Monday, 29 April 2024
NEWS FEED

การทางพิเศษฯ ทดลองระบบ M-Flow บนทางด่วน เริ่มทดสอบ มี.ค. 65 ใช้จริง เม.ย. 65

(8 ต.ค. 64) รายงานข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งความคืบหน้าการดำเนินการระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (Multi-Lane Free Flow : M-Flow) ว่า กทพ. ได้ร่วมกับกรมทางหลวง (ทล.) ในการบูรณาการให้เป็นไปในรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน (Single Platform System)

โดยในส่วนของ กทพ. ระยะที่ 1 จะดำเนินการที่ทางพิเศษ (ด่วน) ฉลองรัช 3 ด่าน คือ ด่านจตุโชติ ด่านสุขาภิบาล 5-1 และด่านสุขาภิบาล 5-2 ซึ่งขณะนี้ กทพ. ลงนามในสัญญาจ้างงานติดตั้งอุปกรณ์ของระบบ M-Flow และพัฒนาซอฟต์แวร์และการเชื่อมต่อระบบ M-Flow กับ Single Platform System ของ ทล. ระยะที่ 1 แล้ว มีระยะเวลาดำเนินงาน 120 วัน งานคืบหน้า 13.18%

นอกจากนี้ได้ลงนามในสัญญาจ้าง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นที่ปรึกษาบริหารโครงการ (Project Management Consultant: PMC) งานระบบเก็บค่าผ่านทางพิเศษอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น (Free-Flow) ให้เป็นรูปแบบและมาตรฐานเดียวกัน เพื่อให้สามารถดำเนินการระบบ M-Flow ได้อย่างสมบูรณ์ และมีประสิทธิภาพ โดยที่ปรึกษาฯ จะศึกษาในรายละเอียดเพื่อประเมินความเหมาะสม และปรับปรุงการออกแบบ ทั้งในส่วนงานซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และกระบวนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องสำหรับการดำเนินงาน นอกจากนี้ยังเตรียมการในด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเตรียมการในเรื่องการสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์

'บรูไน' โหด!! พิพากษาหนุ่ม 24 ปล้นชิงทรัพย์ ส่งเข้ากรง 7 ปี พร้อมโบยหนัก 12 ไม้

ไม่นานมานี้ คนไทยผู้พำนักอาศัยอยู่ในประเทศบรูไน ได้โพสต์บทลงโทษของผู้ทำผิดในบรูไนผ่านเฟซบุ๊ก Nina Nutthinee ไว้ว่า... 

ได้รับโทษโบยหนักที่สุดตั้งแต่เคยอ่านข่าวมา

วัยรุ่นชายชาวบรูไนอายุ 24 ปี 2 คน ได้ถือมีดทำครัวเข้าไปจี้พนักงานร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่งเวลาตี 3 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 

เขาได้เงินสดไป $400 (×24บาท) โทรศัพท์ 1 เครื่อง  

ไม่กี่วันต่อมาทางตำรวจจับตัวได้ และได้ส่งตัวขึ้นศาลเมื่อวานนี้ (7 ต.ค.64)

ศาลตัดสินลงโทษจำคุก 7 ปี และ โบย 12 ไม้ (น่าจะทยอยโบย เพราะถ้าโบยติดต่อกันอาจตายได้ เพราะไม้ใหญ่เท่าไม้พายเรือ)

คนบรูไนเค้าบอกเมื่อก่อนเวลาโบย จะถ่ายทอดให้คนดูด้วย แต่ตอนหลังเลิกไป เพราะฝรั่งมันสาระแนกันเยอะ บอกว่าป่าเถื่อน!! 

‘ทิพานัน’ วอนโรงแรมอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา โครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน เฟส3’ ได้ไม่คุ้มเสีย คาดโทษขึ้นแบล็กลิสต์ หวั่นกระทบแผนฟื้นฟูท่องเที่ยว ย้ำรัฐบาลติดตามตรวจสอบโครงการตลอด แนะช่องทางประชาชนร้องเรียนผ่านเว็บไซต์-โทรศัพท์

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ได้เปิดให้ประชาชนจองที่พักโรงแรมได้เป็นวันแรก เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคประชาชน เร่งการฟื้นตัวการท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยรัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พัก 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืนนั้น ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนลงทะเบียนกันเป็นจำนวนมาก และมีประชาชนพบว่ามีการขึ้นราคาของโรงแรมมากกว่าราคาปกติ

'พิธา' แนะ!! รับมือโลกร้อนต้องเปลี่ยนเชิงโครงสร้าง ปรับพฤติกรรมอย่างเดียว ไม่พอ!!

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

เศรษฐกิจสีเขียว: การรับมือสภาวะโลกร้อนต้องใช้การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างเท่านั้น

ตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมาที่ผมได้ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมได้เห็นกับตาตัวเองถึงผลกระทบของความผันผวนในสภาพภูมิอากาศต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนในภาคการเกษตร และพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม 

ปี 2563 เป็นปีที่แล้งที่สุดในรอบ 40 ปี ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรติดลบ 6% และ GDP ภาคเกษตรติดลบ 1.5% ในปี 2564 ที่จังหวัดชัยภูมิซึ่งผมเดินทางไปเมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา เพิ่งประสบภัยน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 50 ปี เหตุการณ์น้ำท่วมที่กำลังเกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาในระดับโลก เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมายุโรปก็เพิ่งเผชิญกับน้ำท่วมครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 400 ปี และในเดือนกันยายนที่ผ่านมานครนิวยอร์กก็เพิ่งเผชิญกับวิกฤติน้ำท่วมฉับพลันครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมาในช่วงระหว่างที่ผมกำลังเดินทางลงพื้นที่ติดตามปัญหา ที่ดิน การเกษตร และน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ผมได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการประชุมในหัวข้อ Green Economic Recovery หรือการพลิกฟื้นและพัฒนาเศรษฐกิจที่อยู่บนหลักการความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจัดโดยกลุ่มสมาชิกรัฐสภาอาเซียนเพื่อสิทธิมนุษยชน (APHR - ASEAN Parliamentarians for Human Rights)

ผมได้ย้ำต่อที่ประชุมว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิดบนฐานของเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เป็นเรื่องที่จำเป็นต่อความอยู่รอดทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ยกตัวอย่างกรณีของประเทศไทยในปี 2563 GDP ของเราติดลบจากโควิด 6% แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรกับภาวะโลกร้อน วิกฤติเศรษฐกิจที่จะตามมาจะเลวร้ายกว่าในปัจจุบันอีกมาก 

จากการประเมินของบริษัท Swiss Reinsurance Company บริษัทประกันภัยต่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก การปล่อยให้โลกร้อนขึ้นบนเส้นทางของการร้อนขึ้น 3.2 องศาเซลเซียสในปี 2643 GDP ของประเทศไทยจะติดลบสะสม 48% ในปี พ.ศ. 2591 ซึ่งจะเป็นความพังพินาศทางเศรษฐกิจที่มากมายมหาศาลกว่าวิกฤติโควิดมาก แต่ถ้าโลกสามารถจำกัดภาวะโลกร้อนได้ต่ำกว่า 2 องศาตามเป้าหมายของ Paris Agreement แล้ว GDP ของไทยจะติดลบสะสมจากโลกร้อนเพียง 5% ในปี พ.ศ. 2591

แล้วในตอนนี้ประเทศไทยอยู่บนเส้นทางไหนในการรับมือภาวะโลกร้อน? จากการประเมินของ Climate Action Tracker ซึ่งเป็น Consortium ระหว่าง 3 สถาบันวิจัยระดับโลกด้านภูมิอากาศนั้น นโยบายของประเทศไทยในด้านภาวะโลกร้อนอยู่ในระดับ “ไม่เพียงพออย่างร้ายแรง” (Critically insufficient) และจะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นในระดับ 4 องศา 

ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือวิกฤติโควิดในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพออย่างยิ่งต่อการรับมือกับสภาวะโลกร้อน การล็อกดาวน์จากโควิดนับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนอย่างสุดขั้วให้คนเดินทางไปไหนไม่ได้เลยแล้วก็เป็นการลดการบริโภคของประชาชนจน GDP โลกตกอย่างมหาศาล ถึงกระนั้นทั้งโลกก็ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เพียง 6% เท่านั้นจากวิกฤติโควิด

การจะทำได้ตามเป้าหมายของ Paris Agreement ที่จำกัดสภาวะโลกร้อนไว้ที่ 1.5 - 2 องศา นั้น ทั้งโลกต้องลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ครึ่งหนึ่งในปี 2573 และลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิจากระบบเศรษฐกิจให้เหลือศูนย์ หรือเป้าหมาย “Net-Zero Emission” ให้ได้ภายในปี 2593 

สิ้นแล้ว!! 'กอริลลาจอมเซลฟี่' แห่งวิรุงกา จนท.เผยภาพเซลฟี่สุดท้ายในอ้อมแขน

เมื่อ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางอุทยานแห่งชาติวิรุงกาวันได้แถลงข่าวการเสียชีวิตของลิงกอริลลาภูเขาจอมเซลฟีเพศเมียที่โด่งดัง 'นดาคาซี' (Ndakasi) ที่มีอายุ 14 ปีพร้อมกับเปิดเผยภาพเซลฟีสุดท้ายระหว่างอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าหน้าที่อุทยานที่เคยช่วยไว้ตั้งแต่เด็กไม่กี่วันก่อนเสียชีวิต

(7 ต.ค. 64) บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานว่า ลิงกอริลลาภูเขาเพศเมียจอมเซลฟี่ชื่อดังประจำอุทยานแห่งชาติวิรุงกาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก เสียชีวิตในเดือนที่ผ่านมาเมื่อมีอายุ 14 ปี

กอริลลา 'นดาคาซี' (Ndakasi) กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อปี 2019 หลังจากกอริลลายักษ์เพศเมียตัวนี้และเพื่อนกอริลลาตัวเมียอีกตัวคือ 'นเดเซ' (Ndeze) ได้แอบขโมยซีนทำท่าทางเลียนแบบล้อเลียนเจ้าหน้าที่อุทยานระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังถ่ายเซลฟีอยู่ในเวลานั้น โดยมีอังเดร เบามา (Andre Bauma) ซึ่งเป็นผู้ดูแลเธอและช่วยชีวิตเธอเมื่อครั้งเป็นลูกกำพร้า

เจ้าหน้าที่อุทยานวิรุงกากล่าวว่า ลิงกอริลลาเหล่านี้พยายามที่จะเลียนแบบท่าทางของบรรดาเจ้าหน้าที่อุทยานที่เลี้ยงดูพวกมันมา

สื่ออังกฤษชี้ว่า นดาคาซีถูกช่วยโดยเบามาไว้ได้เมื่อเธอมีอายุเพียงแค่ 2 เดือนหลังนักล่าได้สังหารพ่อและแม่เธอในป่าฝนเมื่อปี 2007 และเบามาตัดสินใจนำตัวกอริลลานดาคาซีมาที่ศูนย์เลี้ยงดูแลสัตว์ป่ากำพร้าที่เขาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการเพราะคิดว่าเธอคงไม่สามารถมีชีวิตรอดตามลำพังในป่าได้เพราะไม่มีญาติหลงเหลือ

โดยในช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่อุทยานพบตัวนดาคาซีพบว่าเธอยังคงพยายามอยู่ใกล้กับแม่ที่เสียชีวิต

'ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า' หนุน 'รมว. ดีอีเอส' คุมบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายชี้ข้ออ้างเอ็นจีโอสายสุขภาพ สวนความจริง 79 ประเทศทั่วโลก

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าและไอคอส โต้กลุ่มรณรงค์ต่อต้านยาสูบ ชี้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย 79 ประเทศ พร้อมสนับสนุน รมว. ชัยวุฒิ หนุนศึกษาบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย ชี้การแบนล้มเหลว เพราะคนใช้บุหรี่ไฟฟ้าเกลื่อนประเทศกว่า 2 ล้าน ทั้งในสภาและครม. ซื้อขายเกลื่อนกลาดออนไลน์ แต่รัฐเก็บภาษีไม่ได้ งานเข้ากระทรวงดีอีเอสไล่ปิดเว็บไซต์แก้ปัญหาปลายเหตุ

จากกรณีที่สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เครือข่ายสุขภาพ และแพทยสมาคมฯ ออกแถลงการณ์แสดงความขอบคุณรัฐบาลที่ยังคงนโยบายห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าและยาสูบชนิดใหม่ๆ โดยอ้างว่าไทยยังไม่พร้อมเพราะเป็นประเทศรายได้ระดับต่ำหรือปานกลาง และยังระบุถึงอันตรายต่างๆ นั้น

นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แอดมินเพจเฟซบุ๊ก “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 100,000 คนเผยว่า “พฤติกรรมผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนต่างมองหาวิธีลดอันตรายให้ตัวเอง การห้ามนำเข้าห้ามขายนั้นไม่ได้ผลและไม่อยู่บนโลกของความเป็นจริง ในขณะที่ 79 ประเทศทั่วโลกมีการอนุญาตให้บุหรี่ไฟฟ้าควบคุมได้อย่างถูกกฎหมาย กำหนดอายุขั้นต่ำผู้ซื้อเพื่อปกป้องเยาวชน สร้างมาตรฐานความปลอดภัย เก็บภาษีสรรพสามิตเข้ารัฐได้ แต่ประเทศไทยยังคงอ้างผิด ๆ เรื่องความเข้มข้นนิโคตินและการเสพติด สวนทางกับหน่วยงานสาธารณสุขชั้นนำในต่างประเทศจำนวนมาก เช่นราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งลอนดอน องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา กระทรวงสาธารณสุขนิวซีแลนด์ หรือแม้กระทั่งองค์การอนามัยโลกสำนักงานภาคพื้นยุโรป ที่ต่างก็ยืนยันว่าหากเปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยลดการได้รับสารพิษได้มากกว่าการสูบบุหรี่ หากผู้สูบบุหรี่ไม่มีโอกาสเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่วันนี้รู้แล้วว่าอันตรายน้อยกว่า เหมือนบังคับให้คนไทยยังต้องตายจากบุหรี่มวนปีละกว่า 70,000 คนเหมือนทุกวันนี้”   

ด้านนายสาริษฎ์ สิทธิเสรีชน แอดมินเพจเฟซบุ๊ก “มนุษย์ควัน” ซึ่งมีผู้ติดตามเกือบ 30,000 คน แกนนำกลุ่มผู้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทให้ความร้อน หรือ “ไอคอส” ระบุว่า “เราไม่ได้สนับสนุนให้คนสูบบุหรี่ แต่เราคิดว่าคนที่สูบบุหรี่อยู่แล้วควรมีทางเลือกเช่นเดียวกับในอีก 67 ประเทศทั่วโลกที่ไอคอส ถูกกฎหมาย และมีหน่วยงาน อย. สหรัฐที่อนุญาตให้ขายและสื่อสารได้ว่ามีสารพิษน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดาอย่างมีนัยสำคัญ ไม่เข้าใจว่า ทำไมกลุ่มสมาพันธ์สุขภาพถึงคิดว่ารัฐบาลของประเทศอื่นๆ เค้าโง่กว่า หรือประสงค์ร้ายกับประชากรของตนเองหรืออย่างไร ทำไม ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐฯ สหภาพยุโรป หรือแม้แต่มาเลเซียเพื่อนบ้านเรา เค้าอนุญาตให้ขายได้ ไทยไม่ใช่ประเทศเดียวในโลกที่มีเด็กและเยาวชน ผมจึงสนับสนุนที่ รมว. ดีอีเอส เสนอให้ทำการศึกษาเพื่อควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้เปิดเสรี แทนที่ดีอีเอสจะต้องมานั่งไล่ปิดเว็บไซต์ขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์  ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ“

โดยก่อนหน้านี้ มี ส.ส. จากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล รวมถึงเพจดังจำนวนมาก ตบเท้าร่วมสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีการเห็นชอบการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ และอนุมัติจ่ายเงินชดเชยให้กับชาวไร่ยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการปรับลดโควต้าการรับซื้อของการยาสูบแห่งประเทศไทย ในช่วงเวลาที่ผ่านมา จนทำให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ออกมาสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่อันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริง ประเทศใหญ่ๆ ยอมรับกันแล้ว และจะสร้างประโยชน์ต่อทั้งผู้สูบบุหรี่ในประเทศไทยประมาณ 10 ล้านคนและเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ 30,000 ครอบครัว หากการยาสูบแห่งประเทศไทยหันมาผลิตผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ เหล่านี้ 

ส่องเล่ห์มะกัน!! ใต้ข้อพิพาท ‘ไต้หวัน - จีน’ ผ่านเหลี่ยมการเมืองของ ‘โจ ไบเดน’

มีอะไรน่าสนใจ ภายหลังจาก โจ ไบเดน ได้กลับมาพูดคุยกับ สี จิ้นผิง ผ่านทางออนไลน์อีกครั้งเมื่อวันอังคารที่ 5 ตุลาคม 2021 จากก่อนหน้านี้ที่เคยต่อสายตรงไปคุยกันแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งทางโจ ไบเดน ก็ได้ออกมายืนยันเองว่า ได้พูดคุยกับจีนเกี่ยวกับข้อพิพาทในไต้หวันที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวทำเนียบขาวกลับมองว่า ประเด็นที่ทั้ง 2 ผู้นำคุยกันครั้งล่าสุดนี้ ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากครั้งที่แล้วมากนัก ซึ่งสอดคล้องกันกับแหล่งข่าวจีนที่ยืนยันว่าไม่มีอะไรมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความไม่มีอะไร กลับมีเรื่องสะกิดใจจากถ้อยแถลงของ โจ ไบเดน ที่เอ่ยผ่านสื่อหลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้นำจีนครั้งล่าสุดนี้ว่า...

“ผมกับสี เราคุยกันเรื่องไต้หวัน และเราตกลงกันว่าจะยังคงรักษาข้อตกลงไต้หวันกันอยู่ และทางจีนก็จะไม่ทำอะไรที่เกินเลยไปกว่าที่ได้ระบุใน >> ข้อตกลงนี้”

อะไรคือ ‘ข้อตกลงนี้’ ที่โจ ไบเดน อ้างถึง และจีนต้องทำตามอะไร? นี่คือเรื่องจะมาขยายปมกัน!!

ข้อตกลงที่ว่านี้ มีอยู่ 2 ฉบับ ซึ่งเป็นการตกลงกันมาตั้งแต่ปี 1979 หลังจากสหรัฐฯ ได้รับรองสถานะของรัฐบาลจีนปักกิ่ง ตอนที่ เติ้ง เสี่ยวผิง ได้เยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยขณะนั้น เติ้ง ดำรงตำแหน่งรองผู้นำสูงสุดของจีน และนับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศมีการสานสัมพันธ์ไมตรีกันอีกครั้ง ตั้งแต่จีนแผ่นดินใหญ่เปลี่ยนผ่านสู่การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปี 1949 

ผลจากการเยือนสหรัฐฯ ของเติ้ง เสี่ยวผิง ในครั้งนั้น ได้บรรลุข้อตกลงในเรื่องนโยบายจีนเดียวของจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ทำให้สหรัฐฯ จำเป็นต้องตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน ด้วยการถอนสถานทูตสหรัฐฯ ออกจากกรุงไทเป มาเปิดใหม่ที่ปักกิ่ง และถือว่ากิจการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งของจีนและต้องคุยผ่านปักกิ่ง ซึ่งเท่ากับว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับรองไปแล้วว่า >> ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน 

แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนของข้อตกลงนี้ นั่นก็คือ >> จีนจะต้องให้การสนับสนุนสหรัฐฯ ร่วมต้านกองทัพโซเวียตในสงครามโซเวียต-อัฟกานิสถาน ที่สหรัฐฯ ถือว่าเป็นศัตรูอันดับ 1 ในยุคสงครามเย็น เพื่อกันไม่ให้โซเวียตสามารถแผ่อิทธิพลในดินแดนเอเชียตะวันออกกลางได้ 

คนไทยฉีด AZ, ไฟเซอร์, โมเดอร์น่า, J&J เข้าประเทศอังกฤษได้แล้ว 11 ต.ค.นี้

เฟซบุ๊กเพจ ‘Amthaipaper (หนังสือพิมพ์ไทยในอังกฤษ)’ ได้เปิดเผยข่าวดีของคนไทยที่จะไปยังประเทศอังกฤษ ว่า... 

ขอแสดงความยินดีกับ #Thailand แดนสยาม ที่กำลังจะได้ออกจากบัญชีแดงของอังกฤษ ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้
โดยอังกฤษจะยอมรับการฉีดวัคซีน AZ, ไฟเซอร์, โมเดอร์น่า, จอห์นสัน & จอห์นสัน (J&J) จากประเทศไทย 

หมายความว่า อังกฤษจะยอมรับการฉีดวัคซีนจากประเทศไทย พร้อมกับให้ ประเทศไทย ออกจาก List แดงตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคมนี้ โดยผู้เดินทางมาจากประเทศไทย ที่ฉีดวัคซีนครบสองเข็ม จะสามารถเข้าสหราชอาณาจักรได้ แบบไม่ต้องกักตัว 

#ขอแสดงความยินดี
#วีซ่านักท่องเที่ยว
#ก็มาได้แล้ว

*** ทั้งนี้ วัคซีนที่ยอมรับมีเพียง AZ, ไฟเซอร์, โมเดอร์น่า, จอห์นสัน & จอห์นสัน (J&J) ครบสองเข็มเท่านั้น (ฉีดสลับกันได้ภายในวัคซีนที่ระบุนี้) ต้องฉีดครบ 2 เข็มตาม List ก่อน 14 วันที่จะเดินทาง

>> หากฉีดวัคซีนอื่น หรือฉีดเพียง 1 เข็ม จาก List ที่อังกฤษยอมรับ จะถือว่ายังไม่ได้ฉีด!!

และผู้ที่ฉีดไม่ครบ ต้องทำตามกฎสีอำพันเดิม คือ กักตัวที่บ้าน 10 วัน (Day2 & Day8 COVID Tests) หรือ กักตัวแบบเร่งรัดที่บ้าน 5 วัน (Test to release)

>> ก่อนเดินทางต้อง:
▶️ตรวจโควิดก่อนขึ้นเครื่องบิน 72 ชม.
▶️กรอกใบ Passenger locator
???????? https://www.gov.uk/provide-journey-contact-details-before-travel-uk
▶️จองที่ตรวจโควิดตามรายชื่อบริษัทที่รัฐบาลอังกฤษกำหนด
????????https://www.gov.uk/find-travel-test-provider
รายละเอียดเพิ่มเติม ตามที่แอมไทยเคยโพสต์ข้อปฏิบัติก่อนเดินทางมายังสหราชอาณาจักร จากลิสต์สีอำพัน????ตามลิงก์ ????????
https://www.facebook.com/178210772217942/posts/4391072974265013/?d=n

หมายเหตุ เมื่อเดินทางมาถึงประเทศอังกฤษ ผู้ที่ฉีดสองเข็มครบ ตามลิสต์วัคซีนที่อังกฤษยอมรับ จะไม่ต้องกักตัวตามกฎบัญชีเขียว???? (Green List) (อังกฤษยกเลิกบัญชีสีอำพัน Amber list)

“สัณหพจน์” ขอบคุณ นายกฯ สั่งเร่งแก้น้ำท่วม-เพิ่มศูนย์ดิจิทัลชุมชน เมืองคอน

ส.ส.พปชร. นครศรีฯ ขอบคุณ “บิ๊กตู่” ลงพื้นที่ติดตามเร่งรัดการก่อสร้างโครงการบริหารจัดการน้ำเมืองนคร สั่งการดูแลพื้นที่เสี่ยงรับมือฤดูมรสุม พร้อมเพิ่มศูนย์ดิจิทัลชุมชน 4 แห่ง หวังเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเทคโนโลยี สร้างคุณภาพชีวิต ให้คนลุ่มน้ำปากพนัง

ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ตนขอขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ซึ่งได้ลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช วานนี้ (7 ต.ค.64) เพื่อติดตามเร่งรัดโครงการบริหารจัดการน้ำ จ.นครศรีธรรมราช อย่างยั่งยืน ที่พบว่ามีปัญหาติดขัดอยู่หลายประการ และกำลังได้รับการแก้ไข เช่น การเวนคืนที่ดิน ปัญหาของผู้รับเหมาก่อสร้าง 

โดยขณะนี้ประชาชนเจ้าของพื้นที่บริเวณจุดเริ่มต้นโครงการได้ยินยอมให้มีการดำเนินการเวนคืนที่ดินแล้ว และปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้าไปแล้ว 14.74% 

ขณะเดียวกันในส่วนของการเตรียมการระยะสั้น กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 15 จ.นครศรีธรรมราช คาดการณ์ว่าในเดือน ต.ค.-ธ.ค. ที่จะถึงนี้จะมีปริมาณฝนประมาณ 1,200 ม.ม. ซึ่งอาจเกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ 

ดังนั้นจึงได้เตรียมการรับมือประกอบด้วย การขุดลอกคูคลองเพื่อเป็นขยายเส้นทางไหลของน้ำ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในคลองปากนคร บรรเทาน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลเมืองนครศรีฯ และจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องสูบน้ำ เพื่อรับเหตุหากเกิดน้ำท่วมขัง

ด้านพื้นที่ 3 อำเภอลุ่มน้ำปากพนังซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำส่วนปลาย ขณะนี้ กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า ในความดูแลของ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ  รมช.คมนาคม ได้มีการขุดลอกและบำรุงร่องน้ำ ในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง (ร่องน้ำคลองบางจาก) 550,000  ลบ.ม. ร่องน้ำปากพนัง / คลองปากพญา  และร่องน้ำอื่นๆอีก 8 แห่งรวม 6,650,000  ลบ.ม.

พร้อมกับโครงการปรับปรุงเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ระยะเวลาปี 63-65 บริเวณ บ้านหน้าโกฏิ ถึง บ้านหน้าสตน อ.หัวไทร ขณะนี้มีคืบหน้า 29.36 % คาดว่าแล้วเสร็จในเดือน พ.ย. 65  

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส เพิ่มจากจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 4 แห่งในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ได้แก่ 1.เทศบาลตำบลชะเมา อ.ปากพนัง 2.อบต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง 3.โรงเรียนวัดสระโพธิ์ ต.เสือหึง อ.เชียรใหญ่ และ4.โรงเรียนเขาพังไกร ต.เขาพังไกร อ.เชียรใหญ่ 

“ทิพานัน” ลงพื้นที่น้ำท่วม อ.ท่าเรือ อยุธยา พร้อมแจกถุงยังชีพช่วยชาวบ้าน ขอหน่วยงานแจ้งเตือนน้ำมาล่วงหน้า 1-2วันและติดตั้งห้องน้ำเคลื่อนที่เร่งด่วน เผย “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม”ห่วงใยประชาชน กำชับหน่วยงานเยียวยา-ฟื้นฟูเต็มที่  ปลื้มชาวบ้านชม "บัตรสวัสดิการแห่งรั

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 ได้รับแจ้งจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “อ้น ทิพานัน ศิริชนะ” ถึงความเดือดร้อนจากปริมาณน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำป่าสักบริเวณเหนือเขื่อน ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบมิดหลังคา และแจ้งว่าไม่มีการระบายน้ำเพื่อบรรเทาทุกข์ไปยังท้ายเขื่อนเลย  เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้ลงพื้นที่ บริเวณเขื่อนพระราม 6  และประตูระบายน้ำพระนารายณ์ทางฝั่งซ้ายของเขื่อน พบว่าทางกรมชลประทานได้ทราบถึงความเดือดร้อนพื้นที่เหนือเขื่อนแล้ว และเร่งบรรเทาทุกข์โดยระบายน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทดไว้เข้าสู่คลองระพีพัฒน์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำในต.ท่าหลวง บริเวณเหนือเขื่อนลดลง บรรเทาความเดือดร้อนไปได้  และได้แจ้งเตือนพื้นที่ท้ายเขื่อนให้เฝ้าระวัง ตลอดลำน้ำ เพื่อเป็นการป้องกันและเตรียมตัวแล้ว 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า จากนั้นได้เดินทางไปที่ชุมชนวัดบึงลัฏฐิวัน ที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ซึ่งเป็นจุดที่มีพี่น้องประชาชนได้ร้องทุกข์มา โดยได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมกว่า 170 หลังคาเรือน มีระดับน้ำสูงสุดที่ท่วมบ้านเรือนบริเวณริมตลิ่งกว่า 3 เมตร ไล่ระดับขึ้นมา ต่ำสุด 30 เซนติเมตร ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนัก ซึ่งตนได้ให้กำลังใจผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และสื่อสารข้อมูลระดับน้ำและการปล่อยน้ำให้ประชาชนเข้าใจซึ่งเมื่อประชาชนได้รับฟังก็คลายความกังวลใจไปได้มาก   พร้อมกันนี้ตนได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยแจกจ่ายถุงยังชีพพร้อมยารักษาโรคพื้นฐาน จำนวน 250 ชุด และน้ำดื่ม 250 แพ็ค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและให้กำลังใจชาวบ้าน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วน ทั้งนี้ยังแจ้งต่อพี่น้องประชาชน ถึงมาตราการช่วยเหลือต่างๆ จากรัฐบาลที่จะทยอยออกมาช่วยเหลือด้วย


น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า จากการพูดคุยพบปะ พี่น้องประชาชน หมู่ 1 ต.ท่าหลวง  อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าพี่น้องประชาชนดีใจมากที่วันนี้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดูแล  และไม่หลงลืมตกสำรวจไป และได้ขอมายังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า หลังจากนี้ขอให้มีการแจ้งเตือนข่าวสาร การอพยพและช่วยเหลือประชาชนให้ทราบก่อนน้ำจะมาล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วันจะดีมาก เพราะจะได้เร่งอพยพข้าวของได้ทัน  และอยากให้ช่วยประสานหาห้องน้ำเคลื่อนที่ให้ในจุดที่อพยพที่อยู่บนริมถนน   และหลายคนในชุมชนกังวลใจเรื่องปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบที่ต้องหยุดงาน  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)  ซึ่งตนได้อธิบายถึงมาตราการการช่วยเหลือที่รัฐบาลจะดูแลไปเบื้องต้นแล้ว ขณะเดียวกันมีประชาชนฝากชื่นชมนโยบายเยียวยาผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ถึงมือโดยตรงและอยากให้เปิดลงทะเบียนใหม่เร็วขึ้น พร้อมกับฝากให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี  ให้สู้ๆ กับทุกปัญหาไปให้ได้ 

“เพื่อเป็นกำลังใจกับพี่น้องประชาชนที่กำลังประสบอุทกภัย ตนจึงให้กำลังใจและให้ความมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ไม่ทอดทิ้งแน่นอน ท่านฝากส่งกำลังใจ ฝากความปราถนาดีมาให้ และยินดีรับฟังปัญหาของประชาชนที่ประสบภัยอย่างจริงใจ ทุกปัญหาทุกความทุกข์ ที่พี่น้องประชาชนส่งผ่านไปกับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ  หรือตัวแทนพรรคพลังประชารัฐที่กำลังเยี่ยมเยียนดูแลกันทั่วประเทศ ท่านทั้งสองได้รับทราบและมีความตั้งใจที่จะนำปัญหามาแก้ไขในระดับเชิงพื้นที่และบูรณาการในระดับนโยบายต่อไปแน่นอน  ซึ่งที่ผ่านมาได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดูแลช่วยเหลือเยียวและช่วยฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ”น.ส.ทิพานัน กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top