Wednesday, 21 May 2025
TheStatesTimes

'รมว.คลัง' นัดหารือ 'แบงก์ชาติ' ปมแบงก์เข้มงวด 'เงินกู้ซื้อบ้าน' เชื่อ!! ผ่อนเกณฑ์กู้ในภาวะนี้ ไม่ได้เอื้อคนซื้ออสังหาฯ ไปเก็งกำไร

(11 ก.ค.67) Business Tomorrow เผยว่า นาย พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังได้ปาฐกถาพิเศษ 'พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ก้าวไกลอย่างยั่งยืน' ที่งาน EnCo ฉลองครบรอบ 20 ปีจัดสัมมนาอสังหาริมทรัพย์ใหญ่แห่งปีร่วมขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย ให้ก้าวไกลอย่างยั่งยืน ว่า จะหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องการผ่อนปรนมาตรการ LTV หรือสัดส่วนเงินกู้ต่อมูลค่าบ้าน

นายพิชัย กล่าวยืนยันว่า “ไม่เชื่อว่าการผ่อนเกณฑ์เงินกู้จะทำให้คนซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไร ในภาวะที่ผู้บริโภคง่อยเปลี้ยเสียขา จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี และครัวเรือนมีหนี้สินสูงเกิน 90 % ของจีดีพี ทั้งหนี้เสียของภาคอสังหาริมทรัพย์ก็สูงและมีความเสี่ยงที่จะสูงขึ้นไปอีก”

นายพิชัยยังเรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ปรับโครงสร้างหนี้ให้คนผ่อนหนี้เงินกู้บ้านได้ยาวขึ้น โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ของรัฐบาลได้นำร่องแล้วซึ่งได้เปิดให้คนกู้ผ่อนหนี้ได้ถึงอายุ 80 ปี และหากเป็นราชการเกษียณก็ให้ยาวถึง 85 ปี

>> เกณฑ์ LTV เปิดทางให้ผู้กู้บ้านหลังแรกอยู่แล้ว
ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายน นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่มีภาคเอกชนขอให้พิจารณาผ่อนคลายเรื่อง มาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV นั้น ว่า “ปัจจุบันเกณฑ์ LTV เปิดทางให้ผู้กู้สามารถเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกได้อยู่แล้ว โดยผู้กู้สามารถกู้ได้สูงสุด 100-110% ถ้ารวมสินเชื่อเพื่อการตกแต่งบ้าน

ขณะที่บ้านหลังที่ 2 หรือ 3 สัดส่วน LTV สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้อยู่ที่ระดับ 80-90% ถือว่าเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่อยู่ 60-70% ก็มี เพราะฉะนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องของ LTV แต่เป็นเรื่องของความเสี่ยงของผู้ที่เข้ามาขอสินเชื่อมากกว่า ดังนั้น การปรับเกณฑ์ LTV อาจจะแก้ไขไม่ตรงจุด”

>> ต่างชาติเช่าอสังหาฯ 99 ปี?
ส่วนที่งานสัมมนาวันพุธ (10 ก.ค.67) นายพิชัย ยังกล่าวถึงแนวคิดให้ต่างชาติเช่าอสังหาริมทรัพย์ หรือ ทรัพย์อิงสิทธิได้ยาว 99 ปีว่า รัฐบาลต้องการเอาธุรกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน และเรื่องนี้กรรมสิทธิ์ในที่ดินยังเป็นของคนไทย

นายอุทัย อุทัยแสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทแสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ตนออกความเห็นเรื่องแนวคิดสัญญาเช่าที่ดิน 99 ปีไม่ได้ 

นายอุทัยเป็นผู้บริหารบริษัทที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เคยเป็นผู้บริหารมาก่อน และนายกฯกำลังผลักดันเรื่องแก้กฎหมายเพื่อให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้มากกว่า 30 ปีตามกฎหมายปัจจุบัน

ด้านนายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ระบุว่าการขออนุญาตต่าง ๆ มีขั้นตอนยุ่งยากเกินไป และเต็มไปด้วยการคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้บริโภคบางครั้งก็เรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่สมเหตุสมผล

ด้าน ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เรียกร้องให้ภาคการเงินให้สินเชื่อบ้านดอกเบี้ยคงที่ยาว 30 ปี อย่างที่มีในประเทศญี่ปุ่น

ขณะที่นาย ศิรศักดิ์ จันเทรมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด หรือ เอนโก้ กล่าวถึงธุรกิจของบริษัทว่า เอนโก้ คาดการณ์รายได้ภายในปี 2570 จะต้องมากกว่า 3,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายในระยะสั้น จะต้องมีผลตอบแทนจากสินทรัพย์อย่างน้อยร้อยละ 5 ต่อปี และตั้งเป้าหมายแบ่งสัดส่วนกำไร สนับสนุนสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยร้อยละ1 ของกำไรสุทธิต่อปี นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายในระยะยาว ทำกำไรสุทธิมากกว่า 800 ล้านบาทภายในปี 2573 โดยจะเป็นผลมาจากธุรกิจเดิม และโอกาสดำเนินธุรกิจใหม่ที่สอดคล้องกับกลุ่มปตท. เช่น นำธุรกิจปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ที่เอนโก้บริหารจัดการ

ปัจจุบันเอนโก้ดำเนินธุรกิจใน 3 กลุ่มหลักได้แก่ ธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์, บริหารจัดการพื้นที่ และ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

‘กรมการค้าต่างประเทศ’ นำทัพผู้ค้าข้าวไทยลุย ‘ฟิลิปปินส์’ ลงนาม MOU ซื้อ-ขาย 1.3 แสนตัน มูลค่า 2,800 ล้านบาท

(11 ก.ค. 67) นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการนำคณะผู้แทนการค้าข้าวไทย เดินทางไปฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 3-5 กรกฎาคม 2567 ร่วมกับภาคเอกชน โดยมี ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และสมาชิกเข้าร่วม ว่า ในการเดินทางไปครั้งนี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถลงนาม MOU การซื้อ-ขายข้าวระหว่างผู้ส่งออกไทยกับผู้นำเข้าข้าวฟิลิปปินส์ จำนวน 9 ฉบับ ปริมาณรวม 130,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,800 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดข้าวไทยในฟิลิปปินส์ได้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ กรมยังได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา เชิญผู้นำเข้าผู้ค้าข้าว ห้าง ร้านค้าปลีกผู้ประกอบการค้าข้าวรายสำคัญและผู้แทนหน่วยงานภาครัฐของฟิลิปปินส์ รวมถึงสื่อและอินฟลูเอนเซอร์กว่า 70 ราย เข้าร่วมกิจกรรมประชาสัมพันธ์ข้าวไทยภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘PremiumThai Rice with Authentic Thai Food’ ณ ร้าน Mango Tree Manila ซึ่งเป็นร้านที่ได้รับตรา Thai SELECT จากกระทรวงพาณิชย์ โดยได้สาธิตการปรุงอาหารพร้อมเสิร์ฟกับข้าวไทย 3 รายการ ได้แก่ แกงเขียวหวานไก่ ผัดกะเพราหมู และข้าวเหนียวมะม่วง โดยเสิร์ฟทั้งข้าวหอมมะลิไทย ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ได้เข้าพบหน่วยงาน National Food Authority (NFA) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการบริหารจัดการสต๊อกข้าวของฟิลิปปินส์ โดยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดข้าว รวมถึงนโยบายการลดภาษีนำเข้าข้าวจาก 35% เหลือ 15% ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2567 ไปจนถึงสิ้นปี 2571 โดยจะมีการทบทวนอัตราภาษีนำเข้าข้าวทุก 4 เดือน และยังได้หารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการแก้กฎหมายของรัฐบาลฟิลิปปินส์ให้ NFA สามารถนำเข้าข้าวในภาวะฉุกเฉินได้ ซึ่งขณะนี้กฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา โดยในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยได้ให้ความเชื่อมั่นว่าไทยมีความพร้อมในการส่งออกข้าวเพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางอาหารของฟิลิปปินส์

สำหรับสถิติการส่งออกข้าวไทยไปยังฟิลิปปินส์ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 (มกราคม - มิถุนายน) ประมาณ 299,787 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 381.66% และมีมูลค่าประมาณ 5,978 ล้านบาท (ประมาณ 167 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 558.97%

บริษัทในสหรัฐฯ ล้มละลายพุ่งในรอบ 4 ปี ภาคสินค้าฟุ่มเฟือยหนักนำหน้าส่วนอื่นๆ

เมื่อวานนี้ (10 ก.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานจากเอสแอนด์พี โกลบอล อินเทลลิเจนซ์ (S&P Global Intelligence) เปิดเผยว่าจำนวนบริษัทในสหรัฐฯ ที่ยื่นล้มละลายในเดือนมิถุนายน พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020

มีบริษัทอย่างน้อย 75 แห่งยื่นขอคุ้มครองการล้มละลายในเดือนมิถุนายน ทำให้ยอดรวมของปีนี้อยู่ที่ 346 แห่ง ซึ่งสูงกว่าตัวเลขครึ่งปีแรกในช่วง 13 ปีที่ผ่านมาด้วย

โดยรายงานระบุว่าอัตราการล้มละลายของบริษัทในสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ และพุ่งสูงอย่างชัดเจนในเดือนเมษายน ใกล้เคียงกับระดับในปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทหลายแห่งต้องล้มเลิกกิจการเนื่องจากโรคระบาดใหญ่

เอสแอนด์พีกล่าวว่าปัจจัยจากอัตราดอกเบี้ยสูง ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ชะลอตัวส่งผลให้บริษัทหลายแห่งต้องปิดกิจการเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ รายงานเผยว่า ในหมู่บริษัทที่ยื่นล้มละลาย พบว่าภาคสินค้าฟุ่มเฟือยยังคงนำหน้าภาคส่วนอื่น ๆ โดยมีบริษัทยื่นล้มละลาย 55 แห่งในปีนี้ ตามด้วยภาคสาธารณสุขและอุตสาหกรรม ซึ่งต่างมีบริษัทยื่นล้มละลายภาคส่วนละ 40 แห่ง

ตำรวจไซเบอร์ขยายวงสืบค้นทั่วประเทศ จับกุมขบวนการ 2 เว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ เงินหมุนเวียนมหาศาล ล่าสุดจับอีก 5 บัญชีม้า เป้าหมายจับครบทั้ง 64 ราย และเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีกหลายราย

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) สั่งการขยายผลการจับกุมต่อเนื่อง หลังจากตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 กวาดล้างเครือข่าย 2 เว็บพนันฟุตบอลรายใหญ่ ที่มีเงินหมุนเวียนมหาศาลกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งได้ออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดทั้งขบวนการ จำนวน 64 ราย และสามารถติดตามจับกุมตัวได้จำนวนหนึ่งแล้วนั้น

พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 สั่งการให้ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 นำกำลังจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดีอย่างไม่ลดละ สืบสวนติดตามจับกุมทั่วประเทศ ไม่ว่าอยู่พื้นที่ใดให้ประสานพื้นที่นำตัวมาดำเนินคดีทุกราย ล่าสุดจากการสืบสวนทราบว่ามีผู้ต้องหาอยู่ในพื้นที่ ต.หน้าพระลาน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี จึงได้ประสาน สภ.หน้าพระลาน ร่วมติดตามจับกุม ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวได้อีก 5 ราย ได้แก่ นายอัศวินฯ อายุ 50 ปี , นางเล็กฯ อายุ 70 ปี , นายประณัยฯ อายุ 20 ปี , น.ส.ขันหมากฯ อายุ 56 ปี และ นายชัยรัตน์ฯ อายุ 55 ปี เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับจ้างเปิดบัญชีธนาคารจริง โดยได้รับค่าจ้าง 2,000 บาท 

พ.ต.อ.อภิรักษ์ฯ กล่าวว่า ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ บช.สอท.เป็นหน่วยงานหลักในการปราบปรามจับกุมการลักลอบเล่นพนันออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยูโร 2024 ซึ่งทางด้าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ได้กำชับสั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 ดำเนินการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับจากปฏิบัติการ SHUTDOWN EURO BET ซึ่งพบว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบมากที่สุดถึงกว่า 1,400 ล้านบาท โดยขณะนี้มีการขยายผลจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวไปจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ บก.สอท.3 จะได้เร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือทั้งขบวนการมาดำเนินคดี และจะมีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวอีกหลายรายด้วย

พร้อมกันนี้ ฝากเตือนพี่น้องประชาชน หากมีผู้ชักชวนหรือว่าจ้างให้เปิดบัญชี ขอให้ปฏิเสธทันที ไม่ควรเห็นแก่เงินค่าจ้างเพียงเล็กน้อย เพราะหากบัญชีของท่านถูกนำไปใช้ในการกระทำผิดกฎหมาย เจ้าของบัญชีจะต้องถูกดำเนินคดีทุกราย ในหลายความผิด เช่น ผู้ใดรับจ้างเปิดบัญชี หรือยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชีธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรับโอนเงิน หรือรับชำระค่าสินค้าหรือบริการที่ได้มาโดยการกระทำความผิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ อาจมีความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อม ให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน และอาจมีความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน อีกด้วย ซึ่งมีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ

ภ.2 โชว์ผลงาน ...รับลูก สนองนโยบายรัฐบาล เร่งปราบยา ตามที่ ตร.กำชับ ผู้บัญชาการภาค 2 บี้ทีมสืบนครนายก ลุยขบวนการค้ายายึด 4 แสนเม็ด พร้อมของกลางเพียบ

เมื่อวานนี้ (10 ก.ค.67) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.ชัยต์พจน สูวรรณรักษ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ช่วยราชการ ตำรวจภูธรภาค 2,โฆษกตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า เย็นวานนี้(เวลาประมาณ 17.00 น) ภายใต้อำนวยการของ  พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท่วม ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต. ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 , พล.ต.ต.จักษ์ จิตธรรม ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.เผ่าภากร รามนุช รอง ผบก.นครนายก , พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริ ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.กฤตพงศ์ โรจน์รุ่งศศิธร รอง ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครนายก , พ.ต.ท.สุดเขตต์ บุญญนานันท์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.สส.ภ.จว.นครนายก วางแผนจับกุมขบวนการค้ายาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาจำหน่ายในพื้นที่ตอนใน พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คน จับกุมผู้ต้องหา 5 คน
(1.) น.ส.กิตติยา (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ที่อยู่ 148/1 ม.1 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(2.)น.ส.ธารทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปีที่อยู่ 80/4 ม.1 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
(3.)นางฐานิตา (นามสมมุติ)อายุ 32 ปี ที่อยู่ 15/ช ม.1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 
(4.) นายบรรจง (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ที่อยู่ 166/9 ม.3 ต.ปากแพรก อ.เมืองจ.กาญจนบุรี 
(5.) นายกมล วังแก้ว อายุ 42 ปีที่อยู่ 302/3 ม.3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

พร้อมด้วของกลาง
1.ยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด และได้ขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน 1.รถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้า รุ้นรีโวร๊อคโค สีขาว หมายเลขทะเบียน 3ขศ 169 กทม. มูลค่า 1,200,000 บาท
2.รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน กม 938 ราชบุรี มูลค่า 800,000 บาท

ซึ่งเป็นความผิดฐาน ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้าการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป โดยไม่ได้รับอนุญาต พยายามจำหน่ายยาเสพติตให้โทษประเกท ๑ (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อการค้า การก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป 

ผู้ต้องหารับว่าลำเลียงยาบ้ามาจาก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งให้ลูกค้า ได้ค่าจ้างครั้งละ 400,000 บาท ซึ่งทำมาก่อนหน้านี้หลายครั้งแล้ว และได้หยุดไปนานแล้ว และจึงหวนกลับมาทำใหม่ในครั้งนี้ และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในครั้งนี้ สถานที่จับกุม บริเวณห้างโลตัสนครนายก ต.บ้านใหญ่ อ.เมือง จ.นครนายก  จะได้ดำเนินการขยายผลถึงขบวนการทั้งหมดทั้งต้นทางและลูกค้าปลายทางและยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อไป

‘ส.อ.ท.’ เผย!! ‘ฮอนด้า’ ปรับแผนรวมศูนย์ เพื่อเร่งสปีดพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ตรง ยัน!! ไม่เทไทย เพราะยอดขายที่ผ่านมาลดลงแค่ 4.3% ขณะที่ตลาดร่วง 23.8%

(11 ก.ค. 67) จากกรณีที่ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับแผนการดำเนินธุรกิจในไทย โดยเรียกว่า ‘การปฏิรูปฟังก์ชันสายการผลิตรถยนต์ของไทย’ มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินการผลิตรถยนต์สำเร็จรูป รวมถึงเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ xEV หรือการนำพลังงานไฟฟ้าเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่องนั้น ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้มองถึงกรณีนี้ โดยประเมินว่า การปรับแผนการผลิตครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับยอดขายที่มีผลกระทบแน่นอน 

ทั้งนี้ฮอนด้าถือเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นรายใหญ่ที่ยังไงก็ไม่ล้มง่ายๆ โดยการปรับโรงงานพัฒนาเป็นฐานการผลิตและส่งออกชิ้นส่วน ซึ่งใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีการผลิตก็เป็นไปตามเทรนด์โลกที่เปลี่ยนไป

“ที่ผ่านมาทุกแบรนด์ก็เป็นเหมือนกันทั้งจีน, สหรัฐฯ ที่เคยยอดขายมีขึ้นมีลงตามเศรษฐกิจโลก จากเคยขายได้ 17 ล้านคัน เหลือ 9 ล้านคันก็มีมาแล้ว จึงเชื่อว่าฮอนด้าไม่ใช่ว่าจะยอมถอยง่ายๆ ซึ่งการทำธุรกิจปัจจุบันของทุกอุตสาหกรรมก็จะมีการปรับโครงสร้างทั้งภายในและภายนอกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว” นายสุรพงษ์ กล่าว

สำหรับแผนใหม่ของ ฮอนด้า จะเป็นการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าพึงพอใจมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ‘e:HEV series’ ซึ่งเป็นระบบฟูลไฮบริดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของฮอนด้า ที่มีสัดส่วนยอดขายเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยผลประกอบการในปี 2566 รถในกลุ่มนี้มีสัดส่วนการขาย 32% แต่ปี 2567 นี้ ฮอนด้าตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 70%

ดังนั้นเพื่อให้คล่องตัวในการดำเนินงาน บริษัทจึงพร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตแบบรวมศูนย์ โดยจะปฏิรูปแต่ละโรงงานของเพื่อยกระดับโครงสร้าง ประกอบด้วย...

>> โรงงานปราจีนบุรี จะพัฒนาให้เป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป (CBU) ที่สมบูรณ์แบบ โดยการใช้ประโยชน์จากสายการผลิตที่ผสมผสานเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความสามารถในการรองรับธุรกิจ

>> โรงงานอยุธยา จะหยุดการผลิตรถยนต์ และหันมาพัฒนาเป็นฐานการผลิตและส่งออกชิ้นส่วน โดยใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีการผลิต และห่วงโซ่อุปทานที่พัฒนาและสั่งสมมาเป็นเวลาหลายปี

สำหรับ ฮอนด้า ถือเป็นแบรนด์ใหญ่ที่ฝ่าฟันมาได้ทุกวิกฤติ ตั้งแต่ช่วงเกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่อยุธยา ซึ่งฮอนด้าเป็นหนึ่งในโรงงานที่ได้รับผลกระทบรุนแรง จนนำไปสู่การตัดสินใจทำลายรถที่เคลื่อนย้ายหนีน้ำไม่ทันรวม 1,055 คัน รวมถึงชิ้นส่วนที่รอการประกอบ แม้จะไม่ถูกน้ำท่วมเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่าจะไม่มีรถยนต์หรือชิ้นส่วนใดจากโรงงานอยุธยาที่อยู่ท่ามกลางน้ำท่วมยาวนาน หลุดรอดออกสู่ตลาด

ปี 2556 ฮอนด้าประกาศลงทุนแห่งใหม่เป็นโครงการขนาดใหญ่มูลค่า มูลค่า 17,150 ล้านบาท ที่ปราจีนบุรี

ปี 2558 บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนดี เอเชีย แปซิฟิค จำกัด ประกาศสร้างสนามทดสอบรถยนต์ ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ ปราจีนบุรี ด้วยเงินลงทุน 1,700 ล้านบาท

ปี 2559 รถยนต์ ฮอนด้า ซีวิค เจนเนอเรชั่นที่ 10 เป็นรถรุ่นแรกที่โรงงานฮอนด้าปราจีนบุรี

ปี 2560 ฮอนด้าเปิดสนามทดสอบในไทย เพิ่มศักยภาพการวิจัยและพัฒนาในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ที่ปราจีนบุรี

ทั้งนี้ หากสังเกตการลงทุนหลายส่วนที่ปราจีนบุรี ส่วนหนึ่งเพื่อลดความเสี่ยงน้ำท่วมอยุธยา

อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนแผนการผลิตครั้งนี้ของ ฮอนด้า ถูกจับตาพอควร เพราะเกิดขึ้นในช่วงตลาดรถยนต์ไทยหดตัวต่อเนื่อง บวกกับการเข้ามาตีตลาดของ EV จีน รวมถึงการประกาศหยุดการผลิตรถยนต์ของแบรนด์ญี่ปุ่น 2 แบรนด์ ก่อนหน้านี้ คือ ซูบารุ ที่มีผลปลายปี 2567 และซูซูกิ มีผลปลายปี 2568

ทว่าหากดูภาพรวมตลาดรถยนต์ที่หดตัวต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 ล่าสุดช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) พบว่าฮอนด้ามียอดขายรวม 37,374 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 4.3% ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดีถ้าเทียบกับหลายแบรนด์ หรือ ตลาดรวมที่ติดลบ 23.8%

แต่มีความเป็นไปได้ที่ฮอนด้าจะรวมการผลิตไว้ในแห่งเดียวเพื่อบริหารต้นทุนในภาวะที่ตลาดรถยนต์หดตัว อีกทั้งที่ปราจีนบุรีเป็นโรงงานที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า และยังมีศูนย์ อาร์แอนด์ดี และสนามทดสอบในย่านเดียวกัน ทำให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น

‘คนไทยคนแรก’ พิชิตภารกิจของ ‘สุกี้ตี๋น้อย’ สำเร็จ หลังตะลอนเช็กอินครบ 55 สาขา ได้สิทธิ์กินฟรี 1 ปีเต็ม

(11 ก.ค. 67) เพจเฟซบุ๊ก ‘สุกี้ตี๋น้อย’ ร้านบุฟเฟต์ดัง ได้โพสต์ประกาศแสดงความยินดีกับผู้พิชิตภารกิจ จากกิจกรรม Super Fan ทานครบ 55 สาขา ‘คุณปกรณ์ จอกลอย’ คนไทยคนแรกที่จะสัมผัสความพิเศษ ทานสุกี้ตี๋น้อยฟรี 1 ปีเต็ม

โดยข้อความระบุว่า "ขอแสดงความยินดีกับผู้พิชิตภารกิจ จากกิจกรรม Super Fan ทานครบ 55 สาขา 'คุณปกรณ์ จอกลอย' คนไทยคนแรกที่จะสัมผัสความพิเศษ ทานสุกี้ตี๋น้อยฟรี 1 ปีเต็ม! สุกี้ตี๋น้อย ขอแสดงความยินดีด้วยครับ! กิจกรรมยังมีให้ร่วมสนุกอยู่นะครับ เช็กอินกันกี่สาขาแล้วคอมเมนต์บอกกันได้เลย แล้วมาเป็น Super Fan คนถัดไปด้วยกันนะค้าบ 

>> วิธีร่วมกิจกรรม

1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Klaiklai (ใกล้ใกล้) และทำการสมัครสมาชิก เพื่อร่วมกิจกรรม​
2. สมัครสมาชิกสุกี้ตี๋น้อยในไลน์ OA ก่อนเริ่มกิจกรรม (ไลน์ @sukiteenoi)​
3. กดที่เมนู ‘ตามหา Superfan’ ที่หน้าไลน์สุกี้ตี๋น้อย เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม​
4. ทานสุกี้ตี๋น้อยจำนวน 55 สาขา (โดยไม่ซ้ำสาขาเดิม) พร้อมถ่ายรูป, ใส่แฮชแท็ก #กินสุกี้ตี๋น้อยลุ้นกินฟรี1ปี , เช็กอินสาขาที่รับประทานสุกี้ตี๋น้อย และโพสต์ลง Facebook ของท่าน โดยเปิดโพสต์ให้เป็นสาธารณะ (1 ท่าน / 1 โพสต์ พร้อมให้พนักงานแคชเชียร์ตรวจสอบก่อนชำระเงิน)​
5. สามารถสแกน QR Code เพื่อสะสมสติ๊กเกอร์รายชื่อสาขาได้หลังจากชำระเงินเท่านั้น (ไม่สามารถสะสมย้อนหลังได้ทุกกรณี) (1 ใบเสร็จ / 1 QR Code และสามารถสแกนได้ตามจำนวนลูกค้าในใบเสร็จเท่านั้น)​
6. ผู้ร่วมกิจกรรมจะต้องทำการเก็บใบเสร็จ ณ วันที่ร่วมกิจกรรมไว้เพื่อตรวจสอบ และยืนยันสิทธิ์หากเป็นผู้ชนะ​

>> เงื่อนไขกิจกรรม

1. ระยะเวลากิจกรรมตามหา Superfan สุกี้ตี๋น้อย ตั้งแต่ 1 เม.ย. 67 - 2 เม.ย. 68 (เวลา 05.00 น.) หรือจนกว่าจะได้​ผู้โชคดีครบตามจำนวนที่กำหนด ​
2. ผู้ที่ทานสุกี้ตี๋น้อยครบ 55 สาขา (โดยไม่ซ้ำสาขาเดิม) จำนวน 20 ท่านแรกเท่านั้น ที่ได้รับสิทธิพิเศษทานสุกี้ตี๋น้อย ​ฟรี 1 ปี (อ้างอิงข้อมูลผู้เล่นกิจกรรมตามหา Superfan จากข้อมูลในแอปฯ Klaiklai ก่อนหลังตามลำดับ)​
3. ร่วมกิจกรรมได้โดยใช้ 1 หมายเลขสมาชิก ต่อ 1 การสะสมชื่อสาขาเท่านั้น ไม่สามารถสะสมแทนผู้อื่นได้​
4. 1 ใบเสร็จ สามารถสะสมได้ตามจำนวนผู้ที่เข้าใช้บริการในใบเสร็จเท่านั้น​
5. สงวนสิทธิ์ร่วมกิจกรรมเฉพาะการทานบุฟเฟต์สุกี้ตี๋น้อยที่ร้านพร้อมเครื่องดื่ม (ราคาผู้ใหญ่) มูลค่า 276 บาท / ท่าน ​จึงสามารถร่วมกิจกรรมตามหา Superfan สุกี้ตี๋น้อยได้ ​
6. เริ่มใช้สิทธิ์ทานฟรี 1 ปี ตั้งแต่ 1 พ.ค. 68 - 2 พ.ค. 69 (เวลา 05.00 น.) ที่สุกี้ตี๋น้อยทุกสาขา ยกเว้นร้าน Teenoi Express สาขาเมเจอร์ รัชโยธิน (สิทธิ์ทานฟรีมูลค่า 276 บาท ครั้งละ 1 สิทธิ์/ใบเสร็จ/วัน/ท่าน) หรือ หากมีผู้โชคดีได้รับสิทธิ์ก่อนระยะเวลาสิ้นสุดกิจกรรม จะดำเนินการประกาศการเริ่มใช้สิทธิ์ของผู้โชคดีโดยแยกเป็นรายบุคคล​
7. ร้าน Teenoi Express สามารถเข้าร่วมกิจกรรมตามหา Superfan สุกี้ตี๋น้อยได้ตามปกติ ​
8. บัตรคูปองรับประทานอาหารสุกี้ตี๋น้อย (รหัส Cxxxxx) ที่ได้ทำการชำระเงิน สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ตามปกติ​
9. ผู้ที่ได้รับของรางวัลจะต้องใช้สิทธิพิเศษในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น และต้องยื่นบัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบการใช้สิทธิ์ที่หน้าสาขาก่อนทุกครั้ง หากเลยระยะเวลาที่กำหนดจะไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ทุกกรณี​
10. หากท่านร่วมกิจกรรมตามหา Superfan สุกี้ตี๋น้อยแล้ว ท่านยังคงสามารถสะสมแต้มคอนโดได้ตามปกติ ​
11. ของรางวัลไม่สามารถแลก/เปลี่ยน เป็นเงินหรือของรางวัลอื่น ๆ ได้​
12. สิทธิพิเศษที่ท่านได้รับไม่สามารถโอนให้กับผู้อื่นได้ทุกกรณี ​
13. การตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุดและขอสงวนสิทธิ์ในการเพิ่ม, แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้​
ทราบล่วงหน้า​
14. ไม่อนุญาตให้พนักงาน บริษัท บีเอ็นเอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด เข้าร่วมกิจกรรม หากดำเนินการตรวจสอบพบจะทำการตัดสิทธิ์ในทุกกรณี​
15. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line OA @sukiteenoi (มี @ นำหน้า)

>> เงื่อนไขที่ไม่สามารถร่วมกิจกรรมได้

1. หากท่านใช้สิทธิ์ส่วนลดโปรโมชันและชำระเงินต่อท่านไม่ถึงมูลค่า 276 บาท จะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ​
2. หากท่านใช้สิทธิ์ทานฟรีในวัน/เดือนเกิด หรือสิทธิ์ทานฟรีในกิจกรรมต่าง ๆ จะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ​
3. การสั่งซื้อผ่านแอป Delivery หรือ Take Away ที่หน้าสาขาจะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ ​
4. บัตร Gift Voucher สุกี้ตี๋น้อย (รหัส Gxxxxx) ที่ได้จากการร่วมกิจกรรมหรือแจกฟรีจะไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้​
5. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเพิ่ม, แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า​

หมายเหตุ : ผู้ที่ร่วมเล่นกิจกรรมตามหา Super Fan เช็กอิน 55 สาขา จะต้องทำการสมัครสมาชิกสุกี้ตี๋น้อยในไลน์ OA ก่อนเล่นกิจกรรมหรือก่อนเช็กอินครบ 55 สาขา หากท่านเป็นผู้โชคดี 20 ท่านแรกที่ได้รับรางวัล และไม่ได้ทำการสมัครสมาชิกสุกี้ตี๋น้อยหากดำเนินการตรวจสอบพบจะทำการตัดสิทธิ์ในทุกกรณี"

‘สภากาชาดไทย’ เชิญชวนคนไทย ร่วมจิตอาสาทำความดีบริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดเดือนมหามงคล

จากรายการ THE TOMORROW มหาชนต้องรู้ ออกอากาศทางสถานีวิทยุ ส.ทร. FM93.0 MHz และสื่อออนไลน์ ในเครือ THE STATES TIMES ได้พูดคุยกับ คุณปิยนันท์ คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านจัดหาโลหิตและภาพลักษณ์องค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ที่ได้มาเชิญชวนพสกนิกรทั่วประเทศ ร่วมเป็นจิตอาสา ทำความดีบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 67 โดยคุณปิยนันท์ ได้กล่าวถึงสาระสำคัญ ดังนี้…

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยมีพระราชประสงค์ทรงเจริญรอยตามพระยุคลบาท เพื่อสืบสานรักษา และต่อยอดพระราชปณิธาน พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแด่อาณาประชาราษฎร์ 

โดยทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ ซึ่งล้วนมีการสร้างสรรค์ความผาสุขสงบแก่ประชาชน นำความเจริญไพบูลย์ และความมั่นคงมาสู่ประเทศ ดังพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ ความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”

ทั้งนี้ ในด้านภารกิจของสภากาชาดไทย ทรงดำรงตำแหน่งพระบรมราชูปถัมภกสภากาชาดไทย ทรงสนับสนุนงานบริการโลหิต โดยเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิต นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในการนี้ ทรงมีพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเข็มที่ระลึก ผู้บริจาคโลหิต ครั้งที่ 6 เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2518 ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร ความว่า...

“โลหิตเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงรักษาชีวิตให้ดำรงอยู่ นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งแห่งชีวิต การบริจาคโลหิต จึงเทียบได้กับการบริจาคชีวิตเป็นทานซึ่งเป็นทานที่สูง ควรแก่การยกย่องสรรเสริญอย่างยิ่ง”   

ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ  สภากาชาดไทย  จึงได้จัดกิจกรรมเชิญชวน พสกนิกรทุกหมู่เหล่าทั่วประเทศ ร่วมเป็นจิตอาสา ทำความดีบริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมทั้งลงนามถวายพระพรออนไลน์ ตลอดเดือนกรกฎาคม 2567 

โดยประชาชนสามารถ บริจาคโลหิต ได้ที่... 

- ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย   
- หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Stations) 7 แห่ง ได้แก่ สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ สาขาบางแค สาขาบางกะปิ สาขางามวงศ์วาน สาขาท่าพระ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม  และบ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง)

- ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา และภูเก็ต

- โรงพยาบาลสาขาบริการโลหิตแห่งชาติ 8 แห่ง ในกรุงเทพฯ ได้แก่ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช โรงพยาบาลรามาธิบดี  โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า โรงพยาบาลตำรวจ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช สถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลราชวิถี และ โรงพยาบาลสิรินธร

- สาขาบริการโลหิต โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั่วประเทศ

สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทร. 0 2263 9600-99 ต่อ 1760, 1761

'รมช.สุชาติ' เผยข่าวดี!! เจรจา 'KTEPA ไทย-เกาหลีใต้' รอบแรก จ่อเพิ่มตัวเลขส่งออกไทยไปเกาหลีใต้ได้สูงถึงร้อยละ 77

(11 ก.ค. 67) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย ให้กำกับดูแลกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศนั้น ในการประชุมเจรจาจัดทำความตกลง KTEPA ครั้งที่ 1 ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ ที่มีการประชุมไปแล้วเมื่อวันที่ 9 - 11 กรกฎาคม 2567 โดยไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมครั้งนี้ และฝ่ายไทยมีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะเจรจา และมีผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมคณะด้วย และฝ่ายเกาหลีใต้ มีนายคอนกิ โร เป็นหัวหน้าคณะเจรจา

โดย รมช.สุชาติ ได้กล่าวถึงผลการประชุมความตกลง KTEPA ระหว่างไทยและเกาหลีใต้ ว่า การร่วมกันเจรจาในครั้งนี้จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ โดยคาดว่ามูลค่าการค้าระหว่างกันจะขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะมีการลงทุนจากเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นในประเทศไทย

ทั้งนี้ จากผลการศึกษาเบื้องต้นของไทย ประเมินว่า ความตกลง KTEPA จะช่วยเปิดตลาดการค้าสินค้าและบริการ และการลงทุนเพิ่มเติมจาก FTA ที่มีอยู่เดิม ได้แก่ ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลีใต้ (AKFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) โดยมีกลุ่มสินค้าที่คาดว่าไทยจะส่งออกไปเกาหลีใต้มากขึ้น อาทิ ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และประมง (อาทิ เนื้อไก่แช่แข็งและแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป) ผลไม้เมืองร้อน (อาทิ มะม่วง ฝรั่ง และมังคุด) ผลิตภัณฑ์อาหารอื่น ๆ (อาทิ แป้ง ซอสและของปรุงรส) ผลิตภัณฑ์ไม้ (อาทิ ไม้แปรรูป พาติเคิลบอร์ด ไม้อัดพลายวูด) และเคมีภัณฑ์ 

นอกจากนี้ ยังมีสาขาบริการที่คาดว่าไทยจะได้ประโยชน์จากการเปิดตลาดการค้าบริการของเกาหลีใต้ อาทิ บริการด้านธุรกิจ บริการการขนส่ง คลังสินค้า และบริการด้านโรงแรมและภัตตาคาร โดยคาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 1,282 - 1,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 0.32 - 0.44 ซึ่งเหล่านี้ จะส่งผลบวกต่อการส่งออกของไทยไปเกาหลีใต้ โดยจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 2,420 - 4,654 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นร้อยละ 40.15 - 77.21

รมช.สุชาติ เผยอีกว่า ในการประชุมเจรจาจัดทำความตกลง KTEPA ครั้งที่ 1 นี้ มีประชุมในระดับคณะทำงาน ทั้งหมด 13 คณะ ประกอบด้วย 

1) การค้าสินค้า 
2) มาตรการเยียวยาทางการค้า 
3) กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า 
4) พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า 
5) มาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช 

6) อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า 
7) การค้าบริการข้ามพรมแดน 
8) การลงทุน 
9) การค้าดิจิทัล 
10) การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ 

11) ทรัพย์สินทางปัญญา 
12) ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย 
และ 13) ประเด็นทางกฎหมายและสถาบัน โดยคณะทำงานต่าง ๆ ได้หารือแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องแต่ละฝ่าย และเริ่มเจรจาข้อบทภายใต้ความตกลง KTEPA ในส่วนที่เกี่ยวข้อง 

นอกจากนี้ สองฝ่ายยังได้มีการจัดทำแผนงานการเจรจา โดยเบื้องต้นกำหนดให้มีการเจรจาทั้งหมด 7 รอบและตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2568 ทั้งนี้ เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจาจัดทำความตกลง KTEPA ครั้งที่ 2 ในเดือนกันยายน 2567 ณ กรุงโซล

ในปี 2566 เกาหลีใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 12 ของไทย การค้าระหว่างกันมีมูลค่า 14,736.86 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยส่งออกไปเกาหลีใต้ 6,070.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำตาลทราย แผงวงจรไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม และไทยนำเข้าจากเกาหลีใต้ 8,666.42 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ แผงวงจรไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ สำหรับในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 (เดือนมกราคม - พฤษภาคม) การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 6,303.99 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการส่งออกจากไทย 2,514.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นการนำเข้าจากเกาหลีใต้ 3,789.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

'บิ๊กปุ้ม' ทอดผ้าป่ามหากุศลกว่า 8 ล้านบาท พัฒนา รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ก้าวสู่ EEC

ที่หอประชุมโรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พล.ร.ต.ดนัย ปานแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ในนามของโรงพยาบาล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ จัดให้มีพิธีทอดผ้าป่ามหากุศลขึ้น โดยได้รับเกียรติจากพล.ร.อ.ศิษฐวัชร (บิ๊กปุ้ม) วงษ์สุวรรณ - พลตรีหญิง อรัญยานี วงศ์สุวรรณ ภริยา และพล.ร.อ.ธนะกาญจน์ ใคร่ครวญ - คุณ ปัญชรินทร์ และครอบครัว เป็นประธานร่วมในพิธี มีข้าราชการ ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและเหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชน ร่วมในพิธีทอดผ้าป่ามหากุศล ในวันนี้เป็นจำนวนมาก

พล.ร.ต.ดนัย ปานแดง กล่าวว่า ขอกราบขอบพระคุณท่านประธานและคณะฯ ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานและร่วมในพิธีทอดผ้าป่ามหากุศลในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เป็นโรงพยาบาลตติยภูมิขนาดใหญ่ ที่ให้บริการสุขภาพแก่ ทหาร ครอบครัว และประชาชนโดยทั่วไป 

ปัจจุบัน ความต้องการด้านบริการสุขภาพ มีความซับซ้อน ต้องอาศัยทรัพยากรและเทคโนโลยีทางการแพทย์มากขึ้น เพื่อประสิทธิภาพทั้งการตรวจวินิจฉัยและการรักษาพยาบาล ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้เจ็บป่วย และมีความทันสมัยทัดเทียมกับสถานพยาบาลในภาคส่วนอื่น ๆ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จึงต้องปรับตัวพัฒนาศักยภาพให้สามารถรองรับความเจริญในภูมิภาคนี้ ที่จะก้าวไปสู่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของภาครัฐ 

ซึ่งต้องอาศัยงบประมาณและทรัพยากรในการดำเนินการที่มากขึ้น การจัดพิธีทอดผ้าป่ามหากุศลในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อสมทบทุนพัฒนาโรงพยาบาลและจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้มีความทันสมัย โดยได้รับความเมตตาจาก พระราชวชิรธรรมาจารย์ (สุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด พระครูสมุห์สุชิน ปริปุณโณ เจ้าอาวาสวัดธรรมสถิต และคณะพระเถรานุเถระ อีกจำนวนมาก รวมถึงหน่วยงานภาค ราชการ เอกชน พุทธศาสนิกชน ร่วมกันดำเนินงานและสมทบทุน ทอดผ้าป่ามหากุศลให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ 

รายได้สุทธิหลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว โรงพยาบาลฯ จะนำไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป โดยในวันนี้ มียอดผ้าป่าสามัคคี เป็นจำนวนเงิน 8,021,500 บาท (แปดล้านสองหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยบาท)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top