Thursday, 3 July 2025
NEWS FEED

ประธานวุฒิสภาเข้าร่วมการแสดงดนตรีแจ๊ส เนื่องในโอกาสที่ฮังการีดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป

เมื่อวันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567 เวลา 18.00 นาฬิกา ณ เดอะ ล็อบบี้ โรงแรม เดอะ เพนนินซูลา กรุงเทพฯ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เข้าร่วมชมการแสดงดนตรีแจ๊ส เนื่องในโอกาสที่ฮังการีดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (Hungarian Presidency of the Council of the European Union) ตามคำเชิญของนายชานโดร์ ชีโปช (H.E. Mr. Sándor Sipos) เอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทย พร้อมทั้งมอบของขวัญแสดงความยินดีในโอกาสดังกล่าว โดยมีนายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา เข้าร่วมงานแสดงดนตรีดังกล่าวด้วย 

การแสดงดนตรีแจ๊สครั้งนี้ เป็นการแสดง 'Cimbalom' หรือ 'ขิมฮังการี' ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีประจำชาติของประเทศฮังการี ประกอบการบรรเลงบทเพลงแจ๊สที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายเพลง รวมถึงเพลงพระราชนิพนธ์ “สายฝน” (Falling Rain) เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้เน้นย้ำถึงความพิเศษของดนตรี ในฐานะภาษาสากล เปรียบเสมือนทูตวัฒนธรรม ซึ่งสามารถเชื่อมโยงความรู้สึกและสร้างความเป็นเอกภาพให้กับผู้คนต่างเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม และหวังว่าฮังการีและไทยจะร่วมกันส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสังคม ซึ่งแสดงถึงอัตลักษณ์ของประเทศทั้งสองต่อไปในอนาคต อนึ่ง มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมชมการแสดงดนตรีครั้งนี้จำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกอัครราชทูตจากประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป

เปิดใจ ‘ร้านข้าวแกงในอุทัยฯ’ ขายแกงถุงละ 10 บาท มานานกว่า 9 ปี เน้นขายเยอะ-กำไรนิดหน่อย ช่วยคนหาเช้ากินค่ำในยุคต้องรัดเข็มขัด

(21 ส.ค. 67) ที่จังหวัดอุทัยธานี จากปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา​ลงเรื่อย ๆ ​ประชาชนส่วนใหญ่ต้องรัดเข็มขัด​ประหยัดค่าใช้จ่าย​ ส่งผลให้การค้าขายซบเซา แต่ทว่ามีร้านแกงถุงของสองสามีภรรยาที่ขายแกงถุง เพียงถุงละ 10 บาท กลับขายดีเป็นพิเศษ

เนื่องจากราคาถูกและสามารถช่วยเหลือประชาชนลดค่าใช้จ่ายได้ โดยมีลูกค้าทั้งชาวบ้านทั่วไปและคนหาเช้ากินค่ำที่มีรายได้น้อยแวะเวียนมาซื้ออย่างไม่ขาดสาย 

นายกิติรัตน์ พันธ์นุ่ม อายุ 38 ปี และนางสาวสุทธิราภรณ์ เชิดสูงเนิน อายุ 35 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของร้านแกงถุง 10 บาท กล่าวว่า ได้ร่วมกันเปิดร้านขายแกงถุงในราคา 10 บาทนี้มาแล้ว ถึง 9 ปีเต็ม โดยตั้งใจว่าเอากำไรแค่พออยู่ได้ โดยเฉพาะช่วงวิกฤติเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างนี้ เป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เอากำไรแต่น้อย อาศัยขายได้จำนวนมากก็พอที่มีกำไรให้พออยู่ได้ก็ถือว่าดีแล้ว

ดีกว่าขายราคาสูงแต่ขายได้น้อยไม่มีกำไร โดยจะมาตั้งร้านขายแกงถุงตั้งแต่เวลา 05.00-10.00 น. ทุกวัน ลูกค้าที่มาซื้อก็หลากหลาย

โดยเฉพาะคนมีรายได้น้อย ด้วยราคาที่ถูกจึงทำให้สามารถเลือกซื้อได้มากกว่า 1 เมนู จะมาซื้อไปเป็นกับข้าว 3 - 4 อย่าง ก็กินกันได้ทั้งครอบครัวกันเป็นประจำดีกว่าซื้อกับข้าวไปปรุงอาหารเองมื้อหนึ่งจะแพงกว่านี้มาก ไม่ต่ำกว่ามื้อละ 100 บาท

แต่ละวันร้านแกงร้านนี้จะมีให้เลือกมากถึง 8 - 9 เมนูไม่ซ้ำหมุนเวียนไปในแต่ละวัน ซึ่งมีทั้ง ต้มยำ ต้มจืด แกงส้ม แกงเผ็ด ผัดกะเพรา ผัดวุ้นเส้น และยำต่าง ๆ รวมถึงข้าวสวยในราคาถุงละ 10 บาท เช่นกัน อีกด้วย

'หนุ่มกะเหรี่ยง' ตะโกนลั่นตลาดบางบอนหยามหญิงไทย เข้ามอบตัวแล้ว อ้าง!! ถูกตีความผิด ไม่ได้ไลฟ์สดชวนพรรคพวกมานอนกับสาวไทย

(20 ส.ค. 67) ที่สถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน จากกรณีที่หนุ่มชาวกะเหรี่ยงได้ไลฟ์สดผ่าน TIKTOK กลางตลาดบางบอน กรุงเทพมหานคร ชักชวนให้พรรคพวกเพื่อนฝูงมาจีบสาวไทย ว่า ชวนไปหลับนอนด้วยไม่ยาก จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล ว่า เป็นการไม่ให้เกียรติคนไทย หากปล่อยคนที่มีแนวคิดและพฤติกรรมเช่นนี้ไว้ อาจเป็นภัยในอนาคตได้ อยากให้ตำรวจไปดำเนินการกับหนุ่มกะเหรี่ยงคนนี้

ต่อมาหนุ่มกะเหรี่ยงคนดังกล่าว คือ นาย ซอ ตวน ตวน วิน อายุ 25 ปี ก็ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.บางขุนเทียน โดยมีตำรวจสืบสวนนครบาล 9 และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ร่วมสอบปากคำด้วย โดยมีล่ามชาวเมียนมามาช่วยแปลภาษาระหว่างการสอบปากคำ

นาย ซอ ตวน ตวน วิน กล่าวขอโทษคนไทย ว่า ไม่ได้มีเจตนาพูดไม่ให้เกียรติผู้หญิงไทยแต่อย่างใด แต่เป็นการใช้คำที่ไม่สุภาพขณะไลฟ์สด จนทำให้ถูกนำไปแปลความหมายในทางที่ผิด

นาย ซาน มิน อู ล่ามชาวเมียนมา ก็ได้อธิบายให้ผู้สื่อข่าวทราบว่า เนื้อหาที่ นายซอ ตวน ตวน วินไลฟ์สดนั้น ไม่ได้เป็นการเชิญชวนให้พรรคพวกมาพาสาวไทยไปหลับนอนแต่อย่างใด แต่มีคำพูดอยู่ช่วงหนึ่งที่พูดว่า “อยากได้อวัยวะเพศหญิง” จึงทำให้ถูกตีความไปในทางที่ผิด ซึ่งจากการกระทำดังกล่าว ก็ส่งผลทำให้แรงงานชาวเมียนมาเสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย จึงอยากอธิบายให้ประชาชนชาวไทยได้เข้าใจ

ด้าน พันตำรวจเอก กฤติเดช จันทร์เพชร ผู้กำกับการ สน.บางขุนเทียน เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเรื่องทางตำรวจก็ได้เร่งไปติดตามตัว นายซอ ตวน ตวน วิน เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนกระทั่ง นาย ซอ ตวน ตวน วิน มามอบตัว ซึ่งเมื่อตรวจสอบพิสูจน์ทราบก็พบว่าเป็นการแปลภาษาผิด จนทำให้เกิดความเข้าใจผิด

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบ นาย ซอ ตวน ตวน วิน ไม่พบเอกสารการเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกต้อง จึงดำเนินคดีในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง โดยจะส่งตัวให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไปดำเนินการต่อ เพื่อผลักดันออกนอกประเทศต่อไป

สำหรับปมดรามาดังกล่าว เกิดจาก เพจ 'LOOK Myanmar' ได้โพสต์คลิปหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินไลฟ์ในตลาดบางบอนที่พูดภาษากะเหรี่ยง และถ่ายกล้องไปที่สาวไทย ซึ่งกำลังเดินผ่านไปผ่านมา โดยความหมายในถ้อยคำของชายในคลิปนั้น สื่อถึงว่า "อยากมีอะไรกับผู้หญิงไทย" นั่นเอง 

ทั้งนี้ ทางเพจได้โพสต์ข้อความประกอบด้วยว่า...

“คนบางคนคิดว่าตูอยู่ไทย เดินตลาดพม่าในไทย ไลฟ์ถ้าไม่พูดพม่าไม่มีใครจับได้ ก็เผอิญเนี่ย แอดมินเพจนี้เนี่ย รู้จักคนเยอะ สมัครพรรคพวกชาวกะเหรี่ยงที่เป็นคนดี ๆ เค้าเลยแปลให้ เค้าบอกว่า มันพูดภาษากะเหรี่ยงสายหนึ่งละกัน ไม่ใช่กะเหรี่ยงฝั่งแม่สอด มันบอกมันอยากเฮ๊ดกีสาวไทย แถมชักชวนพวกขี้กลากแบบมันให้เข้ามาเฮ๊ดกีสาวไทยด้วย นี้ให้สมัครพรรคพวกช่วยกันแปล ถามตำรวจไทยหรือ ตม. ไทย ว่าทำอะไรคนแบบนี้ได้บ้างหรือต้องให้มีเหยื่อจากภัยสังคมแบบมันก่อนถึงจะทำ พิกัด : ตลาดบางบอน”

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด จัดทีมลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพฟื้นฟูหลังน้ำลดแก่ผู้ประสบอุทกภัย ช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิต รวมงบประมาณกว่า 1.16 ล้านบาท

ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคม 2567 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมแผนกสาธารณภัย และแผนกบรรเทาสาธารณภัยฯ ฝ่ายปฏิบัติการ และลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด  ในโครงการฟื้นฟูหลังน้ำลด แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช และน้ำปลา ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่อำเภอนายายอาม อำเภอท่าใหม่ อำเภอมะขาม จังหวัดจันทบุรี และ อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด รวมทั้งสิ้น 2 จังหวัด เครื่องอุปโภคบริโภครวมจำนวน 2,500 ชุด นอกจากนี้ยังได้ มอบเงินสงเคราะห์ค่าฌาปนกิจให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต จำนวน 2 รายๆ ละ 20,000 บาท  รวมงบประมาณการช่วยเหลือทั้งสิ้น 1,165,000 บาท (หนึ่งล้านหนึ่งแสนหกหมื่นห้าพันบาทถ้วน)  โดยมี ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดจันทบุรี  และสมาคมตราดพุทธสงเคราะห์ “พ่งไล้หลักเซียวเกาะ” จังหวัดตราด เป็นผู้ประสานงานและร่วมให้ความช่วยเหลือ

เมื่อเกิดอุทกภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดทีมบรรเทาสาธารณภัย พร้อมเรือท้องแบน และ โรงครัวเคลื่อนที่เพื่อประกอบอาหารกล่อง พร้อมถุงยังชีพ ชุดยาเวชภัณฑ์ และอาหารสุนัขและแมว นำแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย เพื่อการบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ในเบื้องต้น หลังจากนั้น ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย ญาติของผู้เสียชีวิตสามารถประสานรายละเอียดเกี่ยวกับการช่วยเหลือค่าฌาปนกิจศพจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่ แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ โทร 0-2225-0020 เวลา 08.30-16.30 น.

ติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

‘รมว.ดีอี’ เดินหน้า ปิดแพลตฟอร์ม ‘ทางรัฐปลอม’ 290 บัญชี แจ้งเตือนพี่น้องประชาชน อย่าเชื่อ-อย่าแชร์ ‘ข่าวปลอม’ ยุติโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

วันที่ 20 สิงหาคม 2567 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti Fake New Center หรือ AFNC) สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และ เครือข่าย ได้ติดตาม ตรวจสอบ และประเมินสถานการณ์การกระทำที่เข้าข่ายการก่ออาชญากรรมออนไลน์ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1-20 สิงหาคม 2567 ทีมปฏิบัติการได้ดำเนินการประสานปิดกั้นแพลตฟอร์ม ‘ทางรัฐ’ ปลอม 290 เพจ  โดยแบ่งเป็น แฟนเพจ Facebook จำนวน 284 เพจ และบัญชี Tiktok จำนวน 6 บัญชี  พร้อมเฝ้าระวังการกระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง 

นายประเสริฐ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบมิจฉาชีพ ใช้วิธีการหลอกลวงประชาชน ส่งข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือน โดยแอบอ้างโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน Digital Wallet หรือ โครงการ ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ อยู่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด พบกรณีการส่งข้อมูลต่อกันว่า ‘ผู้ที่ลงทะเบียนแอปทางรัฐ มีสิทธิ์ที่ข้อมูลจะตกไปอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์’ และ ‘ยุติโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ขายข้อมูลให้มิจฉาชีพ’

ทั้งนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA พบว่าประเด็นเรื่อง “ผู้ที่ลงทะเบียนแอปทางรัฐ มีสิทธิ์ที่ข้อมูลจะตกไปอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์” เป็นข้อมูลเท็จ โดยแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และระบบงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนั้นมีการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลอย่างรัดกุม มีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 27001:2013 ระบบการบริหารจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Management Systems – ISMS) จึงมั่นใจได้ว่า ข้อมูลจะไม่ถูกเปิดเผยไปสู่ภายนอกได้

สำหรับ ‘แอปฯ ทางรัฐ’ เป็นเพียงช่องทางในการเชื่อมโยงข้อมูลและบริการจากหน่วยงานต้นทางให้แก่ผู้ใช้บริการเท่านั้น ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลประชาชนจากหน่วยงานต้นทาง หรือของประชาชนที่ลงทะเบียนมาไว้ที่ แอปฯ ทางรัฐ แต่อย่างใด โดยข้อมูลส่วนบุคคลที่แสดงใน แอปฯ ทางรัฐ นั้น สามารถเข้าถึงได้เฉพาะเจ้าของข้อมูลและผู้มีอำนาจตามกฎหมายในการเข้าถึงข้อมูลเท่านั้น โดยสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ‘ทางรัฐ’ ได้โดยตรงจากแอปฯ ‘App Store’ สำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) และแอปฯ ‘Google Play’ ในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) เท่านั้น

ในส่วนของ ข่าวปลอม ‘ยุติโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ขายข้อมูลให้มิจฉาชีพ’ จากการตรวจสอบข้อมูลร่วมกับ สำนักงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการดิจิทัล (Digital wallet) กระทรวง ดีอี พบว่า เป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการประกาศยุติโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ส.ค. 2567) และข้อมูลการลงทะเบียนในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตมีการควบคุมกำกับดูแลที่มีความมั่นคงปลอดภัยสูง มั่นใจได้ว่า ข้อมูลจะไม่ถูกเปิดเผยออกไปภายนอก ซึ่งการขายข้อมูลหรือส่งต่อข้อมูลให้กับมิจฉาชีพเป็นความผิดตามกฎหมาย รัฐบาลไม่สามารถทำได้แต่อย่างใด 

“ดังนั้นจึงขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมืออย่าเชื่อ อย่าแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในทุกช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยประชาชนสามารถรับข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ “แอปฯทางรัฐ” ได้จากสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dga.or.th หรือ โทร. 02-612-6060 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่เว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือพิมพ์เป็นภาษาไทยว่า www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล ไทย หรือสามารถสอบถามผ่านศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Call Center) สายด่วน โทร. 1111 ซึ่งกระทรวงดีอี มีความห่วงใยประชาชน ต่ออันตรายที่เกิดขึ้นจากภัยไซเบอร์ โดยโจรออนไลน์ได้อาศัยการเผยแพร่ข่าวปลอมและข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวข้องกับโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต และการลงทะเบียนผ่านแอปฯ ‘ทางรัฐ’ ซึ่งขณะนี้กระทรวงดีอีได้ทำการปิดกั้นแพลตฟอร์มปลอมแล้ว 290 บัญชี พร้อมกับการตรวจสอบข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนที่เกี่ยวข้อง โดยถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรง และจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด เนื่องจากส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง และขอให้ประชาชน ยึด ‘หลัก 4 ไม่ คือ 1. ไม่กดลิงก์ 2.ไม่เชื่อ 3.ไม่รีบ และ 4.ไม่โอน’ พร้อมกับไม่แชร์ข้อมูลที่บิดเบือนในทุกช่องทางสังคมออนไลน์” นายประเสริฐ กล่าวย้ำ 

หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ โทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชี AOC 1441 สอบถามข้อมูลข่าวสารโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 (24 ชั่วโมง) แจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชั่วโมง) , Line ID: @antifakenewscenter และเว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

‘เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ’ พระราชทานดอกไม้ยินดีกับ 3 จอมพลังไทย หลังคว้าเหรียญโอลิมปิกปารีส จนสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติ

เมื่อวานนี้ (19 ส.ค.67) ที่ห้องโถงชั้นล่าง อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ (ตึก 25 ชั้น) การกีฬาแห่งประเทศไทย ถนนรามคำแหง กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โปรดให้ พลเอกศิวะ ภระมรทัต กรมวังผู้ใหญ่ ประจำวังศุโขทัย เป็นผู้แทนพระองค์ พระราชทานดอกไม้ แสดงความยินดีแก่ 3 นักยกน้ำหนักทีมชาติไทย ที่คว้า 2 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 

สร้างความปลื้มปิติ เป็นล้นพ้น แก่ นายธีรพงศ์ ศิลาชัย เหรียญเงิน รุ่น 67 กิโลกรัมชาย นายวีรพล วิชุมา เหรียญเงิน รุ่น 73 กิโลกรัมชาย และ นางสาวสุรจนา คำเบ้า เหรียญทองแดง รุ่น 49 กิโลกรัมหญิง ตลอดจน คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ และผู้ฝึกสอน ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้

ทั้งนี้ ในโอกาสดังกล่าว นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศ และวิทยาศาสตร์การกีฬา, พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย, พลเอกวิสุทธ์ เดชสกุล เลขาธิการสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และ คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมด้วย

'ผศ.ดร.เพิ่มศักดิ์' ติง!! ‘นักวิชาการ’ วิพากษ์ ‘ศาสนาพุทธ’ ‘อ่านไม่แตก-ขาดความรู้’ แล้วยังกล้ายกยอตนเป็นผู้เชี่ยวชาญ

(20 ส.ค. 67) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เพิ่มศักดิ์ จะเรียมพันธ์ กลุ่มวิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Phermsak Chariamphan โดยระบุว่า

“บางทีนักวิชาการที่ชอบวิพากษ์ศาสนาพุทธอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่า เขาเข้าใจหลักธรรมของศาสนาพุทธมากน้อยแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่เขาเป็นมาร์กซิสต์อะครับ อย่าว่าแต่หลักธรรมของศาสนาพุทธเลย บางคนทฤษฎีตะวันตกหรือมาร์กซ์ยังอ่านไม่แตกใช้ไม่คล่อง ดีแต่วิพากษ์อย่างเดียว น้อยคนที่จะเข้าใจลึกซึ้ง (คนที่เข้าใจก็มีนะ บางคนนี่เขาคิดว่า เข้าใจมาร์กซ์มากกว่ามาร์กซ์เข้าใจตัวเองเสียด้วยซ้ำ ต้นกำเนิดลัทธิแก้ ตัวเองแก้ได้คนเดียวแต่คนอื่นห้ามแก้ ผิด ฮา) บางคนเป็นมาร์กซิสต์จิตนิยม ไหว้พระไหว้เจ้าก็มี ไม่รู้ว่าทำไปเพราะแสร้งทำหรืออะไรยังไง ไม่ได้อยากรู้คำตอบด้วยครับไม่ต้องมาตอบ

อย่างผม ผมมองว่าถ้ายังไม่สามารถอ่านเขียนภาษาบาลี สันสกฤต อ่านพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และปกรณ์จนแตกฉานทั้งหมด รวมไปถึงคิด พูด ทำ ให้สมกับภูมิธรรมที่ตัวเองมีด้วย เช่นหลวงพ่อชา ท่านพุทธทาส ท่านปยุต ท่านชยสาโร ฯลฯ ถ้าไม่มีคุณสมบัติแบบนี้อย่ามาเรียกตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและวิพากษ์ศาสนาพุทธอย่างนั้นอย่างนี้เลยครับ อายคนมีภูมิเขาบ้าง (ถ้าไม่อายก็ทำไป ด้านได้อายอด)

พอ ๆ กับทฤษฎีตะวันตกนั้นแหละ อธิบายอย่างนั้นอย่างนี้เป็นวรรคเป็นเวร พอไล่ไปถึง Epistemology หรือญาณวิทยา ก็มีแต่หลักกูหรือคิดขึ้นมาเองทั้งนั้น แล้วเที่ยวไปไล่ตัดสินคนอื่น อย่างว่าตามประสาปุถุชน หลอกได้แค่คนไม่เรียนมาหรือคนตามไม่ทันวาทกรรมของเขาแค่นั้นแหละ

แต่สุดท้ายแล้วมีปากก็วิพากษ์ไปเถิดครับ ปากเป็นของท่าน ศอกเป็นของผม

ปล. ตามแนวคิดของพุทธศาสนานั้น พุทธองค์ท่านให้ถือธรรม หรือความถูกต้องเป็นใหญ่หรือธรรมาธิปไตย

ส่วนประชาธิปไตย ในทางพุทธศาสนาถือเป็นระบอบการปกครองที่พุทธองค์ไม่ยกย่อง เพราะถือเป็นโลกาธิปไตย คือเอาความเห็นของคนในโลกเป็นใหญ่ ถ้าความเห็นของคนส่วนใหญ่ในโลกมันดี มีหลักคุณธรรม มีความละอายต่อบาปค้ำจุนอยู่ในกมลสันดานบ้างมันก็ดีไป แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ในโลกมันบ้า ไร้คุณธรรม ไม่รู้ดีรู้ชั่ว มันก็เป็นระบอบการปกครองของคนบ้าและคนชั่ว หรืออุปมาดั่งแมลงวันตอมสิ่งโสโครกตามที่หลวงพ่อชาและหลวงพ่อพุทธทาสได้วิเคราะห์เอาไว้ครับ”

‘ทนายรัชพล’ เตือนชาวเน็ตปมแชร์คลิป ‘ไอซ์ ปรีชญา’ ไลฟ์อาบน้ำ เสี่ยง พ.ร.บ.คอมฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

(20 ส.ค.67) จากกรณีมีคลิปของนางเอกสาวชื่อดัง ‘ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร’ หลุดว่อนโซเชียล จากการไลฟ์สดอาบน้ำนั้น จนต่อมาผู้จัดการส่วนตัวของนางเอกสาวก็ได้เผยถึงเรื่องนี้ว่า…

“ไอซ์ฝากขออภัยทุกคนมา ณ ที่นี้ และขอความเมตตากรุณาจากทุกท่านช่วยหยุดแชร์หรือเผยแพร่สิ่งนี้ ตอนนี้รู้สึกเสียใจและอับอายมาก และยอมรับความผิดที่ได้ทำพลาดไป ถือว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของไอซ์ในเรื่องการไลฟ์และการลงคอนเทนต์บนโซเชียลแพลตฟอร์มค่ะ”

ล่าสุดด้าน ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้ออกมาเตือนชาวเน็ตที่มีการกดแชร์คลิปหลุดของทางด้านไอซ์ ปรีชญาว่า “มีความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

เพราะการที่นำภาพโป๊เปลือยที่มีลักษณะลามกทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรืออับอายก็จะเข้าข่ายองค์ประกอบการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

อย่างไรก็ตามใครที่จะแชร์คลิปดังกล่าวก็ควรจะคิดก่อนแชร์เพราะผิดกฎหมาย อาจติดคุกได้”

‘ตาวัย 83 ปี’ ต้องออกมาขับแท็กซี่ ดูแลภรรยาป่วยติดเตียง เผย ถ้าไม่ทำก็อดตาย แม้บางวันรายได้ไม่พอค่าเช่ารถ

เมื่อวานนี้ (19 ส.ค. 67) จากเพจเฟซบุ๊ก ‘แจ้งข่าว-ล่าสุด’ โพสต์ข้อความระหว่างการสนทนากับคนขับแท็กซี่ ในวัย 83 ปีรายหนึ่ง โดยระบุว่า…

เรา : เบื่ออยู่บ้านเหรอถึงมาขับแท็กซี่ แล้วลูกหลานไปไหนหมด
ลุงแท็กซี่ : ผมไม่มีลูก ผมเช่าบ้านอยู่ 2 คนตายาย แฟนผมนอนติดเตียง ผมต้องออกมาขับแท็กซี่ไม่งั้นก็อดตาย
เรา : แล้ววัน ๆ หนึ่งพอใช้เหรอ
ลุงแท็กซี่ : บางวันก็ได้ไม่พอค่าเช่ารถ ไม่มีคน
เรา : ผมฝากเงินช่วยค่ายาแฟนลุงนะ และขอเบอร์ลุงไว้เผื่อเรียกใช้บริการ

#ใครผ่านมาแถวเซ็นทรัลศาลายา เรียกใช้บริการลุงได้นะครับสงสารแกไม่อยากคิดเลย ถ้าวันไหนขับรถแท็กซี่ไม่ไหวสองคนตายายจะอยู่กันยังไง (ใครอยากใช้บริการแท็กซี่ของลุง เบอร์คุณลุงนะครับ 0645139583 ขอบคุณเจ้าของภาพ)

มุกดาหาร สรรพสามิตพื้นที่ตรวจยึดสุรา 145 ขวด ยาสูบ 25,940 ซอง รวมมูลค่าประมาณ 1,786,635 บาท ส่งขายออนไลน์

สรรพสามิตพื้นที่มุกดาหาร ตรวจยึดสุรา 145 ขวด และยาสูบ จำนวน 25,940 ซอง รวมมูลค่าประมาณ 1,786,635 บาท ที่บริษัทขนส่งเอกชน สาขามุกดาหาร เขตตำบลบางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร

วันที่ 20 ส.ค. 67 ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต นายณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต นายพยุง บุญสมสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบ ป้องกันและปราบปราม นางภาวนา เกียรติชูศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตภาคที่ 4 สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มุกดาหาร โดยนายสันทัด รังคพุทธมานะ สรรพสามิตพื้นที่มุกดาหาร ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มุกดาหาร ทุกสาขาทุกพื้นที่ ดำเนินการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดสินค้าตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยเฉพาะสินค้าสุรา ยาสูบ ที่ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดน และส่งขายผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเข้มงวด กระทั่งวันที่ 19 สิงหาคม 67 นายสันทัด รังคพุทธมานะ สรรพสามิตพื้นที่มุกดาหาร รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการส่งสุรา ยาสูบที่ผิดกฎหมายให้กับผู้สั่งซื้อทางออนไลน์ จากขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งในมุกดาหาร จึงบูรณาการสายตรวจปราบปรามสรรพสามิตพื้นที่มุกดาหารทุกสาย เข้าดำเนินการ นำโดย นายยุทธนา หวังกลับ สรรพสามิตพื้นที่สาขาเมืองมุกดาหาร เข้าไปยังบริษัทขนส่งเอกชนสาขามุกดาหารแห่งหนึ่ง โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่พร้อมแจ้งว่ามีผู้จะมีการลักลอบส่งสุรา ยาสูบ ผิดกฎหมาย ณ บริษัทขนส่งเอกชน จึงขออนุญาตตรวจค้น โดยตัวแทนขนส่งเอกชนได้อนุญาตและยินยอมพร้อมนำพาการตรวจจนแล้วเสร็จ ผลการตรวจสอบพบกล่องพัสดุตามที่ได้รับแจ้ง ภายในกล่องพัสดุบรรจุยาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตและสุราที่มิชอบด้วยกฎหมายยี่ห้อต่างๆ ดังนี้ ยาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรต 1. ยี่ห้อ JN GREEN จำนวน 9,920 ซอง 2. ยี่ห้อ กรองทิพย์ 90 จำนวน 580 ซอง 3. ยี่ห้อ JN RED จำนวน 3,820 ซอง 4. ยี่ห้อ BATOS 8 (สีเขียว) จำนวน 2,070 ซอง 5. ยี่ห้อ BATOS 8 (สีฟ้า) จำนวน 460 ซอง 6. ยี่ห้อ เพ็ด (สีทอง/น้ำตาล) จำนวน 3,420 ซอง 7. ยี่ห้อ เพ็ด (สีแดง) จำนวน 2,130 ซอง 8. ยี่ห้อ LM สีแดง (BLEND OF U.S.A) จำนวน 550 ซอง 9. ยี่ห้อ LM สีเขียว (BLEND OF U.S.A) จำนวน 400 ซอง 10. ยี่ห้อ JN Slim (สีฟ้า) จำนวน 1,400 ซอง 11. ยี่ห้อ MARLBORO สีแดง จำนวน 480 ซอง 12. ยี่ห้อ MARLBORO สีเขียว จำนวน 260 ซอง 13. ยี่ห้อ TEXAS 5 สีเขียว จำนวน 130 ซอง 14. ยี่ห้อ TEXAS 5 สีแดง จำนวน 120 ซอง 15. ยี่ห้อ TEXAS 5 สีฟ้า จำนวน 160 ซอง 16. ยี่ห้อ TEXAS 5 สีทอง จำนวน 40 ซอง
ตรวจพบสุราต่างประเทศมิชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้

1. สุราขาว ขนาดบรรจุ 0.350 ลิตร จำนวน 130 ขวด 2. สุราผสม BLUE WHISKY ขนาดบรรจุ 0.700 ลิตร จำนวน 15 ขวด รวมของกลาง ยาสูบจำนวน 25,940 ซอง และสุราจำนวน 145 ขวด มูลค่าของกลางประมาณ 1,786,635 บาท คิดเป็นค่าภาษียาสูบประมาณ 1,119,839 บาท ค่าภาษีสุราประมาณ 5,061 บาท รวม 1,124,900 บาท เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางทั้งหมดไปที่ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่มุกดาหาร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top