Tuesday, 14 May 2024
THE STATES TIMES TEAM

ตรงไหนดี พี่จะรับไปพิจารณา

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ที่พรรคประชาธิปัตย์  นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงร่างรัฐธรรมนูญที่ได้ผ่านการลงมติจากที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวาระที่หนึ่ง จำนวน 2 ร่าง ไปเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ว่า ต้องถือว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญในเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ประกาศไว้ชัดตั้งแต่แรกเมื่อครั้งร่วมรัฐบาล คือการแก้มาตรา 256 และต่อมามีการเพิ่มเติมให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งประสบความสำเร็จมาอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญ แต่คงไม่หยุดเพียงเท่านี้เพราะทุกฝ่ายยังต้องหาความเห็นชอบร่วมกันในวาระที่สองในชั้นคณะกรรมาธิการฯ และยังมีวาระที่สามที่เสียงของสมาชิกวุฒิสภา 1 ใน 3 ที่ต้องร่วมกันทำให้สำเร็จ เพราะเราจะต้องทำให้เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน และประเทศ ภายใต้การปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายราเมศ กล่าวต่อว่า การหาความเห็นพ้องจากประชาชนก็เป็นส่วนสำคัญ ในชั้นกรรมาธิการฯนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเสนอให้รับฟังเสียงจากประชาชนให้มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม ซึ่งจะมีผลต่อการทำประชามติที่จะเป็นไปในทิศทางที่ดี 

ส่วนร่างของภาคประชาชนหรือไอลอว์ ตนไม่อยากให้มองว่าถูกปัดตกไปทั้งหมด ความตั้งใจทำในส่วนที่ดีที่เป็นประโยชน์ ก็จำเป็นต้องนำมาประกอบการพิจารณา อาจมีบางประเด็นที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ส่วนไหนรับได้ส่วนไหนรับไม่ได้ก็ควรหยิบยกมาพูดคุยกันก็จะเกิดประโยชน์

อย่างไรก็ตามใน 11 ประเด็นของร่างไอลอว์ มีบางประเด็นที่น่าสนใจและควรหยิบยกมาพูดคุยกันในชั้นกรรมาธิการฯ เช่นกรณีของท้องถิ่น การแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น และกระจายอำนาจอย่างแท้จริง นอกจากนั้นยังอยากให้กรรมาธิการฯนำผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯที่มีนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธาน มาประกอบการพิจารณาด้วย  

 

คนละครึ่ง เท่าไหร่ก็ไม่พอ!

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการคลังได้ประกาศให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเพิ่มเติมอีกครั้ง รอบที่ 3 จำนวน 722,598 สิทธิ์ โดยเป็นการรวบรวมสิทธิ์คงเหลือจากผู้ลงทะเบียนที่ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิในรอบที่ผ่านมา

โดยจะเปิดลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 6:00 น. ซึ่งพบว่า เวลา 07.25 น. เหลือ 0 สิทธิแล้ว ดังนั้นผู้ที่ลงทะเบียนไม่ทันจะต้องรอการประกาศเพิ่มเติมจากกระทรวงการคลังอีกครั้งว่า จะเปิดให้ลงทะเบียนอีกครั้งหรือไม่

19 พฤศจิกายน...วันส้วมส้วม

‘เรื่องส้วม...เรื่องใหญ่’ ใครว่าไม่ใหญ่ ลองอั้นฉี่ ไม่เข้าห้องส้วมให้ได้ครึ่งวัน เราจะมอบเหรียญทองโอลิมปิกด้านกลั้นฉี่ให้ไปเลย

วันนี้ถูกยกให้เป็น 'World Toilet Day' หรือภาษาไทยแบบตรงไปตรงมาก็คือ 'วันส้วมโลก' เกิดขึ้นจากองค์การสหประชาชาติอยากให้ผู้คนทั่วโลก ตระหนักถึงปัญหาการสุขาภิบาล เนื่องจากมีสถิติบ่งชี้ว่า ผู้คนทั่วโลกในวันนี้กว่า 4.5 พันล้านคน มีส้วมหรือห้องน้ำที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ตลอดจนการที่ต้องประสบกับโรคภัยด้านทางเดินอาหารมากมาย

ด้วยเหตุนี้ จึงมีการกำหนดให้วันที่ 19 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันรณรงค์ให้ผู้คนได้ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ร่วมกัน แถมยังตั้งเป้าว่า ในปี ค.ศ.2030 หรืออีก 10 ปีข้างหน้า ปัญหาการสุขาภิบาลของโลกจะต้องหมดไป หรืออย่างน้อย ผู้คนต้องมีสุขอนามัยเรื่องการขับถ่ายที่ดีขึ้นกว่านี้

.

อ้างอิง: https://innovativeplumbingpros.com/world-toilet-day-sanitation-awareness/

Thailand is the land of compromise.

The States Times ได้รวบรวมความพยายามรัฐบาลไทย ปรองดองแต่ไหนถามใจเธอดู!!

'EYETA' พลิกชีวิตติดลบ สู่ยูทูบเบอร์เงินล้าน

‘ยูทูบเบอร์’ อาชีพแห่งโลกยุคดิจิทัลที่ใคร ๆ ก็เป็นได้ เพียงแค่มีกล้องหรือสมาร์ทโฟนพร้อมถ่ายทอดเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอภายในเวลาไม่กี่นาที ชื่อเสียงและรายได้กลายเป็นปัจจัยที่ดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้หันมาประลองฝีมือด้านนี้กันมากขึ้น แต่ท่ามกลางการแข่งขันที่มียูทูบเบอร์เกิดใหม่ในทุก ๆ วัน ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในสมรภูมินี้ได้นั้นก็ต้องมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใครจริง ๆ

‘ศรสวรรค์ ใจมั่น’ หรือ EYETA (อายตา) ยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์ ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอเริ่มจากการเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์เขียนกระทู้รีวิวผ่านเว็บไซต์ Pantip.com ในชื่อ ‘อายตาห้าบาท’ ก่อนจะหันมาผลิตคอนเทนต์ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กและยูทูบ ระหว่างนี้เองที่เธอมองเห็นโอกาสจากแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำเพื่อมาทำแชนแนลของตัวเองอย่างเต็มตัว

ในวันนี้หลายคนรู้จักอายตาในฐานะยูทูบเบอร์สาวสวยอารมณ์ดีที่ส่งมอบความสุขให้ผู้ชม แต่เบื้องหลังรอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยทัศนคติที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในชีวิต คลิปวิดีโอของอายตามักถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะคลิปนำเงินสด 1 ล้านบาทไปให้แม่ รวมถึงคลิปการเปิดเผยเรื่องราวชีวิตที่ยากลำบากในวัยเด็กเพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจไปยังผู้ติดตามของเธอ

“อายตามองว่าคอนเทนต์ของเรามันคู่ควรกับคน 1 ล้านคนที่จะเห็นหรือยัง มันได้ให้อะไรเขาหรือเปล่า เพราะคนเหล่านี้แหละที่ให้อาชีพอายตา ทำให้อายตามีเงินซื้อบ้านให้แม่ ทำให้อายตาได้อยู่สุขสบาย คลิปวิดีโอของเรามันคุ้มค่ากับ 10 นาทีที่เขาจะเสียเวลาเข้ามาดูหรือเปล่า”

The State Times Lite พาไปพูดคุยกับ ‘อายตา’ ยูทูบเบอร์เงินล้านตัวจริงเสียงจริง พร้อมทำความรู้จักตัวตน ทัศนคติในการใช้ชีวิต รวมถึงเคล็ดลับของการทำงานเป็นยูทูบเบอร์มืออาชีพ แล้วคุณจะรู้ว่าทุกความสำเร็จไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!


Q: จุดเริ่มต้นของ ‘อายตาห้าบาท’ และการเขียนกระทู้รีวิวในเว็บไซต์ Pantip.com

A: คำนี้เป็นชื่อที่ใช้ในเกมออนไลน์เวลาเล่นกับเพื่อน ชื่อสั้น ๆ มีคนใช้ไปแล้ว อายตาเลยคิดว่าใช้อะไรดีให้มันคล้องจองกัน ‘อายตาห้าบาท’ ละกัน แล้วก็ใช้เป็นชื่อล็อกอินใน Pantip ด้วย ตอนนั้นเรายังไม่เป็นที่รู้จักนะ ก็เหมือนผู้ใช้ทั่วไป นาน ๆ ทีถึงจะตั้งสักหนึ่งกระทู้ Pantip มีห้องโต๊ะเครื่องแป้งที่ดังมาก เราเห็นคนอื่น ๆ ไปซื้อหรือลองใช้ผลิตภัณฑ์นู้นนี่แล้วมาเขียนแชร์กัน เรารู้สึกว่ามันเข้าถึงง่ายดี ไม่จำเป็นต้องเป็นสื่อก็เขียนกระทู้ได้เหมือนกัน ก็เลยลองเขียนบ้าง แต่ตอนนั้นทำเป็นงานอดิเรกนะคะ หลังจากออกจากงานประจำมันมีเวลาว่างเยอะขึ้น ก็เลยมานั่งเขียน ถ่ายรูป ทำมาเรื่อย ๆ เลยค่ะ 

Q: ตอนนั้นเปิดช่อง Youtube ของตัวเองแล้วหรือยัง

A: ไม่ค่ะ อายตาเขียนเหมือนกระทู้นี่แหละ แต่ทำลงใน Facebook ทำโพสต์รูปที่เขาเรียกว่า ‘Tutorial How To แต่งหน้า’ ลงรูปสอนแต่งหน้าทีละสเต็ปแล้วก็เขียนบรรยาย เขียนเป็นบล็อก หลังจากนั้นเกือบปีมีการประกวดบิวตี้บล็อกเกอร์ เราต้องทำวิดีโอเข้าไปร่วมกิจกรรม นั่นเป็นครั้งแรกที่อายตาได้ทำวิดีโอ ก็ใช้มือถือถ่ายแล้วมานั่งตัดต่อ ตัดเองในคอมฯ เราก็ตัดไม่เป็นหรอก ก็เสิร์ชหาวิธีเอาว่าเขาใช้โปรแกรมอะไรที่ทำได้ง่ายๆ บ้าง เป็นครั้งแรกที่ได้โปรดิวซ์วิดีโอของตัวเอง ครั้งนั้นก็ไม่ชนะหรอก ได้เข้ารอบ 2 แต่ได้ประสบการณ์เยอะดี จากคนที่ไม่ได้ถ่ายวิดีโอเลย ไม่เคยทำตัดต่ออะไรเลย ซึ่งนั่นเป็นการเริ่มทำ Youtube ของอายตาในเวลาต่อมาค่ะ

Q: อายตามองเห็นโอกาสอะไรบนโลกออนไลน์ที่ทำให้รู้สึกว่าต้องหันมาจริงจังและหารายได้จากช่องทางนี้

A: อายตามองว่าโอกาสมันมีอยู่เยอะมาก ตอนแรกที่เริ่มทำ อายตาทำด้วยความสนุกสนาน มีไอเดียอะไรก็ทำขึ้นมาเอง ไม่ได้มีแรงกดดันอะไร แล้วพอทำได้สัก 1-2 เดือน ก็เริ่มมีเอเยนซี่มาชวน “น้องอาย! แบรนด์นี้เขาจะมีเปิดตัวผลิตภัณฑ์นะ ที่นี่ห้างนี้ น้องอายแวะไปไหม” เราเลยรู้สึกว่า ไอ้ที่เราทำอยู่ เขารู้จักเราด้วย เขารู้จักชื่อเรา แบรนด์ใหญ่ขนาดนี้ชวนเราไปงาน ก็ดีใจนะ ได้ไปเปิดโลก ได้เจอบิวตี้บล็อกเกอร์ท่านอื่น ๆ ได้เจอเอเยนซี่ ได้เจอแบรนด์ โอเค เราอาจไม่ได้ดังแบบดาราฮอลลีวู้ด แต่ก็มีคนรู้จักเรามากกว่าแต่ก่อน ทำให้เรามีเพื่อนในวงการนี้มากขึ้น แล้วก็เปิดโลกทัศน์มากขึ้น เวลาไปอีเว้นท์ เราได้เจอเขา ได้เม้าธ์มอย ทำให้อายตารู้สึกว่าเออจริง ๆ บิวตี้บล็อกเกอร์มันสามารถทำให้ก้าวหน้าต่อไปได้นะ มันไม่ใช่แค่เราอยู่ในห้อง เราทำคลิปอยู่คนเดียว มันยังมีสังคม มีงานและมีเม็ดเงินของมัน

Q: รู้สึกกดดันไหมที่ได้เจอยูทูบเบอร์มืออาชีพคนอื่น ๆ ในขณะที่เราเพิ่งเริ่มต้นทำ

A: อายตาไม่กดดันเลย อาจเพราะอายตาไม่ใช่คนที่มีความรู้สึกแบบ ฉันไม่ชอบคนนั้น! ฉันเกลียดคนนั้น! มันไม่ใช่ความรู้สึกแบบนั้น อายตาจะมองทุกคนแบบเป็นเพื่อน ๆ กันหมด ในชีวิตอายตาไม่เคยมีความเกลียดใครหรืออะไรแบบนั้น พูดแล้วโลกสวยมาก (หัวเราะ) อาจเพราะตอนเด็ก ๆ อายตาเติบโตมาในครอบครัวที่จนมากเสียจนอายตาไม่ได้มีคู่แข่งในชีวิต เราอยู่เบื้องใต้ที่สุดของโลกใบนี้แล้ว เราจนที่สุด เราแย่ที่สุด เราอยู่สลัมที่สุด เราเลยไม่ได้มองว่าต้องไปแข่งกับใคร เราก็ทำงานของเราไป ไม่เป็นไรหรอกถ้าเราไม่ได้ดีกว่าเขา แต่เราก็ดีกว่าตัวเราเมื่อก่อนก็พอแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่ากดดันขนาดนั้น อายตากลับรู้สึกดีใจเสียอีกที่ได้เจอคนอื่น ๆ เพราะเวลาอายตาถ่ายวิดีโอ ส่วนมากทำอยู่ที่บ้านหรือสตูดิโอ ไม่ได้มีเพื่อนร่วมงานเยอะ แล้วการที่เจอคนอื่นมันเป็นการเปิดโลกเหมือนกัน โอ้ย! เจอมนุษย์คนอื่นแล้ว เพราะปกติอยู่บ้านทำงานคนเดียวมาตลอดจนน้ำลายบูดแล้ว

.

Q: หลังได้เข้าสู่วงการนี้แล้ว มองว่าสิ่งที่ยากที่สุดของการเป็นยูทูบเบอร์คืออะไร 

A: ช่วงเริ่มทำเป็นช่วงที่ยากที่สุดเลย เพราะการเริ่มต้นสิ่งใหม่อะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะทำ Youtube หรือทำงานอื่นก็ตามมันยากมาก คนถามเยอะมากว่า “พี่อายตา หนูอยากเป็นยูทูบเบอร์บ้าง หนูอยากเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ หนูต้องทำยังไง ช่วงแรก ๆ วิวไม่ขึ้น ไม่มีใครดูวิดีโอหนูเลย” ตรงนี้คือสิ่งที่ยากมาก แต่ก็ต้องทำ สิ่งที่อายตารู้คือ เราต้องขยัน เราต้องมีความสม่ำเสมอในงานของเรา บางคนมีไฟเยอะมาก หนูจะทำไอเดียนี้ แต่หนูมีไอเดียแค่หนึ่งคอนเทนต์ แล้วไม่ลงอะไรอีกเลย คนจะลืมเราไป เพราะบนโลกนี้มีอินฟลูเอนเซอร์ให้เขาติดตามเยอะมาก อายตามองว่าสิ่งที่ยากที่สุดก็คือความสม่ำเสมอและความขยัน โดยเฉพาะงานนี้เป็นงานอิสระ ไม่มีเจ้านายประเมินปลายปี ไม่มีการขึ้นเงินเดือน เพราะฉะนั้นจะทำยังไงให้เราอยากตื่นเช้าแล้วลุกมาทำงาน บางคนพอไม่มีใครมาคอยตรวจงานก็จะกลายเป็นขี้เกียจไปเลย

Q: เชื่อว่าก่อนหน้านี้อายตาเองก็เคยผ่านการลองผิดลองถูกในการทำคอนเทนต์มาหลายครั้ง

A: การลองผิดลองถูกเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าเราไม่ลอง ถ้าเราไม่ผิดพลาด เราก็จะไม่รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์กหรือไม่เวิร์ก อย่างน้อยถ้าเราลองไป 10 ครั้งแล้วมันไม่เวิร์กเลยทั้ง 10 ครั้ง เราก็จะได้รู้ว่าทั้ง 10 คอนเทนต์นี้ไม่เวิร์กสำหรับเรานะ แต่มันจะต้องมีอะไรที่มันเวิร์กสำหรับเราบ้างแหละ เราแค่ยังไม่เจอ การที่เราอาจจะยังไม่ดัง คนตามไม่เยอะหรือคอนเทนต์ยังไม่ปัง ไม่ได้หมายความว่าเราล้มเหลวหรือผิดพลาด เหมือนคนที่เรียนจบแล้วแต่งงานเลย เขาอาจเจอคนที่ใช่ได้เร็ว แต่เราอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ บางคนอายุ 50, 60, 70 ปีก็ยังแต่งงานใหม่อยู่เลย 

Q: แสดงว่าเคล็ดลับของอายตาคือการค้นหาสไตล์ของตัวเอง

A: บางทีคนเราสมัยนี้กดดันตัวเองว่าทำอันนี้แล้วจะต้องได้ยอดผู้ติดตามเท่านี้ ยอดแชร์เท่านี้ แล้วก็กดดันตัวเองจนสูญเสียความเป็นตัวเองไป แต่อายตาอยากจะแนะนำว่าสิ่งที่ดีที่สุดของการเป็นยูทูบเบอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์คือ ต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง แน่นอนว่าการลองนู่นลองนี่มันดี เพื่อให้เรารู้ว่าอะไรที่ใช่และอะไรที่ไม่ใช่สำหรับตัวเอง อายตาเองก็เคยลอง บางทีไปเห็นของคนอื่น อุ้ย! เขาทำอันนี้เก๋ว่ะ เดี๋ยวเราลองบ้างว่าทำแล้วจะสนุกไหม เราทำแล้วจะถูกจริตกับเราไหม เราก็ต้องเอามาปรับใช้ แต่อย่าเปลี่ยนไปเรื่อยจนลืมว่าเราเป็นยังไง บุคลิกเราเป็นยังไงหรือว่าไอเดียที่แท้จริงที่เราอยากทำมันเป็นยังไง เพราะท้ายที่สุดถ้าเราพยายามเปลี่ยนจนเสียความเป็นตัวเอง เราจะทำสิ่งนั้นได้ไม่นาน แต่ถ้าเรามีความสุขกับการทำคอนเทนต์แบบตัวเอง เฮ้ย! เราทำแบบนี้แล้วเริ่ด คนดูชอบ เราจะอยู่ได้นานและมีความสุขมากในทุกๆ วัน อายตาไม่เคยตื่นมาวันไหนแล้วรู้สึกว่าไม่อยากเป็นยูทูบเบอร์ แม้บางทีวิวมันน้อย บางที Engagement มันน้อย แต่อายตารู้สึกว่านี่เป็นสิ่งที่อายตาชอบและอายตาหาสิ่งที่อายตาชอบเจอแล้ว อายตามีความสุขในทุก ๆ วัน ก็เลยอยากให้ทุกคนหาสไตล์ของตนเอง ถ้าวันหนึ่งเราเจอ เราจะมีความสุขกับการทำงานมากค่ะ 

.

Q: คิดว่าอะไรคือจุดเด่นที่ทำให้คอนเทนต์ของอายตามีผู้ติดตามมาตลอดระยะเวลา 5 ปี

A: ‘จุดเด่นของตัวเอง’ คือพูดไปก็เหมือนแบบว่าขายตัวเองเว่อร์ (หัวเราะ) ถ้าเราพยายามคิดเองว่าดิฉันมีจุดเด่นอะไร ดิฉันคิดว่าดิฉันเริ่ดในเรื่องของอะไร มันก็ยากใช่ไหมคะ แต่ส่วนมากอายตาจะได้รับฟีดแบ็คที่คนอื่นเขียนข้อความ Inbox มาหา  บอกว่าชอบที่อายตาเป็นคนตลก ก็ดีใจนะที่เราสร้างรอยยิ้มให้เขา ชอบที่อายตาเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา อย่างเวลาเรารีวิวสินค้าเนี่ย เราจะพูดตรงไปตรงมา ถ้ามีข้อเสียหรือใช้ไม่ค่อยดีอะไรแบบนี้ เราพยายามจะบอกความจริงกับเขา และอีกอย่างหนึ่งที่อายตาได้รับข้อความมาเยอะมากคือ เขาบอกว่าเราเป็นคนมั่นใจ ก็ไม่รู้ตัวนะว่าเป็นคนมั่นใจเพราะเป็นคนที่บุคลิกแบบนี้อยู่แล้ว มั่นหน้ามั่นโหนก เดินไปฉันสวย เขาชอบที่เราพูดจาฉะฉาน พูดจาเต็มเสียง ฟังรู้เรื่อง เออ! มันน่าจะเป็นข้อดีของเราแหละ

Q: มีวิธีการรับมือกับดราม่าและคอมเม้นท์ด้านลบอย่างไรบ้าง

A: คอมเม้นท์ด้านลบมันมีกับทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร สวยเพอร์เฟกต์แค่ไหนก็ตาม เพราะว่าทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ตรงนี้เราต้องพยายามทำความเข้าใจ ตอนที่อายตาเจอฟีดแบ็กด้านลบในช่วงแรก ๆ ของการทำงาน อายตาไม่ค่อยเข้าใจ อายตางง ร้องไห้ทั้งวัน ไม่ออกไปไหน ร้อง ๆๆๆๆ เพราะเรารู้สึกว่าเราพยายามทำคอนเทนต์สนุก ๆ  ออกไป ทำไมถึงมีคนที่เขาไม่ชอบ แต่เราลืมไปว่าเราจะไปทำให้ทุกคนชอบเราได้ยังไง เพราะทุกคนเขามีความคิดเห็นของตัวเอง เอาง่าย ๆ แค่บางเพลง ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบเพลงสไตล์นี้ เพราะฉะนั้นไม่สามารถที่จะทำให้ทุกคนรักเราได้หรอก แต่เราสามารถที่จะปรับปรุงตัวได้ พอช่วงหลัง ๆ อายตาโตขึ้น รู้สึกว่ารับฟีดแบ็กด้านลบได้ดีขึ้น ต้องแยกแยะว่าอันนี้ที่เขาพูดน่ะมันจริงไหม เราจะพัฒนาหรือปรับปรุงตรงไหนได้บ้าง ช่วงปีหลัง ๆ คนในโลกโซเชียลมีการใช้วิจารณญาณมากขึ้น คนรุ่นใหม่ใช้ทวิตเตอร์เวลาเขาพูดถึงอะไร จะไม่ค่อยเป็นการด่าแล้ว แต่เป็นการวิจารณ์ผลงานให้เราปรับแก้มากกว่า แต่มันก็จะมีประเภทของคนที่พิมพ์ไปเรื่อย หนูก็พยายามแล้วค่ะ หนูแต่งหน้าได้ประมาณนี้ เต็มที่แล้ว คือเราก็พยายามปรับปรุงให้สวยขึ้นก็ถือว่าจุดสูงสุดแล้ว ถ้ามากกว่านี้ก็ต้องไปทุบหน้า ซึ่งเราก็ไม่อยากทุบแล้ว 

.

Q: มีคลิปวิดีโอที่เป็นไวรัลและถูกพูดถึงมาก เมื่ออายตาตัดสินใจเล่าเรื่องชีวิตที่เคยลำบากของตัวเอง ซึ่งไม่เคยบอกใครมาก่อน ตัดสินใจนานไหมกว่าจะทำคลิปนี้

A: ตัดสินใจนานมาก เป็นปีค่ะ ไม่ได้ตัดสินใจว่าฉันจะทำหรือไม่ทำดีนะ แต่เป็นความรู้สึกที่ค่อย ๆ ก่อขึ้นมา เพราะตอนที่อายตาเรียนมัธยมฯ จนถึงมหาวิทยาลัย เพื่อนคนอื่นจะไม่ค่อยมีใครรู้หรอกว่าอายตามาจากครอบครัวที่จน เราเคยอยู่สลัม เราเคยไม่มีข้าวกิน เพราะเราไม่กล้าพูด เราไม่กล้าบอกเพื่อน เรารู้สึกว่าการจนน่ะไม่เก๋ (หัวเราะ) เราก็ทำตัวปกติ แต่พอถึงจุด ๆ หนึ่งที่เราโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เรารู้สึกว่าเฮ้ย! จริง ๆ จุดนั้นอ่ะ ที่เราลำบาก ที่เราเคยต้มมาม่าคลุกข้าวกินกับพี่สาวที่สลัมน่ะ มันทำให้เราแข็งแกร่งนะเว้ย แล้วทำไมเราถึงไม่อยากพูดเมสเสจนี้ให้คนอื่นได้ยินล่ะ มันเก๋ออก อายตาแย่ขนาดนี้  อายตายังดูแลแม่ได้ ยังเป็นผู้เป็นคนได้ 

ตอนแรกเราก็กลัวว่าคนจะไม่เข้าใจ คิดว่าเราดึงดราม่าเพราะช่องของอายตาจะเป็นเรื่องตลกโปกฮา แต่แฟนของอายตาพูดมาคำหนึ่งว่า “การที่เธอทำวิดีโอนี้ เธอถ่ายเอง เธอตัดต่อเอง ถ้าวิดีโอนี้เผยแพร่ออกไป แล้วมันสร้างแรงบันดาลใจ เปลี่ยนความคิด หรือเปลี่ยนชีวิตคนได้แค่หนึ่งคน มันก็คุ้มแล้วนะ เธอคิดว่าไม่ควรค่าที่จะทำหรือ?” อายตาเลยคิดว่าทำไมเราถึงไม่อยากทำสิ่งนี้ให้คนอื่นล่ะ คนอาจจะเข้าใจผิดก็ไม่เป็นไร ช่างเขาเถอะ แต่ถ้ามันจะเปลี่ยนชีวิตคนแค่หนึ่งคน มันก็คุ้มแล้วกับการทำวิดีโอ เพราะอายตาแค่นั่งเล่า 20 นาทีจบ เสร็จแล้ว! ไม่ได้เสียอะไรเลย นั่นแหละเป็นจุดที่ทำให้เราทำวิดีโอนั้นค่ะ

คลิปวิดีโอ : เล่าประสบการณ์ชีวิต เคยอยู่สลัม เป็นเด็กเดินยา ยากจน ไม่มีข้าวกิน ครอบครัวแตกแยก 

Q: ถือเป็นการปลดล็อกตัวเองได้ไหม

A: ใช่ มันเป็นการปลดล็อกตัวเองเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนก็ไม่กล้าบอกใครเขาหรอกว่า แม่เป็นคนใช้ อายเขา แต่ว่าตอนนี้ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็อาชีพหนึ่งเหมือนกัน กลายเป็นเรื่องขำ ๆ ในอดีต ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องภูมิใจในความจนของตัวเอง แต่แค่อยากจะเล่าให้ฟังว่าอายตาโตขึ้นประมาณนี้นะ อย่าไปพยายามเปลี่ยนความเป็นตัวของตัวเองเลย เราอาจเปลี่ยนไม่ได้ ณ ตอนนั้น แต่เราสามารถปรับปรุงมันได้นะ สามารถทำให้มันดีขึ้นได้

Q: มีอีกคลิปวิดีโอหนึ่งที่น่ารักมาก อายตาหอบเงินสด 1 ล้านบาทไปซ่อนไว้ในบ้านคุณแม่

A: อย่างที่บอกคืออายตามาจากครอบครัวที่จน แม่ไม่เคยมีบ้าน ไม่เคยได้เงินเยอะ ๆ แม่เป็นแม่บ้านทำความสะอาดบ้านคนรวย เหมือนที่เราเห็นในละคร มีคุณนายแล้วก็คนใช้แจ๋วอะไรแบบนั้น แม่ก็ไม่ได้เงินเยอะอะไรมากมาย พอวันเกิดแม่อายตาก็เลยไปถอนเงินมา เพราะแม่จะดีใจมากที่ได้เงินเยอะ ๆ ไม่ใช่ว่าหน้าเงินนะ แต่แม่ไม่เคยจับเงินเป็นก้อน ๆ ไม่เคยรู้ว่าเงินเป็นล้านมันเป็นแบบนี้ 10 ก้อนมันคือ 1 ล้านเหรอ ก็เลยลองดูสิว่าจะเป็นยังไง (หัวเราะ) แม่อายตาจะได้ภูมิใจว่าเราทำงานได้แล้วนะ เราสามารถให้เงินแม่ได้เลย ไม่ได้ลำบากแล้วนะ แล้วเขาก็เอาเงินไปซื้อสลากออมสิน (หัวเราะ) 

.

 

.

คลิปวิดีโอ : ???????? เซอรไพรส์แม่ให้เงิน 1 ล้านบาท!!???? จะได้เงินล้านทั้งทีเหนื่อยหน่อยนะ เพราะลูกเอาไปซ่อนไว้5555???? 

.

Q: ตั้งแต่วันที่ฝ่าฟันความยากลำบากด้วยกันมา ปัจจุบันอายตาเป็นยูทูบเบอร์ที่ประสบความสำเร็จแล้ว แม่เคยบอกไหมว่าภูมิใจในตัวเรา 

A: เมื่อก่อนไม่ค่อยคุยกัน ตอนเด็ก ๆ แม่เป็นคนที่ดุมาก แม่คนเดียวเลี้ยงลูก 2 คน อายตามีพี่สาวอีกคนหนึ่ง แม่เครียดเพราะต้องแบกรับทุกอย่าง เขาจะตีด้วยไม้แขวนเสื้อ ฟาด ๆ จนเรากลายเป็นคนกลัวแม่มากเลยนะ ตอนเด็ก ๆ สมมติเลิกเรียนกลับมาบ้านก็ต้องรีบทำงานบ้านให้เสร็จ แม่จะถึงบ้านประมาณ 6 โมงเย็น เราจำเสียงเดินแม่ได้ เพราะอยู่แฟลตเล็ก ๆ เวลาแม่เดินต่อก ๆ อุ้ย! นี่ไงแม่มา แต่พอเราเรียนจบ เริ่มทำงานได้ ดูแลตัวเองได้ รู้สึกว่าความดุของแม่ลดน้อยลง แต่การคุยกันก็ยังไม่ค่อยจะมี พูดตามตรงเลยว่าเมื่อก่อนอายตาคุยกับแม่น้อยมาก เพิ่งมาคุยเยอะช่วงหลัง ๆ เพราะว่ามันมีเรื่องบางอย่างในครอบครัวที่เคยเกิดขึ้นช่วงประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว ทำให้อายตาเสียใจมาก เหมือนมันกระทบต่อความรู้สึกมาก อายตาเลยพูดกับแม่ทำนองว่า ทำไมอะไรแบบนี้มันต้องมาเกิดกับหนู เราสู้มาจนขนาดนี้แล้ว แม่ก็เข้ามากอด เราก็ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องสู้ต่อไป แล้วแม่บอกว่าเขาภูมิใจในตัวอายตามาก ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้คุยกับแม่ เป็นคนที่ตีมึนใส่กัน แต่เราก็รักกัน เขาก็รักเรา ถ้าเขาไม่รักก็คงไม่เลี้ยงอายตากับพี่สาวจนโตขนาดนี้ ตัวคนเดียวได้เงินเดือนแค่ 10,000 บาท ตั้งแต่วันนั้นทำให้ความสัมพันธ์กับแม่ดีขึ้น แล้วก็ทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย 

Q: ตัวตนของอายตาของในวันนี้ ถ้าให้คะแนนความแข็งแกร่งของตัวเองจะให้เท่าไร

A: โห! คนเรามันก็ไม่มีใครแข็งแกร่งขนาดนั้นไหมคะ (หัวเราะ) อายตารู้สึกว่าพอช่วงปีหลัง ๆ สามารถจัดการกับความรู้สึกได้มากขึ้น แต่ก่อนเราเป็นเด็กที่โตมาไม่ได้มีพ่อมีแม่ครบ เราขาดการอบรม เราเป็นคนโหวกเหวก ไม่ได้มีมารยาท ไม่ได้มีความเป็นกุลสตรีอะไรเลย พอโตขึ้นเราได้เจอสังคมเยอะขึ้น เรียนรู้ที่จะคิดก่อนพูด ถึงแม้ว่าอายตาจะมีภาพลักษณ์ในคลิปวิดีโอบ้าบอคอแตกไปเรื่อย แต่มันเป็นภาพที่เราอยากจะให้คนเห็นและมีความสุข อายตารู้สึกโชคดีมากที่มีคนรอบตัวเป็นคนดี ๆ มีแม่ มีเพื่อน มีผู้ช่วย มีแฟนที่เขาเป็นพลังงานดี ๆ รอบตัวเรา ถ้าอายตารู้สึกว่าใครมีพลังงานลบ อายตาจะไม่ค่อยยุ่งกับเขา แล้วก็ไม่ค่อยมีอารมณ์แบบฟีล Fight แล้ว (หัวเราะ) นี่เราแก่แล้วใช่ไหม

Q: ในฐานะยูทูบเบอร์ที่มีผู้หญิงติดตามเยอะมาก เมื่อทำคอนเทนต์เรื่องความสวยความงามจะช่วยสนับสนุนมุมมองให้ผู้หญิงมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นอย่างไรบ้าง

A: ไม่ว่าจะเป็นคนไม่สวยหรือว่าสวยมากแค่ไหน ก็จะมีความไม่มั่นใจบางอย่างในตัวเอง อายตาได้รับ Inbox มาเยอะมาก  “หนูอยากจะมั่นใจแบบพี่อายตา หนูอยากจะอย่างงั้นอย่างงี้” อยากจะบอกว่าทุกคนน่ะมีความสวยของตัวเองค่ะ มันฟังดูโลกสวยนะ แต่ทุกคนสามารถสวยได้จริง คือแค่เราทำตัวเองให้สะอาดสะอ้าน ผมเผ้าให้มันดูดี แต่งตัวตามกาลเทศะ มันก็สวยแล้ว แต่บางทีเราไปเห็นคนในออนไลน์ ในทีวี แล้วรู้สึกว่าคนนั้นก็สวย คนนี้ก็สวย เราอยากจะเป็นเหมือนเขาบ้าง แต่จริง ๆ เขาอาจมีการตกแต่งอะไรเพิ่มเติม ซึ่งทำให้คนที่ไถมือถือดูแล้วเข้าใจว่าอันนั้นเป็นมาตรฐานของความสวย 

ช่วงนี้อายตาอยากจะผลักดันคอนเซ็ปต์เรื่องนี้ด้วยการสร้างแฮชแท็ก #BeYourBest ย่อมาจาก “Be Yourself Best” ซึ่งแปลว่า “เป็นตัวเองให้ดีที่สุด” อายตาได้พยายามพูดในทุกวิดีโอของตัวเองแล้วก็ทำโปรเจกต์ขึ้นมาด้วย เพราะอายตาอยากจะทำให้ทุกคนอยากเป็นตัวเองให้ดีที่สุด ช่วงแรกของการทำ Youtube อายตาทำรีวิวพูดถึงเรื่องความสวยความงามทั่วๆ ไป แต่ช่วงหลัง ๆ อายตารู้สึกอิ่มกับการส่งต่อความสวยแล้ว อายตาอยากส่งต่อความสวยในสมองของเขาให้มากขึ้น การแต่งหน้าหรือการทำศัลยกรรมมันดีหมดแหละ แต่ถ้าเราสวยในแบบฉบับของเราล่ะ มันจะทำให้มีความสุขมากขึ้น สิ่งที่อายตาอยากจะบอกกับผู้หญิงทุกคนคือ ‘ความมั่นใจ’ เป็นสิ่งที่ทำให้คุณสวยมาก สวยกว่าหน้าตาที่สวยอีก  สมมติคนหน้าสวยมาก รูปร่างสวยมาก แต่ไม่มีความมั่นใจเลย นั่ง ยืน เดิน คุยกับใครก็ไม่กล้ามองหน้า มันก็ไม่สวยนะ แต่บางคนอาจไม่ได้สวยมาก แต่มีความมั่นใจเวลาเดิน หน้าตรง หลังไม่ค่อม ดูกระฉับกระเฉง มันดูมีความสวยขึ้นมาเลยนะ เหมือนการประกวดนางงามวัดที่ความมั่นใจและทัศนคตินั่นแหละ

Q: คำถามที่หลายคนอยากรู้ เป็นยูทูบเบอร์และบิวตี้บล็อกเกอร์มีรายได้ดีขนาดไหน 

A: บิวตี้บล็อกเกอร์สามารถรายได้ดีได้มาก และก็สามารถไม่มีจะกินเลยก็ได้ ขอบอกตรงนี้เลยนะว่า โอกาสที่ได้มา งานที่ได้ ลูกค้าที่รู้จัก ไม่ได้ลอยมาจากฟ้านะคะ มาจากการทำของเราเอง พูดง่าย ๆ สมมติเราอยากจะเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ เราสร้างเพจมาเพจหนึ่ง แต่เราไม่เคยลงคอนเทนต์อะไรเลย จะมีลูกค้ามาจากไหน เขาจะรู้ไหมว่าเราทำคอนเทนต์ประเภทไหนบ้าง เขาจะรู้ไหมว่าเรามีความคิดเห็นแบบไหน เพราะฉะนั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับการสร้าง ถ้าใครมีเงินเป็นสิ่งผลักดันชีวิตในการทำงานก็ต้องขยันและสม่ำเสมอ การสม่ำเสมอเนี่ยอายตาจะคอยบอกตลอด มีคนถามว่าจะทำยังไงให้งานมันเยอะ? ทำยังไงให้มีลูกค้า? พี่อายตาว่าทำยังงี้มันเป็นอาชีพได้ไหมคะ? ได้สิ! แต่เราขยันมากพอไหม เราสม่ำเสมอกับมันมากพอไหม แล้วความสม่ำเสมอมันไม่ใช่แค่ทำไปเรื่อย ๆ เพราะสุดท้ายถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่เราชอบ เราก็ไม่สามารถสม่ำเสมอกับมันได้นาน 5 ปี หรือ 20 ปี ใช่ไหมคะ 

สมมติถ้าวันหนึ่งเราตาย เราเบื่องานนี้มากเลย เราก็ไม่สามารถสม่ำเสมอกับงานนี้ได้อีกแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นต้องดูว่ามันใช่ตัวเราหรือเปล่า ถ้าใช่นะ ทำเลย ไม่ต้องรอ บางคนรอ หนูยังไม่มีกล้องอ่ะพี่ หนูรอซื้อกล้องก่อน หนูยังไม่มีคอมไว้ตัดต่ออ่ะพี่… ทำเลย! ใช้มือถือถ่าย มือถือโปรแกรมแอปฯ ตัดฟรีเยอะแยะ อยากทำอะไรทำเลย เพราะถ้าช้าไปอีกแค่หนึ่งวัน อาจมียูทูบเบอร์เพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยแล้ว ถ้าอยากทำตอนนี้ ทำตอนนี้เลยค่ะ ทุกอย่างสามารถเป็นได้ อยากรวย รวยได้ ทำได้เลย ไม่มีใครมาหยุดเราได้แล้ว เพราะถ้าเราไม่เริ่มทำ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จคือศูนย์นะคะ แต่ถ้าเราทำถึงแม้มันจะเหนื่อยจะยากแค่ไหน ถึงแม้ว่าโอกาสที่ประสบความสำเร็จคือ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่มันก็ยังมีโอกาสถูกไหม แต่ศูนย์คือไม่มีเลยนะ ทำเถอะ!

.

Q: ยอดวิวล่ะสำคัญแค่ไหน ทำไมทุกคนถึงอยากได้ยอดวิวเยอะ ๆ

A: สำคัญ! สำหรับยูทูบเบอร์การได้ยอดวิวเยอะจะทำให้ได้เงิน AdSense คือการที่คนเข้าไปดูวิดีโอ แล้วบางทีเขาจะเห็นโฆษณาโผล่ขึ้นมา นั่นแหละ! เราจะได้เงินจากตรงนั้น มีความความสัมพันธ์กัน แต่ว่าทีนี้เงินที่ได้จาก AdSense มันก็ไม่ได้มั่นคงมากขนาดนั้น แต่ละเดือนได้ไม่เท่ากัน ถ้าเป็นช่วงเทศกาลเขาขายของเยอะ แบรนด์ก็ลงโฆษณาเยอะ หรือช่วงโควิด-19 แบรนด์ไม่มีงบ เงินก็ได้น้อยหน่อย ยอดวิวมันจึงสำคัญ แต่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แล้วก็อย่าเอาใจไปผูกกับยอดวิว ยอดไลก์ ยอดฟอลนัก เพราะว่าแพลตฟอร์มพวกนี้ Youtube, Facebook, Instagram, Twitter หรืออะไรก็ตาม มันไม่ใช่ของ ๆ เรา มันไม่ใช่โดเมนของเรา เราไม่ใช่เจ้าของ เหมือนเราไปยืมพื้นที่เขาใช้ 

วันใดวันหนึ่งอัลกอริทึ่มมันเปลี่ยนไป ยอดไลก์ตก ยอดไลก์เพิ่ม ยอดวิวเพิ่ม ยอดวิวตก เราไม่สามารถโทรถาม Mark Zuckerberg ได้ว่า ทำไรอ่ะ ทำไมยอดไลก์ตก เพราะฉะนั้นการที่เราเอาใจไปผูกกับยอดไลก์ ยอดวิวเยอะ มันจะทำให้เราเสียใจ ทำให้เราหมดกำลังใจในการทำคอนเทนต์ครั้งต่อๆ ไป ทั้งที่เราอาจเป็นคนมีความมุ่งมั่นเว่อร์ มีไอเดียเป็น 10 ที่อยากจะทำ แต่ยอดไลก์ตก เฮ้อ! ไม่ทำแล้ว อย่างนั้นเหรอ? เพราะฉะนั้นดูข้อมูลหลังบ้านไว้บ้างก็ดี เพื่อที่จะได้บอกลูกค้าได้ แต่อย่าไปคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้แล้วมั้ง เลิกทำแล้ว ไม่ใช่!

.

Q: เป้าหมายต่อไปของ ‘EYETA’ คืออะไร

A: อายตาชอบทำวิดีโอมาก สนุกมาก ตอนนี้ยิ่งทำก็ยิ่งสนุก ไม่มีวันไหนที่ไม่สนุก นอกจากวันที่ไม่ค่อยสบาย อายตาคิดว่าจะทำ Youtube ต่อไปเรื่อย ๆ แต่คอนเทนต์มันอาจเปลี่ยนไป ตอนนี้เรายังมีลูกค้า เรายังมีสปอนเซอร์บ้าง เรายังพูดถึงเรื่องบิวตี้ได้ แต่ถ้าถึงวันที่อายตาอาจมีลูกหรือว่ามีหลาน คอนเทนต์อาจจะเปลี่ยนไปตามตัวเรา เพราะคนที่ผลิตคอนเทนต์คือเรา เราไม่ได้ผลิตวิ่งตามเทรนด์อะไร อาจมีที่ทำตามบ้าง แต่สุดท้ายแล้วมันคือตัวเรา อายตาจะโฟกัสถึงการส่งต่อเมสเสจดี ๆ มากกว่า อายตามีกระบอกเสียง คนติดตามเป็นล้าน ช่องทางที่เรามีมันเยอะนะ แล้วอายตาอยากจะบอกเมสเสจ ไม่ต้องอยากเป็นแบบใครหรอก บางทีเราอยากจะรวยเหมือนคนนั้นคนนี้ โฟกัสที่เรานะ รักตัวเองให้เยอะ ๆ แล้วพัฒนาตัวเอง อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ก็เลยมองว่าคอนเทนต์ในอนาคตของอายตาอยากจะเป็นไปในแนวทางนั้น แล้วอายตาเองก็มีธุรกิจส่วนตัว มีแบรนด์ขนตาของตัวเอง ก็อยากจะพัฒนาแบรนด์นั้นให้มันไปไกลมากขึ้น เราพยายามทำเต็มที่ เวลาทำงานอะไรเราก็เต็มที่หมดเพราะเราไม่รู้หรอกว่าอีก 5 ปี 10 ปี 15 ปี 20 ปี ข้างหน้าจะเป็นยังไง 

Q: สำหรับยอดผู้ติดตามในขณะนี้ (Youtube 1.4 ล้าน, Facebook 7 แสน) มีเป้าว่าอยากเพิ่มขึ้นอีกไหม

A: มาถึงจุด ๆ นี้ ถ้าถามว่ายอดผู้ติดตามใน Youtube หรือ Facebook เท่าไร อายตาก็จำไม่ได้หรอก แต่อายตามองว่าคอนเทนต์ของเรามันคู่ควรกับคน 1 ล้านคนที่จะเห็นหรือยัง มันได้ให้อะไรเขาหรือเปล่า เพราะคนเหล่านี้แหละที่ให้อาชีพอายตา ทำให้อายตามีเงินซื้อบ้านให้แม่ ทำให้อายตาได้อยู่สุขสบาย คลิปวิดีโอของเรามันคุ้มค่ากับ 10 นาทีที่เขาจะเสียเวลาเข้ามาดูหรือเปล่า เพราะยูทูบเบอร์มีเยอะ เราอาจไม่ใช่คนที่ดีที่สุด เก่งที่สุด โปรดักชั่นปังที่สุด กล้องเลนส์เริ่ดที่สุด แต่เราสามารถส่งต่อเมสเสจดี ๆ ให้เขาได้ นั่นแหละเป็นมาตรฐานที่อายตาพยายามทำ ว่ามันดีพอกับเขาหรือยัง เขาได้ประโยชน์หรือเปล่า 

.

Q: สุดท้ายถ้าถอยออกมาแล้วเห็นตัวเองในวันนี้ อยากบอกอะไรกับ ‘EYETA’

A: ถ้าพูดกับตัวเองเหรอ? โลกคู่ขนานเหรอ? (หัวเราะ) ก็อยากจะชมตัวเองแหละ อายตาอยากจะให้ทุกคนได้มีโอกาสชมตัวเอง เก่งนะ ทำงานดีแล้ว อาจจะไม่ได้รวยที่สุด เก่งที่สุด ดีที่สุด สวยที่สุด แต่ทำมาได้เท่านี้ เก่งแล้วนะ ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่อยากทำงาน ไม่มีวันไหนเลยที่ไม่อยากตื่นตอนเช้าค่ะ (ยิ้ม)


เรื่อง: ตติยา

ภาพ: TST

เบลล่ากับโจทย์เรียกเรตติ้งที่ยากกว่าเดิม

พรุ่งนี้ภาพยนตร์เรื่องที่ 4 ของนางเอกสาว 'เบลล่า - ราณี แคมเปน' ที่ชื่อว่า ‘อีเรียมซิ่ง’ จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์กันแล้ว งานนี้ใครเป็นแฟนคลับของเบลล่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เนื่องจากเรื่องนี้เบลล่ากระชากภาพลักษณ์เดิม ๆ จากที่เห็นสวย ๆ ในละคร มาเป็นอีสาวชาวทุ่ง และที่สำคัญ นี่คืองานแนวคอมเมดี้แบบฮาจริงไรจริงของเธอแบบเต็ม ๆ ก็ว่าได้

เรื่องท้าทายนั้นไม่ต้องสืบ เพราะคนดูอย่างเรา ๆ ติดภาพความสวยงามของเบลล่าในละครมาตลอด ต่อให้อยู่ในบทบาทไหน ไม่ว่าจะเล่นเป็นใคร ยังไงก็คุมลุคสวย ๆ มาตลอด แต่สำหรับเรื่องนี้ เบลล่าขี่เจ้าทุยวิ่งลุยท้องนาค่าคุณผู้โช้มมม!

ลำพังแค่ขี่ควายยังแค่เบ ๆ ค่ะ เพราะโจทย์หิน - โจทย์ยากของนางเอกสาวที่มากกว่านั้น คือการกระชากเรตติ้งให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้นี่เอง

ว่ากันว่า ผลงานชิ้นนี้ถูกเลื่อนกำหนดฉายมาหลายหน เนื่องจากเจอวิกฤติโควิด-19 เล่นงาน ทำให้ต้องเว้นวรรคการเข้าโรงภาพยนต์มาหลายครั้ง กระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย จึงได้มาฉายในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้

อย่างที่บอกไป โจทย์อันท้าทายของเบลล่าคือการทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ซึ่งที่ผ่านมา เจ้าตัวได้ชื่อว่า เป็นนางเอกผู้มีพลังในการกระชากเรตติ้ง ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2556 เบลล่าได้รับบทนางเอกเต็มตัว ในละครเรื่อง ‘พรพรหมอลเวง’ ซึ่งมีเรตติ้งเฉลี่ยอยูที่ 8.77 โดยวันที่เป็นตอนจบของละคร เรตติ้งทะยานขึ้นไปถึง 12.0

ต่อมาในปีเดียวกัน เบลล่าก็มากระชากเรตติ้งต่อกับซีรี่ย์ละครชุดสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ในตอน ‘คุณชายพุฒิภัทร’ ที่เล่นคู่กับ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข ปรากฎว่า ทำเรตติ้งรวมไป 9.8 ทำเรตติ้งตอนจบไป 12.1 หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2560 เบลล่าก็โคจรมาปะทะกับเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ในละครเพลิงบุญ ผลปรากฎว่า กลายเป็นละครที่มีเรตติ้งสูงที่สุดของช่อง 3 ในปีนั้น ค่าเฉลี่ยอยู่ 8.9

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ คือในปี พ.ศ. 2561 กับละครฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง ‘บุพเพสันนิวาส’ ที่เบลล่าสวมบทบาท แม่หญิงการะเกด สามารถกระชากเรตติ้งไปได้แบบถล่มทลาย เป็นปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการโทรทัศน์เมืองไทยในเวลานั้น โดยตอนจบทำเรตติ้งทั่วประเทศไปได้ 18.6 และเฉพาะกับพื้นที่กรุงเทพทำไปได้ถึง 23.4

กลับมาที่ภาพยนตร์เรื่องล่าสุด ‘อีเรียมซิ่ง’ ที่เบลล่าร่วมแสดงและเรียกว่าเป็นแม่เหล็กสำคัญของเรื่อง ถือว่าเป็นศึกใหญ่ที่นางเอกสาวจะต้อง ‘รักษามาตรฐาน’ ทางด้านเรตติ้งไว้ให้ได้ แต่ในโลกภาพยนตร์นั้น เรตติ้งก็คือค่าตั๋วที่ผู้ชมซื้อเข้าไปดู ซึ่งงานนี้ก็ต้องติดตามกันล่ะว่า พลังลมปราณ เอ้ย! พลังความงามของเบลล่า รวมถึงฐานแฟนคลับของเธอที่ว่ากันว่า มีไม่น้อยไปกว่าดาราคนไหนในเมืองไทย จะส่งผลทำให้ค่าเข้าชมวิ่งไปได้ไกลสักกี่ร้อยล้าน?

เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ธุรกิจโรงภาพยนตร์ซบเซาลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่นับกระแสของวงการภาพยนตร์ไทยเองที่ก็ซบเซากันมานาน ทางเราก็ได้แต่หวังว่า ภาพยนตร์สนุก ๆ เรื่องนี้จะช่วยสร้างกระแสให้วงการหนังไทยกลับมาคึกคักอีกครั้ง ส่วนจะเป็นไปได้แค่ไหน เด๋วพรุ่งนี้ได้รู้กัน!

โอมมม เบลล่าช่วยด้วยยย!!

.

.


อ้างอิง: https://www.sanook.com/movie/75933/ 

      https://www.marketingoops.com/news/brand-move/drama-ch3-rating/

ผ่าวิธีคิด...โครงการคนละครึ่ง

ถ้าเปรียบ ‘โครงการคนละครึ่ง’ เป็นมวย ต้องบอกเลยว่า มุมน้ำเงิน นำโดยรัฐบาล ออกหมัดฮุคหนนี้ได้เข้าเป้าจะแจ้งดีเหลือเกิน เพราะกระแสตอบรับจากโครงการดังล่าว ‘เริ่ดม๊าก!’ ชาวบ้าน ร้านค้า รวมไปถึงประชาชนทุกหน่วย พร้อมใจกันร่วมโครงการ

 

งานนี้กรรมการข้างเวทีถึงกับต้องให้คะแนนหมัดนี้จากรัฐบาลที่เข้าตา หลังจากที่รัวหมัดแย็บ (จนเหนื่อย) มาพักใหญ่ เอ้า! อะไรดีก็ว่าดีเน๊อะ ของทุกอย่างต้องวัดกันที่รูปธรรมชัดเจนนี่แหละ อ้อ! อีกอานิสงค์หนึ่งที่ได้รับจากโครงการนี้ก็คือ คนไทย โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ปรับตัวเข้าถึงเทคโนโลยีกันมากขึ้นอีกด้วย

 

แต่หากถามว่า แล้วทำไมโครงการนี้ถึงได้กลายเป็นหมัดเด็ดของรัฐบาลได้ The States Time ประเมินให้รับทราบกัน 6 ข้อต่อไปนี้

5 ธุรกิจไทย ‘รายได้’ ทะลุหมื่นล้าน ที่อายุยืนนานกว่า ‘มิกกี้เม้าส์’

วันนี้เมื่อ 92 ปีที่แล้ว ( 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2471) เป็นวันเกิดของมิกกี้เม้าส์ (MICKEY MOUSE) ตัวละครการ์ตูนที่ครองใจเด็ก ๆ ทั่วโลก ด้วยลักษณะของหนูสีดำที่สวมกางเกงเอี๊ยมสีแดง

อย่าเฉาฉุ่ย!! ‘แจ็ค หม่า’ ถูกเชือด!! บทเรียนต้องรู้ หากคิดจะทำธุรกิจในแผ่นดิน ‘จีน’

'เฉาฉุ่ย' เป็นคำจีนแต้จิ๋ว แปลตรงตัวว่าปากเหม็น ใช้ในความหมายว่าปากเสีย พูดอะไรไม่เป็นมงคล ซึ่งมักจะเป็นกิริยาที่ผู้ใหญ่เอาไว้ตำหนิเด็กหรือผู้โอ้อวด

สัปดาห์กว่า ๆ ที่ผ่านมา ความเฉาฉุ่ย ที่ออกมาจากปากมหาเศรษฐีแห่งโลกค้าปลีกออนไลน์อย่าง แจ็คหม่า ทำให้เขาต้องเจ็บตัวหนัก และเป็นบทเรียนที่คงต้องจำไปจนตาย

หลังจากบริษัทลูกของเขาที่ชื่อว่า ANT Group ต้องถูกระงับการเข้าตลาดหุ้นในเซี่ยงและฮ่องกงแบบกะทันหัน...เกิดอะไรขึ้นกับแจ็คหม่า?

แจ็คหม่า ผู้ก่อตั้ง Alibaba ได้มีการบริษัทลูกที่ชื่อ ANT Group ซึ่งเป็นบริษัทการเงินแบบดิจิทัลที่ปล่อยเงินกู้ผ่านออนไลน์ สามารถกู้ได้ทุกประเภท ในวงเงินที่จำกัดหรือไม่ตามนโยบายของ ANT

การเข้ามาของ ANT ในจีน ทำให้ผู้คนใช้บริการเยอะมาก เพราะแค่เปิดแอปพลิเคชัน ใส่ข้อมูล บัตรประชาชน รายได้ บริษัทที่ทำงาน แล้วขอกู้ เท่านี้ระบบก็พร้อมจะอนุมัติเงินให้ได้ทันที

เพราะการที่ ANT ทำแบบนั้นได้ มาจากการใช้ระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เพื่อคำนวณความเป็นไปได้ของผู้กู้ว่าควรให้มากน้อยแค่ไหน ถ้าประเมินข้อมูลแล้ว ผ่านเกณฑ์ประมาณ 70% ก็ให้กู้ได้ทันทีเลย

ตรงนี้ทำให้ประชาชนไม่ต้องเสียเวลาไปธนาคารทำธุรกรรม ยื่นกู้ หาหลักฐาน และประเมินจากบุคคลให้เสียเวลา จนกลายเป็นความสะดวกสบายที่ทำให้บริษัทนี้เติบโตใหญ่มาก

และความนิยมนี้ ก็เริ่มทำให้ระบบการเงินการธนาคารในจีนต่างหวาดกลัว เพราะอย่างที่ทราบกันดี คือ ธนาคารส่วนใหญ่ในจีนนั้น ล้วนเป็นของรัฐบาลจีนทั้งสิ้น

เมื่อ ANT ได้เข้ามาพลิกโฉมวงการการเงินในจีน จนเป็นที่มั่นใจแล้วว่าไปรอด แจ็คหม่า ก็ตัดสินใจที่จะนำ ANT เข้าตลาดหลักทรัพย์ในตลาดเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง (เพื่อเสนอขายหุ้นใหม่ให้ประชาชนหรือ IPO)

ตัวเลขที่น่าตกใจของ ANT ที่คาดว่าจะได้หลังปล่อยขาย IPO คาดว่าจะเป็นการทุบสถิติ IPO ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าถึง 37,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.12 ล้านล้านบาท ยิ่งใหญ่มากกว่าครั้งที่บริษัท ‘อารัมโก’ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของประเทศซาอุดีอาระเบีย เคยเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ทาดาวัล ด้วย IPO มูลค่ารวม 25,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แล้วถ้าหาก ANT ได้เข้าตลาดหลักทรัพย์ จะยิ่งดันให้ทรัพย์สินส่วนตัวของ แจ็คหม่า ที่มีอยู่แล้วมากมาย เพิ่มขึ้นไปอีกทันทีอีกถึง 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ดูเหมือนเส้นทางที่ดูราบรื่นของแจ็คผู้เคยล้มยักษ์ จะไม่สวยหรู!!

นั่นก็เพราะก่อนหน้าวันที่ ANT จะเริ่ม IPO แค่ 48 ชั่วโมง แจ็คหม่า ถูกเรียกเข้าไปพบในห้องประชุมลับของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และคณะกรรมการผู้ควบคุมกฎระเบียบเรื่องการเงินของจีน

หลังจาก แจ็คหม่า ออกมาจากห้องประชุม ทาง ANT, ตลาดหลักทรัพย์ทั้งเซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง ประกาศให้ยุติ ANT เข้าสู่ตลาดทันที เหตุผลโดยภาพที่ปรากฎลงบนหน้าสื่อ คือ ANT ทำผิดระเบียบหลายข้อ และต้องกลับไปแก้ไขใหม่

...แต่มีการวิเคราะห์ว่า ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ ที่ทำให้ ANT อดเข้าตลาดหลักทรัพย์ มาจากความเฉาฉุ่ยของ แจ็คหม่า เอง

เฉาฉุ่ยยังไง เขาไปปากหมาตอนไหน?

ถ้าใครที่ติดตาม แจ็คหม่า จะรู้ดีว่าเขาเป็นคนชอบพูด ชอบขึ้นเวที และวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนั้นเรื่องนี้ เพื่อทำให้ตัวเองเป็นพระเอกในเวทีโลก และว่ากันว่า...คนจีนที่เป็นข้าราชการ เคยพูดถึงเขาว่าเป็นคนโคตร ‘ปากเสีย’ ชนวนเหตุเรื่องความปากหมาของแจ็คหม่า ถูกขุดคุ้ยขึ้นมา โดยในช่วงที่ ANT กำลังรุ่งโรจน์ เขามักจะชอบวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารกลางและผู้คุมกฎการธนาคารจีนในทางลบ

.

เขามักจะชอบตำหนิตามหน้าสื่อและเวทีสาธารณะว่า...

- จีนไม่มีระบบบริหารความเสี่ยงด้านการเงินที่ทันสมัย

- คนในระบบสถาบันการเงินจีนนั้มีความคิด ‘ล้าสมัย’ ไม่ทันยุคดิจิทัล

- รัฐเอาแต่การควบคุมด้วยมาตรการที่ไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค

- ANT ควรถูกปฏิบัติในฐานะของบริษัทเทคโนโลยี แทนที่จะเป็นบริษัทการเงินที่ถูกคุมอย่างเข้มงวด

- คิดแบบเดิมเลยไม่เกิดการพัฒนานวัตกรรมเท่าที่ควร เช่น FinTech หรือ นวัตกรรมด้านการเงิน

- และควรทิ้งแนวคิดแบบ ‘โรงรับจำนำ’ ไปเสียที

.

ความวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ กลายเป็นกระแสร้อนแรงในโลกการเงิน และโลกออนไลน์ของจีน เขาถูกตำหนิว่าชอบพูดให้ตัวเองดูดี ดูเท่ห์ ชอบใช้คำคมให้ตัวเองดูเก่งกาจ

แต่ดูเหมือนความปากพล่อยของแจ็คหม่าครั้งนี้ จะไม่ได้จบแค่การถูกตำหนิ เพราะเขากำลังเจอบทเรียนที่เจ็บปวด แบบที่ต้องเสียทั้ง ‘เงิน’ และ ‘โอกาส’ ภายในพริบตา

เพราะหลังการประกาศระงับ ANT เข้าตลาดหลักทรัพย์ในนาทีสุดท้าย ได้ทำให้หุ้นของ Alibaba ในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงไป 10% คิดเป็นเงินเท่ากับ 76,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยก็เหนาะๆ ที่ 2.3 ล้านล้านบาท เรียกว่าเงินเก่าก็หาย เงินใหม่ที่จะได้ก็อด!!

ฉะนั้นหากจะบอกว่าเรื่องนี้ ‘พัง’ เพราะปากของ แจ็ค หม่า จึงไม่ผิดนัก เพราะอย่าลืมว่า เดิมทีอิทธิพลจากธุรกิจของ ANT ก็เริ่มสร้างความไม่สบายใจต่อกลุ่มผู้นำเหล่าพรรคคอมมิวนิสต์ ที่กำลังจะเป็นบ่อนทำลายอำนาจสถาบันการเงินรัฐ แถม ANT ยังไม่มีคู่แข่งในจีน และยังไม่ได้ขึ้นกับผู้คุมกฎการเงินของจีนเลยด้วย ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลจีน ก็ไม่ได้ไปกีดกัน

เพราะจีนมีความตั้งใจที่จะปล่อยให้ธุรกิจจีนไปเติบโตที่ไหน หรือร่ำรวยเพียงใดก็ได้ แต่ขอแค่อย่างเดียว คือ ภาคธุรกิจไม่ควรก้าวเข้ามา ‘เล่นการเมือง’ ซึ่งการตำหนิธนาคารจีนและผู้คุมกฎของแจ็คหม่า ถือเป็นการเล่นการเมืองแบบหนึ่งที่ถูกจับไต๋ได้ชัด

นี่คือการสั่งสอนจากรัฐบาลจีน และช่วยอธิบายบทบาทของรัฐบาลจีนที่มีต่อวงการธุรกิจที่อยู่ใต้ผืนแผ่นดินจีนได้ดีทีเดียว...

.

ที่มา: sondhitalk

https://www.youtube.com/watch?v=TK--_LgqmNA

ส.ว. คนแรก ลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับไอลอว์

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563  ที่รัฐสภาในการประชุมร่วมรัฐสภาที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาลงมติรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เลขาธิการรัฐสภาได้เริ่มขานชื่อสมาชิกรัฐสภาเรียงลำดับตามตัวอักษร ก่อนที่สมาชิกแต่ละคนจะขานมติว่า รับ-ไม่รับ-งดออกเสียง ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละร่าง ตั้งแต่ร่างที่ 1 - 7

ทั้งนี้เมื่อการลงมติผ่านไปได้ 200 คน สมาชิกรัฐสภา ทางฝั่งรัฐบาล และส.ว. ส่วนใหญ่ ลงมติรับหลักการ ร่างที่ 1 - 2 ตามที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และส.ส.ฝ่ายค้านเสนอและในส่วนของร่างอื่นๆ ลงมติงดออกเสียงณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน ลงมติรับหลักการทั้ง 7 ร่างตามที่ได้แสดงจุดยืนร่วมกันไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งสำหรับทางฝั่งส.ว.นั้น พบว่า นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ส.ว. ลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับไอลอว์


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top