Sunday, 6 July 2025
NEWS FEED

"IWRM" ภาคธุรกิจจัดการน้ำ เพื่อบริโภคและอุตสาหกรรม มอบน้ำดื่มขนาด 600 มล. จำนวน 3,600 ขวด เพื่อร่วมแบ่งปันน้ำใจให้โรงพยาบาลสนาม และสถานพักคอย เพื่อผู้ป่วยโควิด-19 อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

วันนี้ 20 กรกฎาคม 2564 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นายสรุชัย สันติธรรมนนท์ และ นายอำเภอบางปะกง รับมอบน้ำดื่ม ชล วอเตอร์ ขนาด 600 มล.จำนวน 3,600 ขวด จาก นายธนวัฒน์ สันตินรนนท์กรรมการผู้จัดการ บ.อินดัสเตรียล วอเตอร์ รีซอร์ท แมนเนจเม้นท์ จก. (IWRM) , นายศราวุฒิ เปลี่ยนอารมณ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท IWRM และ นายวิเชษฐ์ เกตุแก้ว ผู้ประสานงานพื้นที่และชุมชน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีชี) มอบให้เพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการบริโภค สำหรับแพทย์พยาบาลบุคลากร ผู้ปฎิบัติหน้าที่และผู้ป่วยโควิด-19 สถานพักคอย อ.บางปะกง

IWRM ได้กล่าวถึง เจตนารมณ์ วัตถุประสงค์ ที่นำน้ำดื่มมามอบให้วันนี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่ง การแบ่งปันน้ำใจสร้างขวัญกำลังใจและขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ที่ทำงานหนักเพื่อช่วยเหลือดูแลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

และเชิญชวนแบ่งปันน้ำใจเพื่อผู้ป่วยได้ที่สถานพักคอย อำเภอบางปะกง ตั้งอยู่บริเวณ โครงการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 3 อ.บางปู-อ.บางปะกง (แขวงทางหลวงฉะเชิงเทรา) จำนวน 85 เตียง

ติดต่อประสานงาน

นายภูนันท์ บุญสีทอง ปลัดอำเภอบางปะกง เบอร์โทรศัพท์  090-243-9879

นางสาวมนัญญา กุยโกฏิ์ ปลัดอำเภอบางปะกง เบอร์โทรศัพท์ 06-3901-7384

นายสิชล  แก้วกุลปรีชา ปลัดอำเภอบางปะกง เบอร์โทรศัพท์ 097-210-3412

นายสรุชัย ยุติธรรมนนท์ นายอำเภอบางปะกง (กล่าวว่า) ขอบคุณผู้บริหาร IWRM พร้อมคณะ ที่ได้เป็นกำลังใจได้นำน้ำมามอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชน ในช่วงสถานการณ์ covid-19  เพื่อให้คนไทยก้าวผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน

สุดท้ายนายวิเชษฐ์ เกตุแก้ว ได้กล่าวเชิญชวนพร้อมทั้งขอประชาสัมพันธ์ประชาชน ผู้ประกอบการร่วมบริจาคอาหาร น้ำดื่ม หรือสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ ให้กับโรงพยาบาลทั้ง 11 อำเภอ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา และสามารถร่วมบริจาคมายัง ที่ทำการอำเภอบางปะกง หรือสถานพักคอย อ.บางปะกง ดังกล่าว


ภาพ/ข่าว  สัมฤทธิ์ ล้ำเลิศ รายงาน

อังกฤษประกาศยุติการล็อกดาวน์ ถือเป็นการประมาท-ถอดใจ หรือเป็นการวางแผนในการอยู่ร่วมกับเชื้อโควิด-19?

ชาวโลกคงได้ทราบแล้วว่า​ ชาวอังกฤษเริ่มต้นใช้ชีวิตปกติแล้วในวันจันทร์ที่​ 19​ ก.ค.​ ซึ่งถูกเรียกขานเป็น 'วันเสรีภาพ'​ (Freedom day)

โดยรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดเว้นระยะห่างเพื่อควบคุมไวรัสเกือบทั้งหมด รวมถึงกฎบังคับสวมหน้ากากอนามัย ขณะนักวิทยาศาสตร์เตือนยอดติดเชื้ออาจพุ่งถึงวันละแสนคน จากยอดปัจจุบันเฉลี่ยวันละ 50,000 ราย

การยกเลิกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของอังกฤษ​ ทำให้ไนท์คลับและสถานที่ในร่มอื่น ๆ ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการเต็มความจุ และข้อกำหนดทางกฎหมายเรื่องการสวมหน้ากากอนามัยและการทำงานจากบ้านถูกยกเลิก

นายกรัฐมนตรีอังกฤษ​ 'บอริส จอห์นสัน'​ ซึ่งถูกกดดันจนต้องยอมกักตัวเองหลังจากรัฐมนตรีสาธารณสุข​ 'ซาจิด จาวิด'​ ติดเชื้อโควิด-19 กล่าวปกป้องการตัดสินใจของรัฐบาลที่ยุติมาตรการล็อกดาวน์ที่ใช้มาปีกว่าและยกเลิกข้อกำหนดเกือบทั้งหมด ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของอังกฤษยังสูงถึงวันละ 50,000 ราย น้อยกว่าแค่อินโดนีเซียและบราซิลเพียง 2 ประเทศ โดยระบุว่าสัปดาห์นี้เริ่มต้นวันหยุดปิดภาคเรียนฤดูร้อนของอังกฤษ ซึ่งถือเป็น 'แนวกันไฟอันล้ำค่า'​

เขากล่าวในวิดีโอถ้อยแถลงว่า หากไม่เปิดประเทศในตอนนี้ ก็จะต้องไปเปิดในฤดูใบไม้ผลิ หรือฤดูหนาว ที่สภาพอากาศเอื้อต่อการแพร่เชื้อไวรัส

"ถ้าเราไม่ทำเสียตอนนี้ เราก็ต้องถามตนเองว่า แล้วเราจะทำเมื่อไหร่ ฉะนั้นนี่คือเวลาที่เหมาะสม แต่เราต้องทำด้วยความระมัดระวัง เราต้องจดจำว่าไวรัสยังคงอยู่" จอห์นสัน​ กล่าว

อย่างไรก็ตาม​ ในทางการสาธารณสุขนั้น​ ก็คงไม่เห็นดีเห็นงามด้วยกับเรื่องนี้​ โดย ศาสตราจารย์นีล เฟอร์กูสัน จากอิมพีเรียลคอลเลจลอนดอน เตือนว่า ทิศทางนี้จะทำให้อังกฤษก้าวไปบนเส้นทางที่จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละ 100,000 คน เนื่องจากยังคุมการระบาดสายพันธุ์เดลตาไม่ได้

ปัจจุบัน​ อังกฤษมีจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 7 ของโลก ที่ 128,789 ราย และคาดการณ์ว่าอีกไม่ช้าอังกฤษจะมีผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นกว่าช่วงสูงสุดระหว่างการระบาดระลอกที่ 2 เมื่อต้นปีนี้

ถึงกระนั้น​ อังกฤษ​ ก็มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงกว่าเพื่อนบ้านในทวีปยุโรปมาก โดยประชากรวัยผู้ใหญ่ 87% ฉีดวัคซีนแล้ว 1 โดส และมากกว่า 68% มีภูมิคุ้มกันเต็มที่หลังฉีดแล้ว 2 โดส อัตราการเสียชีวิตปัจจุบันอยู่ที่วันละประมาณ 40 คนเท่านั้น เป็นจำนวนน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงพีคในเดือนมกราคม ที่ตายมากกว่าวันละ 1,800 คน

ความสำเร็จของโครงการวัคซีน ซึ่งรัฐบาลเสนอฉีดให้ผู้ใหญ่ทุกคนในประเทศอย่างน้อยคนละ 1 โดส ทำให้รัฐบาลอังกฤษมั่นใจว่าสามารถบริหารความเสี่ยงของการรักษาในโรงพยาบาลได้ แม้นักวิทยาศาสตร์และอีกหลายคนจะยังคงไม่เห็นด้วยก็ตาม

แม้จะมีผู้คัดค้าน แต่ก็มีผู้คนไม่น้อยที่ยินดีกับการได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ รวมถึงนักเที่ยวราตรีที่ต่อแถวด้านนอกไนท์คลับไฟเบอร์ในเมืองลีดส์ ซึ่งนักเที่ยวเข้าไปแดนซ์กันแน่นฟลอร์โดยไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัย นักเที่ยวคนหนึ่งบอกว่า ในเมื่อไม่ได้ฉลองปีใหม่ ก็ควรออกมาฉลองเสียหน่อย มันเหมือนกับการเริ่มต้นบทใหม่

เรื่องนี้สะท้อนอะไร? ทำไม​ 'อังกฤษ'​ ถึงกล้าให้ ประชาชน กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ​ ทั้ง ๆ​ ที่มีการติดเชื้อโควิดร่วม ๆ​ วันละ 50,000 ราย

ภาพของการไล่ฉีดวัคซีน​ เพื่อยับยั้งเชื้อแบบวิ่งไล่ตาม​ อาจจะไม่ใช่ทางออกในการทำให้วิถีชีวิตและเศรษฐกิจกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่? เรื่องนี้น่าคิด!!

บทบาทของวัคซีนจะกลายเป็นเพียงตัวยับยั้งความอันตรายถึงชีวิตของผู้ติดเชื้อ​ แต่ไม่ใช่คำตอบในการกอบกู้​ 'ความปกติ'​ ของประเทศกลับมา

แน่นอนว่า​ หลาย ๆ​ คนคงไม่ชื่นชมกับการปลดล็อกมาตรการเช่นนี้​ และต้องการให้ช่วยกันทุบกราฟผู้ติดเชื้อและตายให้ลงมาก่อน แล้วค่อยว่ากัน​ต่อไป ซึ่งอาจจะใช่​ แต่เอาเข้าจริง​ ก็ทำได้เฉพาะแค่ช่วงล็อกดาวน์เท่านั้น

แต่เราเริ่มเห็นวัฏจักรของการติดเชื้อที่วนกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า​ ไม่ว่าจะ​ 'ป้องกัน'​ หรือ 'ประมาท'​

ฉะนั้น​ หากมองกรณีศึกษาของอังกฤษว่าทำไมจึงยกเลิกมาตรการโควิด​ จึงเป็นสิ่งที่น่าคิด​ เพราะเชื่อเถิดว่าประเทศระดับแนวหน้าอย่าง​ อังกฤษ​ หรือ​ สิงคโปร์​ ไม่น่าคิดหรือตัดสินใจทำอะไรแบบง่าย ๆ​ แน่นอน เนื่องจากมีความเกี่ยวเนื่องกับสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ​ ที่รัฐต้องปกป้องดูแล ประชาชน

แนวคิดในการ Treat โควิดให้เหมือนไข้ตามฤดูกาลปกติแบบ ไข้หวัดใหญ่​ ซึ่งก็มีเสียชีวิตกันทุกปี​ อาจจะชัดขึ้นในหลายประเทศใช่ไหม?

การอยู่ร่วมกันกับโรค​ และ​เลิกวิ่งหนีด้วยการปิด ๆ​ เปิด ๆ​ มาตรการ​ หรือไล่ตามด้วยวัคซีนที่ไม่รู้จะตามทันเมื่อไร​ อาจไม่ทันใจต่อสถานการณ์ความเก็บกดของคนในประเทศ ใช่หรือเปล่า?

ถ้าเป็นแบบนั้น​ หากวันนี้รัฐบาลแต่ประเทศจะวางแผนให้คนอยู่ร่วมกับโควิด​ เท่ากับยอมรับในวิถี​ New​ Normal​ หรือความปกติแบบใหม่​ค่อนข้างชัด​ โดยต่อจากนี้ บางอาชีพ บางกิจกรรม​ บางธุรกิจจะหายไปกับการมาของโควิด​ และทดแทนด้วยสิ่งใหม่

วิถีชีวิต วัฒนธรรม สังคม ความคิด ความเชื่อ จะเปลี่ยนไป

เอาเข้าจริง ๆ ตอนนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญภัยพิบัติธรรมชาติ ที่ผิดปกติ​ บวกกับโรคระบาดใหม่ ๆ​ แต่ประเทศไทยยังไม่เจอถึงขั้นนั้น

แต่เราจะเตรียมการอย่างไร? จะมีการริเริ่มผุดแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน​ ด้วยยุทธศาสตร์แบบไหนกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยเผชิญมาก่อนไว้ได้แค่ไหน เพราะการเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบทุกคนไม่ว่าจะฐานะการเงิน ฐานะทางสังคม ระดับการศึกษา อาชีพ​ ชัดมากแล้ว

ฉะนั้น​ เราจะมองเหตุการณ์ของอังกฤษในครั้งนี้​ เป็น​ 'ความประมาท'​ เป็น​การ​ 'ถอดใจ'​ หรือ​ 'วางแผน'​ อนาคตไว้แบบไหน​ อยู่ที่สติล้วน ๆ


อ้างอิง : https://www.thaipost.net/main/detail/110337


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

รีส แม็คคลีนาแกน รีวิวเตียง โอลิมปิก ยืนยัน มีเซ็กซ์ได้

นักยิมนาสติกคนหนึ่ง รีวิวเตียงนอนของห้องพักนักกีฬา โอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น แข็งแรงสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ ก่อนหน้าเกิดกระแสข่าวลือ นักกีฬาน่าจะหมดสิทธิ์กระทำกิจกรรมบนเตียง เนื่องจากวัสดุที่ใช้ทำบอบบางเกินไป แต่ล่าสุดกลายเป็นเพียง ‘เฟก นิวส์’

รีส แม็คคลีนาแกน ความหวังเหรียญคนหนึ่งของ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ โพสต์คลิปวีดีโอทาง โซเชียลมีเดีย เพื่อหักล้างทฤษฎีห้ามมีเซ็กซ์

โดย แม็คคลีนาแกน วัย 21 ปี กระโดดขึ้น-ลง เพื่อแสดงถึงความแข็งแรงของเตียง และสามารถประกอบกิจกรรมได้หลากหลาย “วันนี้เสนอตอน ข่าวลวง โอลิมปิก เกมส์ เตียงนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อห้ามมีเซ็กซ์”

“พวกมันทำจากกระดาษแข็ง ใช่ เป็นความจริง แต่มันอาจจะพัง หากถูกแรงกระแทกแรง ๆ มันโกหก ข่าวนี้ไม่เป็นความจริง”

‘Anti-sex’ beds at the Olympics pic.twitter.com/2jnFm6mKcB— Rhys Mcclenaghan (@McClenaghanRhys) July 18, 2021


ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000070756


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครม.เห็นชอบ “ร่างแผนคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์” คุ้มครองสมุนไพร ในเขตอนุรักษ์12 แห่ง วงเงินดำเนินการ 2 ปี 1.7 ล้านบาท

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.เห็นชอบแผนระดับที่ 3 ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นร่างแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ปี 2542 ฉบับที่1 ปี2564-2565 วัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพรที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ หรืออาจได้รับผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ ในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ รวมทั้งเป็น
กรอบแนวทางการดำเนินงานเชิงบูรณาการ เพื่อเสนอแผนจัดการคุ้มครองสมุนไพรในพื้นที่เขตอนุรักษ์รายพื้นที่อย่างน้อย 12 แห่งต่อไป โดยงบประมาณใช้จ่ายจากเงินกองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย วงเงินแผนระยะสั้น 2 ปี จำนวน 1,735,000บาท

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของร่างฯเพื่อ อนุรักษ์ ปกป้อง คุ้มครองสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพรในเขตพื้นที่อนุรักษ์และมีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เสริมสร้างศักยภาพ บทบาท การมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในการคุ้มครองสมุนไพร สำรวจ ศึกษาวิจัยสมุนไพรและบริเวณถิ่นกำเนิดของสมุนไพร และเสริมสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจของประเทศโดยการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพรให้เป็นพืชเศรษฐกิจ กระจายรายได้สู่ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนหลักเกณฑ์สำคัญในการคัดเลือกพื้นที่เพื่อประกาศเป็นแผนจัดการคุ้มครองสมุนไพรระดับพื้นที่ เช่น  เป็นพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบกระเทือนจากการกระทำของมนุษย์ได้โดยง่ายหรือการเข้าไปใช้ประโยชน์จากสมุนไพรที่มีลักษณะเป็นการเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์หรือการลดลงของพันธุกรรม เป็นพื้นที่ถิ่นกำเนิดของสมุนไพรที่มีระบบนิเวศตามธรรมชาติหรือมีความหลากหลายทางชีวภาพที่อาจถูกทำลาย และต้องสำรวจพบสมุนไพรสำคัญในพื้นที่ มีค่าต่อการวิจัย และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และสมุนไพรที่อาจจะสูญพันธุ์ เป็นพื้นที่ที่ชุมชนและประชาชนมีความต้องการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรอย่างเหมาะสม และต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงาน องค์กร ภาคีเครือข่าย ภาคประชาสังคมในระดับพื้นที่ในการบริหารจัดการเป็นแผนจัดการเพื่อคุ้มครองสมุนไพร

ครม.อนุมัติ จัดทำ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 70 ปี สภาพัฒน์ 

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 70 ปี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2563 โดยโครงการจัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 70 ปี ของสภาพัฒน์ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และให้ข้าราชการของสำนักงานสภาพัฒน์เก็บไว้เป็นที่ระลึก และใช้เป็นสื่อในการเผยแพร่ประวัติของหน่วยงานสำหรับมอบให้แก่บุคคลสำคัญภายในประเทศและนานาประเทศ

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ทั้งนี้กรมธนารักษ์กำหนดให้จัดทำเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกครบ 70 ปีสภาพัฒน์ เป็นเหรียญกษาปณ์โลหะสีขาว(ทองแดงผสมนิกเกิล) ชนิดราคา 20 บาท ประเภทธรรมดา จำนวนผลิตไม่เกิน 1 ล้านเหรียญ มีรายละเอียดของเหรียญดังนี้คือ ลักษณะเป็นเหรียญกษาปณ์กลม วงขอบนอกมีเฟืองจักร ส่วนผสมเป็นนิกเกิลร้อยละ 25 ทองแดงร้อยละ 75  น้ำหนักเหรียญละ 15 กรัม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร ลวดลายด้านหน้า กลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์ชุดสากล ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า “ครบ 70 ปี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 15 กุมภาพันธ์ 2563 ” เบื้องล่างมีข้อความบอกราคาว่า “ 20 บาท” และข้อความว่า “ประเทศไทย” กำหนดออกใช้ต่อเมื่อกฎกระทรวงมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดทำเหรียญกษาปณ์ดังกล่าว จะจ่ายเงินทุนหมุนเวียนการบริหารจัดการเหรียญกษาปณ์ ทรัพย์สินมีค่าของรัฐและการทำของ

ครม. ตั้ง ‘พันโท’ หนุน ‘ศันสนาคม’ นั่ง ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล-อนุมัติ 288 ชื่อ เข้าเรียน วปอ.รุ่น 64 ตามกห.ชง 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี  ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม. ว่า ครม.มรมติอนุมัติตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอแต่งตั้ง นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ ผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการระดับสูง) กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวง ให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กลุ่มที่ปรึกษา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2564 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป 

ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอแต่งตั้ง พันโท หนุน ศันสนาคม ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยมีการกำหนดอัตราค่าตอบแทนคงที่ในอัตรา 280,000 บาทต่อเดือน โดยในระหว่างอายุสัญญา สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ในวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี ในอัตราไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของค่าตอบแทนคงที่ที่ผู้รับจ้างได้รับ 

ทั้งนี้ ให้ขึ้นกับผลการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยการปรับขึ้นค่าตอบแทนคงที่ตลอดอายุสัญญาจ้างจะต้องไม่มีผลให้อัตราค่าตอบแทนคงที่ที่ได้รับเกินกว่าอัตราขั้นสูงตามกรอบอัตราค่าตอบแทนคงที่ ที่ กระทรวงการคลังได้ให้ความเห็นชอบไว้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ระบุในสัญญาจ้างผู้อำนวยการฯ แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (ตามมติคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ในการประชุมครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2564 และครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 )

ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอแต่งตั้ง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปารีณา ศรีวนิชย์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านสิทธิมนุษยชน) ในคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ แทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างนั้น อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว 

ครม.อนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง กรรมการอื่น ในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 4 คน ดังนี้ นายปรีชาพร สุวัฒโนดม เป็นกรรมการ พันเอก ศรัณยู วิริยเวชกุล เป็นกรรมการ รองศาสตราจารย์ธีร เจียศิริพงษ์กุล    เป็นกรรมการ รองศาสตราจารย์พรอนงค์ บุษราตระกูล เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป  

ครม.เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอการแต่งตั้ง นางสาวทิพานัน ศิริชนะ ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป

ครม.อนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2564-2565  รุ่นที่  64 จำนวน  288 ราย หากผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเข้ารับการศึกษา แจ้งความประสค์สละสิทธิ์ หรือหากการตรวจสอบคุณสมบัติในภายหลังพบว่าผู้ที่ได้รับการคัดเลือกขาดคุณสมบัติตามระเบียบกระทรวงกลาโหม ให้กระทรวงกลาโหมโดยสภาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ตัดรายชื่อออกจากที่ได้รับอนุมัติ รวมทั้งพิจารณาผู้ที่จะเข้ารับการศึกษาทดแทนได้ตามความเหมาะสมโดยไม่ต้องขออนุมัติ ครม.ใหม่

อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ เปิดพยานหลักฐาน​ 'ไฟเซอร์' ไม่อาจป้องกันโควิดได้​ 100% ไม่ต่างกับวัคซีนประเภทอื่น ๆ

นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่าคำว่าประเทศอิสราเอล มีประชากร 9,326,000 คน มีผู้ติดเชื้อโควิด 852,943 คน ตาย 6,450 คน

ถ้าคิดอัตราส่วนต่อประชากรทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อร้อยละ 9.15 และตายร้อยละ 0.069

ประเทศไทย มีประชากร 69,983,483 มีผู้ติดเชื้อโควิด 426,475 ตาย 3,502 คน

ถ้าคิดอัตราส่วนต่อประชากรทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อร้อยละ 0.61 และตายร้อยละ 0.005

ถ้าเปรียบเทียบกันตามอัตราส่วนดังกล่าว อิสราเอลมีผู้ติดเชื้อมากกว่าไทย 15 เท่า ตายมากกว่า 13.8 เท่า

อิสราเอลฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่ประชาชนไปแล้วมากกว่าร้อยละ 63 แต่วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 1,220 คน

อันเป็นการแสดงให้เห็นว่า วัคซีนไฟเซอร์ ก็ไม่อาจป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ 100% ไม่ต่างกับวัคซีนประเภทอื่น ๆ

นี่คือพยานหลักฐานที่เป็นจริง ไม่ใช่เกิดจากความคาดฝันดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/110418

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3882989011827296&id=100003487051857


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วัคซีนชนิด ‘ทนทานต่อความร้อน’ มีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์สำคัญทุกสายพันธุ์

20 กรกฎาคม 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน องค์กรวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) ของออสเตรเลีย พบว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิด ‘ทนทานต่อความร้อน’ ซึ่งเหมาะสมสำหรับพื้นที่ห่างไกลนั้นมีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) สายพันธุ์สำคัญทุกสายพันธุ์

ในการศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสบดี (15 ก.ค.) คณะนักวิจัยจากองค์กรฯ ได้ประเมินประสิทธิภาพของกลุ่มสูตรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดทนทานต่อความร้อนที่พัฒนาโดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งอินเดีย (IISc) และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพอย่างมินแวกซ์ (Mynvax) และพบว่าสูตรของวัคซีนกลุ่มดังกล่าวสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันไวรัสฯ สายพันธุ์เฝ้าระวัง (Variant of Concern-VOC) ทั้งหมดได้อย่างแข็งแกร่ง จากการทดลองในหนูและแฮมสเตอร์

เอส.เอส. วาซาน ผู้นำโครงการวิจัยโรคโควิด-19 ขององค์กรฯ และผู้ร่วมเขียนรายงาน กล่าวในการแถลงต่อสื่อว่า “ข้อมูลของเราแสดงให้เห็นว่า สูตรวัคซีนทั้งหมดของมินแวกซ์ที่ได้รับการทดสอบสามารถสร้างแอนติบอดีที่มีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสฯ สายพันธุ์อัลฟา (Alpha) เบตา (Beta) แกมมา (Gamma) และเดลตา (Delta) ซึ่งเป็นสายพันธุ์เฝ้าระวังได้”

ที่สำคัญคือสูตรวัคซีนกลุ่มดังกล่าวสามารถคงความเสถียรที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส ได้นานถึง 1 เดือน และคงความเสถียรที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ได้นาน 90 นาที

เมื่อเทียบกันแล้ว วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค จะต้องเก็บรักษาในห้องเย็นแบบพิเศษที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส และวัคซีนแอสตราเซเนกาจะต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ทำให้วัคซีนทั้ง 2 ตัว ไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกลและมีทรัพยากรจำกัด

ข้อมูลเหล่านี้ที่รวบรวมโดยองค์กรฯ จะถูกนำไปใช้ในการเลือกสูตรวัคซีนของมินแวกซ์ ที่จะนำมาทดลองทางคลินิกในมนุษย์ในประเทศอินเดียต่อไป ภายในปี 2021 นี้

ร็อบ เกร็นเฟลล์ ผู้อำนวยการด้านสาธารสุขและความมั่นคงทางชีวภาพขององค์กรฯ กล่าวว่า การศึกษาชิ้นนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความจำเป็นของการร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาวัคซีนและวิธีรักษาโรคโควิด-19 ต่อไป

“วัคซีนชนิดทนทานต่อความร้อนหรือวอร์มวัคซีน (warm vaccine) นั้นมีความสำคัญสำหรับพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่มีทรัพยากรจำกัดซึ่งมีสภาพภูมิอากาศร้อนจัด และไม่มีระบบห่วงโซ่รักษาความเย็นที่ดีพอ” เกร็นเฟลล์ระบุ


https://www.naewna.com/inter/588914


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กสม. แจงหยิบปมตำรวจใช้กระสุนยาง-แก๊สน้ำตา ม็อบ 18 กรกฎา ตรวจสอบ ระบุอุปกรณ์เหล่านี้อันตรายต่อร่างกายผู้ชุมนุม พร้อมตรวจสอบม็อบ 16 ก.ค.ตำรวจถูกทุบศรีษะด้วยของแข็ง ย้ำการใช้เสรีภาพในการชุมนุมได้รับการคุ้มครองตามกม.ต้องเป็นการชุมนุมอย่างสงบไร้อาวุธ

สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ตามที่ปรากฏเหตุรุนแรงระหว่างการชุมนุมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนชนิด mRNA ที่บริเวณหน้ากระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 16 ก.ค.64 จนเป็นเหตุให้ผู้ร่วมชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และต่อมาได้มีการชุมนุมและเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ก.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้มาตรการควบคุมฝูงชนโดยการฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา และใช้กระสุนยางเพื่อสกัดกลุ่มผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนบาดเจ็บหลายราย นั้น

กสม. ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการชุมนุมทั้งสองครั้งที่อ้างถึงข้างต้น กสม.ตระหนักดีว่าปัจจุบันประเทศไทยและพื้นที่กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก และมีการประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ห้ามจัดกิจกรรมและการรวมกลุ่มเกินกว่าห้าคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้น ผู้ชุมนุมพึงยึดหลักการชุมนุมอย่างสงบโดยปราศจากอาวุธและไม่ใช้ความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐพึงใช้แนวทางในการบริหารจัดการการชุมนุมที่เคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ชุมนุมและประชาชนที่อยู่ในบริเวณการชุมนุม 

จากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 16 และ 18 ก.ค. ทางกสม.มีความห่วงใยต่อการใช้ความรุนแรง และมีความเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้ 1. วันที่ 16 ก.ค.มีการกระทบกระทั่งจนทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย โดยมีตำรวจนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกทุบที่ศีรษะด้วยของแข็งในขณะกำลังเข้าจับกุมแกนนำผู้ชุมนุม กสม.เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการใช้ความรุนแรงที่ไม่ควรเกิดขึ้น และขอย้ำว่าการใช้เสรีภาพในการชุมนุมที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ทั้งนี้ กสม.จะหยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นตรวจสอบต่อไป 

2. การชุมนุมวันที่ 18 ก.ค. ตำรวจได้ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมฝูงชนและยุติการชุมนุม เช่น การฉีดน้ำ การยิงแก๊สน้ำตา และการใช้กระสุนยาง ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุปกรณ์ดังกล่าวจำนวนมาก รวมทั้งผู้สื่อข่าวที่มีปลอกแขนชัดเจน นอกจากนั้นยังมีการใช้ลวดหนามหีบเพลงเป็นแนวกั้น ซึ่ง กสม.เห็นว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ที่มีอันตรายและอาจมีผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของผู้ชุมนุม ซึ่งตามแนวปฏิบัติขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการใช้อาวุธที่เป็นอันตรายที่ไม่ถึงแก่ชีวิตเพื่อการบังคับใช้กฎหมาย การใช้อุปกรณ์ที่เป็นอันตรายควรใช้เท่าที่จำเป็นเมื่อไม่สามารถใช้วิธีการอื่นที่ดีกว่าได้ และต้องใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับผู้ชุมนุม ทั้งนี้ กสม.จะหยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นตรวจสอบเช่นกัน

กสม.ขอย้ำถึงความสำคัญของการไม่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าโดยฝ่ายใด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในการดำเนินการใด ๆ ทุกฝ่ายจะรับฟังและเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหา โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนสากลและหลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นสำคัญ รวมทั้งขอย้ำถึงความสำคัญในการคำนึงถึงสิทธิด้านสุขภาพของตนเอง ผู้อื่น และสังคมโดยรวมในการใช้สิทธิและเสรีภาพในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ด้วย

‘ไฟเซอร์และไบออนเทค’ ออกจดหมายข่าว เผยได้ลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายวัคซีนโควิด กับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว จำนวน 20 ล้านโดส พร้อมจะจัดส่งให้กับประเทศไทยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

วันที่ 20 ก.ค. เวลา 10.00 น. มีจดหมายข่าวประชาสัมพันธ์จาก ไฟเซอร์และไบออนเทค ระบุว่า จะจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประเทศไทย โดยเนื้อหาของข่าวระบุว่า

บริษัททั้งสองจะจัดส่งวัคซีนจำนวน 20 ล้านโดสให้กับประเทศไทยสำหรับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไขจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นระดับโลกของไฟเซอร์และไบออนเทคเพื่อการรับมือของการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2

ณ ประเทศไทยและกรุงไมนส์ ประเทศเยอรมนี วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 วันนี้ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ไบออนเทคได้ประกาศลงนามสัญญาร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 20 ล้านโดสสำหรับปี พ.ศ. 2564 ให้กับประเทศไทยโดยมีแผนกำหนดการส่งมอบในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายไม่อาจเปิดเผยได้ แต่มีข้อกำหนดเป็นไปตามช่วงเวลาในการส่งมอบและจำนวนโดสที่สั่ง

“เรามีความยินดีที่ได้เซ็นสัญญาที่มีความสำคัญนี้กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันในความพยายามที่จะลดการติดเชื้อในประเทศ สัญญานี้เป็นการเน้นยํ้าถึงความมุ่งมั่นของไฟเซอร์ในการจัดหาวัคซีนที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 นี้และยังเป็นการเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของคนทั่วโลก”

เด็บบราห์ ไซเฟิร์ท ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทยและอินโดไชน่ากล่าว “ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตสุขภาพโลกในครั้งนี้ ไฟเซอร์ได้ดำเนินพันธกิจตามเป้าประสงค์ขององค์กรในการนำยานวัตกรรมที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยซึ่งในการดำเนินการนั้นเป็นไปอย่างเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น”

“ผมขอขอบคุณรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยสำหรับความไว้วางใจในความสามารถของการพัฒนาวัคซีน ที่พวกเราเชื่อว่ามีศักยภาพที่จะช่วยในการรับมือกับโรคระบาดของโลกในครั้งนี้ เป้าหมายของเราก็ยังคงเป็นการส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ผู้คนมากมายทั่วโลกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” ชอง มาเร็ท หัวหน้าฝ่ายธุรกิจและฝ่ายพาณิชย์ บริษัท ไบออนเทคกล่าว

ไฟเซอร์และไบออนเทคตั้งเป้าการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ได้ราว 3 พันล้านโดสทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2564 โดยได้ทำการปรับปรุงพัฒนากระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการผลิตอย่างต่อเนื่องและขยายกำลังการผลิตที่มีอยู่ขณะนี้ รวมถึงการเพิ่มผู้ผลิตและคู่สัญญารายใหม่ในอนาคต

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทคได้รับการพัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์และไบออนเทคโดยเป็นเทคโนโลยี mRNA ที่ไบออนเทคเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และเป็นผู้ได้รับอนุญาตทางการตลาดในสหภาพยุโรปและยังเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินหรือเทียบเท่าในประเทศสหรัฐอเมริกา (ร่วมกับไฟเซอร์)

ประเทศแคนาดาและประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้ก่อนหน้าในการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสำหรับการเป็นผู้รับอนุญาตทางการตลาดเต็มรูปแบบในประเทศเหล่านั้น

ข้อมูลด้านการศึกษาทางคลินิก

การทำการทดลองทางคลินิก เฟสที่ 3 ของ BNT162b2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยี mRNA ที่ไบออนเทคเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เริ่มต้นขึ้นในปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 และเสร็จสิ้นการเก็บข้อมูลประสิทธิภาพเบื้องต้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2564

โดยมีอาสาสมัครจำนวน 46,331 คนเข้าร่วมการทดลอง และสามารถเข้าไปดูข้อมูลการจำแนกผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกที่มีความหลากหลายจากศูนย์ทดลอง 153 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศเยอรมนี ตุรกี แอฟริกาใต้ บราซิลและอาร์เจนติน่า ได้ที่ https://www.pfizer.com/science/coronavirus/vaccine

โดยผู้เข้าร่วมการทดลองทุกคนจะได้รับการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินความยาวนานของการป้องกันและความปลอดภัยเป็นเวลาต่อไปสองปีหลังจากที่ได้รับวัคซีนเข็มที่สอง 2


ที่มา : https://www.thansettakij.com/breakingnews/488391?as=


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top