Friday, 13 December 2024
NEWS FEED

ตลาดซื้อขายเงินดิจิทัล ส่อแววแข่งเดือด 3 นักลงทุนไทย ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ – ‘ปรีชา ไพรภัทรกุล’ – ‘ชัชวาลย์ เจียรวนนท์’ ร่วมลงขั้น เปิดตัว ‘Upbit Thailand’ บริการเทรดคริปโตฯออนไลน์ เปิดฉากอัดโปรโมชั่นหั่นค่าธรรมเนียมจูงใจ หลังก.ล.ต.ไฟเขียวใบอนุญาต

นายพีรเดช ตันเรืองพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Upbit Thailand เปิดเผยว่า Upbit Thailand ได้เปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 64 ที่ผ่านมาหลังจากที่ผ่านการตรวจสอบขั้นตอนสุดท้ายจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมได้รับอนุมัติให้เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว

โดย Upbit Thailand ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ ใบอนุญาตประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายคริปโตเคอเรนซี , ศูนย์ซื้อขายโทเคนดิจิทัล , นายหน้าซื้อขายคริปโตเคอเรนซี และนายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล ซึ่งบริษัทฯให้ความมั่นใจระบบการเทรดที่ปลอดภัยและเสถียร อีกทั้งได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด 4 ประเภท จะช่วยตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี

“เป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างมากสำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตฯ ทั้งในไทยและในระดับโลก ด้วยความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงที่ Upbit ได้รับการยอมรับในระดับโลก เราตั้งใจที่จะมอบประสบการณ์การเทรดที่ดีเยี่ยม เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจในประเทศไทย และความร่วมมือกับผู้ให้บริการระดับโลกจะทำให้เราสามารถนำเสนอบริการสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความล้ำสมัย ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบและกรอบของกฎหมาย”

ทั้งนี้ ผู้ใช้สามารถใช้งาน Upbit Thailand ได้จากทุกแพลตฟอร์ม (เว็บไซต์ PC, Android App และ iOS App) สำหรับแคมเปญเปิดตัว Upbit Thailand เสนอส่วนลดค่าธรรมเนียมแก่ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนในช่วงแรกเหลือเพียง 0% สำหรับ makers และ 0.1% สำหรับ takers โดยใช้ได้กับคำสั่งทุกประเภท

สำหรับ Upbit Thailand เกิดจาการร่วมมือระหว่าง Upbit APAC Pte. Ltd. จากเกาหลีใต้ และนักลงทุนชาวไทยซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่ ประกอบไปด้วย นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA, นายปรีชา ไพรภัทรกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท MOL Global จำกัด และนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ เจ้าของ Fortune Magazine

ขณะที่ Upbit ก่อตั้งโดย Dunamu Inc. ในปี 2560 ซึ่งถือว่าหนึ่งในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยวัดจาก volume การเทรด ปัจจุบัน Upbit เปิดให้บริการในประเทศเกาหลีใต้ สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย

 

 

‘รมว.คมนาคม’ สั่งด่วน!! ทางหลวงเร่งตรวจสอบ-ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุนั่งร้านทรุด ขณะเทคอนกรีตบริเวณโครงการก่อสร้าง ทล.290 วงแหวนรอบเมืองนครราชสีมาด้านเหนือตอน 2 พร้อมกำชับมาตรการความปลอดภัยทุกโครงการก่อสร้าง

จากกรณีเกิดอุบัติเหตุบริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 290 วงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ด้านเหนือ ตอน 2 ตัดกับทางหลวงหมายเลข 205 ตอน โคกสวาย - แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 1 ที่ กม.217+500 โดยเกิดเหตุนั่งร้านทรุดตัวขณะกำลังดำเนินการเทคอนกรีตโครงสร้างพื้นส่วนบนของสะพานยกระดับคู่ขนานกับทางสายหลัก ส่วนที่ข้าม ทล.205 มุ่งหน้าโนนไทย ช่วงพื้นสะพานระหว่างคาน RA5-RA6 (1 ช่วง)

กรมทางหลวง โดยสำนักงานทางหลวงที่ 10 (นครราชสีมา) และสำนักก่อสร้างทางที่ 2 ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ โดยสภาพทางจุดตัดทางหลวงหมายเลข 205 และทางหลวงวงแหวนหมายเลข 290 ขนาด 4 ช่องจราจร ผิวจราจรไม่มีหลุมบ่อ มีไฟฟ้าแสงสว่าง และการจราจรสามารถผ่านได้ปกติ เนื่องจากจุดโครงสร้างทรุดตัวไม่ได้อยู่ในช่องทางจราจรทางหลวงหมายเลข 205

และจากการตรวจสอบไม่มีทรัพย์สินของราชการเสียหาย ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 9 คน แบ่งเป็น ผู้ชาย 5 คน ผู้หญิง 4 คน เป็นชาวกัมพูชา 7 คน พม่า 1 คน และคนไทย 1 คน ผู้บาดเจ็บขณะนี้ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และไม่มีผู้เสียชีวิต

สำหรับโครงการฯ 290 ตอน วงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ด้านเหนือ ตอน 2 มีกิจการร่วมค้า สี่แสง – โชคชัยเป็นผู้รับจ้าง เริ่มต้นสัญญาวันที่ 23 มกราคม 2561 ค่างานก่อสร้าง 1,400,998,295 บาท

ทั้งนี้ สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน สำหรับแนวทางในการดำเนินการแก้ไข ทางโครงการฯ ได้ให้ทางผู้รับจ้างดำเนินการรื้อถอนโครงสร้างนั่งร้าน และเศษวัสดุออกจากจุดเกิดเหตุโดยเร่งด่วน และให้เยียวยาผู้ที่ได้รับการบาดเจ็บ พร้อมทั้งได้ประชุมวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้

สำหรับในส่วนของแรงงานชาวกัมพูชา และแรงงานชาวพม่า เป็นแรงงานที่เข้ามาทำงานกับทางโครงการฯ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และได้อยู่ในโครงการมาตั้งแต่ปี 2561 ไม่ได้มีการเคลื่อนย้ายแต่อย่างใด อีกทั้งในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ทางโครงการยังไม่มีการรับแรงงานต่างด้าวมาเพิ่มเติมแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ได้แจ้งให้ทราบบัญชาจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ กำชับมาตรการความปลอดภัยระหว่างก่อสร้าง และเข็มงวดเต็มที่ ในทุกโครงการก่อสร้าง และให้ความช่วยเหลือดูแลผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่

เกษตรกร มีเฮ ! หลัง ‘รมช.เกษตรฯ’ เผย จีนไฟเขียวให้ไทยใช้แนวทางองค์การอนามัยโลก ส่งออก “ทุเรียน” ยัน ! ไม่สะดุด หลังมีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยต่อกรณีการส่งออกทุเรียนไทยในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้มีการสั่งการให้นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับตัวแทนของประเทศจีนเพื่อสร้างความมั่นใจการส่งออกทุเรียนไปจีนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดไวรัส “โควิด-19“ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของไทย และจะเริ่มมีการเตรียมการส่งออกตั้งแต่เดือน ก.พ. ถึง พ.ค. 2564

ทั้งนี้ให้นำข้อกังวลของนายกสมาคมทุเรียนไทยมาประกอบการหารือเพื่อช่วยกันรักษาตลาดส่งออกทุเรียนของไทย ซึ่งแต่ละปีจะมียอดส่งออกไปจีนมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท และมีเกษตรกรรวมถึงผู้ที่อยู่ในระบบธุรกิจจนถึงส่งออกรวมแล้วกว่า 140,000 ครัวเรือน

“กระทรวงเกษตรฯ ตระหนักถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวน และผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน ข้อหารือที่ออกมาคาดว่าจะสามารถช่วยสร้างความเชื่อมั่นสินค้าส่งออกของไทยได้ เพราะได้หารือกับหน่วยงานรับผิดชอบของประเทศผู้นำเข้า ซึ่งไทยยืนยันว่าจะรักษาระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานเพื่อรักษาชื่อเสียงของทุเรียนไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคจีนทั้งคุณภาพ และความปลอดภัยในทุเรียนของไทย” รมช.เกษตรฯกล่าว

ด้าน นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร (กวก.) กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรและสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้ร่วมหารือกับผู้แทนของสำนักศุลกากร (GACC) ของจีนเมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ผ่านมา

ฝ่ายจีนแจ้งว่ารัฐบาลได้ยกระดับมาตรการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ปนเปื้อนในสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยจะมีการสุ่มตรวจสินค้าอย่างเข้มงวดและต้องดำเนินมาตรการการฆ่าเชื้อสำหรับอาหารที่ขนส่งโดยควบคุมอุณภูมิ (Cold Chain) ตั้งแต่ด่านศุลกากร การขนส่ง การกระจายสินค้า และการจำหน่าย

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ฝ่ายจีนดำเนินการกับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ ทั้งนี้จีนชื่นชมระบบการจัดการส่งออกผลไม้ของไทยว่ามีประสิทธิภาพมาก และมีความปลอดภัยสูง โดยตลอดระยะเวลาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมา ไม่เคยตรวจพบการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในบรรจุภัณฑ์และสินค้าผลไม้จากไทย

ซึ่งทางฝ่ายไทยเน้นย้ำว่าภาครัฐ และภาคเอกชนของไทยได้ร่วมผนึกกำลังที่จะดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมเพื่อให้สินค้าไทยมีความปลอดภัยควบคู่ไปกับคุณภาพที่ดี

ในโอกาสนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร และ มกอช. ได้นำเสนอมาตรการการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในกระบวนการผลิต และคัดบรรจุผลไม้เพื่อการส่งออกตามแนวทางในการจัดการความปลอดภัยอาหารในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ขององค์การอาหาร และการเกษตรแห่งสหประชาชาติ( FAO ) และองค์การอนามัยโลก(WHO)

ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติให้กับหน่วยงานของรัฐ และผู้ประกอบการผลิตอาหารในการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาหาร และป้องกันการปนเปื้อนอาหาร เช่น การควบคุมกระบวนการผลิต วิธีการฆ่าเชื้อ และการสร้างความตระหนักให้พนักงานเพื่อป้องกันโรค เป็นต้น ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของจีน และจีนขอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโคโรนาในสินค้าผลไม้ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ภายในสัปดาห์หน้า ไทยจะมีหนังสือแจ้งมาตรการการป้องกันไวรัสโคโรนา-19 ตามมาตรฐาน FAO และ WHO ที่จะให้โรงคัดบรรจุของไทยปฏิบัติไปยัง GACC เพื่อทราบ รวมถึงแจ้งประชาสัมพันธ์ให้โรงงานผลิตและเกษตรกรและประชาชนผู้บริโภคทั้งไทย และต่างประเทศเพื่อสร้างความเข้าใจ และความเชื่อมั่นทั้งภาษาไทย จีน อังกฤษ

สำหรับสาระสำคัญแนวทางการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กับความปลอดภัยสำหรับธุรกิจอาหาร ที่ FAO และ WHO แนะนำนั้น จะเน้นที่ระบบการจัดการความปลอดภัยอาหารเพื่อป้องกันการปนเปื้อนโดยจัดการความเสี่ยง และควบคุมจุดวิกฤตนอกเหนือจากการปฏิบัติตามโปรแกรมพื้นฐานด้านสุขลักษณะ ความเหมาะสมต่อการทำงาน การทำความสะอาด การฆ่าเชื้อ การแยกพื้นที่การผลิต การควบคุมผู้ส่งมอบ การเก็บรักษา และตลอดสายการผลิต

นอกจากนั้น กำหนดให้มีการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบ หรือทีมที่พิจารณาว่า อาจมีความเสี่ยงหรือต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ โดยขอคำแนะนำจากหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยด้านอาหาร มีการจัดการสุขลักษณะส่วนบุคคลของผู้ปฏิบัติงาน เพื่อลดความเสี่ยงจากผู้ปฏิบัติงานที่จะนำไวรัสปนเปื้อนสู่อาหาร และบรรจุภัณฑ์ มีการฝึกอบรมพนักงาน การทบทวนการฝึกอบรมพนักงาน กำหนดให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากากอนามัย และถุงมืออย่างเหมาะสม มีการเว้นระยะห่าง จำกัดจำนวนพนักงานที่อยู่ในพื้นที่การผลิต

ลดการปฏิสัมพันธ์ และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยอย่างเพียงพอ รวมถึงการทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย ๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ พนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับอาหารต้องหมั่นสังเกตตัวเอง หากมีอาการบ่งชี้ว่าอาจได้รับเชื้อ ไม่ควรมาทำงาน และดำเนินการตามมาตรการลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อทันที นายพิเชษฐ์ กล่าว

‘ราเมศ’ มั่นใจ รมต.พรรค สุจริตในการทำงาน เตรียมทีมรองรับ หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือพาดพิง เชื่อทุกคนมีผลงานประจักษ์ในการทำงานให้กับประชาชน ย้ำเรื่องผู้ว่าฯ กทม. อย่ากังวลยังไม่ถึงเวลา พรรคเดินเครื่องมาเป็นเวลานานแล้ว

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า

พรรคติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และได้มีการเตรียมทีมงานเพื่อรองรับ หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีของพรรค หรือมีการพาดพิง ขณะนี้ยังไม่แน่ชัดว่าฝ่ายค้านจะยื่นไม่ไว้วางใจมีรัฐมนตรีคนใดบ้างที่อยู่ในโผของฝ่ายค้าน แต่ไม่ได้มีความกังวล เพราะเชื่อในการทำงานของรัฐมนตรีของพรรค ที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง และที่สำคัญทุกคนมีผลงานประจักษ์ในการทำงานให้กับประชาชน

นายราเมศกล่าวต่อว่า ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลตามกลไกของระบบประชาธิปไตย เป็นความสวยงามในระบบประชาธิปไตย ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องชี้แจง จะผิดปกติหากฝ่ายค้านไม่ตรวจสอบใด ๆ เลย ข้อมูลในการตรวจสอบสำคัญที่สุด

ส่วนการเลือกตั้ง ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ต้องเรียนว่า อย่ากังวลยังไม่ถึงเวลา โดยเฉพาะคนในพรรคมีอะไรก็ควรพูดในพรรคถามในพรรค จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 28 มกราคม 2564 นี้ก็สามารถสอบถามพูดคุยกันได้ และที่ผ่านมาพรรคได้เดินเครื่องเรื่องผู้ว่าฯ กทม. มาเป็นเวลานานแล้ว

โดยเฉพาะการจัดเตรียมนโยบายที่ตอบสนองความต้องการของพี่น้องชาว กทม. รองหัวหน้าพรรคที่รับผิดชอบ กทม. ได้ทำงานอย่างเต็มรูปแบบมานานแล้ว เกือบทุกสัปดาห์จะมีการประชุมและลงพื้นที่กันโดยตลอด พรรคมีระบบการทำงาน นโยบายที่คิดทำเพื่อประโยชน์กับพี่น้อง กทม.

สำคัญที่สุด คนที่จะลงผู้ว่าในนามพรรคขณะนี้อาจจะอยู่ในพื้นที่ตลอดเวลาก็ได้ ถ้าเปิดตัวคนแรกแล้วชนะเลยเช่นนั้นต้องรีบ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องย้อนกลับมาดูการทำงานจริง ๆ ของพรรค เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ยังทำงานอยู่ในทุกพื้นที่ กทม. ไม่ใช่เห็นคนอื่นเปิดแล้วต้องรีบเปิดตัว เพื่อไทย ก้าวไกล พลังประชารัฐ หรือพรรคไหนที่เปิดตัวแล้ว

ขอย้ำว่าพรรคให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. ทั้งผู้ว่าฯ และ ส.ก. เราเป็นพรรคการเมืองแรกที่ยื่นแก้กฎหมาย เพื่อทวงคืน ส.ข.สมาชิกสภาเขต ให้กับประชาชน

ศบค.ชุดเล็ก จ่อปูพรม ตรวจเชิงรุก กทม.-มหาชัย เพิ่มขึ้น สั่งเข้มเว้นระยะห่าง หวั่นติดเชื้อ 1 คน เสี่ยงสูงต่อครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน ย้ำปัจจัยเสี่ยงในที่ทำงานคือ การนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ศูนย์ปฏิบัติการบริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) หรือ ศบค. ชุดเล็ก ที่มีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.ศบค. เป็นประธานการประชุม ว่า ในวันนี้ได้หารือกันในเรื่องหลักการ ซึ่ง พล.อ.ณัฐพล ก็ได้เห็นด้วยในหลักการ

อย่างไรก็ตามต้องดูข้อมูลรายละเอียดในสัปดาห์หน้า เพื่อดูว่าข้อมูลมีความสอดคล้องกับแนวโน้มที่เราคิดไว้หรือไม่ ถ้าสอดคล้องกัน ก็แสดงว่าสถานการณ์ดีขึ้น แต่เหลือจุดที่เราต้องให้ความสำคัญคือ ที่จ.สมุทรสาคร และที่ประชุมก็เน้นหนักไปที่จ.สมุทรสาคร ส่วนมาตรการที่เราจะผ่อนคลายต่างๆ ก็ต้องดูสถานการณ์สัปดาห์หน้าเช่นกัน

เมื่อถามว่า มีแนวโน้มว่าจะเปิดตลาดกลางกุ้ง ที่จ.สมุทรสาคร หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า แนวทางที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผอ.ศบค. มอบมาคือ พยายามยึดหลักของการแพทย์ และสาธารณสุขเป็นหลัก และที่ประชุมก็เห็นพ้องต้องกันว่า น่าจะมีการเพิ่มมาตรการต่างๆ เข้าไป เพื่อให้สถานการณ์ที่ดีขึ้นอยู่แล้ว ดีขึ้นได้เร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งหลังจากนี้ก็จะมีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติม

เมื่อถามว่า มีแนวโน้มว่าจะคลายล็อก จ.สมุทรสาคร ด้วยใช่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนนี้ก็ต้องดูข้อมูลของสัปดาห์หน้าอีกครั้ง ที่จะมีมาตรการตรวจปูพรมเพิ่มขึ้น รวมทั้งให้ทางเอกชน และโรงงานต่างๆ มาร่วมด้วยช่วยกันมากขึ้น

เมื่อถามว่า สถานการณ์ในพื้นที่กทม. ยังมีความกังวลอยู่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า จากข้อมูลที่นำมาเสนอในที่ประชุมวันนี้ พบว่าสถานการณ์ในกทม. ยังค่อนข้างคงตัว อยู่ในระดับที่เราค่อนข้างพอใจ อย่างไรก็ตามพื้นที่กทม. ที่เป็นพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ก็จะมีการตรวจพื้นที่เชิงรุกมากขึ้นเช่นเดียวกัน

สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เรื่องการตรวจอย่างเดียว แต่ต้องมีความร่วมมือของประชาชนด้วย เช่น เรื่องการเว้นระยะห่างก็ต้องมีเพิ่มเติม โดยจุดที่เราเห็นเป็นปัญหาของ กทม. คือ เมื่อมีคนติดเชื้อ 1 คน คนในครอบครัวจะเป็นกลุ่มเสี่ยง และเพื่อนร่วมงานในที่ทำงาน ซึ่งปัจจัยเสี่ยงในที่ทำงานคือ การนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน ดังนั้น แต่ละองค์กรจะต้องจัดพื้นที่ให้กับเจ้าหน้าที่ และพยายามหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกันหลายๆ คน เพราะเป็นจุดเสี่ยงที่เราเห็นได้ค่อนข้างชัด

‘จุรินทร์’ ลุยเชืยงใหม่ ประชุมช่วยชาวไร่กระเทียมภาคเหนือ "เชิงรุก" นำเกษตรกร-ผู้ค้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากิโลละ 13.50 บาท นำตลาดสูงกว่าราคาตกเขียวปัจจุบัน มุ่งพัฒนากระเทียมไทยเป็นกระเทียมที่มีคุณภาพ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมวางแผนเชิงรุกรองรับการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร (กระเทียม) ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ภายหลังการประชุม นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในภาพรวมผลผลิตกระเทียมในแต่ละปีจะมีประมาณ 80,000 ตัน คิดเป็นกระเทียมสด 230,000 ตัน บริโภคภายในประเทศ 170,000 ตัน จึงนำเข้าประมาณ 60,000 ตัน การนำเข้าเป็นไปตามข้อตกลง WTO โดยกำหนดเงื่อนไขต่างๆ และมีภาษีนำเข้าร้อยละ 57

ปัญหาที่เกิดขึ้นกระทรวงพาณิชย์เป็นห่วงว่าผู้ปลูกกระเทียมจะได้ราคาไม่ดีเท่าที่ควร เพราะมีข่าวว่ามีการตกเขียวกระเทียมสดล่วงหน้าในราคากิโลกรัมละ 8 บาท ซึ่งคิดว่าเป็นราคาที่ต่ำ เกษตรกรควรได้ราคาดีกว่านี้

กระเทียมกำลังจะออกมากในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม จึงประชุมแก้ปัญหาเชิงรุกล่วงหน้า โดยกรมการค้าภายในประสานงานกับทีมเซลล์แมนจังหวัดที่พาณิชย์ ร่วมกับภาคเอกชนจัดให้มีการเจรจาซื้อขายกระเทียมสดล่วงหน้าในราคาที่คิดว่าเป็นธรรม 8 สัญญา มีภาคเอกชน 8 บริษัทเป็นผู้ซื้อและกลุ่มเกษตรกร 8 กลุ่มเป็นผู้ขายในราคากระเทียมสดกิโลกรัมละ 13.50 บาท เป็นราคาชี้นำตลาดในฤดูกาลผลิตนี้

" ให้ทีมเซลล์แมนจังหวัดร่วมกับภาคเอกชนและทุกฝ่ายทำสัญญาเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้เกษตรกรชาวไร่กระเทียมขายกระเทียมได้ในราคาที่เป็นธรรมมากขึ้นกว่าราคาตกเขียวที่กิโลกรัมละ 8 บาท และกำหนดมาตรการเสริมในช่วงที่กระเทียมออกมาก มีมาตรการชะลอขาย ถ้าเกษตรกรผู้รวบรวมกระเทียมหรือสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรชะลอขาย กระทรวงพาณิชย์จะมีวงเงินช่วยเหลือเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ผู้รวบรวมกระเทียม ประมาณ 6 เดือน เมื่อราคาดีค่อยขายช่วยดอกเบี้ยร้อยละ 3

และมาตรการทางกฎหมายให้มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดโดยเฉพาะปัญหาการลักลอบการนำเข้ากระเทียมจากต่างประเทศ วันนี้มีการสั่งการให้กรมศุลกากร ตำรวจ และฝ่ายความมั่นคง หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเคร่งครัดการแก้ปัญหาลักลอบการนำเข้า จะนำเรื่องนี้ไปเรียนให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งในวันอังคาร ให้ท่านนายกได้สั่งการกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง แก้ปัญหาการลักลอบนำเข้ากระเทียมต่อไป เข้มงวดการออกใบอนุญาตนำเข้ากระเทียม ให้มีการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพของกระเทียมที่นำเข้า เข้มงวดการตรวจสอบการขนย้าย หากตรวจพบจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรการระยะยาวที่กระทรวงเกษตรฯ จะเป็นผู้ดำเนินการพัฒนาพันธุ์กระเทียม ให้กระเทียมไทยเป็นกระเทียมที่มีคุณภาพ เรียกว่า “ใหญ่ ง่าย ดี“ กลีบใหญ่ แกะง่าย และมีคุณภาพดี รสชาติดี และเร่งรัดการส่งเสริมการปลูกกระเทียมออร์แกนนิคและเปิดตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ส่งเสริมการนำกระเทียมไปสร้างนวัตกรรมทางอาหารเพื่อเพิ่มมูลค่าโดยเร่งรัดให้ อย. ออกใบอนุญาตให้กับนวัตกรรมเหล่านี้ต่อไป" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (23 มกราคม พ.ศ. 2564)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 198 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 13,302 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิต 72ราย รักษาหายเพิ่ม 224 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 10,448 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 2,782 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 198 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ จากสวีเดน 1 ราย ,อินเดีย 1 ราย ,อิตาลี 1 ราย ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย ,อียิปต์ 1 ราย ,รัสเซีย 1 ราย ,สหรัฐอเมริกา 1 ราย ,บาห์เรน 4 ราย ,สหราชอาณาจักร 5 ราย ,สวิตเซอร์แลนด์ 1 ราย

ผู้ป่วยรายใหม่ จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ จำนวน 69 ราย

ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 111 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 175 ราย รักษาหายแล้ว 169 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 456 ราย รักษาหายแล้ว 403 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 9.65 แสน ราย รักษาหายแล้ว 7.81 แสน เสียชีวิต 27,453 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 41 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.76 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.33 แสน ราย เสียชีวิต 660 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.37 แสน ราย รักษาหายแล้ว 1.21 ราย เสียชีวิต 3,031 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 5.1 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.68 แสน ราย เสียชีวิต 10,136 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 59,250 ราย รักษาหายแล้ว 58,983 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,548 ราย รักษาหายแล้ว1,411 ราย เสียชีวิต 35 ราย

‘บิ๊กป้อม’ สั่งการส่วนราชการและทุกจังหวัด บูรณาการแก้ไขปัญหา PM 2.5 พุ่งเกินมาตรฐาน เร่งจัดชุดเฉพาะกิจ กระจายลงพื้นที่ สำรวจและหยุดสาเหตุหลักจากการเผาในที่โล่งทุกพื้นที่ทันที

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศปิดที่ไม่เอื้อต่อการกระจายตัวของฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นปัจจุบัน ต่อเนื่องไปจนถึง 24 ม.ค.64 ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็กและค่า PM 2.5 เกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพในหลายพื้นที่ของทุกภาค ยกเว้น ภาคใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ภาคเหนือ และภาคกลาง สาเหตุหลักมาจากการเผาในที่โล่ง

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย รวมทั้ง กทม. ประสานกับ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยทุกจังหวัดถึงระดับท้องถิ่น ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนแผนเฉพาะกิจ เพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองของจังหวัดที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน

โดยให้เร่งจัดชุดเฉพาะกิจ กระจายลงพื้นที่สำรวจและหยุดสาเหตุหลักจากการเผาในที่โล่งที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทันที โดยเฉพาะพืชผลการเกษตร โดยให้ขอความร่วมมือประชาชนและบังคับใช้กฎหมายควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่องและจริงจัง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

พล.ท.คงชีพ กล่าวว่า พร้อมกันนี้ ให้ประสานกับสาธารณสุขจังหวัด ลงพื้นที่ให้คำแนะนำและช่วยเหลือกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับผลกระทบต่อสุขภาพ รวมทั้งให้ประชาสัมพันธ์สร้างการตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดควันในห้วงเวลาดังกล่าว

ทั้งนี้หากพบเห็นการเผาในที่โล่ง ขอให้แจ้งเบาะแส 1650 โดยระหว่างนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง และใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น

กฟฝ. เร่งผลักดันโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร ซึ่งถือเป็นโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำแบบไฮบริดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คาดแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย. 2564 พร้อมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ด้านพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญของจังหวัด

นายฉัตรชัย มาวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำและพลังงานหมุนเวียน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กฟผ. ได้เร่งก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสิรินธร หรือโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ขนาดกำลังผลิต 45 เมกะวัตต์

ซึ่งถือเป็นโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำแบบไฮบริดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ให้ทันตามแผน คาดว่า จะแล้วเสร็จสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ตามแผนได้ในเดือนมิ.ย. 2564

สำหรับความคืบหน้าของโครงการ ล่าสุดอยู่ที่ 82.04% โดยได้ประกอบและติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำในเขื่อนสิรินธรชุดแรกแล้วเสร็จเมื่อสิ้นปี 2563 พร้อมเร่งเดินหน้าติดตั้งให้ครบ 7 ชุด เพื่อเตรียมทดสอบระบบไฟฟ้าของโครงการ

โดยโครงการฯ มีขอบเขตพื้นที่ประมาณ 760 ไร่ คิดเป็นสัดส่วนพื้นที่ผิวน้ำไม่ถึง 1% ของพื้นที่อ่างเก็บน้ำทั้งหมด ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนทุ่นลอยน้ำและอุปกรณ์ต่าง ๆ บนพื้นที่ผิวน้ำประมาณ 450 ไร่ แผงโซลาร์เซลล์เป็นชนิดดับเบิลกลาส สามารถทนต่อความชื้นสูงได้ดี ทำให้ไม่มีสิ่งปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำ

ทั้งนี้ เมื่อโครงการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว กฟผ.ยังร่วมกับจังหวัดอุบลราชธานี พัฒนาโครงการนี้ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญของจังหวัด โดยก่อสร้างเส้นทางเดินชมธรรมชาติ ความยาว 415 เมตร เพื่อให้ประชาชนได้เดินชมความสวยงามของทิวทัศน์ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าจะช่วยเสริมให้ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดกลับมาคึกคัก ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกทางหนึ่งด้วย

‘แรมโบ้’ ซัด ‘ธนาธร’ ปลาหมอตายเพราะปาก ยันนายกฯ ไม่ได้พูดถึงวัคซีนพระราชทาน อย่าพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนเข้าใจผิด เพื่อหวังผลทางการเมือง

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุคำว่าวัคซีนพระราชทาน นั้นไม่ได้พูด แต่เป็นคำพูดของนายกฯ ว่า หากนายธนาธรได้ฟังคำพูดของนายกฯที่แถลงข่าวเมื่อวันที่ 27 พ.ย.63 หลังเป็นประธานในพิธี ลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโควิด-19

ซึ่งนายกฯระบุตอนหนึ่งว่า “เราต้องมีการเตรียมการภายในประเทศคือ เมื่อรับวัคซีนมาแล้ว จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งอันนี้ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย อยู่ในขั้นตอน คือเมื่อรับวัคซีนเข้ามาแล้วจะมีการบรรจุ แจกจ่าย"

นายสุภรณ์ กล่าวว่า ในคำพูดของนายกฯเป็นการพูดถึง การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย รับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโควิด-19 เข้ามาเป็นผู้ร่วมผลิตวัคซีนโควิดแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) บริษัทผลิตวัคซีนสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน และไม่ได้บอกว่าเป็นวัคซีนพระราชทานเพื่อจะนำมาฉีดให้กับประชาชน

นายสุภรณ์ กล่าวว่า บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธย มีวัตถุประสงค์ที่อยากจะผลิตยาเพื่อให้ประชาชนคนไทยได้ใช้ยาที่มีราคาถูกกว่ายาที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยไม่คิดถึงกำไรเลยแม้แต่น้อย ต้องการให้ประชาชนคนไทยได้เข้าถึงยาที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด เพื่อสุขภาพที่ดี

นายสุภรณ์ กล่าวว่า การที่นายธนาธรบิดเบือนคำพูดของนายกฯคือสิ่งที่เลวทรามที่สุดไร้จรรยาบรรณความรับผิดชอบ และยังกล้าก้าวล่วงพาดพิงไปถึงสถาบัน เพื่อให้คนสำคัญผิด และยังดูหมิ่น เยี่ยงนี้ พวกผมทนไม่ได้ต้องทำหน้าที่ดำเนินคดีไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป

ไม่ใช่เป็นการเตะตัดขาหรือทำลายเครดิตทางการเมืองของนายธนาธร แต่ทุกอย่างนายธนาธรพูดเองทำเองต้องรับผิดชอบเอง คนประเภทนี้เหมือนสุภาษิต"ปลาหมอตายเพราะปาก" ซึ่งนายธนาธรก็ควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณด้วย ที่ท่านทรงมีเมตตา ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนมาโดยตลอดจวบจนถึงทุกวันนี้ มากกว่าที่จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พูดจาบจ้วงสถาบันไม่หยุด เพราะไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น

นายสุภรณ์ กล่าวว่า การที่นายธนาธรออกมาพูดเรื่องวัคซีนพระราชทาน ตนเองเชื่อว่านายธนาธรได้ฟังคำพูดของนายกฯอย่างละเอียดแล้ว และทราบดีว่านายกฯ ไม่ได้พูดถึงวัคซีนพระราชทาน แต่นายธนาธรมีความพยายามที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนเข้าใจในตัวนายกฯและรัฐบาลผิดๆ เพื่อหวังผลทางการเมือง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน การที่ตนและพวกไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายธนาธร มาตรา 112 จึงเป็นเรื่องที่ทำถูกต้องแล้ว เพราะคนประเภทนี้ต้องได้รับกรรมตามที่ทำไว้

"ในสมองวัน ๆ มีแต่ความอาฆาตแค้น เพราะไม่สนใจความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่เคยมีจิตสำนึกว่า ครอบครัวนายธนาธรร่ำรวยบนผืนแผ่นดินไทย แทนที่จะช่วยกันตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ตรงข้ามมีแต่จะสร้างปัญหาความแตกแยกวุ่นวายให้เกิดขึ้นตลอดเวลา พยายามที่จะยุยงให้คนออกมาทำลายสถาบัน นี่คือสิ่งที่คนไทยเกลียดที่สุด สวรรค์มีตา กรรมจะตามสนองคนอย่างนายธนาธรอย่างแน่นอน" นายสุภรณ์ กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top