Wednesday, 21 May 2025
TheStatesTimes

‘นักการเมืองเกาหลีใต้’ โดนทัวร์ลง!! หลังโทษ ‘ผู้หญิง’ มีบทบาทมากขึ้น เหตุเป็นต้นตอทำ ‘ผู้ชาย’ ฆ่าตัวตายสูง มอง!! เป็นความคิดอันตราย-ไม่ฉลาด

(11 ก.ค. 67) นักการเมืองรายหนึ่งในเกาหลีใต้กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อความเห็นที่อันตรายและไร้ข้อพิสูจน์ หลังเขาเชื่อมโยงเหตุผู้ชายฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นกับกรณีที่ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญเพิ่มมากขึ้นในสังคม

โดย คิม คิ-ดุค สมาชิกสภาเมืองโซล อ้างว่า การมีส่วนร่วมมากขึ้นเรื่อย ๆ ของพวกผู้หญิงในที่ทำงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้พวกผู้ชายหางานยากขึ้น และเจอความยากลำบากกว่าเดิมในการหาผู้หญิงที่ต้องการแต่งงานกับพวกเขา

เขากล่าวว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ "ประเทศของเราเริ่มเปลี่ยนเข้าสู่สังคมที่ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญและอาจอยู่เบื้องหลังบางส่วนของเหตุความพยายามฆ่าตัวตายที่เพิ่มมากขึ้นในผู้ชาย"

เกาหลีใต้เป็นหนึ่งในชาติที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในบรรดาชาติร่ำรวยของโลก และอีกด้านหนึ่งพวกเขาก็เป็นหนึ่งในชาติที่มีประวัติเลวร้ายด้านความเท่าเทียมทางเพศเช่นกัน

ความเห็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักของคิม เป็นอีกคำพูดที่เกิดขึ้นจากการขาดความรู้ความเข้าใจโดยบรรดานักการเมืองผู้ชายเกาหลีใต้

คิม จากพรรคประชาธิปไตย มีคำประเมินเช่นนี้จากการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนความพยายามฆ่าตัวตายบนสะพานต่าง ๆ ตามแม่น้ำฮันของกรุงโซล

รายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสภาเมือง พบว่า จำนวนความพยายามฆ่าตัวตายตามแม่น้ำฮัน เพิ่มขึ้นจากระดับ 430 รายในปี 2018 เป็น 1,035 รายในปี 2023 ซึ่งในบรรดาผู้พยายามปลิดชีพตนเองนั้นมีสัดส่วนที่เป็นผู้ชายเพิ่มขึ้นจาก 67% เป็น 77%

บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันการฆ่าตัวตาย ต่างพากันแสดงความกังวลต่อความเห็นของคิม ในนั้นรวมถึงซอง อิน ฮาน ศาสตราจารย์ด้านสุขภาพจิตแห่งมหาวิทยาลัยยอนเซของกรุงโซล ที่ให้สัมภาษณ์กับบีบีซี ว่า "มันเป็นเรื่องอันตรายและไม่ฉลาดเลยที่กล่าวอ้างเช่นนี้โดยปราศจากหลักฐานที่พอเพียง"

เขาชี้ว่าทั่วโลกก็พบเห็นผู้ชายฆ่าตัวตายมากกว่าผู้หญิง และในหลายประเทศ ในนั้นรวมถึงสหราชอาณาจักร ผู้ที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่คือกลุ่มผู้ชายอายุต่ำกว่า 50 ปี

กระนั้นก็ตาม ศาสตราจารย์ซอง ชี้ว่าสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้ชายที่พยายามฆ่าตัวตายในกรุงโซล จำเป็นต้องได้รับการศึกษาทำความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ พร้อมระบุว่า มันน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ทางสมาชิกสภาเมืองแสดงความคิดเห็นที่ก่อความขัดแย้งทางเพศ

ในเกาหลีใต้มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ในจำนวนลูกจ้างที่ได้รับการจ้างงานแบบเต็มเวลา ขณะที่จำนวนผู้หญิงที่ทำงานแบบชั่วคราวหรือพาร์ทไทม์ก็ไม่สมส่วนกับผู้ชาย ทั้งนี้ แม้ช่องว่างทางเพศเกี่ยวกับค่าจ้างกำลังลดน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ปัจจุบันพวกผู้หญิงก็ยังคงได้รับค่าจ้างน้อยกว่าผู้ชายเฉลี่ยแล้วราว 29%

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านสตรีหนึ่งได้โผล่ขึ้นมาในเกาหลีใต้ นำโดยพวกชายหนุ่มที่หลงเชื่อผิด ๆ ที่อ้างว่าพวกเขาถูกเอาเปรียบจากความพยายามส่งเสริมวิถีชีวิตผู้หญิง

มุมมองดังกล่าวสะท้อนแนวคิดไปในทิศทางเดียวกับ คิม และในรายงานของคิม ได้สรุปว่าหนทางที่จะเอาชนะ ‘ปรากฏการณ์ผู้หญิงเป็นใหญ่’ คือส่งเสริมความตระหนักรู้ของประชาชนเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศ เพื่อที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายสามารถมีความพึงพอใจต่อโอกาสที่เท่าเทียม

อย่างไรก็ตาม ชาวเกาหลีใต้พากันไหลบ่าสู่สื่อสังคมออนไลน์แพลตฟอร์มเอ็กซ์ ประณามความเห็นของสมาชิกสภาเมืองโซลรายนี้ ว่าไม่อยู่บนหลักความเป็นจริงและเกลียดชังผู้หญิง หนึ่งในนั้นถึงขั้นตั้งคำถามว่านักการเมืองรายนี้กับพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในโลกคู่ขนานกันหรือเปล่า

ด้านพรรคยุติธรรม กล่าวหาสมาชิกสภาเมืองรายดังกล่าวว่า "หาทางออกง่าย ๆ ด้วยการกล่าวโทษพวกผู้หญิงในสังคมเกาหลี ที่ต้องดิ้นรนเพื่อหลุดพ้นจากการเลือกปฏิบัติทางเพศ" พร้อมเรียกร้องให้เขาถอนคำพูดและวิเคราะห์ต้นตอปัญหาอย่างเหมาะสมแทน

เมื่อได้รับการติดต่อขอคำชี้แจงจากบีบีซี ทาง คิม อ้างว่าเขาไม่ได้มีเจตนาวิพากษ์วิจารณ์สังคมที่ถูกครอบงำโดยผู้หญิง และเพียงแค่ให้มุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับผลกระทบบางอย่างจากสิ่งนี้

อย่างไรก็ตาม ความเห็นของเขามีขึ้นตามหลังข้อเสนอทางการเมืองต่าง ๆ จำนวนหนึ่ง ที่ปราศจากหลักการทางวิทยาศาสตร์และบางครั้งออกแนวแปลกประหลาด อ้างว่ามีเป้าหมายเพื่อจัดการกับประเด็นที่ก่อแรงกดดันทางสังคมอย่างยิ่งในเกาหลีใต้ ในนั้นรวมถึงอาการป่วยทางจิต ความรุนแรงทางเพศและอัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในโลก

เมื่อเดือนที่แล้ว สมาชิกสภากรุงโซลอีกคนในวัย 60 ปีเศษ ๆ เผยแพร่บนความบนเว็บไซต์ของทางการ ยุให้สาวเล่นยิมนาสติกและออกกำลังกายบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เพื่อเพิ่มอัตราการเกิด ขณะเดียวกันสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งของรัฐบาลแนะนำอนุญาตให้เด็กผู้หญิงเริ่มเข้าโรงเรียนเร็วกว่าเด็กผู้ชาย โดยเชื่อว่าการสร้างช่องว่างของอายุระหว่างชายและหญิงในโรงเรียนจะสร้างความดึงดูดใจมากขึ้น เมื่อพวกเขาเข้าสู่วัยที่แต่งงานได้

'คลัง' เผย!! มาตรการกระตุ้นศก.ด้านอสังหาฯ แค่ 3 เดือน สร้างเม็ดเงินใหม่กว่า 65,000 ล้าน

(11 ก.ค. 67) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงผลสัมฤทธิ์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนมาตรการสินเชื่อ และค่าธรรมเนียม ดังนี้

1. มาตรการค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรม ลดค่าโอนจากร้อยละ 2 เหลือ 0.01 และลดค่าจำนองจากร้อยละ 1 เหลือ 0.01 มีจำนวนผู้ใช้สิทธิ์ 40,372 ราย แบ่งเป็นโอนอสังหาริมทรัพย์ 29,047 ราย และโอนห้องชุด 11,325 ราย (ตัวเลขถึงวันที่ 31 พ.ค.)

2. มาตรการส่งเสริมกิจการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี สำหรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้บุคคลธรรมดา ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท (รวมค่าที่ดิน) จนถึงวันที่ 10 มิ.ย. มูลค่าโครงการรวมแล้วถึง 33,278.69 ล้านบาท

3. โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Home (วงเงิน 20,000 ล้านบาท ) ให้ผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลางที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท อนุมัติสินเชื่อแล้ว 12,576 ราย เป็นจำนวนเงิน 17,812 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 89.06 ของวงเงินโครงการ

4. โครงการสินเชื่อบ้าน Happy Life (วงเงิน 20,000 ล้านบาท) ให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง หรือไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก ร้อยละ 2.98 ต่อปี วงเงินต่อรายตั้งแต่ 2.5 ล้านบาทขึ้นไป อนุมัติสินเชื่อแล้ว 8,141 ราย เป็นจำนวนเงิน 15,588 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 77.94 ของวงเงินโครงการ

‘ชาวสงขลา’ โอด!! ‘เศรษฐกิจแย่’ กระตุ้น ‘โจรลักแทงปาล์ม’ ระบาดหนัก ‘ผู้ว่าฯ สงขลา’ ไม่นิ่ง!! เรียกถกด่วน หาแนวทางดูแลทุกข์-สุขชาวบ้าน

จากกรณีนักข่าวได้รับการร้องเรียนประเด็นโจรระบาดหนักในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ จ.สงขลา ลอบลักแทงปาล์ม ลักแม้กระทั่งกล้วย สายไฟ อันเป็นผลมาจากเศรษฐกิจย่ำแย่ ยาเสพติดระบาดหนัก คนไม่มีงานทำ ขาดรายได้

ล่าสุด (11 ก.ค. 67) ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเรียกประชุมด่วน ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอสทิงพระ เวลา 11.00 น. ทั้งผู้บังคับการจังหวัด ผู้กำกับทุกอำเภอ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกอำเภอ ทุกพื้นที่ บนคาบสมุทรสทิงพระ เพื่อสั่งการแก้ปัญหาเรื่อง ‘โจรลักขโมย’ สร้างปัญหา สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน อย่างเร่งด่วน

กล่าวสำหรับโจรลักขโมยแทงผลปาล์ม และลักขโมยผลผลิตผลทางการเกษตร ไม่ได้มีเฉพาะคาบสมุทรสทิงพระ แต่เกิดขึ้นเป็นการทั่วไป อย่างนครศรีฯ อ.หัวไทร เชียรใหญ่ ปากพนัง ชะอวด ก็มีโจรชุกชุมจริง ๆ เผลอไม่ได้ โดยจะขโมยแทงสวนปาล์มในเวลากลางคืน โจรจะตระเวนหมายตาไว้ตั้งแต่ช่วงกลางวัน

ในจ.ตรัง จ.สตูล ก็ปรากฏเป็นข่าวให้เห็นบ่อยครั้งถึงโจรขโมยแทงผลปาล์มไปขาย ยิ่งในช่วงปาล์มราคาดี โจรยิ่งชุมนัก

‘เทพไท เสนพงศ์’ อดีต สส.นครศรีฯ พรรคประชาธิปัตย์ เคยเสนอทางแก้ไว้น่าสนใจ จึงขอนำกลับมาเสนออีกครั้ง เผื่อเจ้าหน้าที่จะฉุกคิดขึ้นมาได้

“การแก้ปัญหา ‘การขโมยผลปาล์มน้ำมัน’ ของเกษตรกร ต้องเริ่มต้นที่ลานเทรับซื้อปาล์มสดจากเกษตรกร จะต้องมีความเข้มงวดในการรับซื้อ ‘ปาล์มน้ำมัน’ จากผู้ขายรายย่อยที่นำผลปาล์มน้ำมันจำนวนน้อยมาขาย เช่น ใส่รถมอเตอร์ไซด์พ่วงข้าง ใส่รถเข็น ใส่เข่งจำนวนไม่กี่ทะลาย วิธีการแก้ไข ต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม มี ‘บัตรประจำตัวเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน’ มีคิวอาร์โค้ด ชิปบันทึกข้อมูลในบัตร สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทั้งหมด ถ้าผู้ขายปาล์มรายใดไม่มีบัตรเกษตรกร ชาวสวนปาล์ม ก็ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นพวกขโมยปาล์มมาขาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องประสานงานกับลานเทปาล์ม ที่รับซื้อปาล์มสดจากเกษตรกรอย่างใกล้ชิด”

ส่วนตัว #นายหัวไทร เห็นด้วยว่า ลานเทรับซื้อผลปาล์มควรจะเข้มงวด เคร่งครัดกับผู้ขายรายย่อย แต่บางครั้งเจ้าของลานเทกลับรู้เห็นเป็นใจ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า คนที่เอาผลปาล์มมาขาย ไม่ได้มีสวนปาล์ม แต่ยังรับซื้อ ซึ่งถ้าสืบกันในเชิงลึก อาจจะเข้าข่าย ‘รับซื้อของโจร’

จึงควรหาทางควบคุมลานเท ไม่ให้รีบซื้อผลปาล์มที่ไม่มีที่มาที่ไป เอาง่าย ๆ ว่า ไม่ควรรับซื้อของโจร ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้มงวด เอาจริงเอาจัง ก็จะมีความผิดทั้งผู้ซื้อ และผู้ขาย

มีเจ้าของสวนรายหนึ่งในอำเภอปากพนังโทรมาแต่เช้า “ทอกขี้นั่งเลยพี่เห้อ” เมื่อเช้าเข้าสวนปาล์มไปเจอโดนโจรแทงปาล์มหมดสวน

“ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แจ้งตำรวจก็แล้ว แจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็แล้ว ไม่ได้ผล จึงต้องแจ้งพี่ให้ช่วยกระทุ้งหน่อย”

ผมเองก็ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง ทำได้ก็แค่แจ้งข่าว บอกข่าวกันไป เผื่อเข้าหูเข้าตาเจ้าหน้าที่บ้าง จะได้เข้าไปจัดการปัญหา

ซึ่งปัญหาใหญ่เกิดจาก ‘เศรษฐกิจที่ย่ำแย่’ คนไม่มีงานทำไม่มีรายได้ ไม่มีอาชีพ และปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด ที่ลุกลามไปทุกชุมชน ซึ่งกลุ่มเยาวชนที่ติดยาเสพติดก็ไม่มีอาชีพ จึงออกขโมย เพื่อหารายได้มาซื้อยา

สงขลาตื่นแล้ว แต่จังหวัดอื่น ๆ ไม่รู้ว่า คนดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน ตื่นกันแล้วหรือยัง

‘รมว.ปุ้ย’ แนะ!! ‘ส่งออกเหล็ก-เครื่องใช้ไฟฟ้า’ ส่องมาตรการใหม่อินเดีย หลังผุดมาตรฐาน ‘ควบคุมสินค้านำเข้าล่าสุด’ 91 รายการ

(11 ก.ค. 67) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ส่งออกสินค้าไปยังประเทศอินเดียให้ตรวจสอบและศึกษามาตรการการนำเข้าให้ถี่ถ้วน เนื่องจากอินเดียได้ออกมาตรการควบคุมการนำเข้าเหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 91 รายการ ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการส่งออกสินค้าดังกล่าวของไทย

ทั้งนี้ ได้กำชับให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ในฐานะที่เป็นหน่วยงานกลางในการปฏิบัติตามพันธกรณีความตกลงว่าด้วยอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า (TBT) ของ WTO และเป็นผู้แทนประเทศไทยในการเจรจาต่อรอง

ด้านอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ อินเดียเป็นคู่ค้าที่สำคัญของประเทศไทย ที่มีมูลค่าการส่งออกในเดือนพฤษภาคม 2567 มากกว่า 36,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นอันดับที่ 6 รองลงมาจากสหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย และเวียดนาม 

ดังนั้น จึงขอให้ผู้ประกอบการกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง 91 รายการ ที่จะส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังประเทศอินเดีย ศึกษามาตรการดังกล่าวอย่างรอบคอบ เพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการทางการค้าของอินเดียได้อย่างถูกต้อง และไม่เสียโอกาสทางการค้า 

ด้าน นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สมอ. กล่าวว่า สมอ.ได้แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ได้รับทราบมาตรการทางการค้าที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานสินค้าของประเทศต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นข้อกำหนดของ WTO ที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกจะต้องเผยแพร่มาตรการทางการค้าต่อสาธารณชน และแจ้งให้ประเทศสมาชิกอื่น ๆ ทราบเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงมาตรการ เพื่อลดข้อกีดกันทางการค้า 

สำหรับมาตรการทางการค้าของประเทศอินเดียในครั้งนี้ เป็นการควบคุมคุณภาพ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวน 91 รายการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของอินเดียที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้เร็ว ๆ นี้ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์เหล็ก 6 รายการ ประกอบด้วย

- เหล็กกล้าแผ่นแถบรีดร้อนและรีดเย็นที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการแปรรูป 
- เหล็กกล้าแผ่นแถบ  แผ่นตัด และแผ่นบางสำหรับงานท่อ 
- เหล็กกล้าทรงแบนเคลือบสังกะสี สำหรับงานรถยนต์ 
- เหล็กกล้าแผ่นตัด แผ่นบาง และแผ่นแถบเคลือบสังกะสีผสมอะลูมิเนียมและแมกนีเซียม 
- โลหะผสมโมลิบดีนัม 
- โลหะผสมเหล็กวานาเดียม 

นายวันชัย กล่าวอีกว่า เครื่องใช้ไฟฟ้า ครอบคลุมสินค้า 85 รายการ เช่น ตู้เย็น ตู้แช่แข็ง เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน หม้อหุงข้าว เตาอบ เครื่องดูดฝุ่น เตาปิ้งย่าง เตารีด และไดร์เป่าผม เป็นต้น โดยผู้ประกอบการไทยที่จะส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังประเทศอินเดีย จะต้องยื่นคำขอรับใบอนุญาตจากสำนักงานมาตรฐานอินเดีย และแสดงเครื่องหมายมาตรฐานที่ตัวสินค้าหรือบรรจุภัณฑ์ตามที่ระบุไว้ในใบอนุญาต 

‘เพจดัง’ เปิดภาพ ม้าหินอ่อนสวนลุมฯ หลังมี ‘สเตนเลส’ หุ้มไว้ ด้านชาวเน็ตแห่แซว พร้อมหวั่นอันตรายจากความร้อนจะติดไฟง่าย

(11 ก.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานจากเพจ Bangkok Sightseeing โพสต์ระบุว่า “ฮ่า ๆ ๆ ไม่รู้ไอเดียใคร น่าจะเอกชนทำให้ ซุ้มม้าหินอ่อนในสวนลุมฯ ที่ผุพัง เอาสเตนเลสมาหุ้มแบบนี้ก็เข้าท่าดี แต่ใจจริงอยากให้ปรับโฉมใหม่ทั้งหมด เพราะหลาย ๆ ซุ้มเสื่อมโทรม ผุพังมาก”

อย่างไรก็ตาม จากโพสต์ดังกล่าวมีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย อาทิ

- เตาหมูกระทะช่วงพักเที่ยง
- ในวันที่แสงแดดจัดนั่งไม่ได้ ร้อน หากเกิดจุด Focus รวมแสงไปตกที่ใดที่หนึ่งที่ติดไฟได้ง่าย - อาจเกิดอันตราย
- หน้าหนาวฟินสุด
- นั่งตอนเดือนเมษา น่าจะย่างเนื้อได้เลยนะนั่น
- หน้าร้อนจะเป็นจุดรวมแสงให้เกิดความร้อนจนส่งผลให้เกิดเปลวไฟจากใบไม้แห้งไหมคะ

'อ.ต่อตระกูล' วิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจไทย เทียบประเทศอื่นในเอเชีย ชี้!! ในอีก 10 ปีข้างหน้า เติบโตช้ากว่า 'อินโด-เวียดนาม-ฟิลิปปินส์'

(11 ก.ค.67) นายต่อตระกูล ยมนาค อดีตนายกสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ต่อตระกูล ยมนาค โดยระบุว่า…

เศรษฐกิจไทย วันนี้ตกต่ำจริง แล้วยังมีอนาคตอยู่ไหม? 

ผมต้องค้นหาเอง เพื่อที่จะได้ความจริงจากแหล่งข้อมูลทางวิชาการต่างๆที่เป็นกลางเชื่อถือได้ รวม 14 ที่มา ที่ได้วงเล็บ [ ] ไว้หลังข้อสรุปแต่ละเรื่อง ผลสรุปว่า…

“ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเศรษฐกิจที่สำคัญในอาเซียน แต่อาจเห็นว่าน้ำหนักทางเศรษฐกิจลดลงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เติบโตเร็วกว่า เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์”

รายงานเต็ม ๆ ที่ผมได้รับการสรุปจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ มีดังนี้…

จากข้อมูลเท่าที่มีอยู่ นี่คือบทวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชียในอีก 10 ปีข้างหน้า 

แนวโน้มเศรษฐกิจไทย

1. แนวโน้มการเติบโตในระยะสั้น
- เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโต 2.4% ในปี 2567 และ 2.8% ในปี 2568 ตามข้อมูลของธนาคารโลก[11]
- ซึ่งแสดงถึงการฟื้นตัวจากการเติบโต 1.9% ในปี 2023 แต่ก็ยังตามหลังคู่แข่งอื่น ๆ ในภูมิภาค[1][2]

2. ปัจจัยขับเคลื่อนและความท้าทายที่สำคัญ
- การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการส่งออกคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโต แต่จะช้ากว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด[11]
- การบริโภคภาคเอกชนยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก แม้ว่าหนี้ครัวเรือนจะอยู่ในระดับสูงก็ตาม[6]
- ประเทศเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้าง รวมถึงประชากรสูงวัย ช่องว่างด้านทักษะ และความจำเป็นในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต[9]

3. ประมาณการระยะยาว:
- แม้จะไม่ได้ระบุการคาดการณ์เฉพาะเจาะจงในช่วง 10 ปี แต่คาดว่าประเทศไทยจะยังคงเติบโตอย่างมั่นคงแต่ปานกลางในทศวรรษหน้า
- ประเทศมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน[9]

เปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย

1. อัตราการเติบโต
- คาดการณ์การเติบโตของไทย (2.4-2.8% ในระยะสั้น) ต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน[2][12]
- ประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม คาดการณ์อัตราการเติบโตที่ 4.5-5.8% ในปี 2567[12]

2. ขนาดและศักยภาพทางเศรษฐกิจ:
- อินโดนีเซียซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียนอยู่แล้ว คาดว่าจะมีมูลค่าถึง 4.1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2578 และจะกลายเป็นตลาดเกิดใหม่ชั้นนำ[12]
- เวียดนามและฟิลิปปินส์คาดว่าจะติดอันดับตลาดเกิดใหม่ที่สำคัญภายในปี 2578[12]
- แม้ว่าประเทศไทยจะเติบโต แต่ก็ไม่คาดว่าจะเห็นขนาดเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้

3. การลงทุนและความสามารถในการแข่งขัน
- เอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรวมคาดว่าจะดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากแนวโน้มการกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทาน[12]
- ประเทศไทยต้องเผชิญกับการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านเช่นเวียดนามในการดึงดูดการลงทุนด้านการผลิต[6]

4. ปัจจัยเชิงโครงสร้าง
- ประชากรสูงวัยของประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายด้านประชากรศาสตร์ในทันทีมากกว่า เมื่อเทียบกับประชากรอายุน้อยในประเทศต่าง ๆ เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์[9]
- ความพยายามของประเทศไทยในการยกระดับทักษะแรงงานและเพิ่มผลิตภาพจะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการก้าวให้ทันคู่แข่งในระดับภูมิภาค[9]

โดยสรุป แม้ว่าประเทศไทยคาดว่าจะรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทศวรรษหน้า แต่อาจต้องดิ้นรนเพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วที่คาดการณ์ไว้สำหรับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนบางส่วน

ความสามารถของประเทศในการจัดการกับความท้าทายเชิงโครงสร้าง เพิ่มผลผลิต และประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรม ที่มีมูลค่าสูงกว่า จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดตำแหน่งทางเศรษฐกิจที่สัมพันธ์กันภายในเอเชีย

ในอีก 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเศรษฐกิจที่สำคัญในอาเซียน แต่อาจเห็นว่าน้ำหนักทางเศรษฐกิจลดลงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เติบโตเร็วกว่า เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์

>> อ้างอิง Sources:
[1] Thai Economy - Bank of Thailand https://www.bot.or.th/en/thai-economy.html

[2] Thailand's economic outlook: Q3 recovery amid GERM risks https://www.nationthailand.com/.../business/economy/40039534

[3] Economic Forecasts: Asian Development Outlook April 2024 https://www.adb.org/outlook/editions/april-2024

[4] World Bank: Debt, Trade Barriers and Uncertainty Will Drag on Asian Economies in 2024 https://thediplomat.com/.../world-bank-debt-trade.../

[5] Asia Outlook 2024: A Year of Transition - J.P. Morgan Private Bank https://privatebank.jpmorgan.com/.../2024-asia-outlook-a…

[6] Thailand's economy stumbles as Philippines, Vietnam, Indonesia ... https://www.aljazeera.com/.../thailands-economy-stumbles…

[7] Thailand’s economy lags behind peers with protracted recovery https://www.thailand-business-news.com/.../134352…

[8] 2024 Thailand's Economic Outlook and Emerging Technology Trend https://www2.deloitte.com/.../2024-thailand-economic…

[9] Thailand Overview: Development news, research, data | World Bank https://www.worldbank.org/en/country/thailand/overview

[10] Thailand Foodservice Market Size and Trends by Profit and Cost Sector Channels, Players and Forecast to 2027 https://www.globaldata.com/.../thailand-foodservice.../

[11] Thailand Economic Monitor July 2024: Unlocking the Growth Potential of Secondary Cities https://www.worldbank.org/.../tha.../publication/temjuly2024

[12] ASEAN economic outlook in 2024 | S&P Global https://www.spglobal.com/.../asean-economic-outlook-in…

[13] Southeast Asia quarterly economic review: Q1 2024 - McKinsey https://www.mckinsey.com/.../southeast-asia-quarterly…

[14] Thai Government Aims to Lift 2024 GDP Growth to 3% by Tourists, Investment https://www.bloomberg.com/.../thai-government-aims-to...

อีกมุม!! 'นูนเญซ' เข้าปะทะแฟนบอล 'โคลอมเบีย' เหตุแฟนบอลคู่แข่งเมา เข้าคุกคามครอบครัวของตน

(11 ก.ค.67) ควันหลง โกปา อเมริกา 2024 ในเกมที่ 'จอมโหด' อุรุกวัย พ่ายแพ้ 'โคลอมเบีย' ที่เหลือผู้เล่น 10 คน ไปด้วยสกอร์ 0-1 ตกรอบ 4 ทีมสุดท้าย โดยเกมดังกล่าว โคลอมเบีย ขึ้นนำ 1-0 จาก เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา น.39 ก่อนที่ ดาเนียล มูญอซ แข้งของทีม 'โคเคน' จะมาโดนเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามก่อนจบครึ่งแรก

แม้ครึ่งหลัง อุรุกวัย จะลงผู้เล่นเกมรุกลงมาหลายคน และขึงเกมบุกใส่คู่แข่ง แต่เจาะแนวรับอันแข็งแกร่งของ โคลอมเบีย ไม่ได้ และตลอดทั้งเกมพวกเขายิงตรงกรอบแค่ 3 ครั้งเท่านั้น

ทั้งนี้ หลังจบเกม ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย จากทีม 'หงส์แดง' ลิเวอร์พูล ได้เข้าปะทะคารมกับกองเชียร์โคลอมเบียอย่างดุเดือดถึงขั้นลงไม้ลงมือชนิดที่เพื่อนร่วมทีมเข้ามาห้ามก็หยุดไม่อยู่

หลังสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม ดาร์วิน นูนเญซ ซึ่งเกมนี้พลาดโอกาสทองหลายครั้ง นำเหล่าผู้เล่น อุรุกวัย จำนวนหนึ่งเข้าไปในกลุ่มแฟนบอลโคลอมเบีย ก่อนจะเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง ซึ่งทางหัวหอกของ ลิเวอร์พูล โดนแฟนบอลต่อยเข้าที่หน้า

จากรายงานของ 'เอล ปาอีส' สื่ออุรุกวัย ระบุว่า ผู้เล่นทีม 'จอมโหด' เข้าไปในกลุ่มแฟนบอลเพื่อช่วยครอบครัว และเพื่อนที่นั่งอยู่หลังม้านั่งสำรองของทีม ส่วน ฮอร์เก จอร์ดาโน ผู้อำนวยการทีมชาติอุรุกวัย และสื่อมวลชนของอุรุกวัย อย่าง เฟลิเป โกเตโล ก็มีการวิวาทกับกลุ่มแฟนบอลคู่แข่งด้วยเช่นกัน

มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า มานูเอล อูการ์เต เดินเข้าไปดูแลญาติของตัวเองในสนามที่สุ่มเสี่ยงต่อการโดนลูกหลงการทะเลาะวิวาทในครั้งนี้ ในขณะที่มีแฟนบอล อุรุกวัย บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์ดังกล่าวเนื่องจากแฟนบอลของ โคลอมเบีย มีมากกว่า

ด้าน โฆเซ ฆิเมเนซ เซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติอุรุกวัย ออกมาเปิดเผยว่า แฟนโคลอมเบียเมาจนควบคุมตัวเองไม่ได้ คุกคามครอบครัวของนักเตะอุรุกวัย ตรงนั้นไม่มีตำรวจแม้แต่คนเดียว ครอบครัวของเรา พวกเขาตกอยู่ในอันตราย จึงต้องรีบขึ้นไปบนอัฒจันทร์เพื่อช่วยพวกเขาออกมา

ล่าสุดปรากฏภาพ ดาร์วิน นูนเญซ กำลังกอดปลอบขวัญลูกชายของตนอยู่ในสนาม หลังจากเพิ่งบุกขึ้นบนอัฒจันทร์ชกต่อยกับแฟนโคลอมเบีย เพราะสนามไม่มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนา

‘ดร.อักษรศรี’ มอง ‘เวียดนาม’ อยู่เป็น มีปัญหากับจีน แต่เลือกคบจีน แปลงจีนให้เป็นโอกาสอย่างชาญฉลาด แซงทุกชาติในอาเซียนขึ้นอันดับ 1 คู่ค้าจีน

(11 ก.ค.67) รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

เวียดนาม 'อยู่เป็น' ในความสัมพันธ์กับจีน เวียดนามเลือกที่จะคบจีน #ไม่ต่อต้านจีนตามกระแส ทำให้เวียดนามกลายเป็นคู่ค้าหลักของจีนที่ขยายตัวเร็วมาก ก้าวขึ้นเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีน แซงเพื่อนบ้านอาเซียนทุกประเทศ

เวียดนามเลือกที่จะก้าวข้ามประเด็นความขัดแย้งกับจีน (พักปัญหาเอาไว้ก่อน) หันมาเน้นทำมาหากิน สร้างบ้านสร้างเมือง ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจต้องมาก่อน เวียดนามเลือกที่จะ #ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งให้ได้ก่อน เวียดนามฉลาดในการ #แปลงจีนให้เป็นโอกาส

เวียดนาม #ก้าวข้ามอดีตเพื่ออนาคต !! ทั้ง ๆ ที่เวียดนามมีประวัติศาสตร์ที่น่าขมขื่นกับจีน และยังคงมีปัญหาข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ แต่เวียดนามก็เลือกที่จะคบจีนอย่างชาญฉลาด ทั้งด้านการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงรถไฟจากฮานอยไปจีน จนสามารถใช้จีนเป็นทางผ่านรถไฟจากเวียดนามไปยุโรป 

เวียดนามมีทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจน Well Planned + Long Term Strategy ชัดเจนว่า #ประเทศจะไปทางไหน จนตอนนี้ เวียดนามกลายเป็นฐานผลิต Smart Phone อันดับต้นของโลก 

เวียดนามมียุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งทำ Digitalization เพื่อให้เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วน 20% ของจีดีพีเวียดนาม ภายในปี 2025

‘ใบเฟิร์น’ ตอบชัด!! ถอยสัมพันธ์ ‘นาย ณภัทร’ ยัน!! ไม่มีเรื่องคนนอก ชี้!! ตัดสินใจร่วมกัน

(11 ก.ค. 67) ที่อาคาร จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ‘ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก’ เปิดใจกรณีเลิกรา แฟนหนุ่ม ‘นาย ณภัทร’ ว่า อย่างแรกก็ต้องขอโทษที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์วันนั้น พอถึงวันนี้ก็ต้องบอกเป็นการตัดสินใจร่วมกัน เป็นเรื่องที่คุยกันมาอยู่แล้ว จึงตัดสินใจครั้งนี้ร่วมกัน ยอมรับว่ายากมาก แต่ก็เป็นเรื่องที่เห็นตรงกัน

>>ใช้เวลานานไหม

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก: เราคุยเรื่องนี้มาสักพักแล้ว เราเจอเรื่องนี้มาด้วยกัน เราเข้าใจกัน ส่วนเรื่องข่าวลือไม่ได้ซีเรียส ไม่ได้กังวล ยืนยันไม่เกี่ยวกับคนอื่น เป็นเรื่องที่เรา 2 คนคุยกันและตัดสินใจจากเรา 2 คนจริง ๆ

ได้ดูนาย แถลง ก็ต้องให้กำลังใจ เรายังเป็นเพื่อนที่ดี ยังคุย ยังถามไถ่กันอยู่ ก็เป็นห่วง เป็นห่วงมาตลอดอยู่แล้ว

>>หลายคนยังลุ้น

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก: ในอนาคตไม่ทราบจริง ๆ แต่ตอนนี้ก็เป็นแบบนี้

>>ยังมีรอยยิ้มกลับมา

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก: ก็มีรอยยิ้ม ก็ต้องให้เวลาดูแลจิตใจตัวเอง ก็ขอบคุณทุกคนที่ยังให้กำลังใจ มีความหมายกับตนมากจริง ๆ หลังจากตัดสินใจมาเป็นเพื่อนกัน ก็แจ้งครอบครัว ทั้งคู่ พ่อแม่เราก็เข้าใจ ยังซัพพอร์ตอยู่เหมือนเดิม

>>เลิกกันทั้งที่ยังรัก รู้สึกอย่างไร

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก: ก็ได้เห็นความรักตัวเองในอีกเวอร์ชันหนึ่ง ไม่ว่ายังไงก็ยังรัก และหวังดี ก็ต้องให้เวลาตัวเอง เรื่องข่าวไม่ใช่ปัญหาหลักของเฟิร์น สุดท้ายกลับมาที่ความเข้าใจ ความรักความหวังดี

“ขอบคุณทุกคนกำลังใจมีผลกับเฟิร์นมาก ๆ ตอนนี้โอเคขึ้นตามลำดับ”

>> ฝากบอกแฟนคลับอย่างไร

ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก: ก็มีแต่คำว่าขอบคุณ 

‘กองทัพยิว’ ถล่มโรงเรียนในกาซาแห่งที่ 4 คร่าชีวิตเฉียด!! 30 ราย ด้านกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแห่ประณาม จงใจก่อความรุนแรงฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

(11 ก.ค.67) กองทัพอิสราเอลระดมโจมตีทั้งตอนเหนือและตอนกลางของกาซาในวันพุธ (10 ก.ค.) ไม่กี่ชั่วโมง หลังจากโจมตีทางอากาศต่อโรงเรียนแห่งหนึ่งใกล้เมืองข่านยูนิสทางใต้ของกาซา ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 29 คน นับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 4 วัน ที่อาคารโรงเรียนที่ใช้เป็นที่หลบภัยถูกโจมตี ขณะที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนอิสระของยูเอ็นกล่าวหายิว ‘ดำเนินการเพื่อให้เกิดความอดอยากแบบกำหนดเป้าหมาย’ และ ‘ก่อความรุนแรงที่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’

รายงานระบุว่า กองทัพอิสราเอลโปรยใบปลิวแจ้งให้พลเรือนทั้งหมดอพยพออกจากกาซาซิตี้ พร้อมแผนที่เส้นทางปลอดภัยบนถนน 2 สายมุ่งลงใต้สู่ตอนกลางของฉนวนกาซา

ด้านฮามาสระบุว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลในวันอังคาร (9 ก.ค.) ทำให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 60 คนเสียชีวิต และบ่อนทำลายความพยายามในการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงที่มีการฟื้นการเจรจาอีกครั้งในวันพุธที่โดฮา

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า ฮามาสส่งสัญญาณว่า พร้อมยกเลิกการเรียกร้องให้หยุดยิงโดยสมบูรณ์ในเงื่อนไขสำหรับการเริ่มต้นการเจรจาที่มีกาตาร์และอียิปต์เป็นตัวกลาง และสหรัฐฯ ให้การสนับสนุน

ทว่า ทางด้านสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลกลับกำหนดเงื่อนไขที่รวมถึงการเปิดทางให้อิสราเอลสู้รบต่อหลังการหยุดยิงจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของสงคราม

เจ้าหน้าที่แพทย์ปาเลสไตน์ระบุว่า การโจมตีทางอากาศต่อค่ายผู้หลบภัยในโรงเรียนแห่งหนึ่งในย่านอาบาสซาน ทางตะวันออกของเมืองข่านยูนิส ในกาซาตอนใต้เมื่อวันอังคาร ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 29 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 4 วันที่อาคารโรงเรียนที่ใช้เป็นที่หลบภัยถูกโจมตี

ทางด้านกองทัพอิสราเอลแถลงว่า กำลังตรวจสอบรายงานที่ว่า มีพลเรือนได้รับอันตราย พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการใช้กระสุนที่แม่นยำ โจมตีนักรบฮามาสคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการบุกอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งเป็นชนวนเหตุของสงครามกาซาในขณะนี้

ขณะเดียวกัน สมาคมเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์เผยว่า ได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากประชาชนที่ติดอยู่ในกาซาซิตี้ แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยได้เนื่องจากมีการระดมทิ้งระเบิดอย่างหนักหน่วง และกองทัพอิสราเอลยังคงโจมตีเขตที่อยู่อาศัย ทำให้พลเรือนต้องหนีจากบ้านและที่หลบภัย

ที่ค่ายนูเซรัต ตอนกลางกาซา หน่วยแพทย์เผยว่า ชาวปาเลสไตน์ 6 คนที่รวมถึงเด็กเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศต่อบ้านหลังหนึ่งเมื่อรุ่งเช้าวันพุธ และการโจมตีทางอากาศอีกระลอกมีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีกหลายคนในข่านยูนิส

สหประชาชาติระบุว่า พลเรือนหลายแสนคนได้รับผลกระทบจากการระดมโจมตีนับจากอิสราเอลออกคำสั่งอพยพออกจากกาซาซิตี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 เดือนที่แล้ว

ฟิลิปเป ลาซซารินี ข้าหลวงใหญ่หน่วยงานผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของยูเอ็น หรือ UNRWA แถลงว่า ขณะนี้มีพลเรือนราว 35,000 คนต้องออกเดินทางอีกครั้ง โดยที่ไม่มีที่ใดในกาซาที่ปลอดภัยอีกต่อไป

สำนักงานสิทธิมนุษยชนของยูเอ็นสำทับว่า ‘ตกใจ’ กับการที่พลเรือนที่ต้องอพยพโยกย้ายกันมาหลายครั้ง ได้รับคำสั่งให้มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ยังมีปฏิบัติการทางทหารต่อเนื่องและมีพลเรือนล้มตายตลอดเวลา

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนอิสระของยูเอ็นจำนวน 10 คน กล่าวหาอิสราเอล ‘ดำเนินการเพื่อให้เกิดความอดอยากแบบกำหนดเป้าหมาย’ ที่ส่งผลให้เด็กในกาซาเสียชีวิตและ ‘ก่อความรุนแรงที่เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวแจงว่า นับจากวันที่ 7 ต.ค.มีชาวปาเลสไตน์ 34 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก เสียชีวิตจากความอดอยาก

ทว่า คณะทูตของอิสราเอลในยูเอ็นที่เจนีวา กล่าวหาผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นเผยแพร่ข้อมูลเท็จและสนับสนุนการโฆษณาชวนเชื่อของฮามาส

นอกจากนั้น สงครามที่ดำเนินมากว่า 9 เดือนส่งผลให้โรงพยาบาลมากมายในกาซาต้องปิดตัวลง โดยในวันอังคาร สมาคมเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์แถลงว่า โรงพยาบาลทั้งหมดในกาซาซิตี้ยุติการให้บริการโดยสิ้นเชิง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top