Friday, 10 May 2024
LITE

ลดความสูญเสียด้วย ‘7 ห้าม’

ปลายปีทีไร จะต้องได้ยินประโยคยอดฮิต ‘7 วันอันตราย’ นั่นหมายถึง ข่าวการรายงานอุบัติเหตุ ยอดผู้เสียชีวิต ยอดผู้บาดเจ็บ บนท้องถนน ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เบื่อไหม? เชื่อว่าทุกคนเบื่อ และคงไม่อยากเห็นตัวเลขเหล่านี้สักเท่าไร แต่เอาจริงๆ ไม่มีใครจะช่วยลด ‘วันอันตราย’ ได้ดีเท่าตัวเราเองนี่ล่ะ

The States Times มี 7 ข้อห้ามที่อยากให้ลองปฏิบัติ ถึงจะทำไม่ได้ทั้งหมด แต่แค่ ‘ใส่ใจ’ กับมันสักนิด ประโยคฮิต ‘7 วันอันตราย’ ก็จะหายไปสักที!!

ถือเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้ เสมือนอวัยวะชิ้นที่ 33 สำหรับหน้ากากอนามัย หลังจากมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด-19) ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไป มีการแนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาเมื่อต้องออกไปข้างนอก หรือพบเจอผู้คน

เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค หลายคนจึงหันมาใช้หน้ากากผ้า เพราะสามารถซักกลับมาใช้ได้หลายครั้ง ประหยัดค่าใช้จ่าย และลดปริมาณขยะที่จะเกิดขึ้น

ตามที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า บุคคลทั่วไปที่มีร่างกายแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วย สามารถสวมหน้ากากผ้าแทนหน้ากากอนามัยได้ ส่วนผู้ที่มีอาการป่วย ไอ จาม น้ำมูกไหล แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อป้องกันกการแพร่กระจายของเชื้อ

วิธีการเลือกใช้หน้ากากผ้า

1.) ควรเลือกใช้หน้ากากที่กระชับเข้ากับรูปหน้า ไม่มีช่องว่างระหว่างผิวหน้า

2.) เลือกหน้ากากสี่เหลี่ยมแบบมีจีบ ถ้าไม่มีจีบ อาจทำให้หายใจได้ไม่สะดวก

3.) เลือกชนิดที่หายใจได้สะดวก

4.) เลือกชนิดที่มีประสิทธิภาพในการกันน้ำ เช่น ผ้าโพลีเอสเตอร์ทอแน่น ผ้า Taffeta ผ้าไหม

5.) หน้ากากผ้าต้องมีอย่างน้อย 2 ชั้น

6.) ด้านนอกสามารถกันของเหลว และ ด้านในสามารถดูดซึมของเหลวได้

7.) จากการทดลองพบว่า ผ้าฝ้ายมัสลิน เหมาะที่จะทำหน้ากากอนามัยที่สุด

วิธีการซักและดูแลหน้ากากผ้า

ขั้นตอนที่ 1 ถอดหน้ากาก โดยไม่สัมผัสด้านในของหน้ากาก

ขั้นตอนที่ 2 ซักหน้ากากผ้าด้วยน้ำยาซักผ้าเด็ก หรือน้ำสบู่อ่อน ไม่ควรแช่ทิ้งไว้

ขั้นตอนที่ 3 ขยี้เบาๆ ให้ทั่วทั้งผืน

ขั้นตอนที่ 4 ล้างน้ำสะอาด 2 ครั้งจนหมดฟอง บิดให้หมาด

ขั้นตอนที่ 5 ตากไว้ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเท มีลมโกรก

*หมายเหตุ ควรซักหน้ากากผ้าทุกวัน ไม่ใช้ซ้ำ จึงต้องมีหน้ากากผ้าสำรองไว้อย่างน้อย 2-3 ชิ้น

แนะนำ 5 เทรนด์แต่งหน้าปาร์ตี้ส่งท้ายปี 2020

เริ่มนับถอยหลังกันแล้วใช่ไหมล่ะ สำหรับการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ แม้ปีนี้อาจจะต้องฉลองแบบ ‘เบา ๆ’ ตามสถานการณ์การระบาดโควิด-19 แต่หากใครที่มีอันต้องไปร่วมงานเลี้ยงส่งท้ายปี จะไปแบบหน้าโล้น ๆ เลยก็ใช่ที่ เรามี 5 แนวการแต่งหน้าไปปาร์ตี้ เพื่องานเลี้ยงปีใหม่มาแนะนำกัน

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดสถิติ 10 ข่าวปลอม ที่มีการแชร์ซ้ำมากที่สุดในปี 2563 จากภาพรวมข่าวที่ถูกตรวจสอบ พบว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพมากที่สุด

นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดีอีเอส ในฐานะโฆษกกระทรวงดีอีเอส กล่าวว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้รวบรวมข้อมูลจัดอันดับ 10 ข่าวปลอมที่มีการนำมาแชร์ซ้ำบ่อยสุดในรอบปี 2563 ดังนี้

อันดับ 1 ดื่มสไปรท์ใส่เกลือ แก้ท่องร่วง ท้องเสียได้

อันดับ 2 คลอรีนในน้ำประปา เปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งเมื่อถูกความร้อน

อันดับ 3 ใส่ผ้าอนามัยนาน ทำให้เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก

อันดับ 4 งดใช้ตู้ ATM ที่ไม่มีไฟกระพริบตรงที่เสียบบัตร

อันดับ 5 น้ำมันเบนซินมีสารระเหยดูดพิษจากแมลงกัดต่อยหายใน 3-5 นาที

อันดับ 6 จัดตั้งจังหวัดในประเทศไทยเพิ่ม รวมเป็น 83 จังหวัด

อันดับ 7 ผู้ประกอบการที่ใช้ตราฮาลาลบนสินค้า ไม่ต้องเสียภาษี

อันดับ 8 มหัศจรรย์น้ำปัสสาวะ รักษาโรคแก้ปวดเมื่อย ช่วยให้ตาใสมองเห็นชัด

อันดับ 9 บริษัทชื่อดังฉลองวันพิเศษ แจกบัตรกำนัล สินค้า และรางวัลต่างๆ

อันดับ 10 กรอกแบบสอบถามจากหน่วยงานของรัฐ ลุ้นรับของรางวัลฟรี

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่รวบรวมได้ สอดคล้องกับภาพรวมของจำนวนข่าวที่ผ่านการคัดกรองเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบในปีนี้ที่มีทั้งหมดกว่า 7,000 เรื่อง ในจำนวนนี้อยู่ในหมวดสุขภาพถึง 56% หรือกว่า 4 ,000 เรื่อง

นายภุชพงค์ กล่าวต่อว่า ปีนี้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วทั้งหมด 4,198 เรื่อง พบสัดส่วนข่าวปลอม : ข่าวจริง : ข่าวบิดเบือน อยู่ที่ 7:2:1

โดยดำเนินการเผยแพร่ข่าวที่ตรวจสอบไปแล้ว 1,163 เรื่อง หมวดหมู่ที่ทำการประชาสัมพันธ์มากที่สุด คือ หมวดหมู่สุขภาพ คิดเป็น 69% ตามด้วย หมวดหมู่นโยบายรัฐ หมวดหมู่ภัยพิบัติ และหมวดหมู่เศรษฐกิจ

30 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ‘ซัดดัม ฮุสเซน’ อดีตผู้นำอิรัก ถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ

มีบุคคลในหน้าประวัติศาสตร์โลกมากมาย และหนึ่งในคนที่ผู้คนในโลกต่างจดจำได้ดี เขาคนนี้คือ ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีแห่งประเทศอิรัก

ย้อนเวลากลับไป ซัดดัม ฮุสเซน เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการก่อรัฐประหารในอิรัก ช่วงปี พ.ศ. 2511 โดยทำให้พรรคบะอัธ ที่เขาเป็นหัวหน้าพรรค ก้าวขึ้นสู่อำนาจในระยะยาว พร้อมกับที่ตัวเองขึ้นสู่ตำแหน่งรองประธานาธิบดี หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2522 เขาก็ก้าวเข้ามาเป็นประธานาธิบดีในที่สุด

ซัดดัม ฮุสเซน กลายเป็นที่จับตาของผู้คนทั้งโลก ในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย (พ.ศ. 2534) จากการที่อิรักบุกยึดครองประเทศคูเวต เป็นเหตุให้เหล่าประเทศพันธมิตร ที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ต้องนำกองกำลังทหารเข้าจัดการ สงครามครั้งนั้นกินระยะเวลาราว 5 สัปดาห์ ผลปรากฎว่ากองกำลังของซัดดัมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ก็ยังมีผลพวงของสงครามที่ถูกลากยาวต่อมาอีกหลายปี

ไฟแห่งสงครามครั้งนั้น สิ้นสุดลงจริงๆ เมื่อราวปี พ.ศ. 2538 ก่อนที่ในเวลาต่อมา ซัดดัมจะถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดีจากสหรัฐฯ และฝ่ายพันธมิตร พร้อมกับถูกจับกุมเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2546 เวลาผ่านไปกว่า 3 ปี เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ผู้พิพากษาศาลอิรัก ก็สั่งลงโทษประหารชีวิต ซัดดัม ฮุสเซน จากคดีสังหารหมู่ชาวชีอะห์ 148 ราย โดยเขาถูกประหารชีวิตด้วยการถูกแขวนคอในวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2549 หรือวันนี้เมื่อ 14 ก่อนนั่นเอง

เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อรับชมข้อมูลจากจักรวาล DC เพราะ Warner Bros. กำลังวางแผนที่จะเปิดตัวภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หกเรื่องต่อปี!

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม วอลเตอร์ ฮามาดะ ประธาน Warner Bros. เปิดเผยกับนิวยอร์กไทม์สว่าตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป บริษัทจะเริ่มเปิดตัวภาพยนตร์ DC ถึง 4 เรื่องในโรงภาพยนตร์และภาพยนตร์สารคดี 2 เรื่องสำหรับ HBO Max ทุกปี

ตามที่ ฮามาดะ กล่าวว่า ภาพยนตร์ DC ที่ "มีค่าที่สุด" ได้รับการออกแบบมาสำหรับการฉายในโรงภาพยนตร์ ในขณะที่เรื่องที่มีทุนน้อยกว่าและชื่อที่มีความเสี่ยง เช่น Batgirl และ Toxic Shock จะลดลงเหลือเฉพาะให้บริการผ่านสตรีมมิ่ง นอกจากนี้ บริษัทจะทำการพัฒนา DC TV Serie ที่หลากหลาย สำหรับ HBO Max ที่จะ "เชื่อมต่อกัน" กับการออกฉายบนจอใหญ่

ข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ Disney ประกาศฉายภาพยนตร์และรายการ Marvel เรื่องใหม่เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ในขณะที่เรามี The Batman, The Flash, Aquaman 2 และ Shazam 2 ของ DC ที่ต้องตั้งตารอในปี 2022 แทบรอไม่ไหวแล้วว่าจะมีอะไรอีกสำหรับฮีโร่ DC ที่เราชื่นชอบ


ที่มา: https://www.msn.com/en-us/movies/news/warner-bros-to-expand-the-dc-universe-with-6-superhero-films-a-year-starting-2022/ar-BB1ciFfp

 

PUBG Mobile เกมที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่นานหลังจากเปิดตัวบนแพลตฟอร์มมือถือในปี 2560 ตั้งแต่นั้นมาเกมมีการเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในแง่ของจำนวนผู้เล่นและรายได้โดยรวม

ตามรายงานของ SensorTower, PUBG Mobile พร้อมกับ Game Of Peace เวอร์ชันภาษาจีน สามารถทำรายได้ทั่วโลกได้ราว 2.6 พันล้าน ในปี 2020 บนแพลตฟอร์ม Android และ iOS การเติบโตของรายได้อยู่ที่ประมาณ 64.3% มากกว่าในปี 2019

เกมดังกล่าวเป็นเกมที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสอง ตามรายงานของ Sensor Tower โดยมีรายรับรวมราว 173.8 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2020 และในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนที่อินเดียแบนเกมดังกล่าว ทำรายได้รวม 198 ล้านดอลลาร์และสามารถรักษาตำแหน่งเกมที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสอง อย่างไรก็ตามในเดือนตุลาคม เกมดังกล่าวหลุดไปอยู่ในอันดับที่สามในรายการเกมที่ทำรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก

เมื่อพิจารณาตัวเลขรายได้ก่อนการแบนจากอินเดีย เกม PUBG Mobile มีรายได้สูงสุดในเดือนมีนาคมที่ 270 ล้านดอลลาร์ และเมื่อทั้งโลกพยายามยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสโคโรนา โดยทำการล็อกดาวน์ทั้งหมด เพียงไม่กี่เดือนเกมดังกล่าวกลายเป็นเกมที่ทำรายได้สูงสุดด้วยรายได้รวม 221 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกในเดือนสิงหาคม ขณะที่ในเดือนกรกฎาคม ,มิถุนายน และพฤษภาคม เกมดังกล่าวมีรายรับรวม 209 ล้านดอลลาร์ 168 ล้านดอลลาร์และ 215 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ

แน่นอนว่าการแบน PUBG Mobile ของอินเดียแสดงให้เห็นถึงผลกระทบในแง่ของรายได้ แต่มันเป็นเพียงแค่ส่วนต่างเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเกมดังกล่าวเลื่อนไปสู่เกมที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับสองและสามจากตำแหน่งบนสุด


ที่มา: https://www.gadgetsnow.com/tech-news/2-6-billion-and-counting-the-amount-of-money-pubg-made-in-2020/articleshow/80003619.cms

10 สิ่งจำเป็นที่ผู้หญิงอยากทำเวลาอยู่คนเดียว

หลายครั้งที่คนเราอยากจะมีเวลาส่วนตัวบ้าง อยากจะทำนู่นนี่นั่นคนเดียว โดยที่ไม่ต้องมีใครมากวน การใช้เวลาอยู่คนเดียวอาจจะเป็นช่วงที่เราได้ทบทวนตัวเอง ในความเป็นจริงผู้ชายและผู้หญิงย่อมมีความแตกต่างกัน แล้วรู้หรือไม่ว่า พวกสาว ๆ เธออยากทำอะไรเวลาอยู่คนเดียว

1.) กินมากเท่าที่พวกเธอต้องการ

ยอมรับเถอะสาว ๆ - มีหลายครั้งที่คุณยอมแพ้ให้กับช็อกโกแลตทั้งแท่ง โดยที่คุณไม่ต้องแบ่งส่วนสำหรับเด็กน้อยที่หิวโหย คุณไม่ต้องถูกใครขัดจังหวะ ขนมอร่อย ๆ ทั้งหมดเป็นของเธอและของเธอเท่านั้น

2.) ดูรายการทีวีโง่ ๆ

มีหลายครั้งที่ผู้หญิงรู้สึกอยากดูรายการทีวีที่พวกเธอคุยโม้ว่าจะไม่ดู ความสงบร่มเย็นเข้ามาในบ้านเมื่อพ่อพาเด็ก ๆ ออกไปเดินเล่น ในที่สุดพวกเธอก็มีเวลาเพลิดเพลินกับรายการทีวีที่ชื่นชอบ

3.) ฟังเพลง ร้องเพลง และเต้นรำ

เมื่อไม่มีใครอยู่ ผู้หญิงจำนวนมากคิดกับตัวเอง: ฮูราห์! ในที่สุดฉันก็สามารถร้องเพลง Beyoncé, Taylor Swift หรือ One Direction ในระดับเสียงเต็ม (หรือเกือบเต็ม - ไม่จำเป็นต้องรบกวนเพื่อนบ้าน) วิ่งไปรอบ ๆ บ้านและเต้นรำ เพราะไม่มีอะไรดีเท่าการได้ปลดปล่อยตัวเอง

4.) สนุกกับช่วงเวลา

ไม่ได้ปฏิเสธว่าความรักที่ได้รับจากคนรักและลูก ๆ เติมเต็มหัวใจของเราด้วยความสุข แต่อย่างไรก็ตามผู้หญิงทุกคนยอมรับว่าพวกเธอต้องการเวลาอยู่คนเดียวเช่นกัน อย่างน้อย 20 นาทีต่อวัน เพื่อใช้ความคิดแบบที่ไม่มีใครรบกวน

5.) แช่อ่างสุดหรู

ลองนึกภาพสิ่งนี้: การแช่น้ำฟองสบู่ มาส์กหน้าให้ความชุ่มชื้น และเสียงดนตรีผ่อนคลาย ไม่มีใครรบกวนคุณ ลองคิดดูว่าสิ่งนี้จะมหัศจรรย์แค่ไหน

6.) อ่านนิตยสารหรือหนังสือที่พวกเธอไม่มีโอกาสอ่าน

เปิดโอกาสให้เช็ดฝุ่นหนาออกจากนวนิยายเรื่องโปรดของพวกเธอ นั่งจมลงไปบนโซฟาและอ่านเนื้อหาที่ตรงใจ ผู้หญิงแทบทุกคนชอบทำสิ่งนี้

7.) นั่งบนโซฟานานกว่าห้านาทีและรู้สึกถึงความสะอาด

.... ซึ่งจะหมดไปในเวลาไม่นาน ทันทีที่คนในครอบครัวกลับมา! โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงทุกคนต้องการให้ช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบนี้คงอยู่นานขึ้นอีกสักหน่อย

8.) ทำสิ่งต่าง ๆ ที่บ้านโดยไม่มีใครช่วย

บางครั้งเด็ก ๆ ก็อยากช่วยแม่ทำงานบ้าน ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการสอนให้พวกเขามีความรับผิดชอบและเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม บางครั้งผู้หญิงก็แค่อยากจะทำกับข้าวและกลับไปใช้ชีวิต แม้ว่าจะอยากช่วยเหลือแค่ไหน แต่เด็ก ๆ ก็ยังคงเป็นความยุ่งเหยิงและปัญหา พวกเขาจะทำลายสิ่งต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามเราต้องยอมรับว่าไม่มีใครจะทำให้สถานที่สะอาดเหมาะสมอย่างที่เราทำได้

9.) ไปซื้อของโดยไม่ต้องเร่งรีบหรือระวังเด็ก ๆ

การเดินทางไปห้างสรรพสินค้าคนเดียวโดยไม่มีคู่รักและลูก ๆ รู้สึกเหมือนเป็นการแหกคุกสำหรับผู้หญิงหลายคน พวกเธอรู้สึกไร้กังวลโดยสิ้นเชิง พวกเธอสามารถเลือกและลองเสื้อผ้าได้นานเท่าที่ต้องการโดยไม่ต้องดูนาฬิกาตลอดเวลา และไม่ต้องรีบร้อนจากการถอนหายใจครวญครางและคร่ำครวญไม่รู้จบ ช่างเป็นความรู้สึกที่น่ายินดีจริง ๆ !

10.) นอนหลับ

จะนอนท่าไหนก็ได้ การนอนหลับเป็นสิ่งที่ดีเลิศของความสุข!


ที่มา: https://brightside.me/article/ten-seriously-satisfying-things-all-women-love-doing-alone-57105/

 

เมื่อพวกทั่นมีชื่อภาษาเกาหลี

ช่วงปลายปี เห็นมีการตั้งชื่อฉายากันให้ครึกโครม คุณครูก็เลยอยากจะขอตั้งชื่อบ้าง แต่ตั้งแบบธรรมดาๆ ก็ไม่ใช่ทางเรา โฮะ ๆๆ งานนี้คุณครูขอเปิดคลาสวิชาเกาหลีค่ะ แล้วขอตั้งชื่อพวกทั่น ๆ เหล่านี้ เป็นภาษากิมจิ เอ้ย! เกาหลีนะคะ อันย๊อง!

29 ธันวาคม พ.ศ. 2540 วันนี้ในอดีต ฮ่องกงปลิดชีวิตไก่นับล้านเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดนก

วันนี้โลกยังวุ่นวายกับ ‘โควิด-19’ โรคระบาดครั้งใหญ่ที่กินระยะเวลามา 1 ปีเศษๆ แต่หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 23 ปีก่อน ยังจำโรคนี้กันได้ไหมครับ ‘โรคไข้หวัดนก’ หรือ Bird Flu H5N1 มันคือไข้หวัดใหญ่ชนิด A ซึ่งถือว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดที่รุนแรงที่สุด

อันที่จริงมันถูกค้นพบมาตั้งแต่ 100 กว่าปีก่อนที่ประเทศอิตาลี แต่จุดเริ่มต้นเป็นการระบาดในหมู่สัตว์ปีกด้วยกันเอง แต่แล้วมันก็กลายพันธุ์กลายเป็นการระบาดจากสัตว์ปีกสู่คนจนได้ ซึ่งประเทศแรกที่ถูกพบก็คือ ประเทศฮ่องกง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไปไม่น้อย จากนั้นอีก 6 ปีให้หลัง มันก็กลับมาระบาดใหม่อีกครั้ง เป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2540 รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศออกคำสั่ง ให้กำจัดไก่บนเกาะจำนวนนับล้านตัวให้หมดไป แม้จะดูโหดร้ายต่อสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ไปสักหน่อย แต่เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดมาสู่ผู้คน ทางรัฐฮ่องกงจึงจำเป็นต้องลงมือทำ

 

Zeed Ep 3 : ทีมสุดซี้ดแห่งปี

ปล่อยคลิปรวมมิตร ‘เรื่องสุด Zeed แห่งปี’ ไป 2 EP. งานนี้ยังเวรี่กู้ เอ้ย! เวรี่ฮอตกันไม่พอครับ The States Times เลยขอจัด EP.3 ตามมาอีกหนึ่งดอก เพื่อเป็นการส่งท้ายปี คราวนี้ว่ากันด้วยเรื่อง ‘ทีมสุด Zeed แห่งปี’ ไปดูกันว่า รอบปี 2020 นี้ มีทีมอะไรเข้าขั้น Zeed Zeed กันบ้าง

.

(ย้อนดูคลิป EP.1 คู่ปะทะสุด Zeed แห่งปีได้ที่: https://www.facebook.com/111420904033712/videos/210397660668022 ย้อนดูคลิป EP.2 ของสุด Zeed แห่งปีได้ที่: https://www.facebook.com/111420904033712/videos/153736799506196 )

Beyonce จะมอบเงินช่วยเหลือ 5,000 ดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องเผชิญกับการยึดทรัพย์สินหรือการถูกขับไล่ เนื่องจากวิกฤตที่อยู่อาศัยที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ผ่านมูลนิธิการกุศล BeyGOOD ของเธอ

ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2021 โดยนักร้องสาวประกาศในเว็บไซต์ของเธอเมื่อวันอังคารว่า เงินช่วยเหลือจะถูกส่งไปยัง 100 คนที่ได้รับการคัดเลือก ในช่วงปลายเดือนมกราคม

แถลงการณ์ที่ออกโดยมูลนิธิการกุศลของนักร้องดัง ระบุถึงการบริจาคเงินครั้งนี้ว่า : "Beyoncé ยังคงให้การสนับสนุนและช่วยเหลือในจุดที่จำเป็นที่สุด

“ระยะที่สองของกองทุน BeyGOOD Impact Fund จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตที่อยู่อาศัย

"การเลื่อนการชำระหนี้ที่อยู่อาศัยกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 26 ธันวาคมส่งผลให้มีการบังคับจำนองและการขับไล่ผู้เช่า

"หลายครอบครัวได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคที่ส่งผลให้ตกงานเจ็บป่วยและเศรษฐกิจโดยรวมตกต่ำ"

การสูญเสียรายได้ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เสี่ยงต่อการถูกขับไล่ออกจากที่พักอาศัย

นี่ไม่ใช่ความพยายามครั้งแรกของ Beyoncé ในการช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด ที่ผ่านมามูลนิธิของ Beyonce ได้ให้การสนับสนุนอื่น ๆ ตลอดการแพร่ระบาด รวมทั้งการมอบเงินกองทุนให้กับชาวอเมริกาผิวสีเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบ 250 รายด้วยเงินช่วยเหลือ10,000 ดอลลาร์

ในเดือนพฤษภาคม เธอได้จัดตั้งหน่วยตรวจ Covid-19 เคลื่อนที่กับ Tina Knowles-Lawson แม่ของเธอ ในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัส นอกจากนี้เมื่อเดือนเมษายน เธอยังบริจาคร่วมกับกองทุน Start Small ของแจ็ค ดอร์ซีย์ ให้กับผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ถึง 6 ล้านดอลลาร์

โดยครั้งนี้ Beyonce จะมอบเงินช่วยเหลือจำนวน 5,000 ดอลลาร์ หรือราว 150,000 บาท ให้กับครอบครัวที่เดือดร้อน 100 ครอบครัวในสหรัฐอเมริกา ในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ โดยจะมีการเปิดรับสมัครรอบแรกในวันที่ 7 มกราคม และเปิดรับสมัครรอบที่สองในเดือนกุมภาพันธ์


ที่มา

https://news.sky.com/story/covid-19-beyonce-donates-500-000-to-people-facing-eviction-due-to-housing-crisis-12172679

https://edition.cnn.com/2020/12/26/entertainment/beyonce-donates-eviction-housing-crisis-trnd/index.htmlutm_medium=social&utm_term=link&utm_source=twCNN&utm_content=2020-12-28T03%3A35%3A04

สมาคมอุตสาหกรรมดนตรีญี่ปุ่น (RIAJ) รับรองเพลง ‘Dynamite’ ของศิลปิน BTS ขึ้นระดับ Platinum ในประเภทสตรีมมิ่ง หลังจากที่เพลงมียอดสตรีมมากกว่า 100 ล้านครั้ง ด้าน TWICE ไม่น้อยหน้า ก้าวสู่ระดับ Gold และ Silver หลายเพลง

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Recording Industry Association of Japan (RIAJ) ได้ใช้ระบบการรับรองใหม่สำหรับการสตรีมเพลงออนไลน์ นอกเหนือจากระบบการรับรองที่มีอยู่แล้วจากการจัดส่งอัลบั้มจริงและการขายแบบดิจิทัล ตามระบบใหม่เพลงจะได้รับการรับรองระดับ Silver เมื่อมียอดสตรีมถึง 30 ล้านสตรีม ระดับ Gold ที่ 50 ล้านสตรีม และระดับ Platinum ที่ 100 ล้านสตรีม

ในการรับรองชุดล่าสุด (พฤศจิกายน 2020) RIAJ ได้รับรองเพลง “Dynamite” ของ BTS อย่างเป็นทางการ ซึ่งได้รับการรับรองระดับ Platinum ในประเภทสตรีมมิง หลังจากที่เพลงมียอดสตรีมมากกว่า 100 ล้านครั้งในเวลาเพียงสามเดือน แม้ว่า BTS จะเคยได้รับการรับรองระดับ Platinum จาก RIAJ จากยอดขายแผ่น แต่ความสำเร็จครั้งล่าสุดนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เพลงของพวกเขาได้รับการรับรองระดับ Platinum จากการสตรีมเพลง

โดย “Dynamite” ถือเป็นเพลงแรกของศิลปินกลุ่มต่างชาติในประวัติศาสตร์ RIAJ ที่เคยได้รับการรับรองระดับ Platinum จากการสตรีมเพลง

นอกจากนี้ BTS ยังได้รับการรับรองระดับ Gold 2 รายการ จากเพลง“ DNA” และ“ Stay Gold” ซึ่งแต่ละรายการมียอดสตรีมทะลุ 50 ล้านครั้ง รวมถึงการรับรองระดับ Silver จากเพลง “Your Eyes Tell” ซึ่งเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นที่จองกุกร่วมแต่ง

ขณะที่ TWICE ก็ได้รับการรับรองหลายรายการในประเภทสตรีม จากกลุ่มเพลงฮิตอย่าง “What is Love?” และเพลง“ YES or YES” ได้รับการรับรองระดับ Gold และเพลงญี่ปุ่น “Candy Pop” ได้รับการรับรองระดับ Silver ทำยอดถึง 30 ล้านสตรีม

ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของ BTS และ TWICE ด้วยจ้า


ที่มา: https://www.soompi.com/article/1445689wpp/bts-becomes-1st-foreign-group-ever-to-receive-riaj-platinum-certification-for-streaming-in-japan-twice-goes-gold-and-silver-with-multiple-songs

 

กล้วยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ง่ายอีกทั้งยังอุดมไปด้วยประโยชน์มหาศาล วันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับประโยชน์ของกล้วย 17 ประการ ที่บอกเลยว่าใครได้รู้ต้องร้องว้าว!

รู้ไหมคะว่ากล้วยเป็นหนึ่งในอาหารที่ดีต่อสุขภาพและมีสารอาหารมากที่สุดในโลก อีกทั้งมีโพแทสเซียมในปริมาณที่สูงที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหมด หากคุณกินกล้วยสุกวันละสองลูก คุณจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมหาศาลและสิ่งที่เรียกว่า Tumor Necrosis Factor ซึ่งช่วยในการต่อต้านเซลล์มะเร็งในร่างกาย ยิ่งกล้วยสุกมากเท่าไหร่ระดับสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านมะเร็งและสารอาหารก็จะสูง เท่านั้นยังไม่พอคุณจะได้รับประโยชน์อะไรอีกบ้างจากการกินกล้วยสองสามลูกในแต่ละวัน ไปดูกันเลย

1.) กล้วยต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า คนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักจะมีระดับของเซโรโทนินในสมองต่ำ กล้วยมีทริปโตเฟนในระดับสูงซึ่งจะเปลี่ยนเป็นเซโรโทนิน กล้วยจึงช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้าได้

2.) คุณจะมีพลังงานมากขึ้น กล้วยมีน้ำตาลธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ ฟรุกโตส กลูโคส และซูโครส และเป็นไฟเบอร์ที่ดี โรงไฟฟ้าแห่งโภชนาการนี้ให้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและยั่งยืน กล้วยเพียงสองลูกให้พลังงานเพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย 90 นาที!

3.) กล้วยช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก ด้วยแคลอรี่เพียง 100 แคลอรี่ต่อมื้อ กล้วยเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่พยายามลดน้ำหนักสักสองสามปอนด์ นอกจากนี้ยังมีไฟเบอร์ 3 กรัมช่วยให้เรารู้สึกอิ่มมากขึ้นและลดความอยาก

4.) กล้วยดีต่อสมอง กล้วยจะปล่อยพลังงานออกมาอย่างช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้สมองตื่นตัวได้นานขึ้น ระดับโพแทสเซียมที่สูงทำให้เราตื่นตัวมากขึ้น และแมกนีเซียมช่วยให้สมองมีสมาธิ

5.) ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนของคุณ กล้วยมีโพแทสเซียมและวิตามินบี 6 ในปริมาณสูง กล้วยเป็นแหล่งสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการสร้างฮอร์โมน

6.) ช่วยบรรเทาอาการเสียดท้อง กล้วยที่มีโพแทสเซียมสูงช่วยลดความเป็นกรดของกระเพาะอาหารในขณะที่ไฟเบอร์ช่วยในการย่อยอาหาร ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จำเป็นต่อการบรรเทาอาการเสียดท้อง

7.) กล้วยช่วยลดความดันโลหิต การวิจัยพบว่าการกินกล้วยสองลูกต่อวันสามารถลดความดันโลหิตได้ 10% สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิต กล้วยมีโซเดียมต่ำและโพแทสเซียมสูงจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการบริโภค

8.) ช่วยให้เลือดของคุณแข็งแรง กล้วยมีธาตุเหล็กในปริมาณที่ดีช่วยให้เลือดแข็งแรงและลดความเสี่ยงของโรคโลหิตจาง กล้วยยังมีวิตามิน B6 ในปริมาณสูง นอกจากนี้กล้วยยังช่วยในการผลิตเม็ดเลือดขาว

9.) กล้วยดีต่อกระดูก สารอาหารในกล้วยช่วยเสริมสร้างและรักษากระดูกให้แข็งแรงโดยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม

10.) กล้วยต่อสู้กับความเจ็บป่วย กล้วยมีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับสูง ให้การปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วย เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็ง และความเสื่อมของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ

11.) ช่วยในการเลิกบุหรี่ได้ แม้ว่าอาจเป็นการกล่าวอ้างที่ถกเถียงกัน แต่กล้วยมีส่วนผสมของโพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินบี 6 เมื่อรวมกันแล้วสารอาหารเหล่านี้เป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากการเลิกนิโคตินได้เร็ว

12.) กล้วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ในขณะที่แพทย์ในอินเดียได้ประกาศถึงประโยชน์ของกล้วยในการรักษาแผลในกระเพาะอาหารมาหลายชั่วอายุคน แต่เมื่อไม่นานมานี้แพทย์ในอังกฤษได้ค้นพบสิ่งเดียวกันนั่นคือกล้วยมีสารไซโตอินโดไซด์ ซึ่งช่วยป้องกันและสมานแผล

13.) สามารถแก้อาการเมาค้างได้ ด้วยการมีอิเล็กโทรไลต์ในปริมาณสูง กล้วยจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งในการควบคุมระดับอิเล็กโทรไลต์และทำให้ร่างกายกลับมามีสุขภาพดี

14.) ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก เพราะกล้วยมีเส้นใยสูงและมีไฟเบอร์ ช่วยให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ

15.) กล้วยช่วยป้องกันความผิดปกติของสมอง กล้วยอุดมไปด้วยแมกนีเซียมช่วยในการเปลี่ยนกรดไขมันให้เป็น DHA ซึ่งเป็นโอเมก้า 3 ที่สำคัญ นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างการขาด DHA และความผิดปกติของระบบประสาท เช่น โรคสมาธิสั้นและโรคอัลไซเมอร์ อ้อ! กล้วยมีวิตามินบีสูงช่วยป้องกันโรคพาร์คินสันได้ด้วยนะ

16.) กล้วยช่วยเพิ่มความจำ กล้วยสามารถช่วยปรับปรุงและรักษาความจำได้ เนื่องจากมีทริปโตเฟน โพแทสเซียม และแมกนีเซียมในระดับสูง

17.) กล้วยช่วยให้หัวใจแข็งแรง กล้วยมีสารอาหารและวิตามินในปริมาณสูง การเพิ่มปริมาณโพแทสเซียมและการลดปริมาณโซเดียมอาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คนสามารถทำได้เพื่อปกป้องหัวใจของพวกเขา และกล้วยเป็นอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงและมีโซเดียมต่ำ อีกทั้งส่วนผสมของไฟเบอร์ วิตามินซี และบี 6 ในกล้วยยังส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด 

เป็นยังไงกันบ้างคะ คาดไม่ถึงเลยใช่ไหมว่ากล้วยที่เราเห็นอยู่ทุกวันจะอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมายขนาดนี้ อ่านจบแล้วต้องรีบไปหากล้วยมาทานเลยนะเนี่ย


ที่มา: https://www.powerofpositivity.com/eat-two-ripe-bananas-every-day-for-30-days/

 

28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 วันคล้ายวันปราบดาภิเษกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

วันนี้เมื่อ 253 ปีก่อน ถือเป็นวันสำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทย โดยเป็นวันขึ้นปราบดาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นกษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี หลังจากรวบรวมผู้คนกลับไปกอบกู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนมาจากพม่าได้ภายในเวลา 7 เดือน พระเจ้าตากสินทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาถูกพม่าเผาผลาญเสียหายมากและยากที่จะฟื้นฟู จึงทรงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงธนบรี แล้วทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2310 นี้เอง

 

พระเจ้าตากสินมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรีเพียงพระองค์เดียว และทรงครองราชย์เป็นระยะเวลา 15 ปี ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ทรงทำนุบำรุงศาสนา และทรงส่งเสริมให้ผู้คนแต่งหนังสือ เนื่องจากหนังสือไทยอันมีค่าถูกพม่าเผาไปจนเกือบหมด นอกจากนี้ยังอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานไว้ที่เมืองหลวงอีกด้วย

 

ด้วยทรงเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาติไทย ต่อมา คณะรัฐมนตรีได้ประกาศเอาวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสมเด็จพระเจ้าตากสิน และถวายสมัญญานามว่า ‘สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช’ ในวันนี้นอกจากผู้คนจะได้ถวายสักการะ ณ อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณวงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรีในปัจจุบัน ยังถือเป็นการได้ย้อนรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบรมกษัตริย์ไทย ที่ทรงสร้างชาติบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น และรอดพ้นจากผองภัยมาจนถึงทุกวันนี้

 

 

  

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top