Monday, 20 January 2025
NEWS FEED

เปิดเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ในประเทศปากีสถาน ถนนสู่ยอดเขา ‘Passu Cones Trails’ ส่งนักท่องเที่ยวสู่การเดินเขาผจญภัยที่แท้จริง

คอลัมน์ ริมทางถนนคาราโครัมไฮเวย์

สายขาแรง รักการผจญมาทางนี้ เพราะครั้งนี้จะพาไปชมเส้นทางเดินสู่เขา Passu Cones Trek ที่เขตโกจาล ประเทศปากีสถานค่ะ ที่นี่ไม่มีการแพร่ระบาดของ Covid 19 การท่องเที่ยวเลยคึกคักเป็นพิเศษ

เมื่อวานคุณพ่อสามีไปเปิดงาน สร้างถนนและเส้นทางเดินเขา Passu Cones Trek คุณพ่อเป็นผู้มีอิทธิพลของพาสสุ ท่านจะถูกเชิญไปร่วมเปิดงานของหมู่บ้านตลอด และคุณพ่อเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องทำพิธีแบบโบราณของคนวาคี(ชาวเมืองพื้นถิ่น) และได้รับการเคารพนับถืออย่างมาก

การเปิดถนนสู่ยอดเขา Passu Topupadan “Passu Cones Trails′′ ตั้งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหมู่บ้าน Passu 

ซึ่งในการเปิดเส้นทางสายผจญภัยครั้งนี้ มีบุคคลระดับสููงมาร่วมมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นท่านผู้ช่วยผู้บัญชาการ Gujal Muhammad Zulqarnain Khan GBRSPK Amjad Wali หัวหน้า PDO  Pakhtunkhwa Development Organization และเจ้าหน้าที่ของ PHSU Youth and Sports Organization

รวมไปถึงผู้นำหมู่บ้าน รวมทั้งสมาชิกของคณะกรรมการอนุรักษ์ PHSU ที่ได้ร่วมไม้ร่วมมือเพื่อทำเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ เส้นทาง Passu Cones Trails ที่มุ่งพัฒนานักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวเข้าถึง Passu Cones และการเดินเขาผจญภัยที่แท้จริง

จะบอกเลยตอนนี้โซนโกจาล แต่ละหมู่บ้านพร้อมที่จะเปิดเส้นทางเดินเขาและนำเสนอความสวยงามของหมู่บ้านของตัวเอง แค่เฉพาะในเขตโกจาลยังแข่งขันกันเองแล้ว เพราะที่นี่ไม่มีการแพร่ระบาดของ Covid ค่ะ และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้กระทรวงท่องเที่ยวของปากีสถาน ให้การสนับสนุนการท่องเที่ยวในโซนนี้ มั่นใจเลยว่า เกิดแน่นอน และเป็นกำไรของนักท่องเที่ยวเต็มๆ

Inauguration of the road to the Phasu Topupadan Peak “Passu Cones Trails′′ located in the famous tourist place Phasu Topupadan Phasu village. Assistant Commissioner Sub Division Gujal Muhammad Zulqarnain Khan GBRSPK Amjad Wali, Heads of PDO and officials of PHSU Youth and Sports Organization. Village leaders including the members of the PHSU Conservation Committee did it collectively. The Passu Cones Trail is a km long track aimed at improving tourists to tourist destinations as well as promoting tourists access to Passu Cones and adventure sports


กุลไลล่า

ไกด์สาวชาวไทย​ สะใภ้​ปากี​สถาน จากหัวหิน​พบรักหนุ่มปากีเชื้อสายวาคี อาศัยอยู่เมืองพาสสุ​ ดินแดนเหนือสุดของประเทศปากีสถาน ปัจจุบันเปิดร้านอาหารริมถนนคาราโครัมไฮเวย์​ ถนนที่ได้รับการขนานนามว่าสูงที่สุดในโลก​ หรือเส้นทางสายแพรไหมในอดีต​

คอยต้อนรับแขกที่ผ่านทางมา​ แวะกินอาหารไทย​และชิมชา​ เบเกอรี่ชื่อดัง​ ทางเหนือของปากีสถานได้​ พร้อมให้บริการท่องเที่ยวปากีสถาน​หลังโควิด​-19 ผ่านไป

ศชอ. ยื่นหนังสือแจ้งจับ "อั่งอั๊ง โอปิลันธน์" หลานสาว "ธนาธร" โพสต์ทวิตเตอร์หมิ่นเบื้องสูง ด้านปอท. ขอตรวจสอบก่อน หากเข้าข่ายส่งฟ้องศาลแน่ กระทบจิตใจคนไทยผู้จงรักภักดี

จากกรณีที่ศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมายผู้ถูกล่วงละเมิด (Bully) ทางสังคมออนไลน์ หรือ ศชอ. กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อ น.ส.อัครสร โอปิลันธน์ หรือ อั่งอั๊ง บุตรสาว นางชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นบุตรสาวคนโตของ นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ และยังมีศักดิ์เป็นหลานสาว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลังทวิตเตอร์ @AngAngOpilan โพสต์ข้อความเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า คณะราษฎร 2563 กับตำรวจ ที่หน้าศาลฎีกา เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยพาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ในลักษณะอันมิบังควร ภายหลังเจ้าตัวได้ลบข้อความไปแล้ว แต่ก็มีชาวเน็ตบันทึกภาพหน้าจอข้อความดังกล่าวเอาไว้ได้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ตัวแทน ศชอ. นำเอกสารกรณีดังกล่าวมามอบให้กับ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่าเข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 112 หรือไม่ หากเข้าข่าย ปอท. จะเร่งรีบทำสำนวนเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป เนื่องจากเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจพสกนิกรผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง

ส่วนนายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "ผลกรรมมันเป็นเหมือนบูเมอแรง ที่ตี๋หนึ่งขว้างไปแล้วหลานตัวเองติดกับดักนั้นด้วย บูมเมอแรงแห่งกรรมที่หลอกให้คนหลงผิดกำลังเหวี่ยงเข้าสู่ลูกหลาน แม่และน้องของตัวเองแล้ว น่าสงสัยคนรุ่นหนุ่มสาวที่น่าจะมีอนาคตสดใส"


ที่มา : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000015547

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการให้พนักงานสมัครเข้าโครงการร่วมใจจากองค์กร (Mutual Separation หรือ MSP) เป็นรอบที่ 2 โดยมีแพ็คเกจให้เลือก 2 รูปแบบ ในเดือน ก.พ.นี้

1.) Plan B (MSP B) ผู้ที่สมัครได้ต้องเป็นพนักงานที่อยู่ในโครงการลาระยะยาว โดยยินยอมรับเงินเดือน 20% หรือ LW20 เท่านั้น

และ 2.) Plan C (MSP C) คือ พนักงานที่สมัครใจลาออก หรือพนักงานที่ไม่ผ่านการคัดเลือกตามโครงสร้างใหม่

ทั้งนี้ได้แบ่งระยะเวลาให้สมัครเข้าร่วมโครงการลาออก เป็น 4 ช่วงคือ ช่วงที่ 1 วันที่ 19 ก.พ. - 2 มี.ค.64 ประกาศผล 5 มี.ค.64, ช่วงที่ 2 วันที่ 3 มี.ค. - 16 มี.ค. 64 ประกาศผล 19 มี.ค. 64, ช่วงที่ 3 วันที่ 17 มี.ค. - 1 เม.ย.64 ประกาศผล 5เม.ย.64 และ ช่วงที่ 4 วันที่ 2 เม.ย. - 19 เม.ย.64 ประกาศผล 23 เม.ย.64 โดยการลาออกจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.64 เป็นต้นไป

สำหรับพนักงานที่เข้าร่วมทุกรายจะได้รับเงินตอบแทนในอัตราเทียบเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน โดยแยกเป็นดังนี้

• พนักงานที่มีอายุงานน้อยกว่า 120 วัน จะไม่ได้รับเงินตอบแทน

• อายุงานครบ 120 วัน แต่น้อยกว่า 1 ปี ได้รับตอบแทน 30 วัน

• ครบ 1 ปี แต่น้อยกว่า 3 ปี ได้รับเงิน 90 วัน

• ครบ 3 ปี แต่น้อยกว่า 6 ปี ได้รับเงิน 180 วัน

• ครบ 6 ปี แต่น้อยกว่า 10 ปี ได้รับเงิน 240 วัน

• ครบ 10 ปี แต่น้อยกว่า 20 ปี ได้รับเงิน 300 วัน

• และครบ 20 ปีขึ้นไป ได้รับเงิน 400 วัน

ทั้งนี้จะแบ่งจ่ายเป็น 12 งวด โดย Plan B เริ่มจ่ายงวดแรกเดือน มิ.ย.2564 และ Plan C เริ่มจ่ายงวดแรก ก.ย.2564

วันแรกก็ฟาดกันมันส์ฝุดๆ!! สำหรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจระลอกใหม่ 10 รัฐมนตรี คู่ดาวเด่นของวันนี้ ขอยกให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี .. ลุงตู่ ปะทะ ลุงตู่ (ชื่อเล่นเหมือนกัน)

วันแรกก็ฟาดกันมันส์ฝุดๆ!! สำหรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจระลอกใหม่ 10 รัฐมนตรี คู่ดาวเด่นของวันนี้ ขอยกให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ลุงตู่ ปะทะ ลุงตู่ (ชื่อเล่นเหมือนกัน)                                             

ประเด็นร้อนที่เปิดฉากฉะ เอ้ย! เปิดฉากโต้กัน เป็นเรื่องการปราบปรามบ่อนการพนัน โดยเป็นทางหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้กล่าวหาทำนองว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์แต่งตั้งข้าราชการไปแสวงหาประโยชน์ สมคบคิดกับเจ้าของบ่อนการพนัน และหล่นประโยคโดนๆ ว่า...

“พล.อ. ประยุทธ์ เคยบอกว่า 100 นายกฯ ก็ปราบบ่อนไม่ได้ ซึ่งแค่บ่อนการพนันแค่นี้ก็หมดปัญญา ถึงกับพูดออกมาว่า 100 นายกฯ ก็ทำไม่ได้”

ต่อมา เป็นทางนายกรัฐมนตรีขึ้นมาร่ายยาวโต้ตอบบ้าง แต่ไฮไลท์เผ็ด ๆ อยู่ที่ช่วงท้าย เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ได้โต้แย้งในเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวหาว่าตนพูดว่า ‘100 นายกฯ ก็แก้ปัญหาไม่ได้’ งานนี้เลยหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา เปิดคลิปเสียงเมื่อครั้งที่ตนเองเคยให้สัมภาษณ์ในประเด็นนี้ มีใจความว่า...

“ผมพูดว่า ไม่มีใครทำได้สำเร็จเพียงคนเดียว ต่อให้ร้อยนายกฯ ก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือกัน ไม่ว่าใครจะเก่งกาจสามารถแค่ไหนก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น”

เคลียร์ให้ฟังกันชัด ๆ พร้อมทิ้งท้ายแบบขิงๆ อีกด้วยว่า...อย่าบิดเบือน!!

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ที่สัปปายะสภาสถาน นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยอภิปรายกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

โดยนางอมรัตน์ ระบุว่าวันนี้ตนจะอภิปรายกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ ในประเด็นการทุจริตในหน้าที่ 3 ข้อ คือ 1) ทำผิดกฎหมายประมวลรัษฎากร หนีภาษี 2) ทำผิดกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับผลประโยชน์อื่นใดเกินที่กฎหมายกำหนด และ 3) มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูลส่วนตัวเพื่อหนีการตรวจสอบ มี และเข้าข่ายให้ข้อมูลเท็จต่อศาลรัฐธรรมนูญ

***ขี้ตู่! แจงทรัพย์สิน ป.ป.ช.บ้านหลังน้อยกลางซอยเปลี่ยว แต่ตัวจริงอยู่เซฟเฮาส์ลับ 3 ไร่กลางค่าย ร.1 สร้างจากภาษีประชาชนตั้งแต่ก่อนยึดอำนาจ***

นางอมรัตน์ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะไม่มีความผิดโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่นั่นคือการวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวเท่านั้น คือประเด็นต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ จากการพักอาศัยอยู่บ้านหลวงในกองทัพบก แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้มีอำนาจวินิจฉัยความผิดตามกฎหมายอื่น นั่นคือความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. ความผิดตามกฎหมายอาญาเกี่ยวกับภาษี ซึ่งพฤติการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์มีความผิดตามกฎหมายทั้งสองข้างต้นอย่างชัดเจน

โดยตนได้ไปทำการสืบค้น จนพบข้อพิรุธในการปกปิดข้อมูลของ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวคือ พล.อ.ประยุทธ์แจ้งในบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อปี 2557 ว่าอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 14 ซอยร่วมมิตร ถ.ย่านพหลโยธิน สามเสนใน กทม. ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผบ.ทบ. อยู่บ้านพักในค่ายแล้ว

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ยื่นคำให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่าอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 253/54 กรมทหารราบที่ 1 ซึ่งสอดคล้องกับที่กองทัพบกให้การ แต่ทว่ากรรมาธิการ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบไปยังการไฟฟ้านครหลวง ได้รับตอบกลับมาว่าไม่พบว่ามีบ้านเลขที่นี้อยู่ในกรมทหารราบที่ 1

ทั้งนี้ วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารได้เคยเขียนเล่าในหนังสือ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ แท้ที่จริงแล้วอาศัยอยู่ในเซฟเฮ้าส์เลขที่ 702 ในค่ายทหารตั้งแต่ยังเป็น ผบ.ทบ.จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็นับเป็นเวลามากกว่าสิบปีแล้ว ในหนังสือชื่อ “ลับลวงพราง 5 ศึกชิงอำนาจผ่าแผนปฎิบัติการเลือด” ตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายน 2555 ในบทที่ 68

และในหนังสือดังกล่าว ยังเขียนถึงเรื่องเกี่ยวกับบ้านเซฟเฮาส์เลขที่ 702 เอาไว้อีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้สร้างบ้านพักหลังนี้บนเนื้อที่เกือบ 3 ไร่ ที่จะเป็นทั้งบ้านพัก ห้องประชุมใหญ่ ห้องประชุมลับ ห้องรับรอง ห้องจัดเลี้ยงวอร์รูมและ safe house ที่พร้อมสรรพและทันสมัย ในแบบประชุมทางไกลผ่านดาวเทียมจากที่ไหนในโลกก็ได้

และยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมา 3 ป. ได้ใช้บ้านพักหลวงแห่งนี้เป็นที่ประชุมทางการเมืองมาตลอด เป็นที่ประชุมลับในช่วงวิกฤต บ้านพักหลังนี้มีการวัดระยะก่อนสร้างว่าเอ็ม 79 ยิงไม่ถึง เป็นการสะท้อนว่า พล.อ.ประยุทธ์มีแผนที่จะอยู่ในอำนาจยาวนานและรู้ด้วยว่าจะต้องพบเจอภารกิจใดบ้างนับจากนี้ นอกจากนี้ วาสนายังได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ร.1 รอ. และ เซฟเฮาส์เลขที่ 702 จะเป็นสถานที่ให้กำเนิดและตัดสินชะตาบ้านเมืองอีกครั้งก็เป็นได้

“อิฐทุกก้อน กระเบื้องทุกแผ่นของคฤหาสน์บ้านหลวงริมน้ำ ที่ปลูกเต็มพื้นที่ 3 ไร่ เป็นเงินภาษีของประชาชน แต่ทำไมมันลึกลับยากต่อการตรวจสอบขนาดนี้คะ ขนาดกรรมาธิการ ป.ป.ช.แห่งรัฐสภาทั้งขอตรวจสอบไปที่การไฟฟ้านครหลวง ทั้งขอคำชี้แจงจากกองทัพก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ ถ้าสร้างด้วยเงินของท่านเองดิฉันก็คงไม่มายืนอภิปรายในวันนี้ค่ะ ทั้งหมดนั้นสร้างจากเงินภาษีอากรของประชาชนตาดำๆ ทั้งสิ้น จัดให้อยู่ฟรีมีสุขขนาดนั้นแล้วยังจะหนีการตรวจสอบ ยังจะกล้าหนีภาษีอีกเหรอคะ” นางอมรัตน์กล่าว

นางอมรัตน์กล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากนี้ ค่าไฟฟ้าและสาธารณูปโภคอื่นๆ ในคฤหาสน์ริมบึงพื้นที่ 3 ไร่ในค่ายทหารของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น มีค่าใช้จ่ายเกิน 3 พันบาทตามกฎหมาย ป.ป.ช.อย่างเห็นได้ชัด

ตามเอกสารรายการหักบัญชีค่าไฟฟ้าของบ้านเลขที่ 14 ซอยร่วมมิตร ถ.ย่านพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. 10400 ซึ่งเป็นบ้านหลังที่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินหนี้สินนักการเมืองต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2557 บ้านหลังนี้อยู่ในซอยแคบและอยู่ก้นซอย เข้าไปก็กลับรถลำบาก บ้านหลังเล็กๆนี้ไม่มีคนอยู่ยังมีค่าไฟฟ้าเดือนละพันกว่าบาททุกเดือน พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่มาเป็นสิบปียังค่าไฟเดือนละกว่าพันบาททุกเดือน เทียบกับคฤหาสน์ริมน้ำพื้นที่ 3 ไร่แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกิน 3 พันบาทแน่นอน

“คำถามต่อไปคือเฉพาะค่าไฟที่มีใบเสร็จอย่างเดียวนี่เดือนละกี่พันกี่หมื่น และค่าบำรุงรักษาดูแลอีกเดือนละเท่าไหร่ ได้ข่าวมาว่า มีชั้นจอดรถใต้ดิน และลานจอดเฮลิคอปเตอร์อีกด้วย ทั้งหมดคือภาษีอากรของพวกเราประชาชนตาดำๆ ดิฉันต้องการให้ท่านเปิดเผยออกมาซักทีว่าเดือนๆ หนึ่งท่านใช้ภาษีของพวกเราไปเท่าไหร่” นางอมรัตน์กล่าว

นางอมรัตน์ยังกล่าวต่อไปว่า เรื่องบ้านเลขที่ที่มีปัญหา เด็กชั้นประถมต้นยังตอบบ้านเลขที่ของตัวเองได้แล้วเวลาที่ครูถาม แต่สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ตนไม่ได้ดูถูก แต่ต้องถามว่าท่านจำบ้านเลขที่ตัวเองได้หรือไม่ เพราะข้อมูลที่ได้มาแต่ละแหล่งไม่ตรงกันเลย และนั่นคือข้อกล่าวหาของตน เรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ทำการปกปิดอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของประชาชน ซึ่งผิดหลักการของนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยสากล

***จี้ต่อ ค่าไฟเซฟเฮาส์เดือนละกี่หมื่น? ซัด รับประโยชน์อื่นใดเกิน 3 พัน ผิดกฎ ป.ป.ช.ชัดเจน***

หลังจากนั้น นางอมรัตน์ได้อภิปรายต่อไปถึงข้อกล่าวหาที่ 2 หรือการที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช. จากการรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดเกินกว่า 3 พันบาท ซึ่งในกรณีนี้ พล.อ.ประยุทธ์เคยให้การไว้ต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า การรับประโยชน์ใดๆจากหน่วยราชการคือกองทัพ เป็นไปตามที่กองทัพปฎิบัติต่อบุคคลอื่นๆ ที่มีสถานภาพและคุณสมบัติเดียวกันในธุรกิจการงานปกติ กองทัพจึงอนุมัติให้ผู้ถูกร้องเข้าอาศัยในอาคารเลขที่ 253/54 และสนับสนุนค่ากระแสไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นในการอาศัย

“นี่คือใบเสร็จที่ทั้งตัว พล.อ.ประยุทธ์และกองทัพบกยื่นให้การไว้ต่อศาล และถูกบันทึกไว้แล้วในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จนมัดตัว พล.อ.ประยุทธ์ ไว้แน่นชนิดดิ้นไม่หลุดว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.จริง จากการยอมรับว่าได้รับผลประโยชน์อื่นใดเกิน 3 พันบาทจากกองทัพ และทำผิดกฎหมายรัษฎากรจริง จากการยอมรับว่ามีรายได้อื่นแต่ไม่เคยยื่นเสียภาษี ภงด.90”

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์เกษียณตั้งแต่ปี 2557 กองทัพบกไม่ใช่ต้นสังกัดของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่บังคับใช้กับนักการเมืองเหมือนเราทุกคนที่นี่ ท่านอาจจะบอกว่าเป็นสวัสดิการจากกองทัพ รับตามระเบียบกองทัพ เหมือนนายพลที่เกษียณอายุแล้วท่านอื่น ต้องตอบไว้ตรงนี้ว่าเพราะเพื่อนนายพลของท่านเหล่านั้นถ้าไม่ได้มาเป็นนักการเมืองก็ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ป.ป.ช.ที่บังคับใช้กับนักการเมืองแบบท่าน ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์จึงทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.ว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ปี 2561 ในมาตรา 128 ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐทุกตำแหน่ง และที่พ้นตำแหน่งมาแล้วไม่เกิน 2 ปี รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้เกิน 3,000 บาท" โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษตาม มาตรา 169 คือ จำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นางอมรัตน์ กล่าวต่อไปว่า เพื่อความชัดเจนมากขึ้น จึงอยากให้ย้อนไปดูบรรทัดฐานที่เกิดขึ้นแล้วจากการชี้มูลของ ป.ป.ช. กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีการชี้มูลความผิด และแจ้งข้อกล่าวหาต่ออดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง ในคดีดำหมายเลข 03- 3-57 9/2562 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2563 กรณีดังกล่าวป็นความผิดที่ ป.ป.ช.ชี้มูล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กับเลขาฯ มีความว่า อดีตรัฐมนตรีทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช. รับตั๋วเครื่องบินมูลค่าเกิน 3 พันบาท 2 ครั้ง ป.ป.ช.ชี้มูลว่าถือเป็นโทษ 2 กรรม 2 กระทง สำหรับกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ทำผิดรับค่าไฟฟ้าจากกองทัพเกิน 3 พันบาท 76 เดือน เรียงเป็นโทษ 76 กระทง และถ้า ป.ป.ช.ยังแชเชือนชักช้าไม่กล้าดำเนินการใดๆ ก็จะเพิ่ม เดือนที่ 77, 78, 79 เพิ่มความผิดต่อไปเรื่อย ๆ อีก

“บุคคลต้องเสมอภาคเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย ยกเว้นท่านจะไม่ใช่บุคคล ลองคิดอย่างโง่ๆ สมมุติถ้ามนุษย์มีแค่ 84,000 เซลล์สมองจริงอย่างที่ท่านเคยว่าไว้ ก็มีเหลือทางเดียวที่จะรอดได้ นั่นคือต้องใช้อำนาจ ม.44 กลับไปแก้กฎหมาย ป.ป.ช. แต่จะแก้อย่างไร เพราะในตอนนี้ท่านไม่มีอำนาจ ม.44 อีกแล้ว นับจากวันพ้นสภาพลูกจ้างกองทัพมาเป็นลูกจ้างประชาชน ท่านต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของเดียวกับนักการเมืองทุกคน ท่านรับประโยชน์อื่นใดจากกองทัพเกิน 3 พันบาท รวม 76 กรรม 76 กระทง กระทง ละ 3 ปีมีโทษจำคุกรวม 228 ปี ลาออกตอนนี้เลยไหมคะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต้องให้อภิปรายข้อกล่าวหาต่อไปดีไหมคะ ดิฉันอายแทนท่าน” นางอมรัตน์ กล่าว

***ซัดต่อ เป็นถึงนายกฯไม่ยอมยื่นภาษี กินน้ำไฟหลวงฟรีจากกองทัพ อายชาวบ้านบ้างไหม***

สำหรับข้อกล่าวหาสุดท้าย นางอมรัตน์ ชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 50 และทำผิดประมวลรัษฎากร โดยกรณีของรัฐธรรมนูญมาตรา 50 (9) ระบุไว้ว่าบุคคลต้องมีหน้าที่เสียภาษี ส่วนประมวลรัษฎากรมาตรา 39 กล่าวถึงเงินได้พึงประเมินว่า เป็นเงินได้ที่ต้องนำมาเสียภาษี และให้หมายความรวมถึงทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดซึ่งอาจคำนวณได้เป็นเงิน และประมวลรัษฎากรมาตรา 40 (2) กำหนดให้เงินได้เนื่องจากหน้าที่ หรือตำแหน่งงานที่ทำถือเป็นเงินได้พึงประเมิน

โดยประมวลรัษฎากรมาตรา 42 ระบุข้อยกเว้นว่าผลประโยชน์อะไรบ้างที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี มี 25 ข้อย่อย ยกตัวอย่างเช่นค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าพาหนะ ค่าเดินทางที่นายจ้างจ่ายให้ ดอกเบี้ยสลากออมสิน ดอกเบี้ยจากเงินฝากออมทรัพย์ ของสหกรณ์ออมทรัพย์ มรดก ประโยชน์ทดแทนที่ผู้ปรกันตนได้รับจากกองทุนประกันสังคม เป็นต้น

“ขอย้ำ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีความผิดเพราะไปรับประโยชน์ค่าไฟฟ้าจากกองทัพ แต่สิ่งที่กล่าวหาประเด็นนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์รับแล้วไม่ไปยื่นเสียภาษี ถามว่าท่านเป็นถึงผู้นำประเทศ ทำไมไม่ทำตามกฎหมาย ทำไมทุจริตจงใจหลีกเลี่ยงรับแล้วไม่ยอมเอาไปยื่นเสียภาษี ภงด.90 ต่างหาก และยังทำผิดแบบนี้มา 6 ปีแล้วนับตั้งแต่เกษียณจากกองทัพ เป็นเพราะความไม่แยแสไม่สนใจกฎหมาย คิดว่าไม่มีใครรู้ไม่มีใครจับได้ หรือมั่นใจว่าถึงจับได้ก็คงทำอะไรท่านไม่ได้อย่างนั้นหรือ”

ทั้งนี้ นางอมรัตน์ ระบุว่า นับตั้งแต่ปีถัดจากเกษียณอายุ คือตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 เป็นต้นมา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนมารับเงินเดือนจากสำนักงานปลัดนายก หรือ สปน. ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมา ก็ไม่มีใครได้เห็นแบบ ภงด.90 ของท่านอีกเลย

ซึ่งหลังจากวันที่ 1 ตุลาคม 2557 กองทัพกลายเป็นคนอื่นสำหรับท่านไปแล้ว การยื่นภาษีในปีต่อจากนั้นจึงต้องเอาผลประโยชน์ที่ได้รับจากกองทัพทั้งค่าน้ำค่าไฟค่าอื่นๆ มารวมเป็นรายได้ประจำใน (1) ในแบบ ภงด.90 ด้วย ขอย้ำอีกครั้งว่า ผลประโยชน์อื่นใดซึ่งศาลตัดสินให้ พล.อ.ประยุทธ์มีสิทธิ์รับจากกองทัพได้ไม่ผิด กองทัพไม่ผิด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ผิดที่หลบเลี่ยง ไม่นำมารวมเป็นเงินได้พึงประเมินเพื่อเสียภาษีให้ถูกต้องตามประมวลรัษฎากรมาตรา 39 และมาตรา 40 และผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 50 (2) ที่บอกไว้ว่าบุคคลมีหน้าที่เสียภาษีนั่นเอง

"ในระหว่างที่ยังเป็นทหารถือเป็นลูกจ้างของกองทัพ จะอ้างกฎหมายหรือจะอ้างกฎเกณฑ์หยุมหยิมระเบียบราชการกองทัพอะไรก็ว่ากันไป แต่เมื่อเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นนายก มาเป็นข้านักการเมือง ค่าไฟฟ้าที่ได้รับจากกองทัพถือเป็นเงินได้พึงประเมิน เข้าลักษณะพึงเสียภาษีตามประมวลรัษฎากรมาตรา 39, 49"

‘ประยุทธ์’ แจงซักฟอกสภา ยันไม่เคยรับส่วยบ่อนแม้แต่บาทเดียว ท้ามีหลักฐานฟ้องเลย พร้อมสู้คดีนอกสภา เปิดคลิปซัด “เสรีพิศุทธ์” ตัดต่อ-บิดเบือนคำพูด ลั่นไม่กลัวเวทีสภา ถือเป็นโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสภาและประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายถึงเรื่องบ่อนการพนันที่ระบุว่าร้อยนายกฯ ก็แก้ปัญหาไม่ได้ว่า ใช้เวลานั่งฟังมาค่อนวัน ขอชี้แจงบางประเด็นก่อน มีสมาชิกให้ตนลองหลับตา ตนก็หลับดูมันก็มืด

แต่พอลืมตาขึ้นก็สว่างเหมือนเดิม จะให้หลับตาเพื่ออะไร ตนไม่เข้าใจ หลับมาก ๆ ก็เวียนหัว หัวทิ่มอีก ทุกอย่างเปิดเผยได้อยู่แล้ว อยู่ในกระบวนการยุติธรรม หากจะกล่าวอ้างว่าใครผิดใครถูกต้องไปสู่กระบวนการยุติธรรม ไปฟ้องร้องและต่อสู้คดีกันไป ถ้าจะพูดในสภาก็เป็นแบบนี้ พูดได้ตลอดทุกเรื่อง ซึ่งมีผลกระทบกับหลายคน หลายพรรค ต้องขอฝากด้วย เรื่องแรกที่อยากจะชี้แจง คือ เรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ตนเป็นนายกฯ มา 6 ปี รู้ว่ากติกากฎหมายว่าอย่างไร และได้แจ้งเพิ่มเติมไปแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเปิดเผยเมื่อไหร่ กรุณาดูกฎหมายด้วย อย่าพาลว่าตนไปให้เขาแก้กฎหมายอีกซึ่งไม่เกี่ยวกับตนเลย ทุกเรื่องตนก้าวล่วงไม่ได้

ส่วนกรณีการเรียกรับผลประโยชน์ มีคนอ้างอิงว่ามีข้อมูลจากทางโทรทัศน์ ข้อมูลเหล่านี้เรียกว่าเป็นข้อมูลดิบ ฉะนั้นจะต้องไปหาหลักฐาน วัตถุพยาน พยานบุคคลเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องนอกสภา เขาจะได้สู้กันเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง การนำข้อมูลมาจากสื่อฯ ตนคิดว่าเป็นข้อมูลที่จะใช่หรือไม่ใช่ ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง และจะเปิดให้ดูว่าที่ตนพูดจริงๆ มันคืออะไร พอดีเก็บข้อมูลไว้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การบริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือประเด็นเปิดบ่อนการพนัน การเล่นพนันออนไลน์ อันนี้เป็นสิ่งที่ท่านกล่าวหามา ตนในฐานะนายกฯ ถือว่าเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิงกับข้อกล่าวหาข้างต้น ในฐานะบุคคลธรรมดา ตนไม่สนับสนุน ไม่นิยมชมชอบการเล่นพนันขันต่อ ไม่ว่าจะรูปแบบใด เพราะการพนันถือเป็นเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรมอันดี ขัดต่อหลักศาสนา และเป็นสิ่งที่ต้องห้ามตามกฎหมาย และการตกเป็นทาสการพนันไม่ว่าจะรูปแบบใดจะก่อให้เกิดความเสี่ยง ไฟไหม้บ้าน 10 ครั้งยังเหลือที่ดิน แต่เล่นพนันครั้งเดียวอาจไม่เหลืออะไรสักอย่าง ตนทราบดีว่าการพนันต้องขจัดให้หมดสิ้นไป

จึงได้มีการสั่งการอยู่เสมอ กำกับดูแลติดตามให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองเข้มงวดกวดขันไม่ให้มีการเล่นการพนันในท้องที่ที่รับผิดชอบ ไม่ต้องการให้ประชาชนหลงใหลมัวเมา หากจับบ่อนการพนันในพื้นที่ใดได้ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ตนได้มอบนโยบายสั่งการให้ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรงดำเนินการอย่างเข้มงวด เพราะการรวมตัวในบ่อนการพนันจะยิ่งทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นการแพร่ระบาดกลุ่มก้อนได้ง่าย

ช่วงที่ผ่านมาได้มีการจับกุมบ่อนการพนันในพื้นที่ได้มาก มีการสอบข้อเท็จจริง มีการสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบตั้งแต่ระดับรองผู้บังคับการ จนถึงผู้บังคับการ รวม 51 ราย รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ชัดเจนว่าถ้าได้รู้เห็นเป็นใจ หรือปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนันในพื้นที่หรือไม่ ตนได้ให้นโยบายไปแล้ว หากตรวจสอบพบและมีความเกี่ยวข้องจริงต้องลงโทษสถานหนัก ที่ผ่านมาเชื่อว่าทุกรัฐบาลมีนโยบายกวาดล้างการพนัน

แต่การจัดการบ่อนการพนันอย่างที่สมาชิกได้กล่าวมาไม่ใช่เรื่องง่าย อดีตที่ทำมาได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ท่านบอกว่าใช้คนไม่กี่คน ใช้ลูกน้องไม่กี่คน ไม่จำเป็นต้องทำเอง ตนก็เห็นว่าต้องกำกับทุกอันเหมือนกัน และวันนี้ลูกน้องของท่านที่ทำงานด้วยวันนี้เป็นใหญ่เป็นโตใน สตช.หลายคนแล้ว ตนคิดว่าเขาคงใช้วิธีการที่ท่านเคยทำมา พี่สอนน้องมาอย่างไร เขาก็ทำตามนั้น วันนี้มีการปรับเทคโนโลยีต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้วเราต้องหาวิธีการ ตนไม่โทษกันไปมา

“ผมเชื่อมั่นว่าทุกรัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ แต่ปัจจุบันการเล่นการพนัน การกระทำความผิดสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น วันนี้ผมสงสัยว่าทำไมจับได้เฉพาะคนเล่น ผมได้ให้นโยบายว่าต้องจับคนอยู่เบื้องหลังและนายทุนด้วย เจอเครือข่ายก็ต้องเล่นทั้งเครือข่าย ผมไม่มีผลประโยชน์อะไร จับหมด ฉะนั้นอย่ามาอ้างว่าผมได้รับผลประโยชน์ ก็ไปฟ้องร้องมาว่าจริงหรือไม่จริง หากไม่จริง ผมก็สู้ข้างนอก ขออย่าหมิ่นประมาทกันในส่วนตรงนี้ ถ้าผมไม่เอาจริง ผมจะตั้งทำไม กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีให้รับผิดชอบโดยเฉพาะ เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างพัฒนาหมดแล้ว ผมยืนยันได้ว่ารัฐบาลเข้มงวดกวาดล้างการพนันทุกรูปแบบ

ไม่ว่าจะออนไลน์หรือออฟไลน์ ไม่ปล่อยปละละเลยอย่างที่มีการกล่าวหา สถิติการจับกุมการกระทำความผิด พ.ร.บ.การพนันช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจากปี 2561 - 2563 มีการจับกุม 35,000 - 50,000 คดี มีผู้ต้องหา 74,000 - 98,000 คน และอาจจะมากกว่านี้หลังการสอบสวนเชื่อมโยงก็ต้องสู้คดีกันไป เรื่องนี้หลายคนอาจจะมองเป็นเรื่องง่าย เราอาจจะกล่าวหาว่าใครทำหรือไม่กระทำ ใครรับประโยชน์ ใครเป็นเจ้าของบ่อน รวยจากบ่อนจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหมด ในเมื่อเราเป็นนิติรัฐต้องใช้อำนาจทางกฎหมาย จะไปข่มขู่ข่มเหงอย่างที่กล่าวมาคงไม่เหมาะสม มันไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน จะทำอะไรต้องระมัดระวัง เราจะต้องพิสูจน์ให้ได้โดยปราศจากข้อสงสัย ถ้าผู้ถูกกล่าวหาทำผิดจริงต้องลงโทษได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า "การปฏิบัติเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ต้องรอบคอบ มีพยานหลักฐาน และคิดว่าที่จับมามีหลักฐานครบถ้วนก็ต้องดำเนินการต่อไป มีหลายคดีที่เกี่ยวข้องในตอนนี้บ่อนการพนันใน จ.ระยอง จ.ชลบุรี จ.จันทบุรี จ.ตราด และ จ.สมุทรปราการ บ่อนลอยฟ้า กทม. บ่อนไฮโลพาณิชย์ธนบุรี บ่อนแจ้งวัฒนะ บ่อนบางบัวทอง บ่อนไก่ชนทุ่งเสลี่ยม บ่อนพนันออนไลน์ การจับกุมเสี่ยโป้ ผลการสอบสวนบ่อนพระราม 3 การรับส่วยเอื้อประโยชน์จากบ่อนการพนัน ท่านบอกว่าทำไมมาจับตอนนี้ หลังจากที่ตนประกาศไปแล้วว่าทุกคนต้องร่วมมือต้องทำงานช่วยรัฐบาล แจ้งหลักฐาน แจ้งข้อมูลถึงนายกฯ โดยตรง ตนก็ได้ข้อมูลมาและนำไปสู่การจับกุมมันไม่ง่าย โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะ แต่เราต้องยืนยันเจตนารมณ์ต้องจับให้ได้ตราบใดที่ยังไม่มีบ่อนถูกกฎหมายและเห็นว่าท่านก็ศึกษาอยู่ เป็นเรื่องของท่าน"

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า "วันนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดการเล่นการพนันและทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 กำกับโดยตนและรองนายกฯ มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยกับบ่อนการพนันภาคตะวันออกแล้ว ยืนยันว่าทุกภาคจะถูกตรวจสอบทั้งหมด ใครที่กล่าวหาว่าตนรับผลประโยชน์ ยืนยันว่าบาทเดียวก็ไม่เกี่ยวข้อง เงินชั่วๆ ไม่รับ จะรับแต่สิทธิประโยชน์ของตนตามกฎหมายเท่านั้น ท่านที่รู้โดยเฉพาะ ส.ส.ในฐานะข้าราชการการเมือง เมื่อรู้ต้องแจ้งความ จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ และมาพูดทีหลังไม่ได้ ต้องแจ้งความ นั่นคือการร่วมมือกันแก้ปัญหา ส่วนคำพูดในสื่อฯ หรือคำพูดที่มีการกล่าวอ้างมา ตำรวจพูดอะไรพูด ตนยืนยันว่าไม่ได้กับเขา คนจะพูดอะไรก็ได้ ไปสอบสวนกระบวนความเอา หาข้อเท็จจริงกันไปที่นอกสภา เขาจะได้ชี้แจงได้"

ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายกฯ ได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดคลิปที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อภิปรายไปก่อนหน้านี้ สลับกับคลิปคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ในเรื่องบ่อนการพนัน เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า “บิดเบือนไหมครับ เป็นตัวอย่างหนึ่งในหลาย ๆ อย่างที่ถูกบิดเบือน ตัดต่อคำพูด กิริยาไปทำให้ดูไม่ดี วันนี้ผมลืมตาพูดแล้ว ทุกอย่างก็ค่อยๆ เปิดไปเรื่อย”

นายกฯ กล่าวว่า "วันนี้ก็ยินดีที่ได้มาสภา คิดถึง ไม่ได้หวาดกลัวอะไร และเป็นโอกาสที่ดีที่เราทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันทำเพื่อประเทศชาติ และประชาชนของเรา ถึงแม้ว่าท่านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ตาม ตนก็พร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง อยากฝากประชาชนฟังแล้วให้คิดว่าจะเชื่อหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจ และเชื่ออย่างมีเหตุผล ถ้าไม่ฟังก็ไม่ได้ แต่ถ้าเชื่อทุกอย่างก็ไม่ดี ขอให้ฟังว่าฝ่ายใดมีข้อมูลชัดเจน อะไรที่เป็นความก้าวหน้า อะไรที่เป็นปัญหา อะไรที่เป็นอุปสรรค อะไรที่เราต้องแก้ไข"

นายกฯ กล่าวว่า "รัฐบาลและรัฐมนตรีที่เป็นผู้ปฏิบัติ ท่านต้องรู้ว่าควรเป็นนายกรัฐมนตรีทำงานอย่างไร หลายท่านพูดมาก็ไม่รู้ว่าต้องทำงานอย่างไร ลองไปเปิดระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีมีอำนาจทางไหน ทำงานอะไรได้บ้าง ปฏิบัติตามระเบียบอะไรบ้าง ตนก็ไม่เคยทำอะไรนอกกรอบนี้ เพราะระมัดระวังอย่างที่สุดในการทำงาน ตนเป็นผู้กำหนดนโยบาย แสดงวิสัยทัศน์ และมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐบาลจากส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคไปปฏิบัติและติดตามกำกับดูแลเร่งรัด แก้ปัญหาให้เขา แต่สิ่งที่ดำเนินการ คือ นำนโยบายของตนไปแปลงสูตรพร้อมขับเคลื่อน และนำส่งไปยังหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติเพื่อไปสู่ประชาชนข้างล่าง"

"ผมได้ย้ำตลอด การทุจริต ผิดกฎหมาย การใช้งบประมาณไม่คุ้มค่า ไม่เคยละเว้น ไม่เคยปล่อยอะไรไปง่ายๆ หลายอย่างมีคนบอกว่าโครงการไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน ซึ่งก็อาจมีปัญหาอยู่พอสมควร เพราะบางโครงการเสนอขึ้นมาแต่ไม่มีพื้นที่ในการทำ แต่อยากได้ ซึ่งมันเป็นที่พื้นที่ของวัด เราก็ให้ไม่ได้ ในรัฐบาลผมงบประมาณที่ลงไปให้ทุกจังหวัดและมากขึ้นกว่าเดิม ท่านจะรังเกียจคนข้างบน ตรงกลาง - ข้างล่างไม่ได้ เพราะทุกอย่างเป็นห่วงโซ่เดียวกัน ถ้าไม่มีการลงทุนก็ไปไม่ได้"

วันนี้รัฐบาลดูแลคนรายได้น้อย แต่ประสบปัญหาโควิด-19 ตนเห็นใจและเข้าใจจริงๆ วันนี้เป็นนายกฯ ก็รักคนไทยทั้ง 67 ล้านคน แม้ว่าใครจะไม่รักตน แต่ตนก็รักท่านเพราะท่านอยู่บนแผ่นดินไทยที่รักยิ่งของพวกเรา เกิดมา ทำอาชีพมา และตายบนแผ่นดินนี้ นั่นคือคนไทย


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9640000015553

ที่ห้องพิจารณา 916 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ คดีหมายเลขดำ อ.4022/2557 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

นายกิตติศักดิ์ หรืออ้วน สุ่มศรี ชาวกรุงเทพมหานคร, นายปรีชา หรือไก่เตี้ย อยู่เย็น ชาวจังหวัดเชียงใหม่, นายรณฤทธิ์ หรือนะ สุริชา ชาวจังหวัดอุบลราชธานี, นายชำนาญ หรือเล็ก ภาคีฉาย ชาวกรุงเทพมหานคร และนางปุนิกา หรืออร ชูศรี ชาวกรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 8 ทวิ 55, 72, 78 และข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง ที่ชุมชน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 จำเลยทั้ง 5 กับพวกที่ยังหลบหนี และพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว ได้บังอาจร่วมกันกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน โดยร่วมกันพาอาวุธ เครื่องกระสุน และวัตถุระเบิด ที่สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินให้เกิดความเสียหายได้ อาทิ เครื่องยิงลูกระเบิด เอ็ม 79 ปืนเอ็ม 16 ปืนเอชเค 33 หรือ ปืนอาก้า

ซึ่งนายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไปตามบริเวณแยกคอกวัว ถนนตะนาว ถนนประชาธิปไตย แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กทม. ซึ่งเป็นเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ทั้งในเวลาเกิดเหตุมีการชุมนุมกันของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งวัน เวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานยึดได้อาวุธสงครามของกลาง กระทั่งวันที่ 11 ก.ย. 2557 เจ้าพนักงานติดตามจับกุมพวกจำเลยทั้ง 5 ส่งพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดี

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2560 พิพากษาว่า นายกิตติศักดิ์ จำเลยที่ 1 และนายปรีชา จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 8 ทวิ 55, 72,78 ให้จำคุกคนละ 8 ปี และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง ที่ชุมชน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 - 5 พิพากษายกฟ้อง

ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2563 ให้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุกจำเลยที่ 1 - 2 คนละ 10 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 3-5 แต่ให้ขังไว้ระหว่างฎีกา

โดยวันนี้ ศาลอ่านคำพิพากษาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้นายกิตติศักดิ์ จำเลยที่ 1 ฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ส่วนจำเลยอื่นไม่ได้ยื่นฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาได้บรรยายพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบโดยละเอียด บางส่วนของคำพิพากษาอธิบายถึงบันทึกถ้อยคำให้การ ซึ่งมีลักษณะลอกเลียนกันมาเกือบเหมือนกันทุกถ้อยคำ ขณะที่อีกส่วนหนึ่งบรรยายถึงพยานโจทก์ที่ระบุเห็นผู้ตะโกนด่าพยานจากรถตู้เป็นจำเลยที่ 1

ซึ่งปกติความสามารถในการจดจำบุคคลจะลดน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่พยานเบิกความในคดีไต่สวนการตายของนายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ พยานกลับจำตำหนิรูปพรรณของชายบนรถตู้ไม่ได้ ต่างกับที่เบิกความว่าเป็นจำเลยที่ 1 จึงมีน้ำหนักน้อย

พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงมีความสงสัยตามสมควร ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำความผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ให้ศาลอาญาออกหมายปล่อย

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โต้ ‘สมพงษ์’ ปม‘รัฐบาลปรสิต’ แจง รัฐบาลไม่ใช่ปรสิต แต่คิดทำเพื่อชาติ ผิดกับบางรัฐบาล ที่ออกนโยบายเชิงคิดทุจริตล่วงหน้า ทำประเทศเสียหายหลายแสนล้าน จากโครงการจำนำข้าว

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า จากการอภิปรายของ นายสมพงษ์อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ที่กล่าวหาว่าเป็นรัฐบาลปรสิตนั้น เป็นการกล่าวหาที่เกินไป สวนทางกับความเป็นจริง เพราะรัฐบาลคิดทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศมาตลอดระยะเวลา ในความเป็นจริงไม่มีสิ่งใดที่ถูกใจใครไปทั้งหมด

เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่มองออกว่าประโยชน์ที่ประชาชนได้รับมีอะไรบ้าง เกษตรกรได้รับการดูแลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีโครงการประกันรายได้ พื้นดินแห้งแล้ง ไม่มีแหล่งน้ำ รัฐบาลช่วยเหลือให้ดีขึ้น การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และการสร้างโอกาสการเข้าถึงบริการของรัฐ การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชน การเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีหลักการชัดเจน คือการปกป้องและเชิดชู สถาบันพระมหากษัตริย์

มีนโยบายอีกมากมายที่เกิดประโยชน์กับประชาชน ถ้าเป็นรัฐบาลปรสิต คงสูบกินประเทศจนเหลือแต่กระดูกเหมือนที่บางรัฐบาลทำ ที่กัดกร่อนหาประโยชน์จากนโยบายและประเทศ

นายราเมศ กล่าวต่อว่า "คำว่ารัฐบาลปรสิต จะเหมาะสมกับรัฐบาลที่ทุจริตมากกว่า ที่มีการออกนโยบายในเชิงคิดทุจริตไว้ล่วงหน้า นำไปสู่การโกงประเทศอย่างเป็นระบบ เช่นรัฐบาลหนึ่งที่ทุจริตในโครงการจำนำข้าว ที่ประเทศมีความเสียหายเกือบล้านล้านบาท

ฝ่ายค้านคงเข้าใจผิดไปเลยพูดกล่าวหาผิดรัฐบาล ประเด็นนี้ของฝ่ายค้านประชาชนตัดสินได้เลยว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลปรสิตแต่เป็นรัฐบาลที่คิดทำเพื่อชาติ เพื่อประชาชน และที่สำคัญเป็นรัฐบาลที่ทำงานโดยยึด ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นที่ตั้งในการทำงาน"

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงกระทำการฝึกกระโดดร่ม ครั้งแรก First Jump เมื่อวานนี้

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างข้อมูลจาก เว็บไซต์ลับลวงพรางแชนแนล ซึ่งเผยแพร่ข่าวสารทางทหาร ระบุว่า พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงกระทำการฝึกกระโดดร่ม ครั้งแรก First Jump สำหรับการฝึกหลักสูตรแทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงทางยุทธวิธี ที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี แล้ว เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.)

เว็บไซต์ลับลวงพรางฯ รายงานว่า “พระองค์ภา” ทรง First Jump แล้ว เมื่อเช้าวานนี้ (15 ก.พ.) ในการฝึกแบบ HALO ดิ่งพสุธา ด้วยเครื่องบิน Mi-17 และร่ม MC-5 และ ทรงกระโดด อีกครั้งช่วงบ่าย โดยจะทรงกระทำการกระโดดร่ม วันละ 2 จั้มพ์ ให้ครบ 26 จั้มพ์ จึงจะครบทั้งหลักสูตร แทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงทางยุทธวิธี ที่มีทั้ง HALO และ HAHO หากจบการฝึก พระองค์จะเป็น นายทหารหญิง พระองค์แรก ที่จบ HAHO ติดอาร์ม “พรานเวหา”

พลเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา “เสนาธิการกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์” ทรงเข้ารับการฝึกหลักสูตรแทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงทางยุทธวิธี เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ที่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสค.) จ.ลพบุรี

โดยเริ่มการฝึก ในอุโมงค์ลม ที่ศูนย์สงครามพิเศษ เพื่อฝึกท่าทาง เวลาเหินอยู่กลางอากาศ การบังคับทิศทาง ของตนเอง เมื่อ 14 ก.พ.2564

ก่อนที่ วันที่ 15 ก.พ.2564 เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงกระทำการฝึกกระโดดร่ ครั้งแรก First Jump สำหรับการฝึกหลักสูตรนี้ ด้วยการใช้ร่มแบบกระตุกเอง Free Fall

โดยทรงทำการฝึก วันละ 2 จั้มพ์ ในช่วงเช้า 1 จั้ม และบ่ายอีก 1 จั้ม โดยพระองค์ จะทรงทำการฝึกรวมทั้งหมด 26 จั้มพ์

โดยวันนี้ ทรงทำการฝึกครั้งแรกในหลักสูตร HALO ดิ่งพสุธา ด้วยเครื่องบิน Mi-17 และร่ม MC-5 ที่วันแรกนี้ ครูฝึกจะยังดูแลอย่างใกล้ชิด

โดยเมื่อทำการ First Jump แล้ว จะทรงกลับเข้าไปฝึกในอุโมงค์ลม เรื่องการปรับท่าทางต่าง ๆ

ทั้งนี้ จะทรงฝึกโดดร่มจากเครื่องบิน 3 แบบ ที่ความสูงและความเร็วแตกต่างกัน ทั้งเครื่องบิน Mi-17, C295 W และ C-130

ในหลักสูตรแทรกซึมทางอากาศเบื้องสูงทางยุทธวิธีนี้ พระองค์จะทรงทำการฝึกแบบ HALO (High Altitude Low Opening) เป็นการโดดร่มบบโดดสูง และเปิดร่มต่ำ หรือ ดิ่งพสุธา ก่อน อันเป็นการกระโดด ณ ตำบลเหนือพื้นที่ของข้าศึก เพื่อปฏิบัติการทางยุทธวิธีภาคพื้นดิน

จากนั้นจะทรงทำการฝึก HAHO (High Altitude High Opening) ที่เป็นการโดดร่มแบบโดดสูงและเปิดร่มสูง เป็นยุทธวิธีของการแทรกซึมเบื้องสูงทางทหาร เป็นการโดดนอกพื้นที่ของข้าศึก แต่ลงไปในพื้นที่หรือแนวหลังของข้าศึก เพื่อปฏิบัติการทางยุทธวิธีภาคพื้นดิน ที่จะเป็นหลักสูตรขั้นสูงสุดของหน่วยรบพิเศษ

หากพระองค์จบการฝึกหลักสูตร HAHO นี้ จะถือว่าพระองค์เป็นนายทหารหญิงชั้นนายพล ชั้นพลเอกหญิง พระองค์แรก ที่จบหลักสูตรนี้อย่างเป็นทางการ และจะทรงเป็น “พรานเวหา” ได้รับเครื่องหมาย HAHO และพรานเวหา ประดับเครื่องแบบ

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระบรมราโชบายว่า การประดับเครื่องหมายใด ทหารผู้นั้นจะต้องผ่านการฝึกด้วยตนเองจริง ๆ ไม่ใช่ได้แบบกิตติมศักดิ์

โดยที่ผ่านมา ทหารพลร่มหญิงของหน่วยรบพิเศษมักจะทำการฝึกอบรมหลักสูตร HALO ดิ่งพสุธาเท่านั้น เพื่อใช้ในการแข่งกีฬาโดดร่ม

ที่สำคัญจะถือเป็นเกียรติยศอันสูงสุด และความปลาบปลื้มแก่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ และทหารรบพิเศษ ชาวหมวกแบเร่ต์แดงทั้งปวง ที่เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงเข้ารับการฝึกกับหน่วยรบพิเศษในหลักสูตรนี้

อันจะสะท้อนความเป็นเจ้าฟ้านักรบพิเศษหญิงที่แข็งแกร่ง กล้าหาญ และพระปรีชาสามารถ ประหนึ่งทหารที่เป็นบุรุษ

หลังจากที่ทรงโอนย้ายจากอัยการมาเป็นนายทหารหญิงแล้ว ในยามนี้พระองค์ทรงเป็นนายทหารหญิงอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว

ทรงพระเจริญ


ที่มา :

https://www.prachachat.net/royal-house/news-614248

https://www.llpch.news/2021/02/15/66743/?fbclid=IwAR39SEFgGMD3FqkYOdtznqz3qpsqVCUiEzvqXmZQmztXjI8Y14lKvTvkjuw

Cr : ภาพ เพจ เรารัก สมเด็จเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา : Our Beloved HRH Princess Bajrakitiyabha

https://www.facebook.com/photo?fbid=271744247642921&set=a.208675790616434

กลายเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ เบอร์ 1 ของ Clubhouse อย่างไม่เป็นทางการไปแล้ว สำหรับ อีลอน มัสก์ เจ้าพ่อ SpaceX ตั้งแต่เขาได้เข้าไปให้สัมภาษณ์ในห้อง Good Time Club บนแอพ Clubhouse เมื่อปลายเดือนมกราคม 2021

ล่าสุด อีลอน มัสค์ ก็ยังสนุกต่อเนื่อง ถึงกับโพสต์ทวิตเตอร์ชวนประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน มาร่วมวงสนทนาใน Clubhouse ด้วยกัน

โดย อีลอน ได้แท็กถึง @KremlinRussia_E ซึ่งเป็นแอคเคาท์อย่างเป็นทางการของฝ่ายทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียบน Twitter ชวนกันแบบตรงๆ ว่า “ท่านประธานาธิบดี สนใจมาร่วมวงสนทนากับผมบน Clubhouse ไหมครับ”

แถมยังทวิตย้ำเป็นภาษารัสเซียตามมาด้วยว่า “การได้มีโอกาสสนทนากับท่านจะเป็นเกียรติมากๆ เลย”

และยิ่งกลายเป็นที่ฮือฮาไปอีก เมื่อโฆษกประจำทำเนียบ เครมลิน ดมิตี้ เพสคอฟ ถึงกับออกมาแถลงข่าวว่า การได้ร่วมสนทนากับคนระดับเจ้าพ่อ SpaceX เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก แต่ทางรัฐบาลรัสเซียต้องพิจารณาดูก่อนว่า ปูตินจะร่วมสนทนาผ่านแอพโซเชียลมีเดียอย่าง Clubhouse ได้หรือไม่

เพราะอย่างที่รู้กัน ปูตินไม่เล่นโซเชียลมีเดีย และไม่ได้เปิดบัญชีส่วนตัวในแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียที่ไหน เนื่องจากปูตินเชื่อว่าเครือข่ายโซเชียลมีเดีย เป็นโปรเจ็กต์ที่สนับสนุนโดย CIA ของสหรัฐอเมริกา ใช้เพื่อสอดส่อง ตามรอย เก็บข้อมูลส่วนตัวบุคคลเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นการที่ปูตินจะใช้โซเชียลมีเดีย ก็ต้องใช้ผ่านแอคเคาท์กลางที่จะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และก็ต้องรู้ถึงจึงประสงค์ว่าการชวนสนทนาของอีลอน มัสค์ ต้องการจะคุยเรื่องอะไรบ้าง

แต่ทั้งนี้ทางเครมลิน ก็ไม่ได้บอกปัดคำเชิญของ อีลอน มัสก์ เสียทีเดียว และยังเห็นว่าเป็นไอเดียที่ดี

Clubhouse เป็นแอพโซเชียลมีเดีย พัฒนาโดย Alpha Exploration Co. ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน ปี 2020 บนแพลตฟอร์ม iOS ของ Apple เท่านั้น

โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมเป็นกลุ่มสนทนาทางเสียง เหมือนห้องสนทนา แต่การเข้าร่วมจะต้องผ่านการเชิญจากสมาชิกเก่า หรือลงทะเบียนรอคิวบนเว็บไซต์ของทางแอปพลิเคชัน

และกลายเป็นช่องทางโซเชียลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีสมาชิกแล้วกว่า 600,000 บัญชี และมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกหลายเท่า หากในอนาคตจะเปิดให้ผู้ที่ใช้ระบบ Android สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้พรีเซนเตอร์ระดับแม่เหล็ก อย่างอีลอน มัสก์ มาเชียร์ด้วยตัวเอง จึงทำให้กระแสของ Clubhouse ฮิตติดลมบน แม้แต่ในประเทศไทยก็มีการขยายตัวของกลุ่มผู้ใช้งานอย่างรวดเร็วเช่นกัน

แต่ทางรัฐบาลจีนออกคำสั่งแบน Clubhouse ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา เนื่องจากพบว่ามีห้องสนทนาที่พูดถึงประเด็นที่อ่อนไหวในจีน โดยเฉพาะ ประเด็นการเมืองที่เกิดขึ้นในฮ่องกง


ที่มา:

https://www.cnbc.com/2021/02/15/russia-elon-musks-offer-of-clubhouse-chat-with-putin-is-interesting.html

https://www.theguardian.com/technology/2021/feb/15/clubhouse-app-invite-what-is-it-how-to-get-audio-chat-elon-musk

https://en.wikipedia.org/wiki/Clubhouse (app)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top