Wednesday, 2 July 2025
NEWS

ตำรวจภูธรภาค 5 รับ 3 รางวัล ด้านการยึดทรัพย์คดียาเสพติด

ตำรวจภูธรภาค 5 รับ 3 รางวัล ผลการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศด้านการยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด โดย ภ.จว.ลำพูนเป็น 1 ใน 3 เข้าร่วมรับมอบ จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 64 เวลา 11.00 น. - 15.00 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 เข้าร่วมพิธีเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2564 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (นรม.) เป็นประธานฯ พร้อมทั้งรับโล่เกียรติคุณจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เนื่องด้วยเป็นองค์กรที่มีผลการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศด้านการยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด ณ ห้องประชุมมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก กรุงเทพมหานคร

โดยตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับรางวัลจำนวน 3 รางวัล ได้แก่ 
1.) รางวัลด้านการยึดทรัพย์สินคดียาเสพติดประเภทยอดเยี่ยม ลำดับที่ 1 ของประเทศในระดับภาค จำนวน 2,700 กว่าล้านบาท โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 

2.) ระดับจังหวัดขนาดใหญ่ ได้แก่ ภ.จว.เชียงใหม่ โดย พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ 

3.) ระดับจังหวัดขนาดเล็ก ได้แก่ ภ.จว.ลำพูน โดย พ.ต.อ.พชรพล วงศ์รจิต รอง ผบก.ภ.จว.ลำพูน

ชลบุรี - เทศบาลตำบลเกาะสีชัง - กิจกรรมทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ เนื่องด้วยนายธเนศ ผ่องใสการเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง

วันที่ 7 ธันวาคม 2564 เวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา พลเอก ประสูตร รัศมีแพทย์ นายกสมาคมนายร้อยกำลังสำรอง (ประเทศไทย) เป็นประธานในพิธีสงฆ์ทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ เนื่องด้วยนายธเนศ ผ่องใสการเข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง พร้อมกับคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเกาะสีชัง พนักงานเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ลูกจ้าง พนักงานจ้าง และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมกิจกรรม ณ ลานอเนกประสงค์หน้าที่ว่าการอำเภอเกาะสีชัง

“อลงกรณ์” ห่วงกรณี “จะนะ” โยงกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เขียนเฟซบุ๊กเตือนสติ “6 ตุลา @ จะนะ”

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส. 6 สมัยและอดีตรัฐมนตรี เขียนข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง “6 ตุลา @ จะนะ” เป็นข้อคิดเตือนสติทุกฝ่ายอย่างน่าสนใจ ตามข้อความต่อไปนี้

“6 ตุลา @ จะนะ”
เมื่อมีข่าวเขียนโยงกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่นกับกลุ่มก่อการร้าย 3 จังหวัด ทำให้ผมไม่สบายใจอย่างยิ่งและไม่เห็นด้วยกับการสร้างประเด็นใส่ร้ายแบบนี้

กรณีจะนะ เป็นสิทธิ์ของชาวบ้านที่จะคัดค้านหรือสนับสนุน แต่เราไม่ควรกระพือความขัดแย้งด้วยการโยงไปเกี่ยวกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน

การใส่ร้ายป้ายสีและการปลุกระดมปลุกปั่นจะก่อให้เกิดความเกลียดชังตามมาด้วยความรุนแรงทั้งทางความคิดและ การกระทำ เป็นวัฏจักรวนเวียนไม่รู้จบในบ้านเมืองของเรา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยแก๊งทวงหนี้เงินกู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ยังระบาด ตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตระหนกและหลงเชื่อ รวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งดำเนินคดี

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว แก๊งทวงหนี้เงินกู้นอกระบบ โทรมาข่มขู่เหยื่อแจ้งว่าติดหนี้ รวมถึงใช้กลอุบาย หลอกลวงเพื่อให้ยอมชำระหนี้นั้น

ห้วงที่ผ่านมายังปรากฏว่ามีแก๊งมิจฉาชีพ แอบอ้างใช้กลอุบาย โทรหาเหยื่อแจ้งว่าติดหนี้เงินกู้ ทำการข่มขู่ จะมาทำร้าย หรือหากไม่ชำระหนี้จะนำข้อมูลส่วนตัวไปขายต่อทำให้เสียชื่อเสียง  ดังเช่นกรณีในวันที่ 29 พ.ย. 64 หญิงรายนึงซึ่งเป็นแม่ค้าใน จว.นนทบุรี หลงเชื่อแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์จำนวน 20,000 บาท ถูกข่มขู่และคุกคามไปถึงบุคคลในครอบครัว และเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 64 สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอคลิปวิดีโอแก๊งทวงหนี้มีการพูดคุยระหว่างอัยการท่านนึง ถูกแก๊งทวงหนี้โทรมาข่มขู่ อ้างว่าติดยอดกู้ยืมเงิน จำนวน 3,000 บาท ซึ่งไม่ได้กู้ยืมจริง รวมถึงกรณีเมื่อวันที่ 20 พ.ย. 64 ชาวบ้านใน อ.วิเชียรบุรี จว.เพชรบูรณ์ ถูกแก๊งเงินกู้ออนไลน์โทรมาทวงหนี้จำนวนรายละ 5,000 บาท โดยใช้วิธีการด่าทอและใช้คำหยาบ เป็นต้น 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เล็งเห็นความสำคัญและมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกู้เงินนอกระบบ ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย จึงกำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนและสืบสวนปราบปรามดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายอย่างจริงจัง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล โดยกำชับไปยังทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ทำการสืบสวนหาข่าว ปราบปรามดำเนินคดีกับแก๊งทวงหนี้นอกระบบ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ ให้ประชาชนกู้ยืมเงินโดยผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือมีลักษณะเป็นการทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบประชาชน การทวงถามหนี้โดยผิดกฎหมาย หรือการกู้ยืมเงินที่มีลักษณะเป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นภัยที่ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนห้วงการแพร่ระบาดโควิด-19

ผบ.ตร. ขานรับแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565 พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. เข้าร่วมรับนโยบายนายกรัฐมนตรี

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 64 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี/รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2565  โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. (ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด) เป็นผู้แทนเข้าร่วมพิธีฯ นั้น 

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสถานการณ์ปัญหายาเสพติดกำลังเป็นปัญหาสำคัญของประเทศ มีการแพร่ระบาดในหลายจังหวัดทั่วประเทศ และยากต่อการป้องกันและปราบปราม อย่างไรก็ตาม การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติดดังกล่าวและได้ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเคร่งครัดเสมอมา เพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากปัญหายาเสพติดในสังคม สร้างความมั่นคงปลอดภัย และลดความเดือดร้อนของประชาชนจากผลกระทบดังกล่าวในระดับ บุคคล ชุมชน และสังคม 

พร้อมทั้งเป็นการเริ่มบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่เป็นวันแรก โดยเป็นการรวบรวมกฎหมายยาเสพติดที่อยู่ในบทบัญญัติหลายฉบับรวมให้เป็นฉบับเดียว เพื่อให้การทำงานสอดคล้องและไม่ซ้ำซ้อนกัน

พล.ต.ต.ยิ่งยศ โฆษกตร. ยังกล่าวต่ออีกว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดไว้ที่ 6,000 ล้านบาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยที่เกี่ยวข้องสามารถยึดอายัดทรัพย์สินดังกล่าวได้กว่า 7,300 ล้านบาท และได้รับคำกล่าว "ชื่นชม" จากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อีกทั้งภายในงานยังมีการมอบโล่เกียรติคุณให้แก่องค์กรที่มีผลการปฏิบัติงานด้านการยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด ซึ่งมีตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับรางวัลในระดับต่าง ๆ อาทิ เช่น 

'รัฐบาลจีน' ถวายวัคซีน 'ซิโนฟาร์ม' แด่ราชวงศ์ไทยอีก 2 แสนโดส

9 ธ.ค. 64 - เพจเฟซบุ๊ก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โพสต์รูปภาพวัคซีนซิโนฟาร์มพร้อมข้อความว่า รัฐบาลจีนถวายวัคซีนซิโนฟาร์ม 2 แสนโดสแด่ราชวงศ์ไทย เมื่อวันที่ 9 เดือนธันวาคม

‘สุชัชวีร์’ ลาออกอธิการบดี สจล. มีผล 13 ธ.ค. จ่อเปิดตัวชิงผู้ว่าฯ กทม. ในสีเสื้อปชป.

จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งทางปชป. จะแถลงข่าวเปิดตัวนายสุชัชวีร์ในวันที่ 13 ธันวาคม นั้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ที่ประชุมสภาสจล. มีวาระพิเศษ ได้มีมติอนุมัติให้ ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่งอธิการบดี ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ในเวลา 09.30 น. วันที่ 13 ธันวาคมนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อสรุปตัวบุคคล ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. และเปิดตัวในเวลา 16.00 น. โดยเลือกวันที่ 13 เนื่องจาก ศ.ดร.สุชัชวีร์ ชอบเลขนี้เป็นพิเศษ

พปชร. ส่งผู้ว่าฯ หมูป่า ชนสนามผู้ว่าฯ กทม. พร้อมเปิดตัวกลางเดือนธันวาคมนี้

หลังจากมีกระแสข่าวต่อเนื่องว่า นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หรือผู้ว่าหมูป่านั้น ได้ถูกทาบทามให้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคพลังประชารัฐ

พบ ‘โอไมครอน’ กลายพันธุ์ใน 3 ประเทศ ตรวจพบยากขึ้น ถูกขนานนาม ‘สเตลท์โอไมครอน’

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมนี้ระบุว่า มีการพบเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน เกิดการกลายพันธุ์ซ้ำขึ้นในอย่างน้อย 3 ประเทศ

ทั้งนี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ที่เฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 เผยแพร่รายงานผลการวิเคราะห์เชื้อโอไมครอนล่าสุดไว้ใน GitHub ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับโควิด-19 ของบรรดานักวิจัยทั่วโลกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมนี้ว่า ตรวจพบการกลายพันธุ์ของเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอน ที่แสดงถึงการกลายพันธุ์จำนวนมากแบบเดียวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อโอไมครอน แต่ไม่ได้ครบทั้ง 50 ตำแหน่งเหมือนกับ โอไมครอน ดั้งเดิม หรือ บี.1.1.529

‘ผช.รมว.แรงงาน’ มอบนโยบายอาสาสมัครแรงงานจังหวัดชลบุรี 280 คน ร่วมกันพัฒนาประเทศก้าวข้ามวิกฤตไปด้วยกัน!!

วันที่ 9 ธันวาคม 2564 เวลา 09.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน เป็นประธานมอบนโยบายแก่อาสาสมัครแรงงานจังหวัดชลบุรี ณ ห้องประชุมชลบุรี ศาลากลางจังหวัดชลบุรี โดยกล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID–19) ประเทศไทยได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเมื่อต้นปี 2564 ที่เกิดการแพร่ระบาดกระจายเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจของสถานประกอบกิจการหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ที่ต้องถูกรัฐสั่งปิดการให้บริการ รวมไปถึงสถานประกอบกิจการรายเล็กที่แบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวทำให้ต้องปิดกิจการลงในที่สุด ก่อให้เกิดปัญหาการว่างงานเป็นจำนวนมาก

ซึ่งจากฐานข้อมูลของจังหวัดชลบุรี พบว่า มีสถานประกอบกิจการปิดกิจการชั่วคราว จำนวน 562 แห่ง ลูกจ้างได้รับผลกระทบ จำนวน 159,644 คน สูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ กิจการประเภทการผลิต 140 แห่ง การขายส่งขายปลีก 165 แห่ง ที่พักและบริการด้านอาหาร 62 แห่ง ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ กระทรวงแรงงานโดยสำนักงานประกันสังคมจังหวัดชลบุรี ได้ดำเนินการจ่ายสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย จำนวน 1.33 แสนราย คิดเป็นเงิน 1,527 ล้านบาท และได้มีการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันเชื้อโรคโควิด 19 ให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 จำนวน 171,153 ราย

สำหรับในปีงบประมาณ 2565 กระทรวงแรงงาน โดยท่านรัฐมนตรีสุชาติ ชมกลิ่น ได้แถลงนโยบายเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ประกอบด้วย นโยบายเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ 1.ยกระดับกระทรวงแรงงานเป็นกระทรวงเศรษฐกิจ 2.กระตุ้นการจ้างงานตามความต้องการในระบบเศรษฐกิจใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 3.บริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ 4.เร่งรัด ปรับปรุง แก้ไขพระราชบัญญัติประกันสังคมให้สอดคล้องกับบริบทสถานการณ์ปัจจุบันและรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต และ 5.ดูแลให้แรงงานและนายจ้างสามารถทำงาน ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยและเป็นปกติสุข และนโยบายสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่

1.พัฒนาทักษะแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศและรองรับเศรษฐกิจใหม่

2.บริหารจัดการแรงงานในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ และในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

3.ต่อยอดการประกอบอาชีพ ยกระดับรายได้ และเศรษฐกิจชุมชน รวมทั้งในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

4.ยกระดับการป้องกันแก้ไขปัญหาหารค้ามนุษย์ด้านแรงงานเพื่อปลดล็อก Tier 2 Watch List

5.พัฒนา ปรับปรุง และส่งเสริมการคุ้มครองแรงงาน ระบบสวัสดิการ และหลักประกันทางสังคม และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย อาชีวอนามัย ในการทำงานให้สอดคล้องกับสภาวะสังคม เศรษฐกิจ และรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป

6.บริหารจัดการแรงงานนอกระบบ แรงงานกลุ่มเปราะบาง แรงงานสูงอายุและคนพิการให้ได้รับสิทธิและคุ้มครองด้านแรงงาน สวัสดิการและหลักประกันทางสังคมอย่างเท่าเทียม มีรายได้ที่เหมาะสมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ของประเทศ นำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน และ

7.พัฒนาระบบฐานข้อมูลด้านแรงงานกระทรวงแรงงาน (Big Data) และบูรณาการข้อมูลภาครัฐเพื่อการบริหาร วางยุทธศาสตร์ด้านแรงงานและหลักประกันทางสังคมอย่างเป็นระบบ

อาสาสมัครแรงงาน คือ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย และมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของกระทรวงแรงงาน ได้แก่

1.กระตุ้น ส่งเสริม รักษาการจ้างงาน และการขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศ ได้แก่ การประกอบอาชีพอิสระ การรับงานไปทำที่บ้านให้แก่ผู้ว่างงานและผู้จบการศึกษาใหม่

2.ส่งเสริมการจ้างงานแรงงานคนไทยและบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ

3.ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เชิงรุกในกลุ่มแรงงาน และสถานประกอบการโดยใช้มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น การดำเนินโครงการ Factory Sandbox

4.ยกระดับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน Up-skill Re-skill New skill โดยการอบรมให้กับแรงงานกลุ่มว่างงานให้มีความรู้เพียงพอต่อการทำงานเป็นการเพิ่มผลิตภาพแรงงานเพื่อกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยการส่งเสริมการเรียนรู้วิธีการทำงานใหม่ ๆ ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์

5.พัฒนาทักษะอาชีพให้กับเยาวชน คนรุ่นใหม่ที่นิยมทำงานรูปแบบแรงงานอิสระไม่ขึ้นกับองค์กรใดองค์กรหนึ่ง

6.ส่งเสริมอาชีพอิสระที่ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นหลักในการประกอบอาชีพ ตอบรับภาคการผลิตสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและชุมชนที่ยั่งยืน

7.บูรณาการทำงาน สร้างความรู้ความเข้าใจแก่แรงงาน ผู้ประกอบการและภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ทุกมิติ และ

8.ยกระดับคุณภาพชีวิตในการทำงานให้ดีขึ้น และส่งเสริมให้มีการพัฒนาแรงงานที่ยั่งยืนโดยคนหางานทุกคนมีโอกาสในการทำงานตามความสามารถของตน มีรายได้ที่เหมาะสม ได้รับการพัฒนาฝีมือที่ได้มาตรฐาน ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิพื้นฐาน มีสวัสดิการเพิ่มขึ้น มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีและมีหลักประกันทางสังคมที่สอดคล้องกับความจำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีพ

 

นศ.มรภ.บ้านสมเด็จฯ สร้างชื่อ คว้า 3 รางวัล แข่งขันสร้างเกมระดับนานาชาติ ที่เมืองจีน

มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา แจ้งว่า นักศึกษาสาขาวิชาแอนิเมชัน เกม และดิจิทัลมีเดีย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คว้ารางวัลจากการแข่งขันสร้างเกมระดับอุดมศึกษา "The sixth international college students GameJam" จัดโดย Jilin Animation Institute ประเทศจีน ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ (Gold award) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 (Bronze award) และรางวัลผลงานดีเด่น รวม 3 รางวัล โดยปีนี้ มีนักศึกษามหาวิทยาลัย 16 ทีม จาก 7 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร รัสเซีย ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และจีน เข้าร่วมการแข่งขันสร้างเกมออนไลน์ โดยต้องสร้างผลงานแอนิเมชันภายใต้หัวข้อ "Hand in Hand for Olympic Winter Games" และส่งผลงานเข้าระบบพร้อมแสดงผลประกอบคำบรรยายภายในระยะเวลาที่กำหนด

นายหวู ยื่อ เลขาธิการ คณะกรรมการ Jilin Animation Institute ประเทศจีน ในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เปิดเผยถึงที่มาของการจัดงานว่า “การแข่งขันสร้างเกมระดับอุดมศึกษานานาชาติครั้งนี้เป็นปีที่ 6 แล้ว ซึ่งน่ายินดีที่ปีนี้มีนักศึกษาเข้าร่วมแข่งขันจาก 7 ประเทศ แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 ทำให้เราต้องปรับรูปแบบการแข่งขันโดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในการจัดกิจกรรม ทุกทีมจึงมีอุปสรรคในเรื่องการสื่อสาร สถานที่ และระยะเวลาที่กดดันมากกว่าปกติ ถือเป็นความท้าทายในการพัฒนาเกมสำหรับนักศึกษาที่ต้องมีความพยายามมากเป็นพิเศษในการใช้ทักษะ ความคิดสร้างสรรค์และการระดมความคิด ทั้งวิชาการและเทคโนโลยี ควบคู่กับฝึกการทำงานเป็นทีมร่วมกันบนแพลตฟอร์มออนไลน์ นับเป็นปีแห่งการแข่งขันที่น่าจดจำ”

การแข่งขันสร้างเกมภายใต้หัวข้อ "Hand in Hand for Olympic Winter Games" ครั้งนี้ มีตัวแทนนักศึกษา 16 ทีม จาก 7 ประเทศ ได้แก่ Tokyo University of Technology, Nihon University, มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา, มหาวิทยาลัยรังสิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, Chungkang College of Cultural Industries, iAcademy, University of Portsmouth, St. Petersburg State University of Film and Television, Shenzhen University, the Guangzhou Academy of Fine Arts, Guilin University Of Electronic Technology, Guangxi Arts University, Hebei Academy of Fine Arts และ Jilin Animation Institute

ผลการแข่งขัน นักศึกษาสาขาวิชาแอนิเมชัน เกม และดิจิทัลมีเดีย คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา สามารถคว้ารางวัลได้ถึง 3 รางวัล ได้แก่
1.) รางวัลชนะเลิศเหรียญทอง โดย นายทักษิณ บรรจงศักดิ์ศิริ และนายวงศพัท เลือดทหาร
2.) รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 โดย นางสาวภัทรานิษฐ์ โจว
และ 3.) รางวัลทีมดีเด่น Outstanding team award โดย นายกรเกียรติยศ พุ่มผล และนายเทพกร ระวิงทอง

อังกฤษประกาศใช้ 'แผนบี' รับมือโอมิครอน หลังพบระบาดเร็วมาก ติดเชื้อเพิ่มเท่าตัวทุก 2-3 วัน

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ออกข้อกำหนดเมื่อวันพุธ (8 ธ.ค.) ให้ประชาชนทำงานจากที่บ้าน สวมหน้ากากในที่สาธารณะและใช้บัตรผ่านวัคซีนเพื่อชะลอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตัวกลายพันธุ์โอมิครอน หลังพบข้อมูลการแพร่เชื้อรวดเร็วมาก ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุก 2 ถึง 3 วัน และตัวเลขที่แท้จริงอาจเฉียด ๆ 10,000 คนแล้ว

จอห์นสันระบุว่า โอมิครอนกำลังระบาดอย่างรวดเร็วและเขาไม่มีทางเลือกยกเว้นแต่เคลื่อนเข้าสู่ "แผนบี" พร้อมกับเริ่มดำเนินโครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งนี้ แม้ยังคงห่างไกลจากมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบที่เคยกำหนดในช่วงต้น ๆ ของโรคระบาดใหญ่ แต่มาตรการใหม่นี้ถูกโวยวายว่าเป็นค้อนทุบธุรกิจร้านอาหาร คาเฟ่และห้างร้านทั้งหลาย ที่คาดหวังว่าการค้าขายในช่วงคริสต์มาสจะช่วยกอบกู้สถานะทางการเงินของพวกเขา

ส.ส. หลายคนในพรรคการเมืองของจอห์นสันเองก็แสดงความไม่พอใจต่อข้อจำกัดรอบใหม่เช่นกัน ด้วยหวั่นเกรงต่อผลกระทบของมาตรการดังกล่าว หลังจากเศรษฐกิจของประเทศหดตัวถึง 10% เมื่อปีที่แล้ว รุนแรงสุดเป็นประวัติการณ์

"ขณะที่ภาพรวมอาจดีขึ้น ซึ่งผมก็หวังด้วยความจริงใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่เรารู้ว่าการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อแบบก้าวกระโดด อาจทำให้จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และน่าเศร้า ด้วยเหตุนั้น จำนวนผู้เสียชีวิตก็อาจเพิ่มขึ้นเช่นกัน" จอห์นสันกล่าวระหว่างแถลงข่าว

นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน ซึ่งยกเลิกข้อจำกัดโควิด-19 เกือบทั้งหมดในอังกฤษในเดือนกรกฎาคม ตามหลังโครงการฉีดวัคซีนที่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว เคยประกาศเดินทางเข้าสู่ฤดูหนาวโดยปราศจากทางเลือกของการล็อกดาวน์รอบที่ 4 แต่สำรองไว้ซึ่งมาตรการที่เรียกว่า "แผนบี"

บางส่วนของมาตรการเหล่านั้น เช่น การกลับมาบังคับสวมหน้ากากบนระบบขนส่งสาธารณะและตามห้างร้านต่าง ๆ ได้ถูกบังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ในวันพุธ (8 ธ.ค.) จอห์นสันระบุเพิ่มเติมว่า เวลานี้ประชาชนควรทำงานจากที่บ้าน

มาตรการสวมหน้ากากจะถูกบังคับใช้ในสถานที่สาธารณะ อย่างเช่น โรงภาพยนตร์และโรงละคร และจะมีการบังคับแสดงบัตรผ่านโควิด-19 สำหรับเข้าไปในไนต์คลับและสถานที่ต่าง ๆ ที่มีผู้คนจำนวนมาก

จอห์นสันกล่าวว่า มาตรการนี้มีความจำเป็น หลังพบเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 568 รายในประเทศ ซึ่งข้อมูลบ่งชี้ว่ามันใช้เวลา 2 ถึง 3 วันในการแพร่กระจายเชื้อเพิ่มขึ้นเท่าตัว

‘ภาพตัดต่อ’ อย่าแชร์!!

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ทางสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ได้มีการโพสต์ข่าวที่อ้างอิงจาก สำนักข่าวอิศรา (https://www.isranews.org/article/south-news/academic-arena/104493-panitanusa.html) ถึงกรณีที่ไทยถูกเมินและไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมเวทีการประชุมสุดยอดด้านประชาธิปไตยของสหรัฐฯ ผ่านมุมมอง ‘รศ.ดร. ปณิธาน วัฒนายากร’ อาจารย์พิเศษประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ลิงก์ข่าวของ THE STATES TIMES : 
>> https://www.facebook.com/111420904033712/posts/466098158565983/
>> https://thestatestimes.com/post/2021112627

>> ปัญหา คือ ตอนนี้ในโลก Social ได้มีบุคคล (ยังไม่ทราบตัวตนแน่ชัด) ได้นำภาพต้นสำเนาจากทางสำนักข่าว THE STATES TIMES ที่ประกอบเนื้อหาข้างต้นไป ‘ตัดต่อ’ และ ‘บิดเบือน’ ใหม่ ในบรรทัดที่ 2 และบรรทัดที่ 3 ดังนี้...

>> ความเดิม ได้แก่...
...เวทีประชาธิปไตย แค่เกมการเมืองสหรัฐฯ 
...ฟากความมั่นคงชี้!! ไทยหลุดโผ สะท้อนไม่ใช่ลิ่วล้อมะกัน

>> กลายเป็น…
...คนแดนไกล อยู่เบื้องหลัง
...อเมริกา ที่ไม่ให้เชิญไทย

จากการตัดต่อดังกล่าว ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นวงกว้าง สร้างความเสียหายต่อทางสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘รศ.ดร. ปณิธาน วัฒนายากร’ อาจารย์พิเศษประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นอย่างมาก 

อีกทั้งล่าสุดข้อความบิดเบือนในภาพดังกล่าว ได้สร้างความเข้าใจผิดให้อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพอได้เห็นภาพข่าวบิดเบือนนั้น ก็ได้เกิดเป็นข้อพิพาทใหม่ต่อ ‘รศ.ดร. ปณิธาน’ ทั้งที่ท่านมิได้กล่าวถ้อยความบิดเบือน ๆ ใด ๆ หรือพาดพิงถึงอดีตนายฯ แม้แต่น้อย หากแต่เป็นการถูกตัดต่อจากบุคคลที่ประสงค์ร้าย ซึ่งต้องหาทางสืบค้นตัวตนต้นตอต่อไป

'ทูตนริศโรจน์' เผยเวียดนามจัดการ 'มิสแกรนด์ฯ' ปมชู 3 นิ้ว หวั่นกระทบสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

9 ธ.ค. 64 - นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้รับทราบจาก น้อง ๆ ที่ทำงานที่เวียดนามส่งข่าวด่วนมาว่า ทาง กระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ได้ออกแถลงการณ์ในกรณีนางงามเวียดนามมาชู 3 นิ้วในไทยแล้ว

โดยทางการเวียดนามเห็นแก่ความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามเป็นสำคัญ จึงได้ทำการสั่งสื่อเวียดนามมิให้นำเสนอภาพและข่าวนางงามเวียดนามชู 3 นิ้วในไทยโดยเด็ดขาด

รวมทั้งกระทรวงวัฒนธรรมได้สั่งการให้นางงามเวียดนามคนที่ชู 3 นิ้ว หยุดแสดงพฤติกรรม หรือคำพูดที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีงามระหว่างไทยและเวียดนามด้วยเช่นกัน

ต้องขอขอบคุณรัฐบาลเวียดนามอย่างมากมา ณ ที่นี้ครับ ที่ได้แสดงออกและตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนไทยและเวียดนามเป็นสำคัญ

ชาวนา - ชาวสวนยางได้เฮ!! "จุรินทร์" คิกออฟจ่ายเงินประกันรายได้ "ข้าว-ยาง" พร้อมกันทั่วประเทศวันนี้!!

วันที่ 9 ธันวาคม 2564 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย นางกุลฤดี พัฒนะอิ่ม รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้บริหารกรมข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)แถลงข่าว จ่ายเงินประกันรายได้ ข้าว-ยาง ปี 3 ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร ตึกสำนักงานปลัด กระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่สำคัญสำหรับเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกับผู้ปลูกยางพารา เนื่องจากมีนโยบายสำคัญคือนโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมันและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยดำเนินการมาแล้ว 2 ปี ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ 3

สำหรับประกันรายได้ข้าวกับยางนั้น รัฐบาลได้ค้างจ่ายเงินส่วนต่างที่จะต้องจ่ายให้กับเกษตรกร เพื่อชดเชยกับราคาตลาดที่ไม่ถึงรายได้ที่ประกัน สำหรับข้าวค้างจ่าย 5 งวด และยางค้างจ่าย 2 งวด แต่หลังจากท่านนายกรัฐมนตรีขยายเพดานตามพระราชบัญญัติวินัยการคลัง เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564  มีผลให้เพดานเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 35% สามารถนำเงินที่มีอยู่มาจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกับยางพาราได้

สำหรับข้าว ปีที่ 3 เงินที่เกษตรกรจะได้รับ มี 3 ก้อน

>> ก้อนที่หนึ่ง เงินส่วนต่าง โดยงวดที่ 1-2 กับงวดที่ 3 บางส่วน ได้จ่ายให้กับเกษตรกรไปแล้ววงเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท ส่วนงวดที่ 3 ที่เหลือ จะมาจ่ายให้ครบโดยเริ่มจ่ายวันนี้ (9 ธ.ค. 2564) โดยจ่ายงวดที่ค้างอยู่ 5 งวดพร้อมกัน คือ งวดที่ 3 บางส่วนและงวด 4-7 รวมเป็นเงิน 64,847 ล้านบาท

ส่วนงวดที่ 8 จะจ่ายวันที่ 14 ธ.ค.เป็นเงิน 3,720 ล้านบาท  และงวดที่ 9-33 จะทยอยจ่ายทุก 7 วันจนครบ โดยงวดสุดท้าย วันที่ 27 พ.ค. 2565   

เกษตรกรครัวเรือนที่ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุดสำหรับผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ สูงสุด 58,988 บาท  ข้าวหอมนอกพื้นที่สูงสุด 60,086 บาท ข้าวหอมปทุม สูงสุด 36,358 บาท ข้าวเปลือกจ้าว สูงสุด 67,603 บาท ข้าวเหนียว 71,465 บาท สามารถช่วยชาวนาได้ประมาณ 4.7 ล้านครัวเรือน

>> เงินก้อนที่สอง คือเงินในมาตรการคู่ขนานซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางเป็นเวลา 5 เดือนเพื่อไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดมากจนเกินไป ช่วยตันละ 1,500 บาท หรือสหกรณ์เก็บไว้จะช่วยตันละ 1,500 บาท และช่วยเหลือดอกเบี้ย ถ้าสหกรณ์เก็บข้าว 12 เดือน ช่วยดอกเบี้ย 3% ถ้าโรงสี เก็บข้าว 6 เดือน จะช่วยดอกเบี้ย 3% เพื่อไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดมากเกินไปและไปกดราคาข้าวในตลาด

>> ก้อนที่สาม คือ ช่วยค่าบริหารจัดการหรือปรับปรุงคุณภาพข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท โดยจ่ายวันที่ 13 ธ.ค. 2564 เป็นต้นไป เป็นเงิน 53,871 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.7 ล้านครัวเรือน

ส่วนชาวนาที่น้ำท่วมเสียหายจะได้เงินอีกก้อนหนึ่ง คือ เงินชดเชยความเสียหายจากอุทกภัยหรือภัยธรรมชาติ

โดยชาวนาที่ปลูกข้าวแล้วน้ำท่วม จะยังได้รับเงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าว เพราะขอให้ปลูกจริง ไปขึ้นทะเบียนแม้พืชผลจะเสียหายเพราะภัยธรรมชาติจะยังได้รับเงินช่วยเหลือส่วนต่างเช่นกัน

สำหรับยางพาราจะเริ่มจ่ายงวดที่ 1-2 ในวันนี้ ( 9 ธ.ค. 2564) เช่นเดียวกัน โดยงวดที่ 1 วงเงินประมาณ 900 ล้านบาท งวดที่ 2 วงเงิน 540 ล้านบาท รวม 1,440 ล้านบาทโดยประมาณ และจะจ่ายงวดที่ 3-6 ทุกเดือนจนถึงเดือน เม.ย. 2565 โดยงวดที่ 3 จะเริ่มจ่ายวันที่ 7 ม.ค. 2565 วงเงิน 8,626 ล้านบาท  สำหรับยางพารามีเงินเตรียมไว้  10,065 ล้านบาท

โดยวงเงินสูงสุดที่ได้รับเฉพาะงวดที่ 1-2 ยางแผ่นดิบสูงสุด 3,835 บาทต่อครัวเรือนน้ำยางข้น 2,975 บาท และยางก้อนถ้วยจะไม่ได้รับเงินส่วนต่าง ที่ผ่านมายางราคาดีกว่าช่วงก่อน สำหรับน้ำยางข้น ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 57 บาท ตอนนี้ราคาไปกิโลกรัมละ 60 บาทแล้ว ยางก้อนถ้วย ประกันที่กิโลกรัมละ 23 บาท ตอนนี้ 25-26 บาทแล้วภาคอีสานมากกว่าภาคใต้ 1 บาทเพราะอยู่ใกล้แหล่งการส่งออก ซึ่งยางก้อนถ้วยราคาสูงกว่ารายได้ที่ประกันมาเป็นปีแล้ว

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top