Wednesday, 2 July 2025
NEWS FEED

'ชาวนนทบุรี' อึ้ง!! มวลน้ำจากเหนือกำลังมา แต่ประตูระบายน้ำ ถูกขโมยสายไฟหายเป็นปี

(22 ส.ค.67) นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายภณณัฏฐ์ ศรีอินทร์สุทธิ์ อดีต สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย, นายภูมิวิทย์ นารถสกุล ผู้อำนวยการชลประทานนครปฐม, นายสุพจน์ สุวรรณจิตร ผู้อำนวยการชลประทานนนทบุรี นายผดุงศักดิ์ ผ้าเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมของ ประตูระบายน้ำคลองพระพิมล อ.บางเลน จ.นครปฐม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือฤดูน้ำหลากที่กำลังจะมาถึง โดยคลองพระพิมลราชามีความยาว 31 กิโลเมตร เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำท่าจีน จ.นครปฐม กับแม่น้ำเจ้าพระยา จ.นนทบุรี ซึ่งจะมีประตูควบคุมน้ำทั้งสองด้าน

นายประยูร กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเกี่ยวกับมวลน้ำจำนวนมาก ที่กำลังไหลลงมาจากทางภาคเหนือ จึงได้แจ้งไปยังกระทรวงว่าโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล ยังไม่มีความพร้อมในเรื่องของการระบายน้ำ ทั้งที่โครงการคลองพระพิมลเป็นหัวใจสำคัญในการที่จะดูแลเกษตรกร ประชาชน อ.ไทรน้อย และ อ.บางบัวทอง แล้วยังเป็นแหล่งที่จะต้องรับน้ำที่ระบายมาจากโครงการเจ้าเจ็ด และโครงการพระยาบรรลือ

อย่างไรก็ตามเมื่อได้มาตรวจสอบ พบว่าสายไฟที่ต้องใช้ในการเตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำ ถูกโจรกรรมหายไปหมดตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้ง ๆ ที่เดือน ส.ค. และ ก.ย. จะเข้าสู่ช่วงฤดูน้ำหลาก ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนในพื้นที่รวมทั้งน้ำหลากที่มาจากทั้งสองโครงการแล้ว

ถ้าโครงการนี้ยังไม่ได้เตรียมความพร้อม เพื่อรับมือกับมวลน้ำไว้ จะทำให้พี่น้องประชาชนเกษตรกรใน อ.ไทรน้อย และ อ.บางบัวทอง รวมไปถึง อ.บางเลน จ.นครปฐม ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตามมาอย่างแน่นอน

ซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ ทางทะเลอ่าวพัทยา สร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว

ศรชล.ร่วมเมืองพัทยา และพันธมิตร จัดการซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล 2024 สร้างความรู้ความเข้าใจด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล สร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานและความมั่นใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆ อีกด้วย

วันที่ 22 ส.ค.67 ที่บริเวณท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย พัทยาใต้ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี นายโฆสิต สุวินิจจิต ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล ภายใต้รหัส MEMS-REX bolb & (Emergency Medical Senvices Response Exercise) ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วม อาทิ นายแพทย์อภิรัต กตัญญุตานนท์ สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี, นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ในการนี้ ยังได้ทำการมอบโล่แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าร่วมในการฝึกซ้อมในครั้งนี้ด้วย

เรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวว่า การฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล MEMS-REX bolb & (Emergency Medical Senvices Response Exercise) เป็นความร่วมมือระหว่าง ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.), กระทรวงสาธารณสุข, กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 1, กองบังคับการตำรวจน้ำ, กรมเจ้าท่า, เมืองพัทยา, มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ 

เพื่อให้ผู้ปฏิบัติการใน ศรชล. และพื้นที่ทัพเรือภาคที่ 1 มีความรู้ความเข้าใจแนวทางการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน ในการลำเลียงผู้เจ็บป่วยทางทะเล ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการบูรณาการร่วมกันในการซ้อมแผน เพื่อเชื่อมโยงการปฏิบัติการด้านการแพทย์ฉุกเฉินทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมถึงสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เมื่อมาเที่ยวหรือสัมผัสพื้นที่ทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองพัทยา แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก ของประเทศไทย

ซึ่งในวันนี้ มีการฝึกซ้อม แบบ Table Top Exercise: การอำนวยการและประสานงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินทางทะเล และการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุฉุกเฉินทางการแพทย์ทางทะเล 2024 MEMS-REX 2024 (Maritime Emergency Medical Services Response Exercise) ในทะเล อ่าวพัทยา อีกด้วย 

ประธานวุฒิสภา กล่าวเปิดและปาฐกถาพิเศษ ในโครงการสัมมนาเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยประจำภูมิภาค ประจำปีพุทธศักราช 2567

นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมมนาเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยประจำภูมิภาค ประจำปี พุทธศักราช 2567 พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "วุฒิสภากับการพัฒนาประชาธิปไตย" ให้กับผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ พร้อมด้วย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่เข้าร่วมพิธีเปิด ประกอบด้วย พันเอกหญิง ธณตศกร บุราคม, นายภาณุพงษ์ เต็งวงษ์วัฒนะ, นายสุทนต์ กล้าการขาย, นางสาวอัจฉรพรรณ หอมรส, พลตํารวจตรี อังกูร คล้ายคลึง และ นายเปรมศักดิ์  เพียยุระ โดยมีผู้บริหารของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เข้าร่วมในพิธีเปิด ประกอบด้วย นายพีระพจน์ รัตนมาลี รองเลขาธิการวุฒิสภา, นายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ และ นางรักชนก  เกสรทอง ผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 09:00 นาฬิกา ณ ห้องประชุม 402 - 403 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา(ฝั่งวุฒิสภา) ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 

โดยผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ ประกอบด้วย กรรมการเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยวุฒิสภาจากจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย กรรมการเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยวุฒิสภาจากจังหวัดต่างๆ ที่ดำเนินการจัดโครงการฯ ร่วมกับทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ในปี พุทธศักราช 2567 และอาจารย์สังคมศึกษา/ประธานสภานักเรียนโรงเรียน โรงเรียนที่ทำบันทึกความร่วมมือ หรือ Memorandum of Understanding(MOU) ในแต่ละภูมิภาค รวมจำนวนทั้งสิ้น 124 คน 

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มพิธีเปิดฯ ผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาฯ ได้สักการะพระราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ชั้น MB1 อาคารรัฐสภา และในเวลา 14:00 - 16:00 นาฬิกา คณะฯ เข้าเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้องค์กรต้นแบบสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ชั้น 1 เข้าชมห้องประชุมวุฒิสภา เพื่อรับฟังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 4 และหอสมุดรัฐสภา ชั้น 9

ต่อมาเวลา 18:30 นาฬิกา ณ โรงแรมเอสดี อเวนิว SD Avenue Hotel ถนนบรมราชชนนี แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ได้แบ่งกลุ่มเรียนรู้ออกเป็น 
กลุ่มที่ 1 "ถอดบทเรียนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดกิจกรรม"
กลุ่มที่ 2 "การเรียนรู้เรื่องวุฒิสภาและประชาธิปไตยผ่านเกมส์" 

โดยมีผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา นายสาธิต วงศ์อนันต์นนท์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ ร่วมสังเกตการณ์ พบปะพูดคุย และให้แนวทางในการนำความรูัความเข้าใจเกี่ยวกับประชาธิปไตยฯ ไปต่อยอดขยายผลในรูปแบบที่หลากหลายให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ดำเนินรายการ โดย วิทยากรกลุ่มงานเผยแพร่ประชาธิปไตยฯ

ทั้งนี้ การจัดโครงการสัมมนาเครือข่ายผู้นำนักประชาธิปไตยประจำภูมิภาค ประจำปี พุทธศักราช 2567 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 ถึง 23 สิงหาคม 2567 ณ โรงแรมเอสดี อเวนิว และ อาคารรัฐสภา กรุงเทพมหานคร 

สืบ ตม.บุกทลายคอลเซ็นเตอร์เกาหลีใต้เช่าอาคารหรูตั้งฐานกลางกรุง

กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้ จำนวน 8 คน ดังนี้
1. นายแจซุก (นามสมมติ) อายุ 26 ปี            
2. นายจุนฮี (นามสมมติ) อายุ 31 ปี 
3. นายวูจิน (นามสมมติ) อายุ 27 ปี         
4. นายเจ (นามสมมติ) อายุ 29 ปี             
5. นายซางกี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี         
6. นายซังฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี 
7. นายฮุนจิน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี            
8. นายจุงฮูน (นามสมมติ) อายุ 26 ปี

พฤติการณ์จับกุม กก.1 บก.สส.สตม. ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีชาวเกาหลีใต้ได้มาเช่าห้องภายในอาคารหรู ย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ มีพฤติการณ์น่าสงสัยว่าจะเป็นแก๊งการพนันออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงได้มาตรวจสอบพบว่าห้องที่มีชาวเกาหลีเข้า-ออก ประจำ อยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารดังกล่าว ประตูหน้าห้องติดอักษรภาษาอังกฤษคำว่า “CONTENT FACTORY. KOREA&THAI” จึงได้แสดงตัว เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าทำการตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบว่าภายในห้องดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ห้อง โดยห้องแรกเป็นห้องเล็ก มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 8 ชุด ห้องใหญ่มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 12 ชุด แต่ละชุด มีจอคอมพิวเตอร์ 2 จอ มีนายแจซุก พร้อมกับพวกรวม 8 คน กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในลักษณะพูดคุยชักชวนเพื่อให้ร่วมลงทุนกับธนาคาร Hana Partners Investment ซึ่งเป็นธนาคารของเกาหลีใต้ ผ่านหน้าเว็บไซต์ https://hanapartners.net/login ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริงแต่เมื่อเข้าไปดำเนินการตามขั้นตอนแล้วอาจจะสูญเสียเงินที่ลงทุนไป และพบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 17 เครื่อง ไอแพด จำนวน 4 เครื่อง 

จากการสอบถามทั้ง 8 คน ให้การยอมรับว่ามีการจ้างให้มาทำงานในประเทศไทยโดยการทำงานในลักษณะการพูดคุยผ่านทางโซเชียลมีเดียในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อชักชวนลักษณะการเป็นตัวแทนเพื่อหาลูกค้าให้เข้ามาร่วมลงทุนผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการหาลูกค้าเข้ามาลงทุน โดยเบื้องต้น กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้จับกุมทั้ง 8 คน ดำเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม อาคารหรูย่านเอกมัย ซอย 3 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พร้อมตรวจยึดจอคอมพิวเตอร์ 40 จอ ซีพียู 20 เครื่อง โทรศัพท์มือจำนวน 17 เครื่อง และไอแพด จำนวน 4 เครื่อง ไว้เพื่อตรวจสอบและประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ ในการสืบสวนขยายผลการจับกุมต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติบรรยายให้ความรู้เรื่องโครงการจิตอาสาพระราชทาน และหลักสูตรการเอาตัวรอด หนี ซ่อน สู้ ให้กับผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904

วันนี้ (22 สิงหาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ เรื่องโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ และการป้องกันภัยอันตรายในชุมชน ให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904 หลักสูตรพื้นฐาน (ภาค 1) รุ่นที่ 5 ประจำปี 2567 จำนวน 200 คน ณ ศูนย์ฝึกจิตอาสา ภาค 1 ค่ายพระราม 6 อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 

ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ความรู้เรื่องโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ การสร้างจิตสำนึกต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จากนั้นบรรยายให้ความรู้ในเรื่องการเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง (Active Shooter) หนี ซ่อน สู้ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ดังกล่าว

การเอาตัวรอดจากเหตุกราดยิง (Active Shooter) หนี ซ่อน สู้ เป็นหนึ่งในหลักสูตรที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ผลักดันและพัฒนาการฝึกอบรมให้เป็นที่แพร่หลาย ทั้งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ประชาชน และหน่วยงาน เพราะเล็งเห็นว่าสิ่งนี้ควรเป็นหลักสูตรพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้เพื่อเอาตัวรอดเบื้องต้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตหากเผชิญเหตุลักษณะดังกล่าว

‘เทศบาลเมืองน่าน’ ประกาศเตือนภัยน้ำท่วม ย้ำ!! ชุมชนไหนเคยท่วมหนักปี 54 เก็บของขึ้นที่สูง

(22 ส.ค.67) ความคืบหน้าสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ จ.น่าน ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ทำให้เกิดมวลน้ำสะสมเป็นจำนวนมาก น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของประชาชนหลายแห่งได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ เทศบาลเมืองน่าน ได้เผยแพร่ประกาศเตือนภัยจากเทศบาลเมืองน่าน วันที่ 21 สิงหาคม 2567 เวลา 18.10 น. ระบุว่า เนื่องด้วยมีฝนตกสะสม ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่าน ลำน้ำสาขา ลำน้ำห้วยลี่ เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เครื่องสูบน้ำ ณ คลองเจ้าฟ้า อาจจะระบายน้ำปริมาณมากในตัวเมืองไม่ทัน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วมในที่ลุ่มต่ำ

ขอให้ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองน่านที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะชุมชนที่เคยประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ. 2554 เก็บข้าวของเครื่องใช้ขึ้นบนที่สูง และเตรียมอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค ให้พร้อม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วน โทร.199, 0-5471-0508/0-5471-1014 Facebook เทศบาลเมืองน่าน

รวบ 3 จีนเทาผู้ร้ายข้ามแดนแปลงสัญชาติวานูอาตูหัวหน้าเครือข่ายพนันออนไลน์ข้ามชาติและเป็นหัวหน้าจัดทำระบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท

กก.4 บก.สส.สตม. ร่วมกับ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. และ ตม.จว.ชลบุรี จับกุมคนต่างด้าว จำนวน 3 คน ได้แก่ นายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 407/2567 ลงวันที่ 18 มิ.ย.2567 ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) (ออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน) นำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการตามกฎหมาย และจับกุมนางจาง (นามสมมติ) อายุ 46 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู และนายซู เจียง (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สัญชาติจีน/วานูอาตู โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บ้านพักภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี

สืบเนื่องจาก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ นำส่งคำร้องขอให้ทางการไทยจับกุมตัวชั่วคราวนายซู (นามสมมติ) อายุ 47 ปี สัญชาติจีน เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อไปดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน(คาสิโน) ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอออกหมายจับชั่วคราวนายซู และได้ส่งหมายจับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อให้สืบสวนจับกุม

จากการสืบสวนของ กก.4 บก.สส.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. พบข้อมูลว่านายซูได้ใช้หนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแทนการใช้หนังสือเดินทางสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ยังพบว่า นางจาง และนายซู เจียง ซึ่งเป็นเครือญาติของนายซูได้ถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตูเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วย 

จึงได้ประสานสอบถามไปยังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสอบประวัติของนางจาง และนายซู เจียง รับแจ้งว่า บุคคลทั้งสองมีสัญชาติจีน โดยนางจาง มีประวัติกระทำผิดในข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชนและความผิดฐานเปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) ส่วนนายซู เจียง มีประวัติกระทำผิดในข้อหา เปิดบ่อนการพนัน (คาสิโน) เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าทั้ง 3 คน มักจะมีพฤติการณ์ในการย้ายที่อยู่เพื่อให้ยากต่อการจับกุมตัว และหลังสุดได้ย้ายหลบหนีไปอยู่บ้านพักหรูภายในซอยทุ่งกลม-ตาลหมัน 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยาเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบคนต่างด้าวทั้ง 3 คน พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว และพบโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กหลายรายการ และเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสัญชาติของบุคคลทั้งสามและบุตร ซึ่งจากการสอบถามนายซู ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับผู้ร้ายข้ามแดนจริง และจากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 3 คน ได้เดินทางเข้าประเทศไทยด้วยหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู โดยนางจาง และนายซู เจียง การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว จึงได้จับกุมทั้ง 3 คน ดังกล่าว

สำหรับพฤติการณ์กระทำความผิดของนายซู และนางจางได้ร่วมกันกับพวกจัดตั้งองค์กรชื่อ หญิงฟา ซึ่งจัดให้มีการเล่นคาสิโนออนไลน์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีบุคคลจำนวนเข้าเป็นสมาชิกในการเล่นการพนัน มีเงินหมุนเวียนกว่า 55,000 ล้านบาท โดยนายซู เป็นหัวหน้าแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกหลวงผู้อื่นทางระบบโทรคมนาคม โดยได้ทำการจัดตั้งระบบเว็บไซต์ และระบบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบหลังบ้านของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่ที่ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ปิดฉากงดงาม!! งานแสดงพันธุ์ไม้ 'งามล้ำค่า บุปผาราชินี สมเด็จพระพันปีหลวง' 9 วัน โกยยอดเข้าชม 55,498 คน กระตุ้นท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ลำปางคึกคัก

(22 ส.ค.67) นางสาวตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง เปิดเผยถึงการจัดงานนิทรรศการแสดงดอกกล้วยไม้และพันธุ์ไม้สวยงาม ‘Lampang Orchid Festival 2024 :งามล้ำค่า บุปผาราชินี สมเด็จพระพันปีหลวง' เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบรอบ 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 โดยระบุว่า...

การจัดงานในครั้งนี้ กล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ทั้งในแง่การแสดงออกถึงความจงรักภักดีและเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันปีหลวง รวมทั้งในแง่ของผู้เข้าร่วมชมงาน ซึ่งระบบตรวจนับคนเข้างาน AI ได้เก็บข้อมูลตลอด 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-18 สิงหาคม 2567 พบว่ามียอดรวมทั้งสิ้นถึง 55,498 คน

ขณะเดียวกัน การจัดงานในครั้งนี้ ยังมีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการท่องเที่ยวเชิงเกษตรในจังหวัดลำปาง พร้อมกับสร้างการตระหนักถึงความสำคัญของกล้วยไม้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดลำปาง ตามแผนยุทธศาสตร์จังหวัดลำปาง รวมถึงส่งเสริมและอนุรักษ์กล้วยไม้โดยการประกวดกล้วยไม้ให้กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกล้วยไม้และประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจในการเลี้ยงกล้วยไม้ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่องของความสวยงามและความหลากหลายของกล้วยไม้พันธุ์ต่าง ๆ ในประเทศไทยอีกด้วย

สำหรับ ผลการประกวดกล้วยไม้ ประเภทเจริญทางข้างและเจริญทางยอด อันดับหนึ่งได้แก่ คุณชัยภัทร ศรีรักษา จากกลุ่มกล้วยไม้นครปฐม ส่วนการประกวด กล้วยไม้แคทลียาควีนสิริกิติ์ อันดับหนึ่ง ได้แก่ คุณสุพันสา ขำทอง จากสวนกัปตันออร์คิดส์

“การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของจังหวัดลำปาง และเขตจังหวัดภาคเหนือ ที่มีการรวบรวมพันธุ์กล้วยไม้หายาก และพันธุ์ไม้นามพระราชทาน นำมาจัดแสดงให้กับประชาชนได้สัมผัสความงดงาม ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก และทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง จะพยายามจัดงานอย่างต่อเนื่องทุกปี เพราะถือว่าเป็นโครงการดี ๆ เรามีความตั้งใจจัดขึ้น ซึ่งสร้างประโยชน์หลากหลายด้าน ทั้งในด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่สำคัญคือได้สร้างการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจสู่จังหวัดลำปางนั่นเอง”

'คมนาคม' ยัน!! 'เรือขนตู้สารพิษ' ไม่ได้เข้าไทยแล้ว หลังรัฐบาลเข้ม!! 'ตรึงกำลัง-เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง'

(22 ส.ค.67) นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่มีกระแสข่าวของสื่อต่างประเทศจะมีเรือบรรทุกสารพิษ จำนวน 2 ลำ ขนสารพิษประเภทฝุ่นเกิดจากกระบวนการผลิตเหล็กด้วยเตาอิเล็กทริกอาร์กเฟอร์เนซ กว่า 100 ตู้ จากประเทศแอลเบเนีย มุ่งหน้าเข้าท่าเรือแหลมฉบังเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมนั้น

ล่าสุด การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้รับการยืนยันจากตัวแทนสายเรือว่า เรือบรรทุกสารพิษดังกล่าว ได้พ้นเขตน่านน้ำไทยไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ท่าเรือแหลมฉบังร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ยังคงตรึงกำลัง และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการลักลอบการนำสารพิษเข้ามายังประเทศไทยในทุกช่องทาง อีกทั้ง ได้กำชับให้ กทท. ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัย และความมั่นคงของประเทศชาติ

ด้าน นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การท่าเรือฯ ได้ติดตามเรื่องเรือบรรทุกสารพิษดังกล่าว และดำเนินการตามข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมอย่างเข้มงวด โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานราชการต่าง ๆ อาทิ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร ฯลฯ อย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ได้รับการยืนยันจากตัวแทนสายเรือว่า เรือในเครือของ Maersk จะไม่มีเส้นทางการเดินเรือประจำในประเทศไทย และขณะนี้เรือลำดังกล่าวได้พ้นเขตน่านน้ำไทยไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาทจึงสั่งการให้ท่าเรือแหลมฉบังยังคงเฝ้าระวังต่อเนื่องตามระเบียบการท่าเรือฯ ว่าด้วยวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับสินค้าอันตรายของท่าเรือแหลมฉบัง พ.ศ.2559 และตามมาตรฐานความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศชาติ

เปิด 5 เหตุผล!! ทำไม ‘คนไทย’ ย้ายมาอยู่อเมริกาแล้วไม่อยากกลับบ้าน พบ!! 'งาน-เงิน-สวัสดิการ' ดี แต่ต้องแลกด้วยการจ่ายภาษีในอัตราสูง

เมื่อไม่นานมานี้ จากช่องยูทูบ 'Jason in USA' ช่องรีวิววิถีชีวิตในสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับข้อสงสัยว่า 'ทําไมคนไทยหลายคนเมื่อย้ายมาอยู่ที่อเมริกาแล้วนั้น จึงไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตที่ไทย' โดยมีคนไทยจํานวนไม่น้อยที่รู้สึกว่าการใช้ชีวิตที่อเมริกานั้นมันดีกว่าที่ไทย ซึ่ง Jason in USA ก็ได้ยกเหตุผลมา 5 ข้อ ดังนี้…

ข้อที่ 1 เรื่องโอกาสในการหางานและการทํางานสูงกว่า ซึ่งสิ่งนี้เองที่ทําให้หลายคนนั้นมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเมื่อใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา
ข้อที่ 2 เรื่องการศึกษา ซึ่งการศึกษาที่อเมริกาสามารถเข้าถึงได้กับทุกคน และที่สําคัญคือสามารถเอาไปต่อยอดในอนาคตได้อีกด้วย
ข้อที่ 3 เรื่องกฎหมายบ้านเมือง ซึ่งหลายคนชอบของที่อเมริกามาก ๆ
ข้อที่ 4 เรื่องคุณภาพอากาศ ที่หลายคนมองว่าที่อเมริกาดีกว่าที่ไทยมาก โดยเฉพาะตามชานเมืองหรือชนบทที่ไม่ค่อยเจอมลพิษ
ข้อที่ 5 เรื่องสวัสดิการของรัฐในด้านต่าง ๆ ที่ดีกว่าที่ไทยมาก

ทั้งนี้ หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยเข้ามาแสดงความคิดเห็น ในมุมต่างๆ ทั้งแง่บวกและลบ โดยมีหลายความเห็นที่อยากคว้าโอกาสที่นี่ก่อน แล้วค่อยกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองไทย เช่น…

- "สวัสดิการที่ต้องแลกมากับภาษีราคาแพง"

- ยอมรับภาษีที่นี่หนักมากจริงๆ

- "ด้านสวัสดิการในการรักษาพยาบาล ของไทยยังไงก็ยังดีกว่า"

- "ชอบเมกานะ แต่เกษียณวางแผนกลับไทย เพราะเบื่อการบริการของร้านอาหารและตามห้างต่าง ๆ บริการแย่มาก แถมบังคับทิป เอามาให้คนไทยดีกว่า น้ำใจบวกรอยยิ้ม มีความสุข"

- "ยังไม่อยากกลับไทย เพราะมันยังไม่ถึงเวลา ช่วงที่โอกาสมาถึงให้รีบกอบโกยก่อน"

- สำหรับคนที่บอกอเมริกาแพงไม่ดีอย่างนู้นอย่างงี้ ต้องบอกเลยว่าบางรัฐก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top