Thursday, 22 May 2025
ECONBIZ NEWS

เผยแบบโครงการขยายสนามบินเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ชูร่มบ่อสร้าง และ Green Airport คาดเปิดใช้งานปี 72

เพจ Progressive Thailand  เปิดเผยความคืบหน้าโครงการขยายสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ โดยระบุว่า ... สร้างปีหน้า เสร็จปี 72 !!! ขยายสนามบินเชียงใหม่ ชูร่มบ่อสร้าง และ Green Airport รองรับ 20 ล้านคนต่อปี

โครงการขยายท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ ระยะที่ 1 รายละเอียดเบื้องต้นดังนี้
• งบประมาณ 24,000 ล้านบาท
• ก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ 
• ปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังเดิมให้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ
• ท่าอากาศยานเชียงใหม่สามารถรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 20 ล้านคนต่อปี 
• ขยายลานจอดอากาศเป็น 31 หลุมจอด และทางขับขนานเพิ่มเติม ทำให้สามารถรองรับเที่ยวบินได้ 31 เที่ยวบินต่อชั่วโมง 
• เพิ่มหลุมจอดแบบประชิดอาคารเป็น 16 หลุมจอด
• อาคารจอดรถรองรับได้ 1,100 คัน
• เริ่มก่อสร้างในปี 2569 
• เปิดให้บริการในปี 2572

‘กองทุนดีอี’ หนุน 24 โครงการ ช่วยต่อยอดพัฒนาเทคโนโลยี ตอบโจทย์ภาครัฐ เกษตร สุขภาพ และแรงงาน สร้างมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล

กองทุนดีอี สนับสนุน 24 โครงการดิจิทัลทั่วไทย หนุนเทคโนโลยียกระดับภาครัฐ เกษตร สุขภาพ และแรงงาน ตั้งเป้าดันเศรษฐกิจดิจิทัลโต 30% ต่อ GDP ในปี 2570

(7 พ.ค.68) นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) เป็นประธานงานแถลงข่าว “ประกาศผลการพิจารณาโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567” โดยมีผู้บริหาร ผู้แทนหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนทุน จำนวน 24 โครงการ เข้าร่วมงาน ซึ่งจัดโดยกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กองทุนดีอี : DEF) สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ได้กล่าวถึงบริบทของโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านการแข่งขันระดับโลก ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล และการเตรียมทักษะแรงงานให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ รวมทั้งสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เอื้อต่อการเติบโต
อย่างยั่งยืน ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DE) ได้กำหนดนโยบาย The Growth Engine of Thailand : 3 เครื่องยนต์ใหม่ เพื่อสร้างแรงงานแห่งอนาคต ผ่านการส่งเสริมการเรียนรู้และทักษะดิจิทัล
ในทุกช่วงวัย โดยตั้งเป้าหมายว่าสัดส่วนมูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล Digital GDP ของประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 30 ในปี 2570

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 กองทุนดีอี ได้ประกาศเปิดรับข้อเสนอโครงการภายใต้วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท โดยมีผู้เสนอเข้ามาทั้งสิ้น 509 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 32,168 ล้านบาท ก่อนผ่านการคัดเลือกตามหลักเกณฑ์จนเหลือ 24 โครงการ ที่โดดเด่นทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นไปได้ ความยั่งยืน และการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ซึ่งโครงการทั้ง 24 นี้ไม่เพียงแต่เป็นต้นแบบที่สามารถนำไปขยายผลได้ในวงกว้าง แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้เทคโนโลยี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นในภาคเกษตร ภาคสาธารณสุข การบริหารภาครัฐ หรือการพัฒนาทักษะแรงงานดิจิทัล ซึ่งเป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้คือก้าวสำคัญของประเทศไทยในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยวางกรอบนโยบายการให้ทุน 4 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1) Digital Manpower : การพัฒนาทักษะดิจิทัลทุกช่วงวัย เพื่อยกระดับแรงงานไทยให้พร้อมแข่งขัน 2) Digital Agriculture : การนำเทคโนโลยีเข้าช่วยภาคการเกษตรเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต 3) Digital Technology : การพัฒนานวัตกรรมและวิจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ และ 4) Digital Government : การปรับปรุงบริการรัฐให้ทันสมัย โปร่งใส และประชาชนเข้าถึงได้ 

“ความสำเร็จของโครงการเหล่านี้ อาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐ เอกชน และภาคประชาชน ทุกโครงการที่ได้รับทุนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม
 เพื่อยกระดับเศรษฐกิจและสังคมไทยในยุคดิจิทัล โดยมีความมุ่งหวังว่ากองทุนดีอี จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของประเทศไทยในการสนับสนุนโครงการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มุ่งเป้าเพื่อสร้างประโยชน์แก่สาธารณะและเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง ก่อให้เกิดประโยชน์ ต่อประชาชน ส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลในภาพรวม ซึ่งจะเป็นโครงการต้นแบบที่สามารถนำไปขยายผลต่อยอดการพัฒนาประเทศต่อไป” นายเวทางค์ กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนางสาววรรณศิริ พัวศิริ ผู้อำนวยการกองบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม BDE กล่าวว่า “กองทุนดีอี ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2561 และได้ให้การสนับสนุนไปแล้วทั้งสิ้น 231 โครงการ งบประมาณรวม 9,719 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสนับสนุนภายใต้นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งนี้ โครงการที่ผ่านการอนุมัติได้เข้าสู่กระบวนการลงนามในสัญญางบประมาณปี พ.ศ. 2567 ทั้ง 24 โครงการ กองทุนดีอี จะติดตามและประเมินผลการดำเนินงานบนหลักการความโปร่งใส และชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์จะเกิดขึ้นอย่างคุ้มค่า ตรงตามวัตถุประสงค์ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสาธารณะ และการพัฒนาของประเทศอย่างแท้จริง” 

โดยกองทุนดีอี จะดำเนินการติดตามการดำเนินโครงการใน 2 รูปแบบ คือ 1) การรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานที่ผู้รับทุนจะต้องจัดส่ง ให้กองทุนฯ เป็นรายไตรมาส และ 2) การลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้า และประเมินผลโครงการ ทั้งนี้ ผู้รับทุนสามารถศึกษารายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ ได้จากคู่มือผู้รับทุน โดยสามารถดาวน์โหลดได้ทางเว็บไซต์ : https://defund.onde.go.th หรือ Facebook : กองทุนพัฒนาดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ไทย-สหรัฐฯ คุยต่อยอดนำเข้า LNG จากอะแลสกา เล็งปูทางลงทุน-สร้างเสถียรภาพพลังงาน

เมื่อวันที่ (6 พ.ค.68) นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมผู้บริหาร ปตท. กฟผ. และบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ได้เดินทางเยือนรัฐอะแลสกา สหรัฐอเมริกา เพื่อหารือกับผู้ว่าการรัฐอะแลสกา คณะกรรมาธิการด้านทรัพยากรธรรมชาติและรายได้ ตลอดจนภาคเอกชนผู้เกี่ยวข้อง อาทิ Alaska Gasline Development Corporation และบริษัท Glenfarne ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันโครงการผลิตและส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ สู่ตลาดโลก

การเยือนครั้งนี้เป็นผลต่อเนื่องจากการมาเยือนไทยของผู้ว่าการรัฐอะแลสกาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์ สหรัฐฯ ได้เสนอความร่วมมือใหม่กับไทยในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานของไทยในอนาคต โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติในฐานะเชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำในช่วงเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน

ไทยมองว่าแหล่งก๊าซ North Slope ของรัฐอะแลสกา ซึ่งมีปริมาณสำรองกว่า 40 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และศักยภาพการส่งออกกว่า 40 ล้านตันต่อปี เป็นทางเลือกเชิงพาณิชย์ที่สำคัญ ด้วยต้นทุนต่ำ ระยะเวลาขนส่งสั้นกว่าตะวันออกกลางเกือบครึ่ง และได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างเข้มแข็ง

คณะผู้แทนไทยยังได้หารือกับผู้บริหารท้องถิ่นของเมืองคีอานู ซึ่งให้การสนับสนุนโครงการเป็นอย่างดี โดยมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น และสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างพิจารณาการนำเข้า LNG จากอะแลสกาในปริมาณ 3–5 ล้านตันต่อปี โดยมอบหมายให้ ปตท. กฟผ. และบริษัทผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) เจรจาในรายละเอียดร่วมกับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อประเมินความเหมาะสมทางธุรกิจและผลักดันความร่วมมือในระยะต่อไป

รัฐบาล ลดเก็บเงินกองทุนน้ำมัน ทำราคาขายปลีกน้ำมันยังเท่าเดิม หลังอัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันเบนซิน-ดีเซล ฉบับใหม่บังคับใช้

รัฐบาลและกระทรวงพลังงาน ยันราคาขายปลีกน้ำมันยังเท่าเดิม ไม่ส่งผลกระทบปชช. หลังปรับลดจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน รับมือเพิ่มภาษีสรรพสามิต - ภาษีท้องถิ่น น้ำมันเบนซินและดีเซล 

จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกฎกระทรวง กำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต น้ำมันเบนซิน-น้ำมันดีเซล (ฉบับที่ 42) พ.ศ.2568 มีผลใช้แล้ววันนี้ (7 พ.ค. 68)

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้ให้เหตุผลในการปรับขึ้นภาษีน้ำมันในครั้งนี้ว่าปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง สมควรเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล เพื่อให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น อันเป็นการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและเสถียรภาพทางการคลังของรัฐ โดยเฉพาะในช่วงที่มีความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลกเกิดขึ้นจากภาวะสงครามการค้า

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิต รายงานว่า จากการปรับขึ้นอัตราภาษีครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลได้รายได้เพิ่มประมาณเดือนละ 2,900 ล้านบาท หรือประมาณ 34,800 ล้านบาทต่อปี

อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตและภาษีท้องถิ่นครั้งนี้จะไม่กระทบกับราคาขายปลีกน้ำมัน เนื่องจากรัฐบาล โดยกระทรวงพลังงานจะให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดการเก็บเงินส่งกองทุนน้ำมันลง เพื่อชดเชยกับอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่รัฐบาลจัดเก็บเพิ่มเติม โดยจะรักษาระดับราคานี้ให้ได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ 2568 จากนั้นจะมีการทบทวนแนวทางการดำเนินการอีกครั้ง

สำหรับการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิต และภาษีส่วนท้องถิ่น ของน้ำมันประเภทต่างๆ ที่มีการปรับเปลี่ยนมีรายละเอียดดังนี้

น้ำมันเบนซิน 95 จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 6.50 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 7.50 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 1 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.650 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.750 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.10 บาทต่อลิตร

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E10) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.85  บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.75 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.90 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.585 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.675 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.090 บาทต่อลิตร

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (E10) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.85  บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.75 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.90 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.585 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.675 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.090 บาทต่อลิตร

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E20) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.20 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.00 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.80 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.520 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.600 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.080 บาทต่อลิตร

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 (E20) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 0.975 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 1.125 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.15 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.0975 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.1125 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.080 บาทต่อลิตร

น้ำมันดีเซล (H-Diesel) จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 5.99 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 6.92 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.93 บาทต่อลิตร ส่วนภาษีท้องถิ่นจากเดิมเก็บ 0.599 บาทต่อลิตร อัตราใหม่ 0.6920 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 0.093 บาทต่อลิตร

กบน. ขยับปรับเงินกองทุนน้ำมันฯ รับมือภาษีใหม่ ตรึงราคาหน้าปั๊ม ช่วยประชาชนยุคค่าครองชีพสูง

เมื่อวานนี้ (6 พ.ค.68) คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนฯ ประเภทน้ำมัน เพื่อรองรับการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันเบนซินและดีเซล โดยยืนยันจะไม่ให้กระทบราคาขายปลีกน้ำมันหน้าปั๊ม ช่วยลดภาระค่าครองชีพในช่วงที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน มอบหมายให้ สกนช. ประเมินผลกระทบและเสนอแนวทางรองรับการเก็บภาษีใหม่ โดยปรับลดเงินกองทุนฯ เท่ากับอัตราภาษีสรรพสามิต และพิจารณาค่าการตลาดที่เหมาะสม เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 7 พฤษภาคม 2568

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการ สกนช. เปิดเผยว่า การปรับครั้งนี้จะทำให้รายรับของกองทุนฯ ลดลงประมาณ 49.57 ล้านบาทต่อวัน แต่ยังสามารถรองรับได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ หากเกิดวิกฤตราคาน้ำมัน กบน.อาจขอให้กรมสรรพสามิตพิจารณาลดภาษีลงอีกครั้ง

ขณะนี้กองทุนน้ำมันฯ มีฐานะติดลบอยู่ที่ 47,779 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 2,540 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 45,239 ล้านบาท ซึ่ง กบน. จะบริหารจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในประเทศ

นายพรชัยย้ำว่า กบน. ดำเนินงานภายใต้หลักการโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดกฎหมายกองทุนน้ำมันฯ พ.ศ. 2562 อย่างเคร่งครัด โดยมุ่งให้ทุกมาตรการเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติสูงสุด

‘พิชัย-พีระพันธุ์’ ร่วมย้ำ ค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค. เหลือ 3.99 บาท/หน่วย ไม่ใช้งบหลวง เว้นแต่ราคาพลังงานเปลี่ยนแปลงรุนแรง

(6 พ.ค. 68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบลดค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2568 จาก 4.15 บาท เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย โดยย้ำว่ารัฐบาลมั่นใจจะควบคุมค่าไฟให้อยู่ในกรอบนี้จนถึงสิ้นปี เว้นแต่มีการเปลี่ยนแปลงต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ภายใต้แผนพลังงานสะอาดปี 2566–2573

ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันผ่านเฟซบุ๊กว่า การกำหนดเพดานค่าไฟไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย เป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาภาระประชาชน พร้อมเฝ้าระวังต้นทุนพลังงานอย่างใกล้ชิด

‘ยูซีเซอร์เคิล’ วงกลมเล็กที่ครอบคลุมครึ่งโลก ทั้งประชากร-GDP-เทคโนโลยี โดยไร้เงาชาติตะวันตก

(6 พ.ค. 68) ยูซี (Yuxi) เมืองเล็กในมณฑลยูนนานของจีน อาจดูไม่มีอะไรโดดเด่นด้วยจำนวนประชากรเพียง 2.5 ล้านคน แต่หากใช้เป็นจุดศูนย์กลางแล้ววาดวงกลมรัศมี 2,500 ไมล์ (ราว 4,000 กม.) จะพบว่าวงกลมนี้ครอบคลุมประชากรกว่า 4.3 พันล้านคน หรือมากกว่าครึ่งของประชากรโลก

พื้นที่ภายใน “วงกลมยูซี” นี้ ยังคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของ GDP โลก (เมื่อคำนวณแบบ PPP) และเป็นแหล่งผลิตอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ ไมโครชิพ แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ ที่สำคัญ ไม่มีประเทศตะวันตกอยู่ในวงกลมนี้เลยแม้แต่ประเทศเดียว

ประเทศที่อยู่ในวงกลมนี้ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย เวียดนาม พม่า บังกลาเทศ เนปาล ไทย ฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศ ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย โดยไม่ต้องพึ่งพามหาอำนาจตะวันตก

แต่สำหรับประเทศตะวันตก วงกลมนี้อาจไม่ใช่แค่ “จุดแข็ง” ของเอเชีย แต่ยังเป็น “ความเสี่ยง” ต่ออิทธิพลเดิมที่ตนเคยมี จึงมีความพยายามแทรกแซงในรูปแบบต่างๆ ทั้งฐานทัพ กองกำลัง “เพื่อสันติภาพ” หรือแม้แต่การหนุนหลังความขัดแย้งในประเทศอ่อนแอ

ในบริบทนี้ ผู้สังเกตการณ์บางรายเตือนว่า หากประเทศใดภายในวงกลมยูซีไม่ระวังให้ดี อาจกลายเป็นจุดอ่อนของทั้งภูมิภาค เปิดทางให้การแทรกแซงแฝงมาในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจไม่ได้มาเพื่อร่วมมือ แต่เพื่อถ่วงรั้งอำนาจเอเชียไม่ให้เติบโตเทียบเท่าตะวันตกในอนาคต

‘ศุภชัย’ ชู!! WTO เวทีกลาง เจรจา ประเทศมหาอำนาจ ‘สหรัฐฯ - จีน’ แนะ!! ไทย รักษาพื้นที่การคลัง เร่งเจรจาตลาดใหม่ รับมือความไม่แน่นอน

(3 พ.ค. 68) ในงาน MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNTCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 'New World Order รับมือระเบียบโลกใหม่' ว่าปัจจุบันโลกมีความไม่แน่นอนมีสูงมากในขณะนี้เรากำลังมี 'new world order' ใหม่ที่เกิดขึ้นจากนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งบางคนมองว่าอาจจะเป็นภาวะที่เรียก new word disorder ที่มีความสับสนเพราะว่าโลกแบ่งออกเป็นหลายขั้วจึงต้องมีการเจรจาต่อรองโดยในโลกสมัยนี้เป็นโลกที่มีหลายขั้ว (multi polar world) สหรัฐ จีนรัสเซีย และยังมีขั้วของโลกเกิดใหม่อย่างเช่นอินเดีย อาเซียน อินโดนีเซีย เป็นอำนาจที่ไม่ได้มีใครเหนือใครแต่ต้องมาแบ่งปันและแชร์กัน

การที่มีความระส่ำระสายในระดับโลกนั้นเกิดขึ้นจากการที่ระเบียบและการค้าโลกแบบเดิมถูกสั่นคลอน สหรัฐฯเคยเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนที่ดูแลระบบโลกทั้งหมดได้แต่ในขณะนี้ไม่ใช่แล้ว ในเรื่องทางเศรษฐกิจนั้นก็ต้องยอมรับว่าสหรัฐฯนั้นถดถอยลงไปมาก จุดเริ่มต้นนี้มาจากการที่ประเทศอย่างจีนเข้ามาเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) สัดส่วนการค้าของสหรัฐฯโลกลดลงอย่างมาก ปัจจุบันสหรัฐฯมีสัดส่วนการค้าโลกประมาณ 8% ขณะที่จีนขึ้นมาเป็น 15-16% จีนกลายเป็นประเทศที่ส่งออกใหญ่ที่สุดของโลกสหรัฐกลายมาเป็นเบอร์ 2

สหรัฐยังมีปัญหาในเรื่องของระบบการเงิน โดยเห็นได้จากวิกฤตซับไพรม์หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ที่จะสะท้อนว่ามีปัญหาระดับวิกฤตในระบบการเงินของสหรัฐฯ นอกจากนั้นยังมีอีกหลายวิกฤตที่ทำให้เกิดคำถามถึงความเป็นผู้นำของสหรัฐฯในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การยึดไครเมียจากยูเครนในปี 2014 การเปิดเส้นทางสายไหมใหม่ (BRI)ของจีน ในปี 2016  ที่จีนสามารถค้าขายไปยุโรปและทั่วโลก การระบาดของโควิด 19 ในช่วงปี 2019 -2022 ซึ่งประเทศที่มีการลงทุนในสาธารณสุขมากมายมหาศาลอย่างสหรัฐฯมีความเสียหายเกิดขึ้นมาก

และในปี 2025 ในปัจจุบัน ที่เริ่มสงคราม AI  เมื่อจีนมีการเปิดตัว deep seeks ที่เป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ที่สำคัญของจีน ลงมา ลงทุนน้อยกว่าสหรัฐฯมากแต่ว่ามีประสิทธิภาพกว่า

ดร.ศุภชัย กล่าวว่าในสถานการณ์ปัจจุบันเวทีพหุภาคีทั้งหลายยังคงต้องเป็นความหวังให้การพูดคุยกันระหว่างประเทศต่างๆ เกิดขึ้นได้ เพื่อประคับประคองระบบต่างๆของโลกให้กลับไปสู่ภาวะปกติมากที่สุด ต้องเข้ามาดูแลปัญหาเรื่องพวกนี้พยายามลดอุณหภูมิไม่ให้ร้อนแรงไปมากกว่านี้ 

ทั้งนี้ได้มีการหารือกันในเวที WTO ว่าบทบาทของ WTO ในการเข้ามาเป็นเวทีในการพูดจาเรื่องนี้ ซึ่ง WTO ควรจะมีบทบาทในการเป็นเวทีกลางในการเจรจา โดยก่อนหน้านี้เราเคยมีวาระที่คุยกันเป็นรอบๆ ในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การประชุมรอบเคนเนดี (Kennedy round) หรือว่าการประชุมรอบอุรุกวัย (Uruguay round) ในสถานการณ์ปัจจุบันอาจจะเป็นเวทีที่เป็นรอบที่เป็นการพูดคุยกันเรื่องนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ (Trump round) ซึ่งว่าด้วยเรื่องของภาษีอากร ที่สำคัญเมื่อเราคุยกับอเมริกาแล้วเราก็ต้องคุยกับจีนได้ด้วยจะต้องคุยกับทั้งสองฝ่าย

สำหรับข้อเสนอของประเทศไทยในการรับมือกับสถานการณ์ที่โลกเผชิญความไม่แน่นอนสูงมี 5 เรื่อง ได้แก่

1.เจรจากับตลาดอาเซียน และหาโอกาสการค้าในตลาดเกิดใหม่ โดยในปัจจุบันสหรัฐฯนั้นมีสัดส่วนการค้าโลกประมาณ 8% ขณะที่อาเซียนเราอยู่ในตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพและมีตลาดที่รวมกันทั่วโลกมีขนาด 30 -40 % ของการค้าโลก ซึ่งตอนนี้ไทยและอาเซียนควรต้องคุยกัน หาจุดร่วมกัน ไม่ควรใช้การกีดกันการค้า หรือดัมพ์ตลาดสินค้าใส่กัน เพราะจะเป็นการแก้ปัญหากำแพงภาษีกับสหรัฐฯแต่ก็จะสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา  

2.ในระยะยาวต้องมีการแก้ปัญหาโครงสร้างการผลิต เรื่องนี้ต้องไม่ละทิ้ง เพราะในยุทธศาสตร์ชาติ20 ปี ได้มีการบอกว่าเราต้องทำอะไร ที่สำคัญมีเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคือเราเดินทางสายกลางและมีภูมิคุ้มกันในขณะนี้เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันมากในทางของเศรษฐกิจ เมื่อมีความไม่แน่นอน เราต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ได้ในการรักษาเนื้อรักษาตัวของเรา เราต้องลงทุนในภาคของเศรษฐกิจ สังคม เรื่องสุขอนามัย การศึกษา พลังงานทดแทน เศรษฐกิจสีเขียวซึ่งเป็นการลงทุนใหม่ๆ ที่จะสร้างความต้องการในประเทศ ดูแลเศรษฐกิจภายในและให้ความสำคัญกับการดูแลผู้สูงอายุ สร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคตโดยไม่ต้องไปทำโครงการขนาดใหญ่ทั้งนี้หากจะสร้างคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ ควรจะเป็นคอมเพล็กซ์เพื่อสุขภาพ กระจายไปในภาคต่างๆ เพื่อรองรับสังคมสูงอายุ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการมากขึ้น

3.ประเทศไทยต้องมีการรักษาพื้นที่ทางการคลัง (Fiscal Space) ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญที่อยู่ในมือของกระทรวงการคลังเป็นสิ่งที่เราต้องมี เราต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ได้พยายามอย่าให้มีการใช้จ่ายหรือกู้เงินในส่วนที่ไม่จำเป็น เพราะอีกไม่นานนี้อาจจะต้องมีโครงการที่เป็นการใช้เงินขนาดใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า ดังนั้นทางการคลังก็ต้องมีการดูแลตรงนี้ให้มาก

4.แก้ปัญหาและอุปสรรคที่มาใช่ภาษี โดยในรายงานของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เขียนถึงประเทศไทยยาวมาก แต่เขียนเรื่องภาษีไว้นิดเดียว เรื่องอื่นๆ เป็นเรื่องของกฎระเบียบศุลกากร กฎระเบียบทางกฎหมาย กฎระเบียบตรวจสินค้า ที่ซับซ้อน เราต้องดูว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับคู่ค้า

5.แก้ปัญหาการลงทุนที่มีการสวมสิทธิ์ส่งออกสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สหรัฐฯเพ่งเล็ง เพราะว่านโยบายของทรัมป์ในขณะนี้ต้องการให้เกิดแรงกระแทกมายังยุทธศาสตร์ China Plus1 ของจีนที่ย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ซึ่งเกิดขึ้นหลังสงครามการค้ารอบแรก เห็นได้จากการที่บริษัทผลิตโซลาร์เซลล์จากไทยที่ส่งไปขายสหรัฐฯเจอภาษีไป 300% เพราะเขารู้ว่าโรงงานนี้ย้ายจากจีนมาลงทุนเพื่อหลบภาษีที่เขาขึ้นกับจีนแล้วส่งสินค้าไปขยายยังสหรัฐฯ ซึ่งเรื่องนี้ต้องฝากกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่จะมีการออกมาตรการต่างๆ ออกมาเพื่อป้องกันการผลิตที่สวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดจากไทยแล้วส่งออก

‘กระทรวงการคลัง’ เตรียมเสนอ!! ‘อารีย์ สกอร์’ เข้าครม. กลางปี 68 หวังช่วยปชช. เข้าถึงสินเชื่อ!! ผ่านแบงก์รัฐ ไม่ต้องพึ่งหนี้นอกระบบ

(3 พ.ค. 68) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน MOF Journey 150 ปี เส้นทางการคลังไทย หัวข้อ Ari Score Sandbox ว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการจัดทำ Ari Score ( อารีย์ สกอร์ )

ซึ่งเป็นนวัตกรรมการทำเครดิตสกอริ่ง ( คะแนนเครดิต ) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างคะแนนเครดิตหรือข้อมูลเครดิตที่สามารถใช้ในการเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น สำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ที่มักจะมีรายได้ไม่แน่นอน มีเงินออมและสินทรัพย์น้อย รวมถึงมีภาระค่าใช้จ่ายสูง

ทั้งนี้ อารีย์ สกอร์ ใช้ข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น ข้อมูลจากสวัสดิการแห่งรัฐ,ข้อมูลภาษี,หนี้สิน,เงินฝาก และข้อมูลเครดิตบูโร เพื่อประเมินความสามารถในการชำระหนี้และวินัยทางการเงินของผู้ใช้บริการ มุ่งหวังที่จะช่วยให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ คาดเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) กลางปีนี้หรือไม่เกินมิ.ย.2568

“อารีย์ สกอร์ จะช่วยให้ประชาชนตัวเล็ก เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน สินเชื่อ เพื่อใช้ประกอบอาชีพหรือการดํารงชีวิต เพื่อจะไม่ได้เกิดเรื่องของสุญญากาศทางการเงินของครอบครัวต่อไป”

นายพรชัย กล่าวว่า ปัจจุบันคลังมีข้อมูลคนไทย จาก 3 แหล่งมาพัฒนาเวอร์ชันแรกเป็นอารีย์สกอร์ Gen 0-0.5 เช่น ทรัพย์สิน รายได้ และการรับสวัสดิการของรัฐ ซึ่งรวบรวมมาจากเครดิตบูโร สถาบันคุ้มครองเงินฝาก และกรมภาษีทั้งหมด

ซึ่งมีข้อมูลจากประชาชนที่มาลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจนถึงปี 2565 ประมาณ 19 ล้านคน รวมทั้งดูความสามารถประชาชนจากประวัติการชำระค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ เพื่อมาจัดทำเป็นคะแนนเครดิต

ทั้งนี้ในระยะต่อไปจะมีการพัฒนาเป็น อารีย์สกอร์ Gen 1 โดยใช้ข้อมูลจาก Data Lake ที่มีอยู่ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เช่น ข้อมูลจากไปรษณีย์ ข้อมูลนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งจะมีการขอข้อมูลจากทางกองทุนเพื่อการกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มาใช้ประกอบด้วย

สำหรับโดยสถาบันการเงินที่จะนำอารีย์ สกอร์ ไปใช้ในการอนุมัติสินเชื่อกลุ่มแรก คือ สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์

ตำรวจบุกทลายแก๊งฝุ่นแดง ลักลอบนำเข้าฝุ่นแร่ แปรรูปเป็นซิงค์ออกไซด์ส่งออก..ขายโกยกำไร!! ทิ้งมลพิษให้ไทย

(2 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. บุกตรวจค้นบริษัท หัวจง อุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท จินฮุ้ย นอนเฟอรัส เมทัล จำกัด จ.สมุทรสาคร หลังพบลักลอบนำเข้าฝุ่นแดงจากต่างประเทศ รับช่วงจากเครือข่ายชาติเดียวกัน ก่อนนำไปแปรรูปเป็นซิงค์ออกไซด์เพื่อส่งออกขายในราคาสูง ทิ้งไว้เพียงฝุ่นและมลพิษในประเทศไทย

แม้มีการเคลื่อนไหวหลบหนีล่วงหน้า ย้ายเอกสาร-คอมพิวเตอร์หนี แต่ไม่รอดการติดตามของเจ้าหน้าที่ที่ตามยึดของกลางได้ครบ ทั้งโทรศัพท์ เอกสารการเงิน คอมพิวเตอร์ และกล้องวงจรปิด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการสอบสวนและดำเนินคดี

ทั้งนี้ ตำรวจเตือนโอกาสเปลี่ยนใจทำธุรกิจถูกต้องยังพอมี แต่หากยังดื้อดึงไม่เลิกพฤติกรรมผิดกฎหมาย ไม่ว่าใครก็เตรียมรับผลจากกระบวนการยุติธรรมได้เลย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top