Tuesday, 14 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

20 พฤศจิกายน พ.ศ.2340...223 ปี ‘รามเกียรติ์’ ยังอินเทรนด์

‘โขน’ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แถมยังกลายเป็นความร่วมสมัย โดยเฉพาะกับโขนเรื่องสำคัญที่คนไทยรู้จักกันดี ‘รามเกียรติ์’

ย้อนกลับไป วันนี้เมื่อกว่า 223 ปีก่อน ถือเป็นวันแรกที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ โดยตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนจบเรื่อง ทรงนิพนธ์ลงในสมุดไทยไปถึง 102 เล่ม ซึ่งหากพิมพ์เป็นหนังสือขนาด 8 หน้ายกอย่างในปัจจุบัน จะมีความหนากว่า 2,976 หน้าเลยทีเดียว

รามเกียรติ์ เป็นเรื่องราวการทำศึกสงครามระหว่างฝ่ายพระราม (มนุษย์) กับฝ่ายทศกัณฐ์ (ยักษ์) เนื่องจากทศกัณฐ์ได้ลักพาตัวนางสีดา มเหสีของพระรามไป โดยฝ่ายพระรามมีทหารเอกชื่อ หนุมาน เป็นลิงเผือก พร้อมด้วยพรรคพวกอีกมากมายคอยช่วยเหลือ

โดยสาเหตุที่รัชกาลที่ 1 ทรงนิพนธ์รามเกียรติ์ขึ้นนี้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่บ้านเมืองเพิ่งผ่านศึกสงคราม จึงมีพระราชประสงค์ให้วรรณคดีเรื่องนี้เป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูด้านศิลปวัฒนธรรมของบ้านเมืองนั่นเอง

รามเกียรติ์ ถุกเล่าผ่านยุคผ่านสมัยมามากมาย ถึงวันนี้ รามเกียรติ์ยุค 2020 ก็ยังถูกเล่าขานต่อไป แต่มาด้วยภาพลักษณ์อันร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นภาพลายเส้นการ์ตูน หรือแม้แต่สติกเกอร์ไลน์ เป็นวรรณคดีอมตะที่ยังคงมีลมหายใจ และทรงคุณค่าให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาต่อไป

วาไรตี้ที่สีลม...

ไม่ใช่เพราะรถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้อง แต่เราลงเดินเท้า เพราะอยากเก็บภาพย่านธุรกิจที่ว่าราคาสูงท็อปสามของประเทศ อย่างสีลม จากวัดแขก ไปยันพัฒน์พงศ์ ซึ่งเป็นจุดผสมระหว่างวัฒนธรรม ความเชื่อไว้ถึง 3 และยังไม่นับรวม ร้านอาหาร ผับบาร์ พิพิธภัณฑ์18+ ที่ดึงดูดใจ ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ จากการเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวยามค่ำของหนุ่มๆ รุ่นปู่ รุ่นพ่อ รุ่นพี่ มาช้านาน และน้อยคนจะทราบว่า ที่นี่มีแหล่งกบดานซีไอเออยู่ด้วย

การเดินเล่นที่ ‘สีลม’ ในวันนี้ มีความวาไรตี้ ทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ปาร์ตี้ ผสานการเรียนรู้วันเก่าใหม่ ไปพร้อมๆ กัน อ้อ! ไม่ลืมแวะอิ่มท้องกับของอร่อย ที่ไม่สามารถสัมผัสได้จากฟู้ดเดลิเวอรี่เจ้าไหน สั่งกลับยังไงก็สู้มานั่งกินร้อนๆ กับเพื่อนรักตรงนี้ไม่ได้ และบางทีอาจชิลยาวไป ถ้ารู้ใจ ไม่ว่าหยิบจับ กินดื่ม อะไร ก็เข้าใจกัน

.

ใครคาดหวัง และต้องการกำลังใจ ซัพพอร์ตเรื่อง ความรัก ความสำเร็จเรื่องเงินและการงาน ต้องมา วัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ วัดแขกสีลม (ปากถนนปั้นฝั่งสีลม) ซึ่งเป็นโบสถ์พราหมณ์เก่าแก่กลางกรุง เทวสถานนี้มีหลักฐานปรากฏมาตั้งแต่สมัย ร.5 ราว พ.ศ.2453 - 2454 โดยคณะผู้ศรัทธาชาวอินเดียใต้ผู้อาศัยอยู่ย่านตำบลริมคลองสีลม อำเภอบางรัก และตำบลหัวลำโพง อำเภอบางรัก ผู้คนหลากเชื้อชาติ มากราบไหว้ บูชา แต่หากจะถ่ายภาพเก็บความทรงจำ จะทำได้เพียงด้านนอกเท่านั้น เพราะไม่มีใครที่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ ภายในได้ ต้องเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้น

.

.

ข้าง ๆ วัดแขก ด้านถนนสีลม นอกจากทิวแถวร้านมาลัยงดงามสำหรับซื้อถวายเทพขอพรแล้ว ร้านเบเกอรี่เก่าแก่อย่าง ดี.เค. เบเกอรี่ แบรนด์ขนมปัง 70 ปี ที่ผ่านมือมาสามรุ่น มีดีที่โฮมเมด นวดและขึ้นรูปก้อนต่อก้อน ไม่ใส่สารกัดบูดอะไรทั้งสิ้น ฮอตฮิตทั้งสังขยาใบเตย และสังขยาไข่ รวมถึง คุ๊กกี้ เอแคลร์ และขนมปังหัวกะโหลก ไม่ว่าจะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก หรือ ควิด ก็ดูสิ คนยังมากันเรื่อย ๆ อบขายกันไม่เว้นวัน อย่าเชื่อเรา ให้เชิญลอง

.

.

ฝั่งตรงข้าม ถนนปั้น เป็นซอยสีลม 20 ลึกเข้าไปเพียง 30 - 50 เมตร เป็นที่ตั้งของ มัสยิดมีราซุดดีน ใครเห็นโดมทองจับแสงยามบ่าย ก็อดหยุดภาพไว้ในกล้องไม่ได้แน่นอน ‘มัสยิดมีราซุดดีน’ เป็นมัสยิดประจำชุมชนของแขกยะวา ที่อพยพมาจากเกาะชวาของอินโดนีเชีย เคยอยู่ในซอยประดิษฐ์ อันที่จริงควรมีไก่ทอดและอาหารมุสลิมเลี่ยงชื่อประจำย่านอยู่ตรงนี้ให้ได้แวะชิ แต่วันที่เรามาเดินเตร็ดเตร่เป็นช่วงหยุดของคนขาย แหม เสียดายจัง ใครอ่าน The States time Lite ถึงแคปชั่นภาพนี้ แล้วมาในวันที่ได้กินไก่ทอด ขอร้องให้เอามาอวดได้เลย เราไม่ว่ากัน

.

.

เกรงจะไม่ครบสามโบสถ์ อย่างที่จั่วหัวเรื่องไว้ ขอโดดข้ามไปยังปลายซอยคอนแวนต์ มุมหนึ่งของสีลม ก็มีโบสถ์คริสต์สไตล์อังกฤษ ในอดีตไคร้สตเชิชเป็นคริสตจักรนานาชาติที่มีสมาชิกในที่ประชุมมาจากนานาประเทศ  และมีภูมิหลังความเชื่อจากหลายคณะนิกาย ตัวโบสถ์แห่งนี้ เกิดจากพระบรมราชานุญาตของ รัชกาลที่ 5 พระราชทานที่ดินให้หลังเหล่าคริสตสานิกชนยื่นถวายฎีกา ตรงนี้จึงเป็นทั้งศูนย์รวมความศรัทธา และสถาปัตยกรรมเรียบหรูงดงามกลางสวน

.

ได้ทีเข้าย่านพัฒน์พงศ์แล้ว เห็นแขกใครไปใครมา ชอบพูดกันว่าเป็นฮับสายไนท์ ไลฟ์ แบบดาร์ก ๆ ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อ แต่หลังโควิดนี่ออกจะเงียบเหงาไปผิดจากเรื่องที่ได้ยินมา แต่กลับทำให้เราได้เห็น สตีล ไลฟ์ ชัดเจนกว่าเก่า ทั้งอาคารและการตกแต่งย้อนยุค แต่ก็เฟี้ยวไม่น้อย เพลินกับการแหงนมองดูโครงศิลปะโมเดิร์นผสมผสานประดับประดากับตัวตึกเก่า ที่หาไม่ได้ในอาคารสมัยใหม่

.

.

เหนือจากหมู่ตึก ผับและบาร์ ในย่านนี้ ชั้น 2 ของอาคาร เพิ่งก่อกำเนิด พิพิธภัณฑ์พัฒน์พงศ์ หรือ พัฒน์พงศ์ มิวเซียม ขึ้นเมื่อปลายปีพ.ศ. 2562 รวมเอาประวัติศาสตร์ ความเป็นมาและเป็นไป และเรื่องราวที่คุณอาจรู้ และไม่รู้ เกี่ยวกับย่านนี้ 

.

.

ไมเคิล เมสเนอร์ (Mr.Michael Messner) เติบโตมาในบ้านที่คุณพ่อเป็นศิลปินและเคยดูแลพิพิธภัณฑ์ที่บ้านเกิดออสเตรีย โชคชะตาพาเขามาที่ประเทศไทยและได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวไทย และตัดสินใจลงหลักปักฐานที่นี่ เริ่มธุรกิจจากร้านอาหารในย่านพัฒน์พงศ์ เวลาผ่านไปเขาได้สัมผัสประสบการณ์มากมาย จากลูกค้าขาประจำย่านนี้ล้วนมีเรื่องเล่าที่ไม่ธรรมดา และมีจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นทหารผ่านศึกจากช่วงสงครามเวียดนาม บ้างเป็นสายสืบให้กับ CIA บ้างเป็นผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นละแวกนี้ เขาจึงมีไอเดียริเริ่มที่จะสะสมร่องรอยประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กว่า 100 ปี รวมถึงเกร็ดความรู้ ความเป็นมา เบื้องหลังแสงสีและความเย้ายวนใจของถนนพัฒน์พงศ์ อันเป็นย่านบันเทิงยามราตรีเก่าแก่ และมีชื่อเสียง ที่มีความผูกพันในเชิงประวัติศาสตร์ระหว่างชาวไทยกับชาวอเมริกัน 

.

.

ลึกเข้าไปจากโซนประวัติศาสตร์ และความเป็นมาเป็นไป เป็นส่วน 18+ ที่พ่อแม่ที่แวะมากับเด็กๆ ต้องหยุดพวกเข้าไว้แค่ประตูนี้ แต่ถ้าคุณคือ 18+ แล้วก็เชิญ คุณได้ไปต่อ แล้วเจอกับบาร์เก๋ ทั้งแสง สี ดนตรี เครื่องดื่ม และเรื่องเล่าผ่านสื่อโปสเตอร์ และวิดิโอ วิ่งวนจนต้องร้องขอชีวิต Oh my goddd 

.

มาต่อกันที่ ดาร์บี้ คิงส์ (Darby Kings ) คาเฟ่โบราณ มาย่านสีลมต้องมาโดนร้านนี้ ที่นี่มีดีทุกจาน กินมาแล้วตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อ คุณอา จนมาถึงเรา เด็ดมาก ข้าวคลุกน้ำพริก ข้าวซอยกุ้ง ปอเปี๊ยะทอด และบรรดาก๋วยเตี๋ยวผัด และก๋วยเตี๋ยวสไตล์จีนต่างๆ นี่อร่อยหมด แวะมาพัฒน์พงศ์ มีหนึ่งร้อยบาท คุณก็กินอร่อยแบบตำนานได้ เชื่อเหอะ

.

.

อีกร้านเด็ดย่านสีลม เดอะ แมดริด คาเฟ่สไตล์ ยุโรป มีดีที่เนื้อ และซอส เพราะเจ้าของมีสามีเป็นเบลเยียม และคลุกคลีอยู่หลังครัวมาหลายสิบปี ร้านนี้สวย เหมาะทั้งกินข้าวแบบแฟน เพื่อน หรือครอบครัว และยังเหมาะนั่งดื่มปาร์ตี้เบาๆ เผาตับกันพอสนุก สไตล์แมดริด นั่งอยู่นี่ เห็นเครื่องตกแต่งร้านแล้วลืมไปเลยจริงๆ ว่า เรานี่อยู่ยุโรปหรือเปล่าเนี่ย อุ้ย หรือเมา...

 

รวมซุป’ ตาร์ฟุตบอลติดโควิด-19

'ระนาว' เป็นคำวิเศษณ์ ใช้กับสิ่งที่มีลักษณะเป็นสาย เป็นแถว เป็นแนว เหตุที่หยิบคำไทย ๆ มาอธิบาย เพราะขณะนี้ เหล่าบรรดานักฟุตบอลระดับโลก พากันติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 แบบ...ระนาวววว!

ไล่ไปตั้งแต่ 'ปอล ป็อกบา' กองกลางทรงผมจี๊ดใจของทีมแมนยูฯ มีอันป่วยด้วยโรคโควิด-19 เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ต่อมาต้นเดือนกันยายน 'คีเลียน เอ็มบัปเป้' กองหน้าสัญชาติฝรั่งเศส เพื่อนร่วมชาติของป็อกบา ก็มาติดโควิด-19 ด้วยอีกคน

ในเวลาไล่เรี่ยกัน ซุป'ตาร์ชาวบราซิล 'เนย์มาร์' เพื่อนร่วมสโมสรของเอ็มบัปเป้ในทีมปารีสแซงต์ - แชร์กแมง ก็มาป่วยด้วยโรคนี้เช่นเดียวกัน ผ่านมาถึงกลางเดือนตุลาคม ก็เกิดข่าวใหญ่เมื่อ 'CR7' หรือ 'คริสเตียโน่ โรนัลโด้' นักเตะคนเหล็กจอมฟิตเบอร์ต้น ๆ ของโลก ก็มากลายเป็นเหยื่อโควิด-19 เข้าอีกราย

และ 2 รายชื่อล่าสุดที่เพิ่งถูกตรวจพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 นั่นคือ 'หลุยส์ ซัวเรส' สตาร์ดังจากทีมแอตเลติโก มาดริด รวมทั้ง 'โมฮาเหม็ด ซาลาห์' ขวัญใจชาวหงส์แดง - ลิเวอร์พูล ก็มาป่วยด้วยอีกคน

ไล่เรียงมานี้ มีทั้งที่เป็นแล้วหายเรียบร้อย และที่กำลังเป็นอยู่ อย่างไรก็ขอให้หายป่วยโดยไว ว่าแต่ ไล่รายชื่อมานี้ เป็นระดับซุป’ตาร์โลกฟุตบอลล้วนๆ แต่เหมือนจะขาดใครไป???

อ่า! พี่ 'ลิโอเนล เมสซี่' สตาร์เบอร์ 1 ของโลกนี่เอง เอิ่มม ไม่ได้แช่งนะครับพี่ แต่เพื่อความปลอดภัย โปรดใส่หน้ากากตลอดเว และดูแลสุขภาพแบบจัดๆ เลยนะครับ กินร้อน ช้อนกลาง เตะบอลก็อย่าไปถ่มน้ำลายเรี่ยราด ด้วยความปรารถนาดีจากแฟนบอลต่างดาวววววนะครัช

เศรษฐกิจไทย...กำลังฟื้นตัว

แม้ผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ยังคงมีแรงกระทบต่อกลุ่มประชาชนคนไทยที่มีปัญหาความยากจน

แต่มีการคาดการณ์ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะพลิกฟื้นกลับมาเร็ว จากการประเมินตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดในไตรมาส 3 และคาดการณ์ปีพ.ศ.2564 ของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

.

ที่มา: สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

10 Playlist อยากเปิดให้ ‘ทรัมป์’ ฟังตอนว่างงาน

ตามหน้าข่าว! ศึกแย่งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 ปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อย 'โจ ไบเดน' ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต มีผลคะแนนเสียง Electoral Votes เกิน 270 เสียง ทำให้สามารถคว้าชัยชนะเหนือ 'โดนัลด์ ทรัมป์' อดีตผู้นำจากพรรคริพับลิกันได้สำเร็จ เตรียมก้าวสู่การเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 

งานนี้ทรัมป์ คุณคือผู้ที่ไม่ได้ไปต่อ ><’ ต้องเก็บกระเป๋าออกจากทำเนียบขาว โบกมือบ๊ายบายวลีอันโด่งดัง “Make America Great Again” หลงเหลือไว้เพียงตำแหน่ง ‘อดีตประธานาธิบดี’ จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา

การกลับมาเป็นพลเมืองอเมริกันธรรมดาก็คงทำให้ทรัมป์ตกอยู่ในสถานะว่างงานสักพักใหญ่ The State Time Lite ก็เลยเห็นใจท่าน เอ้ย! เห็นว่าท่านว่างๆ จึงขอจัด Playlist รวบรวม 10 เพลงดัง มอบให้ทรัมป์ฟังในช่วงเวลานี้ ถือเป็นบทเพลงแห่งการมูฟออนและการพักผ่อนหลังทำงานหนักมา 4 ปีเต็ม จัดไป!!


 

.

1. In The End - Linkin Park

เพลงร็อกระดับขึ้นหิ้งจากอัลบั้ม Hybrid Theory ของวง Linkin Park ที่เล่าถึงการพยายามทำอะไรสักอย่างอย่างเต็มที่ โดยทุ่มเททั้งความเชื่อมั่นและเชื่อใจ แต่สุดท้ายผลลัพธ์กลับว่างเปล่า ไม่ต่างจากทรัมป์ที่พยายามจะครองเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 พยายามทำทุกหนทางเพื่อรั้งตำแหน่งไว้ แต่ก็พ่ายแพ้ผลการเลือกตั้งจากการตัดสินใจของประชาชนทั้งประเทศในที่สุด 

.

 

.

2. Don't Look Back In Anger – Oasis

สาวกบริตป๊อบและคอเพลงยุค ‘90s ต้องรู้จักเพลงนี้ของวง Oasis อย่างแน่นอน เหมาะที่จะมอบให้ทรัมป์ฟังเพื่อเตือนใจไว้เสมอว่า จงอย่ามองย้อนกลับไปในความโกรธเคืองเลยนะ เงยหน้าและมูฟออนต่อไป แพ้เลือกตั้งไม่ใช่จุดสิ้นสุดของทุกอย่าง กลับบ้านเปิดเพลงนี้กรอกหูน่าจะช่วยทำให้ใจเย็นขึ้นได้

.

 

.

3. American Idiot – Green Day

บทเพลงวิจารณ์การทำงานของสื่อและเหน็บแนมความฝันแบบอเมริกันชน ซึ่ง Green Day ขึ้นชื่อว่าเป็นวงดนตรีที่มักทำเพลงมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง และเคยทำมิวสิกวิดีโอล้อเลียนทรัมป์อยู่หลายครั้ง เมื่อทรัมป์ลงจากตำแหน่งแล้วก็หวังว่าเขาจะมีเวลาว่างนั่งทบทวนกระแสวิจารณ์ต่างๆ ผ่านบทเพลงของวงนี้ 

.

 

.

4. Be My Mistake - The 1975

เมื่อ 4 ปีก่อน ทรัมป์เคยได้คะแนนส่วนใหญ่มาครองและมีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ ระหว่างนั้นมีการดำเนินหลายนโยบายที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ว่าจะเป็นการกีดกันทางเชื้อชาติและศาสนา หรือแม้กระทั่งการควบคุมการระบาดของ COVID-19 แต่ยุคสมัยของผู้นำคนใหม่มาถึงแล้ว สิ่งที่ผิดพลาดในอดีตก็เก็บไว้เป็นบทเรียน

.

 

.

5. F*ck, I'm Lonely – Lauv

เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนแพ้ที่ต้องดูแลตัวเอง โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ผู้คนทั่วโลกต่างพากันให้ความสนใจ ‘โจ ไบเดน’ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา สื่อต่างๆ ก็นำเสนอชีวประวัติและผลงานของเขาแทบทุกชั่วโมง จนแทบไม่มีใครสนใจทรัมป์แล้ว งานนี้แหละคือความเหงาที่แท้จริงจนต้องเปิดแทร็ก “F*ck, I’m Lonely” ฟังแก้เซ็ง

.

 

.

6. When The Party's Over - Billie Eilish 

งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราฉันใด การนับผลคะแนนเลือกตั้งก็ต้องสรุปผลฉันนั้น แม้ช่วงแรกๆ คะแนนของทรัมป์จะนำโด่งในหลายรัฐ แต่ช่วงท้ายคะแนนของไบเดนก็ตีคู่และแซงขึ้นเป็นที่ 1 อย่างชัดเจน โดยเฉพาะคะแนนจากรัฐเพนซิลเวเนียที่เริ่มชี้ชะตาเป็นสัญญาณให้ทรัมป์เก็บกระเป๋ากลับบ้าน ไม่มีเพลงไหนจะเหมาะกับสถานการณ์นี้ไปกว่า “When The Party’s Over” เมื่อปาร์ตี้สิ้นสุดลงของบิลลี ไอริช  

.

 

.

7. Vacation Time - Part Time Musician

"This is the vacation time เวลานี้ช่างมีความหมาย ดื่มชีวิตช้าๆ แล้วพักผ่อน ลืมความจริงร้ายๆ ทิ้งเอาไว้ก่อน..."  เนื้อเพลงที่สื่อถึงช่วงเวลาของการพักผ่อนที่แท้จริง ต่อไปนี้จะไม่มีภาพทรัมป์หัวเสียหรือสบถเวลาแถลงข่าวในทำเนียบขาวให้เห็นกันอีกแล้ว เพราะจะเป็นเวลาแห่งการว่างงานให้ทรัมป์หยุดและพักเสียที 

.

 

.

8. ถ้าเขาจะรัก ยืนเฉยๆ เขาก็รัก - First Anuwat

ซิงเกิ้ลที่กำลังฮิตที่สุดในเวลานี้ เปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ชัดเจน เหมือนอย่างทรัมป์ที่ผลปรากฏชัดแล้วว่าเขาพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้เสียทีเดียว มีการประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าตัวเองชนะเลือกตั้ง และเรียกร้องให้มีการนับผลคะแนนใหม่ในบางรัฐ ถือเป็นการฮึดสู้ครั้งสุดท้ายก่อนบ๊ายบายตำแหน่ง แต่สุดท้ายต่อให้พยายามแค่ไหน แต่ถ้าผลการเลือกของชาวอเมริกันส่วนใหญ่ชี้ชัดออกมาแล้ว ก็ต้องเคารพกติกาตามนั้น

.

 

.

9. ขวัญเอยขวัญมา - Palmy

ดูเหมือนทรัมป์จะเสียขวัญพอสมควรกับผลการเลือกตั้งที่ผลิกโผเหนือความคาดหมาย หลังจากที่คะแนนนำมาอยู่ดีๆ ก็ต้องถอยให้ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตซะงั้น และคาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าทรัมป์จะยอมรับความจริงข้อนี้ได้ เห็นได้ชัดจากการถ่วงเวลาในการไม่ยอมแถลงรับผลการเลือกตั้ง อีกทั้งการกล่าวหาเรื่องการโกงเลือกตั้ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าคงต้องส่งเพลงเรียกขวัญให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวของทรัมป์ซะหน่อย

.

 

.

10. คนไม่จำเป็น - Getsunova

ปิดท้ายด้วยบทเพลงที่อยากให้ทรัมป์ยอมรับความจริงและมูฟออนโดยเร็ว ท่องไว้ให้ขึ้นใจว่าอดีตมันได้ผ่านไปแล้ว แต่ในปัจจุบันเขาคือคนไม่จำเป็นอีกต่อไป ต้องหลีกทางให้ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ คนที่ 46 เข้ามารับช่วงต่อและทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ ทรัมป์ควรทำใจและเก็บกระเป๋าเดินออกจากทำเนียบขาวไปตามระเบียบ 

 

 

‘ฝูงบิน’ ขี้อิจฉากับความริษยาของ ‘ยนตรกรรม’

การที่ธุรกิจใดๆ จะเข้าถึงลูกค้าได้สัก 50 ล้านราย ก็ว่าไม่ง่ายแล้ว แต่ถ้าทำได้ในเวลา 19 วัน ดูยากจนน่าเหลือเชื่อ!! เพราะทราบไหมว่าในโลกของอุตสาหกรรมธุรกิจร่วมศตวรรษนั้น กว่าจะสร้างสินค้า บริการ หรือผลิตผลให้เข้าถึงผู้คนได้จำนวนมากๆ ต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมาอย่างยาวนานทั้งสิ้น

.

  • สายการบินใช้เวลา = 68 ปี
  • รถยนต์ใช้เวลา = 62 ปี
  • โทรศัพท์ใช้เวลา = 50 ปี
  • โทรทัศน์ใช้เวลา = 22 ปี
  • คอมพิวเตอร์ใช้เวลา = 14 ปี
  • มือถือใช้เวลา = 12 ปี
  • อินเตอร์เน็ตใช้เวลา = 7 ปี 
  • Facebook ใช้เวลา = 3 ปี
  • เกม Candy Crush ใช้เวลา = 4 เดือน

.

….แต่ทั้งหมดต้องหมอบกราบให้กับ ‘Pornhub’ กับ ‘Pokemon Go’ ที่ใช้เวลาไป ‘19 วัน’ ในการกวาดผู้ใช้งาน ‘50 ล้านราย’

.

บางอุตสาหกรรมเห็นตัวเลขนี้แล้วคงแอบอิจฉาริษยากันบ้าง อย่างธุรกิจการบิน ที่กว่าจะมีผู้ใช้งานถึงหลัก 50 ล้านคนได้ ก็ต้องใช้เวลากว่า 68 ปี หรือแม้แต่รถคันแรกของ Ford Model T ตอนออกวางจำหน่าย ก็ต้องใช้ระยะเวลากว่า 62 ปี ถึงจะมียอดใช้งานสะสมทั่วโลก 50 ล้านคัน

แต่พอโลกเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ต กลับเริ่มมีสินค้าและบริการบางอย่าง เข้ามากวาดผู้คนไปได้อย่างรวดเร็ว เหมือนที่ยกตัวอย่างไปกับ Pokémon Go และ Pornhub ที่สร้างยอดผู้ติดตาม 50 ล้านคน ในระยะเวลา 19 ซึ่งทั้ง 2 เร็วกว่าการเข้าถึง 50 ล้านคนของรถยนต์ประมาณ 1,190 เท่า และเร็วกว่าอุตสาหกรรมการบินประมาณ13,000 เท่า (ช่างน่าริษยา)

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

จุดร่วมหนึ่งที่สำคัญของ Pornhub และ  Pokémon Go คือ การ ‘เคลียร์’ กับ ‘จริต’ พื้นฐานของคนยุคนี้ได้แบบที่ไม่มีจุดไหนเลยจะไปย้อนแย้งกับ ‘ไลฟ์สไตล์’ ของกลุ่มคนที่ได้สัมผัส 

ทุกคนใช้งานได้ง่าย ใช้งานได้ฟรี (พรีเมี่ยมเติมเงิน) และรู้สึกถึงความผูกพันที่ ‘เติบโต’ ไปแบบไม่รู้จบ ต่างจากธุรกิจดั้งเดิมที่ติดข้อจำกัดที่ว่ามาเกือบทั้งสิ้น

ทีนี้มาดูสูตรโกง ‘Pokémon GO’ กันสักนิด...

จุดกำเนิดในปี 1996 ที่เปิดตัวเป็นวิดีโอเกม Pokémon ครั้งแรกในญี่ปุ่น และมีการพัฒนาต่อมาหลากหลายเวอร์ชั่น พลิกโฉมแบบเฉียบขาดมาเป็น Pokémon Go เมื่อปี 2016 ภายใต้ลิขสิทธิ์ของบริษัท Niantic Labs ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพใต้ร่มของGoogleที่ก่อตั้งในปี 2010

หลังเปิดตัวเพียง 3 เดือนแรก Pokémon Go ทำรายได้สูงถึง 592 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ใช้เวลาเพียงแค่ 19 วันหลังเปิดตัว ด้วยยอดดาวน์โหลดถึง 50 ล้านครั้ง 

ขณะเดียวกัน ก็กวาดรายได้รวมในปี 2016 ไปถึง 832 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท และ 894 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2.9 หมื่นล้านบาทในปี 2019 

และถ้านับตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปี 2019 เกมนี้ทำรายได้รวมมากกว่า 3.1พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1 แสนล้านบาท พร้อมเพิ่มจำนวนผู้เล่นได้ถึง 1,000 ล้านคน 

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Pokémon Goแจ้งเกิดได้ขนาดนั้น มาจากตัวเกมPokémon Goได้หยิบเอาเทคโนโลยีภาพเสมือนอย่าง AR: Augmented Reality และระบบ Location Base ที่มีการพูดถึงเยอะ แต่ไม่ค่อยมีคนเอาพลิกแพลงเป็นคอนเท้นท์ใหม่ๆ 

ตรงนี้น่าสนใจมากๆ เพราะ Pokémon Go สร้างมาตรฐานการเล่นเกมแบบใหม่ให้เกิดเป็นไลฟ์สไตล์แก่คนที่ไม่ได้เล่นเกม ก็ต้องมาลองเล่น แถมด้วยรูปแบบของเกม มันก็คือการจำลองให้เรามโนว่าตัวเองเป็น ‘ซาโตชิ’ (ตัวเอกของเกม) ให้เข้ามาสู่โลกแห่งนักล่ามอน  

ไม่ว่าจะเป็นการออกเดินทางเก็บรวบรวมตัวโปเกมอน เลี้ยงดู ฝึกฝน พัฒนา ผ่านการสู้กับผู้ฝึกโปเกมอนอื่น ๆ ในเกม จึงไม่แปลกที่ทั้งผู้เล่นใหม่และแฟนเดิมจะถูกดึงเข้าแพลตฟอร์ม

นอกจากนี้ ยังมีจุดน่าสังเกตหนึ่ง คือ ผู้ผลิตน่าจะมองออกว่าการนำ AR มาใช้กับเกมให้คนต้องตระเวนไปทั่วทุกทิศ เพื่อหาโปเกมอนใหม่ๆ เข้ามาไว้ในพอร์ตนั้น...อาจจะสร้าง Talk บางอย่าง ที่แม้จะไม่ใช่ Talk ดี แต่ในเชิงของการตลาดถือว่า ‘เฉียบ’

เพราะถ้าสังเกตุให้ดีในช่วงเปิดตัวใหม่ๆ Pokémon Goถูกพูดถึงในมุมของต้นเหตุแห่งอุบัติเหตุมากมาย บางประเทศมีผู้เล่นเผลอล่ามอนแล้วตกเขา หรือบางประเทศผู้เล่นออกไปล่ามอนบนเกาะซะเพลินจนน้ำขึ้นและกลับออกมาไม่ได้ก็มี 

ส่วนบางคนที่ไม่ได้เล่นเป็นจริงเป็นจัง แต่ก็พร้อมเสนอตัวว่าเป็นนักล่าตัวแทน (เพราะมันเล่นง่าย) อาสาไปล่ามอนในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ให้ จนเกิดอาชีพ เทรนเนอร์ตัวแทน หรือคนขับรถพาทัวร์จับโปเกมอน เพิ่มมูลค่าเกมเข้าไปอีก

นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไม 19 วันของ Pokémon Go จึงโกยคนเข้าคอกได้อย่างรวดเร็ว

.

ข้ามมาที่ Pornhub!!

เว็บไซต์หนังผู้ใหญ่ Pornhub ที่ก่อตัวขึ้นในปี 2007 สามารถฝ่าดงเว็บเสียวที่ฝังเต็มโลกอินเตอร์เน็ต จนขึ้นไปครองเบอร์ 1 เจ้าแห่งความเสียวซ่านในปี 2019 

Pornhub มีค่าเฉลี่ยสถิติคนคลิกราว115 ล้านครั้งต่อวัน โดยคนอเมริกันเป็นแชมป์ในการเข้าชมมากสุด ส่วนไทยก็ติดอันดับ 17 ในการเข้าเว็บนี้ แต่ ๆๆๆ เราเป็นแชมป์ดูคลิปนานสุดในโลกที่ 11.21 นาที (น่าภูมิใจมาก)

สิ่งที่น่าสนใจของ Pornhub ถ้าไม่นับประเด็นร้อนที่รัฐบาลไทยสั่งปิดเว็บเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 คือ... การมาในจังหวะที่ดี และสร้าง ‘การมีส่วนร่วม’ ในแบบที่เว็บโป๊อื่นๆ ไม่ได้ทำ (เอ่อ จริงๆ เว็บอื่นเขาก็เปิดมาให้เรามีส่วนร่วมแหละ ฟั่บ ๆๆ) 

เพราะถ้าฟังคำสัมภาษณ์จาก คอรีย์ ไพรซ์ (Corey Price) รองประธาน Pornhub ที่เคยเล่ากับเว็บไซต์ Benzinga ในปี 2017 จะพบว่า…จุดเปลี่ยนที่ทำให้คนจดจำ Pornhub นอกจากพยายามพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในการรับชมใหม่ๆ เช่น การดูแบบ VR (Virtual Reality) แล้วนั้น

ตัว Pornhub มาเดินเครื่องแรง ๆ ในช่วงเปลี่ยนผ่านพฤติกรรมการเสพหนังโป๊แบบแผ่น มาเป็นออนไลน์พอดี แถมเปิดให้ชมฟรี (แต่ก่อนบางเว็บหาดูฟรียาก) อยากได้ของดีค่อยสมัครพรีเมี่ยม 

ที่สำคัญ คือ Pornhub ใช้เทคนิคสร้าง ‘การมีส่วนร่วม’ จาก ‘คนเสพ’ เป็น ‘คนปัน’ โดยให้อิสระในการเปิดให้ใครๆ ที่อยากอัพโหลดคอนเท้นท์เสียวๆ เข้ามาแชร์ได้หมด

ยิ่งไปกว่านั้นยังได้เปิดให้คนเสพสามารถผันตัวเองมาเป็น ‘นักแสดง’ (UGC: User Generated Content) สร้างเองแสดงเองง่ายๆหรือเรียกให้ยิ่งใหญ่หน่อยได้ว่า ‘Pornhubber’ (คล้ายๆ กับ YouTuber นั่นแหละ)

หลังจากให้คนเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว Pornhub ก็ขอเข้าไปมีส่วนร่วมบ้าง ด้วยการนำระบบ AI เข้ามาศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้งานเพื่อให้คอนเท้นท์เข้าถึงความชอบแต่ละคน ตอบโจทย์รสนิยมส่วนตัวได้เชี่ยๆ

แท็กติคที่ดูเหมือน Simple ของ Pornhub มัน Impact และช่างละเมียดมากๆในยุคนู้น จนกวาด 50 ล้านผู้ใช้งานได้ภายใน 19 วัน

และนั่นก็ทำให้ Pornhub เติบโตจนในปี 2010 ไปต้องตาเจ้าพ่อนักสะสมเว็บโป๊ชาวเยอรมันอย่าง Fabian Thylmann ที่ใช้บริษัท MindGeek ของตนเข้าสู่ขอ Pornhub ไปจาก Matt Keezerด้วยราคาที่ไม่เปิดเผย

Fabian Thylmann มั่นใจว่ารายได้ของ Pornhub จะโกยค่าโฆษณา ขายแบนเนอร์โฆษณาต่าง ๆ รวมทั้งเก็บค่าสมาชิกพรีเมียมรายเดือนได้เป็นกอบเป็นกำ

อย่างที่บอกไปว่า ‘สิ่งประดิษฐ์ที่จับต้องไม่ได้’ สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายในยุคนี้ และก็อาจจะไม่จบที่กรณีแบบ Pornhub กับ Pokémon Go เท่านั้น เพราะในยุคที่อินเตอร์เน็ตเชื่อมให้ 7 พันกว่าล้านคนทั่วโลกพบปะกันได้ง่ายๆ ผ่านมือถือ โอกาสเกิดแชมป์เปี้ยนใหม่ๆ เข้ามาท้าชิง ก็เป็นไปได้ตลอดเวลา

ขอแค่สร้างสรรค์สิ่งที่ ‘เคลียร์’ กับ ‘จริต’ พื้นฐานของคนได้คือจบ...

.

ที่มา: 

Visualcapitalist 

ลงทุนแมน 

Ahead Asia

https://blog.capitalogix.com/public/2019/01/pornhub-by-the-numbers.html

Sensor Tower Store Intelligence

 

ส่องธุรกิจสุด ‘ซี้ด’ 64 ‘อิ่ม – ป่วย’ ช่วยดันยอด หลังทั่วโลกยังกอดโควิดแน่น

สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) พฤติกรรมบางอย่างเริ่มหายไป อย่างใครชอบช็อปปิ้งสินค้าฟุ่มเฟือย ก็เริ่มเบาๆ ลง และเก็บเงินมาให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นความจำเป็นและความมั่นคงต่อชีวิตมากขึ้น

ปีหน้า (พ.ศ.2564) ใครประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าในกลุ่มอุปโภคและบริโภค จึงถูกมองว่ามีโอกาสเติบโตต่อได้ไม่ยากจากผลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้ประเมินถึงกลุ่มธุรกิจสุดซี้ดในปี 2564 ซึ่งมีอยู่ 2 กลุ่มเกี่ยวเนื่องที่จะเติบโตต่อได้ดีในยุคที่หลายประเทศยังกอดโควิดไว้แน่น

โดยคาดว่า อุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ (ยา) และ อุตสาหกรรมอาหาร ของไทยจะเป็นเรือธงไว้ฝ่าคลื่นโควิด-19 ได้อย่างต่อเนื่อง หลังตลอดทั้งปีพ.ศ.2563 นั้น มีการขยายตัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เมื่อเทียบจากปีก่อน

ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมถุงมือยางปีพ.ศ.2563 ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.2 เมื่อเทียบจากปีก่อน จากความต้องการใช้งานทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดประเทศสหรัฐอเมริกา / สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น 

ส่วนอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) คาดว่าทั้งปีพ.ศ.2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยได้รับอานิสงส์จากการสำรองสินค้าทั้งตลาดในประเทศและส่งออก ทั้งนี้อุตสาหกรรมที่จะได้รับผลบวกจากทั้ง 2 กลุ่มที่เติบโตได้ดี เชื่อว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดที่ใช้ในครัวเรือน ที่คาดว่าในปีพ.ศ.2563 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบจากปีก่อน เช่น...

ความต้องการใช้สินค้าประเภทตู้เย็น เตาอบไมโครเวฟและกระติกน้ำร้อน เนื่องจากผู้บริโภคยังมีความต้องการสำรองอาหารสดไว้ที่บ้านเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการมีการลดราคาสินค้า ส่วนเครื่องซักผ้ามีการส่งออกไปตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้อุตสาหกรรมหลัก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และยางล้อ อุตสาหกรรมปิโตรเลียมอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าก็เริ่มฟื้นตัวตามปัจจัยการฟื้นตัวของการบริโภคของภาคเอกชนหรือครัวเรือน บวกกับแรงส่งของการจ้างงานที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะใกล้เคียงปกติแล้ว ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เริ่มกลับมาดีขึ้น รวมถึงมาตรการภาครัฐที่มีโครงการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ 

.

ที่มา: สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.)

ที่มาภาพ: www.dmc.tv

 

จีนพร้อมรับมือ "ความบ้าคลั่ง" ครั้งสุดท้ายของทรัมพ์

ยังคงป่วนต่อเนื่อง สำหรับประธานาธิบดีเฝ้าทำเนียบคนปัจจุบัน อย่างโดนัลด์ ทรัมพ์ ที่คงเหลือเวลาในตำแหน่งอีกเพียงแค่เดือนกว่าๆ ก่อนที่จะต้องลาจากทำเนียบไปในเดือนมกราคม ปีหน้า

ถึงจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ทรัมพ์ก็ยังคงมีอำนาจเต็ม ที่ยังสามารถใช้ปากกาเป็นอาวุธในการเซ็นคำสั่งประธานาธิบดีได้อยู่ ซึ่งล่าสุดในเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา ทรัมพ์ก็ได้ตวัดปากกาเซ็นคำสั่ง ห้ามชาวอเมริกัน ไม่ว่าใครก็ตามเข้าไปลงทุนร่วม หรือทำธุรกิจกับบริษัทจีน 31 แห่ง ที่ฝ่ายกลาโหมของสหรัฐรายงานว่า เป็นบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพจีน

บริษัทจีนทั้ง 31 แห่งนี้ นอกจากจะมี Huawei และ China Telecom แล้ว ก็ยังมีบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสาร พัฒนายานยนต์ ขนส่ง ทางรถไฟ และเทคโนโลยีอากาศยาน ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของประเทศไหนก็ตาม

คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 มกราคม ค.ศ.2021 ก่อนวันสุดท้ายที่ทรัมพ์จะต้องลาตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ค.ศ.2021ไม่กี่วัน

พอทรัมพ์เซ็นคำสั่งเปรี้ยงลงมาเช่นนี้ ก็ไม่ต่างจากคนที่หยิกเล็บ เจ็บเนื้อตัวเองเหมือนกัน เพราะโลกเราทุกวันนี้มีการลงทุนหลายรูปแบบ ถึงจะไม่ได้ลงทุนร่วมกันตรง ๆ ก็อาจจะมีการลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือหุ้น ที่ผูกรวมกันหลายชั้น ซับซ้อนกันมากมาย ก็จะมาเดือดร้อนบริษัทอเมริกันที่ต้องมาตรวจเช็คว่า ได้ร่วมทุนกับบริษัทจีนที่อยู่ในลิสต์ต้องห้ามของทรัมพ์ผ่านช่องทางใด ช่องทางหนึ่งหรือไม่

ซึ่งคำสั่งนี้ เป็น Executive Order ฉบับแรกที่ทรัมพ์เซ็น หลังจากที่ผ่านช่วงเลือกตั้งมาแล้ว และหลายฝ่ายก็เริ่มเกรงว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในตำแหน่ง ท่านทรัมพ์ จะสำแดงฤทธา ดั่งเพลิงพิโรธอะไรอีก

และวันนี้สื่อตะวันตก ได้อ้างอิงรายงานของ Global Times สำนักข่าวของรัฐบาลจีน ที่ออกมาฟันธงว่า ทรัมพ์กำลังเตรียมทิ้งบอมบ์ลูกโต เพื่อเล่นงานจีนเป็นการทิ้งทวนก่อนลาตำแหน่งที่จะสร้างปัญหาหนัก(ใจ) ให้กับโจ ไบเดน ที่จะต้องมารับช่วงต่อจากเขา

และนอกจากจะแบนบริษัทชั้นนำของจีนแล้ว ไมค์ ปอมเปโอ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ออกสื่อในช่วงเวลาใกล้เคียงกันว่า สหรัฐไม่เคยรับรองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ซึ่งถือเป็นการยั่วยุขั้นสุด ที่เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายของความสัมพันธ์ระหว่างจีน - สหรัฐ

การเคลื่อนไหวในช่วงสุดท้ายของรัฐบาลทรัมพ์นั้น ศาสตราจารย์ เฉิน อี้ จากภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ได้ให้ความเห็นกับทาง Global Times ว่า ทรัมพ์ต้องการที่จะวางยาไบเดน ด้วยการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับ สหรัฐทุกรูปแบบ ก่อนจากไป เนื่องจากทรัมพ์ดำเนินนโยบายต่อต้านจีนมาตั้งแต่ต้น ที่มีชาวสหรัฐจำนวนไม่น้อยชอบเสียด้วย และยกให้เป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของเขา ทรัมพ์ยังเคยโจมตีไบเดนว่าเป็นพวกนิยมจีน และหากโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อไหร่ ชาวอเมริกันก็เตรียมตัวไปเรียนภาษาจีนได้เลย

ดังนั้นหากไบเดน ขึ้นมารับตำแหน่งมีอำนาจเต็มเมื่อไหร่ จะเซ็นถอนคำสั่งของทรัมพ์ก็ได้ แต่ก็จะถูกโจมตีว่า ออกคำสั่งเอื้อผลประโยชน์ให้จีน แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น นโยบายของทรัมพ์ก็จะมีผลผูกพันกับไบเดน ที่จะต้องเล่นตามเกมที่ทรัมพ์วางหมากไว้ ไม่ว่าทางไหนก็ดูไม่ดีทั้งนั้น

แต่สำหรับจีน ก็ยืนยันว่าพร้อมเสมอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหน ซึ่งตอนนี้จีนก็กำลังจับตามมองพื้นที่เขตไต้หวัน ที่คาดว่าสหรัฐน่าจะใช้กลยุทธทางทหารเข้ากดดัน และทางจีนก็ประกาศชัดเจนว่ายอมไม่ได้เสียด้วย

ดังนั้นคงต้องมาดูกันแล้วว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในวาระของประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐว่าจะระเบิดความบ้าคลั่ง ดั่งเพลิงพิโรธ ได้ร้อนแรง ปั่นป่วนถึงใจจนหยดสุดท้ายได้ขนาดไหนกัน

.

แหล่งข่าว

Global Times

https://www.globaltimes.cn/content/1206986.shtml

Independent UK

https://www.independent.co.uk/news/world/americas/us-politics/global-times-china-trump-beijing-b1724582.html

News Week

https://www.newsweek.com/china-preparing-trumps-final-madness-before-biden-state-media-says-1547907

New York Times

https://www.nytimes.com/2020/11/12/business/economy/trump-china-investment-ban.html


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top