Monday, 20 May 2024
Special News Team

Top 5 ผู้นำ ที่อยู่ในตำแหน่ง ‘ยาวนาน’

เอ่ยคำว่า ‘ผู้นำ’ ผู้คนมักจะเห็นแต่ภาพผู้นำการเมือง หรือผู้นำประเทศ แต่โลกนี้มี ‘ผู้นำ’ มากมายหลายแขนง และที่น่าสนใจไปกว่านั้น คือ ผู้นำที่อยู่ในตำแหน่ง ‘ยาวนาน’ 

THE STATES TIMES จึงขอหยิบยกเหล่า ‘ผู้นำ’ จากหลากหลายด้าน ที่มีความน่าสนใจ และดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนาน มาบอกเล่ากัน

‘5 ผู้นำในตำนาน’ ที่ดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนาน

ปอล บิยา (Paul Biya) : เป็นผู้นำประเทศแคเมอรูน ที่ได้ชื่อว่า ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในโลก ด้วยระยะเวลา 46 ปี นายปอล บิยา ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศแคเมอรูน ในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1975-1982 และต่อจากนั้น จึงขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งแคเมอรูน ตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ.1982 จนถึงปัจจุบัน 

บียาถือเป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงของประเทศแคมเมอรูน ในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 เขาได้เข้ามาปฏิรูปการเมืองของประเทศแคเมอรูน จากระบบพรรคการเมืองเดียว มาเป็นระบบหลายพรรค ตลอดเส้นทางการเมือง เขาสามารถเอาชนะการเลือกตั้งมาโดยตลอด ทั้งแบบคะแนนท่วมท้น ฉิวเฉียด หรือแม้กระทั่งเคยถูกกล่าวหาว่าโกงการเลือกตั้ง ปัจจุบันบียายังคงเป็นผู้นำแคเมอรูน ในวัย 88 ปี

จอมพลแปลก พิบูลสงคราม : เป็นผู้นำทางการเมืองไทยที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดถึง 15 ปี 25 วัน โดยจอมพลแปลก หรือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นั่งเก้าอี้นายกฯ เมืองไทย 8 สมัย ระหว่างปี พ.ศ.2481-2487 และปี พ.ศ.2491-2500 

จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถือเป็นผู้นำที่มีบทบาทต่อประเทศ และสร้างความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อยู่มากมาย อาทิ การเปลี่ยนชื่อประเทศ จาก ‘ประเทศสยาม’ มาเป็น ‘ประเทศไทย’ เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ มาใช้เป็นวันที่ 1 มกราคม ตามสากล หรือเปลี่ยนเพลงชาติไทยแบบเก่า ให้มาเป็นเพลงที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งคำทักทาย ‘สวัสดี’ ก็เกิดในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรีคนนี้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ยังมีวาทะในตำนาน ที่สะท้อนถึงความเป็นผู้นำตลอดกาลได้เป็นอย่างดี นั่นคือ ประโยคที่ว่า ‘เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย’ 

มาร์กาเรต แทตเชอร์ : หากจะหาผู้นำที่เป็นสุภาพสตรี ที่อยู่ในตำแหน่งยาวนาน และเป็นที่จดจำมากที่สุด คงต้องยกให้กับ นางมาร์กาเรต แทตเชอร์ อดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ โดยเธอขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ.1979 ถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน ค.ศ.1990 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 11 ปี 24 วัน

มาร์กาเรต แทตเชอร์ ได้ชื่อว่าเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของยุโรปและคนแรกของอังกฤษ และเป็นผู้นำทางการเมืองที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคนหนึ่งของอังกฤษ นับตั้งแต่ยุคของวินสตัน เชอร์ชิล (Winston Churchill) ตลอดระยะเวลาของการเป็นผู้นำ แทตเชอร์มีผลงานที่โดดเด่น พอ ๆ กับการมีช่วงเวลาที่ต้องประสบกับมรสุมทางการเมืองมากมาย จนได้รับฉายาว่า ‘หญิงเหล็ก’ แห่งวงการเมืองโลก

สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร : ประเทศไทยมี ‘ผู้นำสงฆ์’ ที่ทรงดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด นั่นคือ สมเด็จพระสังฆราช กรมหลวงวชิรญาณสังวร หรือ สมเด็จพระญาณสังวร พระสังฆราชองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยทรงเริ่มต้นดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2532 จนถึงวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2556 รวมเวลาทั้งสิ้น 24 ปี 186 วัน

สมเด็จพระญาณสังวร ทรงมีพระกรณียกิจมากมาย ตลอดจนทำนุบำรุงพุทธศาสนาในประเทศไทยให้มีความเป็นปึกแผ่น น่าเลื่อมใส จนมีผู้คนให้ความเคารพศรัทธาทั่วทั้งประเทศ พระองค์ถือเป็นสมเด็จพระสังฆราชที่มีพระชันษามากกว่าสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีต และยังเป็นพระสังฆราชพระองค์แรกของไทยที่มีพระชันษา 100 ปี โดยสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2556 ด้วยพระอาการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน : ในโลกกีฬาก็มี ‘ผู้นำ’ โดยเฉพาะผู้นำสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ ที่ได้ชื่อว่า ดำรงตำแหน่งมายาวนานที่สุด นั่นคือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เขาเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ.1986 จนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ.2013 กินระยะเวลาทั้งสิ้นกว่า 27 ปี

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ เฟอร์กี้ ทำผลงานพาทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าถ้วยรางวัลต่าง ๆ กว่า 38 รายการ โดยเป็นการคว้าแชมป์รายการใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถึง 13 ครั้ง และแชมป์ฟุตบอลยุโรปถึง 2 ครั้ง สไตล์การทำงานของอดีตผู้จัดการทีมคนนี้ คือการสู้ไม่ถอยจนถึงวินาทีสุดท้าย จนทำให้ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่ภาพลักษณ์ของการเป็นนักสู้มาจนถึงทุกวันนี้

หยิบยก ‘ผู้นำ’ ทั้ง 5 มาบอกเล่ากัน ยังมีผู้นำอีกมากมายในโลกนี้ที่เต็มไปด้วยความสามารถ และมีชื่อเสียง แต่ทั้ง 5 ท่านเหล่านี้ คือตัวแทนของความเป็นผู้นำที่เต็มไปด้วยศรัทธา จนกลายเป็นตำนานที่ผู้คนยังกล่าวขวัญถึงอยู่เสมอ


ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/แปลก_พิบูลสงคราม

https://www.gqthailand.com/culture/article/longest-non-royal-national-leaders

https://th.wikipedia.org/wiki/มาร์กาเรต_แทตเชอร์

https://www.silpa-mag.com/this-day-in-history/article_1160

https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระสังฆราชเจ้า_กรมหลวงวชิรญาณสังวร

https://th.wikipedia.org/wiki/อเล็กซ์_เฟอร์กูสัน

5 ผู้นำที่แอบทำให้ ‘ฉัน’ อยากลอง ‘ตามติด’

คุณเป็นผู้นำที่ควรเดินตามหรือเปล่า?  

การเป็น ‘ผู้นำ’ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชื่อ ตำแหน่ง ที่อาจมีประดับไว้บนนามบัตร เพราะสิ่งเหล่านั้นอาจยังไม่ได้สะท้อนถึง ความเป็นผู้นำที่ครบถ้วนทั้งหมด

วันนี้ The States Times ขอยกตัวอย่าง 5 สุดยอดผู้นำ ที่ประกอบร่างคุณสมบัติของความเป็นผู้นำเข้าด้วยกัน จากคนธรรมดา กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จบนทางเดินของตนเอง จนเราเองก็อยากเดินตามหลังพวกเขาเหล่านี้ !! 

1.) โกโก ชาแนล (Coco Chanel) ผู้นำความสำเร็จ กุญแจที่เป็นหัวใจสำคัญของ ‘นักสู้’ 

ในอดีต โกโก ชาแนล เคยเป็นเด็กที่ถูกครอบครัวทอดทิ้งให้อยู่ในบ้านเด็กกำพร้า ถูกเลี้ยงโดยแม่ชี ซึ่งหวังจะให้เธอเป็นช่างตัดเย็บ แต่ด้วยความใฝ่ฝันของเธอ จึงมุ่งหน้าสู่การเป็นนักร้องคาบาเร่ต์ แต่ใครจะรู้ว่านั่นแหละ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จระดับโลกอย่าง ‘Chanel’ 

มาดูกันว่าเธอมีแนวคิดอย่างไร ที่ทำให้กลายเป็นเจ้าของแบรนด์แฟชั่นสุดหรูที่ถือกำเนิดมาแล้วมากกว่า 100 ปี

- กล้าที่จะเดินตามความฝัน เธอเดินทางจากบ้านเด็กกำพร้าสู่เมืองมูแล็ง ออกไล่ตามความฝันของตัวเอง เพื่อเป็นนักร้องคาบาเร่ต์ แม้ว่าเธอจะไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักร้อง แต่การล้มเหลวครั้งนี้ ก็ทำให้เธอได้พบกับนายทุนคนหนึ่ง ที่สนับสนุนให้เธอเปิดร้านขายเสื้อผ้าของตัวเองในปารีส จนนำมาซึ่งโอกาสที่ทำให้ได้เปิดร้านขายเสื้อผ้า อันเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Chanel 

- เชื่อมั่นในตัวเอง เธอเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง กลายเป็นข้อดีที่ทำให้คนอื่นเชื่อในสิ่งที่เธอทำ เมื่อเธอนำเสนอชุดสูทที่ทำจากผ้ายืด มีแต่คนวิจารณ์งานของเธอในแง่ลบ แต่เธอเชื่อว่าเสื้อผ้าจะต้องใส่สบาย และรับกับสรีระของคนได้ดีมาตัดเย็บ ซึ่งเธอเคยพูดไว้ว่า “ความหรูหราสง่างาม จะต้องมาพร้อมกับการสวมใส่ที่สบาย” เสื้อผ้าของเธอได้รับการตอบรับอย่างดีในภายหลัง แสดงให้เห็นถึงการยึดมั่นในความคิด ถึงแม้จะต้องเสี่ยงหรือแหกกฎเกณฑ์ของสังคมบ้างก็ตาม 

- มีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักเอาปัญหาหรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัวมาประยุกต์ใช้ แฟชั่นหลายอย่างที่สร้างขึ้นนั้นมาจากการหยิบเอาสิ่งที่เห็นรอบตัวมาปรับ เช่น เสื้อผ้าของชายคนรัก นำมาประยุกต์เป็นชุดของผู้หญิงที่ทะมัดทะแมง และในสมัยนั้นกระเป๋าผู้หญิงยังไม่มีสายสะพาย ต้องถือไว้ตลอดเวลา ทำให้เกิดแรงบันดาลใจที่จะออกแบบ เพื่อเพิ่มความสะดวก ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระเป๋าผู้หญิงที่มีสายสะพายมาจนถึงปัจจุบัน

2.) ผู้พันแซนเดอส์ / ฮาร์แลนด์ ดี แซนเดอร์ส (Colonel Harland David Sanders) ผู้นำที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค แม้ล้มเหลวมาเกือบทั้งชีวิต

ช่วงเวลากว่า 75 ปีที่ KFC เป็นหนึ่งในแบรนด์อาหารจานด่วนที่โด่งดัง และเติบโตเร็วที่สุดในโลก ถือกำเนิดโดย ‘ฮาร์แลนด์ แซนเดอร์ส’ หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม ‘ผู้พันแซนเดอร์ส’ ชายผู้มีหนวดเครา/ผมสีขาว ท่าทางใจดี มาพร้อมเอกลักษณ์สวมสูทสีขาว ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จและกว่าจะมาเป็น KFC นั้น เขาต้องฝ่าฝันอุปสรรค และล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็สะสมความล้มเหลวมาผสมผสานกับแนวคิดและมุมมองการตลาดที่ลับจนแหลมคมขึ้นเรื่อย ๆ 

- ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผู้พันแซนเดอร์สนั้นให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ และไม่ได้มองว่า ‘เงินคือสิ่งที่สำคัญที่สุด’ ในการดำเนินธุรกิจ แต่เขามองว่าการช่วยเหลือผู้คนต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญ

- ความเท่าเทียม ผู้พันแซนเดอร์สปฏิบัติกับทุกคนเสมือนคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือลูกค้า โดยผู้พันเคยกล่าวไว้ว่า “สำหรับผมไม่ว่าจะเป็นเศรษฐีพันล้าน หรือคนขับรถบรรทุก แต่เมื่อพวกเขานั่งลงบนโต๊ะเดียวกันแล้ว พวกเขาก็คือคนที่อยากกินอาหารดี ๆ สักมื้อ” และไม่ว่าใครที่ต้องการจะรับประทานไก่ทอดของเขา นั่นก็คือ คนที่ต้องการรับประทานอะไรดี ๆ เหมือนกัน

- การควบคุมคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ ผู้พันแซนเดอร์สเชื่อมั่นในรสชาติ และคุณภาพของไก่ทอดของตัวเองว่า ดีที่สุด และอยากจะแบ่งปันสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนรอบข้างอยู่เสมอ ดังนั้นการควบคุมคุณภาพจึงถือเป็นหลักในการทำธุรกิจที่เขายึดถือมาตลอด

- จิตวิญญาณนักสู้ ไม่ว่าจะเจอปัญหาและอุปสรรคสักเท่าไหร่ แต่ผู้พันแซนเดอร์สไม่คอยยอมแพ้ และยังพยายามสู้ต่อเพื่อความสำเร็จอยู่เสมอ เช่นเดียวกับธุรกิจของเขาที่ไม่ว่าจะต้องเจอปฏิเสธกี่ครั้ง สุดท้ายก็พยายามจนประสบความสำเร็จในที่สุด

3.) อีลอน มัสก์ ผู้นำอัจฉริยะ ด้านนวัตกรรมของโลก

มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ผู้ก่อตั้ง Tesla และ SpaceX ที่เปลี่ยนโลกด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ ผลักดันจนโลกต้องเอนเอียงมาใส่ใจรถยนต์ไฟฟ้า และจุดประกายความหวังของการเดินทางสู่ห้วงอวกาศของมนุษย์ จนมักถูกเรียกเทียบว่าเป็นไอร่อนแมนแห่งโลกความจริง ว่าแต่ภายใต้รอยหยักในสมองเขา มีแนวคิดใดที่ผลักให้เขากลายเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในยุคนี้ แถมยังเป็นมหาเศรษฐีได้ตั้งแต่วัย 23 ปี

ความสำเร็จสร้างขึ้นเองได้ เขามักจะบอกว่า “ความสำเร็จไม่มีวันมาได้มาง่าย ๆ หากไม่ลงมือทำ” ทุกอย่างต้องสำเร็จหากมีการลงมือทำ

- กล้าที่จะเสี่ยง เพราะหากสำเร็จแล้วมันต้องคุ้มค่า เขาจะมีมุมมองความคิดที่กว้างไกล และกล้าที่จะกำหนดเป้าหมายที่คาดว่าจะสำเร็จในอนาคต แม้หลายคนจะบอกว่ามันคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่มัสก์กล้าที่จะเสี่ยงในสิ่งที่เขาคิดว่าหากมันสำเร็จแล้วต้องคุ้มค่า 

- ต้องไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค เขามีความมุ่งมั่นต่อแนวคิด และโครงการที่จะทำทุกครั้ง ทำให้เขาไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคต่าง ๆ แม้ในอดีตที่ผ่านมา การทดสอบจรวดไปสู่อวกาศของเขาประสบความล้มเหลวหลายครั้ง แต่เขาไม่ยอมแพ้และยังคงทำสิ่งที่ผิดพลาดให้กลับมาสำเร็จอีกครั้ง

- ต้องรักในสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะหากไม่รัก ก็คงจะไม่มีความสุขและไม่มีใจที่อยากจะทำ แต่ถ้ารักในสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องคอยคิดถึงสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา และต้องไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ ให้คิดว่าเหมือนกับเป็นงานอดิเรกที่ทำเท่าไรก็ไม่มีทางเบื่อ

- ความล้มเหลวเป็นเหมือนตัวเลือก “ความล้มเหลวถือเป็นหนึ่งในตัวเลือก หากคุณยังไม่เคยพลาด นั้นอาจแปลว่าคุณยังไม่เคยที่จะริเริ่มสร้างสิ่งใหม่ ๆ” เขาจึงมักพยายามหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อต่อยอดให้สำเร็จ 

- ทุกวินาทีมีค่าเสมอ มัสก์เองก็ถือว่าเป็นหนอนหนังสือตัวยง เขาอ่านหนังสือมากพอ ๆ กับที่คนอื่น ๆ ชอบดูทีวี ในหนึ่งวันทุกคนต่างก็มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ซึ่งคุณไม่สามารถขอเวลาเพิ่มได้แม้แต่วินาทีเดียว ตัวเขาต้องการใช้เวลาทุกวินาทีให้เกิดประโยชน์เพื่อเรียนรู้ ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอดสิ่งใหม่ ๆ เสมอ

4.) โดราเอม่อน (Doraemon) ผู้นำมุมมอง ความเข้าใจ และยอมรับจุดอ่อนของผู้ตาม 

เชื่อได้ว่าในช่วงหนึ่งของวัยหลาย ๆ คน น่าจะเคยได้ดูการ์ตูนยอดนิยมและเป็นอมตะ อย่าง “โดราเอม่อน” ซึ่งนอกจากความมหัศจรรย์ของกระเป๋าสารพัดไอเทมวิเศษแล้ว อีกมุมหนึ่ง โดราเอม่อน ถือเป็นตัวละครที่สะท้อนให้เห็นถึงแบบอย่างของ “ผู้นำ” ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมาก โดยมีตาแว่นโนบิตะเป็นผู้เดินตามประจำ มาลองดูกันว่าวิถีของการเป็นผู้นำในแบบโดราเอม่อนเป็นอย่างไร

- ความมุ่งมั่นในการทำงาน ก่อนที่โดราเอม่อนจะถูกส่งมาช่วยโนบิตะนั้น โดราเอม่อนรู้แล้วว่าความไม่เอาไหนของโนบิตะเป็นอย่างไร แต่ว่าโดราเอม่อนเองแสดงความมุ่งมั่น ในการที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จ ซึ่งถ้าเราดูจากแต่ละตอน โนบิตะจะนำปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่มาปรึกษาโดราเอม่อนเสมอ แม้บางครั้งโดราเอม่อนจะท้อแท้บ้าง แต่ก็ไม่มีตอนไหนเลยที่แสดงให้เห็นความละเลยต่อการทำงานของตน และนั่นก็ทำให้โดราเอม่อนกลายเป็นส่วนสำคัญต่อความฝันของผู้ตามอย่างโนบิตะ ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเองจากคนไม่เอาไหนให้ได้สำเร็จตามที่ฝันไว้

- เข้าใจและยอมรับจุดอ่อนของผู้ตาม โนบิตะเปรียบเสมือนคนที่ขี้แพ้ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง แต่โดราเอม่อนก็มักจะทำความเข้าใจถึงความสามารถของโนบิตะที่น้อยนิด และพร้อมรับในจุดอ่อนต่าง ๆ ของโนบิตะด้วยความเต็มใจ จากนั้นก็คอยช่วยวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้ล่วงหน้า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะโดราเอม่อนเองก็เชื่อว่าบนความไม่เอาไหนของโนบิตะ ก็ซ่อนมุมมองของความตั้งใจอยู่ เช่น การมีจิตใจมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งต่าง ๆ และหาทางแก้ไขปัญหา แม้ว่าบางครั้งวิธีการแก้ไขปัญหาอาจดูไม่เหมาะสมก็ตาม ทำให้โดราเอม่อนเต็มใจช่วยเหลือโนบิตะเป็นอย่างดี

5.) เราทุกคน คือ ผู้นำ!! 

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความเป็นผู้นำของตัวเราเอง เราทุกคนสามารถที่จะเป็นผู้นำได้ดี เพราะเชื่อว่าภาวะผู้นำมีอยู่ภายในตัวเราทุกคน หากมีการเรียนรู้ ฝึกหัด และอบรมอย่างสม่ำเสมอ ก็ไม่ยากที่จะกระตุ้นภาวะผู้นำในตัวบุคคลออกมาได้ มาดูกันว่าคุณลักษณะใดบ้างที่เราควรหันมาพัฒนาเพื่อก้าวสู่การเป็น “ผู้นำ” บ้าง 

- มีความเชื่อมั่นในตัวเอง หากไม่เชื่อมั่นว่าจะทำได้ เราไม่มีวันที่จะทำได้ ดังนั้นความเชื่อมั่นในตัวเอง ต้องมาเป็นอันดับ 1 ก่อนการลงมือทำ ถ้าเราไม่เชื่อมั่นในตัวเองใครจะมาเชื่อมั่นในตัวเรา!! เพราะฉะนั้น...ทัศนคติเชิงบวกจะช่วยให้เราเชื่อมั่นในศักยภาพของเรามากขึ้น โดยเราต้องบอกตัวเองอยู่เสมอว่า “เราทำได้!” แล้วเราก็จะทำสำเร็จได้

- รับฟังผู้อื่นอย่างจริงใจ การรับฟังเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับผู้นำ เพราะการรับฟังทำให้เข้าใจผู้อื่น เมื่อหากเราต้องการนำใครแล้ว เราควรเข้าใจในความต้องการของเขา เมื่อผู้นำรับฟังผู้อื่นมากขึ้น ผู้อื่นก็จะรับฟังผู้นำอย่างเต็มใจ เมื่อเราพูด เราจะรู้เท่าที่เราพูด แต่เมื่อเราฟัง เราจะรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้

- เผชิญหน้าท้าอุปสรรคแบบปิดทองหลังพระ บทพิสูจน์ผู้นำที่แท้จริง คือ การเผชิญกับปัญหาแล้วสามารถแก้ไขได้อย่างสร้างสรรค์ ไม่ถอยหนีแม้ว่าจะเจออุปสรรคแค่ไหนก็ตาม ผู้นำมักจะอยู่ด้านหลัง เวลางานนั้นได้ผลสำเร็จตามเป้าหมาย แต่ผู้นำจะออกมายืนแถวหน้าทันที เมื่องานนั้นพบกับปัญหา และแก้ไขปัญหานั้นจนสำเร็จได้

- ความเป็นผู้รับผิดชอบอย่างแท้จริง ผู้นำจะรับทั้ง ผิด และ ชอบ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรก็ตาม คนที่มีความรับผิดชอบ จะทำให้การปฏิบัติงานไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ และช่วยให้การทำงานสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างดี

จริง ๆ แล้วการเป็นผู้นำที่ดี คงต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าลองวิเคราะห์จากบรรดาผู้นำที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น รวมถึงถ้าคุณได้เจอคนที่คุณกล้าเรียกเขาว่าผู้นำด้วยแล้ว จะพบสิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกัน คือ ‘พลังด้านบวก’ ที่ปล่อยออกมากระแทกกายและสัมผัสไปถึงข้างในใจ 

พลังที่พร้อมจะผลักให้เรากล้าเผชิญหน้ากับทุกความท้าทาย โดยมีเขาประคองอยู่ข้างหลัง และกระซิบเบา ๆ ให้เราเคลื่อนตัวได้แบบท้อถอย 

พลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ ที่ไม่ถูกปิดกั้น เมื่อเราอยากออกความคิดเห็น แต่ถ้าฟุ้งเตลิด เขาจะช่วยตบให้มันเข้ากรอบ และปล่อยให้เราบันเทิงกับมันต่อ

พลังแห่งการโอบอุ้ม เมื่อเรารู้สึกท้อแท้และหมดกำลังใจ ทำไมแค่คำพูดไม่กี่คำ ที่อาจจะมีทั้งหวานฉ่ำ หรือเข้มปนดุ กลับสร้างแรงกระตุ้นและฮึดกับอุปสรรคตรงไหนได้แบบไม่รู้ตัว

นั่นแหละ ‘ผู้นำ’ ที่มีตัวตน 


ข้อมูลอ้างอิง : https://www.tpa.or.th/publisher/pdfFileDownloadS/FQ146_p45-47.pdf

https://blog.jobthai.com/inspiration

https://www.marketingoops.com/exclusive/business-case/kentucky-fried-chicken/

https://www.maruey.com/article/contentinjournal/689

New Normal New Skill ทักษะแบบนี้สิ ที่ ‘ผู้นำ’ ยุคนี้ควรต้องมี!!

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่อยู่กับเรามานานมากกว่า 1 ปี ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง (กว้างมว้ากกกก) และทุก ๆ ประเทศทั่วโลกต่างก็เจอชะตากรรมสุดย่ำแย่ไม่ต่างกัน 

ทุกประเทศประสบปัญหาจากการติดเชื้อและมีผู้เสียชีวิตสูง กระทบไปสู่วิถีการใช้ชีวิตบางอย่างที่เคยคุ้น จนต้องปรับตัวอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจ การค้าขาย การทำงาน การศึกษา และอื่น ๆ

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมที่ต้องเปลี่ยน ทำให้เกิด ‘นวัตกรรมสุดด่วน’ เพื่อกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการเข้ามาชดเชยความเปลี่ยนแปลงในการใช้ชีวิตบางอย่างให้ทัน ใต้บริบทที่เรียกว่า New Normal หรือวิถีชีวิตแบบใหม่ จากเรื่องใหม่ ตัวแปรใหม่ ที่ต้องทำ ต้องใช้ และต้องอยู่กับมันให้กลายเป็นเรื่องปกติ

พูดถึง New Normal นอกจากจะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อวิถีชีวิตของมนุษย์แล้ว ยังส่งผลกระทบต่อหลายองค์กรธุรกิจ ที่ต้องปรับตัวเองเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมรวมของมนุษย์โลกไปในตัว

หนึ่งในสิ่งที่เริ่มเห็นชัดไม่แพ้กัน คือ ‘ผู้นำ’ ในยุค New Normal ต้องเริ่มปรับตัว เพิ่มทักษะ (Skill) ใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และนำพาองค์กรอยู่รอดต่อไปได้ในสังคม โดยหลัก ๆ ตอนนี้มี 3 ทักษะเร่งด่วนที่ผู้นำยุค New Normal ต้องมีไว้เพื่ออัพเกรดเป็นผู้นำยุคใหม่ได้แบบเต็มตัว!

3 ทักษะ (Skill) จำเป็น สำหรับผู้นำแห่งยุค New Normal มีอะไรบ้าง?

1.) Resilience & Adaptability

ความสามารถในการยืดหยุ่นและการปรับตัว ถือเป็นทักษะที่สำคัญอย่างมากในยุคนี้ เพราะท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงและปรับตัวได้เร็ว จะรับมือกับปัญหาที่เข้ามาได้ดีกว่าผู้ที่เอาแต่ยึดติดและจมอยู่กับปัญหา (อย่างที่บอกใครปรับตัวก่อนได้เปรียบกว่า) ซึ่งผู้นำที่มีทักษะนี้จะสามารถคิดวางแผนกลยุทธ์ หาทางออก ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงาน เพื่อพาทีมไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ นำผู้ตามให้ก้าวไปข้างหน้า กล้าที่จะเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการรับมืออย่างชาญฉลาด

ลองยกตัวอย่างง่าย ๆ หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารที่ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 เปิดขายเพียงแต่หน้าร้าน แต่เมื่อโควิดมา ร้านอาหารถูกปิด ไม่อนุญาตให้นั่งทานที่ร้าน ทุกคนอยู่บ้าน ยอดขายหล่นฮวบ จะปรับตัวอย่างไรล่ะ? สิ่งที่ร้านอาหารหลายร้านทำคือ ‘ปรับตัว’ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส เมื่อขายหน้าร้านไม่ได้ ก็หาช่องทางขายออนไลน์มันซะเลย ซึ่งการ ‘ปรับตัว’ และ ‘ยืดหยุ่น’ เช่นนี้ก็คือการเผชิญกับปัญหาและหาทางออกเพื่อให้ธุรกิจนั้นอยู่รอดไปได้

2.) Digital Skill

ทักษะนี้ใครไม่มีบอกเลยว่า Out!! เพราะตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 เรียกได้ว่า ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในสังคมอย่างมาก เพราะวิถีชีวิตรูปแบบใหม่ที่ทำให้การพบปะไม่สามารถพบเจอหรือรวมกลุ่มกันได้ตามปกติ ซึ่งเจ้าเทคโนโลยีเหล่านี้นี่แหละ เป็นตัวช่วยในการปรับเปลี่ยนรูปแบบทั้งด้านการทำงาน การวางแผน การนำเสนอต่าง ๆ เพราะฉะนั้นผู้นำในยุคนี้หากไม่มีความรู้หรือทักษะทางด้านดิจิทัล ก็อาจทำให้งานดำเนินไปได้ไม่สะดวกนัก หรือไม่สามารถนำผู้ตามให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ 

ยกตัวอย่าง ต่อเนื่องกับในข้อแรก ถ้าคุณเป็นเจ้าของร้านอาหาร การปรับตัวของร้าน เมื่อเปลี่ยนรูปแบบมาขาย ‘ออนไลน์’ จะเห็นได้ว่าดิจิทัลเข้ามามีบทบาทไม่น้อย ซึ่งถ้าคุณมีทักษะทางด้านดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือทางสื่อสังคมออนไลน์ อย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม หรือแม้แต่เข้าร่วมกับแอปฯ ฟู้ดเดลิเวอรี่ สิ่งเหล่านี้นี่แหละ การเพิ่มทักษะความเข้าใจของดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมาเป็นเครื่องมือที่จะทำให้ธุรกิจของคุณดำเนินต่อไปได้ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ให้กับธุรกิจคุณได้หากทำแล้วเกิด

3.) Emotional intelligence

แน่นอนว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นสร้างความกังวลใจให้กับคนทุกกลุ่ม สิ่งที่หลายคนอาจจะหลงลืม แต่ความจริงแล้วเป็นทักษะที่ต้องการอย่างมากในยุคที่ผู้คนตกอยู่ในความเครียด นั่นก็คือ ‘ความมั่นคงทางอารมณ์’ การจมอยู่กับปัญหา กลัว เครียด กดดัน นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ยังทำให้กระบวนการคิดและการตัดสินใจไม่ดีเท่าที่ควร นั่นหมายความว่าผู้นำที่มีความฉลาดทางอารมณ์ สามารถจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติ มีความเข้าใจและเห็นใจในตัวผู้อื่น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จในสิ่งที่ทำ เพราะผู้นำที่ดีจะช่วยเพิ่มศักยภาพของผู้ตามให้ดียิ่งขึ้น

ท่ามกลางวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อคนทุกกลุ่ม หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหา ยอดขายตก ปรับตัวไม่ทัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คุณจะรู้สึกเครียด และกดดัน แต่เมื่อไหร่ที่คุณนำอารมณ์เป็นตัวตั้ง แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของตัวคุณเอง รวมทั้งสมาชิกในธุรกิจ แถมอาจยิ่งทำให้ปัญหาที่มีกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ขึ้นไปอีกด้วย ดังนั้น ‘ความมั่นคงทางอารมณ์’ เองก็เป็นอีกหนึ่งทักษะที่ต้องมีและไม่ควรมองข้าม

จริง ๆ อาจจะมีทักษะใหม่ ๆ ที่พร้อมพอกพูนเข้ามาไม่รู้จบ แต่กับ 3 ทักษะนี้ น่าจะเป็นอาวุธที่ควรต้องมีของ ‘ผู้นำ’ ในยุค New Normal แบบด่วน ๆ 


อ้างอิงข้อมูล : https://adecco.co.th/th/knowledge-center/detail/new-normal-skills-2020
 

2 เหมือนสุดต่าง ระหว่าง 'เจ้านาย' vs 'ผู้นำ'

คุณเคยลาออกเพราะเจ้านายบ้างไหม? 

หากเจ้านายคือเหตุผลที่คุณลาออกจากงาน นั่นแสดงว่าคุณอาจโชคไม่ดี!!

เพราะคุณกำลังทำงานภายใต้การควบคุมของ ‘เจ้านาย’ มิใช่ทำงานกับ ‘ผู้นำ’ หรือคนที่จะพาคุณก้าวไปข้างหน้า 

ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะคำว่า “เจ้านาย” และ “ผู้นำ” อาจฟังดูคล้ายคลึงกันแต่ว่าความหมายแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

ข้อแรก เจ้านายบ้าอำนาจ แต่ ผู้นำกระจายอำนาจ 

เมื่อลูกน้องและงานอยู่ภายใต้การควบคุมของ เจ้านาย คนเป็นนายจะทำตัวแบบผู้มีสิทธิขาดในทุกเรื่อง เพราะถือว่ากุมอำนาจการตัดสินใจ แม้เขาจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในงานนั้น ๆ หรือเป็นผู้ลงมือทำงานด้วยตนเอง 

หนึ่งในความสามารถที่โดดเด่นของเจ้านายในมิตินี้ คือ การทำหูทวนลม เมื่อลูกน้องแย้งหรือออกความเห็น เพราะมองว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่นในฐานะเจ้านาย ความเห็นของลูกน้อง จึงไม่มีค่าเท่าความคิดของผู้เป็นนาย 

นอกจากนี้เจ้านายยังหวงสิทธ์และชื่อเสียงที่ได้มาจากตำแหน่งของตนเอง ลูกน้องที่โดดเด่น อาจโชคร้าย เพราะถูกเพ่งเล็ง 

ในทางตรงกันข้ามกัน หากเป็น ‘ผู้นำ’ บทบาทนี้จะต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะผู้นำจะรู้จักกระจายอำนาจและแบ่งงานให้บุคคลที่เหมาะสมกับงานนั้น ๆ มีดุลยพินิจที่เฉียบคมและสามารถมอบอำนาจให้ลูกน้องที่ตนเห็นว่ามีศักยภาพทำงานให้สำเร็จได้โดยมิได้กังวลว่าลูกน้องจะโดดเด่นกว่าตนเอง ลูกน้องที่ทำงานกับผู้นำ จึงได้รับทั้งโอกาสแสดงผลงาน ได้ปลดปล่อยอิสระทางความคิดมากกว่าลูกน้องที่อยู่ใต้ ‘เจ้านาย’

ข้อสอง เจ้านาย คือ หัวหน้า แต่ ผู้นำ คือ ผู้ร่วมทีม 

เจ้านายจะทำเพียงสั่งงาน ตรวจงานลูกน้อง ว่ากล่าวลูกน้องเมื่องานพลาด และรับคำชมเอาหน้าเมื่องานสำเร็จเท่านั้น อาจมีหลายกรณีที่ลูกน้องเห็นหน้าเจ้านายในวันแรกของการสั่งงานและวันสุดท้ายของการส่งงาน ซึ่งนั่นหมายความว่างานที่สำเร็จหรือไม่สำเร็จขึ้นอยู่กับทักษะและความสามารถของลูกน้องทั้งสิ้น 

แต่น่าขันที่ชะตาของลูกน้องกลับต้องขึ้นอยู่กับเจ้านายผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพัฒนาการของลูกน้องเลย 

ในขณะเดียวกัน ‘ผู้นำ’ เปรียบเสมือนผู้ร่วมทีมที่พร้อมจะร่วมหอลงโรงไปกับลูกน้อง ผู้นำมีความรับผิดชอบในการนำทางและดูแลลูกน้อง ไม่ว่าจะเรื่องทักษะการทำงานหรือความรู้สึกของลูกน้องในทีม ไม่เพียงแต่คำสั่งที่หลุดจากปากผู้นำ แต่ยังมีคำชม กำลังใจ และคำแนะนำเพื่อให้ลูกน้องเข้มแข็งทั้งเรื่องงานและจิตใจ 

เมื่องานผิดพลาดผู้นำจะรับผิดเนื่องจากบริหารไม่ดีเท่าที่ควร แต่ผู้นำจะยกความดีความชอบให้ลูกน้องที่ตนบริหารอยู่ เมื่องานสำเร็จ ลูกน้องในทีมผู้นำ ก็จะได้รับคุณค่าจากผลงานที่ได้ทำอย่างเต็มที่ เพราะว่าผู้นำเห็นลูกน้องเป็นส่วนสำคัญของงาน ต่างจากเจ้านายที่ไม่เห็นค่าของลูกน้อง เรียกได้ว่าเจ้านายเป็นนักสั่งงานตัวยง แต่ผู้นำเป็นผู้บริหารชั้นนำก็ไม่ผิด

ข้อสุดท้าย อำนาจของเจ้านายมาจากตำแหน่ง แต่อำนาจของผู้นำนั้นมาจากความสามารถ 

หากลูกน้องอยู่ภายใต้เจ้านาย ไม่เพียงแต่บุคลากรที่จะทุกข์กายและใจ แต่บริษัทรวมถึงงานพาลจะวิบัติกันไปหมด 

ตัวอย่างใกล้ตัวที่สุด อาจเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่พัฒนาเสียที บางประเทศที่ผู้บริหารประเทศนั้นเป็นได้เพียง ‘เจ้านาย’ แต่ไม่ใช่ ‘ผู้นำ’

แน่นอนว่าทุกวันนี้ในสังคมไทย มีความหลากระดับของสายพันธุ์มนุษย์ ตั้งแต่บนสุดของแท่งพีระมิด มาจนถึงกลาง-ล่างของฐานพีระมิด ที่ล้วนเต็มไปด้วย ‘เจ้านาย’ และ ‘ผู้นำ’ คละเคล้ากันไป ซึ่งในโลกของความจริง เราก็ยากที่จะเลือก ‘เจ้านาย’ หรือเลือก ‘ผู้นำ’ ได้ตามใจอยาก 

แต่สิ่งที่เราพอเลือกได้ คือ หากวันใดเราได้ก้าวผ่านจากสภาวะของ ‘ผู้ตาม’ เราจะเลือกปฏิบัติตนเป็น ‘ผู้นำ’ ที่ดีตามอุดมคติที่ฝันใฝ่ไว้ หรือเราก็เป็นได้แค่ ‘เจ้านาย’ ที่เราเคยแอบบ่น (ด่า) เมื่อถึงเวลาก้าวขึ้นสู่บังเหียน 

ต้องแยกแยะให้เป็นแต่เนิ่นๆ

ส่องสูตร ‘ผู้ว่าฯ หมูป่า’ ฝ่าทุกวิกฤต เพราะผู้นำเชิงรุก ต้องเล่นเกมบุกในทุกสถานการณ์

ย้อนกลับไปเกือบเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เหตุการณ์เด็ก 12 คน และครูฝึกฟุตบอลทีมหมูป่า 1 คน หรือเรียกกันว่า ‘13 หมูป่า’ นั้น ได้ติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย 

เหตุการณ์นี้สร้างปรากฏการณ์ในแบบที่ทั่วโลกต่างระดมความช่วยเหลือมาที่ประเทศไทย จนสุดท้ายทั้ง 13 คน ได้รับความช่วยเหลือออกมาจากถ้ำได้สำเร็จ นับเป็นความสำเร็จของยอดฝีมือทั่วโลก ในการแก้ไขภาวะวิกฤตครั้งนั้นจนสำเร็จ 

แต่เบื้องหลังความสำเร็จโดยแท้ อยู่ภายใต้ผู้บัญชาการหลักในสถานการณ์วิกฤตในครั้งนั้น…

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย!!

ใช่แล้ว!! นายณรงศักดิ์ โอสถธนากร หรือ หลายคนคุ้นกับคำว่า ‘ผู้ว่าฯ หมูป่า’ ในช่วงเวลานั้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สามารถบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตดังกล่าวได้อย่างน่าประทับใจ 

“ความเป็นความตายมันห่างกันแค่เส้นบาง ๆ นิดเดียว ถ้าเราตัดสินใจผิด ก้าวผิด จะทำให้เราหลุดเข้าไปสู่ในเส้นที่เราไม่ได้อยากเข้าไปในนั้น” นายณรงศักดิ์ เคยให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินใจครั้งนั้น ไว้ในบทสัมภาษณ์กับสื่อ ๆ หนึ่ง 

จากวันนั้นถึงวันนี้ วันที่วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ทำทั่วโลกผวา การช่วยเหลือกันระหว่างประเทศ อาจจะบางตาลง เพราะทุกคนเจอสภาพเดียวกัน นั่นหมายความว่า ทุกคน ทุกประเทศ ต้องหาทางดิ้นรนตามเส้นทางของตนเองให้ได้ 

จุดนี้ก็เป็นอีกบทพิสูจน์ ที่ตอกย้ำความเป็น ‘ผู้นำ’ ของ ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์อีกครั้ง ภายใต้การบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดในจังหวัดลำปาง ที่ท่านได้มารั้งตำแหน่งผู้ว่าฯ ของเมืองนี้ โดยมีเสียงสะท้อนจากสังคมดังระงมว่า ‘ลำปางรอดตาย’ เพราะท่านเป็นผู้นำโคตรเก่ง

เหตุเกิดจากการบริหารสถานการณ์วิกฤตในสไตล์แบบผู้นำเชิงรุก บุกเข้าไปจับทุกปัญหา แล้วแก้แบบไม่ให้เกิดการเสียเวลา ซึ่งเรื่องนี้สะท้อนผ่านเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนของคนลำปาง ที่ได้รับการเปิดเผยโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปาง (สสจ.) นายประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปางว่า…

“มีผู้ประสงค์จองการฉีดวีคซีน 2.3 แสนคน โดยประชากรในจังหวัดลำปางซึ่งมีประมาณ 7 แสนคนนั้น หากสามารถฉีดวัคซีนได้ครบ 5 แสนคน จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่มากพอ ที่จะทำให้คนลำปางถอดหน้ากากกินข้าวด้วยกันได้” นายแพทย์ประเสริฐ กล่าว

เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจำนวนคนลำปางที่พร้อมใจกันลงทะเบียนฉีดวัคซีนถึงมากมายเป็นรองเพียงกรุงเทพฯ เท่านั้น 

นั่นก็เพราะคนลำปางให้ความไว้เนื้อเชื่อใจแก่ผู้นำของเขา!!

แล้วผู้นำของเขามีอะไรให้น่าเชื่อใจ?

การบริหารสถานการณ์วิกฤตโรคระบาดของผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เป็นหลักการบริหารงานแบบมืออาชีพ ตั้งแต่การสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่ในมิติต่าง ๆ ของเรื่องวัคซีน จนประชาชนเกิดความมั่นใจ ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงข้ามวัน แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการบ่มเพาะแบบข้ามคืน

แผนงานของ ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ หากกางออกมาแล้วจะพบว่า มีทั้งการตั้งเป้าหมาย เขียนแผน และมีการดำเนินงานไปตามแผนอย่างลงรายละเอียด หลังจากนั้นก็มีการสร้างทีม โดยกระจายทีมออกเป็น 3 ทีม ด้วยเหตุผลรองรับว่า หากมีทีมใดทีมหนึ่งเกิดติดเชื้อโควิด-19 จากการปฏิบัติงาน อีก 2 ทีม ก็สามารถทดแทนกันได้

นอกจากนี้ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ยังใช้กลไกระดับท้องถิ่นของระบบสาธารณสุข ซึ่งก็คือ อสม. หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เคาะประตูทุกบ้าน เพื่อไปช่วยเหลือให้ชาวบ้านเข้าถึงการลงทะเบียนฉีดวัคซีนได้ไว เพราะเข้าใจถึงสภาพความจริงว่าคนเถ้าคนแก่ หรือคนต่างจังหวัดบางส่วน ยังเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี อย่างเช่น การลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ‘หมอพร้อม’ ตามที่สาธารณสุขกลางให้ลงทะเบียนนั้น มีหลายคนไม่มีโทรศัพท์มือถือ ก็ทำไม่ได้ เป็นต้น

ยิ่งไปกว่านั้น ทางจังหวัดลำปางยังได้สร้างแอปพลิเคชัน ‘ลำปางพร้อม’ เพื่อรวบรวมข้อมูลของประชาชนในพื้นที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน ‘หมอพร้อม’ ระบบใหญ่อีกต่างหาก เพื่อป้องกันปัญหาคอขวด ข้อมูลไม่ครบ โดยเจ้าหน้าที่ของทางจังหวัดและอสม. จะเก็บรายงานทั้งหมด และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเอง เยี่ยมไปเลยใช่ไหมล่ะ!!

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่เหนือยิ่งกว่าระบบการบริหารจัดการเชิงรุก ก็คือ การสื่อสารอย่างจริงใจและมีจิตวิทยาของผู้นำ คือ ไม่ปกปิดข้อเท็จจริง ลุยงานด้วยตัวเอง และใช้วาทะที่ว่า “หากใครไม่ร่วมลงทะเบียนฉีดวัคซีน จะกลายเป็นคนนอกคอกนะ” การสื่อสารเช่นนี้ ก็ถือเป็นจิตวิทยาที่น่าสนใจ สุดท้ายลำปางจึงกลายเป็นจังหวัดที่เปอร์เซ็นต์ผู้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนต่อประชากรสูงที่สุดในประเทศในช่วงนั้น

สถานการณ์สร้าง ‘วีรบุรุษ’ ฉันใด ในภาวะวิกฤตสงครามก็มักจะสร้าง ‘ผู้นำ’ ที่ยอดเยี่ยมฉันนั้น!!

2 เหตุการณ์วิกฤตใหญ่ระดับโลก กับ 1 ผู้นำที่ชื่อว่า ณรงศักดิ์ โอสถธนากร คงพอจะทำให้เราได้รู้แล้วว่า…

ผู้นำที่ดี ที่ประชาชนเขาอยากได้ มันเป็นแบบนี้นี่เอง!!

 

Passion กับ Opportunity คุณจะเลือกอะไร?|คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.13

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

.

‘กองอาทมาต’ นักรบผู้รับใช้กษัตริย์ | The States Times Story เรื่องจริง ฟังเพลิน โดย เจต ณ นคร : EP.19

มีปรากฏหลักฐานที่กล่าวถึง “อาทมาต” มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีหลักฐานชิ้นหนึ่ง คือ พระราชกำหนดเก่าถึงผู้รักษาเมืองและผู้รั้งกรมการเมือง ให้ตั้งผู้ใหญ่บ้านขึ้นตรวจตราจับผู้ร้าย มีเนื้อหาตอนหนึ่งระบุถึงพระราชกำหนดใช้ในหัวเมืองว่า ‘อาทมาตมีทำหน้าที่ลาดตระเวนจับผู้ร้าย’ เหตุนี้จึงอนุมานว่าในสมัยนั้น อาทมาต น่าจะเป็นชื่อของกองกำลังในราชการที่ทำหน้าที่ลาดตะเวนและสืบราชการบริเวณหัวเมืองและชายแดนสมัยโบราณ และ อาทมาต ยังเป็นชื่อเรียกวิชาดาบแขนงหนึ่งของไทย มีจุดเด่นอยู่ที่ความรวดเร็วและรุนแรง เชื่อกันว่าตกทอดมาครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

.

.

คาเฟ่ยุคเรามันสุดปัง | คิดเพลิน Learn & Play Talk EP.12

คุณอยู่กับ Podcast face to face รายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ฟังง่ายได้สาระ  

พูดคุยประเด็นต่างๆ แบบเพลินๆ พบกันทุกวันจันทร์ - อาทิตย์ เวลา 22.00 น. 

ติดตามชมรายการ “คิดเพลิน Learn & Play Talk” ได้ทาง YouTube และ Facebook Fanpage ของ THE STATES TIMES 

อย่าลืม! กดไลก์ กดแชร์ กด Subscribe 

.

.

.

Click on Clear THE TOPIC จับประเด็น เน้นความรู้ EP.2/1 ตอน หยุดผลักดันผู้ลี้ภัย คนทุกคนควรได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรม

หยุดผลักดันผู้ลี้ภัย คนทุกคนควรได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรม

หลักมนุษยธรรม คือ หลักสากลที่จะต้องช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ในยามหนีตายจากภาวะสงคราม แต่รัฐบาลไทยกลับผลักดันให้ผู้ลี้ภัยจากเมียนมาร์กลับประเทศ จิตใจทำด้วยอะไร ?

พบกับ มานพ คีรีภูวดล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล

ดำเนินรายการโดย ปริม กุญชนิตา กุญชร ณ อยุธยา Host & Content Creator THE STATES TIMES

.

.

ถอดรหัส 'วันทอง' รอยต่อ 'ความสำเร็จ' ขึ้นแท่น “นัมเบอร์วัน” ละครหลังข่าว | LOCK LENS GURU EP.20

???? GURU : อาจารย์อาทิตยา ทรัพย์สินวิวัฒน์ อาจารย์ประจำสาขานวัตกรรมการสื่อสาร วิทยาลัยนวัตกรรมสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

▶️ หัวข้อ : ถอดรหัส 'วันทอง' รอยต่อ 'ความสำเร็จ' ของช่องวัน ขึ้นแท่น “นัมเบอร์วัน” ละครหลังข่าว

อ่านคอลัมน์เพิ่มเติม : https://thestatestimes.com/post/2021050213

 ???? ดำเนินรายการโดย เจ THE STATES TIMES 

.

.


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top