Monday, 20 May 2024
LITE TEAM

ถือว่าเป็นช่วงที่งานรุ่งแต่รักร่วง สำหรับสาว “ฟ้า ษริกา สารทศิลป์ศุภา” ที่กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์รักวัยรุ่นเรื่องใหม่ “วอน(เธอ)” ของค่าย M39 ร่วมกับ แมดอะไรดี กำหนดเข้าฉายในวันที่ 24 ธันวาคม 2563

งานนี้เรียกได้ว่าฟ้าได้รับบทนางเอกแบบเต็มตัว หลังจากโลดแล่นในวงการบันเทิงและแสดงความสามารถมาหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่วายมีเรื่องเศร้า เมื่อความรัก 7 ปีกับแฟนหนุ่ม “เฟิด คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์” นักร้องนำวงสล็อตแมชชีน ต้องจบลง สร้างความเศร้าให้สาวฟ้าไม่น้อย แล้วอะไรคือจุดหักเหที่ทำให้ความรักครั้งนี้ต้องจบ

“ฟ้า ษริกา” นักแสดงอิสระ และบิวตี้บล็อกเกอร์สาวสวย ที่ก่อนหน้านี้ได้คบหาดูใจกับ “เฟิด” นักร้องนำวงสล็อตแมชชีน โดยฟ้าเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ชอบความเป็นผู้ใหญ่ของเฟิด มีทัศนคติในการใช้ชีวิตที่คล้าย ๆ กัน คบกันแล้วช่วยเหลือกันพากันไปในทางที่ดี เลยทำให้มีความสุข

แต่แล้วเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา ฟ้าได้ออกมาเปิดใจในรายการไนน์เอนเตอร์เทน ว่ายุติความสัมพันธ์กับเฟิดได้ 1 เดือนกว่าแล้ว หลังคบหาดูใจกันมายาวนานถึง 7 ปี โดยก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้ลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเมื่อต้นปี 63

หากมองความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันในเรื่องของอายุ ที่ห่างกันถึง 10 ปี แต่ก่อนหน้านี้ฟ้าและเฟิดเคยให้สัมภาษณ์คู่กันไว้ว่า สำหรับความห่างเรื่องอายุนั้นอาจมีปัญหาบ้าง แต่ไม่มีปัญหาเรื่องความคิด เพราะว่าฟ้ามีความคิดเป็นผู้ใหญ่ และทั้งคู่คุยกันด้วยเหตุผล เวลามีปัญหาก็เหมือนเพื่อนคอยปรึกษากัน

หลายคนมุ่งเป้าไปที่ตัวเลขอาถรรพ์รัก 7 ปี ที่ทำให้รักครั้งนี้ต้องจบ แต่ฟ้าก็ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นเพียงตัวเลข ระยะเวลาที่นาน อาจทำให้เกิดความอิ่มตัว เลิกกันครั้งนี้ตนก็เฮิร์ต เพราะเป็นความสัมพันธ์ที่รู้สึกดี แต่แค่เรื่องของทัศนคติและเป้าหมายที่ไม่เวิร์ก ในเรื่องของชีวิตคู่มีหลายอย่างที่ต้องปรับ ต้องเข้าใจ ต้องมองเป้าหมายที่ไปในทางเดียวกัน แต่ถ้าไม่ไปทางเดียวกัน มันก็ไปด้วยกันยาก โดยเฉพาะวิธีคิดในเรื่องชีวิตคู่ในอนาคต

ส่วนเหตุผลหลักที่ฟ้าเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอเลือกจบความสัมพันธ์ก่อนนั้นมาจากเรื่องของทัศนคติ เป้าหมายการใช้ชีวิต เพราะพอมีคำว่าชีวิตคู่ ตนมองว่ามันต้องมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน คิดร่วมกัน ต้องแชร์กัน ซึ่งบางทีอาจไม่ลงตัว ไม่ใช่ว่าเห็นไม่ตรงกันซะทีเดียว แต่แค่ไปคนละทาง

และถึงแม้วันนี้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะจบลง แต่ฟ้าก็กล่าวว่าตนไม่เสียดาย เพราะเต็มที่ทุกครั้งที่มีความรัก ได้อะไรดี ๆ และประสบการณ์ดี ๆ จากอีกฝ่ายเยอะ หากต้องเสียดายคงเสียดายที่ไม่ได้ไปกันต่อ และยืนยันว่าไม่มีเรื่องของมือที่สามแน่นอน เพราะถ้ามีมือที่สามคงจะตัดใจได้ง่ายกว่านี้

จากคำให้สัมภาษณ์และความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านแววตาของฟ้า ษริกา ตอนที่พูดถึงความรักครั้งนี้ หากใครได้ชมบทสัมภาษณ์ก็อาจเผลอน้ำตาคลอตาม เพราะสิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้คือความรักตลอด 7 ปีนั้นยังอยู่ เพียงแต่ปัจจัยที่จะทำให้ความรักไปต่อไม่ได้มีเพียงแค่รักกัน แต่ในวัยที่โตขึ้น อายุที่มากขึ้น ทัศนคติและเป้าหมายก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้คนสองคนตัดสินใจใช้ชีวิตด้วยกันอย่างคู่ชีวิต แต่หากยังไม่ใช่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเพื่อค้นหาสิ่งที่พอดี

24 ธันวาคม พ.ศ. 2483 เมืองไทยประกาศให้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่

วันนี้ที่ต่างประเทศ อาจจะเรียกว่าเป็นวันคริสต์มาสอีฟ แต่สำหรับที่เมืองไทย รู้หรือไม่ว่า 24 ธันวาคม ในปี พ.ศ. 2483 หรือเมื่อกว่า 80 ปีที่แล้ว วันนี้เป็นวันที่ทางการประกาศให้เมืองไทยมีวันขึ้นปีใหม่ ตรงกับวันที่ 1 มกราคม เป็นครั้งแรก

แรกเริ่มเดิมที เมืองสยามของเรากำหนดให้วันขึ้นปีใหม่ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย โดยคำว่าเดือนอ้าย หมายถึงเดือน 1 หากนับตามปฏิทินจันทรคติไทย มักจะเริ่มในเดือนพฤศจิกายน หรือ ธันวาคม ต่อมา ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้กำหนดใหม่ให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่แทน กระทั่งเวลาผันผ่านมาจนถึง วันที่ 24 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2483 ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ให้เป็นวันที่ 1 มกราคม

โดยมีเหตุผล 4 ประการคือ 1 เป็นการไม่ขัดกับหลักพุทธศาสนาในด้านการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ 2 เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมศาสนาพุทธ 3 ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก 4 เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย

และนับจากประกาศดังกล่าว ก็ทำให้ประเทศไทยได้ถือเอาวันที่ 1 มกราคมของทุกปี เป็นวันเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่จวบจนปัจจุบัน

 

สมาคมนักข่าวบันเทิงส่งท้ายปี 2563 ด้วย 10 ฉายาศิลปิน-ดารา ถือเป็นธรรมเนียมที่ต้องมีออกมาหยอกสร้างรอยยิ้มกันทุกปี โดยในปีนี้ 10 ศิลปินดาราที่ได้รับความนิยมสูงสุด พร้อมได้รับฉายา ได้แก่

1.) “เบลล่า - ราณี” กับฉายา “อีเรียมกู้ชาติ” เนื่องจากภาพยนตร์อีเรียมกู้ชาติที่เบลล่าเป็นนางเอก ทำรายได้ถล่มทลาย กู้คืนชื่อเสียงวงการภาพยนตร์ไทย

2.) “แต้ว - ณฐพร” กับฉายา “นาคีลอกคราบ” เหตุเพราะสลัดลุคนางเอกสายหวานเป็นสวยแซ่บเซ็กซี่หลังเปิดตัวคบกับหวานใจ “ไฮโซณัย ประณัย”

3.) “อั้ม - พัชราภา” กับฉายา “ตัวแม่ทำแทนไม่ได้” เพราะยืนหนึ่งในวงการ ไม่มีใครแทนที่ได้ ละครที่กลับมารับเล่นก็เรตติ้งเปรี้ยงปร้างไม่มีแผ่ว

4.) “หนุ่ม - ศรราม” กับฉายา “คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว เทเมียทิ้ง” เพราะเรื่องราวกับภรรยาเก่า ที่มีเรื่องหนี้สินเข้ามาเกี่ยวข้อง จนหมดความอดทน ทำให้ตอนนี้แยกทางกัน กลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเต็มตัว

5.) “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” หรือ “รัชนก สุวรรณเกตุ” กับฉายา “ฉาวทั้งอำเภอเพราะเธอคนเดียว” เจ้าของค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น ที่มีคดีกับ “เก้า-เกริกพล” นักร้องที่มาร่วม featuring ในเพลงจะเลิกคุยทั้งอำเภออันโด่งดัง สาเหตุเพราะถูกกล่าวหาว่าเบี้ยวค่าตัว

6.) “ซาร่า - คาซิงกินี” กับฉายา “แม่ม่ายสายโป๊ะ” เหตุเพราะถูกจับโป๊ะที่บอกว่าตนเองเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่เคยจ้างพี่เลี้ยง แต่เบิกเงินค่าพี่เลี้ยงจาก “ไมค์-พิรัชต์” ปีละ 3 แสนบาท

7.) “แมท - ภีรนีย์” กับฉายา “นางเอกมือปราบสายเกรียน” เห็นเงียบ ๆ แม่ฟาดเรียบ ลุยฟ้องเกรียนคีย์บอร์ดแบบไม่ปราณี เรียกค่าเสียหายรายละ 1 ล้านบาท เพราะทนกับถ้อยคำหยาบคายที่ถูกต่อว่าบนโซเชียลมีเดียมาอย่างยาวนาน

8.) "รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น" กับฉายา “แก้วลอย คอยที่ศาล” จากกรณีที่ถูก “ไฮโซแชมป์” ปาแก้วใส่และใช้ขวดตีจนได้รับบาดเจ็บในผับแห่งหนึ่ง สาเหตุเพราะหึงหวง “น้ำหวาน เดอะเฟซ” แฟนสาว 

9.) “ธัญญ่า - ธัญญาเรศ” ฉายา “เมียหลวงเนเวอร์ดาย” เพราะความคาสโนว่าของหนุ่ม “เป๊ก - สัณณ์ชัย” สามี ทำให้เมียหลวงอย่างธัญญ่าต้องออกมาจัดการบ้านเล็กบ้านน้อย ที่ไม่ยอมต่างคนต่างอยู่ แถมคราวนี้พาลมายุ่งกับลูกสาวสุดที่รัก จึงต้องทำให้รู้บ้างว่าใครเป็นใคร 

10.) “ไบร์ท - วชิรวิชญ์ และ วิน - เมธวิน” กับฉายา “คู่จิ้นฟินหลาย (ล้าน)” เป็นปรากฎการณ์คู่จิ้นวายอีกหนึ่งคู่ที่สร้างรายได้มหาศาล เพราะไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็งานรุ่งพุ่งสุด ๆ


สำหรับฉายาปีนี้ของแต่ละคนถือได้ว่ายังเบา ๆ เพราะ รักหรอกจึงหยอกเล่น หวังว่าฉายาปีนี้จะโดนใจใครหลาย ๆ คนน้า

‘น้าหงา’ ครูใหญ่เพลงเพื่อชีวิต เปิดตัวกาแฟออแกนิก Uncle Coffee

ขอวางกีต้าร์แปร๊บนึง สำหรับ ครูใหญ่แห่งวงการเพลงเพื่อชีวิต "สุรชัย จันทิมาธร" มานำเสนอผลิตภัณฑ์กาแฟไตล์ออแกนิกในชื่อแบรนด์ว่า "Uncle Coffee" โดยเมื่อช่วงเช้า เจ้าตัวเพิ่งโพสต์แนะนำสินค้าใหม่ของตัวเองในแฟนเพจสุรชัย จินทิมาธร

แจ้งข่าว - ผลิตภัณฑ์ใหม่ยี่ห้อลุง หรือ uncle coffee ออกแบบเรียบ ๆ ให้ดูง่าย ๆ สะดุดตาเล็กน้อย

อีกผลงานหนึ่งของกลุ่มคณาจารย์แม่โจ้ ที่ศึกษาค้นคว้าเกษตรอินทรีย์บนที่สูงมานานนับหลายปีในนามกาแฟป่า จังหวัดเชียงราย จะเริ่มการจัดจำหน่ายเร็ว ๆ นี้

เอ้า! ผ่าง ๆๆๆ

ปิดท้ายด้วยเสียงตีกลอง ตีโล่ห์ดังผ่าง ๆๆๆ ขนาดนี้ The States Times ก็เลยต้องช่วยอาจารย์หงาบอกต่อแควน ๆ เอ้ย! แฟน ๆ ให้มาช่วยกันอุดหนุน สามารถไปดูรายละเอียดกันได้ในเพจสุรชัย จันทิมาธร ของดีต้องบอกต่อจ้า!!

23 ธันวาคม พ.ศ. 2523 วันเกิด ‘ทราย เจริญปุระ’ อดีตแม่นากที่กลายเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง

วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของนักแสดง แถมยังเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เธอคือ ทราย เจริญปุระ หรือ อินทิรา เจริญปุระ ซึ่งหากย้อนเวลากลับไป ทรายเริ่มต้นงานในวงการบันเทิงด้วยการเป็นนักแสดงนำในละครเรื่องล่า และจากผลงานเรื่องนี้ก็ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในเวลาอันรวดเร็ว

ก่อนจะมีผลงานละครตามมาอีกมากมาย อาทิ บ้านสอยดาว, กองพันทหารเกณฑ์, เจ้าสัวน้อย จากนั้นเธอก็ก้าวกระโดดไปเป็นศิลปินออกอัลบั้มกับค่ายแกรมมี่ฯ ในชื่อชุดแรกว่า ‘นาฬิกาทราย’

ทรายยังออกอัลบั้มเพลงตามมาอีก 2 ชุด ก่อนที่ในปี พ.ศ. 2542 เส้นทางในวงการบันเทิงของเธอจะพีคอีกครั้ง เมื่อหนัง ‘นางนาก’ ที่เธอสวมบทบาทเป็นแม่นาก โด่งดังจนกลายเป็นหนังทำรายได้สูงสุดในปีนั้น

ผ่านเวลาไปไม่นานนัก เธอก็หันมาหยิบปากกาเป็นนักเขียน และเริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงนักคิด นักเขียน รวมทั้งนักเคลื่อนไหว ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เธอมักจะสะท้อนแนวคิด การเขียน เชิงวิพากษ์วิจารณ์ความเป็นไปของสังคมการเมืองอยู่เป็นระยะ กระทั่งกลายเป็นหนึ่งในคนดังที่มีภาพลักษณ์เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองไปในที่สุด

วันนี้เป็นคล้ายวันเกิดของนักแสดงสาว มีอายุครบ 40 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เธอและแกนนำกลุ่มราษฎรจำนวน 8 ราย เพิ่งถูกหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้มารับทราบข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 และข้อหายุยงปลุกปั่น มาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ จากเหตุการณ์ชุมนุม ที่บริเวณกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

‘กุ้ง’ สัตว์ตัวจิ๋วที่มีประโยชน์ใหญ่เกินตัว

หลังจากที่มีการระบาดของโควิด-19 ที่แพกุ้ง จ.สมุทรสาคร เป็นเหตุให้ช่วงนี้ควร ‘งดกุ้ง’ กันสักระยะ แต่ลองมาทบทวนคุณประโยชน์ของกุ้งกันสักหน่อยดีกว่า เผื่อเมื่อไรที่ได้กลับมากิน จะได้รู้ว่า กุ้งมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

กุ้ง...ช่วยลดน้ำหนัก

กุ้งเป็นแหล่งโปรตีนและวิตามินที่ดี ที่สำคัญคือ ไม่เพิ่มปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหาร จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ในส่วนของเปลือกกุ้งจะมีสารที่เรียกว่า ไคติน (Chitin) ทางการแพทย์ระบุว่าไคตินเป็นสารที่ไม่ดูดซึมเข้าร่างกาย มีส่วนช่วยในการเคลื่อนตัวของกากอาหารในลำไส้ คล้ายกับอาหารจำพวกไฟเบอร์ จึงช่วยในการขับถ่ายไปในตัว

กุ้ง...ช่วยชะลอวัย

กุ้งมีสารคาโรทีนนอยด์ที่ชื่อว่าแอสตาแซนธิน ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถช่วยลดการทำร้ายผิวที่เกิดจากแสงแดดและรังสียูวีเอ การกินกุ้งเป็นประจำ จึงมีส่วนช่วยในการลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำลงได้

.

กุ้ง...ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

โดยเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อตา เพราะในตัวกุ้งมีสารแอสตาแซนธิน มีส่วนช่วยในการลดอาการตาล้าจากการใช้สายตามากๆ และจากการศึกษาเพิ่มเติม กุ้งยังมีสารประกอบที่มีคุณสมบัติคล้ายสารป้องกันการแข็งตัวของเลือด จึงเป็นประโยชน์ในกระบวนการฟื้นฟูเส้นเลือดฝอยของร่างกาย 

กุ้ง...ช่วยลดการผมร่วง

กุ้งมีสารสังกะสี ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างและคงสภาพเซลล์ใหม่ จึงมีผลต่อการช่วยรักษาเซลล์รากผมและผิวหนังให้มีสุขภาพดี ไม่ร่วง ไม่บาง ทำให้ดูอ่อนกว่าวัย

.

กุ้ง...ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก

อย่างที่เล่าไปว่า ในตัวกุ้งมีโปรตีนและวิตามินจำนวนมาก รวมถึงแร่ธาตุสำคัญๆ เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส รวมทั้งแมกนีเซียม ซึ่งถ้ากินกุ้งเป็นประจำ แร่ธาตุเหล่านี้จะมีส่วนช่วยลดภาวะกระดูกเสื่อม รวมทั้งชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย


.

กุ้ง...มีสารต่อต้านการก่อตัวของมะเร็ง

สารแอสตาแซนธินในกุ้ง ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ นอกจากนี้ แร่ธาตุที่ชื่อว่า ซิลิเนียม ที่มีอยู่ในกุ้ง แม้จะเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการน้อยกว่า 100 กรัมต่อวัน แต่กลับเป็นแร่ธาตุที่ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็งได้หลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งปอด

ประโยชน์ของ ‘กุ้ง’ มากมายหลายประการจริงๆ แต่เมื่อไรที่ซื้อมากิน หรือซื้อมาประกอบอาหาร ควรทำความสะอาดให้เรียบร้อย เพื่อความปลอดภัยแก่ร่างกาย...

 

เช้านี้อากาศเย็นลงต่อเนื่อง ยอดดอยอุณหภูมิลดลงกว่า 0 องศา

ถือเป็นจุดที่ใช้วัดความหนาวเหน็บได้เป็นอย่างดี สำหรับดอยอินทนนท์ ซึ่งเมื่อเช้านี้ อุณหภูมิบนยอดดอยอินทนนท์ ก็ลดต่ำลงถึง 0 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ภาพรวมของภูมิอากาศในช่วง 1 - 2 วันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้รายงานว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลความเย็นกำลังแรงจากประเทศจีน ได้แผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิเฉลี่ยจะลดลงอีก 2 - 3 องศาเซลเซียสในภาคเหนือ

ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 - 2 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ประกอบกับมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นลงไว้ด้วย

22 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ‘เขาทราย แกเล็คซี่’ แชมป์โลกขวัญใจชาวไทยสร้างสถิติหน้าใหม่แห่งวงการมวย

เมื่อคืนรายการ 10 Fight 10 เพิ่งปิดเวทีไป กับชัยชนะของ ‘รัศมีแข ฟ้าเกื้อล้น’ คู่มวยสุดท้ายของซีซั่นนี้ เช้าวันนี้เลยขอโหนกระแสเรื่องหมัดๆ มวยๆ กันสักหน่อย พาคุณไปทวนความทรงจำกับนักกีฬาของคนไทย ยังจำกันได้ไหมครับ นักมวยสุดยอดขวัญใจชาวไทยคนนี้ ‘เขาทราย แกแล็คซี่’

ชื่อนี้ใน พ.ศ. นี้ หลายคนอาจคุ้นๆ ว่า เขาเป็นนักแสดงแนวตลกทางทีวีใช่ไหม อันนี้ก็ไม่ผิดอะไร แต่เรื่องจริงยิ่งกว่าจริงนั้น ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 30 กว่าปีก่อน เขาทราย แกแล็คซี่ คือแชมป์มวยโลกที่มีฉายาพ่วงท้ายว่า ‘ซ้ายทะลวงไส้’ มากไปกว่านั้น เขาคือนักมวยแชม์โลกในรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวทของสมาคมมวยโลก ที่สามารถป้องกันแชมป์ได้มากที่สุดถึง 19 ครั้งด้วยกัน

และวันนี้เมื่อราว 29 ปีก่อน หรือ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เป็นวันที่เขาทรายสามารถสร้างสถิติป้องกันแชมป์โลกได้มากที่สุดในเอเชีย โดยเอาชนะคะแนน อาร์มันโด คาสโตร ไปได้ที่เวทีมวย ณ สนามเทพหัสดิน โดยเป็นการป้องตำแหน่งครั้งที่ 19 จากผลงานการน็อคคู่ต่อสู้ไปได้ถึง 16 ครั้ง ที่เหลือเป็นการชนะคะแนนอีก 3 ครั้ง หลังจากนั้นเขาทรายก็ประกาศแขวนนวม พร้อมกับทิ้งสถิติแชมป์โลกผู้ไม่เคยแพ้ใคร ตลอดระยะเวลาในครองตำแหน่ง 2,628 วัน หรือ 7 ปี 2 เดือน 30 วัน

บันทึกประวัติศาสตร์นี้ผ่านกาลเวลามายาวนานจนผู้คนอาจหลงลืมกันไปบ้าง แต่เรื่องจริงที่ยังไม่เคยถูกลบเลือนไปได้ คือสถิติอันยอดเยี่ยม ที่ถึงวันนี้ ยังไม่เคยมีนักมวยไทยคนไหนทำได้เทียบเคียงเท่าซ้ายทะลวงไส้คนนี้ได้เลย...

 

 

 

 

Zeed EP 1 : คู่ปะทะ สุด Zeed! แห่งปี

Zeedddddddddd!!!

เข้าสู่ช่วงสิ้นปี และเริ่มต้นนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่กันอีกครั้ง ปีหนึ่งๆ ผ่านไปเร็วเหลือเกิน โดยเฉพาะปี 2020 นี้ หลายคนบอกผ่านไปไว ส่วนบางคนบอก ผ่านไปไวไวน่ะดีแล้ว เหนื่อยหนักซะเหลือเกิน และเพื่อเป็นการส่งท้ายปี 2020 

ทีมงานกองบรรณาธิการ The States Times เลยหยิบเรื่องราว ‘สุดซี้ดดด!’ ในรอบปีที่ผ่านมา มาทบทวนกันอีกสักที เริ่มต้นด้วย ‘คู่ปะทะสุด Zeed! แห่งปี’ ใครปะทะใครกันบ้าง? ไปดู!

 

เปิดตัวล่ะจ้า! สำหรับร้านกาแฟเกร๋ๆ ของซูเปอร์สตาร์ฟุตบอลเมืองไทย ‘เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์’ งานนี้ร่วมหุ้นกับโค้ชศิษย์พี่ที่รัก ‘โค้ชอ้น-รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค’ เฮดโค้ชทีมโปลิศ-เทโร ในปัจจุบัน

เปิดตัวล่ะจ้า! สำหรับร้านกาแฟเกร๋ ๆ ของซูเปอร์สตาร์ฟุตบอลเมืองไทย ‘เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์’ งานนี้ร่วมหุ้นกับโค้ชศิษย์พี่ที่รัก ‘โค้ชอ้น - รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค’ เฮดโค้ชทีมโปลิศ - เทโร ในปัจจุบัน ซึ่งวันนี้ทั้งสองคนถือฤกษ์งามยามดี Grand Opening อย่างเป็นทางการแล้ว

สำหรับที่มาของการเปิดร้านกาแฟครั้งนี้ เนื่องจากทั้ง เจ และ โค้ชอ้น ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งถ้าใครได้ติดตามอินสตราแกรมของเมสซี่เจ จะเห็นว่า ช่งที่อยู่ที่ญี่ปุ่น จะมีภาพเจสิงสถิตอยู่ตามร้านกาแฟที่ญี่ปุ่นเป็นประจำ แถมทั้งสองคนยังมีความสนิทสนมกันมานาน จึงตัดสินใจลงขันเปิดร้านกาแฟร่วมกัน

ส่วนแบรนด์ร้านกาแฟ Mikka นี้ก็ไม่ธรรมดา เป็นร้านกาแฟที่มีแฟรนไชส์กว่า 40 สาขาทั่วประเทศ รูปแบบการตกแต่งร้านครั้งนีก็มีความเป็นเจแปนนีสสไตล์ ให้เข้ากับสไตล์นักเตะเจลีกของเจนั่นเอง

งาน Grand Opening เมื่อเช้านี้ มีเพื่อนๆ นักฟุตบอลคนดังไปร่วมงานกันมากมาย ส่วนคอกาแฟคนไหนสนใจไปชิมกาแฟอร่อยๆ สามารถไปเจอได้ที่ร้าน Mikka ชั้น 1 ตึก HUG ถนนราชดำริ ด้านหลังสวนลุมพินี พร้อมเสิร์ฟ!


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top