้ พร้อมแนะ สสส. และ NGO สายสุขภาพอย่านำเสนอข้อมูลที่บิดเบือนเพราะจะสร้างความกังวลให้กับสังคมได้ ย้ำประเทศไทยต้องรีบทำบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายเพื่อป้องกันปัญหาการให้ข้อมูลผิดๆ แบบในปัจจุบัน และช่วยชีวิตคนไทยที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ปีละกว่า 70,000 คน


 
นายมาริษ กรัณยวัตน์ ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “เครือข่ายลาขาดควันยาสูบ” และแอดมินเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คน กล่าวถึงการนำข้อมูลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ ไปเปรียบเทียบกับสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England) ว่า “การนำผลการศึกษานี้ไปเปรียบเทียบกับรายงานของ PHE แล้วสรุปว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 67% เป็นการสรุปที่ไม่ถูกต้อง เพราะรายงานของ PHE ที่บอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่นั้น เป็นการวัดปริมาณสารเคมี โดยรายงานระบุว่าสารประกอบในควันบุหรี่รวมทั้งสารก่อมะเร็งซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แทบจะไม่เจอเลยในไอละอองของบุหรี่ไฟฟ้า หรือถ้าเจอก็จะอยู่ในระดับที่ต่ำเพียง 5% เมื่อเทียบกับที่เจอในควันบุหรี่ ขณะที่การศึกษาของ ม. โอทาโก เป็นการสะท้อนถึงการเกิดโรค เมื่อตัวชี้วัดทางกายภายได้รับสารเคมีจากไอละอองเข้าไป ซึ่งการศึกษาสรุปชัดเจนว่าอันตรายต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ที่ 33.2% เทียบกับบุหรี่”  

นายมาริษยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “การเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่า สสส. และ NGO สายสุขภาพยังคงพยายามใช้เทคนิคเดิมๆ โดยการให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน และดิสเครดิสงานวิจัยที่ผ่านการรวบรวมข้อมูลอย่างมีมาตรฐาน โดยบอกว่ามี 2 งานที่เป็นงานที่สนับสนุนโดยบริษัทยาสูบ โดยไม่พิจารณาผลการวิจัยและความน่าเชื่อถือของการทำวิจัย แสดงถึงอคติที่มีต่อบุหรี่ไฟฟ้า จนทำให้ละเลยข้อเท็จจริงที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ ซึ่งคนที่เป็นแพทย์และต้องการรักษาชีวิตของผู้สูบบุหรี่ ไม่ควรเพิกเฉยกับข้อมูลที่มีประโยชน์และน่าจะช่วยลดอันตรายหรือรักษาชีวิตผู้สูบบุหรี่ได้”
 
งานวิจัยซึ่งจัดทำโดยมหาวิทยาลัยโอทาโกดังกล่าวเป็นการรวบรวมการศึกษา 5 ชิ้นที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจาก 584 ชิ้นโดยดูตัวชี้วัดทางกายภาพ (biomarker) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่าจะก่อให้เกิดโรคในกลุ่มผู้สูบบุหรี่ที่เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า เพื่อเป็นการสะท้อนถึงการรับสารเคมีเข้าสู่ร่างกาย โดยจะทำการศึกษาว่าเมื่อร่างกายได้รับสารเคมีจากไอละอองของบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ตัวชี้วัดเหล่านั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ก่อนจะนำผลจากตัวชี้วัดทางกายภาพดังกล่าว มาคำนวณความสูญเสียทางสุขภาพที่ทำให้เกิดโรคที่จำเพาะกับการสูบบุหรี่เทียบกับการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ซึ่งพบว่าอันตรายต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้าอยู่เพียงแค่ 33.2% เทียบกับบุหรี่
 

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” ยืนหยัดทำความดีครบ 110 ปี!! เชิญชวนคนไทยร่วมสร้างสังคมความดีที่ยั่งยืน บันทึกเรื่องราวความดี สร้างแรงบันดาลใจ ลงบนเว็บไซต์ “ต้นไม้แห่งความดี”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง องค์กรสาธารณกุศล ที่มุ่งมั่นบรรเทาทุกข์ และบำรุงสุขโดยไม่เลือกชั้น วรรณะ และศาสนา อย่างครบวงจรชีวิต ทั้งเกิด แก่ เจ็บ และตาย ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” อยู่เคียงคู่ชีวิตคนไทยมา ยาวนานกว่า 110 ปี เดินหน้าปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผ่านโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

พร้อมสร้างสังคมแห่งความดีที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศชาติ ในรูปแบบดิจิทัล ภายใต้แคมเปญ “110 ปี ล้านความดี ป่อเต็กตึ๊ง” ให้ทุกคนได้ร่วมกันสืบสานความดีลงบนเว็บไซต์ “ต้นไม้แห่งความดี.com” ให้ครบ 1,100,000 ความดี เพื่อรวมกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ร่วมขับเคลื่อนสังคมไทยต่อไป           

นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่มุ่งมั่นช่วยเหลือบรรเทาทุกข์และบำรุงสุขโดยไม่เลือกชั้น วรรณะ และศาสนา อย่างครบวงจรชีวิต ภายใต้ปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” และเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมาในโอกาส “ครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” มูลนิธิฯได้จัดกิจกรรมพิเศษตลอดทั้งปี เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ให้กับสังคมไทย ภายใต้แนวคิด “ความดีที่ยั่งยืน”

โดยได้มอบอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์รวมมูลค่า 110 ล้านบาทให้แก่โรงพยาบาลของส่วนราชการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวม 37 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ อาทิ การตั้งโรงครัวบริการอาหารและน้ำดื่ม การบริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตามชุมชนต่าง ๆ การก่อสร้างอาคารที่จอดรถที่โรงพยาบาลหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ วิทยาเขตยศเส เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย 

นอกจากนี้ยังมีโครงการใหญ่อีก 2 โครงการ ที่จะเกิดขึ้นในโอกาสฉลองการครบรอบ 110 ปี คือ การเปิดหอประวัติมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และ การสร้างศาลเจ้าไต้ฮงกง (สาทร) ถนนเจริญราษฎร์ เขตสาทร  ที่สำคัญมูลนิธิได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทรงเปิดงานฉลอง “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง 110 ปี ความดีที่ยั่งยืน” และทรงเปิด “หอประวัติมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง” ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร ในวันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม นี้

และในโอกาสฉลองวันดังกล่าว องค์กรในเครือของมูลนิธิฯยังได้ร่วมกันจัดกิจกรรมประกอบด้วย โรงพยาบาลหัวเฉียว มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ  คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว ซึ่งจะมีทั้งการให้บริการตรวจสุขภาพฟรี และ การบริการในอัตราพิเศษ  ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

และในโอกาสครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญชวนคนไทยมาร่วมบันทึกเรื่องราวการทำความดีลงบนเว็บไซต์ https://www.ต้นไม้แห่งความดี.com หนึ่งในกิจกรรมสืบสานปณิธานความดีของมูลนิธิฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสะสมความดีทีละเล็กทีละน้อย หลอมรวมให้กลายเป็นพลังความดีที่ยิ่งใหญ่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความดีที่ยั่งยืนต่อไป  โดยผู้ที่ต้องการเข้าไปร่วมส่งต่อปณิธานความดี สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงคลิกเข้าไปที่ www.ต้นไม้แห่งความดี.com  เพื่อทำการสะสมความดีซึ่งสามารถเลือกหมวดสะสมความดี “11 รากแก้วแห่งความดี” ที่มีอยู่ทั้งหมด 11 หมวด

หลังผ่านครบรอบ 110 ปีแล้ว มูลนิธิฯ จะยังคงเดินหน้าพัฒนาการปฏิบัติภารกิจทำงานช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ เอื้ออำนวยประโยชน์สุขแก่เพื่อนมนุษย์ ผู้ตกทุกข์ได้ยากจากภัยพิบัติ จนครบวงจรชีวิต คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย โดยไม่จำกัดชนชั้น วรรณะ เชื้อชาติ ศาสนา เพศ และวัย ภายใต้ปณิธาน ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต  รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน และศูนย์ฝึกอบรม ซึ่งจะช่วยให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่เพื่อนมนุษย์ของมูลนิธิฯ เป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ

ดร.นิว สงสัยใครใช้วิธีสกปรกปิดกั้นเฟซบุ๊ก หลังโดนทักไม่เห็นความเคลื่อนไหว ทั้งที่โพสต์ปกติ

เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ระบุว่า ใครกันแน่ที่ปิดกั้นเสรีภาพด้วยวิธีการที่สกปรก?

ช่วงนี้เฟซบุ๊กของผมเหมือนกำลังถูกปิดกั้นการมองเห็นครับ มีหลาย ๆ ท่านหลังไมค์เข้ามาบ่นว่าไม่ค่อยเห็นความเคลื่อนไหวเลย จนต้องตามเข้ามาดูที่หน้าเฟซบุ๊กของผมโดยตรง แล้วจึงได้เห็นว่าผมยังมีการโพสต์เฟซบุ๊กตามปกติ

ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ร่วมงาน"วันคนพิการสากล" 3 ธันวาคม ของทุกปี

ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) "อาจารย์ชูศักดิ์ จันทยานนท์ " เป็นตัวแทนคนพิการประเทศไทย อ่านสาสน์งาน "วันคนพิการสากล" ประจำปี 2564 มีใจความว่า

ขอขอบคุณ  "นายจุติ ไกรฤกษ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะที่มุ่งมั่นตั้งใจ ขับเคลื่อนงานคนพิการโดยเฉพาะในช่วงภาวะวิกฤติโควิต เราทำงานเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นจุดเน้นที่ "องค์การสหประชาติ" กำหนดว่างานด้านคนพิการขอให้คนพิการร่วมนำการเปลี่ยนแปลงเพื่อการเข้าถึงโดยสะดวกถ้วนหน้า หลังโลกใหม่หลัง โควิด 19   โดยเฉพาะประเด็น ร่วมนำ (leadership ) การมีส่วนร่วม (paticipation) การเป็นหุ้นส่วน (Inclusive) การเข้าถึง (acceibility)และความยั่งยืน ( substanable)ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับประเทศไทย เพราะ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กับองค์กรคนพิการทำงานร่วมมือกันเป็นอย่างดี มีการออกมาตราต่างๆในการช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาคนพิการอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี “สวัสดิการเบี้ยความพิการถ้วนหน้า” อีกด้วย

ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้
ชูศักดิ์ จันทยานนท์
นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ จัดพิธีบำเพ็ญกุศล ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้และเพื่อเป็นการร่วมแสดงความจงรักภักดี และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

พลตำรวจเอก สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำหนดให้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน และพิธีตักบาตรพระสงฆ์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ (5 ธ.ค. 64)

“โฆษกกองทอ.”  แจงกรณีเครื่องบินกองทัพอากาศประสบอุบัติขณะปฏิบัติภารกิจฝึกบิน

พล.อ.ต.ประภาส  สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เวลาประมาณ 11.00 น. มีรายงานเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 (F-5) สังกัดฝูงบิน 211 กองบิน 21 ประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติภารกิจการบินยุทธวิธีประยุกต์ ณ บริเวณสนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี 

จากการตรวจสอบพบว่าเครื่องบินดังกล่าว เป็นหมายเลข 1 ของหมู่บิน 4 ประสบอุบัติเหตุขณะทำการบินเดินทางต่ำด้วยหมู่บินยุทธวิธี มีนักบินทำการบิน จำนวน 1 คน สามารถดีดตัวออกจากเครื่องบินได้รับบาดเจ็บ อยู่ระหว่างนำส่งโรงพยาบาลชัยบาดาล

ขณะนี้ผู้บัญชาการทหารอากาศได้รับรายงานแล้ว และมีความห่วงใยนักบินที่ได้รับบาดเจ็บและได้สั่งการให้คณะกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุกองทัพอากาศ เดินทางลงพื้นที่เพื่อทำการตรวจสอบความเสียหายและสาเหตุต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ พลอากาศเอก นภาเดช  ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี ประจำปี 2564 ณ สนามฝึกใช้อาวุธทางอากาศชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับการแข่งขันการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี เป็นกิจกรรมที่กองทัพอากาศจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยได้พัฒนาปรับปรุงรูปแบบจากการแข่งขันใช้อาวุธทางอากาศในอดีต ซึ่งเป็นกิจกรรมสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของกองทัพอากาศทั่วโลก เป็นการทดสอบและประเมินขีดความสามารถการใช้อาวุธ และการปฏิบัติภารกิจของนักบิน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นรายบุคคล หมู่บิน ฝูงบิน หรือหน่วยรบ โดยในปัจจุบันได้เพิ่มเติมรูปแบบให้สอดคล้องครอบคลุมภารกิจของกองทัพอากาศมากยิ่งขึ้น ทั้งการปฏิบัติการทางทหาร และการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากสงคราม 

‘อดีตพระมหาไพรวัลย์’ โพสต์ ‘คืนสิกขา’ พร้อมแคปชั่นภาพยิ้มอรุ่มเจ๊าะ ‘ผมโสดนะ’

‘ไพรวัลย์ วรวัณโณ’ หรืออดีตพระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ พระลูกวัด วัดสร้อยทอง โพสต์เฟซบุ๊กเผยภาพตนเองขณะกราบลาสิกขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนวันที่คาดกัน 1 วัน ชาวเน็ตร่วมคอมเมนต์ บอกใจหายกันเป็นแถว

จากกรณี ‘ไพรวัลย์ วรวัณโณ’ หรือพระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ พระลูกวัด วัดสร้อยทอง กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า ‘ขอบคุณพระศาสนาที่มอบทุกอย่างให้แก่เด็กบ้านนอกคนหนึ่งคนนี้ตลอดเวลา 18 ปีที่ผ่านมา ขอบคุณข้าวน้ำจากศรัทธาของญาติโยม’ สื่อในทำนองว่าเตรียมตัวลาสิกขา และต่อมาได้มีการตอบกลับ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง หรือ ‘หมอแล็บแพนด้า’ ที่ถามพระมหาไพรวัลย์ไปว่า ‘จะสึกแล้วเหรอครับ’ โดยพระมหาไพรวัลย์ตอบกลับมาว่า ‘ใช่ พี่หมอ’ จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพระมหาไพรวัลย์เตรียมตัวลาสิกขาในเร็ววันนี้เป็นที่แน่นอนแล้ว โดยมีการคาดการณ์ว่า ‘พระมหาไพรวัลย์’ จะสึกในวันที่ 4 ธ.ค.

รปภ.ใจเด็ด ฮึดสู้โจรปล้นธนาคาร สู้กันจนแทงโจรดับ ส่วนตัวเองเจ็บ

จากกรณีที่นายปิยะพงษ์ อ่ำอ่อน หรือ บาส ก่อเหตุชิงทรัพย์ ธนาคารออมสิน สาขาทียูโดม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 14.30 น. ของวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2564 โดยมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อคือ นายขุนทอง ศรีชัยยะ ได้รับอาการบาดเจ็บบริเวณคอ และเอว เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ โดยผู้ก่อเหตุถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยใช้อาวุธมีดแทง และถูกพลเมืองดีรุมประชาทัณฑ์ บริเวณหน้าห้างเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

ภาพกล้องวงจรปิด จับภาพนายปิยะพงษ์ อ่ำอ่อน ผู้ก่อเหตุ ก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารออมสิน สาขาทียูโดม เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลา 14.30 น. นายปิยะพงษ์ ผู้ก่อเหตุ สวมเสื้อแขนยาวสีแดง-ดำ เดินเข้ามาในห้าง ลงชื่อเข้าใช้บริการ ล้วงมีดออกมาจากกระเป๋า จากนั้นแทงบริเวณคอนายขุนทอง รปภ. แล้วไล่ฟัดเหวี่ยงกับนายขุนทอง

จากนั้นนายปิยะพงษ์โยนกระเป๋าสีดำสะพายข้างเข้าไปในธนาคาร โดยพนักงานธนาคารแตกตื่น วิ่งออกมาจากธนาคาร จากนั้นนายปิยะพงษ์หลบหนีออกจากธนาคาร ถูกนายขุนทองใช้เก้าอี้ฟาด และใช้มีดแทงผู้ก่อเหตุ ก่อนที่นายปิยะพงษ์จะวิ่งหนีออกจากห้าง ส่วนนายขุนทองวิ่งตามออกมา และมีพลเมืองดีช่วยไล่จับและรุมประชาทัณฑ์นายปิยะพงษ์ ผู้ก่อเหตุ จนแน่นิ่งและเสียชีวิตในที่สุด

ญาติเคราะห์ร้ายร่ำไห้กลาง ‘โหนกระแส’ หลังตำรวจจับใส่กุญแจมือ แต่ไม่นำส่งโรงพยาบาลจนดับ

"ตำรวจ" งานเข้าอีกแล้ว หลังจากจับหนุ่มที่เกิดอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ชนกัน ใส่กุญแจมือไปโรงพักทั้งที่ไม่ผิด โดยที่ไม่พาไปโรงพยาบาลก่อน จนกระทั่งเสียชีวิต ทำเอาครอบครัวต้องเรียกร้องความยุติธรรม พร้อมร่ำไห้กลางรายการ

"ตำรวจ" สภ.บางละมุง ตกเป็นกระแสบนโซเชียล หลังจากชายคนหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์ทางตรงปกติ แต่จู่ ๆ ก็ถูกคู่กรณีซึ่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์กลับรถตัดหน้าระยะกระชั้นชิด จนทำให้ชนเข้าอย่างจัง จนผู้เสียหายสลบกับพื้น แต่ตำรวจกลับใส่กุญแจมือผู้เสียหายขึ้นรถกระบะไปโรงพัก สุดท้ายผู้เสียหายเสียชีวิต

ล่าสุด หนุ่ม กรรชัย ได้เชิญญาติผู้เสียชีวิตมาร่วมรายการ โหนกระแส โดยทางญาติได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ผู้เสียชีวิตได้ออกไปซื้อกับข้าวมาให้ครอบครัว หลังจากนั้นก็ถูกคู่กรณีขับรถชน โดยคู่กรณีได้วิ่งเข้ามาดูอาการผู้ที่ถูกชน แต่กู้ภัยกลับนำคู่กรณีไปโรงพยาบาลคนเดียว ในขณะที่ผู้เสียชีวิตเดินเซ คุมร่างกายไม่ค่อยอยู่ กลับถูกคุมตัวไปโรงพัก เพราะ "ตำรวจ" คิดว่าเมา ถูกส่งไปตรวจสารเสพติด ที่สภ.บางละมุง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top