Wednesday, 7 May 2025
TheStatesTimes

'ยาฮู เจแปน' ยก!! 'กรุงเทพฯ' เมืองที่มีการพัฒนาได้ก้าวหน้า เสริมแกร่งความเป็นศูนย์กลางแห่งภูมิภาค ด้วยสาธารณูปโภคดีเยี่ยม

(10 มิ.ย.67) กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยสถิติการสํารวจจํานวนผู้อยู่อาศัยของประชาชนสัญชาติญี่ปุ่นในต่างประเทศ ด้วยการจัดอันดับ 30 เมืองทั่วโลก เมื่อสิ้นสุดวันที่ 1 ตุลาคม 2023 พบว่า กรุงเทพมหานคร ติดอันดับ 2 จาก 30 เมืองทั่วโลก มีจำนวนชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่จำนวน 51,407 คน ที่สำคัญ  นับเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน หรือนับตั้งแต่ปี 2019 ที่กรุงเทพมหานครได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่มีประชาชนชาวญี่ปุ่นอาศัยในต่างประเทศอันดับ 2 

ยาฮู เจแปน ซึ่งเป็นสื่อออนไลน์ชื่อดังระดับโลกในญี่ปุ่น รายงานว่า กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศไทยในปัจจุบัน พบว่า มีเส้นทางถนนที่ทันสมัย ตึกสูงระฟ้ามีจำนวนมากขึ้น และห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นและขยายออกไปมาก ในขณะที่วัดวาอารามในศาสนาพุทธมีอย่างหนาแน่นในเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานครในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายังได้รับการขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางของการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังพัฒนาความเป็นเมืองระหว่างประเทศที่ก้าวหน้าอีกด้วย นอกจากนี้ กรุงเทพมหานครยังมีการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น ทางรถไฟ และรถประจําทาง และสามารถเข้าถึงเมืองได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงสนามบินด้วย

หากพิจารณาเฉพาะในอาเซียน (ตัวเลขในวงเล็บ คือ อันดับรวมจากทั้ง 30 อันดับทั่วโลก) จะพบว่า กรุงเทพมหานครยังเป็นอันดับ 1 เมืองเมืองที่คนญี่ปุ่นอยู่มากที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น อันดับ 2 สิงคโปร์(6) จำนวน 31,366 คน อันดับ 3 โฮจิมินห์ ซิตี้(23) เวียดนาม จำนวน 10,063 คน อันดับ 4 กัวลาลัมเปอร์(24) มาเลเซีย จำนวน 9,889 คน อันดับ 5 กรุงฮานอย(29) เวียดนาม จำนวน 6,547 คน และอันดับ 6 กรุงมะนิลา(30) ฟิลิปปินส์ จำนวน 6,047 คน 

สำหรับอันดับ 1 เมืองที่คนญี่ปุ่นอยู่มากที่สุดนอกประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ นครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จำนวน 64,457 คน นอกจากนี้ ยังได้รับการจัดอันดับเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันด้วย ส่วนเมืองสำคัญอื่นๆ ได้แก่ อันดับที่ 4 เซี่ยงไฮ้ จีน 37,315 คน อันดับที่ 10 ฮ่องกง จีน จำนวน 22,930 คน อันดับที่ 15 กรุงโซล เกาหลีใต้ 13,546 คน และอันดับที่ 25 ไทเป ไต้หวัน 9,398 คน 

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า การจัดอันดับเมืองที่ประชาชนชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่ต่างประเทศ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2023 นั้น หมายถึงบุคคลที่มีสัญชาติญี่ปุ่นซึ่งอยู่ต่างประเทศมานานกว่า 3 เดือน

'นักวิชาการ' แซะ!! แอนิเมชัน 2475 ไม่กล้าฉายโรงแบบหนังทอน ด้านคนในวงการเข้ามาชี้แนะ เข้าโรงต้องใช้เงินหลัก 1-2 ล้าน

เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย. 67) เฟซบุ๊ก ‘สุรพศ ทวีศักดิ์’ นักวิชาการด้านปรัชญา คอลัมนิสต์ผู้ใช้นามแฝงว่า ‘นักปรัชญาชายขอบ’ โพสต์ข้อความพาดพิงถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘2475 Dawn of Revolution’ หลังจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Breaking The Cycle’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ เข้าโรงไม่นาน ระบุว่า…

"ทำไม 2475 Dawn of Revolution ไม่กล้าฉายในโรงภาพยนตร์เหมือน Breaking The Cycle เรื่องแรกกลัวคนไม่ยืน? เรื่องหลังคนนั่งแน่ๆ"

ปรากฏว่ามีผู้ใช้นามว่า ‘ศุภวัฒน์ หงษา’ นักเขียนบท ผู้กำกับละครเวที ซีรีส์ ภาพยนตร์ โฆษณา โพสต์ข้อความระบุว่า…

"การนำหนังเข้าฉายโรงฯ (โรงภาพยนตร์) ต้องใช้เงิน 1-2 ล้านบาท เป็นประกันว่าทางโรงฯ จะไม่ขาดทุนในกรณีหนังไม่มีคนดูครับ ไม่ใช่ทำหนังเสร็จแล้วเอาเข้าโรงฉายแบ่งเงินกับโรงฯ ได้เลย ซึ่งตรงนี้ชัดเจนว่าทีม 2475 เขาทำงานแบบออร์แกนิกไม่มีทุนใหญ่หนุนหลัง มีเพียงงบผลิตแบบกระท่อนกระแท่น ไม่มีงบโปรโมตหรืองบที่จะนำหนังเข้าโรง ตรงกันข้าม Breaking the Cycle ได้โรงฯ จำนวนมากก็เพราะมีทุนมากไปจ่าย ทำให้โรงหนังมั่นใจว่ายังไงฉายแล้วเขาก็ไม่เจ๊ง (เพราะได้ตังค์แล้ว) ซึ่งยิ่งพอส่องดูผู้ชมในแต่ละรอบในโรงต่าง ๆ ก็พบว่ายังมีจำนวนน้อยมาก ๆ ประมาณ 2-5 คนต่อรอบ ก็ยิ่งชัดเจนว่าหนังได้โรงจำนวนมากเพราะมีการจ่ายเงินครับผม"

เมื่อมีกลุ่มผู้สนับสนุนนายสุรพศถามว่า "ได้ตามข่าวจริง ๆ รึเปล่าเนี่ย" นายศุภวัฒน์ ตอบว่า "ตามสิครับ ทราบดีว่าค่ายไหนจัดจำหน่าย แล้วมันผิดจากที่ผมอธิบายยังไงว่าหนังมีทุนในการนำเข้าโรง ต่างจากแอนิเมชัน 2475 ที่ไม่มี ซึ่งเป็นคำตอบต่อสิ่งที่คุณสุรพศตั้งคำถามนี่ครับ"

เมื่อมีกลุ่มผู้สนับสนุนนายสุรพศถามว่า "1. ไม่น่าจะจริงตามที่บอกนะ บริษัทที่ทำอนิเมะดูมีทุนอยู่นะครับ มีการเตรียมการและมีการวางแผน 2. เรื่องรับรองว่าไม่เจ๊งเพราะเอาเงินมาอุดก่อน อันนี้ก็ดูจะไม่จริง เพราะตอนแรกเขาตกลงฉายไม่กี่โรงครับ จนเมื่อวันก่อนเพิ่งจะเพิ่มเป็นทั่วประเทศ จนเอาหนังไปฉายไม่ทัน ดรามาไปดูแต่ไม่มีหนังดู (เกิดปัญหาเทคนิค)"

นายศุภวัฒน์ตอบว่า "1. จริงสิครับ ทุกวันนี้เงินก็ยังไม่คุ้มทุน ยังต้องมีการผลิตออกมาเป็นหนังสือขายเพื่อให้ได้ทุนคืน

2. ระบบเอาหนังเข้าโรงไทยเป็นแบบนี้อยู่แล้วครับ จะมาไม่จริงอะไร ในกรณีที่คุณไม่ใช่ค่ายใหญ่ที่การันตีว่าจะมีคนดูอย่าง GDH การจะเอาหนังเข้าโรงต้องมีเงินให้โรงก่อน 1-2 ล้านบาท เพื่อให้โรงยอมฉายให้ ซึ่งถ้าฉายแล้วจู่ ๆ วันแรกได้สักสิบล้านบาทขึ้นไป โรงจะพิจารณาเพิ่มโรง เพิ่มรอบเอง (เพราะเขาอยากได้ส่วนแบ่งเพิ่ม) แต่ถ้าวันแรกไม่ปัง ดูทรงไม่ทำเงิน ไม่คุ้มจะเอาเวลาฉายไปเสี่ยงเขาก็จะค่อย ๆ ทยอยลดรอบลง (เรียกกันว่า 4 วันอันตราย พฤหัสบดี-อาทิตย์) แต่ถ้ามีปรากฏการณ์วันแรกได้เงินไม่เยอะ แล้วจู่ ๆ โรงเพิ่มรอบให้เยอะ ๆ ก็มีเหตุผลเดียวครับ คือเจ้าของหนังจ่ายเงินเพิ่มให้โรง ยิ่งมากโรงเท่าไรก็แพงขึ้นเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าน้อง ผกก.สองคนจ่ายไม่ได้แน่ ค่ายที่จัดจำหน่ายก็ไม่ได้แมสมีเงินมากขนาดนั้น ก็พิจารณาเอาเองครับว่าเงินมาจากไหน

ปล.หนังทุกเรื่องที่ไม่การันตีรายได้ต้องทำแบบนี้หมดนะครับ ไม่มีโรงหนังไหนในไทยรับหนังมาฉายไปก่อนแล้วลุ้นว่าจะได้ตังค์มั้ยครับ ทุกเรื่องต้องจ่ายเงินก่อนหมด ยกเว้นหนังแมสอย่าง GDH หรือหนังมีฐานผู้ชมแบบ พชร์ อานนท์"

ด้านเฟซบุ๊ก ‘2475 Dawn of Revolution’ โพสต์ข้อความระบุว่า "เนื่องจากพวกเราเป็นมือใหม่มากครับ และมีทีมงานน้อย ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานทั้งนั้น ไม่มีคอนเน็กชันกับโรงภาพยนตร์ ไม่มีทีมการตลาดเอางานไปขาย สปอนเซอร์ยังไม่มีเลยครับ เลยไม่รู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง ดังนั้น ถ้ามีคนช่วยผลักดันก็จะดีมากครับ คงต้องฝากไปถึงผู้บริหาร SF Cinema Major Group ตอนนี้ยอดวิวยูทูบแค่ 1.1 ล้านเท่านั้นครับ ยังเหลือคนอีก 65 ล้าน ที่ยังไม่ได้ดู และเวอร์ชันล่าสุด ปรับปรุงจากในยูทูบ และได้เรตติ้ง ‘ทั่วไป’ แล้วนะครับ”

มุกดาหาร - ชุดเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2105 สกัดจับ ตรวจยึดรถยนต์3คันคาเรือแพ ขณะเตรียมส่งลาว ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงท่าเรือบ้านนามหาราช อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2567 เวลา 01.00 น. พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 (ผบ.ฉก.ทพ.21) ได้รับแจ้งว่าจะมีขบวนการลักลอบนำรถยนต์ส่งข้ามแม่น้ำโขงออกไปยัง สปป.ลาว ในพื้นที่ อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร จึงได้สั่งการให้ ร.ท.วัชรสรณ์ เชื้อไพบูลย์ ผบ.ร้อย.ทพ. 2105 กรม ทพ.21 นำกำลังพลออกทำการลาดตะเวนเฝ้าตรวจริมตลิ่งแม่น้ำโขง เมื่อไปถึงพื้นที่บ้านนามหาราช ม.10 ต.ดอนตาล อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร

พบขบวนการลักลอบนำรถยนต์ส่งออกข้ามชาติกำลังนำรถยนต์ลงเรือยนต์เตรียมขับลำเลียงข้ามไปยังฝั่ง สปป.ลาว  ชุดลาดตระเวนจึงแสดงตัวเข้าตรวจสอบ แต่เมื่อกลุ่มขบวนการดังกล่าวพบเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พากันกระโดดลงแม่น้ำโขงว่ายน้ำหลบหนีไป ชุดลาดตระเวน จึงได้เข้าตรวจสอบในบริเวณดังกล่าว พบรถยนต์จำนวน 3 คัน และเรือเหล็กพร้อมเครื่องยนต์จำนวน 2 ลำ ประกอบด้วย รถยนต์ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-max สีขาว ทะเบียน ผก 4415 จันทบุรี  รถยนต์ ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-max สีเทา ทะเบียน 4 ขผ 7252 กรุงเทพมหานคร ส่วนคันที่ 3 ตกลงไปในแม่น้ำโขงเจ้าหน้าที่ต้องใช้ลวดสลิงลากขึ้นมาจากแม่น้ำโขงเป็นรถยนต์ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-max สีขาว ทะเบียน งจ 5382 สงขลา และเรือเหล็กพร้อมเครื่องยนต์ จำนวน 2 ลำ จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางทั้งหมด แล้วนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดอนตาล ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว​ เดวิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ ​รายงาน​    092-5259777​

สำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดอบรมเชิงปฎิบัติการภายใต้”โครงการระบบบริการข้อมูลดิจิทัล (One Police)

วันนี้ 10 มิ.ย.67 เวลา 09.00 โรงแรม ทีเค พาเลซ โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น (TK Palace Hotel and Convention). ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่,กรุงเทพมหานคร

ท่าน พล.ต.ท.สิทธิชัย โล่กันภัย ผบช.สยศ.ตร.มอบหมายให้ พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ผอ.เดินทางเป็นประธานในพิธีเปิดอบรมเชิงปฎิบัติการภายใต้”โครงการระบบบริการข้อมูลดิจิทัล (One Police) พร้อมคณะผู้บริหารตัวแทนจากบริษัทไพร์ม โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส จำกัดผู้ร่วมพัฒนาและดำเนินโครงการ โดยการอบรมจัดขึ้นในวันที่10-11 มิ.ย.2567 โรงแรมTK Palace ห้อง ลาเวนเดอร์ 2-3  

โดยการอบรมในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ”โครงการระบบบริการข้อมูลดิจิทัล (One Police)”ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานยุทธศาตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อบูรณาการข้อมูลต่างๆให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลที่ทันสมัย และง่ายต่อกระบวนการทำงานตลอดจนการบริหารความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูลให้ปลอดภัยห่างไกลอาชญากรรมดิจิทัล การอบรมในวันที่10-11 มิ.ย.2567นั้นเป็นการอบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจในระดับรองผู้บังคับการ,ผู้กำกับการและรองผู้กำกับการโดยแบ่งออกเป็น3หลักสูตร ดังนี้ หลักสูตรที่1 อบรมการใช้ประโยชน์จากการรายงานดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจสำหรับผู้บริหาร,หลักสูตรที่2 การใช้งานซอฟต์แวร์สำหรับการแสดงผลข้อมูลและจัดทำรายงาน(Analytics Software and Dashboard),หลักสูตรที่3 การใช้งานและดูแลระบบสำหรับผุ้ดูแลระบบ(Aamin) 

ด้าน พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ผอ. กล่าวว่า โครงการนี้มีความคิดริเริ่มตั้งแต่ ท่าน พล.ต.อ.สุวัจน์ แจ้งยอดสุขอดีตผบ.ตร.ซึ่งในขณะนั้นท่านอยากให้มีแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและสามารถบริหารข้อมูลต่างๆภายใต้หน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ จึงทำให้เกิดโครงการ(One Police)ขึ้น โดยหลักๆโครงการนี้จะเป็นการรวมข้อมูลของกองบัญชาการหรือกองบังคับการที่คิดว่าข้อมูลนั้นต้องการความปลอดภัยและสามารถต่อยอดการปฎิบัติหน้าที่คดีต่างๆได้ต่อไป  โดยคาดหวังที่จะพัฒนาเป็นBIG DATA ที่คอยสนับสนุนข้อมูลในการปฎิบัติหน้าที่ต่างๆ  ควบคู่กับการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยและเท่าทันเทคโนโลยีในปัจจุบันอีกด้วย

'พีระพันธุ์' เยือน!! Meet & Greet เซอร์ไพรส์ Thailand Morning Call ย้ำชัดการเมืองแบบ 'รวมไทยสร้างชาติ' ทำงานใต้ DNA แบบ 'ลุงตู่-พี่ตุ๋ย'

(10 มิ.ย. 67) จากรายการ 'Thailand Morning Call' ทางช่อง 'Nomad Media Thailand' ดำเนินรายการโดย คุณวารินทร์ สัจเดว ผู้ประกาศข่าวและนักจัดรายการชื่อดัง ร่วมกับ อาจารย์แพท-พัฒนพงศ์ แสงธรรม ได้พูดถึงความชัดเจนทางการเมืองของ 'พี่ตุ๋ย' นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน ในช่วงหนึ่งของรายการ โดย อ.แพท ได้ระบุว่า...

สําหรับงานวันเสาร์ที่ผ่านมา (8 มิ.ย.67) กับงาน SING งาน Meet & Greet งานแรกในปีนี้ของ Thailand Morning Callsing จัดมาตั้งแต่คืนวันศุกร์ โดยมีสำนักข่าว THE STATES TIMES เป็นหนึ่งในมีเดียพาร์ตเนอร์นั้น ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญที่แวะเวียนมาในงานนี้ด้วย นั่นก็คือ คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ

งานนี้ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์จริง ๆ เพราะท่านให้เกียรติขึ้นพูดในงานครั้งนี้ด้วยในหลายประเด็น ซึ่งถ้าคนที่ติดตามการเมืองอย่างสม่ำเสมอ จะจําได้ว่าสิ่งที่คุณพีระพันธุ์ไม่ว่าจะที่ใด ไม่เคยเปลี่ยน และคำพูดที่มอบให้พวกเราฟังในงานนี้ ก็ยังตรงกับที่ท่านพูดมาโดยตลอด ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในการตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ

อ.แพท เล่าว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ เกิดขึ้นในจังหวะที่อนหน้านี้นั้น พรรคที่ลุงตู่สังกัดอยู่คือ พรรคลุงป้อม แล้วมันก็มีข่าวระหองระแหงกันภายใน ขณะที่คุณพีระพันธ์เองก็ยึดมั่นในความคิดเสมอว่า "ไม่เชื่อในนักการเมือง" และพอได้เห็นการทำงานของลุงตู่ ก็ยอมรับในความเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ในการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และด้วยความรู้สึกที่ตรงกัน เราก็เลยได้เห็นการมาร่วมกันทำงานของบุคคลทั้ง 2 ท่านนั่นเอง 

อ.แพท เล่าถึงความรู้สึกที่คุณพีระพันธุ์มาเยี่ยมงาน Meet & Greet ในครั้งนี้อีกด้วยว่า ท่านพีบอกว่าคอยติดตามฟังรายการอยู่ ซึ่งเราก็รู้ดีว่าผู้หลักผู้ใหญ่ในระดับนี้ ไม่มีการโอกาสที่จะมาได้ฟังเป็นประจําหรอกก็อาจจะฟังย้อนหลังบ้างหรือบางวันก็ไม่ได้ฟัง แต่แค่นี้ก็น่าภูมิใจแล้ว แล้วท่านก็ยังสละเวลามาพบกับพวกเราในงานนี้อีก 

แน่นอนว่า ท่านมักจะย้ำเสมอว่า ท่านไม่ใช่นักการเมือง แต่ด้วยตําแหน่งท่านก็คือหลีกเลี่ยงความเป็นนักการเมืองไม่ได้ แต่ไม่ว่าท่าจะอยู่ในบทบาทใด Nomad Media Thailand ก็มีความปลาบปลื้มอย่างมาก 

ช่วงท้าย อ.แพท เล่าติดตลกอีกว่า ผมขอเรียกท่านพีระพันธุ์ ว่า 'ลุงตุ๋ย' ได้ไหม ท่านก็บอกว่า เรียก 'พี่ตุ๋ย' ก็ได้

ก็เอาเป็นว่า ถ้าจากนี้บรรดา 'ด้อมพีระพันธุ์' จะเรียกท่านพีระพันธุ์ ก็เรียก 'พี่ตุ๋ย' กันได้เลยนะจ๊ะ…

‘ตาวัย 80 ปี’ เจ้าของแพมาลัย ปลูก 'ทุเรียนลอยน้ำ' ต้นแรกของโลก นายอำเภอ ลุยนำไปทดสอบ หวังพัฒนาต่อยอดคุณภาพต่อไป

(10 มิ.ย. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต้นทุเรียนสายพันธุ์หมอนทองที่ลอยน้ำได้มีต้นเดียวในโลก และกำลังติดลูกพร้อมตัด 3 ลูก อยู่ที่ ‘แพมาลัย’ บ้านโบอ่อง ต.ปิล็อค อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี โดยมีตาปี๊ด สินเธาว์ อายุ 80 ปี เจ้าของแพและเจ้าของต้นทุเรียนลอยน้ำ โดยเดินทางไปที่แพมาลัยต้องนั่งเรือจากฝั่งท่าแพไปใช้เวลาประมาณ 25 นาที

โดยแพมาลัยตั้งอยู่กลางเขื่อนเขาวชิราลงกรณ์ เป็นแพที่เป็นสถานที่พักผ่อนท่องเที่ยว เมื่อมาถึงแพมาลัย พบกับต้นทุเรียนสายพันธุ์หมอนทอง ที่ถูกปลูกอยู่บนแพลอยน้ำ กำลังติดลูกอยู่ 3 ลูก

ด้าน นายศุภวัฒน์ มุรินทร์ บอกว่า ตนเป็นผู้จุดประกายทุเรียนลอยน้ำ และเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับทุเรียนต้นนี้ตั้งแต่แรก บ้านตนอยู่ไม่ห่างจากแพมาลัยของตาปี๊ดกับยายบำรุง เมื่อช่วงปี 2527 คุณตาและคุณยายได้มาตั้งหลักทำแพอาศัยอยู่ที่นี่ ประกอบอาชีพหาปลาและขายของชำทั่วไป

ภายหลังได้สร้างแพพักเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวขึ้น โดยเอาชื่อลูกสาวคนโต มาตั้งเป็นชื่อว่าแพมาลัย ซึ่งคุณตาและคุณยายเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีตนจึงสนิทสนมกันมาก และตนมักแวะเวียนมาเยี่ยม พูดคุยกับคุณตาคุณยายอยู่บ่อยครั้ง

นายศุภวัฒน์ บอกต่อว่า ต้นทุเรียนต้นนี้ ตาปลูกอยู่บนบวบไม้ไผ่ผุ ๆ ซึ่งในแพยังปลูกผลไม้อย่างอื่น เช่น ต้นมะม่วง และต้นโพธิ์ต้นไทร ที่เกิดขึ้นเองก็เจริญเติบโตอยู่บนแพลอยน้ำที่มีความลึกประมาณ 30 เมตร ตอนแรกตนไม่ได้สนใจอะไรกับต้นทุเรียนต้นนี้

แต่ในระยะ 2-3 ปีมานี้ เห็นต้นทุเรียนเริ่มมีดอกแต่ไม่เคยมีลูก ประกอบกับช่วงนั้นตนมีความสนใจในการทำทุเรียนอย่างจริงจัง จึงไปนั่งดูปัญหา และพบว่าที่ไม่ติดลูกเพราะรากของต้นทุเรียนแช่น้ำมากเกินไปจึงจ้างคนตัดไม้ไผ่มาหนุนใต้แพ ดันโคนต้นทุเรียนสูงจากผิวน้ำมาเกือบเมตร แล้วเอาดินมาเพิ่มรอบ ๆ โคนต้น

ปรากฏว่าได้ผล ต้นทุเรียนเริ่มติดลูกเล็ก ๆ แล้วก็ติดหลายลูก แต่ค่อย ๆ หลุดร่วงไป จนเหลือเพียง 3 ลูกตามที่เห็น ซึ่งนับจากวันที่ดอกบานจนถึงแก่จัดตัดได้อายุ 130 วัน

นายศุภวัฒน์ บอกอีกว่า ตาปี๊ด รู้สึกภูมิใจ เมื่อมีคนถามว่าคิดอย่างไรถึงเอาทุเรียนมาปลูกลอยน้ำ ตาปี๊ดบอกว่าอยากทดลองดูว่ามันจะออกลูกได้หรือเปล่า อีกทั้งตาปี๊ดเป็นคนชอบปลูกต้นไม้อยู่แล้ว อยากลองปลูกทุเรียนดูบ้าง เพราะเห็นมีคนปลูกกันเยอะ เวลาคนมากินข้าวที่แพก็ได้ยินพูดกันบ่อย ซึ่งในฝั่งผืนดิน ที่อยู่ห่างไม่ไกลกับแพมีการปลูกทุเรียนกันเยอะ ซึ่งตาปี๊ดไม่มีที่ดินผืนใหญ่ และเวลาส่วนมากจะอาศัยอยู่บนแพก็เลยนำมาปลูกบนแพ

ล่าสุด ร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี มอบหมายให้ นายชาคริต ตันติพิรุฬห์ นายอำเภอทองผาภูมิ ร่วมตัดทุเรียนลอยน้ำของลุงปี๊ด มอบให้หัวหน้าสำนักงานจังหวัด นำมามอบให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อได้ชิมรสชาติ

ส่วนลูกที่ 2 ท่านนายอำเภอทองผาภูมิ ตัดแล้วมอบให้เกษตรจังหวัดกาญจนบุรี นำมาทดสอบรสชาติความหวานเพื่อเป็นข้อมูลทางวิชาการในการพัฒนาต่อยอดคุณภาพทุเรียนลอยน้ำต่อไป

โดยการตัดในครั้งนี้ ท่านนายอำเภอทองผาภูมิ มอบเงินค่าทุเรียนลอยน้ำให้กับลุงปี๊ด 5,000 บาท เพื่อให้ลุงปี๊ดมีกำลังใจในการผลิตทุเรียนลอยน้ำในฤดูกาลต่อไป

‘สุริยะ’ กำชับทุกหน่วยงานเตรียมแผนรับรอง นทท. ไตรมาส 4 เล็งเพิ่ม ‘เที่ยวบินและเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวธรรมชาติ-วัฒนธรรม’

(10 มิ.ย.67) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปจัดทำแผนรองรับนักท่องเที่ยวในทุกมิติ โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ปลายปี 2567 หรือไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ สอดรับกับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด ที่คาดว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

*AOT คาด มิ.ย.-พ.ย.ผู้โดยสารทะลุ 60 ล้านคน

นายสุริยะ กล่าวว่า ได้สั่งการให้บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. ไปดำเนินการจัดเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยว ทั้งในส่วนของแผนเพิ่มจำนวนเครื่องบิน และเที่ยวบินให้เพียงพอต่อผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการ ครอบคลุมผู้โดยสารระหว่างประเทศและในประเทศที่เดินทางผ่านเข้า-ออกท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่

จากการรายงานของ ทอท. พบว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 มีจำนวนผู้โดยสารเข้า-ออก 6 ท่าอากาศยานรวม 9,503,475 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 16.08% และมีจำนวนเที่ยวบิน 61,435 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 13.90% ขณะเดียวกัน ทอท. ยังได้คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในช่วงเดือนมิถุนายน - พฤศจิกายน 2567 มีจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมจำนวน 60.3 ล้านคน และมีจำนวนเที่ยวบิน 380,000 เที่ยวบิน ดังนั้น เชื่อว่า ในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นด้านการท่องเที่ยว จึงมีแนวโน้มสูงว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ ทอท. จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการบริหารจัดการการให้บริการในท่าอากาศยานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง และบริเวณสายพานรับกระเป๋า รวมทั้งได้นำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตาม ทอท. ยังได้รายงานว่า ล่าสุด ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการติดตั้ง และทดลองใช้เครื่อง Automated Border Channel (ABC) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการตรวจหนังสือเดินทางให้มีความคล่องตัวและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นครับ โดยระยะแรกได้ติดตั้งไว้ ณ บริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทางขาออกระหว่างประเทศ โซน 2 จำนวน 13 เครื่อง

*รฟท. เพิ่มขบวนนำเที่ยวเส้นทางสายวัฒนธรรม-ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สั่งการให้จัดเตรียมเพิ่มขบวนรถไฟ ทั้งเส้นปกติและขบวนพิเศษ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมแผนฯ โดยในเบื้องต้น จะเพิ่มขบวนนำเที่ยวเส้นทางสายวัฒนธรรมของไทย รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย

จากก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการในหลายเส้นทาง ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ในรูปแบบไปเช้า-เย็นกลับ (วันเดย์ทริป) เช่น ขบวนรถไฟนำเที่ยวน้ำตกไทรโยค, ขบวนรถไฟนำเที่ยวสวนสนประดิพัทธ์, ขบวนรถไฟนำเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังจัดรถขบวนพิเศษรถจักรไอน้ำนำเที่ยว ไปเช้า-เย็นกลับในวันสำคัญต่าง ๆ

*รฟม.เตรียมขบวนรถเสริม-ช่องทางพิเศษ

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้จัดทำแผนเตรียมความพร้อมขบวนรถไฟฟ้าและสถานีของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร ทั้ง 4 โครงการ ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีชมพู และสายสีเหลือง เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร ในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4/2567 เบื้องต้นได้เตรียมขบวนรถเสริมให้บริการในกรณีมีผู้โดยสารหนาแน่น พร้อมทั้ง จัดเตรียมช่องทางพิเศษสำหรับจำหน่ายเหรียญโดยสาร เตรียมไว้ในสถานีที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก

“ผมขอยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้การกำกับดูแล พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในทุก ๆ ด้าน และทุกการคมนาคมต้องมีความปลอดภัยในระดับสูงสุด เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยหากทุกหน่วยงานฯ มีความคืบหน้าของแผนรองรับการท่องเที่ยวสำหรับมาตรการลดภาษีท่องเที่ยว สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว จะดำเนินการรายงานต่อประชาชนให้ทราบโดยทันที” นายสุริยะ กล่าว

'กรุงไทย' ผนึก 'คลัง' ดึง 'กูรูเบียร์-อัยรดา' เติมความรู้การเงินให้ชุมชนพระโขนง 'วางรากฐาน-สร้างภูมิคุ้มกัน' ด้านการเงินแบบเข้าใจง่ายในยุคภัยคุกคามพุ่ง

'เบียร์-อัยรดา บำรุงรักษ์' ร่วมกิจกรรมให้ความรู้ทางการเงิน ให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนแย้มสรวล และชุมชนหน้าวัดบุญรอด เขตพระโขนง กทม. ซึ่งจัดโดยธนาคารกรุงไทย และกระทรวงการคลัง โดยมีประชาชนร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก

(10 มิ.ย.67) ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์ ที่ปรึกษาธุรกิจ บริษัท อีเอส เคาน์เซล จำกัด ร่วมกิจกรรมให้ความรู้ทางด้านการเงิน (Financial Literacy) ให้กับประชาชน ในหลักสูตร อภินิหารทางการเงิน ซึ่งเป็นโครงการที่จัดขึ้นโดย ธนาคารกรุงไทยร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อปลูกฝังและวางรากฐานความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการเงินให้กับชาวบ้านในชุมชน มีภูมิคุ้มกันทางการเงินเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน และสามารถป้องกันปัญหาภัยคุกคามทางการเงินที่จะเกิดขึ้น 

โดยได้นำแนวทางในการจัดการหนี้ การเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือน การจัดทำหมวดหมู่ค่าใช้จ่าย การป้องกันภัยทางการเงิน มาถ่ายทอดให้ความรู้กับประชาชนในชุมชนแย้มสรวล เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2567 และ ชุมชนหน้าวัดบุญรอด เขตพระโขนง เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีคุณฤทธิพล เฉวียงหงส์ ผู้จัดการอาวุโสและพนักงานจิตอาสาธนาคารกรุงไทย พร้อมด้วยคุณอภิชัย สายสดุดี ผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจกรรมองค์กร กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และทีมงาน ได้ร่วมให้ความรู้ ด้วยเนื้อหาความรู้ทางการเงิน พร้อมทั้งได้สอดแทรกกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ชาวบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้งความรู้และความสนุกสนานไปพร้อมกัน โดยมีผู้เข้าร่วม 2 ชุมชน อย่างคึกคัก

ร.ต.อ.หญิง อัยรดา กล่าวว่า ปัจจุบันความรู้ทางการเงิน มีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำรงชีวิตของคนเรา โดยเฉพาะในด้านการวางแผนทางการเงินพื้นฐานเกี่ยวกับการออม การจัดการหนี้ และการใช้เครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ ทั้งนี้ หากประชาชนมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวการเงินอย่างถูกต้อง เชื่อว่า จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันก่อนเป็นหนี้ หรือหากเป็นหนี้แล้ว ก็จะสามารถหาหนทางในการแก้ไขหนี้ได้อย่างถูกวิธี การปลดหนี้ได้เร็วขึ้น เพื่อให้เหลือเงินนำไปออมไว้ใช้ในอนาคต ขณะเดียวกัน ยังจะช่วยให้ประชาชนรู้เท่าทันภัยทางการเงินที่มาในรูปแบบต่าง ๆ ได้อีกด้วย 

‘ผู้ก่อตั้ง Nvidia’ แจกลายเซ็นบนอกเสื้อ ‘แฟนคลับสาว’ ชาวเน็ตติง!! ตามใจแฟนคลับจนละเลยเรื่องความเหมาะสม

ไม่ว่าจะยุคใด สมัยใดก็ตาม คนรวยก็มักเนื้อหอม ที่มีคนติดตามชื่นชมเป็นจำนวนมาก และในนาทีนี้ อภิมหาเศรษฐีดาวรุ่งเนื้อหอมที่สุด หนีไม่พ้น ‘เจนเซน หวง’ หรือ ‘หวง เหรินซุน’ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Nvidia บริษัทผู้พัฒนาชิป AI ระดับไฮเอนด์ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในโลก จนปัจจุบันนี้ เขามีทรัพย์สินมากถึง 105 ล้านเหรียญ ขึ้นแท่นอภิมหาเศรษฐีอันดับ 13 ของโลก 

ประกอบกับประวัติส่วนตัวที่มีเส้นทางชีวิตอันแสนคลาสสิก จากเด็กชาวไต้หวันธรรมดา ต้องย้ายถิ่นไปตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ยังเล็ก ผ่านความยากลำบากจากการถูกบูลลี่ในสังคมโรงเรียนอเมริกัน ทำงานสารพัดตั้งแต่เด็กจนสามารถก่อตั้งบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์ ที่มีรายได้ต่อปีมากกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ กินส่วนแบ่งตลาดชิพ AI ได้ถึง 80% ทั่วโลก 

ซึ่งเข้าตำราเศรษฐีสร้างตัวตามแบบฉบับเจ้าสัวจีน ที่หอบเสื่อผืนหมอนใบ ไปสู้ชีวิตในต่างแดน ในขณะเดียวกันก็เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของค่านิยม ‘American Dream’ ในดินแดนแห่งเสรีภาพ และความเท่าเทียมอย่างสหรัฐอเมริกา ที่กล่าวว่า "ไม่ว่าใครก็สามารถประสบความสำเร็จได้ถ้ามีความสามารถ ความมุ่งมั่น และ ความขยันหมั่นเพียร"

ส่งผลให้ ‘เจนเซน หวง’ กลายเป็นเศรษฐีดาวดังคนล่าสุด ไม่ว่าจะไปไหน ก็มีคนติดตามขอถ่ายรูปไม่ต่างจากเซเลป ดารา จนเกิดกระแสเจนเซน หวง ที่เรียกว่า ‘Jensanity’ โดยเฉพาะที่ไต้หวัน เขากลายเป็นไอดอลของคนหนุ่มสาว เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จในโลกยุคใหม่ ที่ตั้งฉายาให้เขาเป็น ‘AI Godfather’ เลยทีเดียว

ล่าสุด ‘เจนเซน หวง’ ได้ไปปรากฏตัวในงาน ‘COMPUTEX 2024’ งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี ที่จัดขึ้นในกรุงไทเป ไต้หวัน ระหว่างวันที่ 4-7 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา และมีบรรดาแฟนคลับชาวไต้หวันไปขอถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก มีเสียงตะโกนเรียกชื่อเขา และ ชื่อบริษัท Nvidia ดังสนั่นทั่วทั้งงาน 

และมีหญิงสาวที่มาในเสื้อรัดรูปสีขาวคนหนึ่ง เข้ามาขอให้เขาช่วยเซ็นชื่อบน อกเสื้อให้เธอหน่อย ‘เจนเซน หวง’ ลังเลเล็กน้อยก่อนถามว่า "มันจะดีหรือ?" แต่หญิงสาวพยักหน้ายืนยันว่าเธอต้องการให้เศรษฐีคนดังเซ็นชื่อบริเวณนั้นให้เธอจริง ๆ ‘เจนเซน หวง’ จึงตัดสินใจเซ็นชื่อให้เธอตามคำขอ 

หลังจากนั้น หญิงสาวก็ได้แชร์ภาพลายเซ็นที่ได้ลงในสื่อโซเชียล พร้อมข้อความที่แสดงถึงความตื่นเต้นว่า "อะดรีนาลีนของฉันพลุ่งพล่านมากเลยวันนี้ ความฝันกลายเป็นจริงแล้ว ฉันได้จับมือกับ AI Godfather ด้วย แล้วยังได้ลายเซ็นของเขาบนเคสโทรศัพท์ และบนเสื้อให้ฉันด้วย ปีนี้ต้องเป็นปีเฮงของฉันแน่ ๆ!!"

แต่เมื่อมีภาพข่าวการแจกลายเซ็นบนอกเสื้อของ ‘เจนเซน หวง’ ออกสื่อ ก็กลายเป็นที่ถกเถียงในโลกออนไลน์ทันทีถึงความไม่เหมาะสมที่อภิมหาเศรษฐีวัย 61 มาเซ็นชื่อบนอกแฟนคลับสาวผู้คลั่งไคล้รายนั้น แต่ก็มีหลายคนมองว่า ก็ในเมื่อเป็นความต้องการของหญิงสาวเอง ก็ไม่เห็นเป็นอะไร แค่ตามใจแฟนคลับนิดหน่อยเท่านั้นเอง

และเช่นเดียวกับอภิมหาเศรษฐีคนอื่น ๆ ในโลก อาทิ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก, อีลอน มัสก์, เจฟฟ์ เบโซ หรือ แม้แต่แจ็ค หม่า ที่ความรวยทำให้พวกเขาดัง มีผู้คนแปลกหน้าเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ตราบเท่าที่พวกเขายังสามารถรักษาความร่ำรวย และ ความสำเร็จเอาไว้ได้ แต่ยังมีอีกสิ่งที่จะทำให้ความนิยมชมชอบของเศรษฐีคนหนึ่งให้อยู่ได้นานกว่าเงินในกระเป๋าของเขา ก็คือ ความมั่งคั่งที่มาเคียงคู่กับคุณธรรม นั่นเอง

19 มิถุนายน พ.ศ. 2521 ‘การ์ฟิลด์’ ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ การ์ตูนแมวส้มที่ได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดในโลก

การ์ตูนแมว ‘การ์ฟิลด์’ ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2521 โดยได้รับการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์จำนวน 41 ฉบับ ต่อมามีการปรับเปลี่ยนบุคลิกหลายครั้งให้เข้ากับยุคสมัย

เรื่องราวของ ‘การ์ฟิลด์’ ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง ตัวเอกของเรื่องเป็นแมวสีส้ม มีลายสีดำ ที่มีของโปรดเป็นลาซานญา ชื่นชอบการดูทีวี นอน และการแกล้งคนอื่น 

โดยการ์ตูนเรื่องนี้เป็นผลงานของนักเขียนการ์ตูนชาวอเมริกัน ‘จิม เดวิส’ (Jim Davis) ซึ่งเขาได้ตั้งชื่อตัวการ์ตูนแมวอ้วนตัวนี้ตามชื่อปู่ของเขา ‘เจมส์ การ์ฟีลด์ เดวิส’

นอกจากนี้ ‘การ์ฟิลด์’ เป็นการ์ตูนอเมริกันที่ประสบความสำเร็จที่สุดเรื่องหนึ่ง ได้รับการตีพิมพ์ในหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารกว่า 2,570 ฉบับ ถูกบันทึกลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นการ์ตูนช่องที่ได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดในโลก และยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูน แอนิเมชั่น และสินค้าลิขสิทธิ์อื่น ๆ มากมาย

นอกจากนี้ ยังถือกันว่าวันนี้เป็นวันเกิดของ ‘การ์ฟิลด์’ อีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top